ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SHINee] All of Shot Fiction! [By B.D]

    ลำดับตอนที่ #3 : [SF]Kiss, you don't say another word! #2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 905
      0
      28 ก.พ. 53

    Kiss!, you don’t say another word.   #2











             รุ่งอรุณอันแสนวุ่นวายกลับมาเยือนอีกครั้ง หลังจากเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นเกิดขึ้น ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยไปสองอาทิตย์กว่าแล้ว สองอาทิตย์กว่าที่ ชเว มินโฮ เอาแต่พร่ำเพ้อถึงหนุ่มน้อยร่างเล็กคนนนั้น สองอาทิตย์กว่าที่เค้าเอาแต่ตามสืบหา สองอาทิตย์กว่าที่เค้าคอยเฝ้ารอ



             แต่ก็เป็นสองอาทิตย์กว่าแล้วที่เค้าไม่พบเจอ



             ผู้ชายคนหนึ่งที่เมื่ออยากได้สิ่งใดแล้วก็มักจะสมหวังทุกทีทุกครั้งไปอย่าง ชเว มินโฮ ไม่อาจมีความอดทนในการรออะไรเนิ่นนานถึงขนาดนี้ เค้าไม่มีความรู้สึกอยากทำอะไรนอกจากนึกถึงวิธีการที่ได้เจอเด็กคนนั้น สิ่งเดียวที่รู้มีเพียงแค่ชื่อและดวงหน้างาม ๆ ในความทรงจำอันแสนสั้น หากแต่ข้อมูลแค่นั้นไม่อาจทำให้เค้าคนนี้ตามหาเด็กผู้ชายที่ชื่อ อี แทมิน พบเลยในตลอดช่วงสองอาทิตย์นี้



             ร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิทยืนเหม่อมองออกไปนอกกระจกห้องอย่างใจลอย เช้านี้เค้าเคลียร์งานเสร็จตั้งแต่เก้าโมง เพื่อจะได้ใช้เวลาที่เหลือไปยังที่แห่งหนึ่งที่ได้รับรายงานมา



             .....ว่าเด็กผู้ชายที่เค้าเฝ้ารอจะปรากฏตัวที่นั่น! 
                     


             แค่คิดไปหัวใจก็พองโต เรียวปากหนากระตุกยิ้มอย่างชอบใจ ตลอดระยะเวลาสองอาทิตย์ที่ไม่ได้เจอนั้นทำเอาเค้าแทบบ้า ร่องรอยที่ได้มาก็น้อยแสนน้อยเหลือเกิน เพราะนอกจากเด็กผู้ชายคนนั้นจะงดงามและเย้อหยิ่ง เค้ายังน่าจะเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลเงินหนาซะด้วย ข้อมูลส่วนทั้งหมดถูกปลอมแปลงขึ้นมาบังหน้า มีเพียงชื่อและหน้าตาที่เป็นความจริง



             .....ความร้อนแรงนั้นก็น่าจะเป็นความจริงเช่นกัน
     


              นึกแล้วนิ้วเรียวก็วาดไปที่มุมปากอย่างลืมตัว รอยช้ำในวันนั้นจางหายไปหลายวันแล้วหากแต่เจ้าของรอยกลับยังอยากให้มันมีอยู่ ความรู้สึกคิดถึงรุนแรงขึ้นทุกครั้งที่ได้นึกถึง สัมผัสเนียนนุ่มที่เคยได้ล่วงเกินครั้งนั้นยังติดตราตรึงไม่เสริมคลาย


       
              “...เป็นคนลามกขนาดนี้เลยหรือเนี่ย?...”

             คิดแล้วก็ขำตัวเอง



             ครั้นพอยืนยิ้มเป็นบ้าได้อยู่นาน ร่างสูงก็ชักข้อมือขึ้นมาเพื่อดูเวลาจากเจ้าโรเล็กซ์คู่ใจตัวใหม่ที่เพิ่งจะถอยมาจาก
    ห้างดังได้เมื่อสองสามวันก่อน




             12.37 น.




             มือใหญ่กระชากไทด์สีน้ำเงินเข้มออกจากคออย่างลวก ๆ สูทดำถูกทอดพาดทิ้งไว้ที่โซฟาสสีกรมเป็นที่เรียบร้อยไปก่อนแล้ว ตามมาด้วยการปลดกระดุมบนออกสองเม็ดเพื่อความสบายเล็ก ๆ น้อย ๆก่อนจะหยิบกุญแจออดี้คันงามเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี





             .....ด้ายแดงสำเร็จรูปที่เค้าดั้นด้นหามาผูกเองกำลังจะพาเค้าไปหาเนื้อคู่ในไม่ช้านี
    ้แล้ว!




             ..............................................




             “มินจี วันนี้รบกวนหน่อยนะ”
             แทมินเบ้หน้าก่อนจะขอร้องเพื่อนสนิทสาวอย่าง คง มินจี อย่างช่วยไม่ได้


             อี แทมิน เป็นลูกชายคนที่สองของตระกูลอี ที่เลื่องชื่อนักหนาในการทำงานเบื้องหลังสังคมอันมืดมิด ธุรกิจเก็บค่าเช่าที่ เปิดเงินกู้นอกระบบ รับจ้างทวงหนี้ หรือแม้แต่รับจ้างเก็บใครซักคนก็เป็นหนึ่งในเครือข่ายที่ตระกูลอีรับทำงานอยู่ ด้วยสภาวะที่ถูกกดดันทางสังคมมาตั้งแต่เด็ก ทำให้แทมินรับรู้เป็นอย่างดีว่าชีวิตเค้าจะต้องถูกขีดเส้นให้วนเวียนอยู่ในวังวนสกปร
    กเหล่านั้นแน่ ๆ



             .....และก็เป็นอย่างที่เค้าคาดคิด



             ด้วยความที่เป็นลูกชายคนที่สอง พ่อไม่จำเป็นต้องมีเค้าไว้เพื่อประดับดูแลหรือเป็นก้างขวางกิจการพี่ชายคนโตอย่าง อี จินกิ การมีเค้าเกิดขึ้นมาเปรียบประดุจเหมือนมีจุดด่างพร้อยชิ้นโตมาทำให้ตระกูลอีอันแสนยิ
    ่งใหญ่แปดเปื้อน หากแต่ทว่ารูปร่างหน้าตาของเค้ามันก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง พ่อจึงหยิบนำประโยชน์นี้ไปใช้ โดยการขายแทมินให้ คิม จุนซู นายน้อยทายาทตระกูลคิมผู้ยิ่งใหญ่แห่งบริษัท 2PM ผู้ที่มีอิทธิพลทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังในวงการธุรกิจ ซึ่งเป็นโชคดีของตระกูลอีเลยทีเดียวที่ คิม จุนซู ผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นก็ออกจะสนอกสนใจลูกชายคนรองผู้ไร้ประโยชน์ของบ้านอยู่มาก อี จองฮี ผู้เป็นหัวหน้าตระกูลและบิดาแท้ ๆ ของแทมินจึงเร่งสานสัมพันธ์และส่งโอนลูกชายให้เป็นของกำนัลแก่จุนซูแทบจะในทันที
            


             .....สุดท้ายแล้ว อี แทมิน ก็หนีไม่พ้นถูกขายเป็นนายบำเรอให้ คิม จุนซู คนนั้น



             ซึ่งคนอย่างเค้าไม่อาจทนได้ แทมินหลบหนีออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลอีได้สองอาทิตย์แล้ว โดยเค้าทำการปลอมแปลงข้อมูลส่วนตัวเพิ่มเติม ย้ายที่อยู่เสมอ ๆ และอาศัยร่มใบบุญของ คง มินจี เพื่อนสาวที่อยู่ในแวดวงใกล้เคียงกันคอยช่วยเหลือในเรื่องที่พัก ทุกวันนี้สถานที่ที่เค้ายังโผล่ไปอยู่บ้างคือสถานทูตนอร์เวย์ ที่มินจีพยายามช่วยเดินเรื่องให้แทมินเดินทางไปซ่อนตัวอยู่ที่ประเทศนั่นก่อน เพื่อรอให้เรื่องนี้ซาลง ตอนนี้แทมินจึงต้องคอยหลบหนีเหล่าบรรดาเครือข่ายของตระกูล และที่น่ากลัวที่สุด



             ‘อี จินกิ’ พี่ชายแท้ ๆ ของเค้า



             ผู้ชายเลือดเย็นที่แสนร้ายกาจ สามารถทรมานได้แม้กระทั่งน้องชายตัวเอง นัยน์ตาที่เย็นชาไร้ชีวิต ร่างกายที่ทำงานราวกับเป็นหุ่นยนต์หุ้มหนังมนุษย์ อี จินกิ คือบุรุษที่น่ากลัวยิ่งกว่าพ่อในความทรงจำของแทมิน



             “ขออีกแค่สามวัน เรื่องทั้งหมดก็เรียบร้อย”

             มินจีรับปาก ยามนี้แทมินอยู่ในชุดเสื้อฮู้สีดำสนิท ผมแดง ๆ ถูกปกปิดด้วยหมวกปีกแคบสีเดียวกันกับตัวเสื้อ กางเกงยีนส์สีเข้มยังคงสไตล์แนบขาเฉกเช่นเดิม ส่วนมินจีนั้นยังแต่งการตามสมัยปกติด้วยเสื้อยืดขนาดโคร่งพร้อมด้วยสกินนี่สีน้ำตาลเ
    ข้มดูเรียบง่าย ทั้งคู่เดินคุยกันไปอย่างปกติเพื่อความนแนบเนียน ก่อนมินจีจะขอเข้าไปทำธุระในตัวสถานทูต แทมินจึงต้องนั่งรออยู่ ณ ร้านกาแฟเล็ก ๆ เพียงคนเดียว




             เค้าคิดว่าค่อนข้างปลอดภัยถ้าเป็นที่นี่ เพราะเค้ามาที่นี่กับมินจีได้สองสามครั้งแล้วในรอบสองอาทิตย์นี้




             .....แต่เค้าคงคิดผิด
            



             ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในร้าน ชายชุดดำสองคนก็เข้ามาห้อมล้อมด้วยท่าทีมีพิรุธอย่างจริงจัง แทมินแทบจะรู้ได้ทันทีว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งสองได้รับการจ้างวานมาจากใคร ร่างบางหมุนตัววิ่งออกไปจากร้านด้วยแรงเต็มสุดฝีเท้า อย่างไรเสียก็ขอให้หลบพ้นเป็นพอ



             “...ไม่ต้องเจอ อี จินกิ เป็นพอ...”



              หลังจากร่างบางเริ่มออกวิ่ง กลุ่มชายในชุดดำทั้งสองก็รีบติดตามอย่างรวดเร็ว หากแต่พอวิ่งมานานเข้า ท่ามกลางความวุ่นวายในใจกลางเมืองแถบชุงนัม เค้าที่เหมือนถูกล่อให้วิ่งออกหากจากย่านตัวเมืองเรื่อย ๆ จึงรู้สึกเริ่มแปลกใจ




             หรือว่า.....



             “ไม่ได้เจอกันนานนะ น้องชาย”
             เสียงเย็นเยียบที่คุ้นหูเป็นอย่างดีดังขึ้นเรียบ ๆ จากด้านหลัง


             กว่าเค้าจะพึงสำนึกได้ว่าถูกหลอก ตอนนี้ก็วิ่งมาจนถึงกลางถนนเปลี่ยวในชุงนัมเสียแล้ว รอบทิศเต็มไปด้วยกลุ่มคนชุดดำจำนวนมาก และคนที่กำลังเดินเข้ามาหาเค้านั้นเป็นเจ้าของน้ำเสียงที่ อี แทมิน คุ้นเคยเป็นอย่างดี




             ผู้ชายที่คลานออกจากท้องมารดาก่อนเค้าเพียง 4 ปี



             ผู้ชายที่ชื่อ ‘อี จินกิ’



             “พี่..”
             น้ำเสียงนั้นแหบพร่า ร่างกายที่สั่นระริกเพราะความกลัวอันเกิดจากประสบการณ์ที่ฝังลึกอยู่ในใจนั้นเริ่มแจ
    ่มชัดขึ้นมาในสมอง


             “เรื่องที่นายก่อ มันสร้างความลำบากให้พี่มากเลยนะรู้มั้ย?”
             ใบหน้าที่ดูเหมือนจะอ่อนโยนนั้นห่อหุ้มกรงเล็บของสัตว์ร้ายไว้ข้างหลัง จินกิสาวเท้าเข้ามาใกล้แทมินเรื่อย ๆ ในขณะที่ทุกย่างก้าว แทมินก็ถอยร่นลงมาเรื่อย ๆ เช่นกัน




             “.....”

             ร่างหนาจ้องมองร่างบางด้วยสายตาเหยียดหยาม



              “กลัวรึไง?”
             ปากก็ถามด้วยโทนเสียงเรียบนิ่ง รอยยิ้มที่อ่อนโยนช่างไม่เข้ากับคำพูดและนัยน์ตาอันแสนดุร้ายของเค้าเอาเสียเลย



             “...พี่จินกิ..ได้โปรด”
             แทมินคุกเข่าอ่อนวอน เค้ายอมก้มศีรษะต่ำคำนับแทบเท้าอย่างน่าเวทนา



             ปึก!!!!


             “อัก!!..อึก!!!”

             ส้นรองเท้าหนังชั้นดีกระแทกเข้าที่สันหลังของร่างบางอย่างจงใจ อี จินกิ ลอบมองร่างที่อยู่แทบเท้าราวกับเป็นสิ่งโสโครก เเล้วเลื่อนปลายเท้ามาที่หัวของแทมินแทน



             “เงยหน้าขึ้นมาสิ”
             น้ำเสียงแสนธรรมดาหากแต่แฝงความเยาะเย้ยไว้อย่างปิดไม่มิด หัวเล็กที่พยายามจะหยัดยืนขึ้นมานั้นช่างน่าสงสารเมื่อพยายามจะฝืนต้านแรงกดจากปลายเ
    ท้าที่แข็งแกร่ง เลือดที่หน้าผากเริ่มไหลหยดบนพื้นถนน จากการกระทำเมื่อครู่ ทำให้สันหน้าผากของเเทมินได้รับบาดเจ็บเพราะกระทบกับพื้นผิวถนนอย่างแรง



             “ไม่ไหวสินะ”
            

             “.....”


             “ไหน ๆ พี่ก็เป็นคนใจกว้าง...งั้นเรามาเล่นเกมกันดีกว่ามั้ย?”
             ร่างบางที่พยายามลุกขึ้นยืนอย่างสะโหล่สะเหล่นั้นช่างดูน่าขันในสายตาของ อี จินกิ ซึ่งนั่นทำให้เค้าเผลอให้ความปรานีออกไปอย่างที่ไม่เคยมอบให้เด็กคนนี้มาก่อน


             “พี่จะนับหนึ่งถึงยี่สิบ นายวิ่งออกไปให้ไกลมากที่สุด ภายในยี่สิบวินาทีพี่จะไม่ตามนาย หากนายหนีพ้น นายรอด แต่ถ้าไม่...”
            

             “กลับไปอาจจะเจอมากกว่าเมื่อกี้ก็ได้นะ”
             รอยยิ้มนั้นแฝงความเจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างแจ่มชัด


             “จะเล่นมั้ยล่ะ?”
            

             “.....”




             .....เดิมพันสุดท้ายกับทางรอดที่แม้แต่เค้าก็ยังมองไม่เห็น.....



             “...ถึงจะไม่เล่น กลับไปก็โดนมากกว่าเมื่อกี้อยู่ดี...”
               
             ร่างบางพยักหน้าอันเป็นสัญญาณเริ่มเกม อี จินกิกระตุกยิ้มวูบ ก่อนที่แทมินจะหันหลังพร้อมวิ่งออกไปอย่างสุดแรง ชายชุดดำแหวกทางให้ตามคำสั่งของนายหัว ก่อนที่เสียงเลขแรกจะดังขึ้นมาตามลำดับ



             “หนึ่ง!”



             แทมินเลือกที่จะวิ่งกลับเข้าไปในตัวเมืองให้เร็วที่สุด อย่างน้อย เค้าอาจจะหาทางแอบแฝงเข้าไปกับฝูงชนได้ ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า



             “สิบ!”
            


             เค้าไม่รู้ว่า อี จินกิ จะนับเลขไปถึงไหนแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนพรรค์นั้นจะโกงเกมหรือไม่ หากแต่ตอนนี้เค้าต้องแข่งกับเวลาในใจตัวเองเท่านั้น แทมินไม่อาจอยู่ทนกับขุมนรกสกุลอีได้อีกต่อไป


             “ยี่สิบ!!”

             .....และสิ่งนั้นคือความจริง


             เมื่อสิ้นเสียงเลขหลักสุดท้าย ชายชุดดำนับสิบก็กระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็วในทันที จินกิขยับปกเสื้อให้พอคลายออกเล็กน้อยก่อนจะย้ายตำแหน่งเข้าไปนั่ง ณ เมซิเดสคันหรู



             “เข้าไปดักในเมือง”
             รถยนต์คันงามเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้า ๆ



             “แฮ่ก ๆ เฮอ”
             หมดเวลายี่สิบวินาทีไปได้นานแล้ว แทมินสั่งเกตได้เลยว่าเหล่าชายฉกรรจ์ชุดดำมีประสิทธิภาพในการติดตามที่เยี่ยมยอด เพราะเพียงไม่กี่นาทีหลังจากหมดเวลาตามที่เค้าคาด คนเหล่านั้นก็กระจายกำลังออกตามหาเค้าแทบจะทันที





             อุบ!!!

              ครั้นพอตัดสินใจจะวิ่งต่อ ร่างทั้งร่างก็ดันถูกใครบางคนฉวยมาซ่อนไว้ที่ซอกตึกใกล้ ๆ มือใหญ่รวบกลีบปากแน่นสนิท แขนแกร่งล็อคแขนบอบบางทั้งสองข้างแน่น ก่อนที่ชายปริศนาจะยอมเปิดบางให้ร่างบางอย่างสุภาพ



             “แก!...”


             “ชู่ว! อยากให้มีคนได้ยินรึไง?”

             เพียงแค่เห็นหน้าเท่านั้น แทมินก็แทบจะร้องด่าออกมาได้เป็นสิบภาษา ถึงแม่เค้าจะรู้สึกดีที่คนตรงหน้าไม่ใช่คนของ อี จินกิ แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะอารมณ์เสีย





             .....เพราะอะไรน่ะเหรอ?


             เพราะไอบ้าที่อยู่ตรงหน้า คือไอบ้าคนเดียวกับที่มันล้วงกางเกงเค้าเมื่อสองอาทิตย์ก่อนยังไงล่ะ!
     




             .....................................................................




             Before

     
            รถออดี้สีดำคันงามที่เพิ่งไปขอแลกกับจงฮยอนมานั้นยังใหม่เอี่ยมเสมอไม่เสื่อมคลาย นั่นอาจเป็นเพราะเจ้าของดั่งเดิมอย่าง คิม คีบอม คอยให้การดูแลเป็นอย่างดี เจ้าหนูออดี้คันนี้ถึงได้ดูหรูหราสดใหม่เสมอ จากการวิเคราะห์ลักษณะนิสัยหนุ่มน้อยเนื้อคู่ของเค้าคนนั้นอย่างถี่ถ้วนแล้ว ชเว มินโฮ ก็ตัดสินใจเนรมิตกายให้ตนเองกลายเป็นหนุ่มหล่อมาดดีดูอบอุ่นและเป็นกันเองได้ในพริบต
    า ตามข่าวสารที่เค้าได้รับรายงานมาจากคนสนิท เหมือน อี แทมิน คนนั้นจะมักไปปรากฏตัวอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ ในแถบชุงนัมอยู่บ่อยครั้งในช่วงอาทิตย์นี้ ซึ่งเป็นความโชคดีอย่างมากที่สายสืบของมินโฮเผอิญได้เดินสวนพอดี สุดสัปดาห์นี้ ตัวพ่ออย่างเค้าจึงไม่รอช้า ชิงลงมาหาซะเองตามเสียงหัวใจเรียกร้อง




             “..!..”


              หลังจากที่ขับเจ้าออดี้คันงามออกมาถึงชุงนัมได้ไม่เท่าไหร่ ชเว มินโฮ ก็เป็นต้องตกใจกับภาพที่เพิ่งผ่านตาไปเมื่อครู่



             รูปร่างที่คุ้นตากอปรกับใบหน้าละมุนนั้นยังแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำ และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เค้าตัดสินใจจอดรถ แล้ววิ่งตามเด็กคนนั้นไปอย่างกระชั้นชิด จนกระทั่งคนตัวเล็กลดฝีเท้าลง เค้าจึงตัดใจสินหาที่หลบบริเวณซอกตึกใกล้ ๆ นั้นแทน เพราะคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าจะให้ไอโรคจิตในผับอย่างเค้าโผล่หน้าไปเจอในตอนนี้



             “.....”



             ไม่นานหลังจากที่การชะลอฝีเท้ากลายเป็นการหยุดนิ่งอยู่กับที่ เหล่าชายฉกรรจ์จำนวนมากก็เข้าไปล้อมรอบ อี แทมิน ไว้ ก่อนที่ประตูเมอซิเดสคันหนึ่งถูกเปิดออก พร้อมกับร่างสมส่วนของชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม เค้าพูดอะไรซักอย่างที่มินโฮแปลปากได้ไม่ถนัดเท่่าไหร่




             “พี่..”
             เด็กน้อยของมินโฮพึมพำเป็นคำที่จับใจความได้ว่า ‘พี่’ ซึ่งนั่นทำให้เค้าทึกทักไปได้เองว่าผู้ชายที่อยู่ใกล้ ๆ กันคนนั้นน่าจะเป็นพี่ชายของแทมิน


              “เรื่องที่นายก่อ มันสร้างความลำบากให้พี่มากเลยนะรู้มั้ย?”
             ร่างสูงขยับตัวเข้าไปไกลจุดเกิดเหตุอีกหน่อยอย่างระมัดระวัง ตอนนี้เค้าได้ยินบทสนทนาระหว่างสองพี่น้องคู่นี้แล้ว และมันก็ทำให้มินโฮเข้าใจได้เป็นอย่างดีเลยว่า



             “...อี แทมิน กำลังหวาดกลัวพี่ชายตัวเองอยู่...”


             จะเนื่องด้วยเหตุผลอย่างไรก็ตาม ร่างเล็กนั้นสั่นระริก ใบหน้านั้นซีดขาวอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน ร่างสูงคาดว่าเเทมินน่าจะหนีออกมาจากบ้าน แล้วพี่ชายจอมโหดของเค้าก็คงจะเป็นคนมาตามกลับแน่ ๆ



             “กลัวรึไง?”
             มินโฮรู้สึกเกลียดเจ้าคนที่เป็นพี่ชายนั้นอย่างไร้เหตุผล



             “...คน ๆ นี้ไม่น่าจะเป็นพี่ชายที่ดี...”
             อะไรบางอย่างในจิตใต้สำนึกบอกเค้า


             “...พี่จินกิ..ได้โปรด”
             ทันทีที่เห็นคนที่เค้าตกหลุมรักคนนั้นยอมศิโรราบแทบเท้าของผู้เป็นพี่ชาย เค้าก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจชายนิรนามคนนั้นเพิ่มเป็นทวีคูณ คิ้วที่ขมวดเป็นปมอยู่แล้วยิ่งบีบเข้าหากันแน่น แต่ ชเว มินโฮ ยังสามารถควบคุมตนเองให้มองเหตุการณ์นี้ต่อไปได้




             ปึก!!!!

             “อัก!!..อึก!!!”

             ภาพที่เห็นทำเอาเค้าหัวใจกระตุกวูบ พี่ชายที่แสนโหดร้ายคนนั้นทำเส้นอารมณ์ของเค้าขาดตึงอย่างสุดจะยั้ง ในใจแทบจะวิ่งไปประเคนหมัดหนัก ๆ พร้อมฝ่าเท้าที่ใบหน้าอันแสนจะน่ารังเกียจนั้นในทันที หากแต่สมองที่รวดเร็วกว่ายังคงยับยั้งอารมณ์ของเค้าไว้ได้ทัน




             “...ถ้ายิ่งเข้าไป อี แทมิน อาจจะยิ่งมีอันตราย...”
             หัวคิดอันชาญฉลาดรีบประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็วถึงหนทางที่จะช่วยแทมินให้พ้นจากน้ำม
    ือของผู้ชายใจยักษ์คนนั้นให้ได้ หากแต่ไม่ทันไร มินโฮก็ได้ยินข้อเสนอจากผู้ชายต่ำทรามคนนั้นในประโยคถัดมา




             “ไหน ๆ พี่ก็เป็นคนใจกว้าง...งั้นเรามาเล่นเกมกันดีกว่ามั้ย?”
             ร่างสูงสดับฟังนิ่ง



             “พี่จะนับหนึ่งถึงยี่สิบ นายวิ่งออกไปให้ไกลมากที่สุด ภายในยี่สิบวินาทีพี่จะไม่ตามนาย หากนายหนีพ้น นายรอด แต่ถ้าไม่...”



             “กลับไปอาจจะเจอมากกว่าเมื่อกี้ก็ได้นะ”



             “จะเล่นมั้ยล่ะ?”

             ทันทีที่ อี แทมิน เริ่มออกวิ่ง ชเว มินโฮ ก็รีบเร่งฝีเท้าตามอย่างรวดเร็ว หากแต่ยังทิ้งระยะห่างและวิ่งลัดเส้นทางเพื่อหาที่ซ่อนไปด้วย เพราะเค้าคาดว่าคนที่วิ่งนำไปนั้นคงจะพาตัวเองไปถึงที่หมายไม่ทันแน่ ๆ




             “.....”



             หลังจากยี่สิบวินาทีหมดไปได้ครู่หนึ่ง สมองของมินโฮก็ตัดสินใจเลือกซอกตึกแถวร้านเบียร์เล็ก ๆ เป็นที่ซ่อนตัว โดยไม่ลืมจะฉุดเอาคนตัวเล็กที่หยุดวิ่งอยู่ไม่ไกลตัวเองเข้ามาซ่อนด้วยกัน





             อุบ!!!



             “แก!...”



             “ชู่ว! อยากให้มีคนได้ยินรึไง?”




             ...................................................



              Comeback
            


            เสื้อเชิ้ตตัวเก่งของมินโฮยับยู่ยี่เพราะโดนแรงกระชากจากคนตัวเล็กแต่ใจไม่เล็กตรงหน
    ้า ภายในสถานที่แคบ ๆ อย่างซอกตึก สร้างบรรยากาศใกล้ชิดอย่างที่แทมินไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ร่างบางยอมรับว่ารู้สึกอุ่นใจที่มีคนมาช่วย




            .....แต่ทำไมต้องเป็นไอโรคจิตหน้าหล่อนี่ด้วย!
            


            ซอกตึกที่แสนเย็น คับแคบ และอับชื้น ไม่ใช่สถานที่น่าเริงรมย์เลยสำหรับคนทั้งสอง ยิ่งกับแทมินด้วยแล้วยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เพราะตอนนี้รอบเอวเค้าถูกโอบไว้ด้วยแขนแกร่งของใครอีกคน แถมไอใครคนนั้นก็ยังเป็นคนที่เค้าไม่ชอบขี้หน้าสุด ๆ บรรยากาศเงียบเชียบมีเพียงเสียงฝีเท้าหลายคู่กึ่งวิ่งกึ่งเดินผ่านไปผ่านมารอบ ๆ บริเวณด้านนอกเท่านั้น



            “เฮ้ย! จูซอก กูว่าแถวนี้ไม่มีหรอกว่ะ ไปดูที่อื่นกันเถอะ”
            ชายชุดดำคนหนึ่งบอกกับเพื่อนที่มาด้วยกัน ทั้งแทมินและมินโฮที่สดับฟังอยู่นั้นต่างยืนเกร็งนิ่ง ใจภาวนาขอให้คนพวกนั้นรีบ ๆ มองผ่านไปเร็ว ๆ



            “เดี๋ยว!”
       


            “...!...”

            แทมินสะดุ้งเฮือก ก่อนมือบางจะเผลอจับแขนของร่างสูงอย่างลืมตัว



                    .....ชเว มินโฮ ลอบยิ้มในใจเงียบ ๆ




                    “อะไรอีกวะ?”


             “มึงไม่เคยดูในละครรึไงวะ พวกตัวเอกมันมักจะซ้อนตัวอยู่ตามซอกหลืบซอกตึก ไปช่วยกันค้นให้ทั่วไป เพื่อความมั่นใจ”
            ผู้ชายหัวล้านอีกคนค้านขึ้นก่อนจะยัดเยียดความคิดในหัวของตนให้เพื่อนอีกคนทำตาม ทั้งคู่แยกออกกันเป็นสองฝั่ง เข้าดูตามแนวซอกตึกไล่มาเรื่อย ๆ




            “.....”



            อี แทมินกำแขนเสื้อของมินโฮแน่นอย่างลืมตัว ทั้งกลัว ทั้งกดดัน เพราะหากเค้าถูกพบไม่ใช่แค่จะต้องกลับไปโดนขังในนรกนั่นอย่างเดียว ผู้ชายแปลกหน้าตรงหน้าอาจจะพลอยโดนหางเลขแบบไม่ได้ตั้งใจไปด้วย




            .....ถึงจะทรามไปหน่อย แต่ก็ยังอุตส่าห์ช่วยคนอย่างเค้า




            “หลืบสุดท้ายแล้ว กูว่าทฤษฎีมึงอะ มั่วชัว! เอ่อ!......”


            อุบ!

             ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนจะกดดัน แขนแกร่งดึงร่างบางในอ้อมแขนเข้ามาใกล้ ก่อนจะประเคนจูบเร่งด่วนไปให้แทนที่



             “.....”



             ริมฝีปากหนาแค่ประกบแนบกลีบปากบางไว้ธรรมดา ๆ เท่านั้น หากแต่ผู้ถูกกระทำกลับเบิกตากว้าง ตัวแข็งไปชั่วขณะ ราวกับถูกสต๊าฟไว้ให้เหมือนหุ่นนิ่งก็ไม่ปาน



             “เอ่อ...หนังสดว่ะ รีบไปดูที่อื่นกันต่อเหอะ เค้าจะได้ต่อกัน ฮ่า ๆ ๆ”
            ชายคนเดิมหัวเราะร่วน ก่อนจะรีบลากเพื่อนอีกคนไปตระเวนหาแทมินต่อไป



             พลั้ก!!!!!!

            สิ้นเสียงฝีเท้าของกลุ่มชายชุดดำ มือเล็กก็รวบรวมพละกำลังทั้งหมดผลักร่างสูงจนติดกับกำแพงตึก กำปั้นที่เตรียมพร้อมจะย้ำเหตุการณ์รอบสองถูกส่งออกไปอย่างไม่รอช้า




             แต่ทว่า......
           


            ปึก!
             เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทัน กำปั้นเล็ก ๆ จึงถูกคว้าไว้โดยมือใหญ่อย่างรวดเร็ว


             “ถ้ายังไม่หยุดจะจูบจริง ๆ นะ”
              ตาคมจดจ้องไปที่คนน่ารักอย่างกวน ๆ ทำเอาอีกฝากได้แต่หายใจฮึดฮัด ก่อนจะกระชากมือลงอย่างเจ็บใจ


             “เอาเถอะน่า อย่างน้อยนายก็รอดตัวไปได้ ยังไงมันก็ดีกว่าใช่มั้ยล่ะ?”
             ร่างสูงยังพูดต่อในขณะที่แทมินชะโงกหน้าสังเกตพื้นที่ด้านนอก ก่อนจะรีบเดินออกอย่างไม่ใส่ใจอีกฝ่าย
     


             หมับ!


             “เดี๋ยวสิ! คิดจะมาให้ช่วยแล้วทิ้งกันไปเฉย ๆ รึไง?”
            ถึงทีมินโฮเริ่มเคืองบ้าง ทั้ง ๆ ที่เค้าอุตส่าห์ลงทุนช่วยขนาดนี้แท้ ๆ จะปล่อยให้คนตัวเล็กหลุดมือไปเฉย ๆ ได้ไง


             “ปล่อย!”
             เสียงหวานกระชากห้วน บ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างที่สุด มินโฮชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยอมปล่อยข้อมือบางไปแต่โดยดี



             “นี่...เรื่องคราวแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะนะ ฉันขอโทษ”
             ไม้แข็งคงไม่ไหวคุณชาย ชเว มินโฮ จึงเอาไม้อ่อนเข้าสู้แทน แต่เหมือนจะแอบได้ผล เพราะร่างบางดูมีปฏิกิริยาที่ดีขึ้นหลังจากได้ยินคำขอโทษ



                    “.....”         



             “ไม่เป็นไรหรอก ถ้าคิดได้ก็ดี...ยังไงก็ขอบใจที่ช่วยแล้วกัน จะไปไหนก็ไปเถอะ”
             คำพูดที่เรียบง่ายถูกส่งไปพร้อมบทจบที่รวดเร็ว แทมินทำท่าจะออกเดินต่อ หากแต่ร่างสูงกลับรั้งไว้



             “เดี๋ยวสิ! นายจะไปไหนต่อ?”
             ยังไงจะทิ้งเค้าให้ได้เลยใช่มั้ยเนี่ย?


             “ไม่ใช่เรื่องของนาย อยากตายก่อนวัยรึไง?”
            น้ำเสียงของแทมินเริ่มติดจะหงุดหงิด ทั้ง ๆ ที่เค้าไม่อยากให้ใครมาพัวพันแท้ ๆ แต่เหมือนไอผู้ชายตรงหน้านี่อยากจะมีเรื่องมากเลยใช่มั้ยเนี่ย?


             “ไม่ใช่..แค่อยากจะบอกว่าถ้านายกลับเข้าไปในเมืองต้องเจอพวกเมื่อกี้ดักไว้แน่ ๆ เพราะงั้นไปกับฉันจะดีกว่า”        


             “...ดูเสี่ยไปมั้ยนะ?...”
             ร่างสูงนึกคิด ก่อนจะส่งยิ้มที่ดูจริงใจที่สุดไปให้ ในขณะที่ร่างบางทอดมองยิ้มนั้นด้วยความรู้สึกแปลกใจระคนระแวง



             “.....”



             “ไม่ต้องหรอก ฉันหาทางหนีเองได้”       

             แทมินตัดสินใจพูดออกไป เค้าไม่อยากให้ใครเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากไปกว่านี้อีก ทั้งตัวเค้าไหนจะมินจีอีกคน ยังไงอีกไม่กี่วันเค้าก็จะหนีไปนอร์เวย์ได้แล้ว ทุกอย่างกำลังจะสิ้นสุดด้วยดี



             “แต่ฉันอยากช่วย!”

             แต่อีกฝ่ายยังคงหนักแน่นในอุดมการณ์ ไม่ว่ายังไงก็จะตื้อให้ได้ สายตาของมินโฮมุ่งมั่นเป็นประกายแลดูน่าขันนิดหน่อยในสายตาของร่างเล็ก แทมินแสร้งทำหน้าระอาในท่าทีของร่างสูงพลางกระซิบเบา ๆ ให้เป็นที่รู้กันแค่ตรงนั้น


                   


             “ถ้าไม่กลัวตายก็นำไป”
             รอยยิ้มกว้างถูกระบายออกก่อนที่พ่อตัวดีจะรีบนำทางไปที่รถอย่างกระตือรือร้นโดยมีร่า
    งบางเดินตามไปอย่างไม่เร่งรีบ




             “...ขอให้ยุ่งแค่นี้พอเถอะ...”
             แทมินคิดในใจ




             ทั้งสองเดินผ่านตึกรามบ้านช่องในแถบนั้นมาได้ซักพัก ก็แลเห็นเจ้าออดี้คันงามจอดรอดูเด่นเป็นสง่าท่ามกลางบรรดาตึกเก่าแก่ล้าสมัยรอบด้าน มินโฮเดินเข้าไปเปิดประตูด้านซ้ายพลางผายมือให้แทมินเข้าไปนั่งก่อน ท่าทีที่ดูร่าเริงอย่างออกนอกหน้านั้นทำเอาคนตัวเล็กอดอมยิ้มเล็ก ๆ ไม่ได้




             “ผู้ชายบ้าอะไร ไม่รู้จักเก็บความรู้สึกเอาซะเลย”
             ร่างบางพึมพำเสียงเบา ในขณะที่มินโฮกำลังสตาร์ทรถอย่างตั้งใจ



             “ไปไหนดีล่ะ?”

             มินโฮถามขึ้นมาหลังจากที่เครื่องยนต์เริ่มทำงานได้ครู่หนึ่ง ในขณะที่ร่างเล็กกลับเอียงคอมองเจ้าของคำถามนิ่งก่อนจะยกยิ้มทะเล้น



             “ก็นายจะนำไปไม่ใช่เหรอ? ก็นำไปสิ จะให้ฉันหนีไปไหนดีล่ะ?”



             ...ให้ตายเถอะ อี แทมิน! นายตั้งใจจะยั่วฉันรึเปล่าฮะ?


             หน้าหล่อเห่อร้อนขึ้นมาอย่างปิดไม่มิด ในขณะที่มินโฮกำลังเขินอายอยู่นั้น ฝ่ายตรงข้ามกลับยิ้มระรื่นอย่างนึกสนุก


             แทมินเป็นคนฉลาด เค้ารู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดพรมลิขิตระหว่างเค้าก็ผู้ชายคนนี้ ดูจากลักษณะท่าทาง การวางตัวและการพบเจอที่เหมือนจะจงใจเกินไปทำให้เค้าต้องกลับไปขบคิด ชายตรงหน้าที่เค้าไม่รู้แม้แต่ชื่อจะยอมช่วยเค้าทั้ง ๆ ที่รอบตัวเค้าเต็มไปด้วยอันตรายได้อย่างไร



             .....หรือจะเป็นพวกสโตรกเกอร์?      
              

            สโตรกเกอร์บ้านไหนหล่อขนาดนี้ล่ะ?



             ร่างสูงสมส่วนติดจะผอมอยู่บ้างแต่ก็ยังพอมีกล้ามเนื้อ ผิวสองสีไม่เข้มมากแลดูมีเสน่ห์สมชายแบบนักกีฬา หากแต่เค้าหน้าของคนตรงหน้าก็ยังมีความหวานแบบผู้หญิงอยู่บ้างเล็กน้อย



             แทมินฝืนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก



             .....นี่เค้าคิดอะไรอยู่เนี่ย?




             นิ่งกันไปได้สักพัก ฝ่ายมินโฮก็เป็นคนเอ่ยทำลายบรรยากาศขึ้นมาก่อน



             “งั้นไปทงแดมุนกัน!”

             ร่างสูงตัดสินใจสุ่มสถานที่ที่คิดว่าเหมาะกับเดท(?)ครั้งนี้มากที่สุด ตามข้อมูลที่เค้าได้รับมา แทมินเป็นคนที่ชอบเที่ยวแบบง่าย ๆ สบายกระเป๋า การที่เค้าคิดจะปรับให้ลื่นไหลได้ ต้องเนียนเข้าหาเท่านั้น



             “ไปทำไมทงแดมุน?”

             คิ้วเรียวขมวดมุ่น จากตรงไปทงแดมุนนั้นถือว่าไกลมาก แล้วคนตรงหน้าคิดยังไงกันถึงอยากจะพอเค้าไปทงแดมุน



             “เอ่อ...ก็นายบอกว่าจะให้ฉันนำ..ฉันก็นำไปไง...เชื่อมือเถอะ”

             เพลย์บอยตัวพ่อยิ้มแหย่ ๆ ก่อนจะพยายามอ้อนวอนคนตัวเล็กทางสายตาสุดฤทธิ์





             “.....”




             “...น๊า”

             แทมินจ้องมองเจ้าของรอยยิ้มพิมพ์ใจนั้นอย่างพิจารณา ในหัวคำนวณความเป็นไปได้ในหลาย ๆ เรื่องที่เค้าวิเคราะห์ขึ้นมา หากแต่เจ้าตัวก็ยังหาหนทางที่ดีไปกว่านี้ไม่ได้ ร่างบางถอนหายใจยาวก่อนจะหันตัวกลับไปมองถนนเบื้องหน้าอย่างรำคาญใจ




             “ไปก็ได้”

             แล้วออดี้คันสวยก็ได้ฤกษ์ออกเดินทาง





             TBC.




    ...........................................




    TALK: ในขณะที่ Kiss ดำเนินมาถึงตอนที่สองแล้ว ตอนนี้ยังคงดูเชื่องช้าเหมือนเคย - -‘’ คิดดูละกันว่าแทมยังไม่รู้จักโฮ สัญชาตญาณดิบมันถูกปล่อยออกมากับอีจินกิในพาร์ทนี้มาก ยังไงก็ขอบคุณเกสต์คนสำคัญ อีจินกิ ด้วยนะคะ (โค้ง~) ตอนนี้มันเวิ่นไปเวิ่นมา แลดูน่าตบไรท์เตอร์ *0* ฮี่ ๆ ยังไงก็สนับสนุนกันต่อไปด้วยนะคะ

    ปล1.ทำไมตอนนี้โฮมันดูปัญญาอ่อน *-*! (ขอโทษนะโฮ~)

    ปล2.รักคนเม้นท์! โฮก็รักคนเม้นท์นะ >////< (โฮ: นั่นไง..ขายตูอีกละ)


    #ถ้าต้องการความสะดวกรวดเร็ว พบกันที่บ้านทูมินเเล้วกันน๊า
    #5 จะพยายามปรับปรุงฝีมือเเล้วมารีไรท์เรื่องเเรกใหม่ให้ได้เลยค่ะ ขอบคุณสำหรับคำตินะคะ ^__^ *กราบ*
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×