Over Dark Speed One - Over Dark Speed One นิยาย Over Dark Speed One : Dek-D.com - Writer

    Over Dark Speed One

    เมื่อการส่งของยามค่ำไม่เหมือนเดิม ตัวตนของความบิดเบี้ยวจากต่างโลก ใครจะหลีกพ้นความบ้าคลั่งนี้ได้...

    ผู้เข้าชมรวม

    123

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    123

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 ก.พ. 63 / 15:23 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    สวัสดีครับเหล่าคุณๆ ที่น่าเคารพ ใช่แล้วครับ ไม่ได้พบกันนานพักใหญ่ อา ครับ ครับ ขอโทษครับที่ปล่อยให้ร้างรานาน จะพยายามปรับปรุงและบริหารเวลาให้ดีกว่านี้ครับผม เรื่องสั้นนี่เกิดจาก(เซ็นเซอร์)ดังนั้นอย่างได้กังวลว่าจะเกี่ยวข้องเลย หากว่าคุณๆ สนุกกับเรื่องสั้นเล็กๆ ผลงานใหม่ชิ้นนี้ผมก็มีความสุขครับ ดังนั้นผมไม่หน่วงเหนียวคุณๆ เพราะฉะนั้นขอให้สำราญ และถ้าเกิดผมจุดผิดพลาดประการใดผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว

    //////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

        วันนี้เป็นวันที่แย่ที่สุดสำหรับงานคราวนี้เลย 

         ชายหนุ่มหักเลี้ยวโค้งออกจากซอยสู่ถนนยามค่ำ ยกล้อขึ้นส่งคาวาซากิขึ้นทางเท้าที่ไร้ผู้คนสัญจร ก่อนตีวงเลี้ยวเข้าซอยอีกครั้ง เหงื่อกาฬใต้ถุงมือหนังชุ่มเปียก เขาบังคับมอเตอร์ไซต์คู่ชีพสำหรับส่งของด้วยความตระหนก เขาพยายามจะเพ่งสมาธิกับคงสติให้นานที่สุด เร่งรัดจะปิดจ็อบให้ไวด้วยเหตุที่ว่า ‘บางย่าง’ กำลังสะกดรอยตามเขาอยู่ กระทั่งตอนนี้มันก็กวดไล่มาติดๆ ตั้งแต่อาคาร ณ จุดนัดรับส่งของประจำ ถนนคนเดิน ลานจอดรถ จนถึงถนนสำหรับรถวิ่ง ‘บางอย่าง’ ที่ว่ายังกัดเขาไม่ปล่อย

         เขาจำได้ดีถึงออคซิเจนที่กระแทกผ่านลำคอเพราะพยายามกลั้นเสียงทันทีที่รับพัสดุเป็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีเหล็กปนสีมาเจนต้า  เขารับของมาผูกกับตัวรถคันโปรด พูดยอกล้อกับคนพวกนั้นไปพลางแม้ว่าพวกนั้นจะไม่รับมุขก็ตาม “เฮ้ พวกเอ็ง มีใครได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ ไหม” หนึ่งในสามคนนั้นว่า อีกสองคนมองหน้ากันด้วยสีหน้าสงสัยระหว่างที่ชายหนุ่มวุ่นกับสายรัดสัมภาระจนไม่มีเวลามอง “ไม่นะ” คนแรกพูด คนถัดมาเสริม “เอ็งเสพยามากไปรึเปล่า” “จริงๆ นะเว้ย พวกแกลองฟังดีๆ สิเสียงแบบนั้นมันคล้ายๆ กับพวกปศุสัตว์อย่างพวก”  เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก ไม่ทันจะสิ้นคำ ชายที่เป็นคนของทางฝ่ายลูกค้าทั้งสามคนก็หายไปในพริบตา ไม่ทันจะงุนงง มีของเหลวหยดลงบนปลายจมูกส่งให้เขาเงยมองเพดานบนชั้นสองของลานจอดรถของจุดนัดพบและเขาก็ได้แต่อึ้งกับภาพตรงหน้าเหนือเพดานเป็นร่างชายสามคนถูกบดขยี้ติดกำแพงราวกับยุงซึ่งถูกฝ่ามือตบจนบี้แบนอย่างไรอย่างนั้น เลือด ชิ้นเนื้อ กับกระดูกของทั้งสามถูกทำให้เป็นเนื้อเดียวด้วยแรงมหาศาลในเวลาที่มนุษย์ไม่สามารถจะตามทัน ความหวาดผวามาเยือนถึงที่ เพียงไม่กี่วิเขารีบบึ่งรถออกไปทันทีพร้อมเสียงหนักๆซึ่งคล้ายเสียงของกีบเท้าของสัตว์จำพวกตระกูลม้าไม่ก็แพะ จึงเป็นที่มาของเหตุการณ์อันไม่สามารถอธิบายได้ดีนักของชายหนุ่ม 

           สำหรับนักส่งของของเถื่อน ไกศรีย์ ใช้ชีวิตแบบวันต่อวันคืนต่อคืนในเขตหนึ่งของเมืองพัทยา คอยเที่ยวส่งของที่ไม่สามารถเปิดเผยในที่สาธารณะให้กับเหล่าคนที่สังคมเบื้องหน้าไม่อยากเข้าใกล้ พวกแก๊งมาเฟียจีน มาเฟียรัสเซีย และแก๊งเจ้าถิ่นที่เป็นคนไทย หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวที่มีรสนิยมแปลกพิลึกร้ายแต่จ่ายหนักและมีอิทธิพลต่อเมืองสุดอันตรายที่ไม่เคยหลับใหล แน่นอนว่ามันเป็นงานสุดเสี่ยงคลับคล้ายเด็กส่งยาทว่ากับสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้เขายอมให้ตัวเองนั่นเงินขาดไม่ได้ หลังทำงานแบบนี้มาได้ห้ากว่าปีผ่านเพื่อนที่เป็นคนกลางเขาเข้ามาในวงการส่งของเถื่อนเพราะร้อนเงินหลังถูกปลดออกจากงานประจำ ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้อ้วนอวดดีนั้น ปานนี้ฉันคงไม่ต้องมารู้สึกเจ็บปวดแบบนี้ ไกศรีย์นึก ปัจจุบันเขาไม่อาจจะลาวงการได้  เขาอยู่กับมันนานเกินไป ระยะเวลาขนาดนั่นบวกกับงานเช่นนี้นั้นได้หล่อนหลอมชายหนุ่มชินชากับเรื่องวิปลาสมากจนทำชายหนุ่มเป็นคนด้านชาต่อสิ่งผิดที่ปรากฏเบื้องหน้าไม่ว่าจะเลวร้ายและขัดมนุษยธรรมแค่ไหน 

          เขาซึ่งทนกับความรู้สึกขัดแย้งที่ปะทุในใจเพราะจริยธรรมเรียกร้องหาความสามัญทั่วไป สุดท้ายไกศรีย์เลือกจะนิ่งเฉย เขามักจะเลือกบทบาท ‘งาน’ อย่างมืออาชีพทำกัน การตัดสินใจด้วยความเยือกเย็น ไม่เกรงว่าเป็นความถูกต้องหรือชั่วร้าย ผลลัพธ์เท่านั้นคือตัวตัดสินที่จะทำให้เขาได้ยลอรุณรุ่งของวันถัดไป เป็นกุญแจที่เขากุมมั่นยิ่งกว่าบัตรกดเงินและคูปองส่วนลดราคาจากร้านสะดวกซื้อเสียอีกที่พาเขาผ่านพ้นเรื่องยากลำบาก น่าเสียดายที่วันนี้สิ่งที่กล่าวมาเห็นทีจะใช้ไม่ได้กับสถานการณ์ปัจจุบันนี้  

          มันไม่เหมือนปกติที่เขาเคยพบกับพวกเดนมนุษย์พวกนั้นที่เคยเจอประจำสิ่งที่ตามเขาอย่างคลุ่มคลั่งสยดสยองยิ่งกว่า เขาบิดรถแล่นพล่านทั่วเมือง เลี่ยงเส้นทางที่มีด่านตรวจ รวมทั้งด่านลอยที่เขาเคยติดสินบนเจ้าหน้าที่ครั้งสองครั้งทีแรกกะจะยืมมือแต่เมื่อเห็นอำนาจประหลาดของเจ้านั้นก็ทำเขาเปลี่ยนความคิดเพราะต่อให้หนีรอดพวกตำรวจที่เหลือก็จะสืบหาเขาแล้วลงข้อหาที่เขาไม่ได้ก่อว่าเป็นฆาตกรฆ่าตำรวจ เพื่อจะสลัดเจ้าสิ่งที่ไล่กวดเข้ามาตลอดทางจะต้องหาวิธีให้จัดการแต่จะยังไงละในเมื่อเขามองไม่เห็นไอ้ตัวระยำนี่เลย จะหลบเข้าที่ปลอดภัยในสภาพที่อีกฝ่ายไล่ชิดแบบนี้ก็ไม่ได้อีก  ไม่ว่าจะคิดสลัดอย่างไรผ่านไปสักพักมันยิ่งไล่เข้ามาใกล้เร็วขึ้นและมากขึ้น ทำเอาชายหนุ่มอยากจะกรีดร้อง ฉับพลันเขารู้สึกว่าที่ต้นขามีรอยบาด เขาสัมผัสได้ว่าถึงแผลจะไม่ลึกก็ส่งให้เขายิ่งใกล้เสียศูนย์ทุกที ไอ้ตัวนั้นมันเป็นอะไรกันแน่! ไกศรีย์นึก จะขอความช่วยเหลือจากตำรวจแลกกับอนาคตที่อาจดับลงตลอดกาลไม่น่าจะจบสวย เพราะฉะนั้นก็ขอยอมตายเอาดาบหน้าดีกว่า  ไกศรีย์บิดคันเร่งฝ่าสีแยกโดยไม่ดูสัญญาไฟ เกือบถูกรถตู้ประจำทางชนเพียงนิดเดียว เวลาเดียวกันเสียงกระแทกเหมือนกับรถที่เร่งความเร็วเต็มกำลังพุ่งชนประสานงากับสัตว์ป่า  ไกศรีย์หอบหายใจเห็นคนขับกับนักท่องเที่ยวทัวร์จีนบางส่วนเดินออกมาดูความเสียหายแต่ไมพบกับสิ่งใดนอกจากเพียงรอยบุยับที่เกิดจากการชนบางอย่างที่มีน้ำหนักเทียบเท่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวใหญ่  

           ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ปากคอแห้งผาก เขาเหลือบมองกระเป๋าท้ายรถที่นำเขามาเจออะไรอย่างวันนี้ครั้งสุดท้าย ตบมันเบาๆ และออกวิ่งใต้แสงไฟนีออนของร้านรวงและบาร์ และไฟข้างทางที่ติดๆ ดับๆ  

      
           กลิ่นทะเลลอยอวลมากับสายลมกระทบผิวแต่ไกล ชายผู้หนึ่งรอเขาอยู่ที่ท่าเรือแถวใกล้ลานจอดรถสำหรับนักท่องเที่ยว ไกรศรีย์ก้าวลงจากรถโดยไม่ปิดเครื่อง  เดินอ้อมปลดตัวล็อคออก ยกกระเป๋าใบโตส่งให้ “แกมาสายนะ” ชายผู้นั้นพูดด้วยเสียงไม่พอใจปนพึมพำ ทำหน้าย่นอาจเพราะคงจะรำคาญเสียงเครื่องยนต์ของนักส่งของเถื่อนก็เป็นได้ “แกรู้ไหมว่าทางนี้ต้องลำบากแค่ไหนถึงจะทำให้เสี่ยกับมาดามสงบได้นะ รู้ไหมว่าเป็นเพราะใคร แล้วขานั้นไปโดนหมาตัวไหนกัดมาวะ เอ่อ ช่างเถอะหวังว่าของที่ขอให้ส่งจะไม่เสียหายซะก่อนนะ ไม่อย่างนั้นแกจะต้องเป็นคนชดใช้ต่อความรับผิดชอบนี้” ไกศรีย์ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงให้มีเรื่องอะไรเลยรับเงินปลายทางที่ถูกบิดหักเพราะส่งพัสดุช้ากว่ากำหนดอย่างจำยอม ใครมันจะไปเชื่อเรื่องที่เขาจะเล่าละ ยิ่งกว่านั้นพอถึงบ้านเมื่อไรคงต้องลาพักยาวสักวันสองวันแล้ว 

           ชายท่าทางเหมือนนักเลงฮองกงถือกระเป๋าเดินหันหลังให้ไกศรีย์ วางลงบนโต๊ะชายหาดแถวนั้นอย่างหงุดหงิดปากบ่นกระปอกประแปก  ไกศรีย์เดาจากท่าทางว่าชายผู้นั้นต้องการจะเช็คดูของข้างในก่อนส่งถึงมือเจ้านาย

          “โอ้โฮเฮะ” ชายผู้นั้นผิวปากหลังเปิดกระเป๋าเดินทางเจ้ากรรมสำหรับชายหนุ่มออก “สินค้าดีเลยนิ พวกเฮียต้องดีใจแน่” ไกศรีย์ลอบมองข้ามไหล่ พอจะทันได้เห็นก็ได้เกิดศัพท์เสียงที่ไม่นึกว่าจะได้ยินในที่แห่งนี้เปนเสียงของสัตว์อย่างพวก ‘แกะ’ เหงื่อเม็ดโตเท่าเม็ดข้าวโพดผุดบนใบหน้าชายหนุ่ม เนื้อตัวเย็นเฉียบ   เขารีบหันไปดูถึงแขกที่ไม่ได้รับเชิญก็มีสายลมพัดผ่านตามด้วยเสียงบิดเนื้อกระดูกกับเสียงครอกๆ จากด้านหลังด้วยความไวแบบไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตั้งตัว ในที่สุดไกศรีย์ก็เข้าใจ 

           ว่าทุกอย่างเป็นแผนของมัน 

           “แม แม แ….ม” 

           เนื้อตัวชายหนุ่มสั่นสะท้านกับเสียงที่เข้าโซนประสานยังแกนสมองที่กำลังประมวลผลอย่างหนักจนทำเจ้าของใกล้จะเสียสติ อาการปวดหัวเข้าเล่นงาน หัวใจเต้นแรง ต้นขาเกร็ง สองมือกุมใบหน้า ส่ายหัวไปมา

           บ้าไปกันใหญ่แล้ว

          “สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยานให้ลูกด้วยเถอะ” เขาค่อยๆ หันไปดูแม้สัญชาตญาณจะกู่ร้องสั่งให้เข้าวิ่งแต่ด้วยความสงสัยไม่เข้าเรื่องอันเย้ายวนได้ทำเข้าประจักษ์ชัดแล้วหันมองด้านหลัง เจ้าสิ่งนั้นปรากฏร่างชัดเจน ตัวสูงใหญ่ เนื้อตัวบางจุดมีขนสีหิมะปกคลุม ร่างพิกลพิการเท้าส่วนหน้าคล้ายสุนัขปนมือมนุษย์แต่ผิวกลับเหมือนสัตว์เลื้อยคลาน ส่วนขาที่เหลือเป็นขาแพะ ปากมากมายส่งเสียงร้อง “แม แม” เป็นเสียงของแกะดูคล้ายจะเย้ยหยันต่อสิ่งที่ชายหนุ่มทำมาตลอดคืนเพื่อให้มาพบบทสรุปที่หักหน้าเขาอย่างจัง เส้นหนวดรยางค์นับไม่ถ้วนชั่วร้ายสามานย์ตรึงร่างชายนักเลงจอมโอหังลอยเท้งเต้งเหนือพื้นกว่าสามฟุตบัดนี้มาอยู่ในสภาพไม่ต่างไปจากผ่านขี้ริ้วโสโครกที่ทำจากเนื้อหนังมนุษย์ เศษเนื้อกับของเหลวและเครื่องในในผสมปนเปสาดเทลงบนพื้นคอนกรีน ดวงตาที่มองไม่เห็นหรือไม่มีกลับเหมือนจ้องมองมาที่ไกรศีย์ เขารู้สึกอย่างนั้น 

           เป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มจะเข้าใจคำว่า “มนุษย์คนหนึ่งบนโลกไม่มีความสำคัญ” 
             
           พอทำใจดีสู้เสืออยู่แบบนี้จึงสำเหนียงตัวเองได้ว่าตัวเองนั้นเล็กกระจ้อยเพียงไร

           รยางค์เส้นหนึ่งจากบรรดานับร้อยพันกว่าเส้นยืดเหยียดสะบัดตีอากาศฟาดมาที่หน้าชายหนุ่มแล้วเสียงดัดดังกร็อบ! ก็ผุดขึ้นดังในโซนประสาน ไกศรีย์งุนงง เขาแหงนมองในองศาที่เขาไม่เคยทำได้มาก่อน รู้สึกร้อนผ่าวบริเวณลำคอ หายใจไม่ออก เลือดออกทางหางตาเป็นทางยาวก่อนร่างจะหงายลงกับพื้น กระตุกสั่นแล้วแน่นิ่ง เขามองอะไรไม่เห็นอีก เจ้าตัวนั้นกู่ร้องเสียงสูงแลจะบิดอากาศให้ขาด  รยางค์ของเจ้านั้นเคลื่อนเข้ามาคลุมร่างไกศรีย์จนมิด ทุกสิ่งต่างจมลงในห้วงลึกอันบ้าคลั่ง 

           เขาไม่อาจมองอะไรได้อีกแม้แต่แสงรี่เล็กของไฟหน้ารถคู่ใจ  หรือไฟรอบข้างและอาจจะทั่วทั้งเมืองค่อยรี่แสงลงสู่ทะเลอันดำมืด 

           ทุกอย่างจมลง...จมลง....และจมลง

           ดิ่งสู่ห้วงสมุทรทมิฬพร้อมเสียงกู่ร้องของสัตว์ร้ายที่ห่างไกลออกไปแต่ราวกับอยู่ใกล้

           ราวฝั่งแน่นบนดวงวิญญาณที่ถูกสาป

    จบ.

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×