คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #51 : Chapter: 38 Its all right~
สวัสดีค่ะรีดเดอร์ทุกคน
แนนกลับมาแล้วนะคะ กลับมาอัพ.
ในตอนที่ไม่่อยมีเนื้อหาเกี่ยวกับคู่หลัก (?) แต่เนื้อหามาให้เกลียดนางร้ายกันสนุกๆขำๆค่ะ
ยังไงก็ติดตามฟิคแนนต่อไปนะคะ
เอาตรงๆว่ายอดอ่านยอดเม้นแนนต่ำลงมากๆถ้าเทียบจากตอนต้นๆ
ถามว่าท้อมั้ย.ท้อค่ะ แต่ว่าจะไม่ถอย จะพยายามแต่งเรื่องสนุกๆให้ทุกๆคนอ่านนะคะ
ขอแค่เพียงอยู่ด้วยกันก็พอค่ะ
----------CHAPTER 38---------
“...นายนี่มีอารมณ์ง่ายขนาดนี้เชียวเหรอเนี้ย”ภาพและเสียงในซีดีที่ถูกเปิดขึ้นชัดก้องในโสตประสาทของฮยอกแจ...น้ำตาใสๆไหลออกจากเบ้าตากลมสวยของฮยอกแจช้าๆ...มือบางถูกกำเข้าหากันแน่น พร้อมๆกับภาพในวีดีโอที่ถูกปิดลงด้วยฝีมือของคิบอมที่นั่งอยู่ข้างๆกายร่างบาง
“ฮึก...ฮือ...ฮือ...ทำไม...ทำไม...ฮือ...ทำไมเค้าต้องแกล้งชั้นขนาดนี้...ฮือ...”ฮยอกแจร้องไห้โฮเสียงดัง ก่อนที่คิบอมจะดึงร่างบางเข้าไปกอดด้วยความสงสาร มือหนาลูบไล้กลุ่มผมนุ่มแผ่วเบา
“ไม่เป็นไรนะ...มันก็แค่ความทรงจำเลวร้าย...ลืมมันไปเถอะ”คิบอมเอ่ยปลอบ มือหนาลูบไล้แผ่นหลังบางด้วยความห่วงใย แต่ฮยอกแจก็ไม่ทันได้สังเกตว่า...มืออีกข้างของคิบอม...กำลังกำเข้าหากันแน่น...โกรธ...โกรธมากที่คนที่เขารักมากที่สุดจะต้องโดนทำร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า...เกลียด...เกลียดคนที่ทำร้ายคนที่เขารัก...เกลียดมากจริงๆ...ถ้าทำได้...เขาคงจะจับทงเฮฉีกเป็นชิ้นๆซะด้วยซ้ำ
“ฮึก...ฮือ...ใจร้าย...ใจร้ายชะมัด...ฮือ...”ฮยอกแจร้องไห้หนัก มือบางกอดแผ่นหลังแกร่งของคิบอมแน่น
“ไม่เอานะครับ...ไม่เอา...ไม่ร้องๆ”คิบอมปลอบ มือหนาเช็ดน้ำตาออกจากแก้มสวยช้าๆ
“ฮือ...ฮือ...”ฮยอกแจยังคงร้องไห้ไม่หยุด แม้ว่าคิบอมจะพยายามปลอบมากเท่าไร พยายามโอ๋มากแค่ไหน...คำปลอบโยนเหล่านั้นก็ไม่สามารถที่จะทำให้ฮยอกแจสงบลงได้เลยแม้แต่น้อย น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลจากดวงตากลมสวย ราวกับพายุฝนกรดที่โหมกระหน่ำใส่ใจของคิบอม กัดกร่อนมันจนแทบจะขาดใจ...ถ้าจะมีทางไหนที่เค้าจะช่วยให้ร่างบางในอ้อมกอดหยุดร้องไห้ได้...เค้าจะยอมทำ...แม้จะต้องให้เขากรีดเลือดตัวเอง...มาแทนหยดน้ำตาของฮยอกแจก็ตาม...
.
.
.
ในที่สุดพายุที่โหมกระหน่ำจิตใจของคิบอมและฮยอกแจก็หยุดลง...เมื่อร่างบอบบางร้องไห้จนเหน็ดเหนื่อยและผล็อยหลับไป...คราบน้ำตาบนใบหน้ายังคงเห็นได้ชัด แม้จะไม่ได้สังเกต ริมฝีปากบวมช้ำที่ถูกฟันคมของตนขบกัดครั้งแล้วครั้งเล่า เรียวมือบางที่กำเข้าหากันแน่นบ่งบอกถึงอารมณ์ของร่างบางอย่างไม่ต้องคิดมาก
“พี่ฮีชอลครับ...ผมคิดอะไรไม่ออกแล้ว...พี่เคยเป็นแบบผมมั้ยครับ...”คิบอมพึมพำบ่นถึงพี่ชายคนสนิทที่ตกอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างจากเขามากสักเท่าไร
“ทำไมจะไม่เคยล่ะคิบอม...”เสียงของใครบางคนที่คิบอมบ่นหาดังขึ้นจากความมืดของห้องนอนที่คิบอมเปิดประตูค้างเอาไว้
“ห๊ะ...หา...”คิบอมสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงขานรับ ก็ในเมื่อห้องนี้มีแค่เขากับฮยอกแจอยู่ด้วยกันแค่สองคนนี่...แล้วเสียงที่ขานรับนี่มันเสียงใครล่ะ?
“ชั้นนั่งอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว...ตั้งแต่นายสองคนไปดูดาวนั่นแหละ”ร่างเพรียวของฮีชอลเดินออกมาจากห้องนอนของคิบอมที่ถูกปิดไฟมือสนิท จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมคิบอมกับฮยอกแจถึงมองไม่เห็นคนๆนี้จากด้านนอก
“อ่า...ครับ...พี่นี่สร้างความตื่นเต้นตกใจให้ผมได้ตลอดเวลาจริงๆ”คิบอมเอ่ยก่อนจะฉีกยิ้มออกมา แม้ว่าภายในใจจะยิ้มไม่ออกก็ตาม
“อืม...”ฮยอกแจพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะใช้หลังมือปาดน้ำตาที่ยังคงหลงเหลือร่องรอยออก แต่ดวงตาที่บวมฉ่ำ และจมูกที่เป็นสีระเรื่อก็บอกได้ดีว่าเขาเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักอย่างไม่ต้องสงสัย
“แล้วพี่ฮีชอลเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นเลยรึเปล่า?”คิบอมถามกลับ
“อืม...เห็นตั้งแต่นายสวีทกัน จนกระทั่งมีไอ้วีดีโอบ้าๆนั่นส่งมานั่นแหละ...ตกลงว่าฮยอกแจโดนทงเฮ...แล้วเหรอ”ฮีชอลถามพร้อมกับหันไปมองร่างบางที่นอนอยู่บนโซฟาไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ
“...”คิบอมเลือกที่จะนิ่งเงียบ ก้มหน้ามองพื้นแทนจะให้คำตอบ แต่นั่นก็ถือว่าเป็นการให้คำตอบที่ดีสำหรับฮีชอล
“แล้วนายจะทำยังไงกับทงเฮ? แล้วรู้รึยังว่าใครเป็นคนส่งมันมา?”ฮีชอลถามต่อ
“ไม่รู้ครับ...”คิบอมส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมันมา หรือไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับทงเฮ?”ฮีชอลย้อน
“ไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมันมาครับ...แต่กับทงเฮ...ผมจะไม่ยอมเขาแน่ๆ”คิบอมตอบกลับเสียงเย็น มือหนากำเข้าหากันแน่นด้วยความโกรธ
“แต่ยังไงนายกับทงเฮยังเป็นเพื่อนกันนะ อย่าทำอะไรที่มันมากเกินไปล่ะ...ส่วนเรื่องคนที่ส่งไอ้นี่มาให้...ชั้นขอจัดการมันละกัน...มันกล้ามากเลยนะ ที่กล้าทำร้ายคนของชั้นน่ะ”ฮีชอลเอ่ยเรียบๆ แต่ทว่ามันกลับทำให้คิบอมถึงกับเสียวสันหลังวาบ...ใครๆก็รู้ว่าฮีชอลไม่ใช่คนที่น่าจะเล่นด้วย...
“เอ่อ...แล้วถ้า...ทงเฮส่งมาล่ะ”
“ไม่! ชั้นเชื่อว่าไม่ใช่ทงเฮหรอกที่จะเป็นคนทำแบบนี้ ถึงหมอนั่นจะโกรธหรือเกลียดอะไรมากสักเท่าไร แต่หมอนั่นยังคงมีจิตใจที่อ่อนแอเกินกว่าจะทำร้ายคนที่ตัวเองรักได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า”ฮีชอลตอบกลับเสียงกร้าว
“พี่จะหมายความว่ามีคนอื่นที่ส่งมางั้นเหรอ?”คิบอมเอ่ยถามพร้อมจ้องตาพี่ชาย
“ผู้หญิงใช่มั้ยที่เป็นคนโทรมาหาแล้วเรียกฮยอกแจไปเอาวีดีโอแผ่นนี้”
“ครับ...เสียงผู้หญิง...แหลมมากเลยล่ะครับ”
“คนที่ทงเฮเป็นข่าวด้วยตอนนี้ไง...”ฮีชอลเอ่ยเรียบๆ ก่อนจะทอดสายตามองออกไปนอกระเบียง...
“เจสสิก้า...งั้นเหรอ?”คิบอมย้อนถาม
“คิดว่าใครล่ะ...นังนั่น...มันนังมารร้ายดีๆเลยล่ะ ชั้นรู้ดี...”ฮีชอลกล่าวเสียงเรียบ ก่อนที่บรรยากาศรอบๆกายทั้งคู่จะเงียบลงสนิท...ความทรงจำอะไรบางอย่างถูกฉายขึ้นอย่างชัดเจนในสมองของร่างเพรียว
.
.
.
“พี่ฮีชอลคะ..พี่ฮีชอล...”เสียงหวานของหญิงสาวเอ่ยเรียกร่างเพรียวที่กำลังยืนพิงต้นไม้อยู่หลังตึกสูงใจกลางกรุงโซล
“หืม? ว่าไงเจสสิก้า”คนที่ถูกเรียกขานรับพร้อมรอยยยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังเดินมาหาตนคือหญิงสาวผู้เป็นที่รัก
“ชั้นคิดถึงพี่จังเลย...พี่ซ้อมเหนื่อยมั้ยคะ?”เจสสิก้าถามเสียงใส แขนเรียวเลื่อนไปเกาะแขนของฮีชอลเอาไว้อย่างออดอ้อน
“อืม...หายเหนื่อยเลยล่ะ ตั้งแต่เห็นหน้าเธอ”มุขหวานๆถูกเอื้อนเอ่ยออกจากริมฝีปากอิ่ม เรียวแขนยาวเลื่อนไปลูบไล้เส้นผมของหญิงสาวด้วยความเอ็นดู
“พี่ฮีชอลปากหวานจัง”เจสสิก้าเอ่ยด้วยท่าทางขวยเขิน
“ก็หวานกับคนที่พี่รัก...แค่คนเดียวนั่นแหละ...”ฮีชอลเอ่ยพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
“ค่ะ เจสรักพี่ฮีชอลมากนะคะ”เจสสิก้าเอ่ยด้วยสีหน้าออดอ้อน ก่อนจะเอียงคอซบลงที่ไหล่กว้างของร่างเพรียว
.
.
.
คำว่ารัก...ที่ออกมาจากปากเธอ...
ชั้นเชื่อมันทุกครั้ง...แต่แล้ว...
.
ทำไม...ภาพตรงหน้าที่ชั้นเห็น...
มันกลับทำให้ใจชั้น..
พังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี...
.
.
.
“พี่จุนกิ...เจสรักพี่นะคะ”คำบอกรักหวานหูถูกเอื้อนเอ่ยออกจากเรียวปากสวยที่ถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีหวาน ใบหน้าสวยเอียงซบกับไหล่กว้างของใครบางคน...ที่ฮีชอลเคยเห็นบ่อยๆตามนิตรยสารวัยรุ่น...ลีจุนกิ...
“ครับ..พี่ก็รักเจสเหมือนกันนะครับ ที่รัก...”ร่างสูงเอ่ยก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากสวยแผ่วเบา...
หากแต่ใครจะรู้...ว่ามีคนๆนึงกำลังยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยหัวใจที่แตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ มือหนากำเข้าหากันแน่นด้วยความเจ็บปวด...
ภาพความทรงจำ...ถูกถ่ายทอดกลับเข้ามาในสมองของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ภาพของรอยยิ้ม...ภาพของความสุขของทั้งคู่...ภาพที่เขาไม่เคยลบเลือน...
คำบอกรัก...ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผ่านเข้ามาในห้วงประสาท...ตอกย้ำให้เขาได้รู้ว่ามันไม่ได้มีสำหรับเขาแค่คนเดียว...
“ทำไมเธอถึงทำแบบนี้”เสียงทุ้มนุ่มของฮีชอลถูกเอื้อนเอ่ยออกจากริมฝีปากที่ถูกกัดจนเลือดไหลซิบ
“พี่ฮีชอล”หญิงสาวที่หันมาทางต้นเสียงหน้าเหวอแทบจะทันทีที่เห็นว่าคนที่เรียกตน...คือคิมฮีชอล...คนที่เธอเพิ่งเอื้อนเอ่ยบอกรักไปเมื่อตอนกลางวัน...
“ตอบพี่มา!”ฮีชอลตวาดเสียงกร้าว
“เอ่อ...คือว่า...”เจสสิก้าอ้ำอึ้ง
“ชั้นบอกว่าให้เธอตอบชั้นมา! ทำไมเธอทำแบบนี้”มือเรียวของฮีชอลเลื่อนไปจับไหล่บางของหญิงสาว เขย่าร่างบอบบางด้วยความโมโห
“คะ...คือว่า...พะ...พี่ฮีชอลปะ...ปล่อยก่อน”เจสสิก้าอ้อนวอนเสียงหวาน
“นี่นาย...ทำร้ายผู้หญิงมันจะหน้าตัวเมียไปมั้ย”มือหนาของจุนกิถูกเลื่อนไปคว้าไหล่ลาดของฮีชอลเอาไว้
“แก! แกมันมือที่สาม! แกอย่ามายุ่งกับผู้หญิงของชั้นนะ!”ฮีชอลสะบัดมือของจุนกิออก ก่อนจะซัดหมัดเข้าไปที่แก้มของร่างที่สูงกว่า
“ใครผู้หญิงของนาย! เจสสิก้าเค้าเป็นแฟนของชั้น! นายมันก็แค่ของเล่น!”จุนกิตวาดกลับพร้อมกับซัดหมัดเข้าไปที่แก้มของร่างเพรียว และด้วยเรี่ยวแรงที่มีน้อยกว่าร่างทั้งร่างจึงล้มลงไปกองกับพื้น แต่เรียวขายาวยังคงหยัดยืนขึ้นอีกครั้งแล้วจ้องตากับร่างสูง
“ไม่จริง! เจสสิก้าเค้าเป็นแฟนชั้น”ฮีชอลตวาดกลับอย่างไม่ยอมแพ้
“ไม่ใช่! พี่ฮีชอลไม่ใช่แฟนเจส!”หญิงสาวตวาดเสียงแหลม ทำเอาฮีชอลถึงกับกระตุกค้าง
“ละ...แล้ว..พี่เป็นตัวอะไรล่ะเจส?”ฮีชอลแค่นเสียงถาม แม้ว่าภายในใจจะหนักอึ้งจนแทบจะเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาไม่ได้
“พี่ฮีชอลเป็นแค่คนๆนึงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเจส! พี่คิดว่าชั้นควรจะรอพี่เดบิวต์งั้นเหรอ? อีกกี่เดือนกี่ปีล่ะ? ตอนนี้พี่ยังแทบจะไม่มีเงินเลี้ยงตัวเองเลย แล้วนับอะไรจะมาเลี้ยงเจสคะ!”เจสสิก้าตวาดกร้าวก่อนจะถลาตัวเข้าไปกอดแขนจุนกิ
“...”ฮีชอลกัดกรามแน่น ยอมรับกับสิ่งที่หญิงสาวพูด ใช่สิ...เขามันก็แค่คนจนๆ ใครจะอยากฝากชีวิตเอาไว้...
“รู้ตัวแล้วก็ลาก่อนค่ะ”สิ้นเสียงแหลม ร่างบอบบางของหญิงสาวก็เดินกอดแขนแกร่งของจุนกิแล้วเดินจากร่างเพรียวไป
ทิ้งไว้แค่ความเงียบเหงา...ที่ปกคลุมไปทั่วจิตใจของฮีชอล...
ฮีชอลที่ไม่มีใครอยู่ข้างๆกาย...
สักคน...
ตั้งแต่เหตุการณ์นี้...ผู้หญิงคนนี้...จึงกลายเป็น “นังมารร้าย” สำหรับฮีชอลไปโดยปริยาย...
คนเจ็บแล้วจำคือคนมีหัวใจ...
แต่คนที่เจ็บแล้วไม่จำคือคนโง่...
“ฮีชอล...ผมจะอยู่ข้างๆนายนะ...”เสียงทุ้มของเพื่อนร่วมหอชาวจีนของร่างเพรียวดังขึ้นข้างๆกาย พร้อมกับแขนแกร่งที่โอบกอดร่างเพรียวเอาไว้อย่างอ่อนโยน...
“อืม...”เสียงขานรับดังขึ้นแผ่วเบาจากลำคอ...ร่างเพรียวซุกหน้ากับอกกว้างเพื่อหาไออุ่น...และนั่น...มันก็ทำให้จิตใจของคนอ่อนไหวที่กำลังเรียกร้องหาใครสักคนหวั่นไหวได้แทบจะทันที...
นายคือคนที่ทำให้ชั้นรู้สึกอบอุ่น...
นายคือคนที่ทำให้ชั้นรู้สึกหวั่นไหว...
นายคือคนที่ทำให้ชั้นรู้สึกไว้ใจ...
นายคือคนที่ทำให้ชั้นรู้สึก...รักหมดใจ...
---------2 BE CONTINUE---------
ก่อนกดปิดเม้นกันรึยังคะ?
ไม่เม้นไม่อัพน้า..ขอบคุณมากๆค่ะทุกคน
ความคิดเห็น