ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง by aoikyosuke

    ลำดับตอนที่ #79 : ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ปู- ฝน ( ตอน รับรู้ )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.75K
      9
      9 ส.ค. 53

     ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ปู- ฝน  ตอน รับรู้ 









    "กุ้ง...เดี๋ยวตอนเย็นพี่ไปรับเองนะ...พี่น้ำฝนไม่ไปรับนะวันนี้" ไอ้ปูเอ่ยบอกน้องสาวที่เตรียมหิ้วกระเป๋าหนังสือไปโรงเรียนในตอนเช้า

    "น้องกุ้งครับ...เดี๋ยวพี่น้ำฝนไปรับเองครับ" ร่างสูงใหญ่เอ่ยบอกเด็กหญิงที่เงยหน้ามองผู้ใหญ่สองคนที่ยืนมองหน้ากันเหมือนกับว่ากำลังโกรธกัน

    "พี่ไปรับเอง...เข้าใจมั้ยกุ้ง" ไอ้ปูจูงแขนของน้องสาวออกเดิน

    และอีกแขนของเด็กหญิงก็ถูกน้ำฝนคว้ามาจูงเอาไว้

    "น้องใครวะ...อย่ามายุ่งได้มั้ย" ไอ้ปูกระแทกเสียงใส่คนที่เดินจูงแขนน้องสาวของตัวเอง และน้ำฝนก็หันมามองใบหน้าของไอ้ปูที่แสดงให้เห็นชัดว่ากำลังโมโหอยู่

    "น้องคุณปูก็น้องของผม....เหมือนกัน" น้ำฝนเอ่ยบอกแล้วก็เห็นว่า ริมฝีปากของคนที่กำลังทะเลาะด้วย ขบเข้าหากันแน่น และสะบัดหน้าหนีด้วยความโมโห

    "พี่สองคน...หนูเจ็บแขน..อย่าบีบแขนหนูได้มั้ย" เสียงแจ้ว ๆ ของเด็กหญิงทำให้สองหนุ่มต้องรีบคลายมือออก ก่อนที่น้ำฝนจะย่อกายลงและคว้าร่างเล็ก ๆ ของเด็กหญิงมาอุ้มเอาไว้

    "เดี๋ยวพี่น้ำฝนอุ้มน้องกุ้งนะ...ไปกันครับ...พี่ปูขี้โมโห...ขืนพี่น้ำฝนกับกุ้งยืนอยู่ตรงนี้ต่อ...ต้องโดนพี่ปูฆ่าตายแน่ๆ "

    ร่างสูงใหญ่ อุ้มเด็กหญิงตัวเล็ก เดินลิ่วไปที่รถและเปิดประตูรถออก เพื่อให้เด็กหญิงเข้าไปนั่งได้อย่างสบาย
    ก่อนจะเดินมาเปิดประตูอีกฝั่ง ให้กับคนที่ยังขมวดคิ้วและโมโหไม่เลิก ตั้งแต่เช้า

    และร่างนั้นก็เข้ามานั่งในรถ โดยมีน้ำฝนก้าวเข้ามานั่งในส่วนของคนขับ และเหลือบสายตาไปมองร่างของคนที่หันหน้าหนีอีกทาง


    น้ำฝนคว้าเข็มขัดนิรภัย มาคาดให้อีกฝ่าย โดยที่ไอ้ปู ไม่ทันได้ตั้งตัว กำลังจะอ้าปากด่า แต่ก็เห็นสายตาดุ ๆ ที่เหมือนกับจะบอกว่า มีน้องกุ้งนั่งอยู่ที่เบาะหลังด้วยอีกคน

    ไอ้ปูต้องกัดฟัน เพื่อระงับความโมโหเอาไว้ แต่คนที่มาคาดเข็มขัดนิรภัยให้กลับเหลือบสายตาไปมองเด็กหญิงที่นั่งอยู่ที่เบาะด้านหลัง


    ก่อนจะรีบกดจมูกลงที่ข้างแก้มของคนที่จ้องตาด้วยอย่างไม่ลดละ ด้วยความเร็ว และรีบกลับมานั่งที่ของตัวเองในทันที

    "ไอ้ฝน...มึง..ไอ้ฝน..."

    ฝ่ามือแกร่งกำหมัดแน่น เตรียมจะกระชากเสื้อของอีกฝ่ายเข้ามาชกหน้า แต่เด็กหญิงก็ร้องเสียงหลง

    "พี่ปูใจร้าย......พี่ปูจะตีพี่น้ำฝนเหรอ....พี่ปูใจร้าย....พี่ปูจะตีพี่น้ำฝนทำไม"

    เสียงร้องของเด็กหญิงทำให้ต้องละมือออกจากคอเสื้อของคนที่นั่งอมยิ้มเจ้าเล่ห์และเปลี่ยนเป็นปัดที่คอเสื้อให้

    "ไม่ใช่...เสื้อพี่น้ำฝนเปื้อน พี่แค่เช็ดให้เฉย ๆ กุ้งเข้าใจผิดแล้ว...เอ้า ๆ กลับไปนั่งให้เรียบร้อยเลย...เดี๋ยวไปโรงเรียนสาย"

    ใบหน้าของน้ำฝน ลอบยิ้มอย่างนึกขำ และเหลือบสายตามองใบหน้าคมที่เอาแต่กัดฟันไปตลอดทาง แถมยังนั่งนิ่งไม่ยอมพูดอะไรอีก

    "ปู...เดี๋ยวฝนไปส่งน้องกุ้งแล้ว...เดี๋ยวเราไปคุยกันนะ"

    น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยบอก และหันไปมองใบหน้าด้านข้าง ของคนที่นั่งมองไปที่หน้าต่าง

    "ปูครับ....ฝนบอกว่าเดี๋ยวฝนไปส่งน้องกุ้งแล้ว...เราไปคุยกันนะครับ.."

    ที่จริงก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายรับรู้ แต่ก็แค่อยากลองแกล้งดูบ้างเท่านั้น แล้วก็มีเพียงความเงียบ

    "พี่ปูจ๋า...พี่ฝนบอกว่าจะคุยกับพี่ปูจ่ะ" เด็กหญิงที่อยู่หลังรถ เอ่ยบอกพี่ชาย และไอ้ปูก็หันไปส่งยิ้ม เจื่อน ๆ ให้กับน้องสาว

    "เหรอ...พี่ได้ยินแล้ว...." ไอ้ปูหันกลับมาอีกครั้ง และมองออกไปที่นอกหน้าต่างรถ มองสายฝนที่หยดลงมาในตอนเช้า..ท้องฟ้ามืดครึ้ม

    "พี่ฝนมีเพลงแครอทด้วยนะน้องกุ้ง....เดี๋ยวพี่ฝนเปิดให้ฟังนะ" ใบหน้าที่ยิ้มระรื่นยิ่งทำให้ไอ้ปูรู้สึกหงุดหงิด

    น้ำฝนนั่งหัวเราะและเคาะพวงมาลัยรถเล่นโดยมีน้องกุ้ง ร้องเพลงตามไปด้วย แต่ไอ้ปูกลับยิ่งหงุดหงิดโมโหมากขึ้นเรื่อย ๆ จนหยุดไม่อยู่

    "หยุดสักทีสิโว้ยยยยยยยยยย"

    เสียงที่เอะอะโวยวายของไอ้ปู ทำให้น้ำฝนต้องรีบปิดวิทยุ ก่อนจะหันกลับไปมองเด็กหญิงที่ตกใจจนต้องเอามือปิดปากเหมือนกำลังจะร้องไห้ เพราะตกใจเสียงตะโกนโวยวายของพี่ชาย

    "ทำให้น้องกุ้งตกใจนะครับ..." น้ำฝนเองก็เครียดไม่แพ้กัน จ้องมองใบหน้าของไอ้ปู ก่อนจะหันหน้าหนีมาสนใจกับการขับรถ

    ไม่มีใครพูดอะไรอีก

     

    "หนูขอโทษ...ก็พี่ปูชอบร้องให้ฟัง....หนูร้องเสียงดัง...หนูขอโทษ " เสียงสั่นเครือของน้องสาวทำให้ไอ้ปูแทบอยากจะร้องไห้ตาม รีบหันหน้าไปมองร่างเล็ก ๆ ที่นั่งเอามือปาดน้ำตาอยู่ที่หลังรถ

    "ไม่ร้องแล้วนะกุ้ง..พี่ขอโทษนะ..เช็ดน้ำตาเลย..ห้ามร้องไห้นะ..เร็วเลย...เด็กดีเขาไม่ร้องไห้งอแงหรอกนะ"
    เสียงที่เอ่ยบอกกับเด็กหญิง ฟังดูอ่อนโยน แตกต่างจากเวลาที่พูดกับน้ำฝนอย่างสิ้นเชิง จนในที่สุดเด็กหญิงตัวเล็กก็หยุดร้องไห้

    น้ำฝนมองเมินไปอีกทาง ตอนนี้ใครกันแน่ที่อยากจะร้องไห้

    บรรยากาศมันแย่มาตั้งแต่เช้าแล้ว
    พยายามให้อะไร อะไรมันดีขึ้น แต่ตอนนี้มันยิ่งแย่ลงไปใหญ่

    คุณปูโมโหจนหยุดเอาไว้ไม่อยู่ด้วยซ้ำ
    แม้กระทั่งต่อหน้าน้องสาว ก็โมโหได้อย่างไม่น่าเชื่อ

    ดวงตาคมหมองเศร้าลง
    รักอยู่คนเดียว
    เรื่องเมื่อคืนก็คงเป็นแค่ฝันดี แล้วคุณปูเขาก็เห็นเป็นฝันร้ายของเขา ถึงได้ตั้งหน้าตั้งตาโกรธกันขนาดนี้

    ก็ไม่ใช่คนที่คุณปูเขารักนี่ จะให้ทำยังไง

    รถเคลื่อนได้อย่างสะดวก และมาจอดที่หน้าโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง

    ประตูรถถูกเปิดออก โดยมีหนุ่มร่างสูงกางร่มออกและ ก้าวเดินออกจากรถ อุ้มน้องสาวเดินลงจากรถ ก่อนจะส่งร่มคันเล็กอีกคันให้กับน้องสาว และเด็กหญิงพนมมือไหว้พี่ชาย
    ก่อนจะเดินมาที่ประตูรถ และพนมมือไหว้คนที่มาส่ง ก่อนจะรีบวิ่งไปที่หน้าประตูโรงเรียน

    ไอ้ปูก้าวกลับเข้ามานั่งในรถในส่วนที่นั่งของตัวเอง และก็นั่งเงียบอยู่อย่างนั้น ไม่พูดไม่จาอะไรอีกเลย

    ความเงียบงัน บรรยากาศอึมครึมอย่างเห็นได้ชัด ต่างคนต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
    จนกระทั่งฝ่ามืออุ่น ๆ เคลื่อนไปวางไว้บนฝ่ามือของอีกคนที่เตรียมจะสะบัดหนี แต่ก็ถูกยึดเอาไว้ให้อยู่นิ่ง ๆ

    สายฝนโปรยปราย แม้ไม่ตกหนัก แต่ก็ทำให้เปียกได้

    การจราจรติดขัด โดยมีสองร่างนั่งเงียบ ๆ อยู่ในรถเหมือนถูกขังแยกจากโลกภายนอก
    คนขับมองฝ่าสายฝน และหันมามองใบหน้าด้านข้างของคนที่นั่งนิ่ง ๆ นั้นหลายครั้ง
    บางครั้งมือคว้าที่เกียร์รถ หรือต้องละไปจับพวงมาลัยรถ

    แต่สุดท้าย ก็จะกลับมากุมที่มืออุ่น ๆ ของคนที่นั่งมองสายฝนที่หยดลงที่หน้าต่างที่นั่งเงียบ ๆ อยู่เคียงข้าง

    ไม่รู้ว่าระหว่างที่ต้องนั่งเงียบ ๆ อยู่อย่างนั้นต้องคิดอะไรบ้าง

    "ผมรักคุณปูนะครับ" เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยบอก ความอ่อนโยนถูกส่งผ่านจากคำพูดสู่ฝ่ามือและถ่ายทอดไปถึงหัวใจของคนฟัง


    อากาศภายนอกหนาวเย็น....แต่ภายในกลับอบอุ่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ

    "รู้แล้ว"

    เสียงที่ตอบกลับมาทำให้น้ำฝนเหม่อมองออกไปนอกรถ
    ข้อความที่พูดออกไป ส่งผ่านไปถึงสมองส่วนรับรู้ของร่างที่นั่งอยู่เคียงข้าง
    แค่การตอบรับเท่านั้น.......ไม่มีอะไรมากกว่าการรับรู้

    ต่างฝ่ายต่างสับสน และจมอยู่ในความคิดของตัวเอง
    ฝ่ามือที่คว่ำวางไว้บนหัวเข่าค่อยหงายขึ้นและประสานมือกับคนที่กุมเอาไว้

    ดวงตาสองคู่ที่หันกลับมาประสานกันนิ่งนาน... ก่อนจะหันกลับไปมองสายฝนที่หยดลงที่หน้าต่างอีกครั้ง

    ไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมาอีกสักคำ
    มีเพียงความสับสนและไม่แน่ใจกับสิ่งที่ทำอยู่
    ไม่รู้ว่าจะต้องทนทุกข์กับความรู้สึกนี้ไปอีกนานแค่ไหน
    รู้เพียงแค่ว่า วินาที อบอุ่นจนไม่อยากแยกจากกัน

    แต่กลับไม่สามารถหยุดเวลาเอาไว้ได้
    ได้แต่ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นความแค่ความทรงจำที่สวยงาม......และพัดผ่านจากไป..เป็นแค่ช่วงเวลาที่สวยงามช่วงหนึ่งในชีวิตเท่านั้น

     

    *******************************


    ปูไม่หนีบ  แต่ยอมรับรักฝนแว้วววว
    ปล  เหนื่อยสุดๆ  ตอนนี้  เหนื่อยจนไม่อยากพูดกับใครเลยอ่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×