ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง by aoikyosuke

    ลำดับตอนที่ #151 : ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค อารยะ-อิท (ตอน ก็ผมชอบพูดตรง ๆ )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.26K
      10
      16 ต.ค. 53

     ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค อารยะ-อิท  ตอน ก็ผมชอบพูดตรง ๆ







    ผ้าปูเตียงผืนยาวถูกนำมาตากไว้จนราวแทบไม่พอตาก ไหนจะเสื้อผ้าเด็กอ่อน ที่แขวนจนเต็ม ไหนจะที่นอนหมอนมุ้ง

    อิทธิพลเลยตากมั่วไปหมด แยกไม่ออกว่าอันไหนผ้าห่ม อันไหนเสื้อผ้าเด็ก

    ไอ้อิทโว้ย ตากผ้าภาษาอะไรวะนั่น

    เสียงป้าตะโกนดังลั่น พร้อมกับที่อารยะลุกขึ้นจากชิงช้าหน้าบ้าน เดินเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ถึงกับกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ ต๊องได้โล่ ไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ อยู่บ้าน ไอ้อิทมันเป็นถึงขนาดนี้เลยเหรอ เมื่อก่อน ดูยังไงก็เท่ห์ ดูดี หัวจรดเท้า มาดเหลือกินเหลือใช้ แต่พออยู่บ้าน เป็นแบบนี้นี่เอง ก็แปลกดีเหมือนกันนะ ดูไปดูมา ก็น่ารักดี

    อย่ายุ่งน่ะเจ๊.....เขาเรียกตากผ้าแบบฟรีสไตล์ เจ๊ไม่เข้าใจเหรอว่ามันคือศิลปะ มันคือศิลปะการตากผ้าแบบใหม่นะเจ๊อิทเพิ่งคิดได้เมื่อกี้เอง โห่ ไม่สนับสนุนแล้วยังบ่นอีก

    ไม่มีวี่แววว่าอิทธิพลจะจัดการยังไงกับผ้าที่ตากเฉียงไปเฉียงมาเลยสักนิด มิหนำซ้ำยังหัวเราะอย่างมีความสุขไปซะอีก

    เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ

    อารยะก้าวเท้ายาว ๆ เดินเข้าไปหาคนที่กำลังง่วนอยู่กับการตากผ้า แล้วก็หัวเราะเสียงเบา

    ทำไมเอาไม้หนีบผ้าไปหนีบผมล่ะ เดี๋ยวก็โดนไม้หนีบหนีบผมพันกัน เวลาดึงออกไม่เจ็บแย่เหรอ

    เสือกแล้วมั้ยล่ะ หัวกูนะโว้ย เสือกอะไรด้วยเนี่ย ใบหน้าที่ยิ้มระรื่นเมื่อไม่กี่นาทีก่อน กลายเป็นบึ้งตึง และดึงไม้หนีบผ้าออกจากผม

    แต่.......

    เฮ้ย มันพันผมอ่ะ แกะไงวะ แกะให้หน่อยซิ แม่งติดอีก

    ป้าของอิทธิพลยืนมองภาพหลานชายที่ป้ำ ๆ เป๋อ ๆ และกำลังพยายามแกะไม้หนีบผ้าออกจากผมแล้วก็หัวเราะ

    มันโง่อีกแล้วไอ้อิท.....อย่าไปแกะให้มัน...ศิลปะนักนะเอ็งไอ้อิท เป็นไงล่ะ

    ทั้งป้าทั้งแม่ของอิทธิพล รวมทั้งแม่ของอารยะเองก็มายืนดูสองหนุ่มที่กำลังยืนแกะไม้หนีบผ้าออกจากผม แล้วก็พากันหัวเราะ

    มองอะไรกันเจ๊ ไม่เคยเห็นผมคนติดไม้หนีบหรือไง

    อิทธิพลยังตะโกนบอก เล่นเอาผู้ใหญ่สามคนหัวเราะกัน เพราะความติงต๊องของอิทธิพล แล้งต่างก็ส่ายหน้าด้วยความขบขัน ก่อนจะพากันเดินเข้าบ้าน ไปช่วยกันจับหลานสาวที่กำลังหัดคลาน ไปทั่วบ้าน

    แล้วมีใคร ที่ไหนเขาเอาไม้หนีบผ้าไปหนีบผมกันล่ะ นี่ก็เพิ่งเห็นเหมือนกัน สงสัยรายแรกของประเทศไทย

    อารยะ หัวเราะด้วยความขำ ที่คนต้องหน้า ทำหน้ามุ่ย แถมซ้ำยังจะหงุดหงิดจนพยายามจะแกะไม้หนีบผ้าออกจากผมเองซะอีก

    อิทอย่าแกะสิ เดี๋ยวพันมากกว่านี้ มันจะเจ็บ เนี่ย เดี๋ยวก็แกะออก ดีกว่าหมากฝรั่งติดหรอกน่ะ อยู่เฉย ๆ สิ

    เพราะโดนสั่งให้หยุด อิทธิพล เลยหยุดนิ่ง แล้วก็ยืนนิ่งไม่ขยับ จนอารยะรู้สึก

     

    ทำไมล่ะ เป็นอะไรอีก งอนอะไรนักหนา พูดดี ๆ ยังไม่ได้เอ็ด ไม่ได้ว่าอะไรเลย แม่กับป้าบอกว่าอิทขี้งอน
    สงสัยท่าจะจริง เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย

    อารยะก้มหน้าลงมาถาม คนที่ยังคงยืนนิ่ง ไม่ขยับร่าง ยืนนิ่ง ๆ เหมือนแกล้งประชดจนอารยะอ่อนใจ

    ขยับได้แล้ว ออกแล้วเนี่ย อารยะเอ่ยบอกกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าและก็เห็นว่าอิทธิพลกำลังทำหน้างอหงิกเดินไปสะบัดผ้าและใช้ไม้หนีบผ้าในตะกร้าผ้าออกมาหนีบผ้าจนเต็มราว

    ช่วยอารยะเดินเข้ามาใกล้ คนที่ไม่ยอมพูดไม่ยอมคุย แล้วก็ก้มลงเอ่ยบอก

    งอน

    ขยันงอนนะ

    แต่อิทธิพลยังตีหน้าเฉย ก่อนจะสะบัดผ้าเปียก ๆ ใส่หน้าของอารยะ แล้วก็เดินลอยหน้าลอยตาทำเหมือนไม่เห็นอารยะอยู่ในสายตา

    อิท มันเปียกนะเว้ย อะไรของมึงนักหนาเนี่ย หือ เปียกเลย เดี๋ยวก็แก้ผ้าเดินซะหรอก เอาให้เหมือนตอนอยู่ด้วยกันเลยดีมั้ย

    ทั้งที่พยายามจะลืม ๆ แต่ปากกลับเผลอหลุดพูดออกมา โดยที่ไม่ทันได้คิด

    อิทธิพลหันหน้าไปจ้องมองใบหน้า ของอารยะ นิ่งงัน และขบริมฝีปากแน่น อาการไม่พอใจ หงุดหงิดโมโหพุ่งสูงขึ้นมาทันที และกำลังเตรียมจะเดินหนี แต่ถูกรั้งข้อมือเอาไว้

    อิท ....

    อารยะเรียกชื่อคนที่กำลังผละจาก และรู้แน่แล้ว ว่าอิทธิพลกำลังโกรธ

    อิท...แม้จะรั้งเอาไว้ แต่มือที่สะบัดหนีใช้แทนคำตอบได้ดี

    เราไม่เคยรู้จักกัน อย่ามาเรียกเหมือนกับรู้จักกันมานานหน่อยเลย

    คำตอบบ่งชี้แน่ชัดว่าอิทธิพลกำลังโกรธ แต่อารยะก็ไม่คิดจะปล่อยมือ

    ถึงเราไม่รู้จักกัน แต่ความเป็นจริง ก็คือ เรายิ่งกว่ารู้จักกันซะอีก ผมรู้ว่าคุณโกรธผม เป็นใครก็ต้องโกรธทั้งนั้น แต่ผมรักคุณไปแล้วคุณอิทธิพล อย่ามาทำเฉยชาใส่ผม แล้วก็อย่ามาทำเป็นเมินเฉย หรือแกล้งลืมผมง่าย ๆ

    แค่เพียงคำพูด ที่เอ่ยบอก ถ้อยคำที่ทำให้ความอดทนของอิทธิพล ถึงขีดสุด

    อย่ามาทำเฉยชา อย่าทำเป็นเมินเฉย

    ทำไม จะสั่งหรือไง มีสิทธิ์อะไรมาสั่งวะ แม่ง ไปไกล ๆ ตีนเลยไป๊ สั่งเหรอ มึงคิดจะสั่งกูใช่มั้ย รักบ้าอะไร
    คนรักกัน ทำไมมาสั่งกันแบบนี้ มีสิทธิ์อะไรวะ ไอ้ยะ มึงมีสิทธิ์อะไรมาสั่งกู เหี้ยเอ้ย

    ทำไมจะทำไม่ได้ จะทำ จะเฉย มึงมีปัญหามั้ย ไม่ได้แกล้งลืมด้วย แต่จะลืมจริง ๆ เว้ย ทำไม มีปัญหาหรือไง คิดจะมาสั่งหรือไง อย่ามายุ่งนะเว้ย ไม่อย่างนั้นจะหาว่ากูไม่เตือน มึงอยากมีเรื่องกับกูมากนักใช่มั้ย เอาเลยมั้ย ห๊า เอาเลยมั้ย

    มือกำแน่นที่คอเสื้อของอารยะ และตะคอกถามเสียงดังด้วยความหงุดหงิดโมโห ทั้งสีหน้าทั้งแววตาบ่งบอกว่ากำลังโมโหสุด ๆ และอยากจะหาเรื่องทะเลาะด้วยจริง ๆ


    อารยะถึงกับส่ายหน้า ไปมา ด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสูง และก้มกลับลงมาอีกครั้ง ใกล้กันขนาดนี้ ขอกอดเอวหน่อยแล้วกัน เรียวแขนยกโอบรัดรอบเอว คนที่กำลังกระชากคอเสื้อ และก้มลงกระซิบบอกเสียงเบาที่ข้างหู

    เปล่าหรอก ไม่ได้สั่ง แต่ถ้าคุณอิทธิพลเฉยชากับผมทีไร ใจมันสั่น มือก็สั่น ยิ่งคุณอิทธิพลทำหน้าเฉย ๆ ผมก็ยิ่งคิดถึง กินข้าวไม่อิ่ม นอนไม่ค่อยหลับ อยากจะมาทำให้ยิ้มบ้าง เพราะเวลาคุณเย็นชาใส่ที่ไร ผมยิ่งคิดอยากจะได้คุณมากขึ้นทุกที บอกแล้วว่าอยากเอาไปนอนกอดที่บ้าน จำไม่ได้เหรอ หรือว่าลืมไปแล้วหรือไง

     

    ***********************************

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×