คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #151 : ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค อารยะ-อิท (ตอน ก็ผมชอบพูดตรง ๆ )
ผ้าปูเตียงผืนยาวถูกนำมาตากไว้จนราวแทบไม่พอตาก ไหนจะเสื้อผ้าเด็กอ่อน ที่แขวนจนเต็ม ไหนจะที่นอนหมอนมุ้ง
อิทธิพลเลยตากมั่วไปหมด แยกไม่ออกว่าอันไหนผ้าห่ม อันไหนเสื้อผ้าเด็ก
“ไอ้อิทโว้ย ตากผ้าภาษาอะไรวะนั่น”
เสียงป้าตะโกนดังลั่น พร้อมกับที่อารยะลุกขึ้นจากชิงช้าหน้าบ้าน เดินเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ถึงกับกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ ต๊องได้โล่ ไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ อยู่บ้าน ไอ้อิทมันเป็นถึงขนาดนี้เลยเหรอ เมื่อก่อน ดูยังไงก็เท่ห์ ดูดี หัวจรดเท้า มาดเหลือกินเหลือใช้ แต่พออยู่บ้าน เป็นแบบนี้นี่เอง ก็แปลกดีเหมือนกันนะ ดูไปดูมา ก็น่ารักดี
“อย่ายุ่งน่ะเจ๊.....เขาเรียกตากผ้าแบบฟรีสไตล์ เจ๊ไม่เข้าใจเหรอว่ามันคือศิลปะ มันคือศิลปะการตากผ้าแบบใหม่นะเจ๊อิทเพิ่งคิดได้เมื่อกี้เอง โห่ ไม่สนับสนุนแล้วยังบ่นอีก”
ไม่มีวี่แววว่าอิทธิพลจะจัดการยังไงกับผ้าที่ตากเฉียงไปเฉียงมาเลยสักนิด มิหนำซ้ำยังหัวเราะอย่างมีความสุขไปซะอีก
“เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ”
อารยะก้าวเท้ายาว ๆ เดินเข้าไปหาคนที่กำลังง่วนอยู่กับการตากผ้า แล้วก็หัวเราะเสียงเบา
“ทำไมเอาไม้หนีบผ้าไปหนีบผมล่ะ เดี๋ยวก็โดนไม้หนีบหนีบผมพันกัน เวลาดึงออกไม่เจ็บแย่เหรอ”
เสือกแล้วมั้ยล่ะ หัวกูนะโว้ย เสือกอะไรด้วยเนี่ย ใบหน้าที่ยิ้มระรื่นเมื่อไม่กี่นาทีก่อน กลายเป็นบึ้งตึง และดึงไม้หนีบผ้าออกจากผม
แต่.......
“เฮ้ย มันพันผมอ่ะ แกะไงวะ แกะให้หน่อยซิ แม่งติดอีก”
ป้าของอิทธิพลยืนมองภาพหลานชายที่ป้ำ ๆ เป๋อ ๆ และกำลังพยายามแกะไม้หนีบผ้าออกจากผมแล้วก็หัวเราะ
“มันโง่อีกแล้วไอ้อิท.....อย่าไปแกะให้มัน...ศิลปะนักนะเอ็งไอ้อิท เป็นไงล่ะ”
ทั้งป้าทั้งแม่ของอิทธิพล รวมทั้งแม่ของอารยะเองก็มายืนดูสองหนุ่มที่กำลังยืนแกะไม้หนีบผ้าออกจากผม แล้วก็พากันหัวเราะ
“มองอะไรกันเจ๊ ไม่เคยเห็นผมคนติดไม้หนีบหรือไง”
อิทธิพลยังตะโกนบอก เล่นเอาผู้ใหญ่สามคนหัวเราะกัน เพราะความติงต๊องของอิทธิพล แล้งต่างก็ส่ายหน้าด้วยความขบขัน ก่อนจะพากันเดินเข้าบ้าน ไปช่วยกันจับหลานสาวที่กำลังหัดคลาน ไปทั่วบ้าน
“แล้วมีใคร ที่ไหนเขาเอาไม้หนีบผ้าไปหนีบผมกันล่ะ นี่ก็เพิ่งเห็นเหมือนกัน สงสัยรายแรกของประเทศไทย”
อารยะ หัวเราะด้วยความขำ ที่คนต้องหน้า ทำหน้ามุ่ย แถมซ้ำยังจะหงุดหงิดจนพยายามจะแกะไม้หนีบผ้าออกจากผมเองซะอีก
“อิทอย่าแกะสิ เดี๋ยวพันมากกว่านี้ มันจะเจ็บ เนี่ย เดี๋ยวก็แกะออก ดีกว่าหมากฝรั่งติดหรอกน่ะ อยู่เฉย ๆ สิ”
เพราะโดนสั่งให้หยุด อิทธิพล เลยหยุดนิ่ง แล้วก็ยืนนิ่งไม่ขยับ จนอารยะรู้สึก
“ทำไมล่ะ เป็นอะไรอีก งอนอะไรนักหนา พูดดี ๆ ยังไม่ได้เอ็ด ไม่ได้ว่าอะไรเลย แม่กับป้าบอกว่าอิทขี้งอน
สงสัยท่าจะจริง เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย “
อารยะก้มหน้าลงมาถาม คนที่ยังคงยืนนิ่ง ไม่ขยับร่าง ยืนนิ่ง ๆ เหมือนแกล้งประชดจนอารยะอ่อนใจ
“ขยับได้แล้ว ออกแล้วเนี่ย “ อารยะเอ่ยบอกกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าและก็เห็นว่าอิทธิพลกำลังทำหน้างอหงิกเดินไปสะบัดผ้าและใช้ไม้หนีบผ้าในตะกร้าผ้าออกมาหนีบผ้าจนเต็มราว
“ช่วย” อารยะเดินเข้ามาใกล้ คนที่ไม่ยอมพูดไม่ยอมคุย แล้วก็ก้มลงเอ่ยบอก
“งอน”
“ขยันงอนนะ “
แต่อิทธิพลยังตีหน้าเฉย ก่อนจะสะบัดผ้าเปียก ๆ ใส่หน้าของอารยะ แล้วก็เดินลอยหน้าลอยตาทำเหมือนไม่เห็นอารยะอยู่ในสายตา
“อิท มันเปียกนะเว้ย อะไรของมึงนักหนาเนี่ย หือ เปียกเลย เดี๋ยวก็แก้ผ้าเดินซะหรอก เอาให้เหมือนตอนอยู่ด้วยกันเลยดีมั้ย”
ทั้งที่พยายามจะลืม ๆ แต่ปากกลับเผลอหลุดพูดออกมา โดยที่ไม่ทันได้คิด
อิทธิพลหันหน้าไปจ้องมองใบหน้า ของอารยะ นิ่งงัน และขบริมฝีปากแน่น อาการไม่พอใจ หงุดหงิดโมโหพุ่งสูงขึ้นมาทันที และกำลังเตรียมจะเดินหนี แต่ถูกรั้งข้อมือเอาไว้
“อิท ....“
อารยะเรียกชื่อคนที่กำลังผละจาก และรู้แน่แล้ว ว่าอิทธิพลกำลังโกรธ
“อิท...” แม้จะรั้งเอาไว้ แต่มือที่สะบัดหนีใช้แทนคำตอบได้ดี
“เราไม่เคยรู้จักกัน อย่ามาเรียกเหมือนกับรู้จักกันมานานหน่อยเลย “
คำตอบบ่งชี้แน่ชัดว่าอิทธิพลกำลังโกรธ แต่อารยะก็ไม่คิดจะปล่อยมือ
“ถึงเราไม่รู้จักกัน แต่ความเป็นจริง ก็คือ เรายิ่งกว่ารู้จักกันซะอีก ผมรู้ว่าคุณโกรธผม เป็นใครก็ต้องโกรธทั้งนั้น แต่ผมรักคุณไปแล้วคุณอิทธิพล อย่ามาทำเฉยชาใส่ผม แล้วก็อย่ามาทำเป็นเมินเฉย หรือแกล้งลืมผมง่าย ๆ “
แค่เพียงคำพูด ที่เอ่ยบอก ถ้อยคำที่ทำให้ความอดทนของอิทธิพล ถึงขีดสุด
อย่ามาทำเฉยชา อย่าทำเป็นเมินเฉย
ทำไม จะสั่งหรือไง มีสิทธิ์อะไรมาสั่งวะ แม่ง ไปไกล ๆ ตีนเลยไป๊ สั่งเหรอ มึงคิดจะสั่งกูใช่มั้ย รักบ้าอะไร
คนรักกัน ทำไมมาสั่งกันแบบนี้ มีสิทธิ์อะไรวะ ไอ้ยะ มึงมีสิทธิ์อะไรมาสั่งกู เหี้ยเอ้ย
“ทำไมจะทำไม่ได้ จะทำ จะเฉย มึงมีปัญหามั้ย ไม่ได้แกล้งลืมด้วย แต่จะลืมจริง ๆ เว้ย ทำไม มีปัญหาหรือไง คิดจะมาสั่งหรือไง อย่ามายุ่งนะเว้ย ไม่อย่างนั้นจะหาว่ากูไม่เตือน มึงอยากมีเรื่องกับกูมากนักใช่มั้ย เอาเลยมั้ย ห๊า เอาเลยมั้ย”
มือกำแน่นที่คอเสื้อของอารยะ และตะคอกถามเสียงดังด้วยความหงุดหงิดโมโห ทั้งสีหน้าทั้งแววตาบ่งบอกว่ากำลังโมโหสุด ๆ และอยากจะหาเรื่องทะเลาะด้วยจริง ๆ
อารยะถึงกับส่ายหน้า ไปมา ด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสูง และก้มกลับลงมาอีกครั้ง ใกล้กันขนาดนี้ ขอกอดเอวหน่อยแล้วกัน เรียวแขนยกโอบรัดรอบเอว คนที่กำลังกระชากคอเสื้อ และก้มลงกระซิบบอกเสียงเบาที่ข้างหู
“เปล่าหรอก ไม่ได้สั่ง แต่ถ้าคุณอิทธิพลเฉยชากับผมทีไร ใจมันสั่น มือก็สั่น ยิ่งคุณอิทธิพลทำหน้าเฉย ๆ ผมก็ยิ่งคิดถึง กินข้าวไม่อิ่ม นอนไม่ค่อยหลับ อยากจะมาทำให้ยิ้มบ้าง เพราะเวลาคุณเย็นชาใส่ที่ไร ผมยิ่งคิดอยากจะได้คุณมากขึ้นทุกที บอกแล้วว่าอยากเอาไปนอนกอดที่บ้าน จำไม่ได้เหรอ หรือว่าลืมไปแล้วหรือไง”
***********************************
ความคิดเห็น