คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #59 : ตอน ยอมแพ้ (จบ)
แล้วทานตะวันก็ได้แต่นั่งมองสนามที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน
จากวินาทีแรกที่ลงสนาม ถึงวินาทีสุดท้ายที่พ่ายแพ้
แค่เพียงสายตาของอ้อนเท่านั้นที่ไล่ตาม ปราศจากสายตาของใคร ๆ
ผิดหวังและเหมือนตัวเองสูญเสีย ไม่ใช่แค่แม่ที่ไม่มา แต่เหมือนกับว่าถูกสายตาของเพื่อนร่วมทีมทิ่มแทง
แพ้ยับเยิน 0 ต่อ 3 ทำสกอร์ไม่ได้ แพ้แบบหมดรูป หลังหมดเวลาการแข่งขัน
ทุก ๆ สายตาที่มองมา มีแต่แววตัดพ้อ และไม่มีเสียงปรบมืออย่างที่ต้องการ ในวินาทีที่ยืนนิ่งคอตกอยู่ในสนามหลังหมดเวลาการแข่งขัน เพื่อนร่วมทีมทั้งหมดเดินจากไปแล้ว และทิ้งไว้เพียงใครคนหนึ่งที่ยืนนิ่งมองความว่างเปล่า
จับมือกันเมื่ออีกฝ่ายได้ชัยชนะ และคว้าถ้วยรางวัลไปครอง ทั้งที่ตัวเองอยากร้องไห้ และเพื่อนร่วมทีมที่ฝึกซ้อมกันมาหลายเดือน ต่างก็ยืนร้องไห้ จ้องมองถ้วยรางวัลที่ต้องการ และต่างเดินหันหลังเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านักกีฬา
ไม่มีคำปลอบใจจากใครสักคน ทุกคนต่างตกอยู่ในอาการเดียวกัน
"เราแพ้ว่ะพี่ทาน...." คำเดียวสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่เหมือนโดนเหยียบหัวใจให้แหลกลาญ
ทานตะวันไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ และไม่ร้องไห้
ทั้งหมดแยกย้ายกันกลับ และไม่ได้หันมามองกันอีก เพราะรู้ว่าแต่ละคนกำลังร้องไห้ในใจ เพียงแต่ไม่อยากจะระเบิดมันออกมาเท่านั้น
"เราคงซ้อมกันไม่พอว่ะพี่ ปีหน้า...พี่มาดูพวกผมแข่งนะ ปีหน้าพวกผมสัญญาว่าจะเอาถ้วยรางวัลมาเป็นของเราให้ได้ พวกผมสัญญาจริง ๆ พี่ทาน"
ไม่ใช่ทานตะวันที่ปลอบใจเพื่อนร่วมทีม แต่เป็นไอ้พวกเด็กในชมรมที่ไม่เอาถ่าน ที่ทำให้ต้องเอะอะโวยวายอยู่บ่อยๆ กำลังปลอบใจทานตะวัน
คำพูดง่าย ๆ แต่ทำให้กลั้นน้ำตาเอาไว้แทบไม่อยู่
"เออ พี่รู้ว่าพวกมึงต้องทำได้ นัดพวกเราไปให้หมด จะฉลองให้เต็มคราบเลย พี่เลี้ยงเอง"
กลั้นใจพูดออกไป และพยายามจะยิ้มให้เต็มภาคภูมิ แพ้แล้วสินะ สุดท้ายก็แพ้
ช่วยไม่ได้
ก็พยายามแล้ว พยายามอย่างเต็มที่แล้ว
ได้ถึงขนาดนี้แล้ว จะไม่ให้มีความสุขได้ยังไง เมื่อวันนี้มาถึง วันที่ได้เรียนรู้สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
..............ความเสียใจ.......ความพ่ายแพ้.........และการที่ต้องหมดหวังกับสิ่งที่หวัง..................
แต่...
ก็ไม่เห็นว่าจะตาย
ตอนนี้ก็ยังยืนอยู่
ยืนอยู่ในสนาม
สนามที่ปราศจากผู้คน
สนามที่ทำให้พยายามและทำให้มีชีวิตชีวา
ใบหน้าคมแหงนเงยขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีหม่น และพยายามยิ้มให้กว้างที่สุด กว้างให้เท่ากับแผ่นฟ้าที่กว้างใหญ่
"แพ้ซะแล้ว....แถมแม่ยังไม่มาดูซะอีก....ทาน...แพ้แล้วแหละอ้อน"
ทานตะวันก้มหน้าลงมา และหันไปเอ่ยบอกกับคนที่มายืนนิ่งเงียบอยู่ข้าง ๆ
เสียใจแทบตาย แต่ก็ได้รู้ว่านี่ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
"งั้นเหรอ...แพ้แล้วเหรอ.....แย่จังเลยนะ...."
อ้อนยังยืนอยู่ตรงนี้
และหันมาส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเหมือนทุกวัน ไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจากวันก่อน ๆ
แพ้....งั้นเหรอ
แข่งแพ้เสียใจ จนอยากจะร้องไห้ให้ดังที่สุด เสียใจกับสิ่งที่หวังแต่กลับไม่เป็นอย่างที่หวัง
เสียใจ
อยากจะร้องไห้
อยากจะร้องไห้เสียงดัง ๆ
แต่...........ทำไมถึงได้รู้สึกโล่งใจและสบายใจขนาดนี้
"ทาน กลับบ้านกันเถอะนะ...วันนี้แม่บอกว่าจะทำของโปรดให้กิน...เมื่อเช้าเราบอกเขาว่าให้ทำของที่ทานชอบไว้ให้....เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนี่นะ...เย็นนี้เราจะช่วยทานอาบน้ำ แล้วก็จะช่วยถูหลังด้วย...แต่มีข้อแม้ว่า...
คืนนี้ทานต้องให้เราปลอบใจนะ....สัญญาได้มั้ย"
หนูน้อยแก้มแดงพูดไป ยิ้มไป และยังคงยืนอยู่เคียงข้างไม่ได้ขยับกายหนีหายไปไหน
แพ้งั้นเหรอ
แพ้....
การแพ้ทำให้เรารู้จักการยอมรับความพ่ายแพ้ และรู้จักการลุกขึ้นยืนเพื่อจะก้าวเดินก้าวใหม่
"วันนี้แม่ทานไม่มา พรุ่งนี้ก็ต้องมา ถ้าพรุ่งนี้ไม่มา วันถัดไปก็ต้องมา ถ้าวันถัดไปไม่มา เราก็ไปหาเขาเลย ทานว่าดีมั้ย........."
ทานว่าดีมั้ย
ดีมั้ยงั้นเหรอ
คำถามง่าย ๆ แต่ทำให้ใบหน้าที่บึ้งตึง ค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมาได้
อ้อนหมายถึงว่า
วันนี้มันก็เหมือนทุก ๆ วัน เหมือนวันก่อน ๆ หรืออาจจะเหมือนวันพรุ่งนี้
ต่อให้เราเสียใจหรือร้องไห้แทบตาย เราก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้
เราต้องทำวินาทีนี้ให้ดีที่สุดอย่างนั้นใช่หรือเปล่า
"จริงสินะ แม่ไม่มาทานไปหาก็ได้นี่ ทานเชื่ออ้อน...งั้น...เรากลับบ้านไปกินข้าวฝีมือแม่อ้อนกันเถอะ ตอนนี้ทานหิวแล้วล่ะ วันนี้อ้อนคุยกับแม่แล้วใช่มั้ยล่ะ ดีจังเลย งั้นคืนนี้ทานจะโทรไปบอกแม่ว่าทานแข่งแพ้ซะแล้ว..เนอะ"
ไม่อยากเชื่อ
แม้แต่ตัวเองยังไม่อยากจะเชื่อว่าจะสามารถพูดคำพูดนี้ออกมาได้ง่าย ๆ
คำพูดที่ทำให้รู้ว่าไม่ว่ายังไงก็ไม่เป็นไร นี่ไม่ได้เจ็บปวดเจียนตายเลยหรือไง ไม่เห็นว่าจะเป็นอะไรเลย
ทั้งที่คิดว่าจะร้อนรนจนทนไม่ไหว แต่กลับไม่เป็นไรเลยด้วยซ้ำ ทำไมถึงได้รู้สึกดีขนาดนี้ รู้สึกดีมาก
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่คาดฝันย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ
ดีเหลือเกินที่มีคน ๆ นี้เป็นกำลังใจอยู่ข้าง ๆ ดีเหลือเกินที่ทานมีอ้อนอยู่เคียงข้าง
"กลับบ้านกันเถอะอ้อน กลับบ้านกัน"
ทานตะวันหันมายิ้มให้กับอ้อนที่เงยหน้าขึ้นและส่งยิ้มตอบกลับมาให้ ฝ่ามือค่อย ๆ กุมกระชับและเกาะเกี่ยวกันเอาไว้แนบแน่น
ทานตะวันหันกลับไปยิ้มให้กับสนามหญ้าที่ทำให้ตัวเองได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างอีกครั้ง
ความสุข ที่ทำให้ยิ้ม
ความเศร้า ที่ทำให้หัวใจหม่นหมอง
ความเหงาที่กัดกร่อนหัวใจ
ความทุกข์ที่ทำให้ร้องไห้ทุรนทุรายบ้าคลั่ง
และสุดท้าย...........มิตรภาพและความรัก ที่ทำให้ลุกขึ้นยืนและก้าวข้ามผ่านความเสียใจไปได้
จากนี้ไป ก็ยังคงต้องก้าวไปข้างหน้า ไม่ว่าจะเจอกับอะไรก็ยังต้องเดินทางต่อไป
ข้างหน้าที่ยังมองไม่เห็นทาง และยังไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง
ข้างหน้ามีอะไรรออยู่นะ
ข้างหน้าที่จะเดินไปพร้อมกับคน ๆ นี้มีอะไรรออยู่
ทานตะวันหันมาส่งยิ้มให้อ้อนที่ยังเดินเคียงข้างไม่ห่าง
กลับบ้านกันเถอะ....กลับบ้านกัน....กลับบ้านไปพร้อมกับคนที่เดินเคียงคู่กันคนนี้
"ทานรักอ้อนจังเลย....แล้วทานก็หิวข้าวแล้วด้วยกลับบ้านไปกินข้าวกันดีกว่า"
เป็นเสียงของทานตะวันที่บ่นออกมาและทำหน้างอ ยกมือขึ้นลูบท้องเป็นการบอกให้รู้ว่าวันนี้ทั้งเหนื่อยแล้วก็ทั้งหิว
"เออ เราก็รักทาน....ป่ะ กลับบ้านไปกินของอร่อยที่บ้านเรากัน"
อีกครั้งที่ทำให้ใบหน้าของทานตะวันมีรอยยิ้ม เมื่อได้ฟังคำพูดของอ้อน
วันนี้ก็แค่เป็นอีกหนึ่งวันที่ได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง
ถ้าไม่รู้จักรสชาดของความทุกข์ จะซาบซึ้งกับความสุขได้ยังไง
ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ วันนี้ พรุ่งนี้ หรือวันต่อ ๆ ไป
ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่ว่าวันนี้หรือพรุ่งนี้อ้อนก็ยังอยู่ข้าง ๆ นี่นา
เราก็จะเดินไปด้วยกัน และเป็นกำลังใจให้กันตลอดไป เราจะไม่มีวันทอดทิ้งกัน ไม่มีวันนั้น ไม่มีวัน
Fin
**********************************************
จบได้อบอุ่นมากกับเรื่องนี้ ทานกับอ้อนเค้ามาเติเมเต็มให้กันและกัน ผ่านอะไรร่วมกันมาก็เยอะ
ความคิดเห็น