ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง by aoikyosuke

    ลำดับตอนที่ #48 : ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ภาคี-ต้นสน ตอน แล้วเราก็รักกัน (ภาคผัดกระเพราปลาหมึก)

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ค. 53


     ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ตอนแล้วเราก็รักกัน  (ภาคผัดกระเพราปลาหมึก)





















    "โหย...อะไรมันจะซวยขนาดนี้วะ..."

     

    ต้นสนอยากจะเอามือเขกหัวตัวเอง เมื่อพบว่าลืมกุญแจบ้านไว้ภายในบ้าน และวันนี้ทรายน้องสาวของเขาก็พาน้องสาไปบ้านย่าที่ต่างจังหวัด แล้วจะเข้าบ้านยังไงเนี่ยต้องนอนหน้าบ้านหรือไง

     
    จะให้ทุบกุญแจงัดประตูบ้านก็ไม่คุ้มกันอีก ต้องไปซื้อแม่กุญแจใหม่สิ้นเปลืองกันพอดี แล้วนี่จะเอาไงดี วันนี้เป็นวันหยุด ขอแลกกะกับอีกคนหนึ่งเสียด้วย จะไปทำงานที่ร้านสะดวกซื้อทั้งอย่างนี้ดีหรือเปล่าเนี่ย ไม่แลกกะแล้ว
    แล้วเมื่อเช้าแทนที่จะเอากระเป๋าตังค์ออกมา ดันหยิบตังค์มาแค่พอค่าข้าวกับค่ารถเมล์ คิดว่าจะซื้อข้าวมากินแล้วก็นอนให้ฉ่ำใจ หลับให้พอเสียอีก แต่เมื่อมายืนอยู่หน้าบ้านก็ปรากฏว่าลืมกุญแจบ้านเสียอีก มันน่าฆ่าตัวตายจริง ๆ แล้วคืนนี้จะไปนอนที่ไหนดีละเนี่ย

    "ต้นสน..กินข้าวยัง..." เสียงของภาคีนั่นเอง เวลา หกโมงเย็นต้องโทรมาหาต้นสนเพื่อถามว่ากินข้าวหรือยัง

    "โอ้ย...จะกินได้ไงลืมกุญแจบ้านเนี่ย...เข้าบ้านไม่ได้..แล้วคืนนี้จะไปนอนที่ไหนวะเนี่ย.." แทนที่ต้นสนจะบอกว่าเออเหมือนกับทุกครั้ง คราวนี้กลับกลายเป็นการบ่นให้ภาคีฟังเสียยืดยาว

    "มานอนบ้านพี่ก็ได้...แค่คืนเดียวเอง.." ภาคีตอบกลับอย่างมีน้ำใจ ต้นสนกับเขาก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลมีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว

    "จริงเด่ะ...ไปจริงนะเว้ย..." เหมือนสวรรค์มาโปรด กำลังคิดว่าถ้าเกิดแบตโทรศัพท์หมดขึ้นมาจะทำยังไง โชคดีที่ภาคีโทรมาไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าคืนนี้จะไปนอนที่ไหนดีเหมือนกัน

    "ครับ..." ภาคีตอบรับนึกขำกับต้นสนเหมือนกัน ทีเวลานี้คุยกับเขาคล่องเชียวนะ

    "เอองั้นเดี๋ยวไป..." ต้นสนกดวางสายไปแล้ว และถือถุงข้าวผัดกระเพราปลาหมึกเดินออกจากบ้านเพื่อมุ่งหน้าไปบ้านของภาคีต่อไป

    ***************************

    ภาคียื่นแก้วน้ำให้กับต้นสนที่เข้ามาอยู่ในบ้านของเขาเรียบร้อยแล้ว หลังจากร่างโปร่งบางนั้นตั้งหน้าตั้งตาตักข้าวเข้าปากจนหมดจาน ไม่ได้สนใจว่าภาคีจะนั่งมองอยู่หรือไม่ คงจะหิวมากเลยนะเนี่ย

    ภาคีเดินมายื่นเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยนหลังอาบน้ำให้กับร่างโปร่งบางที่รับน้ำมาดื่มจนหมดและลูบท้องของตัวเอง ก่อนจะเอื้อมรับเสื้อผ้าสำหรับใส่ผลัดเปลี่ยนอาบน้ำ

    ภาคีบอกว่าพ่อกับแม่ไปไซด์งานที่สกลนครทำให้เหลือภาคีอยู่บ้านคนเดียว แต่ต้นสนก็ยังรู้สึกเกรงใจอยู่นั่นเอง

    ร่างโปร่งนำจานไปล้างและจัดเก็บให้อย่างเรียบร้อย ก่อนจะเดินถือผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำต่อไป

    แม้จะอยู่กันสองคน แต่ทั้งสองก็ไม่ได้คุยกันแม้แต่คำเดียว

    **************************

    "อื้อ..." ต้นสนบิดกายไล่ความเมื่อยขบ เวลาเกือบสองทุ่มเป็นเวลาปกติที่จะต้องนอนก่อนไปทำงาน ทำให้ตอนนี้ต้นสนง่วงอย่างเหลือทน แต่ก็ไม่กล้าบอกกับภาคีว่าอยากจะนอนแล้ว ไม่อยากจะรบกวนให้มาก ได้แต่นั่งตาปรือ

    ในขณะที่อีกคนกำลังง่วนอยู่กับการเขียนแบบ แค่เห็นร่างบางในสภาพเสื้อยืดตัวเล็กที่สุดของเขาและกางเกงขาสั้นธรรมดา แต่ความคิดของภาคีก็เลยเถิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว วันนี้ต้นสนน่ารักเหลือเกิน น่ารักจนแทบทนไม่ไหว
    เขาจึงไม่พูดกับต้นสน เอาแต่อยู่อย่างเงียบๆ ทำทีเป็นไม่สนใจร่างโปร่งบางที่นั่งห่างออกไปไม่ไกล เขากำลังมีความรู้สึกบางอย่างกับต้นสน แต่เรื่องที่เคยทำไว้ก็ทำให้ไม่กล้าแม้จะมองร่างโปร่งบางนั้นอีกเลย ได้แต่ดึงความสนใจของตัวเองไปอยู่ที่งานเขียนแบบตรงหน้าให้หมด

    *********************************

    อ่ะ...โอยหัวจะติดพื้นอยู่แล้วเนี่ย จะเขียนแบบอะไรนักหนาวะไม่นอนสักที นี่มันจะเลยห้าทุ่มแล้วนะเนี่ย

    ไม่ไหวแล้วโว้ย...ต้นสนแอบเอนศีรษะนอนลงอย่างไม่นึกถึงความเกรงใจอีกแล้วตอนนี้ ง่วงจะตายแล้ว นอนดีกว่า

    ร่างโปร่งบางใช้แขนหนุนศีรษะและนอนลงบนพื้น อากาศกำลังเย็นสบายแบบนี้ กินข้าวอิ่มแล้วก็นอนดีกว่า หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนแล้ว

    ***********************

     

    แม้จะแอบเหลือบมองต้นสนที่นั่งดูรายการโทรทัศน์อยู่ แต่เมื่อมีงานที่ต้องส่ง จิตใจก็ไปจดจ่อกับการเขียนแบบเสียแล้ว จนไม่ทันได้ดูเลยว่าต้นสนลงไปนอนกับพื้นโดยใช้แขนหนุนศีรษะหลับไปแล้ว และเมื่อเสร็จจากงานตรงหน้าหันกลับไปมองต้นสนอีกครั้ง ก็ต้องรีบลุกขึ้นยืนและเดินไปหาต้นสนทันที

     

    ทำไมเขาแย่อย่างนี้ ปล่อยให้ต้นสนต้องมานอนที่พื้นอย่างนี้ได้ยังไง ทำไมไม่รู้จักถามว่าง่วงหรือยัง เขาน่าจะรู้ว่าต้นสนชินกับการนอนในช่วงเวลานี้มากที่สุดนี่นา


    ภาคีละจากงานที่ทำเสร็จแล้ว และเหลือบมองนาฬิกา ห้าทุ่มกว่าแล้วนี่นา

    "สน...สน..ไปนอนเถอะ.." ภาคีปลุกร่างบางให้ตื่นจากการนอน ต้นสนลุกขึ้นนั่งและยืนขึ้นทันที

    ได้เวลาทำงานแล้วนี่หว่า กี่ทุ่มแล้วเนี่ย ต้องไปทำงานแล้ว

    ต้นสนที่มีจิตใจพะวงอยู่กับการทำงานรีบลุกขึ้นยืนเหมือนคนละเมอโดยลืมไปว่าวันนี้เป็นวันหยุด

    "ไปไหนสน...ห้องนอนอยู่ทางนี้" เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกว่าเดินเซไปเซมา อย่างไม่รู้ทิศรู้ทางทั้งที่ตายังหลับอยู่
    ภาคีก็หัวเราะชอบใจ สนเวลาง่วงเป็นอย่างนี้เองหรอกเหรอ
    "อ้าว...อะไรเนี่ย..อยู่ไหนวะเนี่ย.." ต้นสนหรี่ตาขึ้นดู และก็พบว่ามือของตัวเองถูกภาคีจับไว้แล้วก็จูงให้เดินตามเข้าห้องนอน

    ร่างโปร่งบางก้มมองที่ข้อมือตัวเอง สีผิวของภาคีเป็นสีเข้ม ในขณะที่ผิวของต้นสนขาวเนียนตัดกันอย่างเห็นได้ชัด
    ผิวแบบนี้แหละที่อยากได้บ้าง ไม่ใช่ขาวซีดเป็นไก่ต้มอย่างนี้

    แต่....เฮ้ย..นี่โดนจูงแขนอยู่นี่หว่า

    กว่าต้นสนจะรู้สึกตัว ก็ถูกจูงเข้ามาในห้องนอนเสียแล้ว

    "นอนฝั่งนี้แล้วกัน...เดี๋ยวตกเตียง.." ภาคีเอื้อมหยิบหมอนส่งให้กับร่างโปร่งบาง

    แต่ตอนนี้ต้นสนนอนไม่หลับเสียแล้ว เหมือนร่างกายมันสั่งให้ตื่น ถึงเวลาตื่นก็ต้องตื่น ก็เท่านั้นเอง

    ภาคีไม่ได้ปล่อยมือจากข้อมือเล็กๆ ของต้นสนเหมือนจับแล้วก็แกล้งๆ ลืมไปซะ ขืนมาทักกันก็เขินตายกันพอดี

    "เอ่อ..." จะทักก็ไม่กล้าในเมื่อภาคีจับแขนของต้นสนเดินไปเดินมาอย่างนี้แล้วจะทักยังไงดี เดี๋ยวได้เขินกันตายพอดี


    "ง่า..คือ..." ทั้งที่พยายามจะหาข้ออ้างแต่ก็คิดไม่ออกเสียทีว่าจะบอกกับภาคียังไงจึงจะยอมปล่อยแขนต้นสนซะที

    "........." ภาคีแกล้งทำหน้าไม่เข้าใจไปอย่างนั้นเอง เอียงคอมองร่างเล็กๆ นี้อย่างสงสัย

    "ง่า..." ต้นสนไม่รู้จะพูดอะไรดี ยืนประจันหน้าอยู่กับร่างสูงที่สูงที่เลยหัวไปแล้ว และหน้าของอัษฎาก็มองเห็น
    ไหล่กว้างของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเต็มตา

    ภาคีเริ่มเขิน รู้ว่าต้นสนหมายถึงอะไรแต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือ ยังคงหันหน้าไปอีกทางทำเหมือนไม่เข้าใจอยู่อย่างนั้น
    และต้นสนก็ไม่รู้จะทำยังไง เมื่อภาคีมองไปอีกทางต้นสนก็เลยมองสวนไปอีกทางทั้งที่แขนถูกจับอยู่อย่างนั้น แต่ตอนนี้มือของภาคีเลื่อนมาจับที่มือเล็กๆ นั้นแล้ว และรับรู้ได้ว่ามือของต้นสนเย็นเฉียบแค่ไหน ซึ่งมันก็ไม่ได้ต่างกันเลย เพราะมือของภาคีก็เย็นไม่แพ้กัน แต่ต่างคนก็ยังไม่มีใครเอ่ยอะไรกันออกมา

    จนเมื่อภาคีลองเสี่ยงดึงร่างเล็กกว่าเข้ามาในอ้อมแขนและกอดรัดเอาไว้ เขาถึงได้รู้ว่าต้นสนตัวสั่น แต่ก็ยังยอมซบอยู่กับไหล่ของเขาในขณะที่มือก็ยังจับกันอยู่

    ต้นสนจะเข้าใจมั้ยถ้าภาคีจะพูดอะไรออกไป

    "พี่....อยากกินผัดกระเพราปลาหมึกได้มั้ย..สนจะให้พี่กินมั้ย" เสียงกระซิบแผ่วๆ เป็นการชวนและขออนุญาต
    ทำให้ต้นสนเข้าใจได้ในทันที

    ทั้งเขินทั้งอาย แต่ก็ไม่สามารถทานทนต่อความรู้สึกของตัวเองได้

    "ก็....ก็แล้ว...แล้วทำไม..ไม่กินล่ะ...ก็อยู่ตรงหน้าแล้วนี่" ต้นสนเข้าใจคำพูดของภาคีทันที แม้จะไม่กล้าตอบรับตรงๆ แต่ก็พอเดาความหมายได้ อายก็อายแต่ก็ยังแกล้งทำปากเก่งออกไป

    "งั้นกินล่ะนะ..." ภาคีกดปลายจมูกเข้าที่ข้างแก้มของร่างในอ้อมแขน ไม่ต้องพูดอะไรมาก แค่นี้เขาก็รู้แล้ว
    ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขาและต้นสน

    .........................................


    ใกล้จะถึงตอนนี้ที่รอคอยแล้ว  

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×