คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #167 : ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค อารยะ-อิท ( ตอน ทุก ๆ วันของเรา ) (จบ)
“แยม เย่ เย่ แยม แยม”
อิทธิพลเรียกลูกสาวที่ก้าวเดินเตาะแตะ เตาะแตะเข้ามาหา แล้วก็ปรบมือชอบใจ โดยมีสายตาของทั้งย่าเล็กย่าใหญ่และแม่ของอารยะ มองตาม ด้วยความลุ้นระลึก ว่าเด็กหญิงจะก้าวเดินได้หรือไม่
ก้าวที่หนึ่ง ก้าวที่สอง และเมื่อถึงก้าวที่สาม เด็กหญิงก็ล้มลง และร้องไห้จ้า
และก็เป็นอิทธิพลที่เข้าไปคว้าตัวลูกสาวได้ก่อน
เด็กหญิงแยม ถูกอุ้มขึ้นจนตัวลอย โดยมีฝ่ามืออุ่น ๆ ของพ่อ ลูบไล้เส้นผมของเด็กหญิง และกดให้ซบลงที่ไหล่
“แยมเก่ง ไม่เอาแล้ว ไม่ร้องแล้ว เอ่เอ้ แยมเก่งจังเลย แยมลูกพ่ออิทเก่งที่สุดเลย”
ทั้งย่าเล็กและย่าใหญ่ พากันยืนยิ้ม เมื่อเห็นภาพสองพ่อลูกที่กอดกัน
“โอ้ย หลานข้าก็เก่งอย่างนี้แหละ มีพ่อมันแหละ ที่โง่ กว่าจะพูดได้ ข้าล่ะกลั๋ว กลัว ว่ามันจะเป็นใบ้ เห็นไม่ยอมพูดเลยตอนเด็ก ๆ พอโตขึ้นมาล่ะก็ มันเถียงแม่ฉอด ๆ “
ย่าเล็กเล่าถึงเรื่องราวหนหลัง เมื่อครั้งที่อิทธิพลยังเด็กแล้วก็มองค้อนลูกชาย
“อัจฉริยะนะเจ๊ จะให้พูดแจ้ว ๆ เหมือนคนอื่นได้ไง โห่ ไรว๊า เนอะแยมเนอะ”
อิทธิพลตอบกลับแม่ของตัวเองแล้วก็โดน ย่าใหญ่ตบหัวเข้าให้
“โห่ ไอ้อิท ถ้าข้ารู้ว่าโตมาเอ็งจะช่างหาเรื่องมาให้ข้ากับแม่เอ็งปวดหัวอย่างนี้นะ ข้าเอาขี้เถ้ายัดปากเอ็งตายไปตั้งแต่เกิดแล้ว”
เสียงบ่นของย่าใหญ่ ทำให้อิทธิพลหันไปมองแล้วก็อมยิ้ม
“วางแผนฆ่าอิทตั้งแต่เด็กเลยนี่หว่า แม่ก็ใจร้าย ย่าก็ใจยักษ์ ไปแยมไป อยู่กับคนแก่มาก ๆ เดี๋ยวแยมเบื่อ เนอะ”
ร่างที่กำลังจะก้าวเดินหนี ทำให้อารยะหัวเราะ
ก็มันเป็นแบบนี้ไง งอแง งอแง แบบนี้ไง ดูยังไงก็น่ารักไม่เบื่อง่าย ๆ ยิ่งเดี๋ยวนี้ อารมณ์ดี ๆ มีการอ้อนแบบไม่รู้ตัวด้วย ไม่หลงตอนนี้ ก็ไม่รู้จะไปหลงไอ้อิทมันตอนไหนแล้ว
“แต่ยะตอนเด็ก ๆ เคยไม่พูดยังไงก็ยังไม่พูดอยู่อย่างนั้น ใช่มั้ยยะ ยัยดาสิ พูดแจ๋ว ๆ ทุกวัน “ แม่ที่เงยหน้าถามลูกชาย ทำให้อารยะหุบยิ้ม ก่อนจะก้มหน้าลง ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
แม่รักดามากกว่า
แม่ห่วงดามากกว่า
แม้แต่ตอนนี้ แม่ก็รักดามากกว่าอยู่ดี
ใบหน้าที่กลับมาขมวดคิ้วมุ่น ทำให้อิทธิพลต้องหันไปมอง
อารยะเดินมาทิ้งกายลงนั่งที่เก้าอี้ แล้วก็ส่งยิ้มเจือจางไปให้แม่ ที่ยืนมองหลานสาวอยู่ ไม่ทันได้นึกถึง ว่าจนถึงวันนี้ ลูกชายก็ยังเป็นคนขี้น้อยใจอยู่เหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
เด็กหญิงถูกทั้งย่าเล็กและย่าใหญ่คว้าไปอุ้ม และหญิงวัยกลางคนสามคน ก็พากันลงไปนั่งที่พื้น วุ่นอยู่กับการหยอกล้อกับหลานสาว แถมยังหัวเราะกันอย่างมีความสุข
“เฮ้ย”
อิทธิพลเดินมาทิ้งกายลงนั่งเคียงข้างคนที่นั่งหน้าเครียด ถึงแม้อารยะจะยิ้มบ้าง เมื่อหันไปเห็นว่าหลานสาวมีคนรักและเอาใจใส่ แต่เมื่อนึกถึงตัวเองแล้วก็ ยิ้มอย่างเศร้า ๆ
“ตอนเด็ก ๆ เคยมีใครห้อมล้อมอย่างนี้เหมือนแยมหรือเปล่านะ จำได้ว่า ทั้งพ่อกับแม่ พากันโอ๋ยัยดา ตอนที่ร้องไห้ แต่ ทุกคนบอกว่าเป็นพี่ห้ามร้องไห้ ต้องดูแลน้อง แล้วตอนนี้ไม่มีน้องให้ดูแล แต่ก็ยังมีใครให้ดูแลอยู่ อยากจะอ้อนแบบเด็ก ๆ แบบนั้นบ้างแต่คงทุเรศน่าดูเลยเนอะ”
คำพูดที่เอ่ยออกมาจากความรู้สึกที่แท้จริง ทำให้อิทธิพลกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
เรื่องน้อยใจ เป็นมานานแล้ว ไอ้ยะมันชอบคิดว่า พ่อกับแม่ ไม่รัก ทั้งที่ตอนนี้ พ่อของมันที่เคยงี่เง่า ตอนนี้ ก็ยังได้ข่าวว่า อยากให้พาหลานไปเที่ยวที่บ้าน แต่ก็ยังทิฐิอยู่ เห็นว่า แม่ของไอ้ยะ เอารูปแยมไปให้ดู เลยอยากเห็นหน้าหลาน แต่ก็ยังคงทำเป็นหน้าเข้ม ไม่ยอมเอ่ยบอกออกมาตรง ๆ แต่เป็นการเปรย ๆ แค่นั้นเอง
ตอนนี้อะไรหลายอย่างมันก็เข้าที่เข้าทาง มีแต่ไอ้ยะนี่แหละ ที่ยังชอบทำหน้าเครียดอยู่
ถ้าอารมณ์ดี ๆ มันจะแกล้งแหย่ แกล้งอำให้โมโห แต่บางทีมันก็เงียบๆ ไม่ยอมพูดอะไรมากนัก
ต้องถาม มันถึงได้พูด แล้วนี่ตกลงเราเป็นอะไรกันวะเนี่ย
มันมาค้างที่บ้านทุกวันหยุด แล้วก็มีอะไรกัน แต่ไม่ได้เป็นอะไรกันไม่ได้เป็นคนรู้จักกัน ทั้งที่บางทีก็งี่เง่าใส่กันทะเลาะกันบ้าง แต่ก็มาหาเหมือนเดิม ยังเป็นห่วงเหมือนเดิม ยังคอยมาดูแล เวลาไม่สบาย หรือเวลาที่ทุกข์ใจ
แล้วถ้าอีกคนหนึ่งไม่สบายใจ มันก็ต้องแบ่งความรู้สึกให้รับรู้กันบ้างสิ ไม่ใช่เก็บเอาไว้คนเดียวอย่างนี้
เหมือนไม่เชื่อใจกันอย่างนั้นแหละ
“เออ ไม่มีใครรักหรอก คิดแบบนี้ต่อไปแล้วกัน”
ทั้งที่ปากก็พูดแบบนี้ แต่ดวงตาคมกลับจ้องมองใบหน้าของคนที่นั่งหน้าเครียดอยู่ และใช้นิ้วชี้แตะไปที่หน้าผากของคนตรงหน้า แล้วก็กดเล่นอยู่อย่างนั้น
“หน้าตาก็งั้น ๆ เทียบอิทไม่ได้เลย แต่พอขมวดคิ้วแบบนี้ หน้ายิ่งดูทุเรศขึ้นอีก แบบนี้ ก็เป็นคนไม่รู้จักต่อไปแล้วกัน อย่าคิดเลื่อนขั้นเป็นอย่างอื่นเลย ช่วยไม่ได้ ที่พี่คนนี้ เกิดมาหน้าตาหล่อ คนบางคนก็เลยหมองไปเลยเวลานั่งคู่กันแล้วยิ่งขมวดคิ้วด้วยนะ ไม่ไหว ไม่ไหว”
คำพูด เหมือนเป็นเรื่องจริงจัง แต่ใบหน้าคมกลับอมยิ้มทำให้อารยะ หัวเราะกับคำพูดของคนที่ส่งยิ้มให้
“ก็คนคนนี้ไม่ยอมบอกว่ารักไง เลยต้องทำหน้าเครียด กลุ้มใจด้วย ถ้าบอกว่ารักแล้วจะเลิกทำหน้าแบบนี้ก็ได้ แต่คงไม่ไหว รอจนแยมแต่งงาน น้องอิท ก็คงไม่บอกว่ารักหรอก เพราะน้องอิท ชอบบอกว่าไม่รู้จักกัน ใช่มั้ยล่ะ”
คำพูดตัดพ้อ มาพร้อมกับที่อารยะทำหน้าเศร้าเรียกร้องความสนใจ แต่อิทธิพลกลับหัวเราะท่าทางของอีกฝ่าย
อ้อนเหรอ ตลกว่ะ คิดว่าทำแบบนี้น่ารักตายเลย น่าถีบมากกว่า เดี๋ยวกูก็ถีบให้หัวทิ่มเลยไอ้ห่ายะ
“อ้าว จะให้บอกได้ไง ก็เราไม่รู้จักกันนี่หว่า ไปหาแยมดีกว่า นั่งเครียดต่อไปแล้วกันนะ จะเป็นกำลังใจให้ จงเครียดต่อไปคนเดียวก็แล้วกัน ไปดีกว่า”
ร่างที่กำลังลุกขึ้นยืน แถมยังหัวเราะที่ได้แกล้งอีกฝ่ายได้ แต่ก็ต้องกลับมานั่งลงที่เดิม เมื่อถูกดึงแขนเอาไว้ พร้อมกับที่อารยะกระซิบบอกเสียงเบา
“เรื่องที่เครียดอีกอย่างหนึ่งก็คือ.....นั่งมองหน้าน้องอิทแล้ว...อยาก.....แบบนี้จะทำยังไงดี”
เสียงที่กระซิบทุ้มต่ำในลำคอ ที่ข้างหู และแกล้งทำเสียงกระเส่า และดวงตาหวานเชื่อมที่ทอดมองมาพร้อมกับใบหน้ายิ้ม ๆ ของอีกฝ่าย ที่จ้องมาแบบมีความหมาย
ทำให้ใบหน้าคมของคนฟัง ถูกย้อมไปด้วยสีเลือด
แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ อาย ถึงวันนี้ก็ยังไม่เลิกอาย เวลาโดนพูดล้อแบบนี้ ไม่เข้าใจว่าทำไมยังเขินอยู่ แต่มันก็เขิน อิทธิพลขบริมฝีปากตัวเองไว้ และทำหน้าให้นิ่งที่สุด รักษามาดเอาไว้สุดชีวิต ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มไปที่กลางหน้าผากของอารยะ พยายามทำหน้าเคร่งขรึมใส่ และพูดด้วยมาดนิ่ง ๆ
“โห่ ไอ้ไก่อ่อนเอ้ย ปากดี...แน่จริงคืนนี้เจอกันเด่ะ เดี๋ยวจะสงเคราะห์ให้”
พูดจบอิทธิพลก็ต้องรีบผละจาก กลัวว่าอารยะจะเห็นใบหน้าของตัวเองที่แสดงความรู้สึกของตัวเองอย่างชัดเจนอิทธิพลเดินจากไปแล้ว โดยที่อารยะนั่งอมยิ้ม เลิกขมวดคิ้ว ต้องแหย่เล่นบ้าง เพราะเวลาน้องอิททำหน้าแบบนั้นแล้ว ทำให้อยากเข้าไปกอดให้แน่น ๆ ไม่อยากปล่อย อยากจะแกล้งให้หน้าแดงแบบนี้ทุกวัน
ปากดีจริง ๆ อิทเอ้ย ไก่อ่อน ไก่อ่อน ขยันว่าจริง ๆ นะ แต่ไอ้คนที่อิทว่า ก็ทำให้ร้องครางเสียงอ่อนเสียงหวานได้นี่นา ชอบไม่ใช่เหรอ เห็นพอใจทุกครั้งที่ทำนี่ แล้วยังจะทำเป็นปากเก่งอีกแล้ว อิทเอ้ย น่ารักจริงๆ เลยว่ะ แฟนใครเนี่ย
ใบหน้าที่เอาแต่ขมวดคิ้วมุ่น และครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา มีรอยยิ้มระบายเจือจาง เมื่อนั่งมองคนที่เดินจากไป
ทุกวันที่ได้เจอกัน ทุกวันที่ได้พูดคุยกัน ทุกวันที่มีความสุขบ้างมีความทุกข์บ้างปะปนกันไป แต่ก็ยังมีคนให้ห่วงใยมีคนให้เดินเคียงข้าง กว่าจะผ่านมาถึงตรงนี้ได้ ต้องอาศัยความเข้าใจและการให้อภัยมากเท่าไหร่กันนะ
พรุ่งนี้เป็นยังไงก็ยังไม่รู้ รู้แต่เรื่องของวันนี้ และพยายามจะทำทุกอย่างให้มันดีที่สุด เพื่อให้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง
ทุกวันที่เป็นแบบนี้ มันก็ดีแล้ว ไม่ต้องมีความสุขที่สุด แต่มีคนที่เดินไปด้วยกัน
มันก็เพียงพอแล้ว เพียงพอแล้วจริง ๆ
อารยะลุกขึ้นยืนและจ้องมองตรงไปที่ ใครคนหนึ่งที่กำลังอุ้มลูกสาว หัวเราะกันอย่างมีความสุข
ก่อนจะก้าวเท้าเดินไปแย่งอุ้มหลานด้วยอีกคน
“แยม มาหาลุงยะดีกว่า ลุงยะใจดีที่สุดแล้ว”
เสียงหัวเราะยังคงดังก้องไปทั่วทั้งบ้าน ถึงแม้บางวันจะเป็นเสียงทะเลาะเอะอะโวยวายบ้าง แต่ก็เพื่อให้แต่ละวัน มันผ่านไปหาวันที่สามารถหัวเราะได้ และยิ้มได้อย่างพอดี จะมีความสุขมากที่สุด ก็เมื่อรู้จักความทุกข์แล้ว
และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันของคนสองคน และคนที่รักที่อยู่รอบข้าง ที่ยังดำเนินต่อไป
Fin
จบแว้ววว บอกแล้วว่าภาคนี้มันน่ารักโคตรๆ รักน้องอิทคนน่ารักอย่างแรง เจอกันอีกทีตอนลงสเปนะค่ะ แต่คงนานหน่อย รอให้จบทุกภาคก่อน
ความคิดเห็น