ข่มขืน (ฆ่า) = ประหาร (สารภาพไม่ลดโทษ) หรือ ไม่ - ข่มขืน (ฆ่า) = ประหาร (สารภาพไม่ลดโทษ) หรือ ไม่ นิยาย ข่มขืน (ฆ่า) = ประหาร (สารภาพไม่ลดโทษ) หรือ ไม่ : Dek-D.com - Writer

    ข่มขืน (ฆ่า) = ประหาร (สารภาพไม่ลดโทษ) หรือ ไม่

    ช่วยอ่านบทความแสดงความคิดเห็นของผมที่มีต่อคดีสะเทือนขวัญ ฆ่าข่มขืนเด็กบนรถไฟที่เป็นกระเเสอยู่ ณ เวลานี้

    ผู้เข้าชมรวม

    145

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    145

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    -1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 ก.ค. 57 / 13:10 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    คุณคิดยังไงกับคดีฆ่าข่มขืนเด็กบนรถไฟ ที่น่าสลดใจนี้ คุณมีความคิดเห็นเหมือนหรือแตกต่างกันไหม ลองอ่านดูนะครับ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ผมเขียนบทความ ติดตามกระเเส ข่มขื่น (ฆ่า) = ประหาร

      ณ เวลานี้ ผู้คนในสังคมให้ความสนใจต่อคดีสะเทือนขวัญ ฆ่าข่มขืนเด็ก เป็นอย่างมาก มีการโพสและเเชร์ความคิดเห็นต่าง ๆ มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เห็นว่า ควรมีการเปลี่ยนเเปลงกฏหมายเกี่ยวกับคดีข่มขืน (ฆ่า) = ประหาร เพื่อให้กฏหมายมีความเด็ดขาดเอาจริง สามารถทำให้ผู้ที่คิดจะทำเวรทำกรรมอย่างคดีล่าสุดนี้ ได้เกรงกลัวกันเสียบ้าง แต่................ก็มีบางคนในสังคมที่เห็นต่าง ว่า ข่มขืน = ประหาร นั้นเวอร์เกินไป ซึ่งก็มีคนบางคนหรือคนบางกลุ่มให้ข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นและขัดกับจริยธรรม เช่นที่เห็นในโซเชียลเน็ตเวิร์กกันอยู่ ณ ขณะนี้ ผมอยากจะแสดงความคิดเห็นให้ท่านผู้อ่านทั้งที่เห็นว่าข่มขืน (ฆ่า) ควรถูกประหาร และผู้ที่เห็นว่าไม่ควร ได้ลองคิดตามสักนิด ว่าสำหรับอุดมคติของผมนั้นมุมมองในเรื่องนี้ คือ ถ้ามีการข่มขืนแล้วฆ่าเหยื่อด้วยแล้วนั้น การออกกฏหมายให้ประหารชีวิตผู้ร้ายได้ ถือว่าสมควรครับ ก็ลองคิดดูนะครับว่า เวลาผู้ร้ายข่มขืนเหยื่อ จากนั้นก็ฆ่าเหยื่อเพื่ออำพลางความผิดของตัวเอง ผู้ร้ายไม่เคยจะเห็นคุณค่าชีวิตของเหยื่อเลย จริงไหมครับ แล้วไฉนคนในสังคมจะต้องมาใส่ใจเห็นคุณค่าชีวิตของผู้ร้ายที่ฆ่าคนอย่างเลือดเย็นเช่นนี้คงจะไม่ผิดนักที่เขาจะสนับสนุนให้ประหารมันซะ แต่หลายคนบอกว่าควรให้โอกาสเขา ก็เพราะให้โอกาสมานักต่อนักนี่แหละครับ ที่ผ่านมาถึงมีคดีนี้ออกมาบ่อย ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เหยื่อทุกรายแทบจะไม่รอดนะครับ มักถูกฆ่าเสมอเพื่ออำพลางคดี ผู้ร้ายไม่เคยคิดให้โอกาสเหยื่อนะครับ ข่มขืนแล้ว ไม่เคยให้โอกาสเหยื่อได้มีชีวิตรอด แล้วไฉนคนในสังคมจะต้องให้โอกาสเขาครับ ชีวิตก็มีค่าเท่ากัน แต่ในเมื่อคุณไม่เห็นค่าของชีวิตคนอื่น คนอื่น (ในสังคมส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นค่าชีวิตของคุณเพราะคุณพรากชีวิตคนอื่นไปเสียเอง) มันก็เข้ากับสำนวนที่ว่า กรรมใดใครก่อกรรมนั้นคืนสนองแล้วหนิครับ...ผมเชื่อว่าถ้ากฏหมายเขียนให้คดีนี้ = ประหารจริง ๆ ผมว่าจะช่วยลดอาชญากรรมประเภทนี้ได้มาก ด้วยเหตุที่ว่ามนุษย์แทบทุกคนกลัวตาย ก่อนที่ใครคิดจะข่มขืนใคร ต่อไปมันผู้นั้นต้องคิดหนักก่อนละครับว่าจะทำดีไหม เพราะว่าถ้ามันทำเท่ากับมันฆ่าตัวตายนะ แต่ที่ผ่านมามันไม่มีกฏหมายว่าให้ประหารหนิครับ คนที่ทำเลยไม่ได้คิดถึงข้อนี้หรือไม่เกรงกลัวเลย และเก็บอารมณ์ไม่อยู่ นี่แหละครับถ้ากฏหมายไทยในกรณีนี้ไม่เด็ดขาดหรือไม่โหดสำหรับคนโหด ๆ มันก็จะมีศพแล้วศพเล่าให้เราได้สลดใจอีก แต่สำหรับกรณีที่ข่มขืนแต่ไม่ได้ฆ่า ผมคิดว่าอาจจะไม่ต้องประหารก็ได้ หรือใครคิดว่าควรประหารก็แล้วแต่นะครับ แต่ผมคิดว่าถ้าไม่ประหารก็ให้มันรับกรรมหนัก ๆ ไม่ต่ำกว่าติดคุก 50 ปี และทำประโยชน์ในคุกไม่ต่ำกว่า 30 ครั้ง ถึงจะสามารถปลดโทษได้ แค่นี้คุณลองคิดดูนะครับ มันก็เหมือนกับตายทั้งเป็น กว่าจะได้ออกจากคุกหลายคนคงแก่เฒ่าหมด กับการรับกรรมที่ทำ หรือบางคนตายคาคุกก็เป็นได้ เราต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลมนะครับไม่ใช่รอให้เกิดเยอะ ๆ แล้วถึงจะมาคิดเปลี่ยนแปลงเอา จริงไหมครับ การจะให้โอกาสคนต้องดูด้วยว่ามันเหมาะสมกับสิ่งที่เขาทำแล้วหรือยัง เขารับกรรมที่ทำอย่างเหมาะสมแล้วหรือยัง ให้โอกาสคนทำผิดอย่างมหัน แต่ชีวิตของคนดี ๆ ที่ตายไปมันไม่กลับคืนนะครับ จะให้โอกาสคนชั่วต้องให้มันรับกรรมมากพอที่มันจะไม่สามารถกับมาทำเลว ๆ ได้อีก กฏหมายต้องเขียนให้ได้แบบนี้นะครับ ต้องหัดเชือดไก่ให้ลิงดูบ้าง (เพิ่มเติม แม้ว่าปัจจุบันคดี ฆ่าข่มขืนจะมีโทษสูงสุดคือประหารอยู่แล้ว แต่...สุดท้ายศาลก็ลดโทษให้...เพราะเพียงแค่ว่าผู้ร้ายรับสารภาพ แต่ถามว่า จะสารภาพหรือไม่สารภาพหากจับได้ว่าคุณทำอยู่แล้ว มันก็คือความผิดหนักอยู่ดีนั้นเอง จะลดโทษทำไมกัน เพราะความเคยชินที่ว่าลดโทษนี้แหละครับ มันเลยทำให้กฏหมายไม่เด็ดขาด คนที่คิดจะทำชั่วไม่เกรงตัว เพราะความผิดถึงตายมันลดได้แค่พูดว่าสารภาพ ทั้งที่ไม่น่าเป็นเหตุผลที่ใช้ในการลดโทษเลย)

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×