Grocery press online
หนังสือพิมพ์แนวใหม่ ขายความแปลกประเด็นร้อนบนทางออนไลน์ ยอดเมมเบอร์ กระทู้ฮอตนั่นคือความสำเร็จของพวกเขา แต่นั่นบางครั้งมันก็ส่งผลให้นักข่าวกลายเป็นนักสืบไปโดยจำเป็น "นักสืบหนังสือพิมพ์ออนไลน์"
ผู้เข้าชมรวม
34
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
คืนนั้น
อุณหภูมิมักจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยของอุปสรรคต่อการหลับนอนสำหรับใครหลายๆคนในช่วงเวลากลางวัน แต่ต่างจาก”วา” สาวน้อยที่มีอาชีพเป็นนักข่าว สำนักพิมพ์เวอร์ชั่นใหม่ สามารถหลับใหลนอนกรนอุตลุดท่ามกลางความร้อนที่แสนจะอบอ้าวกับพัดลมใบหนาหนึ่งตัวในห้องสี่เหลี่ยมอพาร์เม้นท์ขนาดเล็ก เธอใช้เวลาในการพักผ่อนจวบจนจะล่วงเข้าสี่โมงเย็นโดยไม่ไหวติงคล้ายคนหมดแรงนอนแน่นิ่งบนเตียงฟูกน้อย ภวังค์ที่เธอได้ใช้ในการว่ายด่ำลึกตอนนี้เธอว่ายลึกเข้าไปในความมืดและความเงียบ ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ที่ไม่มีความฝันให้ร่วมผจญ ท่ามกลางความเงียบจนแทบไม่ได้ฝันอะไรเลย อยู่ๆมีเสียงหนึ่งเปล่งขึ้นมา คล้ายร้องขอความช่วยเหลือ มันดังมาจากไหนทำไมเธอได้ยินเสียงนั้นผ่านร่างกายของเธอเอง เสียงก้องมากคล้ายหูฟังชั้นดีที่เรากำลังสวมใส่เมื่อตอนดูหนังฟังเพลง
“พี่” เสียงดังกังวาน เรียกขาดเฉียบชัดถนัดหูว่าเป็นเสียงเด็กผู้หญิง และมันก็เงียบไปประมาณยี่สิบนาที คล้ายเสียงแว่ว
“ช่วยหนูด้วย” เสียงดังคล้ายๆเสียงเดิม เรียกเข้ามาใหม่ แต่คราวนี้กระซิบข้างหู
“พี่นักข่าว ช่วยหนูด้วย”
“อ๊า!!!!!!!!!!!” เสียงวา ร้องกรี๊ดลั่นสนั่นห้อง
หล่อนสะดุ้งตื่นกระชากผ้านวมที่ไม่เคยคิดจะห่มมันในหน้าร้อนขึ้นมากอดอย่างไว สายตามองไปรอบห้อง แต่ไม่สามารถกระดิกตัวทำอะไรได้ ถึงแม้รู้ว่า ณ ขณะนี้ในห้องมืดมาก สักพักหล่อนเดินเขย่งตัวมุ่งไปยังตำแหน่งที่ตั้งของสวิตช์ไฟและกดมันอย่างแรงพร้อมเม้มตาสนิท หลังจากนั้นค่อยๆเปิดม่านตาของตัวเองมองห้องที่ประดับประดาไปด้วยคิตตี้น้อยๆ ตุ๊กตาน่ารักหลากสีสัน กำแพงห้องสีครีมนวลอ่อน มันคือห้องคุ้นๆเก่าๆของเธอเอง ห้องที่เธอขลุกมาจนชินและอยู่คนเดียวมาโดยตลอดโดยไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหนมาห้าปีแล้ว เธอจึงรีบดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็วและพูดกับตัวเองว่า
“ก็แค่ฝันไป”
วันที่ 19 มีนาคม 2557
“เป็นบ้าอะไรเนี่ย คิดงานอะไรก็ไม่ออก” เสียงสบถพร้อมกองปึกกระดาษ A4 กองหนากระแทกลงบนหนังสือพิมพ์ที่วางซ้อนกันหลายฉบับ
“กาแฟ สักแก้วไหมพี่ปริม” เสียงตะโกนดังมาจากอีกฟากซึ่งเป็นเสียงผู้ชาย ที่กำลังเดินถ่ายเอกสารไปมา ณ แผนกคอลัมน์คดีพิเศษ สืบสวนและอาชญากรรม
“แกไปชงให้ยัยวารินทร์ เหอะ นั่งกุมขมับตั้งแต่เช้าแล้ว เนี่ยพี่ก็ไม่เห็นจะกระดิกตัวทำอะไรเลย” เสียงหัวเราะชอบใจส่งเสียงพร้อมกันให้กับคำพูดของพี่ปริมหัวหน้าแผนกคอลัมน์พิเศษ
“แกเป็นอะไรยัยวา” เสียงกระซิบจากโต๊ะด้านหน้าหันมาถามเพื่อนสนิททันที หลังจากเสียงหัวเราะขบขันเงียบลง
“ปวดหัวอ่ะ เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน”
“ทำงานหนักอีกแล้วเหรอ พักผ่อนบ้างก็ได้ เดี๋ยวจะเครียดตาย ถ้างานที่ทำอยู่มันไม่มีอะไรคืบหน้า ก็ผละไปทำงานใหม่ก่อนซะ พี่ปริมอะไรก็ได้ ขอให้น่าสนใจและเป็นประเด็นที่แปลกใหม่ ที่หนังสือพิมพ์ฉบับอื่นคาดไม่ถึง”
“ฉันก็อยากเปลี่ยนหรอกน่ะ เพราะคิดจนหัวหมุนแล้ว แต่ไม่สามารถหาอะไรมาเพิ่มเติมได้สำหรับคดีนี้”
“มาช่วยฉันทำเรื่องนี้ป่าว”
“เรื่องอะไร” วารินทร์เผยรอยยิ้มสดใสส่งให้เพื่อนสาว
“ความลึกลับของสาวมัธยมปลายที่เป็นโรคจิตไง”
“ไม่เอาหรอก เด็กๆ น่าสนใจตรงไหน ก็แค่แย่งผู้ชายคนเดียว”
“เชอะ แล้วแต่”
“คืบหน้าเหมือนฉันบ้างหรือยัง หึยัยเฟื่อง !!!” วา รีบพูดทันที เมื่อเห็นเพื่อนสาวเชิดหน้าเล่นๆใส่ “ส่งแต่เรื่องซ้ำๆ ประเด็นวกอยู่ที่เดิม กล่าวหาว่าน้องเขาเป็นโรคจิต”
“ฉันไม่ได้กล่าวหาน่ะจ๊ะ มันเป็นคำพูดของออกมาจากปากของน้องผู้หญิงคนนั้นเอง”
“มีใครบนโลกนี้ จะยอมรับว่าตัวเองเป็นคนโรคจิตล่ะยัยเฟื่อง ไม่มีหรอก!!!!เพราะคนเป็นโรคจิตโดยส่วนใหญ่ เขาจะไม่รู้ตัว และไม่เคยจะเปิดเผยมัน”
“อ้าว”
“เออ”
“แต่เฮ้ย!!! พี่ปริมก็โอเคน่ะโว้ย ที่มันออกมาเป็นแบบนี้ เพราะตอนนี้มีคนติดตามอ่านคอลัมน์ฉันเยอะมาก คอมเม้นท์เป็นพันๆน่ะจ๊ะ”
“แล้วไงกระทู้ติดดาวเลยหรือเปล่า ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว กำลังไต่อันดับ ไม่เกินพรุ่งนี้เช้าหากแซงพี่นุได้ ก็ถือว่าเป็นคอลัมน์มาแรง เตรียมรับโฆษณาเพียบ”
วาเควี้ยงหนังสือพิมพ์ฉบับคู่แข่งโยนใส่กระแทกไหล่เฟื่อง เพราะหมั่นไส้เธอแต่หล่อนกลับหัวเราะลั่นและสะใจ ที่ทำให้อาการของเพื่อนซี้ในตอนเช้ากลับมากระเตื้องเหมือนเดิม
สักพัก วากลับมาใช้น้ำเสียงจริงจังถึงแม้ว่าเฟื่องจะหันกลับไปที่โต๊ะของตัวเองแล้ว
“รีบๆ เข้าประเด็นสักทีเหอะ ฉันก็อ่านคอลัมน์แกอยู่เหมือนกัน อย่าให้เด็กคนนั้นต้องเสียหายไปมากกว่านี้ ถ้ามันไม่มีอะไรใหม่ให้น่าค้นหาแล้วล่ะก็ จบประเด็นซะ แล้วทำคดีใหม่”
“จ้า แม่คนซื่อตรงเผง”
“ถ้าแกนึกอะไรไม่ออก ทำไมไม่เขียนอะไรออกไปก่อนเพื่อยืดคดีเหมือนฉันล่ะ” วาหันกลับมาพร้อมปากกาที่ทัดบนหูแล้วพูดว่า
“ถุย !!! ยัยเฟื่อง ฉันไม่เล่นมุขแบบนี้เหมือนแกหรอก ที่เขียนประเด็นไปเรื่อย”
“งั้นแกจะตอบเรื่องนี้กับพี่ปริมยังไง ที่ส่งงานช้า โน้นเดินมาโน้นแระ ไปตอบกับเจ้านายของแกเองล่ะกัน”
“วา เดี๋ยวเข้าไปพบพี่ในห้องหน่อยน่ะ ห้องส่วนตัวของพี่ พี่มีอะไรจะคุยด้วย” สาวใหญ่ร่างสูงหนาเดินเดินมาพร้อกระชับแว่น
วาเดินตามหญิงสาวร่างใหญ่วัยเลยสามสิบปี เข้าไปในห้องส่วนตัวผู้จัดการแผนกคอลัมน์คดีพิเศษของหนังสือพิมพ์ที่ขายความลึกลับทุกมุมมองซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายแรกที่เปิดให้บริการอ่านผ่านทางออนไลน์หรืออินเตอร์เน็ตโดยการสมัครเป็นสมาชิกเท่านั้น
“อ้าว พี่นุ” นุหนุ่มอ้วนท้วนสวมแว่นเทอะทะ เป็นผู้บริหารของสำนักหนังสือพิมพ์โกรเซอริออนไลน์ (Grocery press online)
“พี่นุ เขาอยากเข้ามาคุยด้วย”
“วาพี่ได้พยายามช่วยวา อีกทางหนึ่งเหมือนกันน่ะ โดยพยายามไปรื้อคดีตั้งแต่เริ่มต้น อ่านสำนวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือแม้กระทั่งพบปะกับตำรวจเจ้าของคดีเอง ข้อมูลก็เหมือนเดิมมันไม่น่าสนใจอะไรอย่างที่พวกเราคิดไปเองหรอก”
“เด็กคนนั้นเป็นอย่างไรบ้างค่ะ”
“เหมือนเดิมไม่ยอมพบปะพูดคุยกับเรา หรือแม้กระทั่งสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ก็ไม่ยอมเปิดโอกาสให้เราซักถามแม้แต่นิดเดียว”
“แปลกทำไมผู้ต้องหาคดีนี้ ถึงไม่ยอมดิ้นร้นทำอะไรเพื่อให้ตัวเองพ้นผิดเลย”
“ด้วยอะไรหลายๆอย่างทั้งเวลา และความใกล้ชิดสนิทสนม อีกทั้งคืนที่ผู้ต้องหาหายไปพร้อมกับผู้ตาย มันก็น่าสงสัยอยู่” พี่ปริมกล่าวความเสริมช่วยตอบ ขณะนั่งลงบนเก้าอี้พนักนวมหนาสูงใหญ่
“ถ้าเขาไม่ยอมให้ความร่วมมือแบบนี้ เห็นทีเขาต้องตกเป็นจำเลยแล้วล่ะค่ะ”
“จำเลยหมายเลข หนึ่งซะด้วย” พี่ปริม พูดพลางสบตาหล่อนอย่างจริงจัง
“มันต้องมีอะไร ต้องมีอะไรสักอย่าง แน่นอนทำไมผู้ต้องหาถึงไม่เปิดเผยวันเวลาที่เขาหายตัวไปพร้อมกับผู้ตายล่ะค่ะ ทำไมเขาถึง.........” วาส่ายหัวแล้วพูดต่อ “ไม่มีใครสามารถยืนยันเวลาและสถานที่อยู่จริงให้แก่เขาได้เลย”
“คงหายไปสร้างที่อยู่และเวลาซ้อนให้กับตัวเอง หากมีการค้นพบเพิ่มเติมภายหลัง ถ้าแกอยากให้มันเป็นอย่างนั้นยัยวา”
หล่อนไม่ตอบแต่กลับจ้องใบหน้าพี่ปริม อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“ใจเย็นๆ ปริม” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับ
“งั้นก็จบคดีนี้ซะ”
“จะจบได้ยังไงล่ะค่ะพี่ปริม คดีนี้ยังไม่ทราบผู้ต้องสงสัยที่แท้จริง และวาก็เขียนมันมาหลายเดือนแล้ว จะให้ผู้อ่านจับได้เหรอค่ะว่าวาตั้งใจทิ้งคดี และเปลี่ยนไปทำเรื่องอื่น วาไม่เอาหรอก”
“ทำไมจะไม่ทราบว่าผู้ต้องสงสัยคือใคร แกก็เห็นทนโท่อยู่แล้วว่าผู้ต้องสงสัยของแก กำลังจะเปลี่ยนสถานะเป็นจำเลย เขาก็ไม่เปิดปากให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย
“ขอวา พิสูจน์ตัวเองหน่อยได้ไหมค่ะ” สายตาที่สาวน้อยสวมแว่นไร้กรอบเลนส์สี่เหลี่ยม จ้องมองปะทะหัวหน้าแผนกอย่างไม่ลดละ บ่งบอกถึงการต่อเวลาในการทำงานที่หัวหน้ารับทราบและรู้ถึงนิสัยดื้อรั้นของลูกน้องตัวเองดี
“นานเท่าไหร่”
“ 2 เดือนค่ะ”
“ 2 เดือนเพื่อเรื่องนี้น่ะ ทั้งๆที่ผู้อ่านก็ทราบจุดจบของคดีนี้อยู่แล้ว วาเธอจะยืดคดีให้ได้อะไร” ปริมถึงขั้นยกมือร้องเสียงแผด ไม่สนใจผู้สะทกสะท้านอยู่เบื้องหน้า
ทุกคนเงียบ ไม่มีใครพูดต่อ ปริมได้แต่นั่งกุมมือและกัดมือตัวเอง ส่วนหัวหน้าใหญ่กลับนั่งหันหลังราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของตนอีก
“ที่ ที่วาอยากสืบต่อ ไม่ใช่วาเก่ง ไม่ใช่เพราะวารั้น หรืออยากจะเอาชนะใครบางคนหรอกน่ะค่ะ เพราะวาก็เหนื่อยเต็มที กับคดีใบ้ดื้อเงียบแบบนี้ แต่วาเชื่อ.....วาเชื่อบางอย่าง....เอ่อ” หล่อนมีน้ำตาคลอเบ้าในขณะที่พูด นั่นทำไงพี่ปริมหัวหน้าในแผนกถึงกับมองเธออย่างสนใจขึ้นมาและฟังอย่างใจจดใจจ่อ เพราะวาไม่เคยร้องไห้หรือเหนื่อยกับอะไรง่ายๆโดยเฉพาะงานที่เธอรัก
“วาเชื่อวา ผู้ตายอยากให้วา ไขความจริงอะไรบางอย่างให้กับเธอ”
“วา” เสียงหัวหน้าแผนกปรับลดลงพร้อมจริงจังขึ้น
“วาเชื่อว่า ผู้ตายก็ไม่ทราบว่าใครเป็นคนฆ่าตัวเธอเองเหมือนกัน”
“หืม !!!” เสียงหนุ่มใหญ่พี่นุ ถึงกับหันขวับสนใจในวงสนทนาต่อทันที
ทุกคนเงียบเชิงเป็นสัญญาณที่ต้องการฟังวารินทร์พูดต่อ
“วามีหลักฐานบางอย่างอยู่กับมือ ที่พอจะพิสูจน์ได้ ว่าผู้ตาย ตายโดยไม่ทันตั้งตัว แต่วาไม่อยากเอ่ยเรื่องนี้ให้กับใครฟัง วาอยากฟังจากปากน้องผู้ชายคนนั้น เพื่อนสนิทของเธอ ถ้าสิ่งที่วาสงสัยมันตรงหรือขัดแย้งกับที่เขาตอบ แค่นี้ล่ะค่ะ วาก็ทราบแล้ว ว่าเธอเสียชีวิตโดยแบบนี้จริงๆ รวมทั้งเด็กผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้เป็นคนฆ่าเธอด้วย”
“ห๊า !!!” นุลากเก้าอี้เข้ามาชิดและเอามือวางลงกับโต๊ะทันที เขายกมือส่ายไปมา พร้อมกับสบตามองปริมเป็นระยะๆสักพักเขาก็เอ่ยขึ้น
“แต่ แต่ วาหน้าที่ของเราคือนำเสนอข่าว เราไม่อยากขัดการทำงานของใคร ประเด็นที่พี่เรียกวา เข้ามาพูดในวันนี้ คือ.........”
“ช่างมันเถอะค่ะ พี่นุ วาเขาเป็นนักข่าวที่มีจรรยาบรรณ และมีความเข้มแข็งพอ หากมีอะไรกระทบในภายหลัง ปริมมันใจในตัวน้อง เพราะปริมก็อยากได้น้องคนเก่ากลับมาทำงานดังเดิม”
วาส่งยิ้มให้กับพี่ปริมคนสวยอย่างเซอร์ไพรซ์ เธอถอนหายใจพรวด น้ำตาเกือบไหลอาบแก้ม เธอถอดแว่นและเช็ดขอบตาอย่างปัดๆ จนปริมต้องพูดขัดก่อนที่เธอจะร้องไห้ขึ้นจริงๆ
ปริมลุกออกจากเก้าอี้นวมสูง เดินมานั่งบนมุมหัวโต๊ะใช้ขาอีกข้างยันพื้นไว้ เธอมองอย่างจริงจัง ราวกับงานนี้เธอก็ทุ่มเทจนไม่มีอะไรจะเสียไปด้วยแล้ว
“ฟังพี่น่ะ วา ก็เหมือนอย่างที่พี่นุพูด ประเด็นที่เจ้าของ ของเราเปิดบริษัทหนังสือพิมพ์ออนไลน์ขึ้นมา เขาแค่อยากจับกลุ่มลูกค้าในช่องทางใหม่ ตัวเขาเองไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดเบื้องลึกหนาตื้นบางของเนื้องานมากนัก ที่เขาสนคือยอดเมมเบอร์ เพราะฉะนั้นการขัดกับการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยไหนก็ตามที่เราปกติก็ต้องอาศัยพึ่งเนื้อข่าวจากเขาอยู่แล้ว แต่เรานำมาแตกประเด็นจับจุด และกระตุ้นความกระหายของผู้อ่าน หากเราขัดกับเขาจนเขาต้องหน้าหงาย บริษัทเล็กๆที่เพิ่งเปิดอย่างเรา คงไม่รอดแน่ ......พี่อยากให้วาทำคดีนี้ โดยเปลี่ยนประเด็น”
“เปลี่ยนประเด็น ?????”
“อืม ....เราจำเป็นต้องทำ หากนั่นเธอพิสูจน์ได้ว่าเด็กคนนั้นบริสุทธิ์ เธอต้องเปลี่ยนหัวข้อกระทู้”
“พี่ปริม” วาถึงกับปากสั่นให้กับเนื้องานที่งอกขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“ถ้าเธออยากเดินต่อ ฉันก็จะไม่รั้ง แต่เธอต้องมาเริ่มเดินใหม่ เรื่องเก่าทิ้งไป ให้จบไปกับการลงประเด็นที่เด็กคนนั้นเป็นจำเลยในวันพรุ่งนี้พร้อมๆกับหนังสือพิมพ์หลายฉบับ พรุ่งนี้จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราจะไม่ทิ้งท้ายในการขัดกับคำถามที่เรายังพิสูจน์ไม่ได้ ว่าเด็กคนนี้เป็นจำเลยจริงหรือ”
“พี่เชื่อว่าเธอทำได้ แล้วพี่จะรอหัวข้อใหม่ หลังจากนี้ภายในสองเดือน”
“เอาล่ะไง งานงอกงานช้างกันเลยทีเดียว ยายวาดื้อรั้นเอ้ย” นุบอกเธออย่างทันควัน
“หนูก็อยากจะจบหรอกน่ะ ถ้าผี”
“หืม!! ผี ???”
“เอ่อ ไม่มีอะไร พี่นุ วาเอ่อ ....วาคิดว่า วาต้องใช้สถานที่ข้างนอกในการทำงาน และขอไม่กลับเข้าออฟฟิศจนกว่างานจะเสร็จ”
เขามองวาอย่างงงๆ และรีบหันไปทางปริมทันที ไม่ทันได้ถามความคิดเห็น ปริมก็ตอบออกมาทันควัน
“อนุญาต”
“ห๊า” เขาอ้าปากค้างอีกรอบ วันนี้เขาคงต้องกินยาแอสไพรินระงับอาการปวดหัวเพิ่มขึ้นอีกแน่ เพราะเริ่มงานเช้าในวันจันทร์ แบบนี้เขาต้องรับมืออะไรที่ไม่ทันได้ตั้งตัวหลายๆอย่างพร้อมร่วมแบกงานคล้ายงานช้างชิ้นนี้ไปกับวา ถ้าเขาอนุญาตให้เธอไป
“พี่นุว่าไงค่ะ ถ้าพี่นุอนุญาต หนูจะได้ออกไปทันทีเลย”
“แกจะไปไหน”
“ต่างจังหวัดค่ะ บุกไปที่เก็บตัวของเด็กคนนั้นเลย”
“ถ้าใครเขารู้เรื่องเข้าล่ะ ว่าหนังสือพิมพ์ของเราอุกอาจ แกจะทำอย่างไร”
“พี่นุคิดว่าเด็กคนนั้นอยู่กับญาติเขาเหรอค่ะตอนนี้”
“เอ้าไอนี้พูดแปลกๆ ถ้าไม่อยู่กับญาติหรือผู้ปกครองของเขา แกจะให้เขาอยู่กับใคร”
“อยู่กับญาติฝั่งผู้ตายไงค่ะ”
“เลอะเทอะยัยวา”
“จริงค่ะ พี่ปริม จะให้ถ่ายรูปส่งกลับมาไหมค่ะ เมื่อหนูไปถึง”
“ปราจีนบุรีเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ ถ้าใช่ตำรวจก็ทราบซิค่ะ ต้องเป็นญาติ บรมญาติ ปู่ทวดตายาย รุ่นซับซ้อนอะไรประมาณนั้นเลยทีเดียว นั่นหมายความว่าหนูต้องไปสำรวจที่พักอาศัยของผู้ตายอีกหน หนูถึงจะทราบว่าญาติคนนั้นคือใคร”
“หอพักหรูหราย่านนอกเมืองนั่นเหรอ”
“หรูหราแต่ภายนอกค่ะ แต่ข้างในสกปรกมาก”
“เออๆๆ งั้น” ปริมหลบสายตาผู้บริหารอย่างรีบๆ
“พี่จะช่วยออกใบที่มาของแก ว่าแกมาจากสำนักพิมพ์ไหน เผื่อเจ้าของตึกจะได้อนุญาตได้ง่ายขึ้น”
“เฮ้ย ไอปริม” พี่นุร้องขึ้น
ผลงานอื่นๆ ของ ภีรภูมิ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ภีรภูมิ
ความคิดเห็น