[Fic Haikyuu!!] ก็ไม่รู้ว่ารักเป็นยังไง oikage
"ฉันมีคนที่กำลังคบอยู่ด้วยแล้วล่ะ" "โออิคาวะซังคบกับเด็กผู้ชาย ฉันไม่เชื่อค่ะ" บ้าจริง.......มันไม่มีดราม่าหรอกนะ
ผู้เข้าชมรวม
2,971
ผู้เข้าชมเดือนนี้
8
ผู้เข้าชมรวม
Paring : Oikawa x Kageyama
Rate : PG หรือ G ก็ไม่รู้
note : เนื้อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ ชาย x ชาย คู่ oikage ใครไม่โปรดกด [x]ได้เลยจ้า เตือนแล้วนะ
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Paring : Oikawa x Kageyama
Rate : PG หรือ G ก็ไม่รู้
note : เนื้อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ ชาย x ชาย คู่ oikage ใครไม่โปรดกด [x]ได้เลยจ้า เตือนแล้วนะ
สีของท้องฟ้ายามพระอาทิตย์กำลังตกดินเป็นสีที่สื่อความหมายได้หลากหลาย สีส้มอมแดงที่เราจะได้เห็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆของวันๆหนึ่งเท่านั้น เมื่อเรามองขึ้นไปแล้วก็ให้ทั้งความรู้สึกอบอุ่นราวกับว่าได้อยู่ในอ้อมกอดของใครบางคนที่คอยอยู่เคียงข้างตัวเรามาตลอด เป็นความอบอุ่นที่น่าโหยหายิ่งนัก หรืออาจให้ความรู้สึกเศร้าเสียใจอาจจะรวมความเสียดาย ที่วันแห่งความสุขอีกวันหนึ่งกำลังจะสิ้นสุดแล้ว แต่ว่าความรู้สึกพวกนี้จะออกมาในลักษณะแบบไหน มันก็ขึ้นอยู่กับว่าตัวเราจะมองมันด้วยมุมมองไหนเพราะท้องฟ้ามันก็แค่สะท้อนความรู้สึกลึกๆภายในใจของเราให้ออกมาเป็นความนึกคิดเหล่านี้ก็เท่านั้นเอง
“อ่า......ก็อย่างที่บอกไปอ่ะนะ ขอโทษจริงๆแต่ฉันมีคนที่กำลังคบอยู่ด้วยแล้วล่ะ ฉันคงตอบรับความรู้สึกของเธอไม่ได้แล้วล่ะ” เสียงทุ้มนุ่มของนักเรียนชายคนหนึ่งดังขึ้น ทำลายความเงียบหลังจากเหตุการณ์ที่มีนักเรียนสาวสวยคนหนึ่งมาสารภาพรักเขาแต่เขาปฏิเสธแล้วทำให้นักเรียนสาวคนนี้นิ่งเงียบไปสักพักใหญ่ๆ
ก็นะคนที่เด็กสาวมาสารภาพรักน่ะเป็นถึง โออิคาวะ โทโอรุ นักกีฬาวอล์เลย์บอลชายที่ฮอตที่สุดของโรงเรียนเลยนะ ไม่แปลกหรอกที่จะมีคนชิงมาสารภาพรักก่อนเธอก็ได้ อีกทั้งโออิคาวะก็เป็นคนง่ายๆใครจะขอคบด้วยก็ได้แต่ก็คบกันได้ไม่นานก็ต้องขอเลิกเพราะทนไม่ไหวกับนิสัยต่างๆของเจ้าตัว แต่มันก็เป็นโอกาสดีๆของสาวๆที่จะมาแย่งกันสารภาพรักกับเจ้าตัวอีกครั้ง แม้จะคบกันไม่นานแต่ถ้าได้คบกับคนหล่อๆ พวกสาวๆก็เอาไม่คุยโวกันได้แล้ว จึงไม่แปลกว่าทำไมทั้งที่เจ้าตัวนิสัยอย่างนี้ยังมีคนมาสารภาพรักอยู่เรื่อยๆ......นี่สินะหล่อเลือกได้
‘ยังหายใจอยู่ใช่ไหมเนี่ย’
โออิคาวะเริ่มรู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเด็กสาวตรงหน้ายังไม่ยอมพูดจา อีกทั้งยังเอาแต่ก้มหน้าก้มตาจึงไม่รู้ว่าตอนนี้เธอแสดงสีหน้าอย่างไร
ความจริงที่เขาบอกไปว่าเขามีคนกำลังคบอยู่แล้วมันเป็นเรื่องโกหก เขานี่โสดสนิทชนิดเตรียมขึ้นคานเลยต่างหาก แต่ที่บอกไปอย่างนั้นก็เพราะช่วงนี้ต้องเตรียมตัวฝึกซ้อมกีฬาอย่างหนัก ตัวเขาเองก็ไม่มีเวลามาเล่นเกมกับพวกผู้หญิงหรอกนะ แล้วทำไมไม่บอกความจริงนะหรอ? ก็ไม่รู้เหมือนกันแค่รู้สึกว่าถึงบอกความจริงไปคนตรงหน้าก็คงต้องคะยั้นคะยอให้เขาคบๆไปเหมือนคนก่อนๆแน่ คนพวกนั้นก็บอกเหมือนๆกันว่าจะไม่รบกวนเวลาซ้อม จะเลิกเย็นก็ได้ แต่สุดท้ายพวกเธอก็วีนแตกทำเขาปวดหัวแทบตาย นั้นเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เขาบอกเลิกพวกเธอไป
“คนๆนั้นคือใครหรือค่ะ” เสียงหวานๆของสาวตรงหน้าดังขึ้นแต่ก็ยังก้มหน้าอยู่เหมือนเดิม สายลมยามเย็นพัดผ่านเด็กนักเรียนทั้งสอง ความรู้สึกนี้มันช่วยทำให้จิตใจของโออิคาวะสงบลงอย่างมากราวกับสายลงนี้ช่วยพัดความวุ่นวายในจิตใจออกไป ชายตรงหน้าถอนหายใจเฮือกใหญ่................เอาแล้วไงโออิคาวะ สีข้างจะถลอกไหมวันนี้
“เออ....คนๆนั้นน่ะ....” โออิคาวะกำลังจะเริ่มเรื่องที่เขาคิดแบบสดๆแต่ก็มีลดพัดมาอีกครั้ง ครั้งนี้แรงกว่าครั้งก่อนทำให้เด็กทั้งสองต้องยกมือขึ้นมาบังลมเล็กน้อย
เมื่อโออิคาวะลดมือลงเตรียมจะพูดต่อก็มีเสียงเสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้นขัดจังหวะการเล่าละครของเขาอีกครั้ง
“โออิคาวะซัง!!!” เสียงๆนั้นค่อยๆดังขึ้นตามมาด้วยร่างของนักเรียนชายต่างโรงเรียนที่สวมเสื้อวอร์มสีดำสนิทกำลังวิ่งมาทางเขาด้วยความเร็วสูง ผมสีอีกาปลิวไปตามแรงลมก่อนที่เจ้าตัวจะหยุดฝีเท้าแล้วเปลี่ยนมาเป็นเดินไวแทนเมื่อเห็นว่ามีเด็กสาวคนนึงยืนอยู่ข้างโออิคาวะ
“คุยธุระกันอยู่หรือครับ” เด็กหนุ่มผมสีอีกามองเด็กสาวสลับกับโออิคาวะด้วยความสงสัย “อืม...ที่จริงก็น่าจะเสร็จแล้วล่ะมั้ง” โออิคาวะตอบกลับไป บางทีนี่อาจเป็นโอกาสให้เขาได้หนีไปก่อนที่จะต้องแถสีข้างก็ได้
‘โทบิโอะจัง ถึงฉันไม่อยากเจอหน้านาย แต่ก็ขอบคุณที่โผล่มาช่วย (แบบไม่ตั้งใจ) เดี๋ยวฉันเลี้ยงอาหารขอบคุณแทนแล้วกัน’
“งั้นฉันไปก่อนนะ เธอก็กลับบ้านดีๆล่ะ” โออิคาวะบอกลาเด็กสาวตรงหน้าก่อนที่จะหันไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้ คาเงยามะ โทบิโอะ ซึ่งคนที่รับยิ้มมานั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความมึนงงจึงตั้งใจจะถามกลับด้วยความอยากรู้ แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรก็มีมือมากระชากแขนเสื้อของโออิคาวะทำให้คนโดนกระชากเสียหลักเล็กน้อย ส่วนคำถามที่คาเงยะมะอยากถามก็ไหลกลับเข้าคอทันที
“โออิคาวะซังยังไม่ได้ตอบคำถามเลยนะคะ ถ้ายังไม่ตอบก็ห้ามไปไหนทั้งนั้น” เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมาสบตาโออิคาวะเพื่อคาดคันคำตอบที่เธออยากรู้ แต่การกระทำนี้ทำให้โออิคาวะอารมณ์เสียเล็กน้อยเพราะตอนนี้เขาเบื่อที่จะพูดมากและก็รำคาญเล็กน้อยแล้ว ส่วนคาเงยามะนั้นก็ยังคงมองทั้งสองด้วยสายตามึนงง
‘ยังคุยกันไม่เสร็จหรอกหรอ’
“ทำไมเธอนี่ตื้อจังนะ” แม้โออิคาวะจะอารมณ์เสียแต่เขาก็ไม่อยากมีเรื่องกับสาวคนไหนหรอกนะ มันจะทำให้ประวัติของเขาด่างพร้อยเอา จึงเลือกที่จะพูดแบบขอไปทีแทน แต่ดูเหมือนว่าเคสนี้คงจำเป็นต้องตอบคำถามของเธอจริงๆเพราะตอนนี้เด็กสาวตรงหน้ากำแขนของเขาแน่นอย่างกับกาวตราช้าง อีกอย่างคาเงยามะเองก็ดูเหมือนจะเข้าใจผิดคิดว่าธุระของพวกเขายังไม่เสร็จ(ซึ่งก็อาจจะจริง)จึงยืนอยู่เงียบๆไม่เข้ามายุ่งแต่ก็ยังคงทำตาใสใส่เขาเหมือนอยากรู้ว่าคุยอะไรกันอยู่ด้วย ชักหงุดหงิดเจ้า(อดีต)รุ่นน้องงี่เง่านี่มากกว่ากาวตราช้างตรงหน้าซะแล้วสิ
‘จะซื่อบื้อก็ซื่อบื้อให้ถูกเวลาสิเจ้าเด็กบ้านี่’
“เธออยากรู้จริงๆหรือ” โออิคาวะเริ่มต้นการแถทันทีเพราะตอนนี้เขาคิดแผนอะไรดีๆออกแล้ว เมื่อเด็กสาวได้ยินดังนั้นก็สะดุ้งเล็กน้อยจากนั้นก็พยักหน้าก่อนจะปล่อยมือที่เกาะชายตรงหน้าไว้ราวกับเพิ่งรู้สึกตัวว่าทำสิ่งที่ไม่ควรทำไป
“ฉันบอกเธอไปก็อย่าตกใจจนเป็นลมเสียล่ะ โอเคไหม” โออิคาวะรอจนเด็กสาวพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็ค่อยๆเลื่อนนิ้วชี้ไปที่ร่างของคาเงยามะที่ยืนมองพวกเขาอย่างงงๆ ก็นะคาเงยามะยังไม่รู้เลยว่าพวกเขาคุยอะไรกันพอมีนิ้วชี้มาทางเขา เขาก็หันหลังกลับไปดูว่ามีใครอยู่ข้างหลังแต่ก็ไม่มีใครอยู่เลยจึงหันกลับมาแล้วเหมือนพึ่งรู้ตัวจึงชี้นิ้วมาที่ตัวเองก่อนจะเอียงคอมองโออิคาวะที่พยักหน้างึกๆใส่เขา คาเงยามะจึงหันไปหาเด็กสาวด้วยความสงสัย แต่อาการตกใจของเด็กสาวตรงหน้าก็ไม่ได้ช่วยให้คำตอบอะไรกับคาเงยามะเลย คาเงยามะจึงหันไปหาเจ้าตัวต้นเหตุว่าชี้มาที่เขาทำไมแต่ก็ต้องโดนขัดเสียก่อน
“โออิคาวะซัง....โกหกใช่ไหมคะ”น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นสั่นไหวแสดงถึงความตกใจอย่างมากของเด็กสาวตรงหน้า แต่นอกจากสีหน้าจริงจังของโออิคาวะแล้ว ก็ไม่มีการพูดอธิบายอะไรเพิ่มเติม
“ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ แต่ผมขอถามหน่อยได้ไหมครับ ว่าพวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่แล้วผมเกี่ยวอะไรด้วย”คาเงยามะเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะมีแค่เขาคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครฟังที่เขาพูด สุดท้ายก็มีแค่เสียงลมพัดผ่านตัวเขาไปอย่างเดียว คาเงยามะจึงจ้องโออิคาวะด้วยความเอาเป็นเอาตายแทนเพื่อให้อีกฝ่ายช่วยตอบความสงสัยของเขา แต่ก็เหมือนเดิมไม่มีใครสนใจเขา......
“ฉันไม่เชื่อค่ะ” ช่างเป็นสาวที่ตื้อได้ตื้อดีเสียจริง
“โออิคาวะซังคบกับเด็กผู้ชายยังไงฉันก็ไม่เชื่อค่ะ ยังไงคุณก็ต้องพิสูจน์ต่อหน้าฉันว่าพวกคุณคบกันจริงๆ”
ให้ตายเถอะการปล่อยให้เขาเป็นอิสระเป็นอันตรายต่อมวลมนุษย์ชาติหรือยังไงทำไมมันถึงยากเย็นนักเล่า
“พิสูจน์ยังไงล่ะ รูปถ่ายคู่หรอ ฉันไม่ใช่คนที่ชอบถ่ายรูปขนาดนั้นหรอกนะ”
ถ้าเธอยังไม่ยอมแพ้โออิคาวะซังคนนี้ก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน
“จูบ”
“ห๊ะ” เหมือนจะหูฝาดไป
“โออิคาวะซังจูบกับเด็กคนนี้สิคะ ถ้ารักกันจริงแค่จูบก็ทำได้ใช่ไหมคะ”
ไม่รู้ทำไม แต่โออิคาวะรู้สึกว่าบรรยากาศรอบๆตัวเด็กสาวเปลี่ยนไป มันเหมือนความสงบก่อนพายุเข้าจนตอนนี้โออิคาวะเหงื่อเริ่มออกแล้ว แต่ก็ยังคงสวมหน้ากากหนุ่มหน้ายิ้มอยู่
“นี่เธอ....ถึงจะคบกันแต่การจูบในที่สาธารณะมันเป็นสิ่งไม่สมควรไม่ใช่หรือไง อีกอย่างโทบิโอะจังต้องอายที่จะจูบต่อหน้าใครแน่ ฉันไม่อยากทะเลาะกับโทบิโอะจังหรอกนะ” เอาตามจริงตอนนี้โออิคาวะเริ่มแสบสีข้างตัวเองเสียแล้ว
‘ถ้ายังไม่ยอมเลิกแล้วต้องจูบจริงๆ ฉันไม่รู้จะเอาไปขอขมาโทบิโอะแล้วนะ’
โออิคาวะได้แต่ยืนรำลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิต่างๆนานา ขอให้เด็กสาวตรงหน้าปล่อยเขาไปเสียทีเพราะนี่พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าแล้ว เขายังต้องไปเลี้ยงข้าวใช้หนี้คาเงยามะนะ ถ้าร้านข้างทางปิดเขาก็ต้องหาเวลาอื่นมาชดใช้บุญคุณอีกนะสิ มันเสียเวลาซ้อมของเขานะ
“ยังไงก็ต้องทำค่ะ ไม่งั้นก็หมายความว่าโออิคาวะซังโกหกเรื่องมีคนคบ แล้วโออิคาวะซังก็ต้องมาคบกับฉันอย่างไม่มีเงื่อนไขด้วย” ได้ยินดังนั้นโออิคาวะแทบจะโบกมือลาความศักดิ์สิทธิของสิ่งศักดิ์สิทธิทันที นี่แปลว่าเขาต้องจูบผู้ชายจริงๆหรือเนี่ยแล้วนี่ยังเป็นถึงอดีตรุ่นน้องที่รู้จักด้วย
โออิคาวะหันไปมองอดีตรุ่นน้องที่ยังคงยืนทำปากยู่เพราะไม่มีใครสนใจที่จะอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำราวกับว่าเขาเป็นคนนอก
‘ผมไม่ได้โกรธที่พวกคุณทำแบบนี้หรอกนะครับ ไม่ได้งอนอะไรด้วย ไม่ต้องสนใจผมก็ได้ครับ’
นี่ต้องเป็นสิ่งที่คาเงยามะพูดแน่ๆถ้าเขาถามว่าเป็นอะไร เจ้าเด็กชวนหน้าโมโหนี่นิ โออิคาวะเดินเขาไปหาคาเงยามะช้าๆซึ่งคาเงยามะเองก็มองโออิคาวะเช่นกัน แม้ยังโกรธอยู่นิดหน่อยแต่ความสงสัยมันมากกว่า เมื่อร่างสูงมายืนอยู่ตรงหน้าคาเงยามะก็เปิดปากจะพูดแต่คนตรงหน้าก็โน้มศีรษะลงมาก่อน จนสุดท้ายก็ถูกปิดปากทันทีด้วยริมฝีปากของคนตรงหน้า จูบนี้ไม่ได้มีความลึกซึ้งอะไร แค่เป็นการจูบแบบผิวๆ ไม่มีการรุกล้ำอะไรไปมากกว่านี้
แม้จะเป็นการจูบกับผู้ชายแต่โออิคาวะก็ไม่อยากจะยอมรับเลยว่าริมฝีปากของคนตรงหน้านั้นนุ่มมากๆ นุ่มจนอยู่ดีๆก็คิดแปลกๆแล่นเข้ามาในหัวว่าถ้าคนๆนี้เป็นผู้หญิงก็ดีสิ เมื่อโออิคาวะได้สติและเห็นว่านี่มากเพียงพอแล้วจึงถอนริมฝีปากออกมาทันทีแล้วหันไปหาเด็กสาวที่เป็นคนบอกให้เขาทำ แต่สิ่งที่เข้าเห็นนั้นกลับทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าอะไรเพราะอยู่ดีๆเด็กสาวคนนั้นก็กรีดร้องไม่เป็นภาษาแล้วก็วิ่งหายไปทันที
‘เหมือนเห็นเลือดกำเดาไหลออกมาจากจมูกของเด็กคนนั้นด้วยแหะ’
โออิคาวะทำอะไรไม่ถูกอยู่ครู่นึงเพราะอยู่ดีๆเด็กสาวเจ้าปัญหาก็วิ่งหายไปพลางคิดว่าสิ่งที่เขาทำคงช๊อคมากเกินไป....... ดีที่ไม่สลบจะได้ไม่ต้องเสียแรงทำเรื่องอะไรไม่เป็นเรื่องอีก
ตุ้บ!
เสียงอะไรบางอย่างหล่นลงพื้น โออิคาวะจึงหันไปตามเสียงแล้วเห็นว่าคาเงยามะลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นเสียแล้ว ร่างสูงเห็นดังนั้นก็ไม่รู้จะทำยังไงดี จึงยื่นมือเข้าไปให้คนที่นั่งอยู่ลุกขึ้นมาแทนแต่ก็โดนปัดออกทันที โออิคาวะหงุดหงิดเล็กน้อยที่โดนปัดมือออก จึงเปลี่ยนเป็นจะกระชากให้ลุกขึ้นมายืนแทน แต่พอมือของเขากำเข้ากับแขนของอีกฝ่ายก็รับรู้ได้ถึงอาการสั่นน้อยๆของคนตรงหน้าทันที โออิคาวะจึงค่อยๆคลายมือออกก่อนที่จะลงไปนั่งยองๆตรงหน้าคาเงยามะ เพื่อที่จะมองหน้าอีกฝ่ายให้ชัด
ในตอนแรกโออิคาวะแค่จะลองกวนประสาทเพื่อเป็นการปลอบคนตรงหน้าในแบบฉบับของเขา แต่เมื่อได้เห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาสีฟ้าคู่สวยนั้น คนที่จะกวนประสาทก็รีบกลืนทุกประโยคลงไปทันที
“โทบิโอะจัง...” โออิคาวะเรียกคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “โทบิโอะจัง ฉันขอโทษ.....เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวเองนะ.............. ไม่เอาน่า อย่าร้องสิ” ร่างสูงพยายามพูดปลอบคนตรงหน้าก่อนที่จะเอามือค้นกระเป๋าตัวเองเพื่อหากระดาษทิชชู่ แต่ก็นึกได้ว่าตนเองเป็นพวกไม่ชอบพกของผู้หญิงๆแบบนั้น จึงตัดสินใจหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนเองจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้คาเงยามะแทน แต่คนตรงหน้ากลับไม่ยอมรับผ้าเอาแต่กำมือของตนเองแน่นเสียจนโออิคาวะต้องรีบไปคลายมือนั้นออกก่อนทันทีก่อนที่มันจะเป็นแผล
“นี่ทำบ้าอะไรเนี่ย!! ถ้ามือนายบาดเจ็บก็เล่นวอล์เลย์ไม่ได้นะสิ เจ้าเด็กโง่!!” โออิคาวะตะโกนใส่เจ้ารุ่นน้องทันทีแล้วก็ต้องตะปบปากตนเองทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองพูดใส่อารมณ์มากเกินไป
‘บ้าเอ๊ย!!!คนที่ทำให้โทบิโอะจังเป็นแบบนี้ก็เราเองไม่ใช่หรือไง!!!ไอ้โง่เอ๊ย!!’
นี่เป็นไม่กี่ครั้งที่โออิคาวะรู้สึกอยากหาอะไรมาทุบหัวตนเองเพราะความงี่เง่าของเขาเอง
“น...ครั้งแรก....” ก่อนที่โออิคาวะจะหาอาวุธมาประทุษร้ายตัวเองเจอ ก็มีเสียงเบาๆดังมาจากคนอีกคน “เอ๋?เมื่อกี้โทบิโอะจังพูดว่าอะไรนะ” ร่างสูงถามกลับด้วยความเป็นห่วง
“นั้นมันครั้งแรกของผมนะครับ!!!!” คาเงยามะตะโกนใส่คนตรงหน้าด้วยใบหน้าที่ดูปกติ.....ไม่สิที่จริงต้องแดงมากๆเลยต่างหาก แสงอาทิตย์ตอนเย็นมันหลอกตาสินะ
“อะไรครั้งแรก? จูบนะหรอ?” โออิคาวะถามกลับด้วยหน้าตาเหลอหลา คาเงยามะพยักหน้าโดยพยายามหลบใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาไม่ให้อีกคนเห็น โออิคาวะตัวแข็งทันที
“เดี๋ยวสิโทบิโอะจัง นายไม่เคยจูบใครเลยหรอ? นี่มัธยมปลายแล้วนะยังไม่เคยเลยหรอ?” ร่างสูงทำท่าทางเหมือนจะบินได้ ขยับแขนไปมาเพราะไม่อยากจะเชื่อว่าคนตรงหน้าแม้แต่จูบแรกก็ยังไม่เคย
‘นี่ฉันเป็นจูบแรกงั้นหรือเนี่ย.....จูบแรกกับผู้ชายเนี่ยนะ......พระเจ้า’
โออิคาวะนั่งมองคนตรงหน้าก่อนถามบางอย่างที่ให้ตายเถอะสมองเขาโดนแดดเผาไปแล้วหรือไง
“แล้วโทบิโอะจังชอบไหมละ” คาเงยามะเงียบทันทีก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจากนั้นก็ขยับปากตอบอย่างช้าๆ “ก...ก็ไม่ได้รังเกียจอะ...อะไรนี่ครับ อุ๊บ!..”
คาเงยามะเบิกตาโพล่งด้วยความตกใจ อยู่ดีๆอีกฝ่ายก็พุ่งมาหาเขาแล้วก็ประทับริมฝีปากอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งแรกแม้ว่าจะไม่รุนแรงเหมือนกันแต่มันให้ความรู้สึกต่างออกไป มัน....
‘ รู้สึกดีจัง.....’
ราวกับคนตรงหน้าสามารถดูดพลังกายของเขาไปหมด คาเงยามะก็เกือบไหลลงไปกองกับพื้นทันที โชคดีที่อีกคนไหวตัวทันจึงประครองร่างเขาไว้ทัน สุดท้ายก็กลายเป็นว่าตัวเขาอยู่ในอ้อมกอดของโออิคาวะ
“โทษที...แค่พอเห็นหน้าโทบิโอะจังแบบนั้นแล้วทนไม่ไหวน่ะ” โออิคาวะพูดขอโทษด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย แต่ก็ยังดีกว่าอีกคนที่ตอนนี้หน้าแดงจนไปถึงใบหู แล้วร่างสูงก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นกลั่นขำทันทีเมื่อเห็นปากของอีกฝ่ายที่ทำเหมือนปลาขาดอากาศเพราะตกใจจนพูดไม่ออก ก่อนที่โออิคาวะจะลุกขึ้นยืนแล้วดึงตัวคาเงยามะให้ขึ้นมายืนตามให้เรียบร้อย
ร่างสูงมองอีกฝ่ายที่ยังคงก้มหน้าก้มตาไม่ยอมเงยหน้าแล้วเดินเข้าไปประชิดตัวแล้วพูดว่า “นั้นจูบที่สองของโทบิโอะจังแล้วนะ ส่วนนี่จูบครั้งที่สามของคนที่อาจเป็นแฟนในอนาคต” ร่างสูงก้มลงจุมพิตที่แก้มซ้ายอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะจูงมืออีกฝ่ายไปหาร้านอาหารอร่อยๆกินเป็นของตอบแทนในวันนี้แทน คาเงยามะที่โดนหอมแก้มไป ตอนแรกก็ยังคงไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดจนกระทั่งคาเงยามะกลับมาถึงที่บ้านของตนจึงเพิ่งรู้สึกตัว ความเขินอายทั้งหมดจึงพุ่งเข้าใส่คาเงยามะทันที
“โออิคาวะซังคนบ้า.....” คาเงยามะพึมพำใส่หมอนของตนเอง
“เดี๋ยวสิ....วันนี้ที่เราไปหาโออิคาวะซังก็เพราะจะให้ช่วยสอนลูกเสิร์ฟไม่ใช่หรอ.....บ้าเอ๊ย!!!” ดันลืมเรื่องสำคัญไปจนได้ พรุ่งนี้ค่อยไปหาใหม่ก็ได้
.
.
.
.
.
.
.
.
END
ฟิคแรกที่จบกร๊ากกกก(บ้า) ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันน้าาา
คาเงยามะเคะอีสเดอะเบส (!?)
ผลงานอื่นๆ ของ KeTsur0 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ KeTsur0
ความคิดเห็น