ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    No words,but is it love?นี่คือความรักรึเปล่านะ?[100%]

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter4: Question

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ย. 55


    YS: <ฮยองอยู่ไหน?>    โอ๊ย จุนอาไปอยู่ที่ไหนกัน? ทำไมไม่กลับหอสักทีนะ

     

    YS: <ฮยองป่วยรึเปล่า?>

     

     

     

    YS: <ทำไมไม่กลับหอ?>

     

     

     

    YS: <ตอบผมทีฮะฮยอง>

     

     

     

     

     

    ผมรู้สึกถึงน้ำใสๆที่กำลังจะไหลลงมา เขาไม่ยอมตอบข้อความกหรือรับสายเลย ผมรู้สึกแย่สุดๆ รู้งี้ผมตามเขาไปตั้งแต่ที่โรงอาหารก็จบ  ระหว่างที่ผมกำลังซึมอยู่ ในที่สุด สายก็ติด

     

     

    “จุนฮยองฮยอง? ฮยองอยู่ไหน?"

    “โยซอบอา ขอโทษนะ จุนฮยองมัน..นอนอยู่”  เอ๊ะ เสียงฮงกิฮยอง? แล้วทำไมฮยองมารับแทนจุนอาล่ะ?“งั้นฮงกิฮยองอยู่ไหน? จุนฮยองฮยองป่วยหรอ? ผมจะไปที่นั่น..”

    “ฉันไม่คิดว่ามีความจำเป็นที่นายจะต้องมาที่นี่หรอกนะ จุนฮยองมันหลับไปแล้วหลังจากที่ทานยา..”  เมื่อเสียงของฮงกิฮยองจบลง ความเงียบก็เกิดขึ้น

    “ผม..”  ผมอยากเจอเขาจะแย่อยู่แล้ว.. 

    “ผมอยากเจอเขา”

    ไม่มีเสียงตอบรับ สักพักผมได้ยินเสียงหัวเราะของจงฮุนฮยองที่ลอดเข้ามาในโทรศพท์จากอีกปลายสายนึง


    “โยซอบอา ฉันคิดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เราควรจะเจอกัน ขอโทษนะ เดี๋ยวฉันบอกมันก็ได้ว่านายโทรมา”   ฮงกิฮยองพูดก่อนจะตัดสายผม ผมปล่อยให้โทรศัพท์ร่วงลงที่พื้น มันเป็นความผิดของผม ผมรู้ จุนอาคงคิดว่าผมมีดูจุนฮยองอยู่แล้ว.. ผมค่อยๆทรุดตัวลงที่เตียงของร่างสูงและปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเงียบๆ นายมันโง่ ยังโยซอบ  ผมอยากเจอเขามากจริงๆ..

     

     

     

    ผมนอนไปประมาณ 3ชม.ในคืนนั้น ผมนั่งรอที่ห้องนั่งเล่นถึงเช้าเพื่อรอให้จุนอารับสาย

     

     

     

     

     

    YS: <ฮยอง ฮยองรู้สึกดีขึ้นรึยัง?>

     

     

     

    YS: <ผมอยากเจอฮยองจริงๆนะ>

     

     

     

     

    ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ของผม ผมพิมพ์ข้อความอีกข้อความลงไปแบบไม่รู้ตัว แต่ผมไม่กล้าส่งมัน.. YS:..   ปุ่มลบข้อความถูกกดก่อนที่สมาชิกในวงจะเดินออกมาจากห้องนอนได้ทันเวลา

     

     

     

     

     

     

    สมาธิของผมไม่อยู่กับตัวเลยตลอดวันนั้น ดูจุนฮยองเองก็เงียบมาก พวกเราฝึกซ้อมเต้นท่ามกลางบรรยากาศแปลกๆ แล้วอยู่ๆ โทรศัพท์ของลีดเดอร์ก็ดังขึ้น ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดูจุนฮยองพูดว่า

    “..จุนฮยอง?”

     

     

     

    ตาผมเบิกกว้าง จุนอาไม่ตอบข้อความของผมแต่กลับโทรหาดูจุนฮยองเนี่ยนะ?! ลีดเดอร์ของเราหายไปจากห้องซ้อมประมาณ15นาที ผมพยายามหยุดตัวเองไม่ให้แอบฟังการสนทนา เมื่อดูจุนฮยองกลับเข้ามา ใบหน้าของฮยองแสดงถึงความสับสนแต่แอบมีท่าทางที่ดูสบายใจขึ้น

     

     

     

     

    ผมรู้สึกเวลาผ่านไปช้ามาก ดังนั้นเมื่อดูจุนฮยองเดินเข้ามา ผมแทบจะกระโจนเข้าไปหา

     

    “จุนอาพูดอะไรบ้างฮะ?!  และทำไมเขาถึงไม่ติดต่อผมก่อน?

    “มัน..”   ดูจุนฮยองเงียบไปสักพักก่อนจะมองผมด้วยสายตาแปลกๆ

    “มันขอโทษน่ะ มันบอกว่ามันจะหายไปสักพัก”  ฮะ?ผมไม่อยากจะเชื่อ..

    “แล้ว..จุนฮยองฮยองได้พูดอะไรเกี่ยวกับผมมั้ยฮะ?”  ผมถามอย่างมีความหวัง แม้มันจะริบหรี่มากก็เถอะ.. ลีดเดอร์เดินจากไปพร้อมกับหลบสายตาผมและส่ายหัวน้อยๆ  เหมือนกับถูกดึงลงไปในห้วงความมืดมิด ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ของผมผ่านน้ำใสๆอีกครั้งด้วยความหวังที่ว่ามันจะส่งเสียงออกมาจนถึงเช้า

     

     

     

    ระหว่างที่พวกเรานั่งรถกลับหอของเรา ผมก็นั่งใจลอยเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง..อ่า ความคิดของผมลอยไปหาจุนอาอีกแล้ว ผมอยากเจอเขาจะตายอยู่แล้ว คิดได้ดังนั้น ผมจึงพยายามติดต่อฮงกิฮยองพร้อมกับพยายามโน้มน้าวให้เขาเห็นใจผมและบอกว่าจุนอาอยู่ที่ไหน ถึงผมจะไม่ได้หวังอะไรแล้วก็เถอะ

     

     

     

     

    “ฮัลโหล?”  เสียงของฮงกิฮยองผ่านเข้าสู่หูของผมหลังจากที่รอมาสักพัก

    “อ่า..ฮยอง ผมโยซอบนะฮะ”  ผมรอคำตอบแต่มีเพียงความเงียบงันตอบกลับมา ผมจึงตัดสินใจพูดต่อ

    “ขอโทษที่รบกวนฮะ จุนฮยองฮยองอยู่มั้ยฮะ?ผะ..ผมต้องการจะคุยกับเขา”

    “โยซอบอา ตอนนี้คงไม่ได้จริงๆ แค่..ให้เวลามันหน่อย โอเค๊? มันแค่ต้องการเวลานิดหน่อยเพื่อจัดการเรื่องบางอย่างเฉยๆ” น้ำเสียงของอีกฝ่ายนั้นมีความไม่แน่ใจติดมาด้วยเล็กน้อย

     

    “เรื่องบางอย่าง?เรื่องอะไรฮะ?!ถ้าเรื่องผมกับดูจุนฮยองน่ะนะ เขานั่นแหละที่คิดไปเอง คิดไปเองทั้งหมด! ผมขอคุยกับเขานะฮะ” ผมตะโกนใส่เครื่องมือสื่อสาร น้ำตาเริ่มหยดลงอีกครั้ง

     

     

     

    ผมได้ยินเสียงคุยกันจากทางอีกปลายสายและหลังจากที่ผมได้ยินเสียงฮงกิแว่วๆว่า “เขาร้องไห้”  ใครบางคนก็รับโทรศัพท์ไปก่อนที่จะมีเสียงจากทางนั้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเสียงของจงฮุนฮยอง

     

    “โยซอบ ฟังนะ คืนพรุ่งนี้พวกเราจะไปคลับBBZกับไอ้จุน คิดกันไว้ว่าจะไปตอนประมาณตีสองมั้ง เดี๋ยวฉันจะส่งที่อยู่ของคลับให้ทีหลัง..พอได้ที่อยู่นั่นแล้ว ทำในสิ่งที่นายคิดว่าควรทำละกัน บาย”

     

     

     

    เท่านั้นสายก็ถูกตัดไป ผมมองโทรศัพท์ในมือด้วยรอยยิ้มที่เริ่มปรากฏขึ้น จงฮุนฮยองไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่ใครเขาพูดกันนี่นา ผมปาดน้ำตาและไปเปิดโน้ตบุคของผมพร้อมกับเสิร์ชหาทางไปที่นั่น มันไม่ใช่ที่ๆดีเท่าไหร่หรอกนะ ผมแค่ต้องระวังตัวนิดหน่อยระหว่างทางเท่านั้นแหละ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ผมรู้สึกประหม่าและเต็มไปด้วยความคาดหวัง ผมคิดถึงการเจอจุนอาทั้งวัน หลังจากกินข้าวเย็น ผมก็เข้านอนเหมือนสมาชิกคนอื่นเพียงแต่ตอนประมาณตีหนึ่งครึ่ง ผมค่อยๆย่องออกจากห้องนอนและหอพักของเรา ผมไม่มีเวลามากพอที่จะเดินอ้อยอิ่งไปที่ป้ายรถเมล์ ผมจึงต้องวิ่งตลอดระยะทาง ลมหายใจของผมถี่ซะจนผมต้องค่อยๆทำให้ตัวเองสงบลงเมื่ออยู่บนรถเมล์  ผมนึกว่าการเข้าคลับมันจะยากกว่านี้ซะอีก ในเมื่อวันนี้ผมแต่งตัวธรรมดาไม่เหมือนคนอื่น แค่กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ คาร์ดิแกนสีเขียวเข้มและผ้าพันคอสีเทา  ผมมองไปรอบๆแล้วสังเกตว่าผู้คนที่มาเที่ยวคนอื่นๆแต่งตัวค่อนข้างไกลจากคำว่าธรรมดาไปสักหน่อย ผมด่าตัวเองในใจที่ไม่เตรียมตัวให้พร้อมกว่านี้ แต่ ทันทีที่ผู้หญิงที่ถือลิสต์อะไรบางอย่างอยู่จำผมได้ ผมก็ได้เข้าไปในคลับทันที มันเป็นสถานที่ที่เจ๋งมาก แสงไฟสลัวๆ ดนตรีเบาๆ และโซฟาหนังเรียงราย  ผมเจอไอดอลบางคนด้วยแต่ผมไม่อยากถูกเรียกเข้าไปเลยรีบเดินไปที่บริเวณที่เป็นส่วนตัวของคลับที่มีคนกลุ่มนึงนั่งกันอยู่เต็ม

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมเดินเข้าไปหาโต๊ะนั้น จุนอาที่เห็นผมคนแรกเกือบสำลักเบียร์

     

     

     

    “โยซอบ?”  ความสนใจทั้งหมดพุ่งมาที่ผมในชั่วครู่ ไซม่อนดีกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนจะจับมือฮีชอลฮยองไปที่บาร์อีกฝั่งนึง พวกเขาทั้งสองจับมือกันแน่น..นั่นทำให้ผมอิจฉาไม่น้อยเลย

     

     

    “โอ้! โยซอบ! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!  ฮงกิฮยองหันมาพูดกับผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและเป็นมิตร ยิ้มทำบ้าอะไรวะนั่น! ฮงกิฮยองเองไม่ใช่เรอะที่ขัดขวางไม่อยากให้ผมเจอกับจุนอาของผม จุนอาที่เป็น..เป็นอะไรกับผมกันนะ? ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจุนอากับผมเป็นอะไรกัน

    “สวัสดีฮะ..” ผมพึมพำก่อนจะถูกดึงตัวไปทางอื่นโดยร่างสูงที่คุ้นเคย รู้ตัวอีกทีผมกับจุนอาก็มายืนอยู่อีกฝั่งนึงของคลับที่เป็นout doorพร้อมกับลมเย็นๆที่พัดเอื่อยๆเรียบร้อยแล้ว

     

     

     

    “นายมาทำอะไรที่นี่?”  เขาถามด้วยเสียงเครียด จุนอาโกรธหรอ?! จุนอาเนี่ยนะ?! คนที่โกรธต้องเป็นผมสิ!

     

     

     

    “ทำไม? ผมรบกวนอะไรฮยองหรอ?”  ผมตอบกลับไปพร้อมกระชากเสียงเล็กน้อย เขาดูงงกับโทนเสียงที่ผมใช้

     

     

    “ระวังโทนเสียงเวลาพูดของนายไว้ให้ดี รู้มั้ยฮะ?! คำถามของฉันคือ ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ คนเดียว ในเวลาแบบนี้?”

    “ผมอยากคุยกับฮยอง”

    “คืนนี้? เวลานี้?”  เขาส่ายหัวนิดๆ ผมสั่นเพราะตากลมหนาวมาได้สักพักแล้ว ผมมองร่างกายของร่างสูง เขาแต่งตัวในเสื้อผ้าที่ไม่ใช่ของเขาเอง กางเกงหนัง เสื้อเชิ้ตเท่ห์ๆ และเสื้อกันหนาวสีเทาอ่อน ผมคิดว่าเขาดูดีมากๆ ตอนนี้จุนอากำลังมองไปทางอื่นและหันหลังให้ผม ทำไมเขาถึงทำตัวห่างไกลอย่างนี้? ระหว่างที่ผมกำลังคิดอยู่นั้น อยู่ๆจุนอาก็หันกลับมาและเริ่มพูดอีกครั้ง

     

    “นายมาคนเดียว?” คราวนี้กลับเป็นเสียงชองจุนอาที่มีความรู้สึกรุนแรงเจืออยู่ด้วย เขาไม่เคยพูดกับผมแบบนี้.. ความโกรธของผมเริ่มปะทุขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่จุนอาใช้กับผม ให้ตาย! จุนอากำลังหลีกเลี่ยงผมนี่นา! เขาไม่ยอมตอบกลับข้อความของผมสักอันแล้วยังทำแบบนี้อีก!!

     

     

     

     

     

    “แน่นอน ก็ผมต้องการมาเจอฮยองอ่ะ! ฮยองหลีกเลี่ยงไม่คุยกับผมนี่!” ผมตะโกนใส่หน้าจุนอา

     

     

     

    “นายไม่ควรมาที่นี่ โดยเฉพาะ มาคนเดียว มันไม่ใช่ที่ๆนายควรจะอยู่!” เขากัดฟันพูด

     

     

    “ทำไมหรอ? เพราะผมไม่เท่ห์เหมือนเพื่อนๆของฮยอง? ฮีชอลฮยอง ไซม่อนดี..ฮงกิฮยอง?!  ผมรู้สึกถึงน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าผมจนเปียกไปหมดและมือที่เริ่มสั่น ผมหันหลังพร้อมกับตั้งใจไว้ว่าผมจะกลับหอ แต่มือหนึ่งหยุดผมไว้

    “ไม่ใช่อย่างนั้น!นายน่ะ..” ตาผมเบิกกว้างเมื่อรู้สึกถึงสองแขนของเขาโอบรอบไหล่ของผม จุนอากอดผม? ผมเอียงหน้าไปมองแล้วสายตาเราก็สบกัน..สายตาของจุนอาฉายแวว..สับสน?

     

    “โยซอบอา..นายน่ะ เท่ห์ยิ่งกว่าพวกเขารวมกันทั้งหมดอีก”  เขาพึมพำเบาๆแล้วใช้หัวของผมเป็นที่รองคางพร้อมกับถูคางกับผมของผม ผมค่อยๆรู้สึกสงบลงเมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นที่เกิดจากจุนอา

     

     

     

     

     

    “แต่ฮยองบอกว่า..ผมไม่ควรมาอยู่ที่นี่..” ผมเริ่มงอนเหมือนเด็กๆ

     

     

     

    “ใช่ เพราะที่นี่มันอันตรายสำหรับคนที่มาคนเดียว โดยเฉพาะนาย..” เสียงของร่างสูงแสดงถึงความห่วงใยและความหวาน.. ลมหายใจเข้าออกของผมเสมอกันและน้ำตาของผมหยุดไหล..

     

     

    “งั้น ฮยองไม่โกรธที่ผมมาที่นี่ใช่มั้ย?”

    “ไม่ ฉันโกรธ”  ผมรู้สึกแย่แต่เมื่อจุนอาพูดต่อ ผมก็ยิ้มออก

    “โกรธไอ้จงฮุนที่บอกนายเรื่องคลับนี่”

    ผมหัวเราะนิดๆแล้วมองหน้าจุนอา เขายิ้มน้อยๆระหว่างที่ปาดคราบน้ำตาบนใบหน้าผมออกไป

     

    “ฉันแค่ต้องการเวลา” จุนอากระซิบบอกผม ผมไม่ค่อยเข้าใจเลยผละออกจากอ้อมกอดอุ่นและมองจุนอาอย่างต้องการคำตอบ แต่ดูเหมือนเขาไม่อยากจะบอกอะไรผมเพิ่ม ผมเอื้อมไปกุมมือเขาไว้และค่อยๆเข้าไปไกลก่อนจะเขย่งขึ้นทำให้ริมฝีปากเราแตะกันแผ่วเบา นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเริ่มก่อน ก็เลย รู้สึกเขินนิดๆ แต่ถึงอย่างนั้น จูบของเราก็หวานไม่แพ้ครั้งก่อน  โพรงปากของจุนอามีรสแอลกอฮอลล์และบุหรี่แต่นั่นก็ค่อยๆหายไปเมื่อมันปรับเข้ากับความหวานในปากของผม ผมได้กลิ่นของจุนอาที่ทำให้ใจผมเต้นแรงอีกครั้ง ร่างสูงกระซิบชื่อของผมพร้อมกับโอบกอดผมและลูบที่แผ่นหลังของผมไว้ มันเป็นจูบที่ไม่ยาวอย่างที่ผมหวังไว้ ดังนั้นสมองของผมก็ยังคงพะวงกับประโยคล่าสุดของจุนอา

     

     

     

     

     

    “ต้องการเวลา?”  ผมถามขึ้นพร้อมกับกอดจุนอาเพื่อไม่ให้เขาหนีไปไหน จุนอาดูประหม่าเล็กน้อย เราเดินไปที่ระเบียงของคลับ ผมพิงหลังไว้กับตัวของจุนอา แขนของเขาโอบผมไว้ ผมพิงหัวไปทางไหล่ซ้ายของเขา ผมได้ยินเสียงหายใจเข้าลึกๆของจุนอาก่อนที่เขาจะเริ่มพูด

     

     

     

     

     

     

     

    “นายรู้ใช่มั้ย เนื้อเพลงที่ฉันแต่งน่ะ” ผมพยักหน้าแรงๆหลายครั้ง ผมจะไม่รู้ได้ยังไง? ผมรักเนื้อเพลงที่เรียบเรียงอ่างสวยงามทุกเพลงที่เขาแต่ง ผมจำมันได้ทุกเพลง ทุกบรรทัด..

     

     

     

     

     

    “ก็..เวลาฉันแต่งเพลงน่ะ ฉันคิดถึงนาย                 

     

     

     

     

     

    ราวกับหัวใจของผมหยุดเต้นไปชั่วครู่ ถ้อยคำที่ร้อยเรียงออกมาอย่างสวยงามนั่น เพื่อผม? ผมกัดริมฝีปากล่างและบีบมือของจุนอาที่ผมกุมไว้ ผมกำลังจะบอกเขาว่าผมรู้สึกยังไงแต่จุนอาเริ่มพูดต่อ

     

     

     

     

     

     

     

    “ความคิดฉัน..ทุกอย่างที่เป็นฉันมันยุ่งเหยิงไปหมดเพราะนาย..ฉันไม่ได้อยากตะโกนใส่ดูจุนหรอกนะ แต่..แต่..ฉันตอนนั้นแค่ไม่ปกติเท่าไหร่..” ผมหัวเราะ เขาอิจฉาสินะตอนนั้น?

     

     

     

     

     

    “แต่ฮยองโทรหาดูจุนฮยองนี่ ดังนั้นมันก็ไม่เป็นไร..ดูจุนฮยองไม่ได้โกรธนายอยู่แล้ว” ผมทำให้เขามั่นใจโดยบอกเขาถึงอารมณ์เศร้าในวันนั้นของดูจุนฮยอง

     

     

     

    “ทำไมวันนั้นฮยองไม่โทรหาผมด้วยล่ะฮะ?” ผมรู้ว่ามันเป็นคำถามที่เห็นแก่ตัวและเด็กมากๆ แต่ผมอยากรู้นี่นา ก่อนที่จุนอาจะตอบผมก็มีเสียงที่คุ้นเคยขัดขึ้น

     

     

     

     

     

     

     

    “เอ่อ ขอโทษที่รบกวนพวกนาย” โธ่ ฮงกิฮยองกับความตรงเวลา- -

     

     

     

    “โจ๊กเกอร์ พวกเราจะกลับบ้านแล้วนะ นายมาด้วยมั้ย?”

     

     

     

    ร่างกายของผมค่อยๆถอยห่างออกจากจุนอาแต่เขารั้งผมไว้

     

     

     

    “ฉันจะไปเก็บของที่หอพวกนายพรุ่งนี้”  เขาพูดพร้อมเสริมคำว่า ขอบคุณ เบาๆ  ที่ทำให้ผมเบ้ปากเล็กน้อยอย่างอิจฉา อิจฉาในเรื่องที่ไม่ควรอิจฉาด้วยซ้ำ ร่างสูงโบกมือลาเพื่อนๆก่อนมือที่โบกอยู่จะค่อยๆเกลี่ยผมที่เข้าตาผมเล็กน้อย

     

     

     

     

     

    “นายอยากกลับหอมั้ย?”

     

     

     

     

     

    ผมมองจุนอาที่ยืนและยืดแขนของเขาอยู่ เสื้อเชิ้ตที่ใส่เลิกขึ้นเล็กน้อยพอให้เห็นผิวขาว ผมสังเกตสายตาที่ผู้หญิงส่งให้เขาอยู่ตลอด จุนอาดูดีจริงๆ เสียงทุ้มต่ำของเขาทำให้ผมคิดถึงเรื่องเป็นร้อยๆที่ผมสามารถทำกับจุนอาแทนที่จะกลับหอ ผมรู้สึกว่าหน้าผมร้อนขึ้นเมื่อความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวและทำให้ผมต้องเบนสายตาไปทางอื่น

     

     

     

     

     

    “คิดอะไรอยู่? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?” เขาพยายามมองหาสาวๆสวยๆข้างหลังเรา

     

     

     

    “สาวเซ็กซี่คนไหนดีกว่าฉันหรอ?” จุนอากระตุกยิ้มเล็กน้อยเมื่อแหย่ผมเล่น ทำให้ผมหันหน้ามาทางเขาอีกครั้ง ผมส่ายหัวก่อนจะมองเข้าไปในดวงตาสีเข้มตรงหน้าผม

     

     

    ฮยองดีกว่าทุกคนในที่นี้..” โอเค ตอนนี้หน้าผมคงแดงแจ๋เหมือนมะเขือเทศแล้วล่ะ แล้วไอ้รอยยิ้มตรงหน้าก็ไม่ได้ทำให้อะไรมันดีขึ้นหรอกนะ

     

    “อ่า แสดงว่านายคิดเกี่ยวกับฉันอยู่น่ะสิ! ยังโยซอบโรคจิต! นายคิดอะไรน่ะ?!  ผมค่อยๆเขยิบตัวออกห่างร่างสูงพร้อมกับบ่นอะไรสักอย่างที่คงจับใจความได้ว่า “เปล่าสักหน่อย ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย..”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    จุนอาที่ยังคงหัวเราะอยู่= = ยื่นมือออกมาหาผม หัวใจของผมพลันเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง..มันไม่ชินกับมุมนี้ของเขานี่นา..  ถ้าพวกคุณคิดถึงมุมที่จุนอาเป็นแร็พเปอร์สุดเท่ห์และมีอิมเมจแบดบอย แต่ตรงกันข้าม เมื่ออยู่กับผม..มุมที่อบอุ่นและเอาใจใส่จะออกมาแทนที่.. ผมจับมือจุนอาที่เริ่มเย็นมากุมไว้ในมือที่อุ่นกว่าของผม

     

     

     

     

     

    “ฮยองไม่หนาวหรอ?”  ผมพูดพลางเหลือบมองการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ไม่เหมาะกับสภาพอากาศนี้เอาซะเลย

     

     

     

    “ไม่เป็นไรหรอกน่า..กลับแท็กซี่กันนะ”  เขายิ้มให้ผมพลางส่ายหัวเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไรพร้อมกับหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาโบกไปมา มืออีกข้างก็จับมือผมดึงกลับเข้าไปในคลับ ผมมองเขาหยิบเงินจ่ายที่บาร์หลังจากคุยกับบาร์เทนเดอร์และเรียกแท็กซี่แล้ว  ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่จุนอาดูเป็นผู้ใหญ่ที่วางใจได้แบบนี้? เทียบกับจุนอา ผมรู้สึกเหมือนเป็นเด็ก ไม่ได้เป็นผู้ใหญ่เพราะแค่การแต่งตัวของเขา แต่ทั้งการยืน การกระทำ..และหลายๆอย่าง..  ความกังวลและการเล่นมุกแบบเด็กๆมันดูไร้สาระไปเลย ณ ตอนนั้นจนทำให้ผมเริ่มถามตัวเองอีกครั้งว่า ในเมื่อผมเป็นแบบนี้ ทำไมจุนอาถึงเลือกผมนะ อ่า ถ้าสมมติจุนอาเลือกผมจริงๆด้วย..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมเงียบผิดปกติในแท็กซี่ ซึ่งความผิดปกตินั้นไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของจุนอาได้เลย เขาสอดแขนไว้หลังคอผมและรั้งผมเข้ามาทำให้ตอนนี้ผมซบอยู่ที่อกของเขา

     

     

     

     

     

    “นายคิดมากเรื่องอะไรอยู่? ยังโกรธอยู่หรอ?” จุนอากระซิบแผ่วเบาให้พอได้ยินกันเพียงสองคน

     

     

     

    “ผม..”  ผมหยุดเพราะไม่มั่นใจว่าจะถามเรื่องที่ผมคิดอยู่ยังไง

     

     

    “อะไร?”  น้ำเสียงแฝงแววกังวลเล็กน้อยถามขึ้น

    “..ผมเป็นอะไรสำหรับฮยอง?” ผมพูดออกมาให้เบาที่สุด หวังว่าเขาจะไม่ได้ยิน จุนอาเริ่มวาดนิ้วเป็นวงๆที่หลังของผมและตอบคำถามของผม

    “นายได้ยินคำตอบหลายรอบแล้วนะ”

     

    ผมเงยหน้าขึ้นและมองร่างสูงด้วยความงุนงง ตอนไหนกัน?อะไรนะ?  จุนอายิ้มนิดๆที่มุมปากเช่นเคยเมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของผมและหัวเราะออกมาเมื่อผมครางออกมาด้วยความเสียดายที่แท็กซี่มาถึงหน้าหอเราแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

    ผมมองแท็กซี่ที่เริ่มไกลออกไปเรื่อยๆจนกระทั่งแขนที่โอบเอวผมไว้ทำให้ผมหันกลับไป ผมแนบร่างกายกับร่างของจุนอาที่เย็นเฉียบพยายามส่งผ่านความอุ่นให้มากที่สุด

     

     

     

     

     

    “ทำไมฮยองถึงไม่ใส่แจ็กเก็ตทับอีกชั้นล่ะ?” ผมมองจุนอาด้วยความแปลกใจ นี่ไม่ใช่ฤดูร้อนนะ! ใส่เสื้อเชิ้ตตัวเดียวหลังจากเพิ่งหายไข้เนี่ยนะ!

     

     

     

    “ก็คนมันลืมอยู่ที่รถจงฮุนนี่หว่า ให้ทำไง?”

     

     

     

     

     

     

     

    จงฮุนฮยอง ฮงกิฮยอง ฮีชอลฮยอง ไซม่อนดี ผมไม่แปลกใจเลยที่จุนอาก็เป็นหนึ่งในกลุ่มนั้น ทั้งหมดเป็นศิลปิน นักร้อง ใช่ แต่มีความแตกต่างจากศิลปินทั่วไปอยู่มาก ทั้งสไตล์ ความมุ่งมั่น แนวของดนตรี มิตรภาพของพวกเขามันหนาแน่นเหลือเกิน แฟนๆก็รู้ดี บางทีผมก็รู้สึกน้อยใจ ผมเห็นพวกเขาเหมือนกันกลุ่มที่ผมเข้าไปอยู่กับจุนอาไม่ได้  ถึงจุนอาจะไม่เคยกีดกั้นไม่ให้ผมอยู่คุยด้วยก็เถอะ แต่มันมีอะไรบางอย่างที่เวลาจุนอาชวนผมให้ออกไปเที่ยวกับกลุ่มนั้นแล้วผมก็ปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าตารางงานมันเต็ม..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “นายเงียบไปนะ..” จุนอาเอ่ยขึ้นระหว่างที่รอลิฟท์ เราสบตากันอีกครั้ง

     

     

     

    “ผมเหนื่อยเฉยๆ” ผมยอมรับความจริงส่วนนึง

     

     

    “ผมแค่ต้องการพักผ่อน..”

     

    เมื่อประตูลิฟท์ปิดลง จุนอารั้งผมเข้าไปและกอดผมไว้แน่น ผิวของเขาเย็นแต่รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่รินรดต้นคอของผม.. ผมอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ ผมในอ้อมกอดของจุนอาและไม่มีใครมาขัดเรา

     

     

     

     

     

     

     

    “ฉันคิดถึงนาย ฉันขอโทษโยซอบอา..” พร้อมกับคำหวาน ผมรู้สึกถึงริมฝีปากจุนอาที่สัมผัสใบหูของผมเบาๆและมือที่ลูบไล้ต้นคอของผม ผมสั่นเล็กน้อยและหลับตาลง

     

     

     

    “จุนอา..” ผมกระซิบพร้อมกับค่อยๆโอบคอจุนอาและมือที่เริ่มแทรกเข้าไปในกลุ่มผมของเขา

     

     

    “ผมก็คิดถึงฮยองเหมือนกัน..คิดถึงมากซะจน..” ปากของผมขยับไม่ได้แล้วเมื่อริมฝีปากของจุนอาขบเม้มบริเวณคางของผมและทิ้งรอยแดงไว้เล็กน้อย

     

    ผมครางเบาๆ ผมรู้ว่านี่มันไม่ใช่เวลาและสถานที่ที่สมควรจะ.. แต่ผมแค่อยากรู้สึกถึงจุนอามากขึ้นเรื่อยๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เสียง ตึ้ง ของลิฟท์ทำให้ผมกลับมายังโลกความจริง และร่างกายที่ยังคงแนบชิดกันยังคงค้างอยู่ที่เดิมเมื่อประตูลิฟท์เปิดขึ้น หน้าที่คุ้นเคยค่อยๆเข้ามาในสายตาของผมพร้อมกับสีหน้าตกใจบนใบหน้านั้น

     

     

     

    “ดงอุนอา..คือ..” ผมพยายามอธิบายแต่จุนอาลากผมออกไปพร้อมดันมักเน่ออกเล็กน้อย เขาจูงมือผมไปที่ห้องและเปิดประตูเพื่อเจอกับห้องนั่งเล่นที่มีสมาชิกในวงนั่งอยู่เต็มห้อง

     

     

    “โยซอบ! นายไปอยู่ที่ไหนมาวะ!” ดูจุนฮยองตะคอกใส่หน้าผมด้วยอารมณ์โกรธจัด แต่เมื่อสายตาของลีดเดอร์เห็นจุนอา เขาก็เริ่มปรับใบหน้าให้เป็นปกติ

    “ขอโทษ มันเป็นความผิดฉันเอง” อยู่ๆจุนอาก็พูดขึ้น ผมมองเขาด้วยความแปลกใจ สมาชิกในวงคนอื่นพูดว่าเป็นห่วงแค่ไหนที่ตื่นมาแล้วไม่เห็นผมที่เตียง

     

    มักเน่กระแอมเล็กน้อยพร้อมกับใบหน้าที่มีริ้วแดงๆที่แก้มก่อนจะพูดขึ้น

     

     

     

    “ฮยอง..พวกฮยองน่ะ..เมื่อกี้..”

     

     

    “นี่ก็ดึกมากแล้ว” ลีดเดอร์พูดขัดขึ้น

    “พวกนายทุกคน ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวนี้!” ภายในไม่กี่วินาที ทุกคนต่างวิ่งเข้าห้องนอนตามคำสั่งของหัวหน้าวง แต่จุนอาถูกหยุดโดยดูจุนฮยองระหว่างกำลังจะเดินเข้าห้องนอน ผมพยายามแอบฟังว่าฮยองทั้งสองของผมคุยอะไรกันแต่จุนอาเหลือบมองมาทางผมและสั่งด้วยสายตาให้ไปนอนก่อน ผมไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกัน เห็นแค่ดูจุนฮยองที่เข้าห้องมาก่อน




    “ฮยองฮะ?” ผมกระซิบ ดูจุนฮยองไม่พูดอะไรแต่ยิ้มให้ผมพร้อมกับยักไหล่ก่อนจะล้มตัวนอนบนเตียง ไอ้ลีดเดอร์น่ารำคาญเอ้ย..ไม่ยอมบอกผมสักอย่างอ่ะ! ว่าแต่ว่า จุนอาอยู่ไหนล่ะ? หลังจากที่ผมนอนลงสักพัก เมื่อผมกำลังตัดสินใจว่าจะแอบออกจากห้องนอนดีมั้ย ผมก็เห็นเงาของเขากำลังเดินเข้ามาในห้องพอดี กลิ่นแชมพูและสบู่อาบน้ำโชยเข้ามาก่อนผมจะกลืนน้ำลายเพราะเห็นจุนอาที่ใส่แค่บ็อกเซอร์และเสื้อกล้ามสีแดง

     

     

     

     

     

    ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียงจุนอา ใช่แล้ว ผมนอนที่เตียงจุนอาจนติดเป็นนิสัยแล้วล่ะ แต่ผมไม่รู้ว่าเขาอยากนอนกับผมรึเปล่า.. สัมผัสเมื่อตอนอยู่ในลิฟท์ยังติดตัวผม ดังนั้นผมจึงรู้สึกแปลกๆเมื่อจุนอาล้มตัวลงนอนข้างผม ผิวของจุนอาอุ่นมากหลังจากที่อาบน้ำ.. มือของร่างสูงหามือของผมเจอในเวลาไม่นานและจับมือผมวางไว้ที่เอวของเขาทำให้ผมอยู่ในสภาพที่เหมือนกับกอดจุนอาไว้กลายๆ ใกล้เกินไปแล้วนะ..  มือของผมค่อยๆไล้ไปตามหลังของเขาและลูบไปตามผมเปียกของจุนอา ความเงียบที่มากเกินไปทำให้ผมรู้สึกหูอื้อเล็กน้อย กี่คืนแล้วนะที่ไม่ได้นอนด้วยกัน.. ผมหยุดตัวเองไม่ให้แตะตัวจุนอาไปมากกว่านี้แต่มือของเขาที่อยู่ใต้เสื้อของผมไม่ได้ช่วยอะไรเลย ดูเหมือนจุนอาจะเห็นว่าผมหยุดเพราะสัมผัสของเขาค่อยๆช้าลงก่อนจะหยุดเช่นกัน ริมฝีปากของร่างสูงแตะเบาๆที่หางคิ้วของผม

     

     

     

     

     

     

     

    “ฝันดีนะซอบ..”

     

     

     

    ผมยิ้มและค่อยๆซุกตัวในอ้อมแขนของจุนอาและกอดตอบ..

     

     

    “ฝันดีฮะ..”

     

     

     

    ......................................................................................END OF CHAPTER FOUR.........................................................................................

     

     

     

     

     

     

    ตอนนี้ยาวเป็นพิเศษ5555สงสัยไรเตอร์คนนั้นเขาขยัน55 เอามาลงแล้วนะค้าตอนนี้งานเริ่มยุ่งขึ้นเรื่อยๆแต่จะพยายามแปลต่อไปนะคะ แล้วเจอกันค่ะ~

    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์เช่นเดิมค่า~=]


                                                                  :) Shalunla


                                                               
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×