ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    No words,but is it love?นี่คือความรักรึเปล่านะ?[100%]

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter6: Capable

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ย. 55


    -ระหว่างทางนั่งรถกลับหอ-

     

    ผมรีบๆจองที่นั่งโปรดของผมข้างๆจุนอา เปลือกตาของเขาปิดสนิทแต่เมื่อผมเอนตัวไปพิงเขาเพียงนิดเดียว จุนอาก็ลืมตาขึ้นมามองผมเล็กน้อยพร้อมส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ผม ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าเขาคงไม่ปล่อยผมไปง่ายๆหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันนี้ ผมตัดสินใจเมินเขาแล้วหันหน้าไปอีกทางหนึ่งแต่จุนอาดึงผมให้แนบกับร่างกายของเขาอีกครั้ง ผมไม่ได้ขัดขีน อุณหภูมิในรถตอนนี้มันต่ำเกินไปสำหรับผม อีกทั้งอกจุนอายังอบอุ่นอีกด้วย.. ผมสั่นเพราะอากาศที่หนาวเย็นแล้วอยู่ๆก็มีผ้าผืนหนึ่งที่คุ้นเคยพันที่คอของผมไว้

     

    “ฮยองเอามันไปทุกที่เลยหรอ..” ตาของผมฉายแววแห่งความสุขออกมาเมื่อเห็นว่ามันคือผ้าพันคอสีเทาของผมเอง จุนอายื่นหน้ามาใกล้ผมก่อนจะกระซิบเบาๆ

    “ก็มันมีกลิ่นของนายนี่นา..”

     

    ผมยิ้มเล็กๆอย่างเขินๆพร้อมกับส่ายหน้า เพราะในตอนนั้น ผ้าพันคอของผมมันมีกลื่นประจำตัวจางๆของจุนอาติดอยู่ชัดๆ

     

    “ไม่ใช่แล้วล่ะ..ตอนนี้มันเป็นกลิ่นของฮยองแล้ว..ผมชอบนะ” ผมสารภาพพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำและรอยยิ้มที่ระบายไปทั่วใบหน้าผม ใช่ ผมไม่ได้แค่ชอบมัน ผมรักมันเลยล่ะ จุนอาขยี้หัวผมเล่นเล็กน้อยแล้วยิ้มอีกครั้งก่อนจะค่อยๆหลับตาลงและพิงไปที่เบาะ ผมมองเขาจนกระทั่งกวังอารบกวนผมและถามเกี่ยวกับเนื้อเพลงของเพลงๆหนึ่งในอัลบั้ม สุดท้ายผมก็ไม่ได้หลับสักงีบบนรถเลย

     

     

     

     

     

     

     

    “ข้าวเย็นเสร็จแล้ว!~” ดูเหมือนว่าฮยอนซึงฮยองกับดูจุนฮยองจะตั้งใจทำซุปกิมจิอย่างสุดฝีมือเลยล่ะ มันเป็นอาหารอย่างนึงในบรรดาอาหารอีกไม่กี่อย่างที่พวกฮยองทำเป็นล่ะ ฮ่าๆๆ

     

     

    รอยยิ้มของผมกว้างขึ้นเมื่อเห็นชามใหญ่ที่มีข้าวที่ตักจนพูนอยู่ตรงหน้าผม ท้องผมร้องใหญ่แล้ว ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของจุนอาที่เพิ่งทรุดลงนั่งข้างๆผม- -*  ผมมีความสุขกับการกินระหว่างที่พิงหลังของผมที่ร่างกายของจุนอา แถมยังมีมือของเขาไล้ตรงท้ายทอยผมอย่างอ่อนหวานที่สุด ผมไม่มีวันเบื่อกับการที่แร็พเปอร์สัมผัสผมเลย การแตะต้องสัมผัสกันระหว่างเราจะมีอยู่เสมอไป

     

    มือของร่างสูงละออกจากต้นคอของผมเพื่อจะไปตักข้าวใส่ปากของเจ้าของเอง ผมพึมพำเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่หายไป ผมนั่งรอจนจุนอากินข้าวเสร็จก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงความอุ่นจากจุนอาอีกครั้ง

     

     

    คืนนี้แปลกมากที่สมาชิกทุกคนไปกองกันอยู่หน้าทีวีเพื่อดูหนังกันพร้อมหน้าพร้อมตา มันเป็นโอกาสที่หายากมากๆเลยที่ทุกคนจะไม่มีคนเปิดโน้ตบุคแม้แต่คนเดียว แต่ถึงอย่างนั้น โชคร้ายที่หนังเรื่องนี้ถูกเลือกโดยฮยอนซึงฮยอง- - ดังนั้น มันจึงเป็นหนังแนวรักใสๆแบบที่เดาตอนจบได้ง่ายๆ หวานเลี่ยน และน่าเบื่อ= =

     

    เสียงพูดของตัวละครในเรื่องไม่ได้อยู่ในโสตประสาทของผมเลยแม้แต่น้อยระหว่างที่ผมกำลังนอนทับจุนอา และ หลังจากที่สะกิดที่ท้องแขนขวาของจุนอาเบาๆ ผมเริ่มลากนิ้วเรียวไปตามรอยสักของเขาเรื่อยๆ ผมรู้ความหมายของมันแต่ออกเสียงแต่ละคำไม่ได้ ผมชอบจินตนาการว่าผมก็มีรอยสักอยู่บ่อยๆแต่ก็คิดว่าผมยังไม่เคยเจออะไรที่สำคัญขนาดที่มันจะอยู่บนผิวหนังผมตลอดไปได้เลย  อย่างเดียวที่คิดได้คือ บีสท์  โอเค..อย่างเดียวจริงๆคือจุนอา แต่ทำไมถึงเป็นจุนอากันนะ? ผมสะบัดหัวเล็กน้อยเพื่อให้หน้าม้าที่ปรกดวงตาผมอยู่เข้าที่และจ้องใบหน้าของแร็พเปอร์  ผมจมลงไปในความคิดเกี่ยวกับว่าผมเป็นอะไรสำหรับเขาและผมควรจะพูดความจริงเกี่ยวกับความรู้สึกของผมเกี่ยวกับจุนอารึเปล่าอีกครั้ง ไหนๆผมก็ไม่สามารถปกปิดมันได้แล้วนี่นา

     

    “นายโอเคมั้ย?” คำถามของร่างสูงทำให้ผมหลุดออกจากห้วงความคิด ผมสะบัดความกังวลของผมออกไปแล้วพยักหน้าพร้อมยิ้มอย่างสดใสให้จุนอา

    “อื้ม..ผมแค่เหนื่อยน่ะ”

    ย๊า! พวกนายสองคน! นี่มันจุดไคลแม็กซ์เลยนะ! หุบปากซ้า! ฮึก..” ฮยอนซึงฮยองที่กำลังสะอื้นเล็กน้อยหันมาตะโกนขัดบทสนทนาของเราและทำให้พวกเราขำเพราะหน้าฮยอนซึงฮยองดูเครียดและจริงจังมากๆ ผมหันไปสนใจหน้าจอทีวีพอดีกับจังหวะที่พระเอกสารภาพรักกับนางเอก โอเค ดอกไม้บานสะพรั่งเยอะเกินไป- - น้ำตาคลอมากเกินไป และ การแสดงที่ห่วยแตกสุดๆ= =  แต่ ผมอิจฉานางเอกชะมัด! เธอตอบตกลงเหมือนที่เดาๆได้อยู่แล้ว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ เธอรู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง! นั่นแหละสำคัญ! ผมมองภาพบนจอก่อนจะเบนสายตาไปมองที่จุนอา เหมือนเขาจะรู้ตัวแล้วจึงหันมาสบตากับผมจนกระทั่งหนังจบลง

     

     

    ในที่สุด ณ เวลาประมาณตี1 พวกเราทุกคนอยู่ในสภาพใกล้ตายจากความเหนื่อยและความเบื่อจากหนังที่น่าเบื่อที่สุดในโลก.. ผมลุกขึ้นยืนแทบไม่ไหว ผมยันตัวแล้วดึงจุนอาลุกขึ้นด้วยกัน สิ่งเดียวที่ผมต้องการตอนนี้คือ นอน กอดกับจุนอาและนอน แต่ผมรู้เช่นกันว่าผมคงต้องรอให้คนอื่นๆนอนหลับกันให้หมดก่อนผมจึงจะแอบคลานขึ้นเตียงของร่างสูงได้

     

     

    “ซอบอา..” ผมไม่ขืนตัวเมื่อเขาลากผมเข้าไปในห้องน้ำแล้วปิดประตูหลังจากที่เราเข้ามาอยู่ด้วยกัน

    “อ่ะ นี่” ผมมองแปรงสีฟันที่มียาสีฟันบีบไว้แล้วที่จุนอาถืออยู่ในมือ ผมทำความสะอาดฟันช้าๆ หลังจากนั้นก็ปิดตาลงแล้วให้จุนอาล้างหน้าให้ เขาหัวเราะนิดๆและแหย่ผมเล่นเรื่องความขี้เกียจของผม แต่ทันทีที่ผมเช็ดหน้าเสร็จ จุนอาก็กอดผมจากทางด้านหลัง

     

    “คืนนี้เข้านอนเลยนะ ไม่ต้องรอให้คนอื่นหลับ” เขาพึมพำระหว่างที่ใช้หัวของผมเป็นที่วางคาง

    “ไม่เอาาาาา.....ผมอยากนอนกับฮยอง!” ผมส่ายหัวแล้วทำปากยื่นอย่างงอนๆเหมือนเด็ก ผมเห็นภาพจุนอากำลังยิ้มสะท้อนอยู่ในกระจก สายตามองตรงที่ภาพสะท้อนของผมในกระจกเช่นกัน ริมฝีปากกระตุกยิ้มที่ปลายเล็กน้อย

     

    “เถอะน่า ไปนอนได้แล้ว! เขาผลักผมไปที่ประตูห้องน้ำเล่นๆ  จุนอาโน้มตัวมาข้างหน้าจนผมรู้สึกถึงริมฝีปากร้อนที่เฉียดหูผมไป

    ฝันดี ซอบ..”

    ผมจำไม่ได้ว่าผมถูกดึงให้หันไปทางเขาตอนไหน อย่างเดียวที่ผมจำได้คือริมฝีปากอุ่นนุ่มสัมผัสกับริมฝีปากผมอย่างแผ่วเบาก่อนจะมอบจูบที่ไม่เร่งรีบและอ่อนหวานที่สุดเท่าที่ผมเคยได้รับมา.. ผมรู้สึกเหมือนว่าผมจะเดินไปที่ห้องนอนโดยที่ยังรู้สึกอุ่นที่ริมฝีปากอยู่ ผมเห็นภาพจุนอาจูบเบาๆที่มือของผมก่อนจะปล่อยมันแล้วลงปีนบันไดลงไปนอนเตียงชั้นที่หนึ่งเป็นภาพสุดท้ายของคืนนั้น

     

     

     

    สองอาทิตย์ ตารางงานที่ยุ่งเหยิง เข้าบริษัท ซ้อม ฝึกเต้น ซ้อม

     

    หัวที่อยู่ๆก็ปวดตุบๆปลุกให้ผมตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าตรู่ โทรศัพท์ผมบอกเวลาว่าตอนนี้ตี5 ผมครางออกมาเบาๆด้วยความที่ปวดหัวเหมือนจะระเบิดแล้วพยายามข่มตาลงให้หลับและกลับเข้าไปในฝันดีของผม หลังจากการพยายามประมาณครึ่งชั่วโมงผมถอนหายใจอย่างเพลียๆแล้วลุกขึ้นนื่ง ตาของผมไม่ให้ความร่วมมือในการปิดและหลับซะเลย

     

     

    ผมเอื้อมไปหยิบมือถือและจัดการเช็คเมนชั่นในทวิตเตอร์ได้ไปประมาณอีก30นาทีก่อนผมจะเริ่มหมดความสนใจ ผมมองสำรวจสมาชิกที่ยังคงนอนหลับอยู่อย่างสุขสบายรอบๆผม แม่ง! ผมอยากจะออกไปยัดยาแก้ปวดเข้าปากตอนนี้เลย แต่นั่นจะทำให้สมาชิกในวงตื่นขึ้นได้ ก่อนที่ผมจะคิดอะไรต่อไป อยู่ๆก็มีเสียงอะไรบางอย่างทำให้ผมนิ่งไปในวินาทีนั้น ผมปลุกใครรึเปล่านะ..? ผมได้ยินเสียงสปริงของเตียงและเสียงบันไดขั้นแรกที่ใช้ปีนขึ้นมาที่เตียงชั้นสองที่ผมคุ้นเคย ผมกำลังจะชะโงกหัวออกไปดูเมื่อมือเรียวยาวมือหนึ่งคว้าที่นอนผมไว้ ผมจำมือนั้นได้แม่นซะจนความมืดในห้องขณะนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับผมในการจำเจ้าของของมันได้เลย

     

    “ทำไมนายถึงไม่นอน?” เสียงพึมพำแหบๆของเขาปนมากับความง่วงนอน ผมคงเป็นคนปลุกเขาขึ้นมาสินะ...

    “ผมปวดหัวอ่ะ..” ผมพูดเบาๆพร้อมกับทำปากยื่นและลูบหัวตัวเองไปด้วย จุนอามองผมเงียบๆก่อนจะทำท่าเหมือนกับจะให้ผมปีนลงไป ผมพยายามอย่างมากในการปีนลงบันไดอย่างเงียบที่สุดก่อนจะเดินออกไปที่ห้องนั่งเล่นที่มีจุนอาที่มีผ้าห่มคลุมตัวนั่งรอที่โซฟาอยู่แล้ว เขารั้งผมเข้าไปในอ้อมกอดอุ่นและโอบผมไว้หลวมๆ มันอุ่นมาก ร่างกายของผมผ่อนคลายลงทันที แต่ถึงอย่างนั้น หัวผมกลับนึกไปถึงเรื่องที่เกิดที่ตึกคิวบ์.. และอยู่ๆผมก็รู้สึกร้อนไปหมดจนลมหายใจเริ่มขาดห้วง

     

    อีกทั้งจมูกโด่งของจุนอาที่กำลังถูพร้อมดอมดมหัวผมอยู่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้มันดีขึ้นเลย แค่ไม่ได้นอนด้วยกันแค่คืนเดียวก็ทำให้ผมคิดถึงเขามากเลย ดังนั้นผมจึงปล่อยตัวในอ้อมแขนของร่างสูงและสูดกลื่นจางๆของจุนอาเช่นกัน มือเย็นๆของเขาเลื่อนเข้าไปแตะหน้าผากผมใต้หน้าม้าทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น ผมรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นอยู่ที่อกข้างซ้ายของจุนอา

     

    “นายกำลังคิดถึงเรื่องที่เราคุยกันที่ตึกอีกแล้วหรอ?” คำถามของเขาทำให้ผมแปลกใจ การที่เขาพูดมันออกมาตรงๆแบบนั้นทำให้หน้าผมร้อนขึ้นมาเล็กน้อย

    “..ทำไมฮะ? ฮยองก็คิดถึงเรื่องนั้นอยู่?”

    “..มะรืนนี้นายไม่มีตารางงานอะไรใช่มั้ย?” ใช่สิ ไม่เคยตอบตรงคำถามเหมือนเดิม! ผมพยักหน้านิดๆก่อนจะหลับตาลง ในที่สุดผมก็จะได้พักสักที แต่ผมไม่รู้สึกดีก็ตรงที่ผมต้องอยู่ที่หอทั้งวันคนเดียวนี่แหละ บางทีแล้ว ผมควรจะไปเยี่ยมพ่อแม่ที่ร้านนะ ผมนึกถึงครอบครัวของผมก่อนจะผลอยหลับไปและตื่นขึ้นมาอีกทีตอนประมาณแปดโมงเช้า ฮยอนซึงฮยองกำลังทำอาหารเช้าและร้องเพลงไปพลางๆ จุนอาหายไปอีกแล้ว ผมค่อยๆลากตัวเองขึ้นจากโซฟาไปที่โต๊ะกินข้าว

     

    “ฮยอง ฮยองทำไรอยู่?”

    “แพนเค้กน่ะ จะกินมั้ย?” ผมพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยปากว่าจะช่วยจัดโต๊ะให้สมาชิกทุกคน

     

     

     

     

     

     

    -ณ โต๊ะกินข้าววันต่อมา-

     

    “เฮ้ นายโอเครึเปล่า? นายยังไม่เห็นกินอะไรเลยนะ..” จุนอาส่ายหัวพร้อมมองไปที่ลีดเดอร์อย่างสงสัย

    ผมมองเขาด้วยความรู้สึกผิด นี่ผมยุ่งจนไม่สังเกตว่าเขาป่วยเลยหรอ? จุนอาดูสบายดีจนกระทั่งเมื่อคืนก่อน!เมื่อวานผมเสนอให้เขาอยู่หอไปสำหรับวันนั้นแต่เขาก็ปฏิเสธและเข้าบริษัทด้วยกัน  เมื่อหมดวัน เมเนเจอร์ก็บอกให้เขาพักหนึ่งวันจะได้ดีขึ้น ผมเห็นรอยยิ้มที่ดูพอใจมากของเขาและนั่นทำให้ผมนึกขึ้นได้.. แบบนี้ผมกับจุนอาก็อยู่กันสองคนทั้งวันในหอสินะ..

     

     

     

     

     

     

     

     

    -วันต่อมา-

    “อื้อออ?” ผมครางเบาๆอย่างเหนื่อยอ่อนเมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักอะไรบางอย่างที่ทับตัวผมอยู่และปลุกผม ก็นี่มันเป็นวันว่างของผมนี่นา แน่นอนอยู่แล้วที่ผมจะอยากนอนต่ออีกสักหน่อยน่ะ! ผมกำลังจะประท้วงแต่น้ำหนักปริศนานั่นตัดสินใจอยู่นิ่งๆและผมก็หลับไปอีกครั้ง

     

    หลังจากผ่านไปอีกสองชั่วโมง ผมก็ตื่นขึ้นมาตามเวลาปกติ มีร่างกายใครบางคนพาดไปตามตัวผม แขนสองข้างโอบรอบเอวผมและเสียงหายใจเข้าออกสม่ำเสมออยู่ช้างหูผม

     

    “จุนฮยองฮยอง?”  จุนอาป่วยอยู่ไม่ใช่หรอ? ทำไมเขาไม่นอนอยู่ที่เตียงของเขาล่ะ? ผมค่อยๆเขยิบตัวออกจากร่างกายของจุนอา(แต่มือของเขายังไม่หลุดออกจากเอวผมเลย)พร้อมกับนอนคะแคงมองร่างสูง คึ เขาชอบนอนจริงๆนะ ทุกครั้งเลย ถ้าเขามีเวลาว่างจุนอาก็จะนอน ไม่ว่าที่ไหนเขาก็นอนได้ หลังจากที่จ้องมองจุนอาอยู่นาน ผมพยายามแกะมือของจุนอาออกจากเอวผมเพื่อที่เขาจะได้นอนต่อได้แต่ระหว่างที่ผมพยายามยกมือจุนอาเท่านั้น มือสองข้างนั้นดึงผมเข้าไปหาตัวของเจ้าของจนแนบชิดก่อนที่ดวงตาสีเข้มจะลืมขึ้นและมองผมที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมกอดของเขาเรียบร้อยแล้ว

    “หืม? อยู่ตรงนี้เถอะนะ มันยังเช้าอยู่เลย”

    “นี่มันสิบโมงเช้าแล้วนะฮยอง! ผมนอนต่อไม่ได้แล้ว!” และผมก็หิวแล้วด้วย^^! แย่ก็ตรงที่ฮยอนซึงฮยองออกไปแล้วนี่แหละ แบบนี้ผมก็ต้องทำอาหารเช้าเองสินะ

     

    “งั้น..ถ้านายไม่อยากนอน..”  ประโยคของจุนอาขาดหายไปเมื่อปากของร่างสูงประกบเข้ากับปากของผมพร้อมกับบดขยี้ริมฝีปากลงมา ริมฝีปากแห้งของเขาพยายามเปิดปากของผมอย่างรวดเร็ว ผมครางประท้วงเล็กน้อยเมื่อจุนอาดึงผมขึ้นไปนั่งคร่อมตักของเขาโดยที่ร่างสูงจัดให้ผมอยู่ในท่าที่ขาไขว้ไปด้านหลังและบั้นท้ายของผมทับกับ..ตรงนั้นของจุนอา.. ผมเผลออ้าปากเล็กน้อยด้วยความตกใจในการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วนี้ ทำให้ร่างสูงได้โอกาสสอดลิ้นเข้ามาสำรวจ ลิ้นร้อนกระหวัดเกี่ยวกันอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่สุดท้าย ผมก็แพ้เขาอยู่ดีและปล่อยให้เขาเข้ามาสำรวจโพรงปากผมอย่างเต็มใจ มือของผมวางไว้ที่อกและไหล่ของจุนอาในขณะที่มือหนาของเขาจับที่เอวผมแน่น

     

    “จะ..จุน...” ผมผละออกด้วยความรู้สึกวาบหวามอยู่เต็มอก

    “ฮะ..ฮยองป่วยอยู่ไม่ใช่หรอ?”

    จุนอาหัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า

    หึ ไม่เคยรู้สึกดีเท่านี้มาก่อนเลย

    และนั่นทำให้ผมเดาเรื่องออกทั้งหมด! เขาโกหกว่าป่วยเพื่อที่จะได้อยู่กับผม? ผมดันปากที่เฉียดเข้ามาใกล้จนน่าหวาดเสียวออกก่อนจะถามเขา คำตอบที่ได้นี่มัน..

     

    “แล้วถ้าฉันโกหกจริงๆจะทำไม..?”

     

     

    ผมพยายามหาคำพูดที่จะตอบกลับเขา แต่ความรู้สึกจี๊ดๆเล็กน้อยที่ใบหูเหมือนมีอะไรกัดเบาๆทำให้ผมนึกอะไรไม่ออกและผมเอนลงซบอกเขาอย่างหมดแรง ความรู้สึกถึงลิ้นที่ลากเลียที่ใบหูผมมันรู้สึกแปลกแต่ร้อนแรงสุดๆไปเลย แก่นกายของผมในตอนนี้มันชักจะไม่อยู่สุขซะแล้ว ร่างกายมันร้อนไปหมด เมื่อผมลุกขึ้นนั่งพร้อมถอดเสื้อออก ผมเพิ่งสังเกตว่าบ๊อกเซอร์ของจุนอาแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่เปี่ยมล้นอย่างปิดไม่อยู่ มันทำให้หน้าผมร้อนขึ้นอีกจนผมมั่นใจว่าตอนนี้มันต้องแดงจนลามไปถึงใบหูแล้วแน่ๆ ผมลองขยับสะโพกของผมเล็กน้อยทำให้บั้นท้ายของผมสัมผัสกับความต้องการใต้ผ้าของจุนอาทำให้ร่างสูงครางในลำคอออกมา... ผมทำให้จุนอาส่งเสียงแบบนี้? พระ เจ้า ช่วย   กางเกงนอนของผมก็ไม่สามารถปิดบังความต้องการของผมเช่นกัน มือข้างนึงของผมพยายามปิดมันจากสายตาของจุนอา ส่วนมืออีกข้างพยายามปิดใบหน้าของผมที่แดงจนไม่รู้จะแดงยังไงแล้ว

     

     

     

    “ซอบอ่า..”   เราสบสายตากันอีกครั้ง มือใหญ่ของเขาดึงมือผมออกไปและไล่สายตาไปทั่วร่างกายของผม โดยเฉพาะช่วงล่าง.. ผมนึกขึ้นได้ว่าผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเซ็กซ์เลย เซ็กซ์แบบชายชาย.. ความรู้เกี่ยวกับเรื่องอย่างว่าของผมมันหยุดอยู่ที่ความรักชาย หญิงธรรมดา แต่..ผมไม่รู้ว่าผมควรจะต้องทำอะไรกับจุนอา..

     

     

    ริมฝีปากร้อนของแร็พปอร์เริ่มไล้ไปตามกระดูกไหปลาร้าของผมลงไปจนถึงอกของผม ลมหายใจร้อนรินรดใกล้ๆยอดอกทำให้ร่างกายของผมร้อนระอุ

     

    “จะ..จุนอ่า...” ผมรู้ว่าเขาต้องโกรธผมแน่ๆ แต่..

    “ยะ..หยุดเถอะนะฮะ..” ผมพึมพำออกมาจนได้ ดวงตาสีเข้มของเขาที่เต็มไปด้วยความสงสัยสบขึ้นกับผมอีกครั้ง มีความต้องการสะท้อนอย่างชัดเจนในแววตานั้น  ร่างกายของเขาหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่าง นัยน์ตาของเขามันดูลึกลับกว่าเดิม..

     

    มือซ้ายของเขายกขึ้นไล้แก้มและริมฝีปากของผมเบาๆ

    “ทำไม?”  เสียงของร่างสูงไม่ได้ฟังดูโกรธ..แต่หมือนกับว่า..เจ็บปวดและเสียใจซะมากกว่า?  ผมกุมมือเขาไว้และบีบให้แน่นๆ

    “ผะ..ผมคิดว่า..ผมยังไม่..”  ยังไม่พร้อม?  ไม่ใช่นะ..ผมรู้ว่าผมพร้อมแล้ว ผมพร้อมสำหรับทุกอย่างเพียงแค่มีจุนอาอยู่.. ผมแค่อยากให้มันเพอร์เฟ็คท์ไม่ใช่เหมือนกับที่ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แบบนี้...

     

     

    จุนอาหลับตาลงก่อนจะดึงผมเข้าไปในอ้อมกอดอย่างเชื่องช้า คราวนี้มันแปลกกว่าทุกครั้ง..เหมือนมันเต็มไปด้วยความเศร้า..

    “โอเค ฉัน..ขอโทษ”  เขาขอโทษทำไม? พูดอย่างกับว่าเขาฝืนใจผมอย่างนั้นแหละ! ผมมองจุนอาด้วยสายตาที่เป็นกังวล

    “มันไม่ใช่อย่างนั้น..ก็ผมแค่...” ยังไม่เคยเท่านั้นเอง พูดสิยังโยซอบ..

    “ไม่เป็นไรซอบ..”   จุนอาดึงผมให้เอนตัวลงนอนโดยที่ไม่ปล่อยผมออกจากอ้อมแขน ผมยกมือขึ้นโอบร่างสูงและดึงตัวเองเข้าไปซุกที่ซอกคอของเขา ผมอยากบอกความจริงกับเขาแต่มันน่าอายเกินไป ผมรู้ว่าเขามีประสบการณ์แน่ๆ กับผู้หญิงหลายๆคน..  และอีกอย่างที่ทำให้ผมกังวลคือ ถ้าสมมติเขาเคยกับผู้ชายมาก่อนแล้ว.. ผมจะสามารถเทียบกับพวกเขาได้รึเปล่า? ผมจะสามารถ..ให้ความสุขกับเขาได้มากพอมั้ย?..

     

     

     

    ร่างกายของเราทั้งสองเริ่มผ่อนคลายลง ผมจูบเบาๆที่ซอกคอของจุนอา ผมทำตัวไม่สอดคล้องกับสิ่งที่ผมพูดไปเลยนะ ปฏิกิริยาของผมวันนี้กับสิ่งที่ผมพูดกับเขาที่ตึกบริษัทมันตรงข้ามกัน..

     

    “จุนอา..ผมชอบฮยองมากๆๆๆๆๆเลยนะ..”   ผมกระซิบใกล้หูของเขาและก้มลงจูบที่ผิวของร่างสูง

    “ฉันรู้..”   ความเงียบของเขาทำให้ผมรู้สึกแย่ แต่ผมไม่มีสิทธิ์โกรธหรือโวยวายหรอก เรานอนกอดกันและพูดเรื่องไร้สาระไปเรื่อยๆบนเตียงจนประมาณเที่ยงวัน  มันดูเป็นวันที่ดีสุดๆแต่ผมรู้ว่าเขากำลังซึมเพราะความลังเลของผม

     

     

     

     

    .............................................................................END  OF CHAPTER SIX.................................................................................

        

     

    มาอัพแล้วค่า~อย่าแบนมันนะะะะ5555 รับกันได้นะคะ?5555

    ขอโทษที่หายไปเกินอาทิตย์ค่ะ;_____; ครูสั่งการบ้านไม่ยั้งเลย ขอโทษด้วยนะคะ!

    หลายๆแชปที่ผ่านมาเห็นรีดเดอร์บางคนบอกว่าโยดูหื่นๆ555 ครั้งนี้โจ๊กหื่นขึ้นรึบ้างรึยังคะ?-…-

    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์นะคะ~^^ 555555

    ไรเตอร์ไม่เครียด เพราะถึงไม่มีเม้นท์ก็คิดว่ายังไงก็คงจะแปลต่อ ไหนๆก็เริ่มแปลแล้วก็ต้องแปลให้จบเรื่องจริงมั้ย? ไม่ทิ้งฟิคแน่นอน55

    เอาเป็นว่าขอบคุณสำหรบทุกคอมเม้นต์ที่ผ่านมาละกันค่ะ^^

     

    แล้วเจอกันแชปเจ็ดค่า~=]

                                                                                               :) Shalunla

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×