คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter11: No need
มือที่กุมกันไว้แน่นของพวกเขาทำให้หัวใจผมเต็มไปด้วยความอิจฉา ในสายตาของอีจุนนั้นมีแต่มีร์คนเดียว นี่เป็นสิ่งที่ผมเห็นได้ชัด ผมรู้ว่าแต่ก่อนพวกเขาก็แค่หยอกกันเล่นๆ แต่ตอนนี้มันได้พัฒนาเป็นมากกว่านั้นอย่างชัดเจน
ช่วงเย็นของวันนี้กำลังจะผ่านไปได้อย่างเรียบรื่น ปกติเดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยได้อยู่กับเอ็มแบล็คหรอกฮะ แต่ในคืนนี้ เราได้พบกันหลังจากที่ไม่เจอกันมาเป็นอาทิตย์ๆ ผมมีความสุขมากจริงๆที่ได้เจออีจุนกับมีร์ แต่..ใบหน้าสบายอารมณ์ การที่รู้ว่ามีกันและกันอยู่ และความรักของพวกเขา..ผมต้องการมัน ใช่แล้ว นักร้องอายุน้อยคนนี้อยากเป็นคนถูกรัก
แล้วผมก็ต้องช็อคเมื่อพบว่าพวกเขาก็รู้เกี่ยวกับเรื่องของผมกับจุนอา รู้ได้ยังไง? และแล้ว ลีดเดอร์ที่พูดมากของวงผมก็เริ่มพูดเกี่ยวกับประเด็นผมกับจุนอา อย่างกับมันเป็นเรื่องของดูจุนฮยองตายแหละ!
“ฉันคิดว่าไอ้จุนฮยองมันยุ่งกับโยซอบเพื่อที่จะปรึกษาเกี่ยวกับวางตัวกับสมาชิกคนอื่นล่ะมั้ง”
ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลย แต่..ทำไมผมถึงรู้สึกว่าดูจุนฮยองรู้อะไรบางอย่างจริงๆและกำลังพยายามปิดมันเป็นความลับไม่ให้สมาชิกบีสท์คนอื่นรู้?
แล้ว..ปิดบังอะไรล่ะ? รักข้างเดียวที่แสนโง่และเป็นไปไม่ได้ของผมงั้นหรอ? มีอะไรนอกจากนี้อีกหรอ? จุนอาคงไม่ได้บอกอะไรเพิ่มกับดูจุนฮยองหรอก
“แล้วสมาชิกเอ็มแบล็กที่เหลือรู้..” ผมสงสัย และ คู่จุนมีร์ที่นั่งตรงหน้าผมนี่พอรู้ข่าวแล้วพวกเขารับมันได้ยังไงนะ? มีร์สะบัดผมที่เพิ่งตัดใหม่ของเขาไปมาเป็นคำตอบสำหรับคำถามของผม ผมคาดเดาไว้แบบนั้นล่ะ
“พวกฮยองทั้งหลายในวงไม่รู้อะไรหรอก!”
“ยังไม่รู้” อีจุนพูดต่อประโยคของมีร์ พวกเขาสบตากันครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมามองผม
“แล้วพวกนายสองคนคิดจะบอกสมาชิกคนอื่น?” ผมเริ่มต้นด้วยคำถามง่ายๆ ผมกลัว และนั่นก็ทำให้คำถามอีกคำถามนึงผุดขึ้นมา กลัวอะไรล่ะ?
“อะไรเล่า?” ผมหยิบแก้วโค้กขึ้นมาจรดที่ริมฝีปากโดยพยายามควบคุมมือที่สั่นน้อยๆของผม หน้ากากปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงที่ผมสร้างขึ้นกำลังจะแตกออกระหว่างการสนทนานี้
คู่รักทั้งสองคนก็ยังคงนั่งรอให้ผมพูดอะไรบางอย่างต่อไป ผมเห็นว่าอีจุนดูไม่ค่อยมั่นใจเพราะปฏิกิริยาของผม แต่ มักเน่หัวแข็งของเอ็มแบล็คดูเหมือนจะไม่ลดละความพยายามและพยายามยกประเด็นนี้ขึ้นมาอีกครั้ง
“โยซอบฮยองไม่ต้องรู้สึกอายหรอกฮะ! เราก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกันนี่นา~^^” มีร์พูดขึ้นพลางเปลี่ยนท่านั่งเล็กน้อย
“ผมกับอีจุนฮยองมีความสุขนะฮะที่พวกฮยองทั้งสองได้คู่กัน!”
เจ็บ ผมแสร้งยิ้มอีกครั้งก่อนจะกระดกของเหลวหวานๆลงคออย่างรวดเร็ว ผมเกือบจะสำลัก
“ว่าแต่ คุณโจ๊กเกอร์น่ะ เดทเป็นยังไงบ้าง?! ไอ้งั่งแบบจุนฮยองฮยองน่ะ ทำได้ดีรึเปล่า?!ฮ่าๆๆ ”
มันสามารถเป็นเรื่องตลกได้นะ มันควรจะเป็น..
“ฉันไม่รู้” ผมใช้โทนเสียงเรียบๆ ไร้ความรู้สึกพร้อมกับดันทุกความทรงจำของด้านหวานๆของจุนอาออกไป
“โธ่! เถอะน่าาาา!! ฮยองกำลังเดทอยู่นะ><!!”
“ไม่ใช่สักหน่อย เราแค่ทำมันเท่านั้นเอง” ไม่มีความรักหรือความอ่อนหวาน
“เราก็เป็นแค่ คู่นอน เท่านั้นแหละ เขาเรียกกันแบบนี้ใช่มั้ยล่ะ?”
ความตกใจ มันเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดบนใบหน้าของพวกเขาทั้งสอง ผมเชื่อว่าผมแสดงได้เก่งทีเดียวจนกระทั่งประโยคหนึ่งหลุดออกมาจากปากของผม
“ฉันจะต้องการอะไรได้อีกล่ะ? เราก็แค่มีอะไรกันแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกระทั่ง..” ผมหยุด ดวงตาของผมพร่ามัวด้วยน้ำใสๆเมื่อภาพเมื่อจุนอาจะทิ้งผมไปปรากฏขึ้นชัดเจนในหัวใจ ผมส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะกำมือแน่น
“โยซอบอา?..” น้ำเสียงกังวลดังขึ้น ทำไมผมต้องโกหกต่อไปด้วยล่ะ? ยังไงจุนอาก็คงไม่บอกพวกเขาอยู่แล้วนี่นา
“..จนกระทั่ง..” ปลายเสียงของผมแตกเล็กน้อย
“จนกว่าเขาจะเบื่อฉัน ฉันมันไม่มีค่า ไร้ค่า แค่ผ่านมาผ่านไปเท่านั้น”
มือหนึ่งแตะลงที่บ่าของผมและผมค่อยๆปล่อยให้แขนผมไหลลงไปกับโต๊ะช้าๆ พวกเขาทั้งคู่ต่างจ้องมองผมอย่างเงียบงัน
“ฉันรักเขา..”
เพียงแค่คำง่ายๆสามคำที่หลุดออกมามันทำให้ผมรู้สึกเหมือนความหนักอึ้งในใจก็หายไปหมด ประโยคนี้มันฝังอยู่ในตัวผม ในจิตใต้สำนึกของผม ผมไม่สามารถทำเป็นไม่สนใจมันได้อีกแล้ว ดวงตาของผมค่อยจับไปที่ใบหน้าที่คุ้นเคยทั้งสองตรงหน้าผม ความกังวล สงสาร? ผมไม่สามารถอ่านความรู้สึกของคู่รักนี้ได้เลยเมื่อคนที่โตกว่าพูดประโยคที่ดูมีเหตุมีผลออกมา
“นายต้องไปบอกเขา”
=พาร์ท/มุมมองของยุนดูจุน=
ผมแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมเพิ่งคุยอะไรกับยงจุนฮยอง ผมได้วางแผนในคืนนั้นแล้วว่าจะบอกสมาชิกในวงยังไงเกี่ยวกับไอ้เรื่องของจุนฮยองกับโยซอบ= = ไม่ใช่ว่าผมไม่ตกใจหรือประหลาดใจหรอกนะ แต่เพราะน้ำเสียงมุ่งมั่นและจริงจังของจุนฮยองผ่านทางโทรศัพท์เมื่อคืนก่อนนู่นทำให้ผมคิดจะปิดบังเรื่องนี้จากสมาชิกคนอื่นๆ (ย้อนอ่านได้ที่แชป4นะคะเผื่อใครจำเรื่องที่โจ๊กโทรหาลุงตอนไหนไม่ได้=w=)
ทั้งโยซอบและจุนฮยองต่างดึงตัวตนจริงๆของกันและกันออกมาเมื่ออยู่ด้วยกันสองคน มันเป็นแบบนั้นมาเสมอ
ผมตบบ่าของจุนฮยองระหว่างที่เราเดินกลับไปที่โต๊ะ เราได้ออกมาคุยกันเงียบๆเรื่องที่ผมได้บอกมีร์กับอีจุนก่อนแล้วเกี่ยวกับเรื่องของไอ้จุนฮยอง
ผมยังประหลาดใจไม่หายที่จุนฮยองยังไม่เป็นบ้าในเมื่อโยซอบเป็นแบบนี้ ความเป็นกังวลและเป็นห่วงโยซอบกำลังทำลายภาพพจน์ที่เย็นชาของเขาช้าๆ
“อย่าคิดมากน่า บางทีโยซอบอาจจะไม่สบายเฉยๆก็ได้”
“ไม่ใช่ มันมากกว่านั้น ซอบดูแปลกๆไป..”
เอ่อ..มันจะมีอะไรแปลกไปกว่าการแอบชอบสมาชิกในวงเดียวกันและเพศเดียวกันอีกหรอ-0-? ความคิดผมดังขึ้นชั่วครู่ก่อนที่ผมจะพยายามสลัดมันทิ้งไปและชี้ไปที่ห้องพิเศษที่เรียงเป็นห้องๆตรงหน้าเรา
“นายจำได้มั้ยว่าห้องไหนของเรา?” เฮ้ย ทำไมแต่ละห้องหน้าตาแม่งเหมือนกันเด๊ะๆแบบนี้วะ?!
“ฉันว่าห้องนี้” ผมตามเขาไปที่ห้องที่อยู่ใกล้เราที่สุดแล้วผลักเข้าไปพบกับความว่างเปล่า= = ผมต่อยแขนเขาและส่ายหัวพลางหัวเราะไปด้วย
“พวกเราน่าจะจำห้องให้ดีๆก่อนจะออกมานะ!”
เขาหัวเราะเสียงทุ้มๆก่อนจะยักไหล่ทำให้เครื่องประดับที่แจ็กเก็ตเขาเกิดเสียงเล็กน้อย
“ว่าแต่ คุณโจ๊กเกอร์น่ะ เดทเป็นยังไงบ้าง?! ไอ้งั่งแบบจุนฮยองฮยองน่ะ ทำได้ดีรึเปล่า?!ฮ่าๆๆ ”
คิ้วของผมเลิกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของมีร์ดังออกมาจากอีกห้องหนึ่งก่อนจะเริ่มเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องอะไร ผมหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะหึหึของจุนฮยอง
“เดี๋ยวฉันจะเล่นงานนายให้หนักเลยไอ้..” เขาเริ่มพูดขึ้น..
“ฉันไม่รู้”
เสียงใสและหวานของโยซอบดังขึ้นเป็นคำตอบ แต่น้ำเสียงของเขาทำให้ผมแปลกใจ
“โธ่! เถอะน่าาาา!! ฮยองกำลังเดทอยู่นะ><!!”
“ไม่ใช่สักหน่อย เราแค่ทำมันเท่านั้นเอง เราก็เป็นแค่ คู่นอน เท่านั้นแหละ เขาเรียกกันแบบนี้ใช่มั้ยล่ะ?”
ผมอ้าปากกว้างด้วยความตกใจก่อนที่ตาของผมจะมองไปที่จุนฮยองที่ดูตกใจยิ่งกว่าผม ผมมองเขาพลางสงสัยว่าร่างกายของมนุษย์สามารถนิ่งได้ขนาดนั้นเลยหรอ?
“ฉันจะต้องการอะไรได้อีกล่ะ? เราก็แค่มีอะไรกันแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกระทั่ง..”
เสียงของโยซอบหายไปสักพัก แต่ผมไม่มีเวลาได้ฟังประโยคต่อไปของเขา เพราะตอนนี้ผมกำลังวิ่งตามไอ้จุนฮยองที่ได้วิ่งออกไปจากห้องที่ว่างเปล่านี้แล้ว
“ไอ้จุนฮยอง! รอเดี๋ยวสิ!” มันเกิดเหี้ยอะไรขึ้น? ผมตกใจมากกับคำพูดของโยซอบ มักเน่ปลอมที่ใสซื่อนั่นไปไหนแล้วล่ะ? แล้วทำไมเขาถึงพูดเรื่องอะไรแบบนั้น?!
“จุนฮยอง!”
ผมหยุดเขาได้ทันก่อนที่เขาจะวิ่งออกไปจากตึก ปากของผมที่คิดจะพูดอะไรบางอย่างต่อหุบทันทีที่เห็นสีหน้าของจุนฮยอง ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นยงจุนฮยอง แร็พเปอร์ที่เจ๋งและรักอิสระ,แสดงสีหน้าเหมือนคนหลงทางที่ทำอะไรไม่ได้เลย
เขาหยุดกึกก่อนจะหันกลับมาหาผมช้าๆ เราสบตากันชั่วครู่ก่อนที่เขาจะเริ่มเดินกลับไปที่ประตูห้องพิเศษนั้น ผมรีบตามเขาไปและพยายามอ่านสีหน้าที่เรียบเฉยของเขา แต่ก่อนที่ผมจะอ่านสีหน้านั้นออก เราก็ยืนอยู่ที่หน้าประตูของห้องแล้ว ประตูเปิดออกอย่างเงียบๆก่อนที่สายตาของคนสามคนในห้องนั้นจะมองมาที่คนๆเดียวกันกับคนที่ผมตามอยู่
“อ่าว ฮยอง!พวกฮยองสองคนไปไหนม..” เสียงของมีร์ค่อยๆเงียบลง ผมเชื่อว่าโยซอบกับจุนฮยองคงต้องการเวลาคุยกัน ผมเลยพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นๆ
“เอิ่ม..ฉันว่ามันจะดีกว่าถ้าจะปล่อยให้มันสองคนคุย..”
“ไม่ต้องแล้วล่ะ” ผมมองไปที่จุนฮยองที่พูดขัดประโยคของผม ไอ้จุนฮยองมันไม่อยากคุยกับโยซอบสองคนเรอะ? ผมไม่เข้าใจ- - ก่อนที่ผมจะสามารถถามตัวเองว่าเหตุผลที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคืออะไร เสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นในห้องเล็กๆนั้น
“เราจบกันแล้ว”
และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเมินเฉย
มีเสียงที่ดังเป็นระยะๆในหอพักของพวกเรา เสียงของสมาชิกในวงพูดคุยกัน เสียงของทีวีที่เปิดไว้ เสียงเครื่องซักผ้า มันควรจะเป็นวันพุธธรรมดาๆของพวกเราถ้าไม่ได้มีความรู้สึกแปลกๆรบกวนผมแบบนี้! ผมปิดหนังสือที่ผมอ่านอยู่เบาๆก่อนที่จะเหวี่ยงมันลงกับเตียง- -* ช่วงนี้ผมกำลังขาดไอเดียสำหรับการแก้ปัญหา ปัญหาที่เกิดระหว่างจุนฮยองกับโยซอบ
ระหว่างพวกเขาทั้งสองมันเหมือนมีกำแพงล่องหนที่มักจะปรากฏขึ้นทุกครั้งที่พวกเขายืนข้างๆหรือใกล้ๆกัน ส่วนมากแล้วโยซอบแสดงละครได้เก่งทีเดียวแต่ เวลาที่เขายิ้มน่ะ ตาของโยซอบมันไม่ยิ้มตามน่ะสิ ตาของเขามักจะมองตามทุกการเคลื่อนไหวของแร็พเปอร์ ผมมองออกว่าโยซอบต้องการจะคุยกับเขา ร่างกายของเมนโวคอลนั้นเหมือนกับแม่เหล็กที่ถูกดูดเข้าหาจุนฮยอง
แต่เรื่องนั้นมันก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ถ้าคุณรู้จักจุนฮยองดีพอ= =* เขาแปลกไปมาก เปลี่ยนไป.. สงบเกินไป สุภาพเกินไป และดูเป็นห่วงกับทุกเรื่องเกินไป นับจากวันนั้นมา จุนฮยองก็ไม่เถียง ตะโกน พึมพำหรือบ่นอีกเลย มันคงจะเป็นเรื่องดีถ้าเขาไม่ได้หยุดยิ้ม หยุดฟัง หยุดพูดและหยุดแต่งเพลงไปด้วย.. จุนฮยองไม่ได้เขียนอีกเลย ไม่แม้แต่บรรทัดเดียวหรือตัวโน้ตเดียว เขาแค่มีชีวิตอยู่เฉยๆ หายใจอย่างเดียว..
สมาชิกในวงต่างหยุดพยายามที่จะเข้าใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น วันก่อนฮยอนซึงอาก็พาจุนฮยองมันออกไปและพยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ผมเดินเข้าไปในห้องครัวก่อนจะเห็นกีกวังอากำลังตักไอศกรีมเป็นตันๆ(?)ลงในถ้วย
“ฮยองคิดว่าโยซอบอาจะอยากกินมั้ยฮะ? น้ำหนักของเขาลดฮวบฮาบเลยล่ะ..” ผมก็สังเกต.. จุนฮยองทำให้ผมสังเกตตั้งแต่คืนก่อนที่ทุกอย่างจะเกิดขึ้น ผมยักไหล่ก่อนจะพูดขึ้น
“ลองดูสิ พยายามให้โยซอบกินสักครึ่งนึงก็ยังดี” แต่ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่ายังไงเขาก็คงไม่กินมันหรอก
“เอ่อ? ฮยอง? ฮยองจะออกไปหรอฮะ?” กีกวังชะโงกหน้าไปถามจุนฮยองที่กำลังจะเปิดประตูออกไป ผมมองเขาด้วยความงงงวย (ลุงมึนทั้งเรื่องแหละ555:ทสลต.)
“อื้ม แล้วเจอกันนะ”
อีกแล้ว อ่อนโยนเกินไป.. แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะประเด็นมันอยู่ที่ว่า วันนี้เป็นวันที่สี่ติดต่อกันแล้วที่เขาออกไปจากหอตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึงเย็น มันไปทำอะไรวะ? ความคิดของผมไหลไปเรื่อยๆก่อนจะหยุดที่แอลกอฮอลล์ เขาดื่มมันทุกวันรึเปล่า?
“เดี๋ยวฉันจะออกไป พยายามป้อนโยซอบให้มากที่สุดนะกีกวัง โอเค๊^^?”
ใช่แล้ว ผมกำลังจะตามหาความจริงว่าเขาออกไปทำอะไรทุกวัน และผมจะต้องรู้ให้ได้แน่นอน
“จุนฮยอง?” เสียงของผมก้องในสวนสาธารณะที่ร้างผู้คนนี้เมื่อผมเดินเข้าไปหาม้านั่งที่ผมมองมาได้สักพักแล้ว
หัวของใครคนนึงหันมาทางผมก่อนที่เขาจะเค้นเสียงหัวเราะออกมา
“อะไรกัน? สะกดรอยตามฉันแล้วหรอเดี๋ยวนี้?”
ผมนั่งลงข้างๆเขาก่อนจะกระตุกยิ้มเล็กๆ จุนฮยองมันตอบผมในแบบที่มันตอบผมเมื่อก่อนแล้ว
“นายทำตัวแปลกๆไปน่ะ ฉันนึกว่านายจะไปดื่มย้อมใจซะอีก”
ตาของเขาปิดลงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพิงหัวไปที่ม้านั่ง
“ฉันไม่ดื่ม ฉันดื่มไม่ได้” เขากระตุกยิ้มบางๆ
“ทำไม?” นี่มันแปลกมากๆแล้วนะ
“เพราะมันงี่เง่าไง” ผมอ่านสีหน้าเขาออกว่าการดื่มเป็นทุกอย่างนอกจากความงี่เง่า ผมมองไปที่เขาก่อนจะรอให้เขาพูดประโยคต่อไปอย่างอดทน
“เพราะ..มันทำให้ฉันคิดถึงเขา”
“แล้วทำไมนายไม่คุยกับเขาเล่า?”
“แล้วทำไมนายถึงไม่เลิกเสือกเรื่องชาวบ้านเขาสักทีล่ะ?”
ผมส่งสายตาอาฆาตให้เขาเล็กน้อยก่อนจะต่อยที่แขนจุนฮยอง
“เฮ้ย ฉันแค่อยากช่วยนะเว้ย”
“ฉันรู้”
ผมเงยหน้ามองทัองฟ้าเล็กน้อย มันเริ่มเย็นแล้ว พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า ไม่มีลมพัดผ่านต้นไม้ในสวนนี้เลยแม้แต่นิดเดียวทำให้ทุกอย่างเงียบสงัด
“ทำไมต้องที่นี่?” สวนสาธารณะร้างผู้คนเนี่ยนะ?
“..เพราะฉันไม่มีความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับเขาที่นี่ไงล่ะ”
“นายนี่มันเว่อร์จริงๆเลย รู้มั้ย?” คำพูดของเขาเหมือนกับเนื้อเพลงยังไงอย่างนั้น
“นายนี่มันเชี่ยจริงๆเลย รู้มั้ย?”
ผมหัวเราะ จุนฮยองคนเดิมกลับมาแล้วสินะ ผมจะต้องทำให้พวกเขากลับมาดีกันให้ได้ พวกมันสองตัวเหมาะสมกันจะตาย ไอ้งั่งสองคนเหมาะกันดี :-)
“เขาไม่ยอมกินอะไรเลย” ผมพูดขึ้นเพราะรู้ว่าจุนฮยองมันห่วงเรื่องนี้
“...” จุนฮยองเม้มปากเล็กน้อย
“เขาควรจะกิน”
“เขากินแน่ ถ้านายพูดอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้” โยซอบมักจะเชื่อฟังจุนฮยองเสมอแหละ
“ฉันไม่คิดอย่างนั้น”
ผมถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะยืนขึ้นและมองหน้าจุนฮยอง มันจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้นะ- -***
“ฟังนะ ฉันว่าการที่นายเงียบเหี้ยๆอย่างนี้น่ะ มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นหรอกนะเว้ย เป็นลูกผู้ชายแล้วคุยกับเขาซะสิ!แม่งเอ้ย! นายจะอยู่แบบนี้ ไม่ยอมทำอะไรไปอีกนานแค่ไหนกัน?” มันกำลังเสียเวลาอยู่นะ
“โอเค บางทีแล้วเขาอาจจะไม่ได้หลงรักนายหัวปักหัวปำขนาดนั้นแต่อย่างน้อยเขาก็เคยอยู่กับนายไม่ใช่เรอะ! แล้วถ้าเขาไปกับคนอื่นล่ะ? นายจะไม่รู้สึกอะไรเลยใช่มั้ยวะ?”
ผมหอบหายใจหลังจากที่พูดทุกอย่างที่อยู่ในใจของผมออกไป ผมทนไม่ไหวแล้วกับการที่มันเมินเฉยแบบนี้ จุนฮยองไม่ตอบ แต่กลับจ้องหน้าผมแทน ผมคิดว่ามันคงจะต่อยผมแล้วล่ะ แต่แล้วจุนฮยองมันก็เดินจากไปอย่างช้าๆ
ผมถอนหายใจออกพร้อมกับยิ้ม จากลีดเดอร์ไปเป็นกามเทพ? แม่งงงงง มันถึงเวลาที่ผมจะหาแฟนสักคนแล้วนะ ฮ่าๆๆ ผมคงมีเวลาว่างมากเกินไปแล้วแน่เลย เท้าของผมเริ่มเมื่อยเมื่อผมเดินกลับไปที่หอ ท้องของผมกำลังร้องหาอาหารและความแน่นอนว่าสองคนนั้นคงแก้ปัญหากันได้และลงเอยกันด้วยดี
.........................................................................END OF CHAPTER ELEVEN.....................................................................
สวัสดีค่า~มาต่อให้แล้วนะคะ!!^^ มาเร็วกว่าทุกทีเนอะ?5555555
เป็นไงบ้างงง หลังจากอ่านแชปเตอร์นี้แล้วรักลุงขึ้นมั้ยคะ?555555 อยากเป็นแฟนลุงขึ้นมาทันที ฮือออออ //เพ้อ
ลุงรับบทกามเทพปรึกษาและแก้ปัญหาความรักนะคะ คนแก่ก็มีดีนะเฮ้ยยยย//ตกลงชมหรือด่า
เอาเป็นว่าติดตามกันต่อนะคะว่าเรื่องจำเป็นยังไงต่อไป และจุนโยจะได้ลงเอยกันด้วยดีจริงๆหรือไม่..หึหึหึ=]
คอมเม้นท์มันลดลงเรื่อยๆเนอะ?55555 ก็เข้าใจ มันคงน่าเบื่อใช่ม้า แต่อย่าห่วงไปค่ะ!อีกแค่2ตอนเท่านั้นค่า ฟิคแปลเรื่องนี้ก็จะจบแล้ว^^
รักรีดเดอร์ทุกคนเลยนะคะ รักจริงๆ รักทั้งรีดเดอร์เงาทั้งหลายและรีดเดอร์ที่คอมเม้นท์นะคะ^^ ทสลต.คนนี้รักพวกคุณมากกกกกกกค่ะ!!5555
เจอกันแชปสิบสองค่ะ=] ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ~
:)
Shalunla
ความคิดเห็น