พัคซองจินเป็นนักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชื่อดัง
ฐานะทางบ้านก็ถือว่ามีกินมีใช้สุขสบายดี หน้าตาของเขาก็ดีชนิดที่สาวๆแอบเหลียวหลัง
พัคซองจินเป็นคนค่อนข้างเนี้ยบ ระเบียบจัด และออกจะเรื่องมากเล็กน้อย
สเป็กของพัคซองจินคือ ผู้หญิงขาว พูดน้อย เรียบร้อย ไม่ขี้อ้อนเอานู่นเอานี่ให้เขาปวดหัว
และจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษหากมีมือนุ่มๆให้เขาได้จับ
พัคซองจินไม่ได้ดูจะเป็นคนมีปัญหาอะไร
เขาดูจะมีชีวิตที่ดีเหมือนคนปกติทั่วไป
แต่คนนอกคงจะไม่รู้เลยว่าพัคซองจินก็มีเรื่องให้รำคาญใจอยู่เหมือนกัน
เรื่องนั้นก็คือ คิมวอนพิล นั่นเอง
ซองจินเป็นสมาชิกของวงดนตรี
DAY6 ซึ่งเป็นวงที่ตั้งขึ้นโดยนักศึกษาจากต่างคณะในรุ่นเดียวกันมาจับกลุ่มกันเป็นวงนั่นเอง
พัคซองจินเป็นมือกีตาร์ พัคเจฮยองจากคณะรัฐศาสตร์ก็เป็นมือกีตาร์เช่นกัน
คังยองฮยอนจากคณะบัญชีเป็นมือเบล อิมจุนฮยอกจากคณะนิติศาสตร์เป็นมือคีย์บอร์ด
ยุนโดอุนจากคณะมนุษยศาสตร์เป็นมือกลอง
และคิมวอนพิลจากคณะอักษรศาสตร์เป็นมือคีย์บอร์ดอีกคนหนึ่งพ่วงตำแหน่งSynthesizerมาด้วย
เพื่อนๆในวงก็สนิทกันดีและไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน
และพัคซองจินก็ไม่ได้เกลียดอะไรคิมวอนพิล แต่ปัญหาของพัคซองจินอยู่ตรงไหน? อยู่ตรงที่วอนพิลเป็นคนที่ตรงข้ามกับความชอบของเขาเสียทุกเรื่อง
คิมวอนพิลเป็นผู้ชายตัวเล็ก
ผิวไม่ได้ขาวจัด เป็นคนพูดเก่ง ช่างพูดช่างคุย ร่าเริง
และเหมือนจะร่าเริงเป็นพิเศษกับซองจินเสียด้วย
เพราะซองจินเคยแซ็วไปว่าวอนพิลน่ารำคาญ หลังจากนั้นวอนพิลก็ตั้งเป้าหมายประจำวันเป็นการกวนพัคซองจินให้ร่างสูงรำคาญเล่น
ยิ่งซองจินทำหน้ารำคาญเวลาวอนพิลจงใจวอแวมากๆ วอนพิลยิ่งรู้สึกสนุก
ครืด… ครืด…
โทรศัพท์ของซองจินสั่นขณะที่เขานั่งเล่นอยู่ใต้คณะในเวลาเก้าโมงครึ่ง
มือใหญ่ล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง พอเห็นชื่อที่แสดงก็ถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง
“มึงจะมองแล้วถอนหายใจกับโทรศัพท์อีกนานมั้ย มึงไม่อยากรับก็ตัดสายไปก็จบ”
เสียงเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยพูดขึ้น
“ฮัลโหล มีอะไรคิมวอนพิล” แต่ซองจินก็ไม่ได้ทำตามที่เพื่อนพูดแต่อย่างใด
เขารับสายด้วยเสียงติดรำคาญ
[อยู่ใต้คณะเหมือนเดิมป้ะ ไปนั่งด้วยได้ไหม] เสียงเล็กๆถาม
“อืม แต่นั่งอยู่โต๊ะไม้ตัวเดิมอะ” ซองจินบอกตำแหน่งที่นั่งอยู่ไป
“แต่นั่งอยู่กับเพื่อนอีกคนนะ จะมาหรอ”
[ใช่แทยงป้ะ ถ้าแทยงฉันก็เคยคุยกับเขาแล้วไง
ไม่อึดอัดหรอก]
“เฮ้อ แล้วแต่แล้วกัน” แล้วซองจินก็กดตัดสายไป
“ทำไมทำหน้างั้นวะ” แทยงถามเพื่อน “ไม่อยากให้วอนพิลมาหรอ”
“เออ พูดมาก รำคาญ” ซองจินตอบนิ่งๆโดยไม่สบตาคู่สนทนา
“น่าคาญตรงไหน ก็ร่าเริง น่ารักดีออก”
“ขี้เกียจฟัง” ซองจินยังตอบด้วยมาดนิ่งๆเหมือนเดิมขณะที่เล่นโทรศัพท์ไปด้วย
“ไม่อยากให้เขามาแต่บอกตำแหน่งตัวเองซะละเอียดเลยนะ”
“…”
“อีกอย่าง ตัดสายแต่แรกก็จบแล้วป้ะ”
“เออ เรื่องของกูน่า”
“ซองจินนนน” เสียงใสทักทายพร้อมกับร่างเล็กของวอนพิลที่เดินมาจากทางด้านหลังของซองจิน
“ไง แทยง”
“หวัดดี” แทยงยิ้มทัก
“มาทำไมเนี่ย อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงฉันจะขึ้นเรียนอยู่แล้ว”
“ก็ฉันเลิกเก้าครึ่งนี่นา เรียนอีกทีก็บ่ายโมง ไม่รู้จะไปไหน” วอนพิลตอบขณะทิ้งตัวนั่งข้างๆซองจิน
“ไปหายองฮยอนก็ได้นี่” ซองจินว่า
“มันเพิ่งเข้าเรียนไปตอนเก้าโมงป้ะล่ะ”
“งั้นก็ไปหาโดอุน”
“คณะอยู่ไกล ขี้เกียจเดิน”
“แล้วเพื่อนในคณะไปไหนหมด ไม่มีใครคบหรือไง”
“โดยองเพื่อนสนิทฉันมันควงแฟนไปด้วยกันแล้ว” วอนพิลตอบ
“แล้วก็ไล่ได้แล้ว ก็ฉันอยากมาหานายอะ”
“ซองจินเป็นไรวะ หูแดงๆ” แทยงที่นั่งเงียบมานานทักเพื่อนสนิท
“ร้อนโว้ย” ซองจินสวนกลับมาทันควัน
“ซองจิน เที่ยงนี้กินข้าวด้วยอีกได้ป้ะ เดี๋ยวรอนายอยู่แถวนี้แหละ” วอนพิลพูดต่อ
“ทุกวันอังคารนายก็ลากฉันไปกินข้าวด้วยอยู่แล้วป้ะ”
“ใช่แล้ว ฮ่าๆๆ นายใจดีจัง” วอนพิลขยับเข้ามาใกล้ร่างสูงกว่าเดิม
ยิ้มกว้างจนตาปิดแล้วยกแขนเรียวไปกอดไหล่ซองจิน
“เฮ้อ ไปละ เรียนสิบโมง” ไม่ทันไรซองจินก็ลุกขึ้นและหลุดจากแขนของวอนพิล
มือใหญ่หยิบสิ่งของของตัวเองใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย
“อ้าว อีกตั้ง 15 นาที แหนะกว่าจะเริ่ม
ทำไมวันนี้ขึ้นเร็วจังวะ” พอเห็นเพื่อนเก็บของแบบนั้นแทยงก็ได้แต่เก็บของตาม
“รำคาญคนแถวนี้ แล้วก็ร้อนด้วย”
“อ่อ มิน่า หูแดงกว่าเดิมอีก”
“หุบปากน่าอีแทยง!”
“เจอกันนะซองจิน” วอนพิลกล่าวลายิ้มๆ “บ๊ายบายแทยง”
.
.
.
.
.
.
.
25%
.
.
.
.
.
.
.
“เรียนเมื่อกี้เป็นไง” วอนพิลถามขณะที่นั่งกินข้าวเที่ยงตรงข้ามกับซองจินที่โรงอาหาร
ทุกวันที่ตารางเรียนเป็นแบบนี้ ซึ่งก็คือวันอังคาร วอนพิลจะลากซองจินมานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนทุกครั้ง
ซองจินก็ไม่เข้าใจเท่าไรว่าทำไมไม่หาเพื่อนที่คณะตัวเองไปกินด้วยสักคน
แต่ถึงอย่างนั้นซองจินก็ยอมแยกจากกลุ่มเพื่อนมา
“เรียนเลข”
“งั้นฉันจะรับรู้ว่ามันยากแล้วกัน” พูดจบก็ตักอาหารเข้าปากไปอีกหนึ่งคำ
“ก็ไม่ยากเท่าไหร่นะ”
“ก็นายเก่งอะ ฉันมันเด็กอักษร สำหรับฉันมันฟังดูยากไง” คนตัวเล็กตอบกลับ “เนี่ย
แค่ได้ยินคำว่าเลขก็รู้สึกว่าข้าวไม่อร่อยแล้ว”
“พูดอยู่ได้ จะกินเสร็จทันเรียนบ่ายโมงมั้ยเนี่ย”
“ก็ไม่ได้กินนานขนาดนั้นมั้ย” วอนพิลตอบ แล้วก็เปลี่ยนเรื่อง
“แล้วนี่ไปตัดผมมาใหม่หรอ ฉันชอบทรงเดิมมากกว่าอะ หล่อกว่า”
บรรยากาศการรับประทานอาหารกลางวันระหว่างทั้งคู่เป็นไปอย่างสบายๆ
ตลอดมื้อมีเสียงพูดคุย…ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเสียงของคิมวอนพิล
ที่เหลือก็เป็นเสียงของซองจินที่ตอบนู่นตอบนี้สั้นๆ
กระทั่งเวลาผ่านไปและต้องแยกย้ายกันไปเรียน ทั้งคู่จึงกล่าวลากันเล็กน้อย
“ตอนเย็นเจอกันที่ห้องซ้อมนะ” วอนพิลพูดพร้อมรอยยิ้ม
“อืม” ซองจินขานรับเรียบๆเหมือนเดิม
จากนั้นทั้งคู่ก็หันหลังให้กันไป
ทำให้วอนพิลไม่ทันเห็นว่ามุมปากของซองจินนั้นยกยิ้มขึ้นน้อยๆ
“ซองจิน” แทยงเรียก “ไป
เข้าเรียนกัน”
“อืม” ซองจินพยักหน้าและเดินไปกับเพื่อนสนิท “เออ แทยง ฉันตัดผมทรงนี้แล้วไม่หล่อหรอวะ?”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ซองจินกับวอนพิลมาถึงห้องซ้อมเป็นคนแรกและคนที่สองตามลำดับ
ขณะที่สมาชิกคนอื่นๆยังไม่มา ทั้งสองก็เตรียมเครื่องดนตรีของตัวเองไป แต่ฝั่งคนตัวเล็กดูจะไม่ค่อยมีอะไรให้ทำนักเพราะคีย์บอร์ดมันก็แค่เสียบปลั๊กก็ใช้ได้แล้ว
และเมื่อวอนพิลว่าง แน่นอนว่า…
“ซองจิน” เสียงหวานเรียกคนที่นั่งปรับสายกีตาร์โปร่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับร่างเล็กที่เดินเข้าไปใกล้พร้อมลากเก้าอี้อีกตัวไปนั่งข้างๆเสร็จสรรพ
“สอนเล่นกีตาร์หน่อยสิ”
“เล่นเป็นอยู่แล้วป้ะ จะมาให้สอนทำไม” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆ
“ก็เล่นไม่เก่งไงถึงอยากให้สอน” วอนพิลยื่นปากพูดอย่างน่ารัก
“อะๆ แล้วแต่ละกัน” ซองจินตอบด้วยเสียงติดรำคาญแต่ก็ส่งกีตาร์โปร่งสุดรักที่ตั้งสายเรียบร้อยให้กับคนข้างๆ
“เย้!”
วอนพิลร้องดีใจและทำท่าแบบที่ซองจินเคยบอกว่ามองแล้วน่าโมโหใส่อีกฝ่ายอย่างจงใจ
ทำเอาซองจินถึงกับกลอกตาถอนหายใจ
นิ้วเรียวค่อยๆจับคอร์ดเพลงโปรดของตัวเองแล้วตีคอร์ดช้าๆ
ปลายนิ้วเล็กไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรกับการกดสายแข็งๆพวกนั้นเพราะวอนพิลก็เคยเล่นมาบ้างแล้ว
ปลายนิ้วมือข้างซ้ายของเขาจึงเริ่มด้านน้อยๆพอให้ไม่เจ็บ และทุกการกระทำของวอนพิลก็อยู่ในความรับรู้ของพัคซองจินที่คอยมองอยู่ตลอด
ไม่ได้มองวอนพิลนะ มองกีตาร์ตัวโปรดต่างหาก จริงจริ๊งงงงง เชื่อสิ..
“นี่ Db(ดีแฟลต) จับยังไงอะ”
เสียงหวานหันมาถามคนที่นั่งข้างๆ
“งั้นนายลองจับ C ก่อน”
“อะ จับละ”
“ปกติใช้นิ้ว กลาง นาง ใช่ไหมล่ะ ลองเปลี่ยนมาใช้ กลาง นาง ก้อย ดู”
ไม่พูดเปล่า ซองจินจับมือของวอนพิลให้เปลี่ยนตามขณะที่พูดไปด้วย
“อาฮะ”
“ทีนี้เลื่อนลงมาอีก 1 เฟรต แล้วเอานิ้วชี้ขึ้นมาทาบที่เฟรตแรกแทน..”
“อ๋อ ก็จะได้ C# หรือก็คือ Db ใช้ป้ะ”
วอนพิลพูดแทรกอย่างตื่นเต้นที่ตัวเองจับคอร์ดยากๆได้
“อืม ใช่”
“แล้วก็ที่นายเคยบอกใช่ป้ะว่าถ้าเลื่อนลงมามันจะกลายเป็นคอร์ดทาบ
ไม่งั้นมันจะมีสายอื่นที่เราไม่ได้กดแล้วมันจะเพี้ยน”
“เออ ตามนั้น”
“เข้าใจแล้วๆๆ” เสียงหวานเจื้อยแจ้วแล้วก็เริ่มดีดกีตาร์ต่อ
ไม่นานเพื่อนๆในวงก็ตามมาสมทบ
ซองจินกับวอนพิลจึงกลับไปประจำตำแหน่งตัวเอง
การซ้อมเป็นไปอย่างสนุกสนานและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ทุกคนมีความสุขกับการได้เล่นดนตรีร่วมกัน
กระทั่งถึงเวลาพักซ้อม โดอุน ยองฮยอน
และเจฮยองก็จับกลุ่มกันตีป้อมเหมือนทุกครั้ง จึงเหลือแค่จุนฮยอก วอนพิล
และซองจินที่นั่งคุยกันและเปิดขนมกรุบกรอบกินบนพื้น
“กินป่าว จุนฮยอก” วอนพิลแกะแครกเกอร์ยี่ห้อโปรดและยื่นส่งให้เพื่อนก่อน
“กินนนน ขอบใจนะ” จุนฮยอกหยิบแครกเกอร์ไป 1 ชิ้น
“อะ ซองจิน”
“ไม่เอา ไม่ชอบแครกเกอร์ เลอะเทอะ” ร่างสูงยกมือปฏิเสธ
“แต่ตอนเย็นนายยังไม่ได้กินข้าวเลยนะ กินรองท้องไปก่อนเหอะ”
“ไม่เอา กินแล้วมันร่วงอะ สกปรก” ซองจินยืนยันปฏิเสธแบบเดิมตามประสาคนเจ้าระเบียบ
“ตัวนายตอนนี้สะอาดตายล่ะ กินๆไปเหอะน่า” ไม่รออีกต่อไป
วอนพิลหยิบแครกเกอร์ออกมาจากห่อแล้วส่งเข้าปากร่างสูงก่อนที่อีกฝ่ายจะทันปฏิเสธ
และเพราะซองจินไม่ได้ยินยอมที่จะกิน
ทำให้เศษแครกเกอร์ร่วงเลอะตามเสื้อผ้าของซองจินไม่น้อย
แต่ก็เพราะขนมมันเข้าปากไปแล้ว ร่างสูงจึงยอมกินอย่างเสียมิได้
แต่ก็ไม่วายหันมาทำหน้าดูใส่ตัวต้นเหตุ
“โอ๊ย เห็นมั้ยเนี่ย เลอะเทอะหมดเลย” คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างไม่ค่อยพอใจ…เกลียดแครกเกอร์ยี่ห้อนี้ชะมัด ทำไปเศษมันเยอะแบบนี้วะ
“ทำเป็นบ่นไปได้ ปัดออกก็จบแล้วป้ะ” วอนพิลไม่พูดเปล่าแต่ยื่นมือเล็กๆนั่นมาปัดเศษขนมออกให้ด้วย
มือเรียวปัดเศษขนมบริเวณปกเสื้อ
หน้าอก และขาออกให้จนเกือบหมด แล้วก็เพราะไม่คิดว่าเจ้าตัวปัญหาร่างเล็กนี่จะยอมปัดเศษขนมพวกนั้นออกให้เขาง่ายๆแบบนี้
ซองจินจึงได้แต่นั่งนิ่งเพราะทำอะไรไม่ถูก พอได้สติจึงคิดได้ว่าควรจะปัดออกเอง
ไม่ใช่ปล่อยให้คนอื่น…โดยเฉพาะคิมวอนพิล…มาทำให้แบบนี้
“เดี๋ยวปัดเองก็ได้น่า” ซองจินพูด
แต่เหมือนเขาจะรู้ตัวช้าไปหน่อยเพราะมาพูดตอนเศษแครกเกอร์มันแทบไม่เหลือบนเสื้อผ้าแล้ว
มือใหญ่ของซองจินจับมือเล็กที่ช่วยทำความสะอาดให้เขาเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหนมากกว่านั้น
มือของวอนพิลไม่ได้เนียนและนุ่มเหมือนกับมือผู้หญิงที่พัคซองจินเคยออกเดทด้วย
มันหยาบกว่าเล็กน้อยเพราะวอนพิลฝึกเล่นกีตาร์ แต่ก็เรียวเล็กเกินมือผู้ชายและให้ความรู้สึกน่าทะนุถนอมอย่างน่าประหลาด
“เอ่อ.. ปล่อยได้แล้วมั้ง ไม่ปัดแล้ว” วอนพิลเข้าใจที่ซองจินรั้งมือของตนไว้
แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ปล่อยมือเขาสักทีแถมยังเอาแต่มองหน้าเขาอีกต่างหาก
“อ่า โทษทีๆ” มือหนาคลายการเกาะกุมออก “ฉัน…ไปนั่งดูพวกเจฮยองมันเล่นเกมส์ดีกว่า” ว่าแล้วก็ลุกออกจากวงสนทนาไปนั่งรวมกับอีก 3 คนที่เหลือแทน
“วอนพิล” จุนฮยอกที่เงียบมานานเรียกเพื่อน
“ว่า?”
“นายว่าวันนี้ห้องซ้อมเราฮีตเตอร์ร้อนไปรึเปล่า”
“ก็ไม่นะ” คนตัวเล็กส่ายหน้า
“แต่ทำไมซองจินหน้าแดงๆแถมดูเหมือนเหงื่อจะออกเลยนะ…”
.
.
.
.
.
.
.
[60%]
.
.
.
.
.
.
.
ไม่กี่อาทิตย์ต่อมาก็มาถึงวันที่
14 กุมภาพันธ์…วันแห่งความรัก… ตอนเย็นระหว่างเดินไปที่ห้องซ้อมซองจินเห็นหลายคนต่างถือกล่องช็อกโกแล็ตไม่ก็ดอกกุหลาบเดินไปเดินมา
ส่วนใหญ่จะมีสีหน้าเปี่ยมสุข มีเพียงส่วนน้อยที่ดูเหมือนจะแสดงความผิดหวังออกมา
เพราะห้องซ้องอยู่แค่ชั้น
2 ของตึก
ซองจินจึงเดินขึ้นบันได้มาแทนที่จะใช้ลิฟต์
แต่ยังขึ้นไปไม่พ้นชั้นพักก็ต้องหยุดขาของตัวเองเสียก่อน
ตรงหัวบันไดชั้น 2 ซองจินเห็นผู้ชายคนหนึ่ง
หุ่นล่ำ ผิวแทน ตัวสูง กำลังยื่นกุหลาบช่อสวยที่ดูก็รู้ว่าราคาไม่ใช่ถูกๆให้กับคิมวอนพิล
ไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไร
แต่ซองจินกลับเดินกลับลงบันได้ไปสองสามขั้นแล้วหันหลังให้กับภาพที่เห็น
เขาได้ยินเสียงวอนพิลกับเสียงของอีกคนคุยกันแต่จับความไม่ได้เพราะเสียงนั้นเบามากรวมถึงเขาไม่ใส่ใจจะฟังด้วย
พัคซองจินจ้องผนังด้วยสายตาเลื่อนลอย
ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงต้องทำแบบนี้
ทำไมเขาถึงไม่เดินหลบคนที่กำลังคุยกันไปที่ห้องซ้อมแบบที่ควรจะทำ
พอรู้สึกว่าเสียงคุยเงียบไปแล้วซองจินจึงหันกลับมาดู
ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว
ดังนั้นร่างสูงจึงเดินไปที่ห้องซ้อมและซ้อมดนตรีกับเพื่อนตามปกติ
พอถึงตอนที่จะพักซ้อมกัน ซองจินก็เลือกจะนั่งเงียบๆอยู่คนเดียว
แต่ก็ถูกรบกวนเสียก่อน
“นายเป็นไรอะ ดูซึมๆ” เสียงหวานคุ้นหูดังขึ้น
“ไม่ได้ซึมเสียหน่อย” ซองจินปฏิเสธแต่นั่นคือการที่เขากำลังโกหกคำโต
“หรอ แต่นายดูไม่ค่อยพูดนะ” วอนพิลไม่ยอมแพ้ ยังซักต่อไป
“ปกติฉันก็ไม่ค่อยอยากจะคุยกับนายอยู่แล้วป้ะ” ร่างสูงกลบเกลื่อนด้วยการพูดประโยคที่เขาคิดว่าพัคซองจินในเวอร์ชันปกติน่าจะพูดออกไป
“เออๆ กวนแบบนี้เชื่อก็ได้ว่าไม่เป็นอะไร” วอนพิลกล่าว
จากนั้นก็เดินไปนั่งกับจุนฮยอกและโดอุน ส่วนซองจินก็เปลี่ยนไปนั่งกับเจฮยองและยองฮยอนแทน
จะได้ไม่มีใครสังเกตว่าวันนี้เขาสีหน้าไม่สู้ดีอีก
“ซองจิน เป็นไรป้ะวะ” แต่เหมือนความพยายามของซองจินจะไม่ค่อยเป็นผล
ทันทีที่หย่อนก้นลงนั่ง เจฮยองก็เอ่ยถามเขาทันที
“เป็นไรวะ เปล่าเสียหน่อย” ซองจินปฏิเสธไปอีกครั้ง
“แต่ดูเหมือนเป็นเลยนะ ตาดูหงอยๆ” ยองฮยอนเสริม
“เจฮยองว่าไงนายก็ว่าตามนั้นหมดเลยใช่ไหมยองฮยอน”
“ย่า! อย่างเปลี่ยนเรื่องน่า” ยองฮยอนว่า
ซองจินเลือกที่จะไม่สบตากับเพื่อนทั้งสอง
แล้วเขาก็เพิ่งตระหนักได้ว่าเขาไม่ควรทำแบบนั้น
เพราะสายตาเขามันไปหยุดอยู่ที่ช่อดอกไม้คุ้นตาตรงกระเป๋าของคิมวอนพิลแทน
ซองจินจำได้ทันทีว่ามันคือช่อกุหลาบช่อที่มีคนให้วอนพิลมา…และซองจินก็รู้สึกไม่อยากเห็นมันเอาเสียเลย
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็จ้องมันอย่างสงสัยอยู่ดี
“เออ รู้ป้ะว่าวันนี้ซนฮยอนอู เดือนวิศวะมันมาสารภาพรักกับวอนพิลอะ”
เจฮยองพูดขึ้น ที่เขาเลือกพูดได้ตรงกับความสงสัยของซองจินก็เพราะว่าเขาเห็นสายตาของเพื่อนตัวดีค้างอยู่ที่ช่อกุหลาบของวอนพิลอยู่นานสองนาน
“อ…อะไร อยู่ๆบอกทำไม ก็เรื่องของมันดิ” ซองจินได้ยินเพื่อนพูดก็ชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะแกล้งกลบเกลื่อนทำเหมือนไม่ได้คิดอะไรอยู่
“ไม่ต้องมาเรื่องของมันเลย ฉันรู้นะว่านายชอบคิมวอนพิลอะ” ยองฮยอนว่าพร้อมจ้องซองจินด้วยสีหน้าจริงจัง
“อะไร บ้า! ฉันรำคาญมันจะตาย จะชอบได้ไง มั่วๆๆ”
ซองจินปฏิเสธเป็นพัลวัน แต่นั่นกลับยิ่งดูน่าสงสัยเข้าไปใหญ่
“เพิ่งรู้ว่าเสืออย่างนายก็โง่เป็น” เจฮยองว่า
“อ้าว โดนด่าเฉย ไรวะ” ซองจินทำหน้างงที่อยู่ๆก็โดนว่า
“ไม่รู้ตัวจริงหรอว่านายกำลังชอบคิมวอนพิลน่ะ” เจฮยองพูดอีกครั้ง
“ไม่ได้ไม่รู้ตัว แต่ไม่ชอบโว้ย” ซองจินยังคงปฏิเสธ
พูดเสียดังขึ้นอีกเล็กน้อยเพื่อกลบเสียงหัวใจเต้นรัวของตัวเอง
ทำไมแค่เพื่อนพูดว่าเขาชอบวอนพิลเขาต้องใจเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยวะ!
“ไม่ชอบก็แย่ละ พวกฉันคนนอกยังมองออกเลย มองจากดาวเสาร์ก็รู้ว่านายอะ ชอบ!”
ยองฮยอนเสริมและพูดย้ำ “คนอย่างนายอะ
คนที่ชอบผู้หญิงตัวขาว พูดน้อย เป็นผู้ตามที่ดี ไม่เรื่องมาก กำลังชอบคิมวอนพิล
ผู้ชายพูดมาก เถียงเก่ง แล้วก็ชอบขัดใจนายโว้ย”
“อะไรของพวกนายเนี่ย มาปรักปรำฉันให้ชอบคิมวอนพิลอยู่ได้” ซองจินยังปากแข็ง
“นายบ่นว่าวอนพิลพูดมาก
แต่นายก็ไม่เคยบอกให้วอนพิลหุบปากหรือหนีไม่ยอมฟังที่วอนพิลพูด” ยองฮยอนเริ่มร่ายยาว “นายเคยชอบผู้หญิงที่ยอมนาย
ผู้หญิงที่ปล่อยนายเป็นอิสระ แต่ตอนนี้นายกำลังชอบที่จะถูกวอนพิลลากไปกินข้าวซึ่งนายก็ไม่เคยปฏิเสธทั้งที่ทำได้
ชอบที่จะโดนวอนพิลลากไปร้านเครื่องดนตรี นายเคยชอบผู้หญิงที่มือสวย
แต่ตอนนี้นายชอบที่จะสอนวอนพิลเล่นกีตาร์มากกว่าโดยไม่แคร์ว่าวอนพิลจะนิ้วด้าน”
“แล้วก็…” เสียงเจฮยองแทรกขึ้นมา “นายไม่ชอบแครกเกอร์ยี่ห้อนั้นก็จริง… ใครๆก็รู้
แต่นายกำลังชอบคิมวอนพิลคนที่ปัดเศษแครกเกอร์ที่นายไม่ชอบออกให้นาย
“เห็นด้วยหรอวะ เล่นเกมส์อยู่ไม่ใช่รึไง” ซองจินเถียง
“เออ เห็น” เจฮยองตอบ
“ทีนี้รู้ตัวหรือยังว่านายกำลังชอบคิมวอนพิล คิมวอนพิลคือข้อยกเว้นของนาย
แม้ว่าวอนพิลจะแทบไม่มีคุณสมบัติที่นายชอบ แต่นายก็ไม่เคยผลักไสมันออกไปเลย
แถมยังยอมให้มันเข้าหาอีกต่างหาก” ยองฮยอนเตือนสติเพื่อน
“…”
และซองจินก็ได้แต่เงียบ แต่เจฮยองรู้ว่าจะกระตุ้นเพื่อนได้อย่างไร
“เออ จะว่าไปซนฮยอนอูนี่ก็ดีเนอะ หล่อ หุ่นดีบ้านรวย ฉลาด ใครจะไม่อยากได้วะ
อยากรู้ว่ามันจะมีใครปฏิเสธเวลาฮยอนอูขอเป็นแฟนได้ลงไหม เนอะ ยองฮยอน”
“เออ ใช่ๆๆ” ชงเสร็จก็ยิ้มกรุ้มกริ่มกันสองคน ส่วนซองจินนั่นลุกพรวดขึ้นยืนพร้อมกับเรียกทุกคนให้กลับมาซ้อมอย่างเร็ว
ซองจินนึกอยากให้หมดเวลาซ้อมลงเร็วๆ
แต่ทำไมวันนี้เวลามันดูเดินช้ากว่าปกติอย่างไรก็ไม่รู้
แต่สุดท้ายก็ถึงเวลาเลิกซ้อมที่ทุกคนจะเก็บของกลับบ้าน
ซองจินแอบชำเลืองมองวอนพิลตลอดแล้วก็ทำเป็นอ้อยอิ่งเพื่อที่จะได้เก็บของเสร็จพร้อมๆกับคิมวอนพิล
และโดยมิได้นัดหมาย ยองฮยอนกับเจฮยองก็รีบชวนโดอุนกับจุนฮยอกกลับไปได้อย่างรวดเร็ว
เหลือเพียงคิมวอนพิลกับพักซองจินที่มีหน้าที่ปิดห้องซ้อมแค่สองคน
“ใครให้มาน่ะ” ซองจินทำเป็นถามนิ่งๆขณะเดินขนาบข้างวอนพิลลงมาจากตึก
“เดือนวิศวะ เป็นไง ฉันฮ็อตใช่ป้ะล่ะ” และคิมวอนพิลก็ยังคงเป็นคิมวอนพิลขี้เล่นคนเดิม
“คนเดียวไม่เห็นจะฮ็อตตรงไหนเลยเชอะ” ซองจินมีผู้หญิงเอาช็อกโกแล็ตมาให้ตั้งหลายคนแต่เขาปฏิเสธไปหมดเขายังไม่อวดเลย
“เขาขอนายเป็นแฟนหรอ”
“อืม”
“แล้วนายตอบว่าไง”
“ฉัน…บอกว่าขอคิดก่อนน่ะ” เสียงหวานตอบเบาๆ
“โง่ป้ะเนี่ย ผู้ชายเพอร์เฟคท์ขนาดนั้น ปฏิเสธลงได้ไง” ซองจินแกล้งว่าวอนพิลเหมือนประจำ แต่ก็แอบดีใจที่อย่างน้อยวอนพิลก็ยังไม่เป็นแฟนกับฮยอนอู
“นายอยากให้ฉันเป็นแฟนกับฮยอนอูหรอ” เสียงของวอนพิลครั้งนี้ไม่ได้แฝงความขี้เล่นไว้เหมือนทุกที
แต่ก็ไม่ได้เศร้าสร้อยแต่อย่างใด มันเป็นเสียงที่เป็นเชิงคำถามที่ต้องการคำตอบ
แต่ถึงยังไงซองจินก็รู้สึกว่าอยากได้ยินเสียงวอนพิลแบบขี้เล่นๆเหมือนเดิมมากกว่า
“ไม่อะ เป็นแฟนกันเดี๋ยวก็เลิก”
“รู้ได้ไงเหอะ”
“ฮยอนอูมันทนฟังนายพูดมากไม่ได้เหมือนฉันหรอก” ซองจินเริ่มตอบ
“…”
วอนพิลเงียบฟัง ทั้งคู่กำลังเดินเคียงคู่กันไปตามถนนในมหาลัย
“มันทนไม่ได้หรอกถ้าโดนนายลากไปร้านเครื่องดนตรีทุกวันศุกร์
ฮยอนอูสอนกีตาร์นายไม่ได้แบบที่ฉันสอนนายหรอก ฮยอนอูเป็นคนเพื่อนเยอะแล้วก็ติดเพื่อน
มันคงไม่ยอมมานั่งกินข้าวเที่ยงกับนายทุกวันอังคารเหมือนที่ฉันมาหรอก”
“นายจะพูดอะไรกันแน่” วอนพิลถาม เริ่มสับสน
ตอนแรกโดนด่าว่าโง่ที่ไม่ยอมคบกับฮยอนอู แต่ซองจินก็ดันพูดสิ่งที่วอนพิลกับฮยอนอูเข้ากันไม่ได้ขึ้นมาเสียหลายข้อ
“ที่ฉันจะบอกก็คือ”
“…?”
“นายจะไม่ปัดเศษแครกเกอร์ให้ใครนอกจากแฟนของนาย”
“ห้ะ!?” วอนพิลย้อนนึกไปถึงเมื่อวันก่อน หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมาทั้งที่ไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนั้นดีนัก
ดวงตากลมแป๋วเหมือนลูกสุนัขส่งไปให้ซองจินอย่างรอคำตอบ “คือ
เอาใหม่ซิ แบบ… เอ่อ.. เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่แน่ใจอะ”
“เฮ้อ..” ซองจินถอนหายใจและส่ายหน้าน้อยๆ
แต่ไม่ใช่เพราะรำคาญอีกต่อไป มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
นึกเอ็นดูสีหน้างุนงงกับพวงแก้มสีแดงระเรื่อของคนตัวเล็กกว่าข้างๆ
“…”
ดวงตากลมย้ายจากใบหน้าหล่อก้มลงมามองมือของตัวเองที่ตอนนี้โดนมือใหญ่กว่าของคนข้างๆเกาะกุมไว้เป็นที่เรียบร้อย
“ฉันไม่ยอมให้นายไปปัดเศษแครกเกอร์ให้ใครนอกจากฉันหรอก”
the end
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ครบแล้ววววววววววววววววววว
รออ่านคอมเมนท์ของทุกคนนะ เลิ้ฟ
-หากมีคำผิดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ-