“ร้านเท่ว่ะ”
“นั่นสิพี่ซองจิน” คิมวอนพิลตอบพัคซองจินแฟนหนุ่มตัวสูงของตนขณะเดินเข้ามาในร้านขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กร้านหนึ่ง
ร้านนี้มีเครื่องดื่มจำหน่ายหลากหลายชนิด ทั้งกาแฟ ผลไม้ปั่น เหล้าเบียร์
ไปจนถึงค็อกเทล แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ดึงดูดให้ทั้งสองก้าวเข้ามาในร้านนี้
การตกแต่งร้านเป็นแนวร็อคโทนดำแดงและเพลงร็อคที่เปิดคลออยู่ต่างหากที่ดึงดูดให้พัคซองจิน
คนที่หลงใหลในดนตรีร็อคต้องก้าวเข้ามา นอกจากนี้ก็อาจเพราะอากาศร้อนในยามบ่ายของหน้าร้อนด้วยที่ทำให้ทั้งคู่อยากหาที่แวะพักขณะท่องเที่ยว
แม้ว่าร้านนี้จะไม่ใช่ร้านหรูหราที่ติดเครื่องปรับอากาศ
แต่มันก็ให้บรรยากาศที่เข้ากับการมาเที่ยวเกาะแบบนี้ดีเหมือนกัน
“เชิญครับ รับอะไรดีครับ” พนักงานหนุ่มหน้าหวานที่อยู่หลังเคาน์เตอร์เอ่ยต้อนรับอย่างสุภาพ
“พี่ซองจิน ผมอยากดื่มค็อกเทล” คนตัวเล็กหันไปอ้อนแฟนหนุ่ม
“ก็เอาสิ” พัคซองจินตอบนิ่งๆโดยไม่มองหน้าแฟนตัวเล็กของตนเลย
เขามัวแต่ให้ความสนใจการนำอะไหล่รถมอเตอร์ไซค์มาประดับตกแต่งร้านและเพลงร็อคที่เปิดอยู่มากกว่า
“เอา Blue Margarita แก้วนึงครับ” วอนพิลหันไปสั่งกับบาร์เทนเดอร์ตัวขาวคนเดิม
ถึงแฟนหนุ่มจะไม่ได้ดูสนใจใยดีอะไรตนเท่าไรทั้งที่ทริปนี้คือทริปที่ตั้งใจว่าจะมาใช้เวลาร่วมกัน
เพราะวอนพิลก็พอจะเข้าใจอยู่ว่าแฟนหนุ่มของตนนั้นเป็นคนนิ่งๆ ขรึมๆ อยู่แล้ว
ซองจินไม่ใช่คนโรแมนติกหรือชอบทำตัวหวานแหววอะไร ตลอด 1 ปีที่คบกันมาซองจินก็ไม่ค่อยจะทำเซอร์ไพรส์หวานๆให้อยู่แล้ว
แต่ร่างสูงก็เป็นฝ่ายที่มักจะยอมตามใจแฟนตัวเล็กเสมอ
“ครับผม สักครู่นะครับ” บาร์เทนเดอร์ตัวขาวพยักหน้ารับแล้วหันไปชงเครื่องดื่มให้ลูกค้าตัวเล็ก
“พี่ไม่ดื่มอะไรหรอ” วอนพิลหันหน้าไปถามคนรักด้วยเสียงใสๆ
“ไม่อะ” แฟนหนุ่มก็ยังตอบมาห้วนๆเหมือนเดิม
บางทีวอนพิลก็แอบคิดนะว่าคุยกันดีๆ หวานๆเหมือนคู่อื่นสักวันมันจะตายไหม
แต่ก็เพราะความสุขุมของซองจิน ความไม่ยอมใคร ความเป็นตัวของตัวเองของซองจิน
แต่สุดท้ายก็ยอมอ่อนให้กับวอนพิลนั่นแหละ ที่ทำให้วอนพิลหลงรักคนคนนี้
“โห เพลงนี้มันเป็นเพลงร็อคที่ดังมากสมัยก่อนเลยนะ” อยู่ๆพัคซองจินก็เปลี่ยนเรื่องมาพูดถึงเรื่องเพลงที่ถูกเปิด
“วงที่ร้องเพลงเนี้ยนะ…”
พอเป็นแบบนั้น
วอนพิลก็แอบถอนหายใจน้อยๆ พอแฟนหนุ่มของตนได้พูดถึงเรื่องดนตรีร็อคเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครหยุดความหลงใหลในดนตรีของคนคนนี้อยู่
ลองได้พูดแล้วละก็ ถ้ามีใครมีความอดทนพอที่จะจดทุกคำพูดออกมา
วอนพิลคิดว่ามันคงได้ยาวกว่าประมวลกฎหมายอาญาทั้งเล่มแน่
ซองจินจะชอบพูดถึงเพลงร็อคดังๆ ไม่ก็ประวัติวงร็อคของอเมริกาที่เขาชอบ
แถมยังบรรยายได้อย่างละเอียดอีกต่างหาก
คิมวอนพิลเคยฟังพัคซองจินนั่งเล่าเรื่องพวกนี้มาหลายครั้งมากๆแล้ว
แต่ตัวเนื้อหาที่ซองจินพูดนั้นไม่เคยอยู่ในหัวสมองของวอนพิลเลย
แม้แต่ชื่อนักร้องที่พัคซองจินพูดถึงบ่อยๆเขายังจำไม่ค่อยได้เลย
คงเพราะวอนพิลจะอินกับเพลงแนว R&B หรือไม่ก็พวกเพลง Classic มากกว่าเพราะเขาเป็นคนเล่นเปียโน
“Blue
Margarita ได้แล้วครับ” บาร์เทนเดอร์หน้าหวานยกเครื่องดื่มสีฟ้ามาเสิร์ฟ
ราวกับเป็นเครื่องช่วยชีวิตสำหรับวอนพิล
คนตัวเล็กรีบเบนความสนใจไปที่เครื่องดื่มทันที
“ลองชิมไหมพี่” ร่างเล็กเอ่ยชักชวนร่างสูง เผื่อว่าแฟนหนุ่มจะหยุดเรื่องดนตรีไว้ก่อนแล้วหันมาสนใจเครื่องดื่มแทน
ซึ่งก็เป็นผล
ซองจินหยุดเรื่องเพลงร็อคเอาไว้ตรงที่นักร้องนำของวงอะไรสักวงฆ่าตัวตาย
แล้วก็รับเครื่องดื่มจากวอนพิลไปจิบ
“อืม ใช้ได้นะ ราคาไม่แพงมากด้วย” ซองจินว่า
วอนพิลก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ทำไรอยู่พี่” วอนพิลเดินออกมาจากห้องน้ำในเสื้อยืดสีขาวล้วนกับกางเกงวอร์มสีดำ
ผ้าขนหนูผืนเล็กของรีสอร์ตพาดอยู่บนหัวโดยมีมือเล็กๆนั้นคอยซับน้ำจากผม
“ฟังเพลงของวงที่พี่ชอบไง กะว่ากลับบ้านไปจะไปแกะกีตาร์เพลงนี้” ร่างสูงที่นั่งดูโทรศัพท์เสียบหูฟังข้างหนึ่งอยู่บนเตียงตอบคำถาม
วอนพิลกะแล้วว่าคงไม่พ้นเรื่องนี้
เขาเชื่อว่าความหลงใหลในดนตรีร็อคของแฟนเขานี่คงไม่มีใครเกินแล้ว
ขนาดหนังเรื่องแรกที่ซองจินชวนเขาไปดูที่ห้องของเจ้าตัวยังเป็นเรื่อง School of Rock เลยให้ตายเหอะ!
แต่ถึงอย่างนั้นวอนพิลก็เข้าใขว่ามันเป็นความชอบส่วนตัวของแต่ละคน
คนตัวเล็กก็เลยตัดสินใจชวนคุยเรื่องนี้ต่ออีกนิดหน่อย
ซองจินจะได้ไม่คิดว่าวอนพิลเอือมระอาหรืออะไร
“วงไรนะพี่ ที่พี่ชอบอะ ผมจำไม่ได้สักที” แต่วอนพิลก็ต้องมานึกเสียใจทีหลัง
เพราะเขาคิดผิด…
“พี่พูดถึงตั้งหลายครั้ง ทำไมจำไม่ได้” น้ำเสียงทุ้มของร่างสูงเริ่มมีความน้อยใจผสมความไม่พอใจแฝงออกมา
“ก็ผมไม่ได้ชอบร็อคแบบพี่นี่นา พี่ไม่เห็นต้องทำเสียงแบบนั้นเลย” คนตัวเล็กใจเสียไปวูบหนึ่งแต่ก็พยายามใช้น้ำเสียงขี้เล่นแบบเดิมเผื่อว่าจะดึงสถานการณ์ให้กลับมาดีได้
เขาไม่อยากจะทะเลาะกับแฟนในทริปที่ตั้งใจจะมาใช้เวลาร่วมกันแบบนี้
“แต่พี่เป็นแฟนนายนะ นายจะไม่จำหน่อยหรอว่าแฟนนายชอบอะไร” เสียงของซองจินแข็งขึ้น คราวนี้เหมือนมีความโกรธผสมอยู่ด้วย
“โห่ ก็เวลาพี่พูดถึงร็อคทีพี่ก็พูดถึงตั้งหลายคน หลายวง ผมจะไปจำได้ได้ไง”
“แต่ถ้านายใส่ใจหน่อยอย่างน้อยนายก็น่าจะรู้นะว่าอะไรที่พี่ชอบหรือไม่ชอบ
พี่เห็นหลายทีเลยนะที่นายทำเป็นหูทวนลมแต่ไม่ได้ตั้งใจจะฟังสิ่งที่พี่พูด
ไม่ใช่แค่เรื่องนี้นะ แต่เรื่องอื่นอย่างเวลาพี่เล่าเรื่องเพลงที่พี่แต่ง
เรื่องเพื่อนในวงพี่ให้ฟังนายก็ไม่เคยใส่ใจ” คนพูดน้อยเหมือนมาถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป
ซองจินพูดสิ่งที่เขาอยากพูดมานานออกมาทั้งหมด “ให้นายไล่ชื่อสมาชิกวงพี่ตอนนี้พี่ว่านายก็ยังไล่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
เวลาให้สั่งข้าวมาเผื่อ นายยังสั่งไม่ถูกเลยว่าพี่ชอบกินอะไร”
“ก็คนมันไม่อินอะ ผมไม่ได้ชอบเพลงร็อค เพื่อนพี่ผมก็เคยเจออยู่ครั้งเดียว
รู้จักมักจี่ไหมก็ไม่ พี่เล่นเล่ามาเป็นชุดแบบนั้นใครมันจะไปจำได้วะ” พอถูกแฟนหนุ่มปล่อยโทสะใส่ ความอดทนของคนตัวเล็กก็ลดลงเช่นกัน
ทีแรกที่กะว่าจะเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ตอนนี้คงต้องพับแผนนั้นเก็บไปเสียแล้ว “เอาจริงสิ่งที่พี่พูดๆมาอะผมก็ไม่เคยจำได้หรอก”
“นายไม่อิน หรือพี่มันสำคัญไม่พอให้นายใส่ใจกันแน่วะ” ซองจินกดเสียงต่ำแข็งกร้าวออกมา
“แล้วพี่เคยทำตัวให้มันน่าใส่ใจป้ะล่ะ!” เสียงใสตะโกนกลับ
“เวลาผมชวนไปกินข้าว
พอให้พี่เลือกว่าอยากกินอะไรพี่ก็ไม่ยอมเลือกแล้วปล่อยให้ผมเลือก ให้ผมนั่งเดาใจพี่อยู่ได้!
เวลามีอะไรก็ชอบเงียบ อยากได้อะไรก็ไม่ยอมพูดกันตรงๆ
ใครมันจะไปตรัสรู้วะว่าพี่ต้องการอะไรกันแน่อะ!” น้ำใสๆเริ่มรื้นขึ้นมาที่หน่วยตาของวอนพิล
“อ๋อ ตกลงคือเวลาพี่ยอมเราคือพี่ผิดใช่ป้ะ” ร่างสูงเริ่มประชดประชันเพราะโทสะ
“…” วอนพิลกัดฟันเพราะเสียใจที่อีกฝ่ายพูดแรงกับตนอีกแล้ว
ทุกครั้งที่ทะเลาะกันร่างเล็กก็มักจะโดนคำพูดเจ็บแสบของอีกฝ่ายทำร้ายเสมอ
ที่ผ่านมาเขาก็ได้แต่อดทนมาตลอด แต่ครั้งนี้วอนพิลจะไม่ยอมอีกแล้ว “ทำตัวเข้าถึงยาก รอให้คนอื่นเข้าหาก่อน พออะไรไม่ถูกใจก็ชอบพูดแรงๆ
ผมต้องเป็นฝ่ายเข้าหาก่อนตลอด ต้องเป็นคนคอยถาม คอยใส่ใจพี่ก่อนตลอด
มันเหนื่อยนะเว่ย!! แล้วพี่อะ เคยเข้าใจผมบ้างป้ะ เคยถามผมบ้างมั้ยว่าผมรู้สึกยังไง
เคยถามมั้ยว่าวันนี้ผมทำงานเป็นยังไงบ้าง เคยสนใจมั้ยว่าผมกินข้าวรึยัง เคยรู้มั้ยว่าบางวันผมทำงานจนดึกดื่นเพื่อที่วันต่อไปจะได้ไปเที่ยวกับพี่ได้
ก็ไม่! ผมต้องเป็นคนพูด
ต้องเป็นคนเริ่มบทสนทนาก่อนทุกครั้งอ่ะ ถ้าพี่คิดว่าพี่ใส่ใจผม พี่สนใจผม
พี่รู้มั้ยว่าตลอดมาผมต้องปรับตัว ต้องอดทน ต้องเครียด
ต้องเหนื่อยที่จะประคองความสัมพันธ์ของเราเอาไว้แค่ไหนอะ ฮึก..”
“…”
ไม่รู้ว่าเพราะน้ำตา
หรือเพราะความจริงที่วอนพิลเพิ่งพูดออกมากันแน่ที่ทำให้ซองจินพูดไม่ออก
“คิดว่าการที่พี่แค่ยอมตามใจผมหลายๆเรื่องมันเรียกว่าใส่ใจหรอ… ฮึก.. ผมว่าไม่ว่ะพี่” คนตัวเล็กปาดน้ำตาออกจากแก้มลวกๆ
คว้ามือถือกับกระเป๋าสตางค์ สวมรองเท้าผ้าใบของตนแล้วออกจากรีสอร์ตไปอย่างรวดเร็ว
คนตัวเล็กเดินตามฟุตบาธไปเรื่อยๆ
เขาไม่ได้เดินไปอย่างไร้จุดหมาย
โชคดีที่สถานที่ที่ผุดขึ้นมาในหัวของคิมวอนพิลตอนนี้อยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ตเกินกว่าที่จะเดินไปได้
ประมาณ 5 นาที
ร่างเล็กก็พาตัวเองมาถึงร้านที่เขามาเมื่อตอนบ่าย… วอนพิลไม่ได้มาเพราะพิศวาสความเป็นร็อคของที่นี่
เพียงแต่มาหาค็อกเทลดื่มเท่านั้น
“พี่ครับ เอาค็อกเทลตัวที่แรงที่สุดมาเลยครับ” เสียงใสที่ตอนนี้ฟังดูไร้ชีวิตชีวาเอ่ยสั่งด้วยแววตาเลื่อนลอย
วอนพิลนั่งบนเก้าอี้บาร์แล้วทิ้งร่างกายส่วนบนฟุบกับบาร์อย่างปวกเปียก
บาร์เทนเดอร์หน้าหวานจำลูกค้าคนนี้ได้
แต่พอเห็นสภาพที่ต่างจากเมื่อตอนบ่ายโดยสิ้นเชิงของวอนพิล
คนตัวขาวก็เลือกที่จะชงเครื่องดื่มตามสั่งของอีกฝ่ายไปก่อนโดยไม่พูดอะไร
“ได้แล้วครับ” ไม่นานเครื่องดื่มก็ถูกนำมาเสิร์ฟ
และบทสนทนาก็ถูกเริ่มขึ้น โชคดีที่ในร้านไม่มีลูกค้าคนอื่น
บาร์เทนเดอร์หน้าหวานจึงสามารถสละเวลามาคุยกับวอนพิลได้ “คุณครับ
โอเคหรือเปล่าครับ”
“อึกๆ” คิมวอนพิลกระดกค็อกเทลทีเดียวจนหมดแก้ว
ร่างเล็กหลับตาปี๋นิ่วหน้าเล็กน้อยเพราะแอลกอฮอล์ที่ตีขึ้นจมูก
จากนั้นจึงหันไปตอบบาร์เทนเดอร์ “ไม่ต้องเรียกผมสุภาพหรอกครับพี่
พูดธรรมดาเลยเถอะ”
“จะดีเหรอครับ”
“ดีครับพี่ ผมกำลังอยากได้คนคุยด้วย” แววตาใสสบมาที่บาร์เทนเดอร์ตัวขาว
แต่คนถูกมองรู้สึกราวกับว่าดวงตาคู่นั้นไม่ได้มองเขา เพียงแต่มาหยุดที่เขาเท่านั้น
“เอาแบบนี้มาอีกแก้วครับ”
“งั้นก็ได้…งั้นแนะนำตัวก่อนแล้วกัน
พี่ชื่อคิมจินอูนะ”
บาร์เทนเดอร์ตัวขาวยอมและกล่าวแนะนำตัวขณะที่ชงเครื่องดื่มเพิ่มตามที่คนตัวเล็กต้องการ
“ผมคิมวอนพิลครับ”
“แล้วตกลงมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“ทะเลาะกับแฟนมาครับ”
“อ่า…” จินอูกำลังคิดว่าควรพูดอะไร
แต่ยังไม่ทันจะตัดสินใจได้ คนเศร้าก็เริ่มเล่าเรื่องของตัวเองออกมา
วอนพิลเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบให้จินอูฟัง
มีเล่าเรื่องนิสัยส่วนตัวกับการทำตัวเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มบ้างให้อีกคนไม่งง
จินอูก็ได้แต่รับฟังและพยักหน้ารับเป็นช่วงๆ ขณะที่วอนพิลเล่า
ค็อกเทลก็หมดไปทีละแก้วๆ จนเมื่อเรื่องจบ แก้วที่ 5 ก็พร่องไปครึ่งหนึ่ง
“แม่ง.. ฟังดูเหมือนจะทะเลาะกันเรื่องงี่เง่านะพี่
แต่เอาจริงมันน่าหงุดหงิด แล้วก็น่าน้อยใจด้วยอะ
เหมือนเขาจะแคร์ผมน้อยลงกว่าตอนที่คบกันใหม่ๆ มันคือช่วงหมดโปรหรอพี่” วอนพิลพูดจบก็ส่งเครื่องดื่มอีกอึกหนึ่งลงคอ
“พี่ก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นช่วงหมดโปรหรืออะไรหรือเปล่า
แต่บางทีเขาอาจจะอยากให้พื้นที่ส่วนตัวกับน้องก็ได้นะ แล้วถ้าน้องบอกว่าน้องต้องเหนื่อย
ต้องอดทนขนาดนั้น แล้วทำไมน้องไม่เลิกล่ะ” จินอูถามเสียงนุ่มๆ
ไม่ได้จะยุให้คนรักแตกแยกกัน เพียงแค่เขาอยากรู้เหตุผลก็เท่านั้น
“ผมรักเขาครับพี่
ถึงตลอดเวลาที่คบกันผมจะรู้สึกเหมือนเป็นคนเดียวทีต้องคอยวิ่งตาม
คอยระแวงว่าเดี๋ยวจะไปทำอะไรไม่ถูกใจเขา
รู้สึกเหมือนเขาคือคนที่ทำอะไรก็ได้โดยไม่ผิด ส่วนผมก็ได้แต่รองรับอารมณ์เขาตลอด
แต่ผมก็ยังรักเขาอะ ฮึก..” พอนึกถึงสิ่งที่ตนต้องแบกรับมาตลอด
น้ำตาเจ้ากรรมก็พาลไหลออกมาอีก “แล้วผมก็รู้สึกนะว่าเขาก็ยังรักผมอะ
ผมรู้ว่าเขาเป็นคนแข็งๆ ถึงเขาจะดูเหมือนแคร์ผมน้อยลง แต่ผมก็ยังเป็นคนที่เขาทรีทอย่างอ่อนโยนที่สุดเสมอ”
“…”
“พี่รู้ป้ะ เมื่อตอนบ่ายที่ออกจากร้านพี่ไป ผมยังพูดกับเขาอยู่เลยว่าถ้าเราจะจัดงานแต่งงานผมอยากพาเขามาถ่ายพรีเวดดิ้งที่ร้านพี่
แต่มาตอนนี้กลายเป็นว่าผมต้องมานั่งร้องไห้ที่นี่คนเดียวอะ ฮึก.. ตลกดีเนอะ”
“น้องลองกลับไปคุยกันดีๆมั้ย ถ้าเขายังรักน้องอยู่
ยิ่งน้องหายตัวมาแบบนี้เขาต้องฟังน้องแน่ เปิดอกคุยกัน เคลียร์กันให้จบ
แล้วต่อจากนี้ก็เริ่มใหม่” จินอูเสนอแนวทางให้อีกฝ่าย
เผื่อจะทำให้วอนพิลรู้สึกสบายใจขึ้นได้บ้าง
“ไม่หรอกพี่ คนอีโก้สูงแบบพี่ซองจินอะ ไม่ยอมเปิดอกคุยกับใครง่ายๆหรอก”
วอนพิลเช็ดน้ำตาด้วยทิชชู่ที่จินอูยื่นให้
“แต่ถ้าน้องคือคนที่เขารัก พี่ว่าเขาน่าจะยอมเปิดใจให้น้องนะ อีกอย่างน้องก็ได้พูดความรู้สึกออกไปบางส่วนแล้วด้วย
พี่ว่าเขาคงจะยอมฟังแหละ”
“ไม่รู้ดิพี่ แต่ผมหนีมาขนาดนี้เขายังไม่โทร.หาผมสักสายเลยนะ”
พูดจบ ค็อกเทลที่เหลือก็ถูกส่งลงคอ
ใบหน้าวอนพิลเป็นสีแดงระเรื่อน้อยๆเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ คำพูดเริ่มไม่ชัดถ้อยชัดคำเท่าไร
“เพราะเขารู้ไงว่าโทร.มาน้องก็ไม่รับ” จินอูว่า
“…”
วอนพิลเงียบ เพราะมันก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า ถึงซองจินโทร.มาเขาก็คงตัดสายทิ้งอยู่ดี
“เขาถึงส่งข้อความมาแทนนั่นไง”
“ข้อความเดียว ห้วนๆ ‘กลับมาหาพี่’ แค่นี้อะนะ คนอะไรบ้าอำนาจ ดีแต่สั่งคนอื่น” ร่างเล็กสวน
“เราจะไปเดาอารมณ์ของเขาจากตัวอักษรได้ยังไง อีกอย่าง
พี่ว่าเขาส่งข้อความมาแบบนี้เขาคงจะมีอะไรอยากคุยกับน้องนะ”
“ไม่ก็อาจจะอยากเรียกผมไปด่า” ดวงตาของวอนพิลจ้องไปที่ค็อกเทลแก้วที่
6 อย่างเลื่อนลอย
“…”
“เฮ้อ… น่าขำเนอะพี่
ทะเลาะกันแค่เพราะผมจำไม่ได้ว่าเขาชอบศิลปินร็อคคนไหนอะ เหอะ” วอนพิลแค่นหัวเราะอย่างสมเพชในความสัมพันธ์ของตน “หรือว่าผมควรเลิกกับเขาดี…
ให้เขาไปเจอคนที่ทำให้เขามีความสุขได้มากกว่านี้” แววตาประชดตัวเองแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนลงและความลังเลไม่แน่ใจ
“น้อง น้องเคยเห็นเขาพูดเรื่องดนตรีร็อคกับคนที่ไม่ชอบร็อคคนอื่นนอกจากน้องมั้ย”
น้ำเสียงจินอูครั้งนี้จริงจังกว่าครั้งไหนๆ
“ไม่นะ..”
“แล้วน้องจำได้มั้ยว่าตอนพูด แฟนน้องเขาเป็นยังไง”
“พูดน้ำไหลไฟดับ พูดอย่างกับเป็นคอร์สประวัติดนตรีร็อค
ยิ้มหน้าบานตอนพูดถึงเพลง ตานี่เป็นประกายเชียวตอนพูดถึงวงที่ชอบ”
“ฟังดูเขามีความสุขนะ” จินอูว่าต่อ
“…”
“พี่ว่าเขากำลังพยายามแชร์ความสุขของเขากับน้องนะ วอนพิล”
“…”
วอนพิลนิ่งไป มือที่ถือแก้วค็อกเทลเตรียมกระดกลงคอถึงกับต้องวางลง
“ถึงเขาจะเป็นคนแข็งๆ หยาบๆไปหน่อย แต่พี่ว่าสิ่งที่เขากำลังทำคือเขากำลังพยายามแชร์ความสุขของเขาร่วมกับน้องนะ”
“…จริงหรอพี่”
“อื้ม”
“แล้ว…ผมก็ดันไปรำคาญเจตนาดีของพี่ซองจิน” ค็อกเทลแก้วที่ 6 ถูกกระดกลงคอจนหมด
“ถึงน้องจะจำไม่ได้ว่าแฟนน้องพูดอะไรบ้าง แต่ที่น้องพูดมา น้องจำได้ดีเลยนะว่าตอนแฟนน้องพูดเรื่องนี้กับน้องเขาฟังดูมีความสุขมากๆ
แถมน้องยังเป็นคนเดียวที่เขาพยายามจะแชร์มันด้วยกันด้วย”
“…ฮึก”
“เขาอาจจะแค่แสดงออกไม่เก่ง แสดงออกมาผิดวิธีไปหน่อย
แต่พี่ว่าถ้าน้องไปปรับความเข้าใจกับแฟน ทุกอย่างจะดีขึ้นนะ”
“ฮึก… ฮึก…” วอนพิลคิดตามคำพูดของบาร์เทนเดอร์แล้วย้อนนึกถึงสิ่งดีๆที่คนรักเคยทำให้
ตอนที่คนรักเคยช่วยเหลือตนไว้จากพวกอันธพาล…ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ทั้งคู่เริ่มคบกัน
เพราะซองจินปกป้องเขาแล้วพูดกับพวกอันธพาลไม่ให้มายุ่งกับวอนพิลอีกโดยเรียกวอนพิลว่าเป็น’แฟน’ของตน วันครบรอบ 100
วันที่คบกันที่วอนพิลอุตส่าห์ตั้งใจนับวันมาว่าวันนี้จะต้องมีกิจกรรมพิเศษกับคนรัก
แต่ซองจินกลับไม่รู้ว่านั่นคือวันครบรอบ
แต่ก็ยังยอมพาวอนพิลไปดินเนอร์หรูๆทั้งที่ปากบอกว่าครบรอบ 100 วันมันฟังดูไร้สาระ นึกถึงตอนที่ซองจินซื้อแหวนคู่มาให้แต่กลับมอบให้เขาอย่างไม่โรแมนติกเอาเสียเลย
และวอนพิลก็ยังนึกถึงภาพอีกหลายๆฉาก ถึงมันจะไม่ใช่ภาพของคู่รักที่สมบูรณ์แบบ
แต่มันก็เป็นความรักที่จริงใจและพิเศษไม่แพ้กับความรักของคู่อื่นๆ
“อะ…แก้วนี้พี่เลี้ยง
พี่จะให้เวลาถึงน้องดื่มแก้วนี้หมด เสร็จแล้วน้องต้องกลับไปคุยกับแฟนนะ” ค็อกเทลสีชมพูถูกวางลงตรงหน้าร่างเล็ก
“ฮึก ฮือ…” คนตัวเล็กสะอื้น
“ถ้าอยากกลับไปหาแฟนก็รีบดื่มให้หมด แต่ถ้ายังไม่พร้อมก็นั่งดื่มไปก่อน
ไม่ต้องรีบ” บาร์เทนเดอร์ตัวขาวกล่าว
ไม่ต้องคิดนาน
ร่างเล็กยกแก้วเครื่องดื่มสีสวยนั้นขึ้นดื่มอย่างรวดเร็ว เมื่อรสชาติของมันสัมผัสกับลิ้น
วอนพิลก็จำได้ทันทีว่ามันคือ Sex on the beach กลิ่นหอมพีชและรสหวานอมเปรี้ยวน้อยๆช่วยล้างปากจากรสชาติเข้มๆของแก้วก่อนๆได้เป็นอย่างดี
คนตัวเล็กนึกชมบาร์เทนเดอร์คิมในใจกับความฉลาดเลือกของเขา
ทันทีที่น้ำสีชมพูหมดแก้ว วอนพิลก็รีบจ่ายเงินแล้วพรวดพราดออกจากร้าน
มุ่งหน้ากลับรีสอร์ตทันที
“เดินกลับเองได้เหรอ” จินอูตะโกนไล่หลัง
กลัวว่าคนตัวเล็กจะเป็นอันตรายเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ในร่างกาย
“ฮึก.. ไม่เป็นไรพี่ ขอบคุณมากครับ” เสียงหวานหันกลับไปตอบบาร์เทนเดอร์ด้วยความจริง
ตอนนี้ความมุ่งมั่น ความต้องการพบคนรักในใจเขามันรุนแรงและชัดเจนจนกลบความมึนเมาไปจนสิ้น
Kim Jinwoo, the bartender
วอนพิลมาถึงห้องพักหลังของตนเองที่รีสอร์ตแล้ว
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายมือเล็กนั้นก็จบลูกบิดประตูนั้นเปิดออก… และมันเปิดได้
ซองจินไม่ได้ล็อกประตูหลังจากที่วอนพิลออกไปแล้ว
คนตัวเล็กก้าวเข้าไปในห้องพัก
สายตาก็ไปสะดุดกับร่างสูงคุ้นตาที่กำลังเก็บกระเป๋าสตางค์กับมือถือเครื่องหรูอยู่
ท่าทางพร้อมจะออกไปข้างนอกเต็มที
“อ้าว!” ซองจินหันมาตามเสียงเปิดประตูก็พบคนที่เขาอยากเจอที่สุดยืนอยู่
“จะไปไหนครับ” วอนพิลถามออกไปนิ่งๆก่อนด้วยยังไม่รู้ว่าจะเริ่มบทสนทนายังไงดี
“เห็นหายไปนานแล้ว เลยกำลังจะออกไปตามหา” ร่างสูงตอบขณะที่ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้
“…”
ซองจินยกมือใหญ่ทั้งสองจับที่หัวไหล่เล็กของวอนพิลเอาไว้
วอนพิลเห็นดวงตาของชายหนุ่มเลิ่กลั่กเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไร
“ไปไหนมา..” ร่างสูงเอ่ยถาม “กลิ่นนี้มัน….”
“ใช่ ไปร้านค็อกเทลมา”
“รู้ว่าตัวเองไม่ได้คอแข็งก็ยังจะดื่มอีก” คิ้วเข้มขมวดลงเหมือนไม่พอใจ
เสียงทุ้มนั้นแข็งขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย “ดื่มไปกี่แก้ว
แล้วทำไมเดินกลับมาคนเดียวค่ำๆมืดๆ อยากโดนคนไม่ดีเขาทำร้ายมากใช่ไหม”
“…” ในหัวคนตัวเล็กกำลังตัดพ้อกับตัวเองเหมือนที่ทำเสมอ
เพราะถูกอีกฝ่ายขึ้นเสียงแล้วก็พูดแบบปากร้ายใส่ ถึงจะไม่ได้พูดอะไรออกมา
แต่ร่างเล็กก็แสดงสิ่งที่รู้สึกทั้งหมดออกมาผ่านสายตาที่ส่งไปให้คนตัวสูงกว่าอย่างไม่ปิดบัง
“…”
ซองจินเห็นสายตานั้นก็หยุดไปชั่วอึดใจ คลายแรงที่เผลอกำหัวไหล่เล็กจนแน่นลง
แล้วถึงพูดต่อและนั้นเป็นคำพูดและน้ำเสียงที่วอนพิลไม่คาดหวังจะได้ยินจากคนคนนี้ “พี่เป็นห่วงนะ..”
วอนพิลไม่แน่ใจว่าน้ำเสียงนุ่มอบอุ่นกับคำพูดที่ร่างสูงไม่เคยพูดออกมาตรงๆที่ตนได้ยินนั้น
อีกฝ่ายพูดเพื่อแค่ให้เขาหายโกรธหรือเปล่า
แต่ที่รู้คือคนตัวเล็กใจอ่อนยวบให้กับคนรักทันทีที่ได้ยิน
“พี่ซองจิน.. ฮึก..” ร่างเล็กเริ่มสะอื้นอีกครั้ง
“ผมขอโทษที่ทำตัวงี่เง่า ขอโท…”
ไม่ทันที่คนตัวเล็กกว่าจะพูดจบ
ร่างสูงก็ดึงวอนพิลเข้าสู่อ้อมอกเสียก่อน มือหนาไม่ได้ลูบเบาๆอย่างปลอบโยนเหมือนที่พวกพระเอกในนิยายรักเขาทำกัน
แต่อ้อมกอดของซองจินนั้นกลับมั่นคง แข็งแรง
และอบอุ่นในเวลาเดียวกันแบบที่วอนพิลก็อธิบายไม่ถูก
แต่โดยรวมคือวอนพิลไม่รู้สึกแย่กับอ้อมกอดนี้เลย
แขนเล็กค่อยๆยกขึ้นแล้วโอบรอบเอวสอบไว้ช้าๆ
วอนพิลออกแรงโอบกอดแน่นขึ้น แต่ยิ่งร่างเล็กกอดแน่นขึ้นเท่าไหร่
เขาก็รู้สึกได้ว่าแฟนหนุ่มก็กอดเขาแน่นขึ้นอีกเท่านั้น
“ฮึก.. ฮือ…” ใบหน้าสวยซบกับไหล่กว้างทำให้เสียงสะอื้นอู้อี้
“พี่ขอโทษที่พี่ทำให้นายรู้สึกแย่ พี่ไม่รู้ตัวเลยว่าหลายๆสิ่งที่พี่ทำ
และไม่ได้ทำ จะทำให้นายเสียใจและเครียดขนาดแบบนี้”
“ผมก็ขอโทษที่ ฮึก.. ผมเอาแต่คิดถึงตัวเองมากเกินไป ฮึก..ขอโทษที่ปล่อยให้อะไรมันบานปลายมาถึงจุดนี้ ฮึก..” ทั้งคู่ยังคงพูดคุยทั้งที่อยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน
“แล้วก็ขอโทษที่ปล่อยให้นายปรับตัวเข้าหาพี่อยู่ฝ่ายเดียว
ขอโทษที่พี่ไม่พูดอะไรตรงๆกับนาย ต่อไปนี้พี่จะปรับตัว
พี่จะคิดถึงความรู้สึกนายให้มากกว่านี้ ต่อไปนี้มีอะไรพี่จะบอกเราดีๆ สัญญาเลย”
ตอนที่พัคซองจินเอ่ยคำสัญญา
เขากระชับกอดวอนพิลแน่นขึ้นราวกับกลัวว่าคนตัวเล็กจะหนีเขาไปไหนอีก
“ต่อไปนี้ผมก็จะ ฮึก.. เข้าใจพี่ให้มากขึ้น จะไม่ทำตัวงี่เง่าแค่เพราะนิสัยของเราไม่เหมือนกัน
ฮึก..”
“พี่รู้ว่าพี่มันปากหมาปากร้าย แต่ต่อไปนี้นายจะเป็นข้อยกเว้นของพี่
พี่จะไม่พูดอะไรให้นายรู้สึกไม่ดีอีก
พี่จะคิดก่อนพูดเพราะคำพูดของพี่ทำให้นายต้องเสียน้ำตาแบบนี้
จะไม่พูดเรื่องที่นายไม่อยากฟัง”
“ถ้าหมายถึงเรื่องร็อค พี่พูดก็ได้นะ ฮึก..
เพราะถึงผมจะจำไม่ได้ว่าพี่พูดถึงอะไรไปบ้าง
แต่อย่างน้อยผมจำได้นะว่าพี่มีความสุขแค่ไหนตอนพูดถึงเรื่องนั้น..” วอนพิลนึกขอบคุณถึงบาร์เทนเดอร์ตัวขาวที่ทำให้เขาตระหนักถึงจุดนี้ได้ “ขอโทษนะที่เคยรำคาญความสุขของพี่… ฮึก.. ฮือ…”
“นายไม่ผิดหรอก พี่ต่างหากที่โง่เอง..”
“ไม่ พี่ไม่ได้โง่นะ ฮึก..” หัวกลมๆสั่นดุ๊กดิ๊กอยู่ที่ไหล่แกร่ง
เสื้อของซองจินชื้นไปด้วยน้ำตาของรางเล็ก
วอนพิลไม่ชอบเลยเวลาที่ซองจินด่าตัวเองแบบนี้
“โง่สิ โง่ขนาดที่คิดว่าการยอมตามใจนายทุกเรื่องเรียกกว่าการดูแล โง่เรื่องการแสดงออก
ทั้งที่นายเป็นแฟนพี่แต่พี่กลับไม่แสดงออกอย่างที่มันควรจะเป็น
โง่ที่พยายามจะคุยกับนายด้วยเรื่องที่นายไม่ชอบ แถมยังโง่มากๆ…จนเกือบจะเสียนาย…คนที่สำคัญที่สุดของพี่ไปเสียแล้ว:
“…โง่จริงด้วย” วอนพิลฟังแล้วอยู่ๆก็รู้สึกเห็นด้วยกับสิ่งที่ซองจินกำลังด่าตัวเอง
แม้ว่าเมื่อไม่ถึงนาทีที่แล้วร่างเล็กเพิ่งจะปฏิเสธมันไปก็ตาม
“…”
“โง่มากๆเลยรู้มั้ย ฮึก..
พี่ไม่ได้จะเสียผมไปเสียหน่อย ไม่รู้หรอว่าถึงพี่จะทำอะไรไม่ค่อยดีใส่ผม
แต่ยังไงผมก็จะกลับมาหาพี่อยู่ดี” วอนพิลที่เริ่มสะอื้นน้อยลงแล้วพูด
จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับแฟนหนุ่มของตนโดยที่ยังไม่คลายอ้อมกอดออก “เหตุผลที่ทำให้ผมยังอยู่ก็คือพี่นะ”
“ขอบคุณนะ” ประโยคสุดท้ายของวอนพิลทำเอาร่างสูงใจอ่อนยวบ
ซองจินมองตาหวานคู่นั้นแล้วยกยิ้มมุมปากน้อยๆขณะที่เอ่ยขอบคุณ “ที่ยังอยู่กับพี่ทั้งที่พี่ทำตัวแย่กับเรา”
“ขอบคุณเหมือนกัน ทั้งที่ผมงี่เง่าเอาแต่ใจขนาดนี้
แต่ผมก็ยังสำคัญสำหรับพี่”
“ต่อจากนี้เรามาทำให้มันดีขึ้นนะ” มือหยาบยกขึ้นเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มของแฟนตัวเล็ก
“อื้ม” วอนพิลพยักหน้าและยิ้ม
รอยยิ้มนั้นของวอนพิลย้ำเตือนให้พัคซองจินตระหนักได้ว่าเขารักรอยยิ้มนั้นของคนตรงหน้ามากแค่ไหน
ร่างสูงสัญญากับตัวเองว่าต่อไปนี้เขาจะพยายามสร้างมันให้ประดับบนใบหน้าหวานบ่อยๆ
ตอนนี้ทั้งคู่ยังคงกอดกันอยู่ แต่ไม่ได้แนบแน่นเหมือนตอนแรกแล้ว
แขนยาวของซองจินโอบอยู่รอบเอวบาง ส่วนแขนเล็กของวอนพิลก็จับอยู่บริเวณเอวของอีกฝ่าย
ซองจินมองรอยยิ้มน่ารักของแฟนตัวเล็กแล้วค่อยๆไล่สายตาไปตามกรอบหน้าเรียว
คิ้ว ดวงตาคู่ที่เขาชอบ จมูกโด่งรั้น และกลับมาหยุดที่ริมฝีปากบางสีชมพู
ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะได้มองหรือคิดอะไรต่อ ร่างเล็กก็สวมกอดเขาอีกครั้ง
ซองจินก็กอดตอบ ใบหน้าหวานซุกอยู่บริเวณไหล่กว้าง ร่างสูงลอบกลืนน้ำลาย
“ต่อไปนี้เราจะพูดกันตรงๆใช่ไหม”
“อื้อ” เสียงเล็กครางตอบเบาๆในลำคอ
ลมหายใจอุ่นของวอนพิลเริ่มทำให้ซองจินรู้สึกอะไรบางอย่าง
“งั้นถ้าตอนนี้พี่รู้สึกว่านายน่า…เอ็นดู มากๆ พี่ต้องทำยังไงหรอ”
“ก็…พี่อยากทำอะไร ก็ทำ”
[72%]
ซองจินดันร่างเล็กออกจากอ้อมกอด
ไม่รอช้า เขาประกบริมฝีปากของตนเข้ากับอวัยวะเดียวกันของอีกฝ่าย
วอนพิลที่ยังไม่ทันตั้งตัวก็เบิกตาโพลงเพราะตกใจ
แต่สุดท้ายก็โอนอ่อนไปตามจูบของซองจิน
ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปตักตวงความหวานจากอีกฝ่าย
สะกิดเบาๆที่ลิ้นเล็กให้อีกฝ่ายตอบสนอง
ทั้งสองไล่ต้อนกันไปมาจนหยดน้ำสีใสเลอะที่มุมปาก ซองจินดูดดึงกลีบปากบางและกัดเบาๆอย่างรักใคร่จนเสียงหวานต้องครางประท้วงเบาๆ
มือใหญ่ทั้งสองประคองใบหน้าของอีกฝ่ายไว้
ส่วนวอนพิลก็วางมือของตนทับกับมือของคนรัก แล้วมือเล็กก็ค่อยๆลูบ
สัมผัสร่างกายของอีกฝ่ายอย่างเผลอไผล เริ่มตั้งแต่ปลายนิ้ว มือ แขน ต้นแขน
จนถึงไหล่ สุดท้ายมือเล็กก็ขยำเสื้อของซองจินเอาไว้อย่างลืมตัว
เพราะซองจินเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน
ขณะที่คนตัวเล็กลูบไปตามแขนแข็งแรง
มือหยาบจากที่คล้องอยู่ที่เอวบางก็เลื่อนลงต่ำไปที่สะโพกมน เค้นคลึงเบาๆแล้วค่อยๆเพิ่มแรงขึ้น
ยิ่งเพิ่มแรง ร่างเล็กยิ่งเบียดสะโพกเข้าหา ทำให้ซองจินยิ่งชอบใจ
วอนพิลทุบเบาๆที่ไหล่แกร่งเมื่อเริ่มหายใจไม่ทัน
ซองจินก็ยอมผละจูบออกมาแต่โดยดี แต่วอนพิลก็ได้รับอากาศเข้าปอดเพียงไม่กี่วินาที
ร่างเล็กก็ถูกผลักลงเตียงพร้อมกับร่างสูงที่ลงมาคร่อมทับ
แล้วซองจินก็เริ่มพรมจูบไปทั่วใบหน้าของคนรัก
มือหยาบสอดเข้าไปใต้เสื้อยืดสีขาวของคนใต้ร่าง
ลูบไล้ไปทั่วผิวเนียน
ส่วนปากก็คอยมอบจูบและสร้างรอยรักสีกุหลาบไว้ตามซอกคอของวอนพิลในขณะที่คนตัวเล็กกว่าได้แต่หลับตา
อ้าปากหอบหายใจน้อยๆ แอ่นตัวตามสัมผัสวาบหวาม และสุดท้ายเสื้อยืดก็กลายเป็นสิ่งน่ารำคาญ
ซองจินจึงถอดมันออกจากตัวคนใต้ร่าง และถอดเสื้อของตัวเองออกด้วยเช่นกัน
“ม…ไม่ปิดม่านก่อนหรอ” พอเห็นว่าคนรักเริ่มหยุดไม่อยู่
เสียงหวานจึงรีบประท้วงขึ้น ดวงตากลมชำเลืองมองไปที่กระจกบานใหญ่ที่ตอนนี้ด้านนอกเป็นวิวทะเลยามค่ำคืน
เพราะเป็นห้องพักติดชายหาด เสียงน้ำทะเลซัดฝั่งจึงดังลอดเข้ามาเบาๆ
“กลางคืนน้ำขึ้น ไม่มีใครมาทะเลตอนนี้หรอก” เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหูทำเอาร่างเล็กขนลุก
“ฮื่อ” เสียงหวานครางในลำคอเมื่อซองจินเริ่มใช้มือลูบไปตามผิวกายเนียนของตนอีกครั้ง
และลามไปถึงขอบกางเกงวอร์มเนื้อดีของตน
“เพราะงั้นไม่มีใครเห็นหรอก” สิ้นคำพูดนั้น
กางเกงวอร์มขายาวของคนตัวเล็กก็ถูกดึงออกไปพร้อมกับชั้นใน
คนตัวสูงไม่รอช้า
เริ่มใช้ปากปรนเปรอให้คนรักทันที เรียกเสียงหวานให้ร้องลั่นออกมา
โชคดีที่มันเป็นรีสอร์ตแบบแยกหลัง ทำให้ไม่ต้องกลัวว่าใครจะได้ยิน
ขาเรียวชั้นขึ้นอย่างรู้งาน
มือเล็กของวอนพิลขยุ้มกลุ่มผมหนาของคนรักไว้อย่างหาที่ระบาย
“อะ.. อะ.. ระ… เร็วอีก” เสียงหวานว่าซึ่งอีกฝ่ายก็สนองให้ตามที่ขอ
ซองจินปรนเปรอมอบความสุขให้คนรักอย่างชำนาญ
“อืม” เสียงต่ำครางในลำคอ
ซองจินเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
วอนพิลก็ได้แต่ระบายความเสียวผ่านทางปลายนิ้วที่ขยุ้มผมหนาของอีกฝ่ายไว้ในมือ
กับปลายเท้าที่จิกลงเตียงสีขาว และแล้วร่างเล็กก็ได้ปลดปล่อยออกมา
ร่างสูงก็กลืนมันเข้าไปอย่างไม่นึกรังเกียจ จากนั้นร่างสูงก็ผละตัวออก ถอดกางเกงออกอย่างรวดเร็ว
“ทำให้พี่บ้างสิ”
“ผ…ผมทำไม่เป็น” วอนพิลพูดอ้อมแอ้ม
ใบหน้าขึ้นสีแดงจัดอย่างน่ารัก
“แค่ทำแบบที่พี่ทำให้นายก็พอ”
“ก….ก็ได้” คนตัวเล็กตอบโดยไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่าย
ซองจินนั่งพิงหัวเตียง
คนตัวเล็กตามมาค้อมตัวลงแล้วรับของคนรักเข้าปากไป ร่างเล็กพยายามทำแบบที่ร่างสูงทำให้ตน
ซึ่งก็ได้ผลตอบรับเป็นเสียงครางต่ำจากอีกฝ่าย คนตัวเล็กเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
แต่เหมือนจะยังไม่ทันใจคนตัวสูง
เพราะซองจินยังคงสวนสะโพกกลับมาเป็นบางครั้งทำเอาวอนพิลแทบสำลัก
แต่ความจริงสำหรับร่างสูง ครั้งแรกของอีกฝ่ายก็ถือว่าดีมากแล้ว
“ฮึก!” และแล้วร่างสูงก็ได้ปลดปล่อยออกมาเช่นกัน
ยังไม่ทันที่วอนพิลจะตั้งสติได้
ร่างสูงก็ขยับตัวแล้วดันคนตัวเล็กพลิกลงเตียงอย่างรวดเร็ว
และตนก็ขึ้นไปคร่อมทับเช่นเดิม ใบหน้าของทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงปลายจมูก
“ผมรักพี่นะ พี่ซองจิน”
“พี่ก็รักนาย วอนพิล”
ลิ้นร้อนลากไปตามร่างกายของคนด้านล่างตั้งแต่กรอบหน้า
ลำคอ ลงมาถึงอกบาง
โพรงปากร้อนเข้าครอบครองยอดอกข้างหนึ่งของคนรักและใช้ปลายลิ้นสะกิดทั้งทาย
ดูดดึงจนมันแข็งขืนสู้ มือหยาบลูบไปตามสีข้าง
บีบเค้นเบาๆเพื่อปลุกอารมณ์ให้อีกฝ่าย
“ฮ้า..” คนถูกปรนเปรอได้แต่แอ่นตัวไปตามสัมผัสของแฟนหนุ่ม
ซองจินกลับมามอบจูบให้คนตัวเล็กอีกครั้ง
แขนทั้งสองข้างของซองจินยันตัวเองไว้ วอนพิลเอียงใบหน้ารับจูบอย่างว่าง่าย
มือเล็กวางไว้บนไหล่แกร่งทั้งสองข้าง ขาเรียวทั้งสองแยกออก
และซองจินก็ค่อยๆแทรกตัวตนของตนเข้ามาช้าๆ
“อะ..” เสียงหวานร้องออกมาเพราะรู้สึกแน่นไปหมด
แต่อีกฝ่ายก็ยังเข้ามาลึกขึ้นเรื่อยๆ
“ฮืม..” มือหนาจับให้ขาเรียวทั้งสองยกขึ้นมารัดรอบเอวของตนไว้
ทำให้เขาสามารถเข้าไปได้ลึกขึ้นอีก
แสงไฟสีส้มของห้องพักทำให้วอนพิลที่ตัวแดงเพราะอารมณ์อยู่แล้วยิ่งดูน่ารัก
ซองจินเริ่มขยับช้าๆ เพราะแรงรัดจากคนตัวเล็กที่ยังมากอยู่ แต่เมื่อแรงนั้นคลายลง
เขาก็ขยับสะโพกเร็วขึ้นและแรงขึ้นจนตัวโยน ร่างเล็กรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
แต่ความเจ็บนั้นเทียบไม่ได้เลยกับความเสียวซ่านและสุขสมที่ถาโถมเข้ามา
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ พี่ซองจิน” ทุกครั้งที่ถูกสัมผัสที่จุดกระสัน
เสียงหวานก็หลุดร้องออกมา ดวงตาคู่สวยหลับพริ้มโดยน้ำตาแห่งความสุขรื้นอยู่ตรงหาตา
“ซี้ดดดด วอนพิล อ่า…” เพราะร่างเล็กร่อนสะโพกตามการเคลื่อนไหวของเขา
ซองจินจึงอดที่จะครางเป็นชื่อคนรักไม่ได้เลย
ทะเลมืดมืดยามค่ำคืนไร้ผู้คน
เพราะไม่ใช่ในเมืองหลวง จึงมีดาวหลายดวงที่ได้ส่องแสงโดดเด่นอยู่บนท้องฟ้าสีดำ
คลื่นทะเลซัดเข้าหาชายฟังเป็นจังหวะ
ก่อนให้เกิดเสียงคลื่นเคล้ากับเสียงผิวกระทบกันและเสียงครางกระเส่าของคนทั้งสอง
แม้เครื่องปรับอากาศในห้องจะถูกปรับไว้ที่อุณหภูมิต่ำแต่คู่รักก็ยังคงรู้สึกร้อนรุ่ม
มือเล็กจิกเบาๆที่ไหล่ของคนรัก
ร่างกายทั้งสองแนบแน่นใกล้ชิดกันกว่าครั้งไหน
หน้าท้องแกร่งของร่างสูงเสียดสีกับส่วนกลางลำตัวของร่างเล็ก
ส่วนคนด้านบนก็ซบหน้าลงมากับละคอระหง
สูดดมความหอมจากซอกคอขาวที่เต็มไปด้วยรอยรักสีสวยและพรมจูบลงไปเป็นครั้งคราว
“พี่… อะ พี่ซองจิน ฮึก”
“อ่า.. วอนพิล”
บทเพลงรักร้อนแรงดำเนินมาถึงจดสิ้นสุดเมื่อทั้งคู่ถึงฝั่งพร้อมๆกัน คนตัวเล็กรัดร่างหนาอย่างแรงขณะที่ร่างหนาปลดปล่อยเข้าไปในตัวของคนรัก ส่วนร่างเล็กก็ปล่อยออกมาเปรอะหน้าท้องราบและหน้าท้องแกร่ง
ซองจินจับตัวคนรักให้พลิกอยู่ในท่าคลานแล้วเริ่มบทรักอีกรอบด้วยจังหวะเนิบนาบ
เป็นจังหวะเดียวกับเสียงคลื่นกระทบฝั่งด้านนอก แล้วค่อยๆเพิ่มความเร็วและแรงขึ้น
ซึ่งก็ไม่ได้ตกลงกว่ารอบก่อนหน้าเลย
แขนเล็กของวอนพิลที่รับน้ำหนักตัวเองไว้สั่นระริก
เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดพราวตามไรผม เสียงร้องแสนหวานก็ยังคงดังออกมาเป็นชื่อคนรักทุกครั้งที่ถูกกระแทกที่จุดไวต่อความรู้สึก
ร่างสูงพรมจูบไปทั่วท้ายทอย ลาดไหล่เนียน
และแผ่นหลังจนขึ้นรอยจางๆหลายจุด
บางจังหวะก็ยื่นใบหน้าหล่อไปงับที่ติ่งหูเล็กเบาๆจนคนตัวเล็กขนลุกซู่
มือหนาข้างหนึ่งทาบอยู่ที่หน้าอกบางแล้วออกแรงเค้นคลึง ส่วนอีกข้างก็ล็อกสะโพกมนที่แอ่นกระดกไว้พร้อมกับมอบความสุขให้กับคนตัวเล็กเป็นจังหวะเดียวกับที่ตนเองขยับตัว
สุดท้ายทั้งคู่ก็มาถึงจุดสูงสุดของความรู้สึกอีกครั้ง…
ร่างสูงค่อยๆถอดถอนออกมาจากร่างเล็กที่หอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดอย่างเหนื่อยอ่อน
คนตัวสูงที่ไม่ได้เหนื่อยเท่าทิ้งกายลงข้างๆ
ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวทั้งคู่ไว้แล้วเอื้อมมือไปปิดสวิตช์ไฟ
ทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด
ซองจินตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาวอนพิล
ท่อนแขนแกร่งโอบรอบเอวคนตัวเล็กเอาไว้
ขาข้างหนึ่งของซองจินก่ายขาเรียวของคนรักเอาไว้
ส่วนคนตัวเล็กก็วางมือของตนทับกับมือของอีกฝ่าย กำไว้อย่างหลวมๆ จากนั้นซองจินก็มอบจูบสุดท้ายของคืนนี้ให้กับคนในอ้อมแขน
แล้วทั้งคู่ก็เข้าสู่ห้วงนิทราไป…
ความอ่อนหวานที่มากกว่าเดิมซึ่งซองจินไม่เคยแสดงให้ใครเห็น
และมุมมองใหม่ของวอนพิลต่อคนรัก จะเป็นการเริ่มต้นของความรัก… ไม่ใช่รักครั้งใหม่ แต่เป็นรักครั้งเดิม กับคนเดิม แต่สวยงามกว่าที่ผ่านมา…
…The End…
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Leave your comments down below ;)
Thank you for your interest!
จบแร้ว ขอเม้นท์ให้เค้าหน่อยเร้ววววว รีดเดอร์ที่รัก
-หากมีคำผิดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ-
ขอบคุณไรท์ที่แต่งเรื่องสนุกๆแบบนี้ให้อ่านนะคะ
ก่อนอื่นขอชื่นชมพี่จินก่อน แงงง คุณบาร์เทนเดอร์ตัวขาว ซองพิลแต่งงานเมื่อไหร่อยากให้พี่เขาไปเป็นบาทหลวงให้เลยค่ะจุดนี้ 55555555
ส่วนบทพ่อแง่แม่งอนของซองพิลคือทำเราน้ำตาไหลมากๆ นึกว่าจะจบไม่สวยแล้ว ค่อยๆ ปรับตัวกันไปนะทั้งคู่ ตลอดชีวิตมันยังอีกยาวววว ส่วนฉากไม่ปิดม่านคือของดีจริงๆ ค่ะ ไม่พูดเยอะ เช็ดกำเดาอยู่ เขียนสนุก บรรยายง่ายๆ แต่ก็ทำให้อินได้ ชอบมากค่ะ:)