*~.Take.~*
“ออกเวรแล้วใช่มั้ย.. ป่ะ.. กลับกัน” เจ้าของเสียงทุ้มโผล่หน้าเข้ามาในห้องทำงานของดงอูผู้เป็นเพื่อนสนิท
“รู้แล้ว เก็บของแป๊บนึงดิ จะรีบไปไหนฮะโฮวอน” คนตัวเล็กที่ถูกเร่งตอบ
“วันนี้ฉันเจอเคสใหญ่มา เหนื่อย หิวด้วยเนี่ย”
“เสร็จแล้วๆ” คนตัวเล็กลุกจากโต๊ะแล้วเดินออกมาตามเสียงเร่งเร้าของโฮวอน แล้วเดินออกมาจากโรงพยาบาลไปยังลานจอดรถพร้อมกัน ระหว่างที่เดินนั้นต่างก็คุยเรื่องงานของแต่ละคนให้กันละกันได้ฟัง จนมาถึงคราวของโฮวอนที่เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน
“เออ! ฉันได้ขนมอีกแล้วแหละ วันนี้เป็นช็อกโกแล็ต” ร่างหนาพูด
“ก็ได้ทุกวันไม่ใช่รึไง แล้วก็มาบอกฉันทุกวันเนี่ย” ร่างเล็กแสร้งทำเป็นไม่สนใจ
“ก็ใช่ แต่ฉันก็ดีใจไง แถมวันนี้มีการพับกระดาษรูปหัวใจมาให้ด้วยนะ!” โฮวอนเล่าต่อ
“ตื่นเต้นอะไรเบอร์นี้นะโฮวอน ฮ่าๆๆๆ” ดงอูหัวเราะกับสีหน้าท่าทางของร่างหนาที่ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“ก็อยู่ๆมีใครไม่รู้เอานู่นเอานี่มาให้ทุกวัน แถมหน้าก็ไม่เคยเห็น เป็นนายนายไม่อยากรู้รึไง”
“ถ้านายรู้แล้วไงต่อล่ะ..” คนตัวเล็กกล่าว “สมมติว่าเขามาบอกว่าเขาเป็นใครแล้วนายจะทำไงต่อ คบเลย?”
“ก็ไม่ขนาดนั้นมั้ย ยังไงก็ต้องดูให้รู้นิสัยใจคอกันไปก่อน แต่อย่างน้อยก็ถือว่าคนคนนี้ทำแต้มนำไว้แล้วไง” โฮวอนพูดพร้อมกับรอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม “เพราะดูจากโน้ตที่เขาแปะมาด้วยบางที ฉันรู้ว่าเขาก็ใส่ใจฉันพอสมควรเลยล่ะ”
“อ่าฮะ~” ดงอูพยักหน้ารับรู้เหมือนปกติ กลบเกลื่อนจังหวะหัวใจที่เต้นถี่รัวขึ้น ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะกลัวว่าตัวเองจะหลุดพูดอะไรที่จะทำให้ร่างหนาจับพิรุธได้
กระทั่งมาถึงลานจอดรถ ทั้งสองก็แยกกันไปที่รถของตน จนตอนที่คนตัวเล็กเข้าไปนั่งในรถของตัวเองแล้วจึงยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุข
เขาชอบที่เห็นโฮวอนยิ้ม…และดีใจที่อย่างน้อยโฮวอนก็ไม่ได้มีความรู้สึกด้านลบต่อคนที่คอยเทคแคร์ร่างหนาตลอด
*~.Take.~*
โฮวอนเข้ามายังห้องทำงานของตนในตอนเช้าก่อนจะพบว่ามีดอกกุหลาบสีชมพูหวาน 5 ดอกห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาลอย่างดีวางอยู่บนโต๊ะพร้อมกับกระดาษโน้ตแปะไว้ว่า
‘วันนี้ก็สู้ๆนะ^^’
ข้อความถูกเขียนด้วยลายมือน่ารักไว้เท่านี้โดยไม่มีการระบุตัวเจ้าของเช่นเดิม แต่มันก็ทำให้โฮวอนยิ้มออกมาบางๆ…รอยยิ้มครั้งแรกในวันนี้เกิดขึ้นเพราะเจ้าของกุหลาบช่อนี้
Howon’s part
มันอาจจะดูบ้าและไร้เหตุผล แต่มันก็เป็นความจริงที่ผมชอบให้เขาคนนั้น…มาคอยเทคแคร์ผมทุกวันอย่างกับเล่นบัดดี้กันอยู่ แต่อย่างไรเสียมันก็เป็นวิธีที่น่ารักดีนะ แรกๆผมก็ระแวงนิดหน่อยแหละเพราะมันก็ออกจะประหลาดอยู่ไม่น้อย ก่อนที่ผมจะสังเกตว่าคนคนนั้นดูจะรู้ใจผมเสียทุกอย่าง รู้ว่าผมชอบหรือไม่ชอบอะไร และบางทีก็เขียนโน้ตมาเป็นข้อความคุยกับผม ทำให้ผมรู้สึกไม่เหงา จนตอนนี้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผมไปแล้ว ที่ทุกๆเช้าผมจะต้องได้รับขนมเล็กๆน้อยๆ หรือพวกกระดาษโน้ตก่อนผมจะเข้าเวร ซึ่งความอยากรู้ของผมมากขึ้นทุกวันเช่นกัน ผมอยากรู้ว่าคนคนนี้เป็นใคร ผมชอบของที่เขาให้ ชอบลายมือ ชอบกระทั่งกลิ่นปากกาที่เขาใช้ ปากกาที่เขาใช้เขียนจะมีกลิ่นหวานๆของขนมผสมอยู่ด้วยเสมอ เดาว่าเขาต้องเป็นคนน่ารักอยู่ไม่น้อยแน่ๆ
หรือว่า…ผมจะชอบเขาไปแล้วกันนะ?
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของผม ผมหันไปมองตามเสียงก็พบกับอีซูอุง พยาบาลประจำแผนกเปิดประตูเข้ามา
“อ้าว! ซูอุง” ผมเอ่ยทักทาย
“สวัดดีฮะคุณโฮวอน” พยาบาลหนุ่มน้อยเอ่ยทักผมพร้อมรอยยิ้มหวาน “วันนี้มาเร็วกว่าปกตินะฮะ”
“ก็มีคนไข้นัดตอนเช้านี่ เลยต้องรีบมา” ผมตอบยิ้มๆ
“นั่นล่ะฮะ คนไข้มาแล้ว จะให้เขามาได้เลยใช่มั้ยฮะ”
“อื้ม” ผมพยักหน้า
“ชอบหรอฮะ…” เสียงใสของคนหน้าประตูถามขึ้น เขาคงเห็นว่าผมนั่งลูบกลีบกุหลาบสีหวานมาได้สักพักแล้ว
“อื้อ” ผมพยักหน้าอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า บ่งบอกว่าผมชอบมันจริงๆ…หรือบางทีก็อาจจะชอบคนให้มากกว่า
“คึคึ งั้นผมไปตามคนไข้เลยนะฮะ คุณหมอก็เตรียมตัวได้เลยนะฮะ” ซูอุงพูดก่อนจะปิดประตูออกไป แม้จะแค่แว้บเดียว แต่ผมสังเกตว่าสายตาที่เขาส่งมาให้ผมก่อนเขาจะหันหลังไปนั้นมันผิดปกติ มันดู…จะเรียกว่าอะไรดี ‘เต็มไปด้วยความรู้สึก’ งั้นเหรอ? มันเหมือนกับว่าเขามีอะไรอยากจะบอกผมอีก แต่ก็ทำได้เพียงส่งมาทางสายตาเท่านั้น…
End of Howon’s part
*~.Take.~*
Rrrr.. Rrrr..
“ไง อูฮยอน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นก่อนที่จะถูกกดรับ
//พี่ดงอู~// เสียงเจื้อยแจ้วจากปลายสายดังขึ้น //คือ.. คืนพรุ่งนี้พี่ซองกยูนัดผมไปเดทอ่า.. พี่อยู่เวรแทนผมหน่อยได้มั้ย แล้วเดี๋ยวเช้าวันต่อไปผมมาเข้าเวรแทนพี่เอง//
“แหม.. นึกว่าโทร.มามีอะไร ที่ไหนได้ขอแลกเวรไปอยู่กับแฟนนี่เอง” ดงอูเอ่ยแซวรุ่นน้องในแผนก
//งื้อออออ พี่อะ อย่าแซวเยอะสิ// คนปลายสายส่งเสียงงอแงออกมาอย่างน่ารัก //ตกลงพี่อยู่เวรแทนผมหน่อยนะ//
“อืม ก็ได้ๆ”
//เย่!~ ขอบคุณนะฮะ^^// ว่าจบอูฮยอนก็ตัดสายไปส่วนดงอูก็ได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆให้กับความเด็กของรุ่นน้อง
‘เฮ้อ.. โฮวอน สงสัยมะรืนนี้นายจะอดของขวัญแล้วล่ะ’ คุณหมอตัวเล็กคิดคำนึงกับตัวเอง จากนั้นจึงเดินออกไปตรงเคาท์เตอร์หน้าแผนก บอกกับซูอุง…พยาบาลตัวบางประจำแผนกศัลยแพทย์ให้สลับเวรของเขากับอูฮยอนให้ อีกทั้งยังบอกให้นัดผ่าตัดคนไข้เคสหนึ่งในอาทิตย์ถัดไปให้ด้วย
Lee Suwoong
*~.Take.~*
3 วันต่อมา
หลังจากที่อูฮยอนอยู่เวรเช้าให้แล้วเมื่อวานตามสัญญา วันนี้ดงอูก็กลับมาเข้าเวรเช้าตามปกติเหมือนเคย แต่เพราะเหตุที่เมื่อวานไม่ได้เอาของมาให้กับคนที่ตนแอบชอบเลย วันนี้ร่างเล็กจึงซื้อเค้กยี่ห้อดังมาให้แทน ซึ่งราคาก็ไม่ได้เล็กลงตามขนาดของเค้กเลย ดงอูรู้ว่าถ้าโฮวอนกินเค้กเยอะๆแล้วจะเลี่ยน จึงตั้งใจซื้อชิ้นเล็กๆมาให้
คนตัวเล็กถือเค้กแล้วเปิดเข้าไปในห้องทำงานของโฮวอน แต่ครั้งนี้กลับไม่เหมือนครั้งก่อนๆ โฮวอนมาถึงแล้ว! และไม่ใช่แค่โฮวอนคนเดียว แต่ยังมีร่างบางของพยาบาลหนุ่มอีซูอุงอยู่ด้วย ทั้งสองกำลังคุยและหัวเราะกันอย่างออกรส
เมื่อคุณหมอตัวเล็กเห็นดังนั้นก็รีบตั้งสติแล้วดึงโพสต์อิทที่ติดอยู่ที่กล่องเค้กพร้อมกับกระดาษรูปหัวใจเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อกาวน์อย่างรวดเร็ว โชคดีที่คนทั้งสองไม่ได้สังเกตเห็น
“อ…เอ่อ…” ดงอูอ้ำอึ้งเมื่อโฮวอนและซูอุงหันมามองตน
“อ้าว! ดงอู ว่าไง มีไรเปล่า?” เป็นร่างหนาที่เอ่ยถามออกมาก่อน
“อ…อ๋อ~ วันก่อนอูฮยอนมาขอแลกเวรน่ะ วันนี้อูฮยอนก็เลยซื้อเค้กมาฝาก เลยว่าจะเอามาแบ่งนายกิน” คนตัวเล็กกล่าวคำโกหกคำโตออกไป
“แต่ปกตินายชอบเค้กของร้านนี้นี่ ละวันนี้ทำไมเอามาแบ่ง” ร่างหนาซักไซร้ต่อโดยมีซูอุงยืนพิงผนังอยู่เงียบๆไม่ห่างจากตัวร่างหนา
“ก…ก็วันนี้ไม่อยากกินอ่ะ เบื่อแล้ว วันก่อนเพิ่งไปกินมา” ร่างเล็กอึกอักพูด “อะ.. เนี่ย นายแบ่งกันกินกับซูอุงไปเลย” ว่าจบก็วางเค้กลงบนโต๊ะตรงหน้าร่างหนา “ไปละนะ ไปเช็คอาการคนไข้จองมีรันก่อน” ไม่รอให้ใครพูดอะไรต่อคนตัวเล็กก็รีบเปิดประตูออกมาจากห้องทำงานของโฮวอนแล้วกลับเข้ามาในห้องตัวเอง
ร่างเล็กหย่อนตัวลงนั่งลงบนเก้าอี้ยกมือขวาขึ้นมากุมที่อกข้างซ้ายของตัวเองไว้แน่น รับรู้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจของตัวเอง ตอนนี้มันคงทะลู 100 ครั้งต่อนาทีไปแล้วแน่ๆ หัวใจดวงน้อยทำงานอย่างหนักเนื่องมาจากความตื่นตระหนก…กลัวว่าร่างหนาจะจับพิรุธได้ และอีกเหตุผลหนึ่งคือกังวลที่เห็นซูอุงอยู่กับโฮวอนสองต่อสองในห้อง ทั้งที่ปกติพยาบาลจะไม่เข้ามาในห้องทำงานของหมอโดยไม่จำเป็น หรือว่าระหว่างที่เขาไม่อยู่…มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนี้กันนะ…
คิดพะวงไปต่างๆนานา ขอบตาก็เริ่มร้อนผ่าวด้วยความอัดอั้น แต่ดงอูก็ได้แต่กล้ำกลืนมันไว้เพราะเขาต้องออกไปทำงานแล้ว ต้องไปพบกับผู้ป่วยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเพื่อให้พวกเขามีกำลังใจ และก็เพื่อให้ร่างหนาไม่สังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับความรู้สึกของตนผ่านทางสายตา
*~.Take.~*
เย็นวันนั้น
โชคยังเข้าข้างดงอูที่โฮวอนก็ยังคงชวนดงอูเดินออกมาจากโรงพยาบาลพร้อมกัน ซึ่งก็เป็นโอกาสให้ดงอูได้ถามสิ่งที่ตนสงสัยได้
“เออ แล้ววันนี้คนนั้นเอาอะไรมาให้นายอ่ะโฮวอน? ไม่เห็นบอกฉันเลย”
“อ๋อ! เออ ลืมเล่าให้ฟัง จริงๆเมื่อวานซูอุงมาบอกแล้วแหละว่าเป็นคนคอยเอาของมาให้ฉันตลอด อืม… จะว่ามาบอกก็ไม่ถูกหรอก ฉันเข้าไปเจอเองตอนเช้ามากกว่า เขากำลังเอาขนมมาวางบนโต๊ะฉันพอดี ฮ่าๆๆ” โฮวอนเล่าด้วยสีหน้าระรื่น หารู้ไม่ว่าคนตัวเล็กที่ฟังอยู่นั้นเจ็บปวดในหัวใจเจียนตายอยู่แล้ว
“ห…หา!? จริงหรอ..” ร่างเล็กฝืนทำน้ำเสียงให้ปกติที่สุด “ละ.. แล้วตอนนี้นายกับซูอุงที่ยังไงต่อแล้วอ่ะ คบกันแล้วหรอ?”
“ยังๆ แต่กะว่าเสาร์นี้จะพาไปกินข้าวแล้วก็ขอคบเลยอ่ะ.. นายว่าดีมั้ย” ร่างหนาถามอย่างตื่นเต้นโดยไม่รู้เลยว่าถ้าจะถามคำถามนั้นกับดงอู สู้เอาปืนมายิงตัดขั้วหัวใจกันซะเลยยังจะเจ็บน้อยกว่า
“อะ…อืม…..” คนตัวเล็กไม่สามารถตอบอะไรได้อีก ไม่สามารถพูดอะไรต่อได้เลยจริงๆ เมื่อบทสนทนามาถึงตรงนี้เขาก็แยกตัวออกมาก่อนโดยอ้างว่าอยากรีบกลับไปพักผ่อนเพราะปวดหัว โลกของคนตัวเล็กดูเวิ้งว้างไปหมด เสียใจที่ทั้งหมดที่ทำมามันสูญเปล่า ใจหนึ่งก็คิดโกรธเคืองซูอุงที่ไปบอกโฮวอนแบบนั้น แต่อีกใจหนึ่งก็แอบคิดว่าร่างหนาอาจจะชอบพยาบาลตัวบางอยู่แล้วก็ได้ แต่ถึงจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ คนที่เจ็บปวดใจที่สุดก็ไม่พ้นจางดงอู…คนที่ดูแลอีโฮวอนมาตลอดนั่นเอง
“ฉ.. ฉันจะทำยังไงดีนะโฮวอน…. ฮึก.. นายชอบเขาอยู่แล้วหรือเปล่า นาย ฮึก.. นายไม่เคยชอบฉันสักนิดเลยใช่ ฮึก.. ใช่มั้ย.. ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็ควรจะ ฮึก.. หลีกทางให้ใช่มั้ย ฮึก..” ดงอูปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาขณะที่จอดอุ่นเครื่องรถของตน
ถ้าโฮวอนรักซูอุงแล้วเขาบอกความจริงออกไป ทำให้ความรักของทั้งคู่เกิดรอยร้าวและโฮวอนต้องเสียใจ เขาจะทนเห็นคนที่ตนรักเสียใจได้ไหมนะ…
ถ้าบอกความจริงไปแล้วความสัมพันธ์ของเขากับโฮวอนจะเปลี่ยนไปมั้ยนะ…
หรือเขาไม่ควรปล่อยให้โฮวอนถูกหลอกแบบนี้…
สับสนไปหมด… ทั้งสับสน… ทั้งเสียใจ… ทั้งกังวล…
ตลอดวันที่เหลือจางดงอูได้แต่ปล่อยให้น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่งไหลออกมาโดยมีหมอนนุ่มเป็นสิ่งเดียวที่คอยซับน้ำตาให้เขา จนกระทั่งคนตัวเล็กเหนื่อยและหลับไป
*~.Take.~*
50%
“เราเป็นแฟนกันนะ” เสียงทุ้มของโฮวอนเอ่ยบอกร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ตกลงฮะ^^” ซูอุงตอบพร้อมร้อยยิ้มกว้าง
คุณหมอตัวเล็กรู้ตัวว่าเขาไม่สามารถทำอะไรต่อไปได้แล้วจริงๆ แน่นอนว่าเขาเลิกเอาของไปให้โฮวอนแล้ว ช่วงนี้เขาก็คอยหลบหน้าโฮวอนอยู่บ่อยๆ แต่โฮวอนก็คงไม่รู้หรอก ช่วงนี้ก็อยู่แต่กับซูอุงนี่
.
.
.
.
.
.
.
“อูฮยอน” เสียงหวานเจือความเศร้าของดงอูถูกส่งไปหาปลายสายทันทีที่อีกฝ่ายกดรับโทรศัพท์ ถ้าจะต้องปรึกษาเรื่องนี้กับใคร ก็ควรจะเป็นอูฮยอนนี่แหละ
//ว่าไงพี่?// เสียงเจื้อยแจ้วของอูฮยอนตอบกลับ
“เย็นนี้ว่างมั้ย มาเจอกันหน่อยสิ”
//หือ.. มาไม้ไหนอีกเนี่ยพี่//
“เอาน่า.. ตกลงมานะ เดี๋ยวพี่เตรียมอาหารรอ”
//อ่าๆ ไปก็ไปฮะ//
“พี่มีอะไรรึเปล่า” ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง อูฮยอนที่สังเกตความผิดปกติของรุ่นพี่คนสนิทได้ก็เอ่ยถามขึ้นทันทีที่นั่งลงตรงโต๊ะอาหารที่บ้านดงอู
“คือว่า…”
“…”
“นายรู้ใช่มั้ยว่ามันจะมีคนที่เอาของไปวางบนโต๊ะโฮวอนทุกเช้าน่ะ”
“อื้ม ก็รู้กันเกือบทั้งแผนกอ่ะ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร แต่ตอนนี้ผมเริ่มสงสัยแล้วล่ะว่าจะเป็นซูอุง” อูฮยอนตอบ
“อือ แต่…”
“…”
“จริงๆแล้วคือพี่เองแหละ”
“ห้ะ!” อูฮยอนเบิกตากว้างอย่างแปลกใจ “จริงอะ เป็นพี่จริงๆหรอ?”
“อืม”
“อ้าว.. แล้วอย่างงั้น ซูอุง…?”
“วันที่เราแลกเวรกันน่ะ ซูอุงเขาก็เอาขอบไปวางบนโต๊ะโฮวอนเหมือนกัน พี่เดาว่าเขาคงจะเห็นว่าวันนี้ไม่มีใครเอาไปวาง เลยจะเอาไปวางซะเองมั้ง ซูอุงเขาคงจะชอบโฮวอนเหมือนกัน แล้วโฮวอนก็เข้ามาเห็นพอดีเลยคิดว่าซูอุงเป็นคนทำมาตลอด ส่วนซูอุงก็…สวมรอยว่าตัวเองเป็นคนทำมาตลอดเหมือนกัน”
“โห! ร้ายไม่เบาเลยนะเนี่ย เห็นติ๋มๆนิ่งๆแบบนั้น..”
“อือ แล้วพี่จะทำยังไงดีล่ะ ถ้าโฮวอนเขาชอบซูอุงอยู่แล้วพี่ก็จะไม่ไปยุ่ง แต่พี่ก็ไม่อยากให้เขาถูกหลอก แต่ว่าถ้าพี่บอกเขาไปเขาก็คงจะเสียใจและผิดหวังมากแน่ๆ พี่อยากเห็นเขาเป็นแบบนั้น” แขนเรียวถูกยกขึ้นมาเท้าบนโต๊ะศีรษะมนพิงกับมือบางของตนเอง
“บอกเถอะฮะพี่ เป็นผมถ้าพี่ซองกยูหลอกผม ผมก็อยากให้มีคนมาบอก ถึงจะเสียใจแต่สำหรับผม ผมว่ามันดีกว่าโดนหลอกไปตลอดนะ..” อูฮยอนกล่าว
“…”
“จริงๆนะพี่” อูอยอนพูดต่อ “เสียใจกับความจริงบางทีอาจจะดีกว่าความสุขจอมปลอมก็ได้นะ”
*~.Take.~*
Howon’s part
“เราเป็นแฟนกันนะ” ผมเอ่ยบอกร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ตกลงฮะ^^” ซูอุงตอบพร้อมร้อยยิ้มกว้าง
หลังจากวันนั้น…วันที่ผมขอซูอุงเป็นแฟน เราก็ไปกินข้าวด้วยกันบ่อยขึ้น ไปดูหนังกันบ้าง เรียกได้ว่าขยับสถานะจากคนร่วมงานขึ้นมาเป็นคนรักอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ไม่ได้ยากอะไรนักเพราะเดิมทีก็รู้จักมักจี่กันอยู่แล้ว แถมซูอุงก็ยังคอยเอาขนมมาให้ผมทุกวันอีกด้วย เรียกได้ว่าเสมอต้นเสมอปลายดีนะ
แต่…
ผมกลับรู้สึกว่าผมไม่เป็นตัวเองเวลาอยู่กับเขา… ลักษณะนิสัยการพูดคุยของเขากับที่เขาเคยคุยกับผมเป็นจดหมายบ้าง Short note บ้าง มันต่างกัน…ซูอุงดูเป็นคนเอาแต่ใจ แต่คนที่คอยดูแลผมคนนั้นเขาดูเป็นคนใจดีและออกจะตามใจผมเสียมากกว่าด้วยซ้ำ อีกทั้งของที่เขาเอามาให้นั้นก็เป็นของที่ผมไม่ค่อยจะชอบสักเท่าไหร่ ดูจะเป็นของที่ตรงกับรสนิยมของเจ้าตัวเสียมากกว่า ลายมือที่เขียนกระดาษโน้ตให้กันก็แปลกๆไป แถมปากกาก็…ไม่มีกลิ่นหอมๆของขนมแล้วด้วย กระดาษรูปหัวใจที่เขามักจะพับมาให้บ่อยๆ จนเรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของคนที่คอยเทคแคร์ผมเลยก็ว่าได้…ทุกวันนี้มันไม่มีแล้ว
ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกราวกับว่าคนคนนั้น…กับอีซูอุง…ไม่ใช่คนคนเดียวกัน หรือว่าจริงๆแล้วผมอาจจะคิดมากไปเอง อาจจะเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงสถานภาพที่กะทันหันเกินไปทำให้ผมยังปรับตัวไม่ทันก็ได้…
“คุณโฮวอน~” เสียงแหลมของร่างบางดังขึ้นตามด้วยร่างของซูอุงก้าวเข้ามาในห้องทำงานของผมอย่างสนิทสนม เป็นเวลาเดียวกับที่ผมออกเวรพอดี
“ว่าไงซูอุง”
“คุณออกเวรแล้วใช่มั้ย.. แต่ผมยังต้องอยู่ต่ออีกชั่วโมงนึงอ่า… คุณรอผมได้มั้ย แล้วไปหาอะไรกินกันนะ ผมอยากกินสเต็กมากเลย” ไม่พูดเปล่า คนตัวบางขยับเข้ามาเกาะแขนของผมไว้แน่นพร้อมส่งสายตาออดอ้อนมาให้
“แต่เมื่อวานก็กินไปแล้วนี่ครับ วันนี้ผมอยากกินทัคคัลบิอ่ะ มีร้านนึงเพื่อนผมแนะนำมา ไปกินกันนะ” ผมกล่าวชวนออกไป
“โหย! แต่ผมอยากกินสเต็กนี่นา.. คุณโฮวอนจะไม่ไปกินสเต็กกับผมหรอ” เสียงใสนั้นแข็งขึ้นด้วยความไม่พอใจ “ถ้างั้นผมจะโกรธคุณจริงๆด้วย” พูดจบเขาก็หันหลังให้ผม แขนเรียวยกขึ้นมากอดอกเอาไว้แน่น
“โถ่… แล้วคุณจะโกรธผมทำไม่ล่ะ” ผมพยายามใจเย็นแล้วค่อยๆคุยกับเขา บอกตรงๆคือผมตามอารมณ์เขาไม่ทันจริงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
“ก็คุณไม่ตามใจแฟน” เสียงของซูอุงกล่าวอย่างเหวี่ยงๆ
“เฮ้อ...” ผมลอบถอนหายใจเบาๆ “โอเคๆ งั้นคุณรีบกลับไปทำงานนะ เดี๋ยวผมรอ เสร็จแล้วก็รีบมานะครับ” สุดท้ายผมก็ยอมๆเขาไป
“จริงนะ” ร่างบางหันกลับมายิ้มตาเป็นประกาย “เย่! รักคุณโฮวอนที่สุดเลย จุ๊บ!” พูดจบคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนผมก็เขย่งขึ้นมาหอมแก้มผม คือไม่ใช่ว่าผมจะห้ามไม่ให้แฟนทำอะไรแบบนี้ต่อกันนะ แต่นี่มันที่ทำงาน ผมคิดว่าเขาควรจะแยกแยะบ้าง…แต่ผมก็คงทำได้แต่คิดล่ะมั้ง บอกไปก็โกรธอีก
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ผมมารอซูอุงที่รถได้ประมาณชั่วโมงกว่าแล้ว คนตัวเล็กก็ยังไม่มีวี่แววจะปรากฏตัวเลย ทั้งที่มันเลยเวลาเลิกงานของเขามาครึ่งชั่วโมงได้แล้ว แล้วผมก็เริ่มหิวแล้วด้วย
รอไปอีกสักพัก คนตัวบางก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ซูอุงเดินลอยชายมาที่รถแล้วเปิดประตูเข้ามานั่ง
“ไปกันเถอะฮะ” พูดพร้อมส่งยิ้มมาให้…ไม่มีแม้กระทั่งคำขอโทษหรือเหตุผลที่มาช้า ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบคนไม่ตรงต่อเวลาน่ะ โอเคถึงแม้ว่าผมอาจจะมาทำงานช้ากว่าคนอื่น แต่ผมก็ไม่เคยมาสายนะ
“ทำอะไรอยู่ นานจัง” ผมเอ่ยถามออกไป
“อ๋อ พอดีเจอเพื่อนสมัยเรียนตอนเดินออกมาน่ะฮะ เลยคุยกันเพลินไปหน่อย ฮ่าๆๆๆ” ซูอุงตอบผม
“แล้วโทร.ไปก็ไม่รับ แชทไปก็ไม่อ่าน ไม่คิดจะบอกผมหน่อยหรอ คุณปล่อยให้ผมรอนานกว่าปกติเลยนะ” ผมพูดต่อแต่ก็ไม่ได้ใส่อารมณ์เข้าไปในน้ำเสียง
“โห~ ก็คุยกับเพื่อนอยู่นี่ฮะ เลยไม่ได้เชคโทรศัพท์” ซูอุงตอบมา ครั้งนี้น้ำเสียงเริ่มติดรำคาญหน่อยๆ ผมเลยคิดว่าไม่ซักต่อจะดีกว่า แล้วก็เริ่มออกรถไปยังร้านสเต็กที่เขาอยากกิน
“…” ผมชอบคนเปิดเผย มีอะไรก็คุยกัน บอกกัน แต่นี่เขากลับไม่บอกอะไรผมสักอย่าง ผมเลยเคืองๆอยู่แล้วก็ไม่ได้เปิดประเด็นอะไรพูดคุยต่อ
“เอ้อ! คุณโฮวอน อีก 3 วันวันครบรอบ 1 เดือนที่เราคบกันนี่ฮะ จำได้มั้ย” เป็นร่างบางที่เปิดประเด็นขึ้นมาอีก
“จำได้ครับ”
“แล้วมันแปลว่าอะไรครับ” เสียงใสเมื่อครู่กลับเข้มขึ้นอีกครั้ง
“ก็…แปลว่าเราคยกันมาแล้ว 1 เดือน?” ผมตอบๆไป ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าซูอุงต้องการจะสื่ออะไรกันแน่
“ใช่” ซูอุงพูด “แล้วไหนล่ะฮะแหวนคู่รัก คบกันยังไงไม่มีแหวนคู่รักให้กันตั้งเดือนนึง” นั่นไง…ผมว่าแล้ว ซูอุงเริ่มเหวี่ยงอีกครั้ง
“อ้าว! แล้วทำไมไม่บอกกันล่ะครับ ถ้าซูอุงบอกผมก็ซื้อให้” ผมตอบโดยพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เพราะไม่อยากทะเลาะกัน
“นี่ผมต้องคอยบอกคุณด้วยหรอ ไม่เคยดูในละครหรือไงฮะ คุณต้องรู้ใจผมสิ ไม่โรแมนติกเอาเสียเลย” คนตัวบางกอดอก
“…” ผมเป็นหมอนะ งานยุ่งจะตายจะเอาเวลาไหนไปดูละคร “ขอโทษครับ…” แต่ผมก็เอ่ยตัดรำคาญไป “งั้นไว้วันครบรอบผมจะซื้อมาให้คุณนะ”
ถึงซูอุงจะเป็นคนที่คอยเทคแคร์และให้กำลังใจผมมาตลอดจริงๆ ผมก็คงทนต่อไปได้ไม่นาน ไม่ใช่ว่าเขานิสัยไม่ดีอะไรหรอกนะ แต่พูดอย่างสัจจริงคือนิสัยของเราคงเข้ากันไม่ได้มากกว่า ผมพลาดเองที่ไปคิดว่าความรักที่ผ่านแค่ตัวอักษรมันจะราบรื่นเหมือนความรักทั่วไป…
End of Howon’s part
*~.Take.~*
85%
ดงอูพยายามทำใจยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น แต่ในใจลึกๆเขาก็ยังคงห่วงหาโฮวอนตลอด เขายังไม่ได้บอกความจริงกับโฮวอนไป… เกือบ 1 เดือนแล้วที่สองคนนั้นคบกัน เกือบ 1 เดือนแล้วที่ดงอูคอยแอบมองโฮวอนอยู่ตลอด ซึ่งหลังๆเขาก็ค้นพบว่าโฮวอนดูไม่ค่อยจะมีความสุขเสียเท่าไร
เสียใจกับความจริงบางทีอาจจะดีกว่าความสุขจอมปลอมก็ได้นะ
เสียงของออูฮยอนยังคงก้องอยู่ในหัวของร่างเล็ก แต่ตอนนี้อีโฮวอนดูไม่มีความสุขเสียด้วยซ้ำ… ตอนนี้เขา…ควรจะบอกความจริงกับร่างหนาไปใช่ไหม…?
แม้จะลังเลอยู่บ้าง…แต่เมื่อเห็นใบหน้าไร้รอยยิ้มของโฮวอน สุดท้ายดงอูก็ตัดสินใจได้!
เย็นวันหนึ่งดงอูนัดโฮวอนมาที่สวนหลังโรงพยาบาล…
สวนหย่อมหลังโรงพยาบาล
“โฮวอน” ดงอูเริ่มพูดขึ้น “ฉันมีอะไรจะต้องบอกนาย”
“อะไรเหรอ?”
“คือว่า…” คนตัวเล็กออกจะลังเลอยู่เล็กน้อย แต่ในเมื่อตัดสินใจแล้วเขาก็จำต้องพูดออกมา “คนที่คอยเอานู่นเอานี่มาให้นายตลอด…คือฉันเอง”
“!!?” ดวงตาคมของโฮวอนเบิกกว้างขึ้นอย่างประหลาดใจและงุนงง ไหนว่าคนคนนั้นคือซูอุงไม่ใช่เหรอ
“ฉันไม่รู้ว่าซูอุงรู้มั้ยว่าเป็นฉัน แต่ฉันพูดจริงๆนะ นายกำลังถูกซูอุงหลอก”
“…” ใบหน้าคมเริ่มปรากฏแววจริงจังขึ้น
“เพราะฉัน…ชอบนาย ฉันก็เลยทำแบบนั้น” พวกแก้มของร่างเล็กขึ้นสีชมพูระเรื่อเล็กน้อย ดวงตาหวานฉายประกายของความหวัง “เชื่อฉันเถอะ ฉันพูดจริงๆนะ”
“แล้ว…ฉันจะรู้ได้ยังไงว่านายพูดจริง ฉันเป็นคนเห็นซูอุงเอาของไปวางที่โต๊ะฉันกับตาตัวเอง แต่อยู่ๆนายก็มาบอกว่าเป็นนาย แถมยังเพิ่งมาบอกเอาตอนนี้ด้วย” ร่างหนาตกใจเล็กน้อยที่เพื่อนตัวเล็กบอกว่าชอบเขา แต่ตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นต้องเคลียร์ คือเรื่องที่ดงอูบอกว่าซูอุงหลอกเขา ถึงจะยังเคืองๆซูอุงอยู่แต่อย่างน้อยตอนนี้ซูอุงก็เป็นแฟนของเขา เขาก็คงต้องปกป้องคนรักของเขาให้ถึงที่สุดก่อน ประกอบกับนิสัยของร่างหนาที่เป็นคนเชื่ออะไรยากอยู่แล้ว แน่นอนว่าเขารับฟังดงอู แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะปักใจเชื่อแม้ว่าจะเป็นเพื่อนกันมานาน
“ว่าแล้วว่านายต้องไม่เชื่อฉัน...” คนตัวเล็กถอนหายใจเล็กน้อย แต่เขาก็รู้ว่านี่เป็นนิสัยปกติของร่างหนา “แต่นายเคยเห็นซูอุงใช้ปากกามีกลิ่นไหมล่ะ เคยได้กระดาษรูปหัวใจจากซุอุงรึเปล่า แล้วเขารุ้รึเปล่าว่านายชอบเค้กผลไม้มากกว่าเค้กช็อกโกแลต เพราะเหมือนว่าฉันจะเห็นเขาซื้อแต่เค้กช็อกโกแลตกับเค้กเนยให้นายนะ…”
“…” สิ่งที่คนตัวเล็กพูดมานั้นถูกทั้งหมด และมันก็ยิ่งทำให้ร่างหนาสับสน เพราะเขาเองก็ตะขิดตะขวงใจมาสักพักแล้วว่าคนคนนั้นใช่อีซูอุงจริงๆหรือเปล่า
“ลองไปคิดดูนะโฮวอน แล้วก็…ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ” ว่าจบคนตัวเล็กก็หันหลังแล้วรีบเดินจากมา น้ำตาอุ่นหยดหนึ่งไหลออกมาจากดวงตาข้างซ้าย แต่มือบางก็ปาดมันออกไปอย่างลวกๆ เขาพยายามกล้ำกลืนความผิดหวังเอาไว้ และปลอบตัวเองว่ามันเป็นนิสัยปกติของร่างหนาอยู่แล้วที่จะไม่เชื่ออะไรง่ายๆ…
เมื่อได้บอกความจริงออกไปก็เหมือนจางดงอูได้ยกภูเขาออกจากอกแล้ว แต่มันกลับมีความกลัวเข้ามาแทนที่…ตอนนี้ร่างเล็กกลัวว่าอีโฮวอนจะเกลียดตน แต่อย่างไรเสีย ดงอูก็ต้องจบเรื่องนี้ให้ได้ เขาจะไม่ยอมให้ซูอุงมาหลอกคนที่เขารัก และตอนนี้เขามีแผนแล้ว!
*~.Take.~*
2 วันต่อมา
โฮวอนเดินเข้ามาในห้องทำงานของตังเองตามปกติ และเขาก็พบกับถุงใส่ขนมพร้อมกับโพสอิทแปะไว้ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาไปแล้ว ร่างหนาจัดแจงวางข้าวของแล้วนั่งลงที่โต๊ะ
‘โทร.หาหน่อยสิ – ซูอุง’
ข้อความบอกไว้เพียงเท่านี้ ร่างหนาก็โทร.ไปตามที่บอกไว้ พอเขายอมซื้อแหวนให้ซูอุงก็อารมณ์ดีขึ้นมา ก็คงจะอยากคุยอะไรกับเขาเป็นธรรมดา
“ฮัลโหล ว่าไงครับ มีอะไรหรือเปล่า?” ร่างหนากรอกเสียงเข้าไปเมื่อปลายสายกดรับ
//หืม? มีอะไร…คืออะไรเหรอฮะ?// แต่เหมือนปลายสายจะดูงงๆ
“ก็…” และโฮวอนก็จับได้เสียด้วย คำพูดของจางดงอูเมื่อสองวันก่อนย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง เขาควรจะลองทดสอบดูดีไหมนะ “คุณเขียนโน้ตบอกให้ผมโทร.หานี่” ลากเสียงเพราะความลังเลเล็กน้อย แต่โฮวอนก็ตอบกลับไปให้เป็นปกติที่สุด
//อ…อ๋อ~ ก็คิดถึงน่ะฮะ อยากคุยด้วย// พยาบาลตัวบางตอบ
“แหม คิดถึงผมด้วยหรอ” โฮวอนแกล้งเล่นด้วย มันน่าแปลกที่ซูอุงไม่รู้เรื่องโน้ตนั่น
//แน่นอนสิฮะ// เสียงใสตอบ
“อ้อ! ขอบคุณนะครับ สำหรับ…” กลั้นใจอยู่สักครู่ แต่สุดท้ายเขาก็พูดต่อ “ลูกอมรสกาแฟวันนี้”
//อ๋อ~// ซูอุงลากเสียงอีกครั้ง ราวกับใช้ความคิดอยู่ //ไม่เป็นไรฮะ ผมเต็มใจให้คุณอยู่แล้วคุณก็รู้//
“อืม งั้นแค่นี้นะ เดี๋ยวผมต้องทำงานแล้ว”
//ฮะ ไว้เจอกันฮะ// สิ้นเสียงจากปลายสาย โฮวอนก็กดวางหู
ร่างหนาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ดวงตาจ้องไปข้างหน้า… เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าซูอุงจะร้ายขนาดนี้ หลอกเขา และสวมรอยมาเป็นคนคนนั้นอีกต่างหาก ตอนนี้เขาเชื่อดงอูแล้ว เชื่อแล้วว่าเป็นดงอูมาตลอด ร่างหนาทั้งผิดหวังในตัวซูอุง และรู้สึกผิดที่ไม่เชื่อเพื่อนตัวเล็กของตน…เพื่อนที่แม้จะคิดอะไรเกินเลยกับเขาไปมากกว่าเพื่อน แต่ก็ไม่เคยหักหลังเขา ไม่เคยหลอกลวงเขา และหวังดีกับเขาเสมอ
ว่าแต่…วันนี้ร่างหนาเดินผ่านห้องของดงอูก็ยังไม่เห็นมีใครมาเลย หรือวันนี้ดงอูไม่มางั้นเหรอ? เขาอยากคุยกับดงอู มีหลายอย่างที่เขาอยากพูด อยากจะบอก และเขาอยากจะขอโทษ…
ไม่คิดเปล่า ร่างหนารีบกดโทร.หาเพื่อนตัวเล็กของตนทันที ในมือกำถุงขนมถุงนั้นไว้แน่นด้วยความแค้น.. แค้นที่ตัวเองไม่ยอมเชื่อเพื่อนตัวเล็ก แค้นที่ตัวเองปล่อยให้เรื่องเลยเถิดมาได้ถึงขนาดนี้
“ดงอู ฉันขอโทษ… ฉันมันโง่เอง รับสายฉันทีเถอะนะ” ร่างหนารำพึงเบาๆ ถุงขนมในมือถูกบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ แต่สุดท้ายเมื่อร่างหนารู้ตัวเขาก็ปล่อยถุงขนมนั้นลงกับโต๊ะ เพราะเกรงว่าตนจะทำคุ้กกี้ในนั้นแตกเสียก่อน
“รับสายฉันหน่อยสิดงอู..” ร่างหนายังคงนั่งเขย่าขาอย่างลุกลี้ลุกลน กดโทร.หาดงอูซ้ำ ไปซ้ำมา แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะรับสายเลย จนกระทั่งถึงเวลาที่โฮวอนต้องทำงาน เขาจึงจำต้องละจากเรื่องส่วนตัวออกมารักษาคนไข้เสียก่อน
*~.Take.~*
อีโฮวอนไม่อยู่เฉยแน่… เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง เขาก็นัดซูอุงออกมาตรงที่ปลอดคนทันที เขาต้องเคลียร์กันให้รู้เรื่อง…
“คุณโฮวอนมีอะไรหรือเปล่าฮะ?” พยาบาลตัวบางเอียงคอถามอย่างสงสัย
“คุณโกหกอะไรผมอยู่หรือเปล่า” ร่างหนาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“หืม!? อ…เอ่อ… พูดเรื่องอะไรฮะ” ร่างบางหน้าเสียไปเล็กน้อย
“ผมรู้นะว่าคุณไม่ใช่คนที่คอยเอาขนมมาให้ผม” ร่างหนาเข้าเรื่องทันทีจนคนตัวบางไม่ทันได้ตั้งตัว
“!!!” ผิวที่ขาวอยู่แล้วกลับซีดลงไปจนสังเกตได้ถนัดตา
“แล้วคุณรู้ไหมว่าคนคนนั้นคือใคร”
“ม…ไม่รู้ฮะ…” เสียงใสตอบสั่นๆ
“เขาคือคนที่ตรงข้างกับคุณทุกอย่างเลยก็ว่าได้” โฮวอนตอกกลับจนซูอุงรู้สึกเจ็บแปลบในใจ “เขาใจเย็น ใจกว้าง ไม่เอาแต่ใจ เขาเป็นคนเปิดเผย เขารู้ใจผม และเขาอยู่ใกล้ตัวผมมากๆเลยด้วย”
“…”
“เหอะ.. ผมมันโง่เองที่ไปเชื่อคุณ” โฮวอนว่าต่อ “เขาคือจางดงอู”
“!!!”
“คุณรู้มาก่อนหรือเปล่าว่าเป็นดงอู” ร่างหนาถามเสียงเย็นเยียบ
“ไม่ฮะ จริงๆนะ ผมไม่รู้” เสียงใสสั่นเครือ น้ำตาเริ่มคลอหน่วยตา กลัวว่าคนตรงหน้าจะทิ้งตนไป ซึ่งก็แน่นอนว่านิสัยอย่างโฮวอนไม่มีทางคืนดีกับซูอุงได้อีกแน่
“ทำแบบนี้ทำไม”
“ก็…ผมชอบคุณ เพราะผมชอบคุณไง ได้ยินมั้ยผมชอบคุณๆๆๆ” ร่างบางเริ่มโวยวายออกมาตามนิสัยเด็กที่ถูกเลี้ยงอย่างตามใจของเจ้าตัว “ผมเห็นว่ามีคนเอาของไปให้คุณ ผมก็จะทำบ้าง พอดีวันนั้นมันไม่มีอะไรวางอยู่ ผมเลยเอาของผมไปวาง”
“…” ร่างหนามองไปที่พยาบาลร่างบางนิ่ง แววตาเยือกเย็นไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ เพราะเขาก็เข้าใจว่านิสัยจะได้อะไรก็ต้องได้มันเป็นนิสัยของซูอุงอยู่แล้ว แต่เขาก็ทนไม่ได้ที่ซูอุงทำให้คนที่หวังดีกับเขามาตลอดต้องเจ็บ
“คุณก็ชอบผมใช่มั้ยคุณโฮวอน บอกผมสิว่าคุณก็ชอบผม คุณไม่โกรธผมใช่มั้ย ตอบผมสิ!”
“ผมไม่ชอบคนโกหก” กล่าวจบก็หันหลังกลับแล้วเดินจากมา ปล่อยให้ร่างบางร้องไห้ฟูมฟายอยุ่คนเดียวก่อนจะหยุดฝีเท้าเพื่อเอ่ยประโยคสุดท้ายโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองคนด้านหลัง “ต่อจากนี้เราคงเป็นได้แค่เพื่อนร่วมงานกันนะครับ”
*~.Take.~*
95%
“ย่า! ดงอู! จางดงอู นายอยู่รึเปล่า?” เมื่อถึงเวลาออกเวร โฮวอนก็รีบมุ่งตรงมายังบ้านของดงอูโดยไม่รอช้า กดกริ่งพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อคนตัวเล็กเพื่อให้ร่างเล็กออกมาเปิดประตู เขาได้ความจากอูฮยอนมาว่าดงอูขอแลกเวรกับอูอยอน วันนี้ดงอูจึงไม่ได้มาทำงาน แต่พยาบาลสาวบอกว่าเมื่อเช้าเธอเจอดงอูที่โรงพยาบาล…ไม่ผิดแน่ ทั้งหมดนี่เป็นแผนของดงอู
และเพียวชั่วอึดใจ ร่างเล็กที่เขาหวังจะเจอก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าประตู ใบหน้าสวยราวกับผู้หญิงนั้นเรียบนิ่ง
“ดงอู!” โฮวอนเรียกอย่างโล่งใจที่คนตัวเล็กยอมออกมาพบ “ให้ฉันเข้าไปได้มั้ย”
“…” ไร้ซึ่งคำพูดใด แต่คนตัวเล็กก็ยอมเปิดประตูรั้วให้ร่างหนาเข้ามาแต่โดยดี
“ดงอู” เมื่อเข้ามาแล้ว ร่างหนาก็ไม่รอช้าพูดทุกสิ่งที่ตนตั้งใจจะบอกคนตรงหน้าด้วยความจริงใจ ตอนนี้ทั้งคู่ยืนอยู่ที่สวนหย่อมเล็กๆในบริเวณบ้านของดงอู “ฉันขอโทษ… ฉันขอโทษที่ไม่เชื่อนาย ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ฉันเห็นแล้วว่าความจริงมันเป็นยังไง”
“…”
“ฉันรู้สึกผิดจริงๆ ฉันมันโง่เองที่ไปหลงเชื่อซูอุง แทนที่จะเชื่อเพื่อนที่คบกันมาเกือบสิบปีอย่างนาย เพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน นายให้โอกาสฉันได้มั้ย ให้ฉันได้แก้ตัว ฉันรู้ว่าฉันทำให้นายเสียใจ แต่ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว”
“…”
“นะ… ให้โอกาสฉันนะ” เสียงทุ้มเอย
“…ฉันให้นายได้ทุกอย่างแหละโฮวอน” เสียงหวานพูดเบาๆ เจือความเศร้า แต่ก็จริงใจ “แม้แต่คำว่าเพื่อน…ฉันก็ให้นายได้” ใบหน้าหวานก้มต่ำลง
“อ…เอ่อ…” ร่างหนาเริ่มทำอะไรไม่ถูกกับประโยคหลังของร่างเล็ก “ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น”
“ก็นายรักฉันแค่เพื่อน ฉันก็จะเป็นเพื่อนนายไง”
“ฉันรักคนที่เทคแคร์ฉัน…” ร่างหนาเริ่มพูดต่อ “ฉันรักคนที่เอาขนมมาให้ทุกเช้า ฉันรักคนที่ชอบเขียนจดหมายมาคุยกับฉัน คนที่พับกระดาษรู้หัวใจมาให้ฉันตั้ง 148 ดวง คนที่ไม่แม้แต่จะรู้ว่าเขาเป็นใคร…”
“…” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามองคนตัวสูงกว่า
“และไม่ได้รักแบบเพื่อน”
“โฮวอน…”
“คนที่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังอยู่ข้างฉัน คนที่อยู่ใกล้ตัวฉันที่สุด”
“…”
“คนคนนั้น…ใช่นายรึเปล่าล่ะ”
“งื้อออ” คนตัวเล็กส่งเสียงในลำคอพร้อมก้มหน้างุดอย่างขัดเขิน
“ฮ่าๆๆ” โฮวอนหัวเราะกับความน่าเอ็นดูของเพื่อนตัวเล็กก่อนจะพูดต่อ “เป็นแฟนกันนะ”
“…” คนตัวเล็กนิ่งไปสักพักกับคำขอที่ไม่ทันตั้งตัว “น…ไหนบอกรู้แล้วก็จะดูกันไปก่อนไง ไหนเคยบอกว่าจะไม่คบเลย”
“กับนายนี่ยังต้องดูอีกหรอ ดูกันมาจะสิบปีแล้วเนี่ย”
“ชิ…”
“ตกลง…เป็นแฟนกันนะ”
“…”
“นะ”
“อือ..” สุดท้ายดงอูก็ขานตอบรับเบาๆในลำคอทั้งที่ยังหันหน้าหนีไปอีกทาง ไม่กล้าสบตาโฮวอนเพราะความเขินอาย “เหวอ!”
แต่ร่างหนาก็ใช้จังหวะนั้นเข้ามาสวมกอดคนตัวเล็กแล้วอุ้มขึ้นจนคนตัวเล็กลอยจากพื้น ด้วยความตกใจ ดงอูจึงเผลอเกาะไหล่แกร่งไว้และสายตาของทั้งคู่ก็ประสานหากันพอดี
“อื้อ!” โฮวอนยื่นหน้าเข้าไปประกบริมฝีปากของตนเข้ากับกลีบปากอิ่มของร่างเล็ก ตอนแรกแน่นอนว่าคนตัวเล็กตกใจไม่น้อย แต่เมื่อร่างหนาค่อยๆนำ คนตัวเล็กก็ยอมตามแต่โดยดี
โฮวอนขบเม้มกลีบปากอิ่มนั้นเบาๆ แล้วบดคลึงมันอย่างอ่อนโยนจนร่างเล็กต้องจิกมือลงบนไหล่ของร่างหนาเบาๆเพราะไม่คุ้นเคยกับมันมาก่อน สัมผัสลมหายใจอุ่นที่ของร่างหนาข้างแก้มของตัวเอง…ลมหายใจที่เป็นจังหวะเดียวกับของตน แต่อยู่อย่างนั้นเพียงชั่วครู่ ร่างหนาก็เป็นฝ่ายผละออกมาก่อน แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยคนตัวเล็กลง
“…” โฮวอนส่งยิ้มให้กับคนที่ได้ชื่อว่าแฟนหมาดๆของตน
“ท…ทำอะไรน่ะ” คำถามงี่เง่าถูกคนตัวเล็กถามออกไปเพราะเขาไม่รู้ว่าเขาควรทำอะไรต่อหรือควรพูดอะไรต่อ
“ก็จูบแฟนไง จูบไม่ได้หรอ”
“พ…พอเลย วางฉันลงได้แล้ว” เมื่อโดนหยอดคำหวานเข้าไปคนตัวเล็กก็ถึงกับไปไม่เป็น แต่พอตั้งสติได้แล้วจึงเปลี่ยนเรื่องให้ร่างหนาวางตนลง ซึ่งโฮวอนก็ทำตาม เขาปล่อยดงอูลงอย่างนุ่มนวล
“ฉันรักนายนะ”
“… อือ.. รักเหมือนกัน” ดงอูตอบพร้อมรอยยิ้มสวยบนใบหน้า
“กินอะไรรึยัง ไปหาอะไรกินกันเถอะ” ร่างหนาเปลี่ยนเรื่อง ถ้ายังอยู่ที่เรื่องเดิมต่อมีหวังแฟนเขาคงเขินตัวแตกตายก่อนแน่ๆ
“อื้อ ไปกัน^^”
บางทีความรัก…จะว่าเหมือนเกมส์บัดดี้ก็ได้ที่ต้องคอยดูแลโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว แต่จะว่าไม่เหมือนก็ได้เพราะมันไมได้มาจากการสุ่ม แต่มาจากหัวใจที่เป็นคนเลือกคนคนนั้นเอง
*~.Take.~*
The End
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบแล้ววววว//จุดพลุ O[ ]O ในที่สุดก็จบซะที 5555555 ขอบคุณทุกความคิดเห็น และทุกๆการติดตามนะคะ รักรีดเดอร์ทุกคนเลยยย ชุ้ฟ เจอกันเรื่องหน้าจ้าา
-มีคำผิดขออภัยค่ะ-
คิดถึงไรท์มากเลย ไรท์สู้ๆนะ