เช้าวันหนึ่ง สุนัขจิ้งจอกที่โตเกือบเต็มที่ก็ออกมาเดินหาอาหารเองตามปกติเหมือนทุกวัน แต่วันนี้ในป่ากลับมีชีวิตใหม่เพิ่มขึ้นมา ต้นอ่อนเล็กๆของกุหลาบป่าเติบโตขึ้นริมทางที่สุนัขจิ้งจอกเดินผ่าน ใบเล็กๆขยับไปตามแรงลมเบาๆที่พัดในยามเช้า และเมื่อกุหลาบป่าต้นน้อยได้เห็นสุนัขจิ้งจอกนั้น…ก็เกิดหลงรักสัตว์ป่าผู้ปราดเปรียวขึ้นมาทันที
ทุกๆวันหลังจากนั้น ดอกกุหลาบก็คอยเฝ้ารอให้สุนัขจิ้งจอกที่ตนหลงรักเดินผ่านมาทางเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า และดอกกุหลาบก็ไม่เคยหนีสุนัขจิ้งจอกไปไหนเพราะไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ และนั่นทำให้โลกใบเล็กของกุหลาบป่ามีเพียงสุนัขจิ้งจอกตัวนี้เท่านั้นที่ผ่านไปมาทุกวันราวกับดวงอาทิตย์ดวงเดิมที่ขึ้นตรงขอบฟ้าทิศตะวันออกแล้ววนไปตกทางทิศตะวันตกซ้ำๆ แต่เพียงเท่านี้พืชต้นน้อยอย่างกุหลาบป่าก็มีความสุขมากแล้ว
วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่โฮย่ายังต้องออกไปทำงานตามตารางเหมือนเดิม เรียกได้ว่าช่วงนี้เขาไม่ได้พักสักเท่าไรเลยเพราะโฮย่ากำลังเป็นดารายอดนิยมที่ได้รับความรักอย่างล้นหลาม ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่จะมีตางรางงานแน่นเอี้ยดเกือบทุกวัน
“จบงานนี้ยังเหลืออะไรอีกมั้ยครับดงอูฮยอง?” เสียงทุ้มที่ใครๆต่างก็หลงรักของโฮย่าหันไปถามผู้จัดการส่วนตัวของตนที่นั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับของรถตู้คันใหญ่
“งานแคสบทละครนี้เป็นตางรางสุดท้ายแล้วล่ะโฮวอน” เสียงหวานเอ่ยตอบคนที่นั่งอยู่ที่เบาะข้างหลัง “สู้ๆนะ เดี๋ยวก็ได้พักแล้ว” คนตัวเล็กเจ้าของนามดงอูยกกำปั้นขึ้นมาเป็นท่าประกอบคำให้กำลังใจ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความจริงใจถูกส่งไปถึงคู่สนทนาพร้อมกับนัยน์ตาหวานใต้แว่นกรอบหนาที่หรี่เล็กลงยามส่งยิ้ม
“ครับ” ร่างหนาของโฮย่ายิ้มรับด้วยความคุ้นเคยกับท่าทางของผู้จัดการของตน ตั้งแต่ได้เดบิวต์มาจนถึงตอนนี้ซึ่งก็เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว…ผู้จัดการตัวเล็กคนนี้ก็จะคอยให้กำลังใจเขาอยู่เสมอทุกครั้งที่เขาเหนื่อยหรือท้อ
.
.
.
.
.
หลังจากการแคสบทละครจบลงแล้ว โปรดิวเซอร์ก็เดินมาหาโฮย่าด้วยสีหน้าพอใจ ใครๆก็เดาออกจากแววตาคู่นั้นว่าโปรดิวเซอร์ต้องการให้โฮย่ามารับบทนี้แน่ๆ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรนักเพราะฝีมือการแสดงอันยอดเยี่ยมของร่างหนา
“โฮย่า ฮยองชอบการแสดงของนายมากเลย ฮยองอยากให้นายมารับบทนี้นะ” เมื่อเดินมาถึงตัวโฮย่า โปรดิวเซอร์ก็พูดขึ้นทันที “นายอยากทำมั้ย”
“อยากสิครับ^^” ร่างหนายิ้มตอบรับ “พี่ไปคุยเรื่องตารางเวลากับผู้จัดการผมได้เลย” โฮย่าพูดอย่างไว้ใจในตัวผู้จัดการของตน เพราะดงอูไม่เคยจัดตางรางงานของเขาให้แน่นจนเกินไปจนเขารับไม่ไหวเลยสักครั้ง
“ไหนล่ะผู้จัดการนาย?”
“คนนั้นครับ” โฮย่าชี้ไปที่ผู้จัดการตัวเล็กของเขาที่อยู่ห่างจากจุดที่เขายืนอยู่ไปประมาณ 5 เมตร
“คนนั้นผู้จัดการนายหรอ!?” โปรดิวเซอร์ทวนคำตอบอย่างประหลาดใจ เพราะปกติแล้วผู้จัดการดาราส่วนใหญ่ที่เขาเห็นนั้น มักจะแต่งตัวกันอย่างดูดีมีสไตล์ราวกับเป็นดารา แต่ผู้จัดการของโฮย่านั้นใส่แค่กางเกงยีนส์ขากระบอกเชยๆขาดๆ เสื้อยืดธรรมดาๆตัวหนึ่ง รองเท้าผ้าใบคู่เก่า ใบหน้าถูกปรกด้วยผมหน้าม้าที่ดูก็รู้ว่าไม่ค่อยได้จัดทรงมันเสียเท่าไรนัก กับแว่นกรอบหนาวางอยู่บนดั้งจมูกเป็นสัน พร้อมสะพายเป้ใบโต “บอกตรงๆคือฮยองไม่เคยเจอผู้จัดการคนไหนแต่งตัวเฉิ่มขนาดนี้มาก่อนเลยล่ะ” โปรดิวเซอร์พูดเสียงเบาลงเล็กน้อยกับโฮวอน แต่เขาก็ไม่รู้ตัวเลยว่าเสียงของเขานั้นเข้าไปในความรับรู้ของคนตัวเล็กเต็มๆ
“งั้นเหรอครับ ฮ่าๆๆๆ” โฮย่าหัวเราะเบาๆอย่างไม่ใส่ใจกับคำพูดของโปรดิวเซอร์นักก่อนจะยกข้อดีที่ตนรู้ดีที่สุดของผู้จัดการตัวเล็กของตนขึ้นมาพูดพร้อมพยักหน้าอย่างมั่นใจ “แต่ผมรับรองว่าดงอูฮยองทำงานดีไม่แพ้ใครแน่นอนครับ”
“อาๆ เอาเป็นว่าเดี๋ยวฮยองจะไปคุยกับผู้จัดการของนายนะ แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง” พูดจบโปรดิวเซอร์ก็เดินไปคุยกับดงอู แต่ทันทีที่โปรดิวเซอร์เดินจากไป นักแสดงสาวในชุดเดรสสั้นสีขาวก็เดินเข้ามาหาโฮย่าแทน
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวเอ่ยทัก
“อ่อ สวัสดีครับ คุณนาอึน” ร่างหนากล่าวทักทายกลับ “มาแคสเหมือนกันเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะได้รึเปล่า” นักแสดงสาวตอบ “แต่จะถือเป็นเกียรติมากเลยล่ะค่ะถ้าได้ร่วมงานกับคุณ ฉันติดตามผลงานของคุณมาตลอดเลยล่ะค่ะ”
“ถึงจะไม่ได้ร่วมงานกันในงานนี้ แต่โอกาสหน้าต้องได้ร่วมงานกันแน่ครับ” โฮย่าตอบอย่างสุภาพกับเพื่อนร่วมอาชีพ
“ค่ะ” หญิงสาวยิ้ม “ว่าแต่ว่า…คนนั้นเป็นผู้จัดการของคุณจริงๆเหรอคะ? ขอโทษทีนะคะ แต่เมื่อกี้บังเอิญได้ยิน”
“ครับ” โฮย่าตอบ “ทำไมเหรอครับ?”
“ก็… ถ้าจะให้พูดตรงๆก็คงต้องบอกว่าแต่ตัวได้…ดับราศีมากเลยล่ะค่ะ” หญิงสาวพูด “แล้วแบบนี้มันจะไม่มีผลกับภาพลักษณ์ของคุณเหรอคะ”
“ผมว่าถ้าเขาทำงานดีมันก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วล่ะครับ ซึ่งเขาก็ทำงานได้ดีจริงๆ”
“ฉันแค่เป็นห่วงภาพลักษณ์ของคุณน่ะค่ะ”
“ครับ ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง” ร่างหนาพยักหน้ารับ ไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจที่ผู้จัดการคนสนิทของตนถูกพูดถึงในทางไม่ดีแต่อย่างใด “ยังไงวันนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ โชคดีนะครับ”
“เช่นกันค่ะ”
ร่างหนาบอกลาอย่างสุภาพก่อนจะเดินจากหญิงสาวมาแล้วตรงมาหาผู้จัดการตัวเล็กของตนที่คุยกับโปรดิวเซอร์เสร็จเรียบร้อยพอดีเช่นกัน โดยที่ไม่รู้เลยว่าคนตัวเล็กนั้นได้ยินคำพูดของนักแสดงหญิงชัดเต็มสองหู
‘มันจะมีผลต่อภาพลักษณ์ขอโฮวอนงั้นเหรอ… เราไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย’ ดงอูคิดคำนึงอยู่ในใจอย่างเงียบๆ ขณะที่นั่งรถกลับที่พัก แต่เนื่องจากบุคลิกของเขานั้นเป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว จึงไม่มีใครสังเกตเลยว่าคนตัวเล็กมีเรื่องรบกวนใจอยู่
กุหลาบป่าค่อยๆเติบโตขึ้นทุกๆวันในขณะที่สุนัขจิ้งจอกก็โตขึ้นกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกหนุ่มแสนสง่าเช่นกัน
กุหลาบป่าพยายามชูช่อเบ่งบานขึ้นเพื่อที่ว่าสุนัขจิ้งจอกจะได้เห็นตัวเองในสายตาบ้าง จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่สุนัขจิ้งจอกออกไปหาอาหารตามปกติ แทนที่สัตว์ป่าทรงเสน่ห์จะเดินผ่านไปเหมือนทุกครั้ง แต่วันนี้มันกลับหยุดฝีเท้าลงแล้วกล่าวทักทายกุหลาบต้นน้อยอย่างเป็นมิตร
“อรุณสวัสดิ์” สุนัขจิ้งจอกกล่าวขณะที่สายตาจับจ้องมาที่ดอกกุหลาบสีแดงสดบานสะพรั่ง
“อา…เธอคุยกับฉันเหรอ?” กุหลาบป่าถาม
“ใช่” สุนัขจิ้งจอกพยักหน้าเบาๆ
“อ…อรุณสวัสดิ์” เมื่อเป็นดังนั้นดอกกุหลาบจึงเอ่ยทักทายสุนัขจิ้งจอกอย่างขัดเขินเนื่องจากเป็นการคุยกันครั้งแรก รวมไปถึงสุนัขจิ้งจอกเป็นฝ่ายทักทายตนก่อนด้วย
“เธอบานแล้วสวยจังเลยนะ” พูดพร้อมส่งยิ้มให้ดอกไม้สีแดงสดตรงหน้า “ฉันชอบจังเลย”
“จ…จริงเหรอ ขอบคุณนะ” เมื่อได้รับคำชมอย่างไม่ทันตั้งตัว ดอกกุหลาบดอกน้อยก็ได้แต่กล่าวขอบคุณไปอย่างตะกุกตะกัก
หลังจากวันนั้น สุนัขจิ้งจอกก็หยุดเพื่อพูดคุยกับดอกกุหลาบทุกเช้าและเย็นที่ผ่านไปทางนั้น บอกเล่าเรื่องราวของโลกกว้างให้กุหลาบดอกน้อยได้รับรู้ เล่าว่าตนได้ไปผจญภัยที่ไหนมาบ้างในแต่ละวัน เล่าเรื่องราวของครอบครัวนกน้อยที่อาศัยอยู่ห่างจากที่ตรงนี้ไปครึ่งไมล์ ส่วนกุหลาบดอกน้อยก็ได้เล่าให้สุนัขจิ้งจอกได้ฟังเรื่องของผีเสื้อและแมลงตัวน้อยอื่นๆที่สัตว์ป่าอย่างสุนัขจิ้งจอกไม่เคยรู้มาก่อน
ทั้งสองพูดคุยกันได้ทุกวันโดยไม่มีเบื่อ เรื่องราวของป่ากว้างถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงได้ไม่ซ้ำวัน สุนัขจิ้งจอกกับดอกกุหลาบแลกเปลี่ยนเรื่องราวและแบ่งปันความสุขให้แก่กันและกัน
จางดงอูแอบชอบอีโฮวอนมานานแล้ว… ไม่รู้เหมือนกันว่านานเท่าไร แต่รู้แค่ว่าเป็นเวลานานแล้วที่จางดงอูจะคอยแอบมองเวลาอีโฮวอนหรือโฮย่าทำงานอย่างตั้นใจ สายตามุ่งมั่นนั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหลที่ดงอูไม่สามารถต้านทานมันได้ บุคลิกของร่างหนาแม้ว่าจะเป็นคนที่ดูเงียบและหยิ่ง แต่จริงๆโฮวอนเป็นคนจิตใจดีมาก ให้เกียรติคนอื่น มีมารยาท และมีความเป็นสุภาพบุรุษ ยิ่งประกอบกับใบหน้าอันหล่อเหลาและความสามารถอันหลากหลายแล้ว… ถือได้ว่าเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่ง แล้วใครล่ะจะไม่หลงรัก ยิ่งกับคนที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันอย่างจางดงอูแล้วด้วย…
หลังจากที่ผู้จัดการตัวเล็กได้คิดทบทวนถึงสิ่งที่ตนได้ยินมา ว่าภาพลักษณ์ของตนจะส่งผลต่อหน้าที่การงานของโฮย่า…คนที่ตนแอบรัก ดงอูก็เลือกที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูน่าเชื่อถือและน่าเข้าหามากขึ้น จากที่สวมเสื้อยืดเชยๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นใส่เสื้อ sweat shirt เสื้อฮู้ด หรือไม่ก็เสื้อเชิ้ตแทน เปลี่ยนจากกางเกงยีนส์เก่าๆเป็นกางเกงขาเดฟเข้ารูปทันสมัย สวมรองเท้าผ้าใบแฟชั่นหรือรองเท้าหนัง เปิดผมด้านหน้าขึ้นแล้วเซ็ตให้เป็นทรงด้วยแว็กซ์ และใส่คอนแท็กเลนส์แทนที่จะใส่แว่นเฉิ่มเชยเหมือนเก่า… แน่นอนว่าช่วงแรกๆคนตัวเล็กก็ออกจะเคอะเขินอยู่บ้าง แต่เมื่อแต่งตัวแบบนี้ไปได้สักพักเจ้าตัวก็เริ่มชินและชอบสไตล์แบบนี้มากขึ้น
ในส่วนของโฮย่านั้น เดิมทีเขาก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับการแต่งตัวหรือภาพลักษณ์ของจางดงอูอยู่แล้ว เขาเข้าใจว่าคนเรามีความชอบและสไตล์ที่แตกต่างกัน แต่เมื่อผู้จัดการตัวเล็กของเขาเปลี่ยนลุคอย่างกระทันหันมาแต่งตัวตามสมัยนิยมแบบนี้ ร่างหนาก็ยอมรับเลยว่าครั้งแรกที่เห็นก็ประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
จากเดิมที่โฮย่ามักจะชอบแอบมองเวลาดงอูทำงานและวางแผนงานให้เขาอย่างขะมักเขม้นอยู่แล้ว เมื่อดงอูเปลี่ยนการแต่งตัวเป็นแบบนี้โฮย่าก็ยิ่งแทบจะละสายตาไปจากคนตัวเล็กไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะไม่ได้สังเกตเลยเพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับงาน
การแต่งตัวแบบนี้มันเข้ากับคนตัวเล็กได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดวงตาสวยที่ร่างหนามองว่ามันสวยกว่าตาคู่ไหนๆที่เคยเห็นมากลับเป็นประกายหวานชัดขึ้นอีกเมื่อปราศจากแว่น ร่างหนาแอบนึกเสียดายอยู่น้อยๆที่คนตัวเล็กนั้นซ่อนนัยน์ตาคู่สวยเอาไว้ใต้กรอบแว่นเสียตั้งนาน
“ฮยองแต่งตัวแบบนี้แล้วน่ารักดีนะครับ” ร่างหนาเอ่ยปากชมจนทำให้พวงแก้มใสของดงอูเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อจนแทบจะตัดกับเสื้อเชิ้ตสีมินท์ที่คนตัวเล็กสวมอยู่ แต่โฮย่าก็ยังมองว่ามันดูน่ารักอยู่ดี
“ข…ขอบคุณนะ” ดงอูกล่าวพร้อมฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงเพราะความดีใจที่ร่างหนาชอบ
[50%]
ด้วยความนิยมของโฮย่าที่ไม่มีทีท่าว่าจะตกลงไปได้ง่ายๆ ทำให้นิตยสารหลายฉบับติดต่อมาเพื่อขอสัมภาษณ์โฮย่ารวมถึงถ่ายรูปขึ้นปก ซึ่งเมื่อโฮย่าตกลงใจที่จะรับงานนี้แล้ว ดงอูก็รีบจัดแจงเรื่องตารางเวลาและธุระต่างๆให้ทันที
และวันนี้ก็คือวันที่โฮย่าจะไปให้สัมภาษณ์กับนิตยสารรายเดือนชื่อดัง
“สวัสดีค่ะ” เมื่อมาถึงสถานที่ถ่ายภาพปกและให้สัมภาษณ์ หญิงสาวตัวเล็กคนหนึ่งก็ตรงเข้ามาทักทายโฮย่าและดงอูอย่างสุภาพทันที “พี่ชื่อแทยอนนะคะ จะเป็นคนสัมภาษณ์ในวันนี้ แต่ว่า…ทางเราเพิ่งจะเพิ่มหัวข้อใหม่ที่จะสัมภาษณ์เข้ามาน่ะค่ะ ซึ่งหัวข้อส่วนนี้ก็ไม่ได้อยู่ในแนวคำถามที่ส่งไปให้ดูล่วงหน้าด้วย หวังว่าคงจะไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”
“ไม่เป็นไรครับ” โฮย่าตอบยิ้มๆ “แล้วเพิ่มหัวข้ออะไรมาเหรอครับ?”
“จริงๆแล้ว… ก็ไม่เชิงเป็นหัวข้อหรอกค่ะ แต่ทางบ.ก.บอกว่าอยากจะขอสัมภาษณ์ผู้จัดการส่วนตัวของคุณโฮย่าด้วย อยากจะสัมภาษณ์เรื่องการร่วมงานกันระหว่างผู้จัดการกับศิลปินและการทำงานของผู้จัดการน่ะค่ะ เพราะคนที่เคยร่วมงานกับคุณโฮย่ามาก่อนต่างบอกว่าตางรางงานของคุณค่อนข้างแน่นแต่ก็มีความแน่นอนซึ่งหลายคนก็เอ่ยชมมาที่ผู้จัดการด้วยว่าทำงานได้ดี บ.ก.จึงอยากให้เพิ่มส่วนนี้เข้าไปในนิตยสารของเราด้วยน่ะค่ะ”
“อ่า… ได้ฮะ” ดงอูตอบตกลงหลังจากฟังคำอธิบายยาวเหยียด
“ดีเลยค่ะ” หญิงสาวยิ้มออกมา “ถ้าอย่างนั้นเชิญทั้งคู่มาถ่ายรูปทางนี้ก่อนเลยนะคะ และเราจะไปสัมภาษณ์กันทีหลัง”
“ผมด้วยเหรอฮะ?” เมื่อได้ยินดังนั้นดงอูก็ชี้นิ้วมาที่ตัวเองเป็นเชิงถาม…จะให้เขาถ่ายรูปลงนิตยสารงั้นเหรอ
“ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ช่างแต่งหน้าพร้อมแล้วและเราก็เตรียมชุดไว้ให้แล้วด้วยค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับพร้อมส่งรอยยิ้มมาให้ จากนั้นก็เดินนำโฮย่ากับดงอูเข้าไปในห้องแต่งตัวอย่างรวดเร็ว
ใครๆก็ชินกับการแต่งหน้าทำผมของโฮย่ากันทั้งนั้น แต่ไม่ใช่กับดงอู…ผู้จัดการร่างเล็ก ดงอูสวมเสื้อแขนกุดสีขาว กับกางเกงยีนส์สีเทาลายขาวเข้ารูป หมวกสีทรายซีดถูกสวมไว้บนศีรษะ และมีกำไลข้อมือประดับอยู่ที่ข้อมือด้านขวา เครื่องสำอางบางๆถูกแต่งแต้มลงไปบนใบหน้าขับให้ใบหน้าหวานนั้นดูเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น เหล่าโคดี้นูน่าและสไตลิสต์ต่างพากันชมความน่ารักของคนตัวเล็กกันอย่างไม่หยุดปาก ส่วนโฮย่านั้นก็ได้แต่ลอบมองผู้จัดการตัวเล็กของเขาอยู่เงียบๆ
‘น่ารัก..’ นี่คือคำแรกที่ปรากฏขึ้นในหัวของร่างหนา และราวกับมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ร่างหนาไม่สามารถละสายตาคมจากคนตัวเล็กได้เลย
“มองอะไรน่ะโฮวอน” ร่างเล็กถามเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของร่างหนาที่จับจ้องมา
“อะ…เปล่าครับ” ร่างหนาส่ายหน้าปฏิเสธไป
“ไปเถอะ เขาเรียกให้ไปถ่ายรูปแล้ว” สิ้นเสียงหวาน คนตัวเล็กก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปในสตูดิโอ
แรกๆดงอูก็ดูเก้ๆกังๆกับการถ่ายรูป ซึ่งก็เป็นธรรมดาของคนที่เพิ่งเคยทำเป็นครั้งแรก แต่ทุกคนในสตูดิโอ…รวมถึงโฮย่าด้วย ต่างก็คอยให้คำแนะนำและช่วยเหลือตลอดการถ่าย จนในที่สุดก็ได้รูปผู้จัดการตัวเล็กในลุคน่ารักสดใสออกมาหลายรูปทั้งรูปเดี่ยวและรูปที่ถ่ายคู่กับโฮย่า
หลังจากถ่ายภาพเสร็จก็มาถึงกระบวนการให้สัมภาณ์ ซึ่งก็ดำเนินไปได้อย่างปกติ โฮย่าถูกสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องของงานละคร เพลงOST และผลงานเพลงของตนเองตามปกติ ส่วนดงอูนั้นก็ถูกสัมภาษณ์ในเรื่องของเทคนิคการทำงานเสียเป็นส่วนใหญ่
“…อย่างไรเสียงานของคุณโฮย่าก็ต้องมาเป็นอันดับหนึ่งฮะ”
“โอเคค่ะ…” แทยอนกดปุ่มปิดการบันทึกเสียงหลังจากดงอูกล่าวตอบคำถามสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อย “วันนี้จบเท่านี้แหละค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” หญิงสาวกล่าวขอบคุณแล้วส่งยิ้มหวานให้กับทั้งสองอย่างเป็นมิตร บอกลากันอีกเล็กน้อย จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับไปทำงานอื่นตามเดิม
ในห้องแต่งตัว…ขณะที่กำลังเก็บของ โฮย่าลอบมองใบหน้าด้านข้างของดงอูขณะที่คนตัวเล็กกำลังง่วนอยู่กับการบันทึกตารางงานของเขาลงในสมุดเล่มขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ที่ดงอูใช้ประจำ สีหน้าที่เต็มไปด้วยความครุ่นคิดของคนตัวเล็กมันช่างน่ารักยิ่งกว่าอะไรในสายตาของร่างหนา และมันก็มักจะทำให้เขาใจสั่นได้อยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะพักหลังๆมานี้
“วันนี้ไม่มีตารางต้องไปไหนแล้วใช่มั้ย?” โฮย่าถามขึ้น
“ใช่ ทำไมเหรอ?” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาถามร่างหนา
“ไปหาอะไรกินกันมั้ยครับ?” ร่างหนาเอ่ยชวน
“ฮยองคิดว่านายจะอยากกลับไปนอนซะอีก” ดงอูแกล้งแซวคนเด็กกว่าเล่น
“ก็ไม่ทุกครั้งนี่” โฮย่าปฏิเสธยิ้มๆ “ไปด้วยกันนะครับ”
“อื้อ ไปก็ได้” คนตัวเล็กก็ตอบตกลง และสุดท้ายมื้อค่ำของทั้งสองก็จบลงที่ร้านอาหารใจกลางกรุงโซลแห่งหนึ่ง แต่แม้ว่ามื้ออาหารจะสิ้นสุดลงแล้ว รอยยิ้มของทั้งคู่ก็ยังคงไม่จางไปจากใบหน้า แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่การใช้เวลาร่วมกันแบบธรรมดาๆ แต่หากขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่รู้สึกพิเศษด้วยแล้วมันย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน
แต่ยังไม่ทันที่สุขนัขจิ้งจอกและดอกกุหลาบจะได้รู้จักกันมากขึ้น กุหลาบดอกน้อยก็ใกล้ถึงเวลาร่วงโรยเต็มที การที่กุหลาบได้ผลิดอกนั้นแส่งว่าเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว และก็มีแต่จะโรยราไปตามกาลเวลา ไม้ล้มลุกอย่างกุหลาบก็คงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานพอจะให้สุนัขจิ้งจอกตัวนั้นหันมาบอกว่ามันรู้สึกอย่างไรกับดอกไม้ป่าสีสด… จนกระทั่งเวลานั้นดำเนินมาถึง…เช้าวันที่กุหลาบป่าจะได้เห็นและกล่าวคำว่า “อรุณสวัสดิ์” กับสุนัขจิ้งจอกเป็นครั้งสุดท้าย
งานภาพยนตร์งานหนึ่งได้ติดต่อโฮย่าไว้แล้วว่าจะให้โฮย่าได้รับบทนำในภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งโฮย่าก็ตอบตกลงไปในทันทีเพราะด้วยบทที่เขาคิดว่าเหมาะสมกับตัวเขารวมถึงภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาด้วย แต่แล้วเย็นวันนี้ซึ่งเหลืออีก 3 สัปดาห์ก่อนเปิดกล้อง ทีมงานคนหนึ่งก็ติดต่อมาแล้วบอกโฮย่าว่าเขาไม่ต้องแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว คุยไปคุยมาทีมงานคนนั้นก็เผลอหลุดออกมาว่ามีนักแสดงคนหนึ่งจ่ายเงินให้กับทีมงานเพื่อให้ตนได้รับบทนำแทนโฮย่า…
ถ้าเป็นเพราะนักแสดงคนนั้นเก่งและเหมาะกับคาแรคเตอร์ในบทมากกว่าเขา เขาจะไม่ว่าอะไรเลย แต่ถ้าด้วยวิธีการแบบนี้…แน่นอนว่าโฮย่าไม่พอใจมากๆ ประกอบกับเขาต้องการที่จะแสดงในบทนี้มากด้วยแล้ว
“ใจเย็นนะโฮวอน” เสียงหวานของจางดงอูพูดขึ้นขณะที่นั่งอยู่กับร่างหนาในห้องแต่งตัวของรายการทอล์กโชว์รายการหนึ่งที่ร่างหนาได้มาเป็นแขกรับเชิญ
“…” โฮย่ายังคงเงียบ เพราะความไม่พอใจเขาจึงยังไม่อยากจะพูดอะไรมากนัก
“เชิญเข้าฉากได้เลยค่ะ” ทีมงานคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาบอกจากนั้นเธอก็ออกไปทำงานอื่นต่อ
“ไปเถอะโฮวอน” ดงอูพูด ซึ่งโฮย่าก็ลุกขึ้นตรงไปที่ประตูตามที่บอก “แล้วถ่ายเสร็จเจอกันนะ”
“ครับ”
หลังจากโฮย่าเข้าฉากไปแล้ว ดงอูก็ไม่ได้อยู่เฉย แต่กลับตรงไปที่รถเก๋งคันหรูซึ่งเขาเป็นคนขับพาโฮย่ามา สตาร์ทรถแล้วเร่งเครื่องออกไปทันที…
ดงอูมุ่งหน้าไปหาโปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพื่อเจรจาให้โฮย่าได้กลับมารับบทเดิมอีกครั้ง เพราะเขาจำได้ว่าครั้งแรกที่โฮย่าได้รู้ว่าเขาจะได้แสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ร่างหนาดีใจและมีความสุขแค่ไหน และด้วยความสุขุม ความรอบคอบ และความมีเหตุผลของดงอู การเจรจาจึงเป็นผลสำเร็จ โปรดิวเซอร์ยอมให้โฮย่ากลับมารับบทเดิมอีกครั้งรวมถึงฝากไปขอโทษโฮย่าด้วย
หลังจากการเจรจาเสร็จสิ้นแล้วก็เป็นเวลาหัวค่ำพอดี ฝนของฤดูใบไม้ผลิโปรยปรายลงมาทำให้อากาศในยามค่ำคืนเย็นลงว่าคืนก่อนๆ แต่ระหว่างที่ดงอูขับรถกลับไปที่สตูดิโอถ่ายทำทอล์กโชว์นั้น กลับมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น…
Your sugar~ Yes, please.~ Won't you come and put it down on me
โฮย่ากดรับโทรศัพท์เครื่องหรูของตนเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้า ตอนนี้เขากำลังรอดงอูกลับมารับเขาอยู่ ทีมงานคนหนึ่งบอกโฮย่าว่าดงอูออกไปธุระ
“ครับบอส” โฮย่ารับสายเมื่อบอสใหญ่ของต้นสังกัดของตนโทร.มา
//เดี๋ยวบอสจะส่งรถไปรับที่สตูดิโอนะ//
“อ่าว!? แล้วดงอูฮยองล่ะครับ?”
//นายไม่รู้เหรอ ดงอูเขาไปคุยกับโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ไง แต่โดนรถตู้หลับในชนเอารถคว่ำเลย// บอสว่า
“…” ร่างหนาเงียบไปด้วยความตกใจเมื่อได้ยินคำตอบ
//เดี๋ยวบอสส่งรถไปนะ รอแป๊บนึง// พูดจบบอสก็วางสายไป
ต่อมาไม่นาน รถของบริษัทก็มาถึงโฮย่าก็บอกคนขับให้พาตนไปที่โรงพยาบาลที่ดงอูเข้ารับการรักษาทันที
โฮย่ามาถึงโรงพยาบาลพร้อมกับรถพยาบาลคันหนึ่ง เจ้าหน้าที่รีบลงจากรถมาเปิดประตูหลัง จากนั้นเตียงผู้ป่วยก็ถูกเข็นออกมา…ร่างหนาจำได้ทันทีว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นคือจางดงอู…ผู้จัดการของเขา และไม่รอช้า ร่างหนารีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งตรงมาหาดงอูทันที
“ฮยอง! ดงอูฮยอง!” ร่างหนาเรียกชื่อคนตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียง เลือดสีแดงสดเปรอะเปื้อนร่างกายเล็กของดงอูเต็มไปหมด
“โฮวอนอา… ฮยอง อึก.. เคลียร์ให้แล้วนะ” คนตัวเล็กพูดขึ้นอย่างยากลำบากเมื่อเห็นว่าคนที่ตามมาเป็นใคร ดวงตาคู่สวยปรือเปิดขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองหน้าของโฮย่า…ที่อาจได้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย
รอยยิ้มบางของจางดงอูถูกส่งมาให้ร่างหนาก่อนที่โฮย่าจะถูกพยาบาลกันตัวออกไปไม่ให้เข้ามาในเขตของห้องฉุกเฉิน ซึ่งก็ทำให้ร่างหนาได้แต่นั่งรออยู่บนเก้าอี้หน้าห้อง และในเวลาไม่นานพ่อแม่ของคนตัวเล็กก็ตามมาสมทบเพราะทางบริษัทโทร.ไปแจ้งให้พวกท่านทราบ โฮย่านั่งอยู่กับพ่อและแม่ของดงอู คอยปลอบให้พวกท่านใจเย็นลงทั้งที่จริงๆแล้วในใจของเขากลับร้อนรุ่มขึ้นทุกวินาทีที่ผ่านไป แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ… จนกระทั่งไฟหน้าห้องฉุกเฉินดับลง
ทุกวันที่สุนัขจิ้งจอกออกหาอาหาร มันก็จะหันกลับมาที่ริมทางเสมอ แม้ว่าตอนนี้จะเหลือแต่ก้อนกรวด เศษดินกับใบไม้แห้ง และกลีบดอกไม้สีแดงเข้มจนเกือบดำเท่านั้น แต่สุนัขจิ้งจอกก็ยังคงคิดถึงดอกไม้สีแดงสดกับคำว่า “อรุณสวัสดิ์” จากกุหลาบป่าอยู่เสมอ
โฮย่ายังคงทำงานอยู่ในวงการบันเทิงอยู่ ตอนนี้เขาทำงานร่วมกับผู้จัดการคนใหม่ที่ชื่อว่า อิมยุนอา โฮย่าเรียกเธอว่านูน่าเพราะเธออายุมากกว่าเขาเกือบ 1 ปี ยุนอาเป็นผู้หญิงที่สวย ตาโต และผิวขาว ทำงานไวและมีไหวพริบดี เรียกได้ว่าทำงานได้เก่งไม่แพ้จางดงอูเลย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น โฮย่าก็ยังคงรู้สึกว่ามีอะไรขาดหายไปจากชีวิตของเขาอยู่ดี
ร่างหนายังไม่สามารถลืมผู้จัดการตัวเล็กของเขาไปได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ถึงจะทำงานกับยุนอา แต่ใบหน้าของจางดงอูก็มักจะปรากฏขึ้นมาในหัวของเขาเสมอ แม้ว่าทุกอย่างจะไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ร่างหนากลับรู้สึกว่าชีวิตของเขาไม่เหมือนเดิม ทั้งที่เขาก็ยังคงทำงานในฐานะ ‘โฮย่า’ เหมือนเดิม แต่เขาก็ยังคงมีความสุขกับงานของตนเหมือนเดิม ยกเว้นแต่เพียงจางดงอูเท่านั้นที่หายไปจากชีวิตเขา
บ้านโฮย่า
วันนี้โฮย่าไม่มีงาน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะนานๆทีเขาถึงจะได้พักผ่อนอยู่บ้านบ้าง ร่างหนานั่งอยู่บนโซฟานุ่มสบายหน้าทีวี กดรีโมทเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ แต่เวลาสายๆของวันธรรมดาแบบนี้มันไม่มีรายการอะไรน่าสนใจเลยสักนิด
สุดท้ายร่างหนาก็กดปิดทีวีด้วยความรำคาญเล็กน้อยแล้วหันไปให้ความสนใจกับกองนิตยสารที่วางอยู่บนโต๊ะเตี้ยๆข้างโซฟาแทน มือหนาค่อยๆหยิบนิตยสารเหล่านั้นดูทีละเล่มเผื่อจะเจออะไรที่สนใจจะอ่าน แต่แล้วก็ต้องสะดุดเข้ากับนิตยสารเล่มหนึ่ง…
โฮย่ามองภาพปกพื้นสีฟ้าอ่อนของนิตยสารเล่มนั้น เพราะนอกจากตัวอักษรที่ถูกจัดเรียงให้ดูน่าสนใจแล้ว สิ่งที่อยู่บนปกนั้นคือ… รูปคู่ของเขากับจางดงอู… มันคือนิตยสารฉบับที่เขาได้ถ่ายกับดงอูเมื่อหลายเดือนก่อน
ร่างหนาเปิดไปยังหน้าที่เป็นบทสัมาภาษณ์ของดงอูซึ่งอยู่ติดกับหน้าของเขา ไล่อ่านทุกตัวอักษรที่ปรากฏอยู่ในนั้น รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม แววตาโหยหานั้นจ้องไปที่รูปของผู้จัดการตัวเล็กด้วยความหลงใหลเอ็นดู
‘พอฮยองไม่อยู่ ความรู้สึกของผมก็กลับชัดขึ้น… ผมคิดถึงฮยองนะ และตอนนี้ผมก็แน่ใจแล้วว่าผมรู้สึกยังไง ผมอยากให้ฮยองได้ยินผมบอกชอบฮยองนะ…ดงอูฮยอง’
ดิ๊งดอง~ ดิ๊งด่อง~
แต่ระหว่างที่ร่างหนากำลังจะจมเข้าไปในความคิดและความทรงจำของตนเอง เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้นเรียกให้เขากลับมาอยู่กับปัจจุบัน ร่างหนาจึงเดินออกไปเปิดประตูด้วยความสงสัยว่าใครกันนะจะมากดกริ่งประตูบ้านดาราอย่างเขา
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ประตูหน้าบ้านค่อยๆถูกเปิดออกด้วยแรงของโฮย่า ก่อนที่ร่างหนาจะต้องตกใจเมื่อได้เห็นว่าใครคือคนที่มาหาเขาในเวลาแบบนี้
“ไง~” เสียงหวานเอ่ยทักอย่างยิ้มแย้ม
“ดงอูฮยอง!!” ร่างหนาเรียกชื่อคนตัวเล็กเสียงดัง “เป็นยังไงบ้างครับ ดีขึ้นแล้วเหรอ” ไม่พูดเปล่า มือหนาเอื้อมออกไปจับไหล่เล็กแล้วหันไปหันมาอย่างสำรวจด้วยความดีใจ
“นี่ ปล่อยก่อนสิโฮวอน คิกๆๆ” ดงอูหัวเราะคิกคักกับพฤติกรรมของคนตรงหน้า “ฮยองไม่เป็นไรแล้ว หายดีแล้ว”
“อ่า.. ขอโทษทีครับฮยอง” โฮย่าว่า หลังจากนั้นก็พาคนตัวเล็กกว่าเข้ามาในบ้านเพราะเขาไม่อยากให้ดงอูยืนตากแดดนาน “ฮยองเข้ามาก่อนสิครับ เข้ามาคุยกันข้างในดีกว่า”
“อื้ม^^”
“แล้วฮยองรู้ได้ไงว่าผมจะอยู่บ้าน” เมื่อเข้ามาในบ้านและหาน้ำเย็นใส่แก้วมาให้ดงอูแล้วก็เริ่มบทสนทนาขึ้นอีกครั้ง
“ก็ถามจากยุนอาไง” คนตัวเล็กตอบ “ว่าจะมาเซอร์ไพรส์นายนี่แหละ คิกๆๆๆ ตอนนายเห็นฮยองนายดูตกใจมากเลยนะ”
“ก็แหงสิ ไม่ได้เจอฮยองตั้งนาน”
“แล้วนายก็ไปเยี่ยมฮยองอยู่ครั้งเดียวเองด้วย” ดงอูแกล้งกอดอกอมลมไว้ในแก้มอย่างน่ารัก “โกรธซะดีมั้ยนะ”
“โถ่ฮยอง~ อย่าโกรธผมเลยนะ ผมพยายามเคลียร์งานแล้วแต่มันได้แค่นั้นจริงๆ” โฮย่าพูดอย่างรู้สึกผิด
“รู้แล้ว~ ฮยองเข้าใจนายหรอกน่า ไม่ได้โกรธด้วย ฮ่าๆๆๆ” ร่างเล็กส่งยิ้มสดใสให้กับร่างหนา
“…”
“…”
“ฮยอง…” โฮย่าเรียกด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าเดิม “ผมคิดถึงฮยองนะครับ”
“อ…เอ่อ…” คำพูดที่ถูกกล่าวออกมาอย่างกะทันหันของร่างหนาทำเอาคนตัวเล็กถึงกับไปไม่เป็น ทำได้แค่หลบสายตาคมของโฮย่าแล้วก้มหน้างุดซ่อนใบหน้าร้อนผ่าวของตัวเองเอาไว้ ซึ่งการกระทำนั้นก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของร่างหนาไปได้อย่างแน่นอน
“เขินหรอ? หูแดงเชียว” โฮย่าทักเหมือนจะเป็นการแกล้งคนตัวเล็กอีกเพราะมันยิ่งทำให้ใบหน้าหวานที่แดงอยู่แล้วกลับมีสีชัดขึ้นไปอีก รอยยิ้มขี้เล่นและขบขันที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นมากนักปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อ
“ฮยองรู้มั้ย…” ร่างหนาเริ่มพูดต่อ “ถึงยุนอานูน่าจะทำงานได้ดีเกือบเท่าฮยอง ผมก็ยังคิดถึงแต่ฮยองอยู่ดี… ผมอยากทำงานกับฮยอง อยากเจอฮยองทุกๆวัน… ฮยองเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของผม แล้วก็เป็นคนที่ผมขาดไม่ได้เลยนะครับ”
“…” ดงอูได้แต่นั่งเงียบเพราะไม่รู้ว่าควรจะตอบร่างหนาอย่างไรดี หัวใจดวงน้อยเต้นเร็วจนน่ากลัวว่าร่างหนาจะได้ยินมัน ทั้งที่อากาศรอบตัวเย็นสบายเพราะเครื่องปรับอากาศ แต่ใบหน้าของคนตัวเล็กกลับรู้สึกร้อนผ่าวอย่างน่าประหลาด มือเล็กทั้งสองข้างสอดประสานกันแล้วออกแรงบีบเบาๆเพื่อข่มให้ตัวเองใจเย็นลง
“แล้วฮยองล่ะครับ คิดถึงผมบ้างมั้ย?”
“…อ…อือ” เงียบไปพักหนึ่งแต่สุดท้ายดงอูก็ส่งเสียงตอบรับออกมาเบาๆในลำคอทั้งที่ยังก้มหน้างุดอยู่แบบนั้น ซึ่งเท่านี้ก็มากพอแล้วที่จะสร้างรอยยิ้มให้กับโฮย่า
“ฮะ…อะไรนะครับ?” แต่พฤติกรรมน่ารักๆของคนที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างร่างหนานั้นมันช่างชวนให้แกล้งเสียเหลือเกิน
“อือ.. คิดถึงเหมือนกันไง” เสียงหวานตอบออกมาอีกครั้งอย่างเขินอาย
“ดงอูฮยอง… ผมไม่เคยรู้สึกแล้วก็ไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลยนะ แต่ผมมักจะชอบแอบมองฮยองอยู่บ่อยๆ ยิ่งตอนฮยองจดจ่ออยู่กับงานอ่ะ น่ารักมากเลยนะ” ร่างหนาพูดต่อ “ฮยอง… ผมชอบฮยองนะ”
“…”
“ฮยองคบกับผมได้มั้ย?” สิ้นประโยคนี้ของร่างหนา ดงอูก็เงยหน้าขึ้นมามองร่างหนาอย่างแปลกใจ คนตัวเล็กสัมผัสได้ถึงความจจริงจังในสายตาของโฮย่าที่จับจ้องมายังตน
“ต…แต่ถ้าเราค…คบกันนายจะไม่มีปัญหาเหรอ” เสียงใสถูกเปล่งออกมาอย่างตะกุกตะกักเพราะคำพูดนี้มันก็เหมือนเป็นการยอมรับไปในตัวว่าคนตัวเล็กรู้สึกดีกับร่างหนาเช่นเดียวกัน
“ไม่หรอกครับฮยอง แฟนคลับของผมต้องรักในสิ่งที่ผมเป็น แต่ถ้าเขาไม่พอใจผมก็ไปห้ามให้เขาเลิกติดตามผมไม่ได้หรอก”
“…”
“ผมไม่สนใจเรื่องเรทติ้งหรอกนะครับฮยอง.. เพราะตอนนี้ผมมีทุกอย่างที่ผมต้องการแล้ว จะขาดก็แต่ฮยองนี่แหละ…” ร่างหนาอธิบายเหตุผลแต่สุดท้ายก็ตบด้วยการหยอดคำหวานใส่ร่างเล็กให้เขินกันเข้าไปอีก
“บ้า!” มือเล็กถูกยกขึ้นมาตีเข้าที่แขนแกร่ง แต่มันก็ไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับร่างหนาเลย
“เดี๋ยวพออาทิตย์หน้าฮยองกลับมาทำงานกับผมเหมือนเดิม ผมสัญญาว่าผมจะดูแลฮยองเอง จะหาเวลาว่างให้ฮยองบ่อยๆด้วย” โฮย่ากล่าว “ฮยองคบกับผมนะครับ”
“…”
“…”
“…อื้อ” สิ้นเสียงขานรับของร่างเล็ก ร่างหนาก็ดึงคนตัวเล็กเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของตัวเองทันที ตอนแรกดงอูก็ตกใจแต่สุดท้ายก็ยอมยกมือขึ้นมาโอบเอวสอบตอบเช่นกัน ความอบอุ่นใจถูกแลกเปลี่ยนผ่านการกอดที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ตระหนักอยู่ในใจว่าไม่สามารถขาดกันและกันได้ ทั้งคู่ต่างเติมเต็มซึ่งกันและกันให้ชีวิตสมบูรณ์…ให้ความรักนี้สมบูรณ์…
ถ้าจางดงอูเป็นกุหลาบป่า ก็คงจะเป็นกุหลาบป่าที่โชคดีมากเพราะเขามีโอกาสได้ฟังความในใจของสุนัขจิ้งจอกที่มีต่อกุหลาบดอกน้อย…เพียงเท่านี้ก็คุ้มค่าสำหรับชีวิตของดอกกุหลาบแล้ว
…The End…
[100%]
.........................................................................................................................................
ในที่สุดก็ครบ เย่>< ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ
อ่านแล้วเมนท์หน่อยจิ >W<
-หากมีคำผิดขออภัยด้วยค่ะ-
ที่มาภาพ
http://koreangirlshd.com/wp-content/picture/2015/06/apink-naeun-peripera-3.jpg
http://maxcdn.fooyoh.com/files/attach/images02/14989425/328/264/015/taeyeon.jpg
https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/236x/a6/08/fe/a608fec103f8d78cb7b1b2936cbf7bfb.jpg
เปิดเทอมแล้วไรท์ก็สู้ๆนะคะ