ร่างบางซบอยู่ที่อกแกร่งมาได้ครู่หนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าทั้งสองจะผละออกจากกันเลย… วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ซองมินจะได้อยู่กับคยูฮยอนก่อนที่จะต้องเข้ากรมทหารตามกฎหมาย
“ฉันต้องคิดถึงนายมากๆแน่เลย” ร่างบางพูดด้วยเสียงอู้อี้เนื่องจาก
“ไม่ต้องห่วงนะพี่ ผมรอพี่ได้อยู่แล้ว 2 ปีเอง” ร่างสูงพูดให้กำลังใจซองมิน
“แต่ฉันกลัว”
“พี่ไม่ต้องกลัวนะ สองปีต่อจากนี้มันอาจจะยาวนาน แต่หลังจากนั้นมันจะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากกว่าที่เราเคยเป็นอีกนะ”
“…”
“ยังไงผมก็จะรอพี่ ผมสัญญา แล้ววันที่พี่ออกจากกรมผมจะมารอรับนะ” คยูฮยอนให้สัญญากับคนในอ้อมแขน จากนั้นทั้งคู่ก็ผละออกจากกันช้าๆ
“พี่ต้องไปแล้ว…” ร่างบางพูดด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย
“ผมรักพี่นะ ดูแลตัวเองด้วย” คยูฮยอนบอกแล้วโน้มใบหน้าลงไปหอมแก้มซองมินครั้งหนึ่ง ทำเอาพวงแก้มใสขึ้นสีชมพูน้อยๆ
“พี่ก็รักนาย” ซองมินบอก จากนั้นก็ค่อยๆเดินห่างออกมาจากคยูฮยอนช้าๆ แต่ก็ยังเหลียวหลังไปมองคนรักของตนเป็นระยะๆ
“แล้วผมจะมารับนะ~” คยูฮยอนตะโกนไล่หลัง ก่อนที่ซองมินจะก้าวเข้าสู่เขตของศูนย์ฝึกและลับสายตาเขาไป…
คยูฮยอนและซองมินเป็นคนรักกัน เนื่องจากคยูฮยอนนั้นเป็นผู้บริหารของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ส่วนซองมินก็เป็นสถาปนิกฝีมือดี และเพราะว่าทำงานในสายงานใกล้กัน ทำให้ทั้งสองได้มีโอกาสร่วมงานกัน ก่อนจะพัฒนาความสัมพันธ์มาเป็นความรักในที่สุด
“คยูฮยอน… แกต้องแต่งงาน”
“มันไม่มีเหตุผลที่ผมจะแต่งงานกับเธอ!” ร่างสูงพูดกับผู้เป็นพ่ออย่างไม่พอใจด้วยเสียงที่ดังก้องไปทั่วห้องทำงานของชายวัยกลางคน
“ทำไมล่ะ หนูซูยองไม่ดีตรงไหน ทั้งสวย ฉลาด เป็นเด็กดี แถมพ่อเขาก็เป็นนักการเมืองชื่อดังอีก ถ้าลูกแต่งงานกับเธอบริษัทของเราก็จะได้ประโยชน์ไปด้วย”
“พ่อก็แค่อยากจะยกหน้าบริษัทขึ้นใช่ไหมล่ะ”
“ไม่ว่าจะใช่หรือไม่แต่เขาก็เหมาะสมกับแก แกต้องแต่งงานกับซูยอง พ่อตกปากรับคำกับพ่อของหนูซูยองไปแล้ว พรุ่งนี้แกต้องไปเลือกชุดแต่งงาน!!” ผู้เป็นพ่อยืนกราน
“พรุ่งนี้เหรอ…?”
“เออ! พรุ่งนี้”
“พรุ่งนี้พี่ซองมินออกจากกรม ผมต้องไปรับ… ผมสัญญาเอาไว้แล้ว”
“ถ้าแกจะคบกับซองมินเล่นๆพ่อก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่แกต้องจริงจังกับชีวิตได้แล้ว คิดถึงอนาคตบ้างสิ”
“แต่ผมไม่ได้รักเธอ! ผมรักพี่ซองมิน และพรุ่งนี้ผมก็จะไม่ไปเลือกชุดด้วย!”
“ฉันเลี้ยงแกมาทั้งชีวิต กะอีแค่เลือกคู่ครองดีๆแกทำให้ฉันหน่อยไม่ได้รึไง! ไม่รู้ล่ะ แต่พรุ่งนี้แกต้องไป ถ้าไม่ไปก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่อ และฉันไม่ได้พูดเล่นด้วย” ชายวัยกลางคนยื่นคำขาดก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของตนไป
Sungmin’s part
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงฮะ… วันที่ผมออกจากกรม ผมจะได้เจอคยูฮยอนสักที พูดถึงแล้วก็คิดถึง เขาบอกว่าเขาจะมารอรับผมแต่เช้าเลย แต่นี่มันก็สายแล้วนะทำไมเขาถึงไม่มาสักที? โทร.ไปก็ปิดเครื่อง
ผมรอเขาอยู่นานมากจนเกือบถึงเวลาเที่ยงวัน แต่ผมก็ยังคงติดต่อคยูฮยอนไม่ได้เลย ผมชักจะกังวลแล้วสิ คงไม่ได้เกิดอุบัติเหตุอะไรกับเขาใช่ไหม หรือว่าเขาจะลืมไปแล้วว่าวันนี้เป็นวันที่ผมออกจากกรม? ไม่สิ…คยูฮยอนไม่ลืมแน่นอน เขามักจะใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยของผมตลอดตั้งแต่เราคบกัน เขาต้องไม่ลืมสิ…
“ฮัลโหล พี่ยองอุน” แต่สุดท้ายผมก็คิดว่าผมควรจะกลับได้แล้ว ผมจึงต่อสายโทรศัพท์หาคิมยองอุน พี่ในกลุ่มผมเอง
//อ้าว! ว่าไงซองมิน นายอยู่ไหนเนี่ย วันนี้ออกจากกรมแล้วไม่ใช่หรอ// ปลายสายตอบ
“ก็ใช่พี่… แต่ยังอยู่ที่ศูนย์ผึกอย่เลย” ผมตอบด้วยน้ำเสียงค่อนข้างผิดหวังและเสียใจ
//อ้าว! คยูฮยอนไม่ได้มาไปรับหรอกเหรอ?//
“เขาก็บอกว่าจะมานะ แต่ถึงตอนนี้เขายังไม่มาเลย ติดต่อไม่ได้ด้วย… พี่ว่างมั้ยอ่ะ มารับผมหน่อยสิ”
//เหรอ… ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวพี่ไปรับนายเอง รอแป๊บนึงนะ// พี่ยองอุนดูจะแปลกใจกับคำตอบของผมนิดหน่อย แต่เขาก็ยอมตกลงที่จะออกมารับผม
“อือ.. ขอบคุณมากนะพี่”
//โอเค งั้นเดี๋ยวพี่รีบไป ไว้เจอกันนะ//
“เจอกันพี่..”
รออยู่สักพัก พี่ยองอุนก็มาถึง เขารับผมไปส่งที่บ้าน พร้อมกับบอกว่าเดี๋ยวจะนัดกลุ่มพวกเรามาเลี้ยงฉลองกันด้วย
แต่ผมก็ยังคาใจเรื่องของคยูฮยอนอยู่ ทั้งสองปีมานี้ผมยังรักเขาเหมือนเดิม ผมคิดถึงเขาทุกวัน อยากเจอเขามาตลอด แต่ทำไมวันนี้เขาถึงไม่มานะ… คิดไปคิดมาผมก็เริ่มรู้สึกร้อนที่ขอบตา จากนั้นน้ำตาอุ่นๆก็ไหลออกมาช้าๆ
“พี่ไม่คิดว่านายจะผิดสัญญานะคยูฮยอน” ผมรำพึงเบาๆกับตัวเอง
End of Sungmin’s part
วันรุ่งขึ้น
เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด ร่างบางจึงถือโอกาสออกมาเดินเล่นข้างนอกเสียหน่อย ซองมินเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะในยามบ่าย ถึงแม้ว่าแสงแดดจะค่อนข้างแรง แต่ที่สวนแห่งนี้ก็มีต้นไม้มาก บวกกับลมเย็นๆที่ทำให้ช่วยคลายร้อนไปได้เยอะ
“ไม่ได้มานานเลยนะเรา..” ซองมินรำพึงกับตัวเองเบาๆ สวนแห่งนี้เป็นสวนที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของซองมิน และเขากับคยูฮยอนก็ชอบมาที่นี่ด้วยกันบ่อยๆ ที่แห่งนี้จึงเต็มไปด้วยความทรงจำดีๆของทั้งสองมากมาย และนั่นก็ทำให้ซองมินนึกถึงคยูฮยอนขึ้นมาอีก
“คยูฮยอน…” ซองมินเอ่ยชื่อของคนรักขึ้น ไม่ใช่รำพึงถึง แต่เพราะว่าตกใจที่เห็นคยูฮยอนอยู่ตรงหน้าตนต่างหาก ร่างสูงกำลังนั่งหลับตาเอนหลังพิงต้นไม้อยู่ตรงหน้าร่างบาง
“…พี่ซองมิน!” ร่างสูงลืมตาขึ้นแล้วหันมามองตามเสียงเรียก ก่อนจะรีบลุกขึ้น
“คยูฮยอน” ร่างบางโผเข้าไปกอดคนรักด้วยความคิดถึงทันที “พี่คิดถึงนายมากเลยนะ”
“ผม…ก็คิดถึงพี่” ร่างสูงพูดเบาๆขณะที่ยกแขนขึ้นมากอดตอบร่างบางช้าๆ
“ทำไมเมื่อวานไม่เห็นไปรับพี่เลย… ไหนนายบอกว่าจะไปรับไง แถมโทร.ไปก็ปิดเครื่องอีก” พูดจบร่างบางก็ผละตัวออกมาสบตากับร่างสูงเพื่อรอฟังคำตอบ
“คือผม…”
“ลืมหรอ?” ร่างบางถามพลางแกล้งทำหน้างอง้ำอย่างน่ารัก
“เปล่านะ… แต่จริงๆแล้ว…” ร่างสูงอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงถอนหายใจอย่างแรงเพื่อรวบรวมความกล้าที่จะบอกความจริงกับคนตรงหน้า “เฮ้อ… พี่ซองมิน ผมกำลังจะ…แต่งงาน”
“…” ราวกับฟ้าผ่าลงมากลางจิตใจ ร่างบางถึงกับพูดอะไรไม่ออก แม้แต่น้ำตาที่รื้นขึ้นมาตรงขอบตาหวานคู่นั้นก็ไม่สามารถบอกได้ว่าร่างบางเสียใจแค่ไหน “พี่ ผมขอโทษ แต่…”
“ถ้าอย่างนั้นจะ ฮึก… ให้พี่คอยนายทำไม ฮึก.. ตลอด ฮึก.. สองปีมานี้พี่ก็รักแต่นาย ฮึก.. รักนายคนเดียว ถ้าอย่างนั้น ฮึก… นายจะสัญญากับ ฮึก.. พี่ทำไม ว่านายจะมารับ ฮึก.. จะสัญญากับพี่ทำไม ฮึก.. ว่าจอรอพี่ ฮึก.. ฮือ~”
“พี่ซองมิน ฟังผมก่อน…”
“ฮึก.. ฮือ~ ฮือ…” ร่างบางร้องไห้อย่างน่าสงสารจนร่างสูงอดไม่ได้ที่จะต้องเข้ามาเช็ดน้ำตาให้ แต่ซองมินก็ปัดมือของคยูฮยอนออกไป
“พี่… ผมไม่ได้อยากแต่งงาน ผมถูกบังคับ” คยูฮยอนพยายามอธิบาย
“ฮือ…” ร่างบางยังคงร้องไห้ไม่หยุด
“พี่เข้าใจผมมั้ย.. ถึงจะต้องแต่งงาน แต่ผมก็รักพี่ ผมรักพี่คนเดียว”
“ฮึก.. เข้าใจ ฮึก.. งั้นก็ยินดีด้วยนะ ฮึก.. ฮือ…” ซองมินปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของตนอย่างลวกๆแล้วค่อยๆก้าวถอยหลังให้ห่างจากร่างสูงออกไป
“…พี่จะไปไหน” ร่างสูงก้าวตามร่างบางมา แต่ร่างบางก็ยิ่งก้าวห่างออกจากร่างสูงมากกว่าเดิม
“ฮึก... ฮึก…”
“พี่…อย่าไปจากผมได้ไหม” เมื่อเห็นดังนั้นร่างสูงก็หยุดฝีเท้าลงแล้วขอร้องร่างบาง… กลัวเหลือเกิน…กลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไปจากชีวิตของเขา กลัวว่าคนตรงหน้าจะเกลียดเขา
“แล้ว ฮึก.. นายจะทำยังไง ให้พี่อยู่ดูนายแต่งงานหรอ… ฮึก.. นายไม่สงสารพี่บ้างหรอ…” ร่างบางสะอึกสะอื้นตอบ
“…”
“พี่เข้าใจ ฮึก.. นาย แต่ถ้ามันจะต้องเป็น ฮึก… แบบนี้ ฮึก… พี่ก็ต้องไปไง ฮึก..”
“พี่ซองมิน… ได้โปรด” ร่างสูงอ้อนวอนด้วยเสียงสั่นเครือ
“แล้วเจ้าสาวของนาย ฮึก.. จะคิดยังไงถ้ามาเห็นนาย ฮึก.. เป็นแบบนี้” ร่างบางพูดในขณะที่เท้าเล็กๆนั้นก็ยังก้าวห่างจากร่างสูงออกไปเรื่อยๆ
“…”
“ฮึก… ลาก่อนนะ คยูฮยอน ฮึก…” พูดจบร่างบางก็หันหลังแล้วออกวิ่งตรงกลับบ้านทันที น้ำตายังคงไหลรินออกมาไม่ขาดสายจนกระทั่งถึงบ้าน
เมื่อไปถึงบ้าน ซองมินก็ตรงเข้าไปในห้องนอนและซุกใบหน้าหวานลงกับหมอนแล้วร้องไห้ออกมาอีก น้ำตาอุ่นๆไหลซึมลงไปในหมอนจนมันชื้นไปหมด แต่ร่างบางก็ไม่ใส่ใจอะไร ตอนนี้ร่างบางรู้สึกราวกับว่าหัวใจที่เขาเคยให้คยูฮยอนไปมันถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี แต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นคนทำลายมันกันแน่ เพราะคยูฮยอนก็ไม่ได้อยากให้การแต่งงานมีขึ้น แต่ซองมินก็ไม่สามารถยืนอยู่ในจุดเดิมได้อีก มันเป็นสภาวะที่อธิบายได้ยากและไม่สามารถโทษใครได้เลย ทำให้ร่างบางรู้สึกเหมือนได้รับความเจ็บปวดมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
น้ำตาไหลออกมาไม่รู้ว่ามากเท่าไร แต่มันก็ไม่ได้ช่วยพาความโศกเศร้าออกมาจากใจของร่างบางเลย สุดท้ายร่างบางก็ผล็อยหลับไปอย่างอ่อนเพลียพร้อมกับคราบน้ำตาบนใบหน้า
เย็นวันต่อมา
หลังจากผ่านพ้นช่วงบ่ายของวันที่แสนยุ่งไปแล้ว คยูฮยอนมีเวลาว่างจากงานมากขึ้น เขาเองก็เจ็บปวดไม่แพ้ร่างบางเลย ร่างสูงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตน ขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่างพลางคิดวนไปวนมาเกี่ยวกับคนรักของเขา หัวใจของเขามันตอบมาแล้วว่าซองมินคือคนที่เขารัก และเขาไม่อยากจะเสียคนคนนั้นไป แต่ในตอนนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรเช่นกัน สุดท้ายร่างสูงก็ทนต่อไปไม่ไหว เขาคว้าเอาโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเดินออกจากห้องทำงานทันที
ร่างสูงขับรถมาจนถึงหน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง เขารีบลงจากรถแล้วตรงไปกดออดหน้าประตูทันที ร่างสูงกดซ้ำไปสองครั้งแต่ก็ไม่มีใครเปิดประตูออกมา ซึ่งก็ทำให้ร่างสูงรู้ว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในบ้าน
“นาย…มาทำอะไร” เสียงหวานของคนที่ร่างสูงอยากเจอดังขึ้นจากทางข้างหลัง
“พี่ซองมิน!” ร่างสูงหันกลับมา “ทำไมกลับช้าจัง…”
“นายมาทำไม…” ร่างบางถามอีกครั้งโดยมีน้ำตาใสรื้นอยู่ที่ขอบตา
“ผม…มาหาพี่”
“ฮึก… แล้วนายจะมาหาพี่ทำไม ฮึก…” เมื่อเห็นหน้าร่างสูง ร่างบางก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาต่อไปได้อีก
“ผมคิดถึงพี่ ผมอยากเห็นหน้าพี่ ผมไม่อยากเสียพี่ไปนะ…” ร่างสูงค่อยๆก้าวเข้ามาหาร่างบางช้าๆและประคองไหล่บางที่สั่นไหวเพราะการสะอึกสะอื้นเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง
“แต่นายไม่ควรทำแบบนี้ ฮึก… นายกำลังจะแต่งงานนะ ฮึก..” ร่างบางอ้างเหตุผลขึ้น แต่ก็ไม่ได้หนีจากการเกาะกุมของมือหนานั้น “นาย ฮึก.. ไม่ต้องห่วงพี่นะ ฮึก.. พี่อยู่ได้…”
“พี่ซองมิน..”
“ขอให้ครั้งนี้เป็นการเจอกัน ฮึก…ครั้งสุดท้ายนะ..”
“…ท…ทำไมล่ะพี่” คยูฮยอนถามขึ้นอย่างตกใจและไม่เข้าใจ เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากร่างบางตรงหน้ามาก่อนเลย
“ยิ่งเราเจอกัน มันก็ทำให้พี่ ฮึก… ลืมนายยากขึ้นนะ คยูฮยอน”
“แต่…”
“นายก็ควรลืมพี่ได้แล้ว ฮึก..” พูดจบร่างบางก็ใช้มือเล็กจับมือของคยูฮยอนให้ออกจากไหล่ของตนแล้วเดินก้มหน้าซับน้ำตาเข้าบ้านไป ปล่อยให้คยูฮยอนยืนอยู่คนเดียวที่หน้าบ้านของตน
1 อาทิตย์ต่อมา
ร่างสูงนอนแผ่หราอยู่บนเตียงในยามหัวค่ำ ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศในห้องไม่ได้ช่วยให้จิตใจอันรุ่มร้อนของเขาสงบลงได้เลย สมองของเขายังคงคิดไตร่ตรองเรื่องการแต่งงานอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่วันนี้ร่างสูงก็ติดต่อซองมินไม่ได้เลย ไปหาที่บ้านก็ไม่พบ และคยูฮยอนจะไม่ยอมให้เรื่องมันเป็นแบบนี้แน่ เขาคิดว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่าง ทำอย่างไรก้ได้ให้พ่อของเขายอมยกเลิกงานแต่ง แต่ถึงจะบอกผู้เป็นพ่อไปตามตรงก็ไม่ได้ผลอยู่ดี นั่นทำให้โอกาสของเขาและซองมินดูใกล้จะเป็นศูนย์เข้าไปอีก คยูฮยอนมีความตั้งใจและมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมที่จะจัดการกับเรื่องนี้ให้ได้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้เขาเองก็ยังคงมืดแปดด้านอยู่ และเพราะอย่างนั้น ร่างสูงจึงต้องการให้ซองมินมาอยู่ข้างๆเขาและจับมือกันก้าวผ่านอุปสรรคนี้ไปด้วยกัน เขาไม่อยากให้ร่างบางสิ้นหวังและตัดใจไปก่อนแบบนี้
ร่างสูงหลับตาและใช้สองมือนวดตรงขมับตัวเองด้วยความล้า ก่อนจะหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาเปิดFacebookและสไลส์หน้าจอดูนู่นดูนี่ไปเรื่อยๆแก้เครียด จนกระทั่งไปสายตาคมก็ไปสะดุดกับโพสต์โพสต์หนึ่ง
Sungmin sml and 2 others were tagged in Shins Friend’s post
คืนนี้ยาวๆเลย ฮ่าๆๆๆๆ –at XXX restaurant 6 mins ago
ถ้าเขารีบไปหาร่างบางตอนนี้ เขาอาจจะได้มีโอกาสคุยและปรับความเข้าใจกับร่างเล็กมากขึ้นก็ได้ เพราะถึงอย่างไรก็ติดต่อคนตัวเล็กไม่ได้อยู่แล้ว ไปหาตอนนี้เลยก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรมาก คิดได้ดังนั้นเขาก็รีบหยัดกายลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกจากบ้านไปทันที ซึ่งก็นับเป็นโชคดีของร่างสูงที่วันนี้พ่อของเขาไม่อยู่บ้าน ทำให้ไม่มีใครขัดขวางเขาได้…
XXX restaurant
“มาชนอีกๆ” ชายร่างท้วมนามว่าชินดงฮีไม่พูดเปล่า แต่ยกแก้วที่มีเครื่องดื่มสีอำพันขึ้นมาพาเพื่อนในวงชนแก้วกัน วันนี้เพื่อนๆพี่ๆในกลุ่มนัดกันมาสังสรรค์ให้กับซองมินที่เพิ่งออกจากกรมหลังเสร็จภารกิจรับใช้ชาติ
“พอแล้ว เดี๋ยวเมา” ร่างบางพูดกับเพื่อนร่างท้วมหลังจากที่จิบเครื่องดื่มสีอำพันจางลงคอไปอีกเล็กน้อย
“งั้นนายก็ร่าเริงหน่อยซี่~ ซึมนานเกินไปแล้วนะ” คิมฮีชอล พี่คนหนึ่งในกลุ่มพูด “เรื่องคยูฮยอนถ้านายเลือกที่จะเดินออกมานายก็ลืมๆเขาไปเหอะ”
“แต่ซองมินมันรักเขามากเลยนะพี่…” เพื่อนร่างท้วมแย้งขึ้นเบาๆเพราะกลัวว่าคำพูดของรุ่นพี่หน้าสวยจะทำร้ายจิตใจเพื่อนตัวบางเกินไป
“ก็นายเลือกทางนี้แล้วไง ละยิ่งรักมากยิ่งต้องรีบตัดใจให้เร็ว ไม่อย่างนั้นคนที่เสียใจมันก็ไม่พ้นนายอยู่ดี…” ฮีชอลพูด
“ผมจะพยายามนะพี่…” ร่างบางตอบรุ่นพี่หน้าสวยก่อนจะหยิบแก้วเครื่องดื่มของตัวเองมาดื่มอีก
“เฮ่ย!? นั่นมัน…คยูฮยอนรึเปล่า” ยองอุนที่นั่งเงียบมานานทักขึ้นเมื่อเห็นคนที่คุ้นตาเดินเข้ามาในร้าน
ร่างบางหันไปมองในทิศเดียวกับที่ยองอุนมองไป แล้วก็ได้เห็นคยูฮยอนอยู่ในร้านและบังเอิญหันมาสบตากับเขาพอดีเช่นกัน ร่างบางถึงกับทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นร่างสูง อุตส่าห์หลบมาได้ตั้งอาทิคย์หนึ่งเพราะตั้งใจจะตัดใจแล้ว แต่สุดท้ายก็มาพบกันอีกวันนี้ ทำให้รู้สึกราวกับว่าแผลในใจนั้นถูกแกะปลาสเตอร์ออกไปก่อนที่แผลจหายดี
“สวัสดีครับ” คยูฮยอนตรงเข้ามาที่โต๊ะที่ทั้งสี่คนนั่งอยู่แล้วเอ่ยทักทาย ซึ่งทุกคนก็กล่าวทักทายกลับตามปกติ ยกเว้นแต่ซองมิน… “ผมขอยืมตัวพี่ซองมินหน่อยนะครับ… พี่ซองมิน ผมมีเรื่องที่ต้องพูดกับพี่จริงๆนะ” คยูฮยอนพูดกับอีกสามคนที่เหลือแล้วหันมาพูดกับร่างบางที่ได้แต่นั่งนิ่งไม่ยอมสบตาเขา
“…” ร่างบางได้แต่ลังเล จึงยังไม่ตอบอะไร ใจหนึ่งก็อยากจะคุยด้วย แต่อีกใจก็กลับรั้งไว้ว่าให้ตัดใจได้แล้ว
“นะพี่…”
“อืม… ก็ได้” สุดท้ายร่างบางก็ยอมใจอ่อน “งั้นเดี๋ยวผมมานะ” ร่างบางหันไปบอกผู้ร่วมโต๊ะอีกสามคน ซึ่งก็ไม่มีใครว่าอะไร ต่อจากนั้นซองมินก็เดินแยกออกมาพร้อมกับคยูฮยอน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“มีอะไร” ซองมินถามโดยพยายามสะกดเสียงของตนให้นิ่งที่สุด หลังจากเดินมาอยู่ในมุมนี่ปลอดผู้คนแล้ว
“ผม…อยากให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม”
“เฮ่อ… คยูฮยอน นายควรยอมรับความจริงได้แล้วนะ” ร่างบางถอนหายใจกับคำพูดเดิมๆของร่างสูงทั้งที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ และคำพูดนั้นก็ทำให้ร่างบางปวดใจทุกครั้งไป “แล้วนายคิดว่านายทำอะไรได้งั้นหรอ? ตอนนี้เราก็แค่ต้องลืมๆทุกอย่างมันไปซะ ไม่ต้องมาเจอกันอีก… แค่นั้นเอง” ร่างบางพูดด้วยเสียงเลื่อนลอยตรงท้ายประโยค สำหรับซองมิน การลืมคยูฮยอนมันไม่ใช่เรื่อง ‘แค่นั้น’ เลย
“แต่ผมไม่อยากลืมพี่ แล้วก็ไม่อยากให้พี่ลืมผมด้วย ทำไมเราไม่แก้ปัญหานี้ไปด้วยกันล่ะ…”
“แล้วนายมีหนทางหรอ…ก็ไม่มี นายคิดว่าเราสองคนจะทำอะไรได้งั้นหรอ” ร่างบางพยายามยกความเป็นจริงขึ้นมาพูด เพื่อให้ร่างสูงเลิกตามตนเองสักที
“แต่ผมรักพี่…แต่เรารักกันไม่ใช่เหรอ” ร่างสูงยกความรู้สึกที่ทั้งสองต่างมีให้กันเต็มอกขึ้นมาแย้งพร้อมกับก้าวเข้าไปสวมกอดคนที่ตัวเล็กกว่าเอาไว้แน่น ซึ่งร่างบางก็พยายามที่จะผละออกมา จนสุดท้ายร่างสูงก็ยอมปล่อย
“เรื่องนี้มันไม่ได้มีผลกับเราแค่สองคนนะคยูฮยอน แต่มันกระทบไปถึงพ่อนายแล้วก็คนอื่นๆด้วย ระหว่างพี่กับพ่อ…นายก็ควรเลือกพ่อสิ เธอคนนั้นที่พ่อนายหาให้ต้องดีกว่าพี่แน่ นายควรจะรักเธอนะ…" ซองมินนั้นยิ่งได้ยินคยูฮยอนบอกรักและรั้งตนไว้ก็ยิ่งเจ็บปวดเมื่อนึกถึงอนาคตข้างหน้าที่ร่างสูงกำลังจะไปเป็นเจ้าบ่าวของผู้หญิงคนอื่น แต่ก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ขณะที่ออกปากไล่ให้ร่างสูงออกไปจากชีวิต…ทั้งที่จริงๆแล้ว ใจของเขาเองมันยังคงเรียกหาแต่คยูฮยอนตลอดเวลา
“แต่เรายังไม่ได้ลองพยายามกันดูเลยนะ” ร่างสูงพูดพร้อมกับจับมือบางยกขึ้นมามาแนบอกของตนเอง
“แล้วถ้าสุดท้ายมันเสียเปล่า เราจะไม่ยิ่งเจ็บหรอ…” ร่างบางรั้งมือตัวเองออกมาจากการเกาะกุมของร่างหนาก่อนจะหันหลังเดินจากมา ร่างบางไม่อยากเห็นหน้าร่างสูงอีกแล้ว เพราะยิ่งเห็นก็มีแต่จะยิ่งเจ็บ น้ำตาที่กลั้นไว้เมื่อครู่ สุดท้ายก็หยดลงมาตามพวงแก้มใสซึ่งร่างบางก็เพียงแค่ปัดมันออกลวกๆแล้วกลับมาที่โต๊ะ “ผมขอกลับก่อนนะ” พูดเสียงสั่นๆกับผู้ร่วมโต๊ะทั้งสามคนโดยไม่เงยหน้ามาสบตาใครเลย จากนั้นก็เดินออกมาจากร้าน ซึ่งทั้งสามคนที่เห็นท่าทางผิดปกติของร่างบางก็ไม่ได้รั้งไว้เพราะต่างก็คิดว่าควรจะให้คนตัวเล็กอยู่คนเดียวสักพัก
แต่เหตุการณ์ทั้งหมดก็ใช่ว่าจะไม่มีใครในที่นั้นเห็นเลย เพียงแต่ไม่มีใครสนใจอะไรก็เท่านั้น แต่ก็ถือว่าเป็นโชคร้ายที่ในบรรดาคนตรงนั้น มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ไม่ควรจะได้เห็นเหตุการณ์นี้รวมอยู่ด้วย..
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ร่างบางเดินอยู่ริมถนนเพื่อที่จะมุ่งหน้ากลับบ้านของตน แต่เพราะอากาสเย็นๆยามค่ำคืนประกอบกับความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันทำให้ร่างบอบบางอ่อนเพลียมากขึ้น ซองมินจึงเลือกที่จะเลี้ยวเข้าไปในซอยร้างผู้คนที่จะทำให้เขาไปถึงถนนอีกเส้นได้เร็วขึ้น
‘ถึงจะพูดไปอย่างนั้น…แต่พี่ก็ไม่มีทางลืมนายได้หรอก…’ ร่างบางคิดคำนึงกับตัวเองขณะที่เดินไปเรื่อยๆ แต่ในบรรยากาศมืดสลัวนั้นเอง ก็มีไฟรถคันหนึ่งส่องสว่างมาจากทางด้านหลังของร่างบาง ก่อนที่รถคันนั้นจะแล่นเฉี่ยวร่างบางไปทำให้ร่างบางล้มลง จากนั้นรถคันหรูนั้นก็หยุดลงเลยจากจุดที่ซองมินล้มไปเล็กน้อย
หญิงสาวรูปร่างเพรียวสูงคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถ ใบหน้าของเธอถูกแต่งแต้มเครื่องสำอางเนื้อดีรับกับผมยาวสีน้ำตาลเข้มสวย เธอตรงเข้ามาหาซองมินอย่างไม่รีรอ
แต่แทนที่หญิงสาวจะเอ่ยปากของโทษนั้น เธอกลับเอาแต่ยืนนิ่งและจ้องมาทางร่างบางอย่างไม่วางตา เมื่อซองมินเห็นดังนั้นก็ทำอะไรไม่ถูก เพียงแค่ลุกขึ้นยืนแล้วปัดฝุ่นที่ติดเสื้อผ้าออก
“เอ่อ… มีธุระอะไรหรอฮะ?” ร่างบางเอ่ยถามอย่างกลัวๆ เนื่องจากทีท่าของหญิงสาวตรงหน้านั้นบ่งบอกได้เลยว่าเธอเป็นคนที่แรงไม่ใช่ย่อย
“นายนั่นแหละ…”
“ฮะ…?”
“ฉันเห็นนะว่าวันนี้นายจับมือแล้วก็กอดกับคยูฮยอน นายเป็นใครถึงมีสิทธิ์มากอดคยูฮยอนของฉัน!?” หญิงสาวแผดเสียงลั่นด้วยความโกรธ
“ด…เดี๋ยวนะ คุณคือ…”
“ชเวซูยอง คู่หมั้นของคยูฮยอน!” หญิงสาวตะโกน “และไม่ว่านายจะเป็นใคร นายก็ไม่ควรจะมายุ่งกับคู่มั่นของฉัน คยูฮยอนเขาเป็นของฉัน”
“…” ร่างบางได้แต่ตกตะลึงอยู่อย่างนั้นว่าหญิงสาวตรงหน้าตนเป็นใคร
เพี๊ยะ!
หญิงสาวเงื้อมือขึ้นมาตบเข้าที่แก้มของซองมินโดยที่ร่างบางไม่ทันได้ตั้งตัวจนเกิดเป็นรอยแดงขึ้นบนใบหน้าหวาน
“นายคงจะรู้ใช่มั้ยว่าฉันเป็นใคร และพ่อของฉันมีอำนาจมากแค่ไหน… ครั้งนี้ฉันจะถือว่าฉันแค่มาเตือน แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีกละก็คงไม่ใช่แค่รถเฉี่ยวหรือแค่ตบแบบนี้แน่… นายอาจจะได้หมัดหรือลูกปืนของลูกน้องพ่อฉันด้วย” หญิงสาวก้าวเข้ามาประชิดตัวร่างบางช้าๆขณะที่พูด และเมื่อสิ้นคำสุดท้าย เธอก็ออกแรงผลักซองมินอย่างแรงจนร่างบางเสียหลักเซไปข้างหลัง
และไม่รอฟังอะไรทั้งสิ้น ซูยองก็หันหลังกลับแล้วเดินกลับไปที่รถคันหรูของตนเองก่อนจะขับออกไปทันที
จากคำพูดของซูยองทำให้ซองมินคิดไปถึงการแต่งงานของคยูฮยอนอีกครั้ง ถ้าคยูฮยอนแต่งงานกับเธอไป…เขาจะรู้หรือเปล่าว่าเธอเป็นคนละคนกับเวลาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่แบบนี้… แต่ถ้าหากคยูฮยอนไม่ยอมแต่งงาน พ่อของเธอจะบีบบังคับหรือทำร้ายคยูฮยอนเนื่องจากไปขัดใจลูกสาวจอมเอาแต่ใจของเขาหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นคยูฮยอนจะเป็นอันตรายไหม? แล้วถ้าร่างสูงต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ เขาจะมีความสุขไหม เขาควรจะบอกเรื่องนี้กับคยูฮยอนไหม
“พี่ครับ” แต่ขณะที่ซองมินกำลังเป็นกังวลอยู่นั้นเอง ก็มีเด็กหนุ่ม 3 คนอายุราว 17-18 ปีเดินเข้ามาทักซองมิน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากแถวนี้
“ฮะ.. อ…เอ่อ ว่าไง?” ซองมินหันไปตามเสียงเรียก
“คือ… ผมขอโทษนะถ้าเป็นการยุ่งเรื่องของพี่มากเกินไป แต่ว่าผมเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว” เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูด “แล้วก็ได้ยินที่ผู้หญิงคนนั้นขู่พี่ด้วย”
“เอ่อ…”
“พวกผมว่ามันค่อนข้างร้ายแรงนะ” เด็กหนุ่มอีกคนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“เอ่อ… แล้วไงเหรอ” ร่างบางยังคงสงสัยถึงสาเหตุที่กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้มาทักตน
“คือ…” เด็กหนุ่มทั้งสามคนต่างมองหน้ากัน “ผมมีไอ้นี่… มันพอจะช่วยพี่ได้มั้ย” เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นแล้วส่งโทรศัพท์ในมือตนมาให้ร่างบาง ร่างบางรับมาอย่างงงๆก่อนจะดูสิ่งที่อยู่ในโทรศัพท์เครื่องนั้น
“ส่งให้พี่ที!” เมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ในโทรศัพท์แล้ว ร่างบางก็รีบส่งโทรศัพท์คืนให้กับเจ้าของพร้อมกับเอ่ยปากขอให้ส่งสิ่งที่เขาได้เห็นให้ด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง…
“ตอนนี้เป็นรายงานสดจากหน้าศาลยุติธรรมนะครับ ซึ่งบริเวณนี้ก็มีนักข่าวมารอสัมภาษณ์คุณชเวซูยองที่ตอนนี้ยังคงชี้แจงรายละเอียดต่อศาลอยู่ข้างในในเรื่องของข่าวที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในโลกออนไลน์อยู่ในช่วงนี้นะครับ ที่ว่า มีคลิปของคุณชเวซูยอง ลูกสาวรัฐมนตรีชื่อดังทำการข่มขู่และทำร้ายร่างกายชายคนหนึ่งในซอยมืดตอนกลางคืนครับ ผลปรากฏว่าจากการตรวจสอบความจริงแล้วเนี่ย พบว่าผู้ที่เป็นผู้ปล่อยคลิปนี้คือคู่หมั้นของเธอเองครับ โดยคลิปนี้ได้บันทึกภาพและทะเบียนของรถคันที่เธอใช้ไว้ด้วย ซึ่งเมื่อตรวจสอบจากทะเบียนรถแล้วพบว่าเป็นรถที่ไม่ได้เสียภาษี ซึ่งก็จะโยงไปถึงข่าวที่เราเคยนำเสนอไปแล้วก่อนหน้านี้นะครับ ว่ามีการตรวจสอบพบการใช้อำนาจรัฐมนตรีเพื่อหลบเลี่ยงภาษีและกระทำการทุจริตในหน้าที่ ซึ่งตอนนี้คดีก็ได้อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้วนะครับ ส่วนรายละเอียดเราจะมาชี้แจงกันในห้องส่งช่วงหน้า ส่วนตอนนี้ ผู้ประกาศปาร์คจองซู รายงานครับ”
“พี่ซองมิน” ร่างสูงของคยูฮยอนเดินมาทักซองมินจากด้านหลัง ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ที่สวนสาธารณะที่ชอบมาด้วยกันเป็นประจำในช่วงเย็นของวันหยุด
“อ้าว! คยูฮยอน มาแล้วหรอ”
“อื้ม..” ร่างสูงตอบรับในลำคอ “แล้วเรื่องนั้นเป็นยังไงบ้างอ่ะ เล่าให้ฟังหน่อยสิ”
“อ๋อ.. ก็ไม่มีอะไร พี่ชนะคดีแล้ว ตอนนี้เรื่องจบแล้วล่ะ แต่ตอนอยู่ในศาลนี่เครียดมากอ่ะ บรรยากาศกดดันสุดๆ แต่โชคดีที่ทนายพี่ดีด้วยแหละ” ร่างบางว่า “แล้วนายอ่ะ พ่อนายว่ายังไงมั่ง?”
“ก็พอเห็นข่าวพ่อก็ช็อคไปเลยล่ะ พ่อก็บอกว่าไม่รู้ว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้เพราะตอนอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่เธอเรียบร้อยมาก”
“แล้วเรื่องแต่งงานล่ะ…” ร่างบางถามขึ้นอย่างกังวลเพราะกลัวว่าพ่อของร่างสูงจะหาคู่หมั้นคนใหม่ให้กับร่างสูง
“เลิกแล้ว ฮ่าๆๆๆ พ่อบอกว่าต่อไปนี้พ่อจะไม่ยุ่งเรื่องนี้แล้ว พี่ไม่ต้องห่วง” คยูฮยอนตอบแล้วส่งยิ้มกว้างให้กับคนรัก ซึ่งเมื่อร่างบางได้ยินดังนั้นก็สบายใจขึ้นแล้วส่งยิ้มกลับมาบ้าง “พี่ซองมิน” ร่างสูงเรียกชื่อร่างบาง
“ว่าไง?”
“พี่รู้ใช่มั้ยว่าอีกไม่กี่เดือนผมก็ต้องเข้ากรมแล้วเหมือนกัน” ร่างสูงปรับน้ำเสียงให้จริงจังขึ้น
“อืม…”
“พี่ไปส่งผมได้มั้ย”
“ได้สิ” ร่างบางตอบแล้วเอื้อมมือของตนไปกุมมือร่างสูงเพื่อให้ร่างหนามั่นใจในตัวเขา “เดี๋ยววันที่นายออกจากกรมพี่จะไปรอรับนายด้วย”
“ผมเชื่อใจพี่นะ” ร่างสูงบอก
“อื้ม พี่สัญญา พี่จะรอนายนะ”
“ขอบคุณนะพี่ซองมิน แล้วก็ขอโทษด้วย…” ร่างสูงกล่าวอย่างรู้สึกผิดที่ไม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับร่างบาง
“มันผ่านไปแล้วน่า ไม่ต้องคิดมาก” ร่างบางบอกแล้วกระชับมือที่จับกันไว้ให้แน่นขึ้น ซึ่งร่างหนาก็ส่งยิ้มบางๆกลับมา “หิวแล้วอ่ะ ไปหาอะไรกินกัน” ซองมินเปลี่ยนเรื่องแล้วออกแรงดึงให้ร่างสูงเดินตามตนมา แต่ร่างสูงกลับฝืนแรงร่างบางไว้แล้วดึงให้คนตัวเล็กกว่ากลับเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตนแทน
“ผมรักพี่นะ”
“อืม.. พี่ก็รักนาย” ร่างบางตอบพลางยกแขนเล็กขึ้นมากอดเอวคนตัวสูงไว้เช่นกัน
ทั้งคู่โอบกอดกันท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆในยามเย็น แต่ความรักที่ต่างมีให้กันนั้นก็ไม่สามารถส่งผ่านไปถึงอีกฝ่ายในกอดกอดเดียวได้ ราวกับมหาสมุทรและเม็ดทรายในโลกนี้ที่ไม่มีใครรู้ว่ามันมีมากมายมหาศาลแค่ไหน ทำได้เพียงรับรู้ถึงการมีอยู่ของมันและรู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่นึกถึงสัมผัสละเอียดของเม็ดทรายและลมเย็นที่พัดจากทะเลเข้ามาปะทะกาย เช่นเดียวกับความรักที่ไม่สามารถวัดปริมาณเป็นตัวเลขได้ แต่ก็รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้สัมผัสกับมันจากคนที่เราก็รักเขาเช่นกัน…
..The End..
*********************************************************************************************************************************
จบแล้วววว>< ขอโทษที่บางทีเว้นช่วงไปนานนะคะ แล้วก็ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
ถ้ามีคำผิดหรือแต่งไม่ถูกใจอะไรยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ _/|\_