“ไม่นะ โฮวอน อย่าปล่อยมือฉัน ฉันจะช่วยนายออกมา” ดงอูร้องบอกโฮวอน…คนรักของตน ตอนนี้ทั้งคู่ถูกขวางกันจากกันด้วยซากตึกที่ถล่มจากแผ่นดินไหว
โฮวอนติดอยู่ใต้ซากตึกนั้น มีเพียงช่องว่างระหว่างก้อนปูนที่ขนาดไม่ใหญ่นัก
แต่ก็เพียงพอให้ทั้งสองคนยื่นมือมาจับกันไว้
“แผ่นดินไหวมันยังไม่หยุด นายรีบไปซะ! ไม่งั้นเราจะตายกันทั้งคู่!”
โฮวอนตะโกนกลับมา
เพราะตอนนี้ตึกแห่งนี้เริ่มจะสั่นสะเทือนอีกครั้งแล้ว
“ฮึก..ฉันจะไม่ไปโดยไม่มีนาย ฮึก…ฮือ~” คนตัวเล็กกว่าพูด
“ดงอู…ฉันรักนาย” สิ้นคำของโฮวอน
ร่างหนาก็ปัดมือของตนและของร่างเล็กออกให้เป็นอิสระจากกัน
เป็นจังหวะเดียวกับที่เพดานปูนของตึกถล่มลงมาอีกครั้ง
ก้อนปูนขนาดใหญ่หล่นลงมาใส่กองปูนที่มีร่างของโฮวอนติดอยู่ข้างใต้
ก่อนจะแตกออกแล้วตกลงมาปิดช่องว่างที่ทั้งสองใช้สอดประสานมือกันเมื่อครู่จนมิด
ตอนนี้คนตัวเล็กมองไม่เห็นร่างหนาแล้ว
“ไม่นะ! โฮวอนนนนน ฮืออออ ม่ายยยย!!~”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ม่ายยยยย” คนตัวเล็กสะดุ้งตื่นขึ้น
คราบน้ำตาอาบใบหน้า ก่อนจะพบว่ามันเป็นฝันร้ายเหมือนที่เขามักจะฝันประจำ
ร่างเล็กชันเข่าขึ้นแล้วซบใบหน้าสวยลงกับเข่าของตนแล้วร้องไห้ออกมา “โฮวอน… ฮึก…ฮึก… ฉันคิดถึงนาย ฮึก..” เป็นเวลาสามปีแล้วตั้งแต่เขาเสียโฮวอนไป
ตั้งแต่วันนั้นเขาไม่เคยเลยที่จะนอนหลับได้สนิทโดยไม่ฝันถึงคนรัก…ร่างเล็กไม่เคยจะทำใจได้เลยกับเรื่องนี้…
…3
ปีก่อนหน้า…
อีจงฮยอน อีโฮวอน
จางดงอู และอีกีกวัง กำลังเดินเล่นอยู่ใน Mexico city เมืองหลวงของประเทศเม็กซิโก
ทั้ง 4 คนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย
แม้ว่าทุกวันนี้จะทำงานอยู่ต่างที่กัน แต่ทุกคนก็ยังติดต่อกันเหมือนเดิม จะมีก็แต่
อีโฮวอน กับ จางดงอู เท่านั้นที่ได้พัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นมาอยู่ในฐานะคนรักกัน…
แต่ขณะที่ทั้งหมดกำลังเพลิดเพลินกับสังคัมเมืองที่แปลกใหม่ของเม็กซิโกซึ่งแตกต่างจากที่เกาหลีอยู่นั้น…
พื้นก็เกิดสั่นสะเทือนขึ้น…
“แผ่นดินไหว!!” กีกวังตะโกนบอกเพื่อน
“มานี่เร็ว!” จงฮยอนตะโกนขึ้นบ้าง
แล้วนำเพื่อนในกลุ่มให้ออกห่างจากบริเวณตึกสูง
“หวา!~~” ก้อนปูนจากตึกใกล้ๆตกลงมา
แต่โชคดีที่ดงอูหลบได้ทัน แต่นั่นก็ทำให้คนตัวเล็กเสียหลักล้มลง
“ดงอูเร็วเข้า” เป็นโฮวอนที่พยุงคนตัวเล็กขึ้นมา
และต่อจากนั้นจงฮยอนก็ตรงเข้ามาจับข้อมือคนตัวเล็กไว้แล้วพอวิ่งไปแทน
ทั้งหมดวิ่งไปเรื่อยๆจนมาถึงลานโล่งแห่งหนึ่งซึ่งไม่มีตึกสูงอยู่ใกล้
ชาวเม็กซิกันอีกมากมายรวมถึงนักท่องเที่ยวก็มารวมตัวกันตรงนี้
“แฮก… แฮก… ทุกคน แฮก… ปลอดภัยนะ แฮก...” กีกวังเอ่ยขึ้น
เพื่อนในกลุ่มที่เหลือจึงหันซ้ายขวาและเช็คความปลอดภัยของตนเองและเพื่อนคนอื่น
“โฮวอน! โฮวอนหายไป… โฮวอนอยู่ไหน”
ดงอูพูดขึ้นอย่างแตกตื่นเมื่อพบว่าคนรักของตนไม่ได้อยู่ด้วยกัน “มีใครเห็นโฮวอนบ้าง!?”
“…”
ไม่มีใครพูดอะไรต่อ
แต่ทุกคนต่างก็สอดส่องสายตามองหาเพื่อนอีกคนที่คงจะหลงกันตอนที่วิ่งมา
“ฮึก… โฮวอนนนนน” ดงอูตะโกนลั่นพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาอย่างหยุดไม่ได้
หวังว่าคนรักของตนจะได้ยินเสียงเรียกแล้วปรากฏตัวออกมาหา…
แต่มันก็ไม่เป็นอย่างนั้น
“ฉันจะไปดูตามโรงพยาบาลหรือไม่ก็ศูนย์ช่วยเหลือดูนะ
พวกนายก็อยู่กันที่นี่แหละ” จงฮยอนบอกกลุ่มเพื่อน
ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
จงฮยอนไปดูตามที่ต่างๆที่คิดว่าจะเจอโฮวอนหลายที่
ดูทั้งรายชื่อผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต แต่ก็ไม่พบชื่อของโฮวอนเลย… จนกระทั่งมาถึงที่หนึ่ง เขาก็พบชื่อของอีโฮวอน
“ดงอู…” จงฮยอนกลับมาหากลุ่มเพื่อนของตนหลังจากหายไปหลายชั่วโมง
“เป็นยังไงบ้าง ฮึก.. เจอโฮวอนรึเปล่า
นายเจอโฮวอนแล้วใช่มั้ย” คนตัวเล็กรีบเข้ามาหาจงฮยอนและมาเขย่าแขนร่างสูงอย่างเร่งเร้า
“คือ…” ร่างสูงของจงฮยอนอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง “โฮวอนตายแล้ว…”
…ปัจจุบัน…
“เดี๋ยวตอนเย็นฉันไปส่งเหมือนเดิมนะ” จงฮยอนบอกกับดงอูในขณะที่ทั้งสองกำลังจะแยกไปตรงโต๊ะทำงานของตัวเอง
“อืม” ร่างเล็กตอบรับ
“แหมๆ ดูแลใกล้ชิดขนาดนี้กลัวใครแย่งหรือไงคะคุณจงฮยอน” เสียงของหญิงสาวผู้เป็นเลขาฯส่วนตัวพ่วงด้วยตำแหน่งคนสนิทของจงฮยอนที่เดินผ่านมาพอดีเอ่ยแซว
“ก็ถ้าไม่ให้ห่วงแฟนแล้วจะห่วงใครล่ะ” จงฮยอนตอบกลับหญิงสาวพร้อมกับหัวเราะในลำคอน้อยๆ
“ค่า~ เอาเป็นว่าดิฉันไปเคลียร์เอกสารก่อนนะคะ
วันนี้ดูเหมือนว่าจะมีเอกสารที่คุณต้องเซ็นไม่น้อยเลย” หญิงสาวพุดก่อนจะแยกตัวไปทำงานของตนเอง
“นี่ เมื่อไหร่นายจะเลิกเล่นเรียกฉันว่าเป็นแฟนนายสักทีนะ คนอื่นเขาเข้าใจผิดกันหมดแล้วเนี่ย”
ดงอูที่เงียบมานานพูดขึ้น
“แต่ฉันทำหน้าที่แฟนได้ไม่ขาดตกบกพร่องเลยนะ” ร่างสูงตอบด้วยน้ำเสียงติดตลก
“เฮ้อ~”
“นี่ดงอู…” จงฮยอนเปลี่ยนน้ำเสียงให้จริงจังมากขึ้น “นายก็รู้ว่าฉันชอบนาย…”
“ฉันว่าฉันเคยบอกนายเรื่องนี้แล้วนะ…”
“เราลองคบกันดูไม่ได้หรอ…ดงอู
ฉันอยากให้นายลองเปิดใจให้ฉันบ้างนะ” ร่างสูงพูด
“ฉันเคยบอกนายแล้วว่าฉันยังไม่พร้อม…”
“เฮ้อ… อืม งั้นก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงฉันก็จะรอจนกว่านายจะพร้อมนะ”
“…”
ร่างเล็กนิ่งเงียบ ไม่ได้ตอบโต้อะไร
“ไปทำงานเถอะ ตอนเย็นเจอกันนะ” ร่างสูงตัดบทแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานของตน
ส่วนคนตัวเล็กก็แยกไปที่ห้องทำงานของตนเช่นกัน
ตั้งแต่วันที่ดงอูรู้ว่าเขาจะต้องเสียโฮวอนไปตลอดกาล…
ร่างเล็กก็ไม่เป็นอันกินอันนอนเลย พอกลับมาถึงเกาหลีก็เอาแต่ร้องไห้อยู่คนเดียวจนเพื่อนๆพากันเป็นห่วง
ดงอุรู้สึกเหมือนมีคนเอาดวงใจของตนออกไปจากร่างและบีบมันจนแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี…เขาเจ็บปวดเกินกว่าจะบรรยายได้
ไม่ว่าน้ำตามากแค่ไหนก็ไม่สามารถจะชะล้างความโศกเศร้าในจิตใจให้หายไปได้เลย
จนกระทั่งถึงวันที่ดงอูตัดสินใจจะ…ฆ่าตัวตาย
คนตัวเล็กก้าวขึ้นไปยืนบนขอบสะพานสูง
สายตาเหม่อลอยมองออกไปสุดลูกหูลูกตา
ลมเย็นยามค่ำคืนพัดเข้าปะทะกับใบหน้าสวยอาบน้ำตาจนมันชาไปหมด
ร่างเล็กคิดว่าเมื่อเขาดำดิ่งสู่ผืนน้ำสีดำข้างล่าง…เขาก็จะได้พบกับโฮวอน
ดงอูค่อยๆยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นเพื่อจะก้าวไปเหยียบความว่างเปล่าตรงหน้าและจมดิ่งลงไปในแม่น้ำ
แต่แล้วก็มีลำแขนแกร่งมาคว้าเอวเขาเอาไว้และดึงให้เขากลับเข้ามาในสะพาน
ดงอูเสียหลักล้มลงทับคนร่างสูงที่มารั้งตนเองเอาไว้ก่อนจะระเบิดน้ำตาออกมาอีกเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้
แขนเล็กทุบหน้าอกคนใต้ร่างเบาๆอย่างถือโทษที่มาช่วย แต่จงฮยอนก็ไม่ได้ว่าอะไร
ซ้ำยังพูดปลอบโยนคนตัวเล็กอย่างนุ่มนวน
และพูดประโยคหนึ่งที่เปลี่ยนความคิดคนตัวเล็กมาจนถึงทุกวันนี้ ‘โฮวอนคงไม่อยากให้นายตายหรอกนะ’ นี่คือคำพูดที่จงฮยอนได้พูดกับดงอูไว้
และก็นับเป็นโชคดีที่จงฮยอนออกมาตามหาดงอูเพราะไปหาที่คอนโดแล้วไม่พบ
ทำให้ดงอูมียังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้
หลังจากเหตุการณ์นั้น
ร่างสูงก็ไม่เคยปล่อยให้คนตัวเล็กอยู่ตัวคนเดียวอีกเลย
เขาเห็นว่าคนตัวเล็กเศร้าเพราะเรื่องของโฮวอน ดังนั้น
จงฮยอนจึงพยายามลบทุกอย่างที่เกี่ยวกับโฮวอนออกไปจากชีวิตของดงอู
จงฮยอนพาดงอูย้ายออกมาจากคอนโดที่ดงอูเคยอยู่กับโฮวอน เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์
และย้ายที่ทำงานจากที่เคยทำอยู่บริษัทเดียวกับโฮวอนให้มาทำที่บริษัทของตนแทย
พร้อมกับให้ตำแหน่งผุ้บริหารระดับสูงกับร่างเล็กด้วย
ส่วนเรื่องอื่นๆ จงฮยอนก็คอยดูแลดงอูตลอดไม่ขาด
ทั้งไปรับไปส่ง พาไปทานข้าว แล้วก็มีพาไปเที่ยวบ้าง
เรียกได้ว่าเข้ามาทำหน้าที่ของแฟนเลยก็ว่าได้
ซึ่งก็ทำให้คนอื่นๆเข้าใจผิดว่าทั้งคู่ตกลงคบกันแล้ว แต่จงฮยอนก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร
ส่วนตัวดงอูนั้นช่วงแรกๆก็ไม่ค่อยจะพอใจเท่าไรนัก จนวันหนึ่งที่จงฮยอนบอกกับดงอูถึงความรู้สึกที่เขามีให้กับคนตัวเล็ก
ซึ่งแน่นอนว่าดงอูปฏิเสธที่จะคบกับจงฮยอนไป
แต่จงฮยอนก็ยังทำตัวเหมือนกับทั้งคู่เป็นแฟนกันอยู่
และแม้ว่าร่างเล็กจะเห็นจงฮยอนเป็นแค่เพื่อน แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร
เพราะหลังๆมันก็มีข้อดีตรงที่ว่าจะไม่มีใครมายุ่มย่ามตามตื๊อคนตัวเล็กให้ปวดหัว
วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่จงฮยอนก็มาคอยดูแลเอาใจใส่ร่างเล็กเหมือนเดิม
ตอนนี้ดงอูดูจะดีขึ้นมากแล้วตั้งแต่เหตุการณ์ที่เม็กซิโก
ทำให้จงฮยอนคลายความกังวลเรื่องคนตัวเล็กไปได้มาก
แต่จริงๆแล้วจงฮยอนไม่รู้เลยว่าดงอูยังคงรักอีโฮวอนอยู่เต็มหัวใจไม่เคยเปลี่ยน
…วันต่อมา…
วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามปกติแบบที่เคยเป็น
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ ดงอูก็เดินผ่านแผนกHRซึ่งเป็นทางผ่านที่จะไปสู่แผนกของตน
แต่แล้วร่างเล็กก็ต้องชะงักฝีเท้าเอาไว้เมื่อได้เห็นใครคนหนึ่งซึ่งเขาจำได้ไม่เคยลืม
ร่างเล็กรีบย้อนกลับไปแล้วมองผ่านประตูกระจกใสของแผนกเข้าไปจึงได้เห็นว่า ‘โฮวอน’ นั่งอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งซึ่งดูไปแล้วน่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ทำงานของเขา
‘ม…ไม่จริง…’ ดงอูคิด ‘โฮวอนตายไปแล้วนี่ แล้วทำไม.. ถึงมาอยู่ที่นี่ได้?’
ไม่รอช้า ร่างเล็กรีบเปิดประตูและตรงเข้าไปหาโฮวอนทันที
โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่หมดเวลาพักกลางวัน จึงไม่มีใครอยู่ในห้องนั้นเลยนอกจากดงอูและโฮวอน
“โฮวอน” ร่างเล็กเรียกเรียก ซึ่งผู้ถูกเรียกก็เงยหน้าขึ้นมา
เมื่อเขาเห็นคนตัวเล็กเขาก็ดูจะตกใจเล็กน้อย…แต่แค่เล็กน้อยเท่านั้น
โฮวอนยืนขึ้นช้าๆ “นี่นายจริงๆหรอ โฮวอน นายยังไม่ตายหรอ!?”
ดงอูพูดออกมาอย่างดีใจและโผจะเข้าไปกอดร่างหนา แต่ร่างหนากลับก้าวถอยหลังหนี
ซึ่งก็ทำเอาร่างเล็กทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
“โอ้โห เจอกันก็แช่งให้ตายเลยนะ ถ้าฉันตายจริงๆก็คงจะมีความสุขมากสินะ”
โฮวอนพูดตอบดงอู
“ท…ทำไมนาย…” คนตัวเล็กอ้ำอึ้งไปชั่วครู่
ไม่เคยคิดเลยว่าโฮวอนคนที่อบอุ่นและอ่อนโยนกับเขามาตลอดจะใช้คำพูดทำร้ายจิตใจเขาถึงเพียงนี้
“หนีฉันมาคบกับจงฮยอนนี่เอง แหม่…จริงๆฉันก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าบริษัทนี้ก็เป็นของมันด้วย
สามปีนี่อะไรๆมันก็เปลี่ยนไปเยอะจริงๆ”
“น…นายรู้ได้ยังไง” ร่างเล็กถามออกไปอีก
ตอนนี้เขาไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง จงฮยอนบอกว่าโฮวอนตายไปแล้ว แต่ตอนนี้โฮวอนกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขา
แล้วถ้านี่เป็นโฮวอนจริงๆ ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้
“เมื่อวานตอนเย็นฉันเห็นนายขึ้นรถไปกับจงฮยอน…”
“ไม่ มันไม่…”
“โอ๊ะ! หมดเวลาพักเที่ยงแล้วล่ะ
ฉันคงต้องทำงานต่อแล้ว” ดงอูพยายามจะอธิบายให้ร่างหนาเข้าใจ
แต่ร่างหนาก็ไม่ฟังคนตัวเล็กเลย ซ้ำยังกลับไปนั่งทำงานแบบเดิม โดยไม่สนใจคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ตรงนั้นแม้แต่น้อย
“…ตอนเย็นฉันจะมาหานะ” ร่างเล็กพูดเบาๆโดยที่ที่ขอบตามีน้ำตาซึมอยู่
ก่อนจะเดินออกจากแผนกไปแล้วกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
ทั้งที่เขาอุตส่าห์ดีใจที่ได้เจอโฮวอนแล้วแท้ๆ
แต่ทำไมร่างหนากลับดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำไมถึงได้เย็นชาขนาดนี้
ทำไมถึงทำกับเขาเหมือนกับไม่เคยรักกันมาก่อน… ทำไมโฮวอนดูเหมือนจะเกลียดดงอูไปแล้ว
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“โฮวอน...” ตอนเย็นหลังเวลาเลิกงาน
ดงอูเปิดประตูเข้ามาในแผนกHRเป็นครั้งที่สองของวัน
คนในแผนกคนสุดท้ายเพิ่งจะกลับไปก่อนที่ร่างเล็กจะมาได้ครู่หนึ่ง
แต่อย่างน้อยโฮวอนก็ยังไม่กลับ
เป็นโอกาสดีที่ร่างเล็กอาจจะได้ปรับความเข้าใจกับร่างหนา
“…”
ร่างหนายังคงง่วนกับการทำงานของตนเองต่อไป
“นายเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ร่างเล็กพูดและนั่งลงบนเก้าอี้ว่างใกล้ๆโฮวอน
“วันนี้ไม่กลับกับจงฮยอนรึไง” ร่างหนาพูดขึ้นโดยไม่เงยหน้ามาสบตาร่างเล็กแม้แต่น้อย
อีกทั้งยังไม่ยอมตอบคำถามของร่างเล็กอีกด้วย
“…วันนี้จงฮยอนมีประชุมถึงค่ำ เขาให้ฉันกลับก่อน”
“…”
“โฮวอน.. นายตอบฉันหน่อยสิ” ร่างเล็กท้วงขึ้นเมื่อเห็นว่าโฮวอนยังไม่ยอมพูดอะไรต่อ
มันทำให้ร่างเล็กยิ่งใจไม่ดีเข้าไปใหญ่
“ฉันไม่มีอะไรจะพูด”
“นายโกรธฉันหรอ”
“…”
ร่างหนาไม่ตอบแต่กดเพียงแต่ Shut down เครื่องคอมพิวเตอร์แล้วเก็บข้าวของใส่ในลิ้นชัก
“โฮวอน…”
“ฉันกลับก่อนนะ” โฮวอนพูดกับดงอูก่อนจะเอื้อมมือไปกดปิดหน้าจอ
แล้วเดินออกไป… ทิ้งให้คนตัวเล็กอยู่ในห้องนั้นคนเดียว
น้ำตาของคนตัวเล็กที่พยายามกักเอาไว้
สุดท้ายมันก็ไหลออกมาอาบเต็มแก้มใสทั้งสองข้าง
โฮวอนที่เดินออกมาแล้ว
แต่ก็ยังไม่ได้ไปไหน
เขาแอบมองกลับเข้าไปในห้องที่เพิ่งจะเดินออกมาและได้เห็นคนตัวเล็กนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว
ร่างหนาย้ายมายืนพิงอยู่ตรงหลังเสาที่ไม่ห่างจากแผนกของเขามากนักก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อนึกถึงภาพที่คนตัวเล็ก…อดีตคนรักของตนเองน้ำตาไหลอาบแก้ม
ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรเสียเมื่อไร เมื่อวานที่เขาเห็นดงอู
ร่างหนาก็ตั้งใจจะรีบตรงเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ขาโหยหามาตลอดสามปีเช่นกัน
แต่จงฮยอนกลับตรงเข้าไปหาดงอูเสียก่อน
ซ้ำยังเดินโอบไหล่บางนั้นพาเข้าไปในรถคันหรูอีกต่างหาก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสองทั้งคนเป็นแฟนกัน
และตอนนั้นเองที่ความคิดถึงของโฮวอนได้แปรเปลี่ยนเป็นความผิดหวัง เสียใจ
และกลายมาเป็นความกลัวในที่สุด
ร่างหนากลัวที่จะให้โอกาสคนตัวเล็กได้พูด
กลัวว่าคนตัวเล็กจะพูดความจริงที่เขาไม่อยากจะยอมรับออกมา
กลัวว่าคนตัวเล็กจะหลอกเขา โฮวอนเพิ่งจะมาทำงานที่นี่ได้ไม่นาน
และเขาก็ตั้งใจจะตามหาคนตัวเล็กต่อไปเหมือนที่ทำมาตลอด
แต่มาตอนนี้ที่เขาพบคนตัวเล็กแล้ว ร่างหนากลับไม่รู้สึกดีใจเลย
ดงอูนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่คนเดียวครู่หนึ่ง
จากนั้นจึงพยายามกลั้นก้อนสะอื้นของตนเอาไว้ ปาดคราบน้ำตาทิ้ง แล้วเดินออกมาจากห้องเพื่อที่จะกลับคอนโดของตนบ้าง
ร่างเล็กเลือกที่จะยังไม่บอกเรื่องนี้กับใครรวมถึงกีกวังด้วย เพราะถ้ากีกวังรู้
กีกวังอาจจะบอกจงฮยอนก็ได้ ส่วนจงฮยอน แน่นอนว่าคนตัวเล็กจะยังไม่บอก… เขาจะต้องรู้เรื่องจากปากโฮวอนให้ได้ก่อน
และคนตัวเล็กก็ไม่ห่วงเรื่องที่จงฮยอนจะรู้ว่าโฮวอนมาทำงานอยู่ที่บรัทของจงฮยอนด้วย
เพราะแน่นอนว่าเจ้าของบริษัทไม่มานั่งไล่ดูรายชื่อพนักงานทุกคนในบริษัทของตัวเองอยู่แล้วถ้าไม่จำเป็น
และจงฮยอนก็ไม่ใช่คนที่จะละเอียดอะไรไรขนาดนั้นด้วย…เรื่องนี้ดงอูรู้ดี
…หนึ่งอาทิตย์ต่อมา…
ตลอดหนึ่งอาทิตย์นับจากวันที่ดงอูได้พบกับโฮวอนอีกครั้ง
ร่างเล็กก็ไม่ได้เจอกับโฮวอนอีกเลย จะไปหาตอนเย็นก็กลับบ้านก่อน…มันราวกลับว่าไม่มีโฮวอนอยู่ที่นี่เลย
จนกระทั่งวันนี้ ที่โชคเข้าข้างคนตัวเล็กบ้าง
“โฮวอน…” ร่างเล็กเรียกชื่อร่างหนาขึ้นจากข้างหลัง
เย็นนี้คนตัวเล็กตั้งใจจะมาซื้อกาแฟไปดื่ม เช่นเดียวกับโฮวอน… ทำให้ทั้งสองคนบังเอิญเจอกันอีกครั้ง
“ดงอู…”
“นายหลบหน้าฉันหรอ? นายหลบหน้าฉันทำไม” ร่างเล็กพูดพร้อมกับส่งสายตาเจือความเศร้าไปให้ร่างหนา
“ฉันเปล่าหลบหน้า” โฮวอนแก้ตัว
“งั้นนายไปกินข้าวกับฉันหน่อยได้ไหม… ฉันมีอะไรจะคุยกับนาย”
“แต่ฉันไม่มี…” ร่างหนาตอบด้วยเสียงเรียบนิ่งอย่างเย็นชา
“เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง ไปกับฉันเถอะนะ” ร่างเล็กพูดอ้อนวอนและก้าวเข้ามาใกล้ร่างหนาอีกก้าวหนึ่ง
และสบตาร่างหนาด้วยความหวังว่าร่างหนาจะยอมไปด้วยและจะยอมคุยกันดีๆสักครั้ง
“แล้วจงฮยอนล่ะ?”
“จงฮยอนไปดูงานที่ต่างประเทศ”
“…”
“สรุปนายไปนะ”
“…ก็ได้” สุดท้ายร่างหนาก็ยอมตกลงไปกับร่างเล็ก
“งั้นไปเจอกันที่ร้าน XXX นะ วันนี้ฉันขับรถมา
คงต้องแยกกันไป” ดงอูบอก
“อืม”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เมื่อมาถึงจุดหมาย
ทั้งสองก็จอดรถไว้ที่ใกล้ๆกัน ก่อนจะเดินเข้ามาในร้านและจับจองที่นั่ง
จากนั้นทั้งคู่ก็สั่งอาหารที่ตนเองต้องการ เพียงไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ
“โฮวอน… ตกลงนายหายไปไหนมาตั้ง 3 ปี” ร่างเล็กเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
“อยากจะรู้ด้วยหรอ” ร่างหนากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“…”
คำพูดถากถางของโฮวอนทำเอาร่างเล็กถึงกับนิ่งอึ้งไปไม่น้อย
“นายนั่นแหละที่ไม่ติดต่อฉันมาเลย แถมฉันยังติดต่อนายไม่ได้ด้วย
สุดท้ายก็มาคบกับไอ้จงฮยอนนี่เอง” โฮวอนพูดต่อ
“ฉันไม่ได้คบกับจงฮยอน…” ดงอูบอกความจริงออกไป
“ใครๆในบริษัทเขาก็รู้ทั้งนั้นว่านายน่ะคบกับจงฮยอนอยู่”
“แต่นั่นมันไม่จริงนะ...”
“แล้ววันนี้ที่ชวนฉันออกมาด้วยได้ก็เพราะจงฮยอนไม่อยู่ใช่ไหมล่ะ ไม่กลัวใครเขาจะนินทารึไงว่าคบซ้อนน่ะ”
ร่างหนายังคงพูดต่อไปโดยไม่สนใจคำค้านของร่างเล็ก
“โฮวอน… ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…” ร่างเล็กพูดขึ้นอีก ตอนนี้คนตัวเล็กเริ่มมีน้ำตาใสๆคลอที่หน่วยตาแล้ว “แต่ฉันไม่เคยเลิกรักนายเลยนะ… ฉันยังรักนายเสมอ…”
“…”
ร่างหนานิ่งเงียบเมื่อได้ฟังคำบอกรักจากปากของร่างเล็กที่เขาไม่ได้ยินมันมาตลอด
3 ปี
“โฮวอน ฉันรักนาย… เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย”
ร่างเล็กพูด
“…”
ร่างหนายังคงนิ่งและไม่ได้แสดงออกอะไร แต่เมื่อร่างหนาสัมผัสได้ถึงความจริงใจในน้ำเสียงของคนตัวเล็กที่พูดมันออกมา
และเห็นความมั่นคงในแววตาของร่างเล็กซึ่งม่านน้ำตาก็ไม่สามารถบดบังมันไว้ได้ กำแพงที่ปิดกั้นหัวใจของโฮวอนอยู่ก็เหมือนจะพังทลายลงช้าๆ
ใจหนึ่งอยากจะบอกรักกลับเหมือนที่เคยทำ แต่อีกใจหนึ่งก็ระแวงว่าคนตัวเล็กตรงหน้าจะทำให้โฮวอนเจ็บซ้ำอีกหรือเปล่า
ไม่รู้ว่าจะปักใจเชื่อคนตรงหน้าในสิ่งที่เขาได้กล่าวออกมาได้หรือไม่
“ก็ได้...” เมื่อเห็นว่าร่างหนาเอาแต่เงียบ
ร่างเล็กก็คิดว่านั่นคือคำตอบแล้ว “ถ้าอย่างนั้น.. นายอย่าเย็นชาใส่ฉันแบบนี้ได้มั้ย โฮวอน…” ครั้งนี้ร่างเล็กกล่าวออกมาด้วยสายตาเจือความผิดหวัง
“…”
จริงๆแล้วร่างหนาก็ไม่ได้อยากจะเย็นชาใส่คนตัวเล็ก
แต่เขาแค่กลัวว่าจะเจ็บไปมากกว่านี้
ทุกครั้งที่เขาเห็นคนตัวเล็กเขายอมรับว่ามีความสุขทุกครั้ง
แต่ในความสุขนั้นก็มีภาพที่คนตัวเล็กใกล้ชิดกับจงฮยอน
รวมถึงเรื่องที่ใครๆในบริษัทก็รู้ว่าเจ้าของบริษัทนี้กำลังคบกับใครอยู่
“…”
ร่างเล็กยังคงสบตาโฮวอนเช่นเดิม
“ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” พูดจบร่างหนาก็ลุกออกมาทันที
เขาแค่อยากจะอยู่คนเดียวสักพัก เขาอยากจะคิดทบทวนดูอีกครั้งกับเรื่องของดงอู
เพราะถ้าถามหัวใจเขาน่ะ มันตอบตกลงไปนานแล้ว
แต่สมองกลับย้ำเตือนภาพที่ทำให้ใจเจ็บขึ้นมาทุกครั้งที่อยากจะเอ่ยปากตอบตกลงไปตามที่ใจสั่ง
ร่างเล็กนั่งอยู่ที่โต๊ะคนเดียว
อาหารที่ถูกทานไปเพียงครึ่งเดียวก็ยังคงถูกทิ้งไว้เช่นนั้น
ตอนนี้ดงอูไม่ได้ต้องการที่จะทำอะไรทั้งนั้น เพราะตอนนี้เขากำลังกังวลอยู่แต่กับเรื่องของโฮวอน
เขาอยากจะกลับมาอยู่กับร่างหนาอีกครั้ง
หรืออย่างน้อยก็ไม่อยากให้ร่างหนาเย็นชาใส่แบบนี้…
นั่งคิดอะไรไปพลางๆ
คนตัวเล็กก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์ของร่างหนาถูกงลืมไว้บนโต๊ะ ร่างเล็กก็จำได้ทันทีว่าเป็นโทรศัพท์มือถือเครื่องเดิมกับที่ร่างหนาใช้เมื่อ
3 ปีก่อน
ตอนนี้มันมีรอยขีดข่วนมากมายที่เกิดจากการใช้งานมายาวนาน
เมื่อคนตัวเล็กเห็นว่าร่างหนายังไม่กลับมาที่โต๊ะ
คนตัวเล็กจึงเอื้อมไปหยิบมันมาไว้ในมือ
เมื่อลองกดให้หน้าจอเปิดก็พบว่าถูกใส่รหัสตัวเล็กสี่ตัวไว้
ร่างเล็กหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่งก่อนจะลองกดตัวเลขลงไป…จากนั้นเครื่องก็เปิดเข้าสู่หน้า
Home ถึงตอนนั้น
น้ำตาที่ร่างเล็กพยายามกลั้นไว้ตลอดก็ไม่อาจกักเก็บได้อีกต่อไป 2211 คือรหัสที่โฮวอนใช้
เป็นรหัสเดิมกับที่เขาใช้มาตลอดตั้งแต่ตอนที่ทั้งสองยังคบกัน…และมันเป็นตัวเลขวันเกิดของดงอู และยิ่งไปกว่านั้นรูป Wallpaper โทรศัพท์ของโฮวอนก็ยังเป็นรูปคู่ของทั้งสองตอนที่ไปเที่ยว Mexico ครั้งนั้นก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้นอีกด้วย
และเมื่อดงอูลองกดเข้าไปดูรูปภาพที่ถูกเซฟไว้
ก็พบว่ามีแต่รูปของดงอูและรูปคู่ของเขาและโฮวอน…เหมือนกับเมื่อ
3 ปีก่อนไม่มีผิด
ร่างเล็กปิดหน้าจอโทรศัพท์เครื่องนั้นแล้ววางเอาไว้ที่เดิม
ก่อนจะปล่อยน้ำตาออกมาอย่างไม่มีการเก็บไว้อีกต่อไป โฮวอนยังรักเขาอยู่ใช่รึเปล่า
ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้โฮวอนก็ยังไม่ลืมดงอูเหมือนกันใช่ไหม
ดงอูรีบปาดน้ำตาออกจากใบหน้าเมื่อเห็นว่าร่างหนาเดินกลับมาแล้ว
โฮวอนนั่งลงตรงที่เดิมจากนั้นจึงยกน้ำขึ้นมาจิบอีกเล็กน้อย
ก่อนจะก้มลงดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือของตน
“เย็นแล้ว กลับเถอะ” ร่างหนากล่าวเสียงเรียบ
“อ…อื้อ” ร่างเล็กลุกขึ้นแล้วน้ำบิลไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์แคชเชียร์
ส่วนโฮวอนก็ตรวจเช็คข้าวของของตนแล้วเก็บมือถือที่เขาวางลืมไว้เมื่อครู่ใส่กระเป๋ากางเกง
จากนั้นทั้งสองก็เดินออกมาจากร้านพร้อมกัน
.
.
.
.
.
.
.
หลังจากออกมาจากร้านอาหารก็ไม่มีใครเอ่ยเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาอีก
ทั้งคู่ต่างตรงไปที่รถของตัวเองที่จอดอยู่ใกล้ๆกัน
ร่างหนาเข้าไปนั่งในรถและสตาร์ทรถขอตัวเอง
ระหว่างที่อุ่นเครื่องยนต์เขาก็เอนศีรษะพิงกับพนักพิงแล้วหลับตาลง
พยายามจะสะกดความว้าวุ่นในหัวใจให้สงบลง
แต่สุดดท้ายก็ทำได้แต่เพียงคิดถึงเรื่องของคนตัวเล็ก…อีกแล้ว
สักครู่ใหญ่ๆต่อมาร่างหนาก็สะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตนออกไปและลืมตาขึ้นเพื่อที่จะได้ขับรถกลับบ้านของตน
แต่เมื่อเปิดเปลือกตาขึ้นเขาก็เหลือบไปเห็นดงอูกำลังยืนอยู่หน้ารถของตนเองที่ฝากระโปรงหน้าเปิดอยู่พลางก้มหาสิ่งผิดปกติ
แต่ร่างเล็กก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั้นเนื่องจากไม่เคยทำมาก่อน
จึงไม่รู้เรื่องพวกนี้นัก
ไว้เท่าความคิด
ร่างหนาก็ก้าวลงจากรถของตนโดยอัตโนมัติและตรงเข้าไปหาคนตัวเล็ก
เพื่อถามถึงปัญหาที่เกิด
“มีอะไรหรอ” ร่างหนาถาม
“อ…เอ่อ…” คนตัวเล็กตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆร่างหนาก็เป็นฝ่ายเข้ามาหาตนก่อน
แต่สุดท้ายก็ตอบคำถามออกไป “รถมันสตาร์ทไม่ติดน่ะ แต่น้ำมันก็ยังไม่หมดนะ
ไม่รู้เป็นอะไร”
“มีประกันมั้ย?”
“มี… เมื่อกี้โทร.เรียกไปแล้วล่ะ
เดี๋ยวสักพักก็มา”
“…”
“นายรอเป็นเพื่อนฉันได้ไหม โฮวอน” ร่างเล็กกล่าวพร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอนปนโศกเศร้ามาให้
จนในที่สุดโฮวอนก็ไม่สามารถต้านทานมันไหว จึงยอมตกลงที่จะรอเป็นเพื่อนร่างเล็ก
เพียงไม่นานเจ้าหน้าที่จากบริษัทประกัน 2 คนก็มาถึงพร้อมกับรถลาก
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตรงเข้ามาหาดงอูเพื่อนำเอกสารมาให้เซ็น
ส่วนอีกคนหนึ่งก็ไปตรวจสอบสภาพรถ
“เดี๋ยวต้องเอารถเข้าศูนย์ไปซ่อมนะครับ
และเราจะติดต่อกับทางบริษัทรถยนต์ของคุณให้” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกหลังจากพ่วงรถของร่างเล็กเข้ากับรถลากที่เขาขับมาเรียบร้อยแล้ว
“แล้วทางเราจะติดต่อไปแจ้งนะครับ ว่ามารับรถได้วันไหน”
“ฮะ ขอบคุณฮะ” ร่างเล็กตอบรับ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันก็จากไป
“แล้วทีนี้นายจะกลับยังไง” โฮวอนถามขึ้นเนื่องจากรถของคนตัวเล็กถูกลากออกไปแล้ว
“ก็เดี๋ยวกลับแท็กซี่ก็ได้… ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนนะ”
ร่างเล็กพูดแล้วส่งยิ้มบางๆให้ร่างหนา ตอนนี้ร่างเล็กทำตัวไม่ถูก
ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกับโฮวอน เนื่องจากสิ่งที่เขาได้เห็นในโทรศัพท์ของโฮวอนมันทำให้เขาไม่แน่ใจว่าเขาควรทำตัวอย่างไร
ถ้าโฮวอนยังรักเขาอยู่ แล้วทำไมโฮวอนถึงยังคงเย็นชาใส่เขา
ตอนนี้ในใจของร่างเล็กมีแต่ความสับสน
“…”
“ไปก่อนนะ” เมื่อร่างหนาไม่ได้กล่าวรั้งร่างเล็กไว้
ร่างเล็กจึงตัดสินใจเดินออกมาเองแล้วตรงไปยืนตรงฟุตบาทเพื่อเรียกรถแท็กซี่
ดงอูเหลียบวหลังกลับมามองก็พบว่าร่างหนาเข้าไปในรถของตัวเองแล้ว
และนั่นทำให้ร่างเล็กรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
แต่ขณะที่ร่างเล็กกำลังรอรถแท็กซี่อยู่นั้นเอง
กลับมีรถคันหนึ่งมาจอดตรงหน้าเขาแทน…รถของโฮวอน ร่างเล็กจำได้
“เดี๋ยวฉันไปส่งก็ได้” ร่างหนาลดกระจกลงแล้วบอกคนตัวเล็ก
“…”
ร่างเล็กแปลกใจเล็กน้อยที่สุดท้ายโฮวอนก็เป็นคนเสนอตัวมาส่งเขาเองโดยที่ร่างเล็กยังไม่ทันร้องขอ
แสดงว่าเขายังมีโอกาสอยู่ใช่ไหม
“ขึ้นมาสิ” สิ้นคำพูดของร่างหนา
ดงอูก็เปิดประตูรถเข้าไปนั่งตรงที่ข้างคนขับ
จากนั้นโฮวอนก็ออกรถไปโดยมีร่างเล็กคอยบอกทาง
ร่างหนาครุ่คิดอยู่ครู่หนึ่ง
และเหตุผลที่ทำให้เขายอมไปส่งคนตัวเล็กคือความเป็นห่วง
ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว และท้องฟ้าก็มืดลงทุกที
เมื่อเขาลองชั่งใจดูก็ได้คำตอบให้กับตัวเองได้ว่าเขาไม่อยากให้คนตัวเล็กกลับคนเดียวเพราะเกรงว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นได้
นอกจากเสียงบอกทางของดงอูกับเสียงตอบรับสั้นๆของร่างหนาเป็นครั้งคราวแล้ว
ก็ไม่มีใครเริ่มเป็นฝ่ายชวนคุยเรื่องอื่นก่อนเลย… จนกระทั่งมาถึงคอนโดของร่างเล็ก
“ทำไมถึงขึ้นมาส่งล่ะ” ดงอูเอ่ยถามอย่างสงสัย
ก็แน่ล่ะ เมื่อกี้นี้โฮวอนยังแทบไม่พูดอะไรกับเขาเลยสักคำ
แต่ตอนนี้กลับบอกว่าจะขึ้นมาส่งที่ห้อง เป็นใครก็ต้องแปลกใจเป็นธรรมดา
“…ก็แค่อยากรู้ว่าคอนโดใหม่นายจะเป็นยังไง” โฮวอนตอบเสียงเรียบนิ่ง
ทั้งที่จริงๆแล้วเขาอยากจะรู้มากกว่านั้น อยากจะรู้ว่าคนตัวเล็กใช้ชีวิตยังไง
มีความสุขดีรึเปล่า กินอยู่สุขสบายหรือไม่…ความจริงคือเขาอยากจะรู้ทุกๆเรื่องของคนตัวเล็กตลอดสามปีมานี้
“เข้ามาก่อนสิ” ดงอูเรียก ซึ่งร่างหนาก็ยอมเข้ามา
“จะดื่มอะไรหน่อยมั้ย?”
“ไม่ล่ะ…” ร่างหนาปฏิเสธพลางเดินดูรอบๆคอนโด “กว้างดีเหมือนกันนะ… อะ…?” ระหว่างที่ร่างหนากำลังมองไปรอบๆห้องอยู่นั้น
เขาก็รู้สึกได้ถึงความอุ่นจากร่างกายคนตัวเล็กที่รอบเอว
ดงอูเอื้อมแขนมากอดคนตัวโตกว่าแล้วซบใบหน้าหวานเข้ากับแผ่นหลังของโฮวอน
ทำให้ร่างหนารับรู้ได้ถึงน้ำตาอุ่นๆที่ซึมผ่านเสื้อเชิ้ตมาถูกผิวหนัง…ดงอูกำลังร้องไห้
“โฮวอน ฉันต้อง ฮึก… การนาย ฉันคิดถึงนายมาตลอด ฮึก…
นะ” คนตัวเล็กสะอึกสะอื้นขณะที่พูด
ส่วนร่างหนาก็ยังคงยืนนิ่ง ไม่ได้ตอบอะไรเหมือนเดิม “ฉันยัง
ฮึก… รัก ฮึก… นายเหมือนเดิม ฮึก…”
ร่างเล็กค่อยๆอ้อมมายืนตรงหน้าร่างหนาก่อนจะปลดกระดุมเม็ดบนสุดของเสื้อเชิ้ตตัวเองออกแล้วล้วงเอาบางสิ่งออกมา
“ดูนี่สิ ฮึก… สร้อยที่นายเคย ฮึก…
ให้ฉัน ฉันยังใส่ไว้อยู่เลย”
“…”
ร่างหนาเห็นอย่างนั้นแล้วก็ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้
ตอนนี้หัวใจของเขาพร้อมจะเชื่อคนตรงหน้านี้อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
ยิ่งเมื่อเห็นใบหน้าอาบน้ำตาของดงอู…เขายิ่งใจอ่อน
“ถ้านายยังรักฉันอยู่ ฮึก… นายก็อย่าหลอกตัวเองเลยนะ
ฮึก… ได้โปรด”
“ดงอู…” ร่างหนาเอ่ยชื่อคนตัวเล็กออกมาพลางใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดน้ำตาออกจากแก้มของร่างเล็ก
“ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ”
“โฮวอน… ฮึก..”
“ฉันขอโทษ” ร่างหนาสวมกอดคนตัวเล็กไว้แนบอก “ฉันขอโทษที่ไม่เชื่อนายตั้งแต่แรก ฉันแค่กลัว…
กลัวว่านายจะหมดรักฉันแล้ว
ฉันกลัวว่าฉันจะเจ็บไปมากกว่านี้ถ้าความจริงคือนายรักคนอื่น” ท้ายที่สุด โฮวอนก็ยอมพูดความรู้สึกทั้งหมดออกมา
“ไม่… ฮึก.. ฉันรักนาย”
ร่างหนาใช้มือรวบเอวคนตัวเล็กให้แนบชิดกับตนแล้วก้มลงมาประทับจูบบนริมฝีปากของคนตัวเล็ก
ซึ่งกลีบปากอิ่มก็ตอบรับสัมผัสเป็นอย่างดี
ลิ้นหนารุกล้ำเข้ามาในโพรงปากของร่างเล็กและกวาดชิมน้ำหวานอย่างโหยหา ลิ้นเล็กเองก็เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นหนาอย่างคุ้นเคย
ดงอูกัดที่ริมฝีปากของโฮวอนเบาๆทำให้ร่างหนารู้สึกร้อนรุ่มมากกว่าเดิม
โฮวอนเลื่อนมือมาปลดกระดุมเสื้อของร่างเล็กออกจนครบทุกเม็ดอย่างรวดเร็วและถอดมันออกให้พ้นจากลำตัวบาง
จากนั้นก็ดันให้ร่างเล็กนอนหงายลงบนโซฟาแล้วตามไปทาบทับก่อนจะพรมจูบลงตามลำคอขาวลงมาถึงแผ่นอกบางสร้างรอยรักสีจางเอาไว้และคนตัวเล็กเองก็แอ่นอกรับสัมผัสหวามอย่างคุ้นเคย
ซึ่งขณะนั้นเอง ร่างเล็กก็ปลดกระดุมเสื้อทำงานของร่างหนาออกจนหมดเช่นกัน
ทำให้ลอนกล้ามสีแทนปรากฏแก่สายตาของร่างเล็ก
โฮวอนผละออกมาจากลำคอระหงแล้วถอดเสื้อของตัวเอง
พร้อมทั้งกางเกงของทั้งคู่ออกไป
เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าสองร่างที่แนบชิดกันราวกับจะรวมเป็นคนคนเดียว ร่างเล็กแยกขาออกกว้างเพื่อให้ร่างหนาแทรกตัวเข้ามาได้ถนัดโดยไร้ซึ่งความกระดากอายใดๆ
เพราะเรื่องอย่างว่านี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของทั้งคู่อยู่แล้ว
ร่างหนามอบจูบเร่าร้อนให้กับร่างเล็กอีกครั้ง
และค่อยๆใช้นิ้วเบิกทางให้กับร่างเล็กช้าๆ
ซึ่งก็ทำให้ร่างเล็กกระตุกเกร็งขึ้นมาเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไป
“อ…อื้อ~” ดงอูครางออกมาขณะที่ตอบสนองต่อสัมผัสของโฮวอนถี่ระรัว
ร่างหนาขยับเข้าออกเนิบนาบเพื่อปรับสภาพคนใต้ร่างที่เขาไม่ได้สัมผัสมาร่วมสามปีพร้อม
ส่วนปากก็ยังทำหน้าที่บดจูบลงบนริมฝีปากอิ่มไม่หยุดหย่อน
ความเสียวแล่นริ้วไปตามร่างกายของคนตัวเล็กเนื่องจากถูกปลุกเร้า
ร่างหนาเร่งจังหวะเข้าออกให้เร็วขึ้นจนคนตัวเล็กรู้สึกเสียววาบในช่องท้อง
มือบางสอดเข้าไปในกลุ่มผมหนาแล้วขยุ้มเบาๆเพื่อระบายความเสียวซ่าน
และเมื่อร่างหนาเห็นว่าเห็นว่าคนใต้ร่างพร้อมแล้ว เขาก็ถอดนิ้วมือของตนออกมาและเริ่มบทรักที่แท้จริง
“ซี้ดดดด อ่าห์~” ความคับแน่นถึงกับทำให้โฮวอนต้องส่งเสียงครางออกมา
ร่างหนายกขาทั้งสองข้างของคนตัวเล็กให้มาเกี่ยวเอวของเขาไว้ก่อนจะขยับ
แม้ว่าความจริงเขาจะอยากโถมตัวเข้าหาร่างเล็กแรงเท่าใด
แต่เขาก็กลัวว่าคนใต้ร่างจะเจ็บ
“ร… แรงอีก อ๊ะ! ฉัน… ไหว…” คนตัวเล็กแค้นคำพูดออกมาอย่างยากลำบาก
และเมื่อร่างเล็กขอมาดังนั้น ร่างหนาก็สนองให้อย่างเต็มใจ ร่างหนาขยับเป็นจังหวะถี่ยิบ
โถมตัวเข้าหาคนตัวเล็กด้วยแรงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเรียกเสียงครางหวานจากร่างเล็กได้ทุกครั้งที่ร่างหนาไปถูกจุดอ่อนไหวในภายใน
มือหนาเลื่อนมาช่วยปรนเปรอให้กับร่างเล็กให้เป็นจังหวะเดียวกันกับตน
ในหัวของดงอูกลายเป็นสีขาวโพลนไปหมด สติสัมปชัญญะหลุดลอยไป
เหลือเพียงความต้องการที่เหมือนจะไม่มอดลงง่ายๆ
“อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊ะ! / อืมมม” เสียงครางหวานดังสอดประสานกับเสียงทุ้มขณะที่บทเพลงรักยังดำเนินต่อไปไม่หยุดหย่อน
ยิ่งทั้งสองต่างโหยหาซึ่งกันและกันมากเพียงใดก็ยิ่งทำให้บทเพลงรักครั้งนี้ถูกบรรเลงอย่างเร่าร้อนมากขึ้นเท่านั้น
“อ่าห์… อีกนิดนึงนะ” เสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างหูคนตัวเล็กเมื่อเห็นว่าคนใต้ร่างใกล้จะเสร็จเต็มที
ก่อนจะเพิ่มความเร็วให้มากขึ้นอีกและพยายามกดย้ำที่จุดอ่อนไหวของคนตัวเล็กซ้ำๆ
สุดท้าย
ร่างหนาก็โถมตัวเข้าหาคนตัวเล็กอย่างแรงอีกสองสามทีก่อนจะปลดปล่อยเข้าไปในตัวร่างเล็ก
ทำเอาคนใต้ร่างของเขารู้สึกอุ่นวาบไปทั้งตัวและเผลอรัดร่างหนาแน่นกว่าเดิม
คนตัวเล็กเองก็ปลดปล่อยออกมาเปื้อนมือหนาเช่นกัน
ร่างหนายกคนตัวเล็กขึ้นมาอุ้มไว้ในท่าเข้าเอว
โดยขาเรียวทั้งสองข้างของดงอูยังคงเกี่ยวอยู่ที่เอวของโฮวอน
“อีกรอบที่เตียงนะ” ร่างหนาพูดแล้วเดินเข้าห้องนอนไป
ซึ่งการเดินก็ทำให้เกิดการเสียดสีและปลุกอารมณ์ของทั้งคู่ขึ้นมาอีกครั้ง และแล้วกิจกรรมรักก็ได้ดำเนินขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองของค่ำคืนนี้
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ฉันรักนาย ดงอู… ฉันรักนาย”
โฮวอนกระซิบที่ข้างหูคนตัวเล็กที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา
หลังจะกิจกรรมรักครั้งที่สองบนเตียงสิ้นสุดลง
“อือ…รักเหมือนกัน” ร่างเล็กตอบเบาๆอย่างอ่อนเพลียก่อนจะซุกหน้าเข้ากับแผงอกกว้างแล้วหลับไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนร่างหนาก็เอาคางเกยบนศีรษะทุยของดงอูแล้วหลับไปเช่นกัน
ดงอูเปิดเปลือกตาขึ้นเมื่อแสงแดดยามสายลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาแยงตา
ร่างเล็กหันซ้ายขวามองรอบๆแต่ก็ไม่พบโฮวอนอยู่ข้างๆ
ดงอูใช้มือเท้าขอบเตียงหยัดตัวลุกขึ้นยืนช้าๆเนื่องจากความปวดที่สะโพกบาง
ก่อนจะค่อยๆเดินออกมาจากห้องนอน
กลิ่นอาหารหอมฉุยลอยมาแตะจมูก
ร่างเล็กพาตัวเองเดินเข้าไปในครัวก็เห็นว่าร่างหนากำลังเตรียมอาหารอยู่
“อ้าว! ตื่นแล้วหรอ” เมื่อโฮวอนเห็นร่างเล็กเดินมาก็รีบปิดหัวแก๊สแล้วเข้ามาพยุงเอวบางไว้
“เดินไหวไหม?”
“ว…ไหว” คนตัวเล็กตอบด้วยใบหน้าขึ้นสีน้อยๆ
“นั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวฉันตักอาหารมาให้” ร่างหนาพาร่างเล็กมานั่งที่โต๊ะกินข้าวเล็กๆที่อยู่ถัดออกมาจากโซนครัว
ก่อนจะกลับไปตักอาหารใส่จานสำหรับสองคนยกออกมาวางบนโต๊ะ
แล้วจึงนั่งลงตรงที่ฝั่งตรงข้ามกับร่างเล็ก
“ขอบใจนะ” ดงอูกล่าวจากนั้นก็เริ่มตักอาหารฝีมือร่างหนาเข้าปาก
“ตอนนั้นน่ะ… ฉันหลงกับพวกนาย” ร่างหนาเริ่มเล่าเรื่องเมื่อสามปีก่อนที่ดงอูเคยถามเขาหลายต่อหลายครั้ง
“ฉันติดอยู่ใต้ซากตึกอะไรสักอย่าง จนกระทั่งแผ่นดินไหวหยุด
ก็มีคนมาเจอฉันและช่วยออกมา…”
“…”
ร่างเล็กละความสนใจจากอาหารตรงหน้าแล้วฟังร่างหนาอย่างตั้งใจ
“โชคดีที่ฉันถูกเจอตัวเร็ว ไม่งั้นฉันคงตายไปแล้วล่ะ… นั่นแหละ ตอนนั้นฉันบาดเจ็บหนักมาก กระดูกหักไปหลายท่อนและก็ช้ำในด้วย
แต่สุดท้ายฉันก็ถูกส่งตัวไปในโรงพยาบาลที่อเมริกา” โฮวอนเล่าต่อ
“แล้ว…ยังไงต่อ?”
“ฉันเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้ง แผลบางแผลก็ติดเชื้อ และตอนนั้นขาขวาฉันก็แทบใช้การไม่ได้เลยล่ะ
เลยต้องอยู่ทำกายภาพบำบัดอยู่นานเลย…”
“จ…จริงหรอ” คนตัวเล็กถามอย่างแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“อืม พอขาหายดีแล้วหมอก็ให้กลับได้ ฉันก็เลยถามหมอเรื่องค่าใช้จ่าย
แต่หมอก็บอกว่ามีคนออกให้หมดแล้ว และหมอก็ไม่รู้ด้วยว่าคนคนนั้นเป็นใคร… พอฉันกลับมาที่เกาหลีฉันก็ติดต่อพวกนายไม่ได้เลย นายเปลี่ยนเบอร์กันหมด
และนายก็ลาออกจากบริษัทด้วย”
“…”
ฟังมาถึงตรงนี้ น้ำตาก็ค่อยๆไหลออกมาจากตาคู่หวานอีก
“สุดท้ายฉันก็ทำงานอยู่ที่บริษัทเดิม
จนบริษัทมีโปรเจคจะทุบและสร้างใหม่ทั้งหมดนี่แหละ ทางบริษัทก็จ้างพนักงานออก
แล้วฉันก็เลยมาทำงานที่นี่ แล้วก็ได้มาเจอนายอีกครั้ง…”
“ฮึก… ฮือ~ โฮวอน…”
“ร้องไห้อีกแล้ว ไม่ต้องร้องไห้แล้ว” ร่างหนาเช็ดเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มใสให้
“ฮึก… ฉันไม่รู้ ฮึก..
เลยว่านายลำบากขนาดนั้น ฮึก.. ฉันควรจะเป็นคนดูแลนายตอน ฮึก..
นั้น แต่ฉันก็ไม่อยู่ ฉันขอโทษ ฮึก.. ฮือ…”
คนตัวเล็กร้องไห้อย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร ก็ตอนนั้นนายไม่รู้นี่” ร่างหนาลุกจากเก้าอี้มาสวมกอดคนตัวเล็กจากด้านหลัง
“ไม่ต้องร้องแล้วนะ”
“ฮึก… อื้อ..” มือบางยกขึ้นมาเกาะที่แขนแกร่ง
ร่างหนาลูบหัวร่างเล็กอย่างปลอบโยนจนกระทั่งคนตัวเล็กหยุดร้องไห้ “แต่…โฮวอน
ถ้าเป็นอย่างที่นายเล่าเราก็มีปัญหาแล้วล่ะ”
“…?”
“เพราะตอนนั้นจงฮยอนออกไปตามหานายตามโรงพยาบาลกับศูนย์ช่วยเหลือต่างๆ
แล้วเขาก็กลับมาบอกฉันกับกีกวังว่านายตายแล้ว เขาบอกว่าเห็นชื่อนายที่บอร์ดรายชื่อผู้เสียชีวิต…”
“จริงหรอ…”
“หลังจากนั้นจงฮยอนก็มาบอกว่าชอบฉันแล้วก็ของคบกับฉัน… แต่ฉันก็ปฏิเสธไป แต่เขายังคอยดูแลฉันมาตลอด
และบางทีก็บอกคนอื่นว่าฉันเป็นแฟนกับเขา จนลือกันไปทั้งบริษัทนั่นแหละ”
ทั้งคู่ปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดจนได้ความว่าจงฮยอนส่งโฮวอนไปรักษาที่อเมริกาแล้วกลับมาบอกคนอื่นว่าโฮวอนตายแล้วเพราะหวังว่าดงอูจะสนใจตนมากขึ้น
“ไอ้จงฮยอน…!” ร่างหนากำหมัดอย่างโกรธแค้นที่เพื่อนสนิทของตนกลับมาหักหลังกันแบบนี้
…เช้าวันรุ่งขึ้น…
“จงฮยอน…” ดงอูเปิดประตูห้องทำงานของจงฮยอนเข้ามา
“ดงอู! เมื่อวานเลขาฉันเขาบอกว่านายลาป่วย
นายไม่สบายตรงไหนหรอ” เมื่อจงฮยอนเห็นว่าใครเข้ามา
ร่างสูงก็กุลีกุจอตรงมาหาร่างเล็ก
“ฉันไม่เป็นไร” ดงอูบอก
“ถ้างั้นนายเข้ามาหาฉัน มีอะไรรึเปล่า?”
“มีแน่…” เสียงทุ้มอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นตามด้วยเจ้าของเสียงเปิดประตูเข้ามาในห้อง
โฮวอนสาวเท้าเข้ามายืนข้างๆดงอูอย่างรวดเร็ว “ไง จงฮยอน”
“ป…เป็นไปไม่ได้ นาย…” เมื่อเห็นโฮวอน
จงฮยอนก็ได้แต่อ้ำอึ้ง พูดอะไรไม่ออก
“นายมันคนทรยศ” โฮวอนกัดฟันพูดอย่างขุ่นเคือง
“นายเป็นคนส่งโฮวอนไปอเมริกา แล้วก็มาบอกฉันว่าโฮวอนตายแล้วใช่มั้ย”
ดงอูถามขึ้นบ้าง
“…” จงฮยอนได้แต่สบตาคนตัวเล็กอยู่แบบนั้นความผิดหวังสะท้อนอยู่ในแววตาของดงอู
เขาไม่มีอะไรจะแก้ตัวทั้งนั้น…ในเมื่อความจริงถูกเปิดเผยออกมาแบบนี้
“แต่ฉันรักนายนะดงอู ฉันทำไปเพราะฉันรักนาย”
พลั่ก!
“พอแล้วๆ โฮวอน” โฮวอนปล่อยหมัดใส่จงฮยอนไปทีหนึ่งจนเกิดรอยช้ำที่มุมปากของร่างสูง
และคงจะได้อีกหลายรอยแน่ถ้าคนตัวเล็กไม่ห้ามเอาไว้เสียก่อน “ฉันผิดหวังในตัวนายจริงๆนะจงฮยอน”
พูดจบร่างเล็กก็เอาเอกสารสองใบที่ถือเข้ามาด้วยยัดใส่มือของจงฮยอน
“ดงอู… นาย…จะลาออกหรอ” ร่างสูงกล่าวขณะที่กำใบลาออกของโฮวอนและดงอูเอาไว้แน่น
“ขอโทษนะจงฮยอน ไปเถอะ โฮวอน” ร่างเล็กกล่าวแล้วเดินจูงมือร่างหนาออกมา
ปล่อยให้จงฮยอนต้องหลั่งน้ำตาให้กับผลของการกระทำของตน
ทั้งที่คิดว่าอะไรมันจะดีขึ้นถ้าทำแบบนั้น แต่สุดท้ายเมื่อความจริงถูกเปิดเผย
คนตัวเล็กก็เดินออกจากชีวิตเขาไปทันที
ความรักที่ใครๆต่างก็อยากจะไขว่คว้า มันก็ไม่ได้มอบความสุขให้เราเสมอไป เพราะบางที…สำหรับบางคน ยิ่งพยายามทำให้ได้มาครอบครอง ก็ยิ่งทำให้ห่างไกล แต่ความรักที่แท้จริง แม้จะอยู่ห่างกันเพียงใด สุดท้ายโชคชะตาก็จะทำให้ทั้งสองคนกลับมาพบกัน
THE END