กุหลาบริมคลอง(สวนสาริณทร์)
“ ตั้งแต่สามีของฉันจากไป ฉันอยู่ลำพังกับความเงียบ และความโศกเศร้า มีเพียงแต่กุหลาบเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งเดียวของฉัน ” “ คุณสาริณทร์ ” เธอไม่พูดกับใครอีกเลย หลังจากสามีของเธอได้เสียชีวิตไป
ผู้เข้าชมรวม
127
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
กุหลาบริมคลอง(สวนสาริณทร์)
“ หอมกลิ่นกุหลาบ ซึมทราบขจรไกล... ” เสียงเพลงจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงดังขึ้นอีกครั้งในตอนเช้า แสงแดดอ่อนๆกับสายลมพัดพากลิ่นหอมอบอวลของดอกไม้ขึ้นมาที่ระเบียง ฉันมองออกไปดูผู้คนเหมือนเช่นเคย บรรยากาศในตอนเช้าช่างน่าอภิรมย์นัก “ก๊อกๆ” ป้าแป้นเข้ามาในห้อง “เช้านี้คุณ สาริณทร์จะรับอะไรดีคะ” ฉันหันกลับไปยิ้มให้แกเหมือนกับทุกเช้า “ค่ะ” แกรับคำสั่งราวกับอ่านใจฉันออกอาหารเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มเหมือนกับทุกวัน ชีวิตในแต่ละวันของฉันดำเนินไปอย่างเรื่อยเปื่อยเช่นนี้ทุกวัน หลายครั้งที่ฉันรู้สึกเบื่อหน่ายจนอยากจะหลับตาแล้วหลับใหลไปตลอดกาล ฉันนั่งเหม่อมองออกไปที่นอกหน้าต่างอีกครั้งจนเวลาล่วงเลยไปจนถึงตอนบ่าย แสงแดดยามบ่ายส่องสว่าง แต่ทำไมฉันยังคงรู้สึกมืดมน ฉันลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปยังแสงสว่างเพียงอย่างเดียวของฉัน ฉันเดินออกจากตึกมุ่งหน้าไปยังสวนกุหลาบของฉัน กลิ่นหอมๆของดอกกุหลาบโชยมาพร้อมกับสายลมยามบ่าย ดอกกุหลาบมากมายหลายสีสันกำลังรอฉันอยู่ เมื่อฉันเดินไปถึงยังวิมานน้อยๆของฉัน มวลกุหลาบล้วนเบ่งบานราวกับว่าพวกหล่อนกำลังส่งยิ้มหวานๆมาให้ฉัน ฉันหยุดยืนชมความงามของพวกหล่อนไปครู่หนึ่ง พรางอมยิ้มอย่างมีความสุข ฉันเดินเข้าไปรดน้ำและสัมผัสพวกหล่อนอย่างทะนุถนอมด้วยเกรงว่าจะบอบช้ำ กลิ่นของพวกหล่อนตลบอบอวลไปทั้งสวน ไม่ได้มีเพียงฉันเท่านั้นที่หลงใหลในความงามของพวกหล่อน หมู่แมลงต่างพากันบินเชยชมความงามของพวกหล่อน เวลาความสุขช่างผ่านไปเร็วนักเมื่อแสงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า เป็นสัญญาณว่าฉันคงต้องจากมวลกุหลาบของฉันไปก่อน ฉันเดินกลับขึ้นตึกอย่างอาลัยอาวรณ์ ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากจะอยู่ในสวนเป็นส่วนหนึ่งไปกับพวกหล่อน คืนนี้บนฟ้าไม่มีดวงดาว มีเพียงแต่แสงไฟจากถนน ฉันเหม่อมองไปที่ระเบียงอีกครั้ง บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด ลมเย็นๆพัดพาความว้าเหว่มาถึงฉัน ตั้งแต่สามีของฉันจากไป ฉันอยู่ลำพังกับความเงียบและความโศกเศร้า มีเพียงแต่กุหลาบเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งเดียวของฉัน แสงอาทิตย์สาดส่องสว่างต้อนรับวันใหม่อีกครั้ง พร้อมกับกิจวัตรที่แสนน่าเบื่อของฉัน เช้านี้เป็นเช้าที่สงบเงียบจริงๆ “ เอี๊ยด....โครม ! ” เสียงขึ้นพร้อมกับเสียงของผู้คนมากมาย ฉันมองออกไปทางหน้าต่างเห็นกลุ่มคนกำลังมุงอะไรสักอย่าง ฉันตัดสินใจเดินออกนอกเขตรั้วบ้านครั้งแรกหลังจากวันที่สามีได้จากไปราวกับมีอะไรดลใจฉัน ฉันเดินเข้าไปใกล้ๆจุดเกิดเหตุเด็กผู้หญิงอายุราวสิบขวบนอนสลบอยู่ที่พื้นถนน เนื้อตัวของเธอมีบาดแผลและรอยฟกช้ำ ฉันเข้าไปอุ้มเธอเข้าไปในบ้าน
“ คุณผู้หญิงเอาเด็กที่ไหนมาคะ !? ” ป้าแป้นถามด้วยสีหน้าที่ตกใจ ฉันรีบไปหยิบกระดาษมาเขียนให้แกรีบไปตามคุณหมอ ไม่นานคุณหมอก็มาถึง “ ไม่เป็นอะไรมากครับแผลไม่รุนแรงมาก นอนพักผ่อนสองสามวันก็ดีขึ้นครับ ” ขอบคุณสวรรค์เด็กหญิงปลอดภัยดีทุกประการ เด็กหญิงหลับไปสองวันแล้วจึงฟื้นขึ้น “ หนูอยู่ที่ไหนคะ ” เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนเพลีย “ สวนสาริณทร์ ที่นี่คือสวนสาริณทร์ คุณสาริณทร์เจ้าของสวนแห่งนี้ได้ช่วยเธอไว้ ” ใบหน้าอันไร้เดียงสาของเด็กหญิงหันมาทางฉัน แววตาอันอ่อนโยนคู่นั้นมองมายังฉัน เธอค่อยๆคลานเข่าเข้ามาหาฉัน “ ขอบคุณคุณผู้หญิงมากเลยนะคะ ” เธอพูดพร้อมกับประนมและค่อยๆก้มลงกราบที่เท้าของฉัน ฉันรีบพยุงตัวเธอขึ้น ฉันยิ้มให้เธอและลูบหัวของเธอเบาๆ “ แล้วบ้านหนูอยู่ไหนล่ะป้าจะได้ไปส่ง ” เด็กหญิงเงียบไปครู่หนึ่ง
“ หนูไม่มีบ้านค่ะ พ่อแม่หนูตายหมดแล้ว ” บรรยากาศภายในห้องรับแขกเงียบไปครู่หนึ่ง ฉันเดินไปหยิบกระดาษกับปากกามาเขียนข้อความให้ป้าแป้น “ ฉันจะรับเด็กคนนี้ไว้เป็นลูก ฉันจะดูแลเธอเปรียบเสมือนเป็นลูกแท้ๆของฉัน ต่อจากนี้ไปขอให้หนูเรียกฉันว่าแม่ ” ป้าแป้นอ่านข้อความจากฉันให้เด็กหญิงฟัง น้ำตาเอ่อล้นดวงตาคู่สวยของเธอ เธอวิ่งเข้ามากอดฉัน “ ขอบคุณนะคะคุณผู้หญิง เอ่อ...คุณแม่ ” ฉันรู้สึกอิ่มเอมใจอยากบอกไม่ถูก “ แล้วหนูชื่ออะไรล่ะจ๊ะ ” ป้าแป้นพูดขึ้น
เด็กหญิงเช็ดน้ำตาบนหน้า “ หนูชื่อ.... ” ตุบ ! ฉันทุบโต๊ะเพื่อให้ทุกคนเงียบแล้วเขียนข้อความให้ป้าแป้นอ่านอีกครั้งหนึ่ง “ ต่อไปนี้หนูจะมีชื่อว่าโรส โรสแปลว่ากุหลาบในภาษาอังกฤษ หนูมีความงดงามดั่งดอกกุหลาบในขณะเดียวกันหนูก็มีความเข้มแข็งเปรียบเสมือนหนามของดอกกุหลาบ ”
เด็กหญิงยิ้มให้ฉัน “ โรส เป็นชื่อที่ไพเราะมาก ขอบคุณนะคะคุณแม่ ” สามสัปดาห์ผ่านไปตั้งแต่โรสเข้ามาอยู่ในบ้าน ฉันรู้สึกว่าบ้านมีชีวิตชีวามากขึ้น ทุกเช้าโรสจะขึ้นมาปลุกฉัน ในทุกวันหยุดเรียนของเธอ เธอจะคอยมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน บางครั้งก็อ่านหนังสือให้ฉันฟัง เล่นเปียโน รวมถึงช่วยฉันดูแลกุหลาบในสวน รอยยิ้มเล็กๆของโรสทำให้ฉันสุขใจทุกครั้งที่ได้มอง โรสทำให้ฉันรู้สึกว่าโลกใบนี้น่าอยู่กว่าเก่า ตั้งแต่สามีฉันได้เสียชีวิตไปไม่เคยมีสิ่งใดที่ทำให้ฉันยิ้มและมีความสุขได้มากขนาดนี้มาก่อน โลกที่ฉันเคยมองว่ามืดมนตอนนี้ฉันเหมือนมีแสงทองส่องลงมา ชีวิตในแต่ละวันของฉันที่เคยเป็นวันที่แสนน่าเบื่อกลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งเมื่อโรสก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าที่เมตตาส่งนางฟ้าที่งดงามนี้มาให้กับฉัน ขอบคุณพระองค์ที่ทรงเมตตาคนบาปอย่างฉัน ขอบคุณที่ทำให้ฉันได้พบแสงสว่างของชีวิตอีกครั้ง ฉันจะดูแลเธอให้ดีที่สุดเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำเพื่อลูกได้
วันเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วนักตอนนี้โรสอายุสิบห้าปี ฉันยังจำวันแรกที่ฉันพบโรสครั้งแรกได้เป็นอย่างดี วันนี้ความน่ารักสดใสของเธอยังคงอยู่ รอยยิ้มและแววตาที่อ่อนโยนคู่นั้นยังคงอยู่ มีเพียงแค่อายุที่เพิ่มขึ้นและใบหน้าที่ดูสวยขึ้นดูเป็นสาวขึ้น ชีวิตของสาววัยแรกแย้มดูสดใสและสมบูรณ์แบบ แต่โรคร้ายไม่เคยไว้ชีวิตใคร โรสกุมความลับนี้ไม่บอกฉันมาสองปี เธอป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย
เมื่อฉันได้รู้เรื่องฉันได้แต่ภาวนาให้มันเป็นเพียงเรื่องโกหก แต่ความจริงก็ยังคงเป็นความจริง โรสเหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึงปี ฉันซึมไปหลายวันจากรู้ข่าว แต่คนที่ควรจะทุกข์ที่สุดอย่างโรสกลับยิ้มได้และใช้ชีวิตอย่างปกติ “ หนูยังอยู่ที่นี่ อยู่ตรงนี้นะคะคุณแม่ ” โรสเข้ามากอดฉันจากด้านหลัง ฉันได้แต่หวังว่าจะใช้ทุกวินาทีที่เหลืออยู่กับเธออย่างคุ้มค่าถึงแม้วันหนึ่งจะต้องจากกันไป อาการของโรสทรุดลงทุกวัน แต่เธอยังคงความงดงามในแบบของเธอไว้ ฉันยังคงเห็นรอยยิ้มและยังคงได้ยินเสียงหัวเราะของเธออยู่ เธอช่างเป็นเด็กที่มีความเข้มแข็งเปรียบเสมือนหนามของดอกกุหลาบ เวลาของโรสเหลือน้อยลงทุกวัน เธอเริ่มไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้ ฉันอยู่เฝ้าดูแลเธอทั้งวันทั้งคืนเพื่อใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าที่สุด “ คุณแม่คะ ขอบคุณนะคะที่วันนั้นคุณแม่ช่วยชุบชีวิตใหม่ให้หนูอีกครั้ง ขอบคุณสำหรับความรักและทุกๆอย่างที่คุณแม่มอบให้หนู ตลอดเวลาที่หนูอยู่กับคุณแม่มา หนูพอจะรู้ว่าคุณแม่เป็นทุกข์มากมายในใจ จนไม่สามารถพูดกับใครได้อีก แต่ถ้าพรุ่งนี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนวันนี้ หนูอยากมองลงมาจากบนฟ้าแล้วเห็นรอยยิ้มของคุณแม่ ไม่ใช่น้ำตาของคุณแม่ หนูอยากให้คุณแม่มีความสุข คุณแม่กลับมาพูดอีกครั้งได้ไหมคะ? ” น้ำตาของฉันไหลอาบแก้มสองข้าง ฉันมองไปที่ลูกสาวสุดที่รักที่กำลังส่งยิ้มหวานและแววตาอันอ่อนโยนคู่เดิมมาให้ฉัน “ ได้ลูก... แม่จะพยามทำทุกๆวันให้มีความสุข ” เสียงหัวเราะของโรสดังขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา “ ขอบคุณนะคะคุณแม่ คุณแม่อย่าร้องไห้นะคะ หนูชอบรอยยิ้มสวยๆของคุณแม่ รอยยิ้มนั้นเป็นกำลังใจให้หนูมาตลอด หนูรักคุณแม่นะคะ ” ฉันบรรจงจูบลงไปที่หน้าผากของลูกสาว “ฝันดีนะลูก แม่จะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน ” เด็กสาวยิ้มให้ฉันก่อนที่จะหลับตาลง ฉันร้องเพลงกล่อมลูกจนเผลอหลับไป เมื่อถึงตอนเช้าแสงแดดอ่อนๆส่องเข้ามายังหน้าต่างห้อง โรสนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงด้วย เธอยังคงงดงามจวบจนวันสุดท้าย ฉันบรรจงจูบลงที่หน้าฝากของเธออีกครั้ง “ หลับให้สบายนะลูก ไม่ต้องห่วงแม่นะ ถึงวันนี้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่หนูก็ยังคงอยู่ในใจของแม่ตลอดไป... ”
ฆณฌ.
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ kennochagrace ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ kennochagrace
ความคิดเห็น