กุหลาบริมคลอง(สวนสาริณทร์) - กุหลาบริมคลอง(สวนสาริณทร์) นิยาย กุหลาบริมคลอง(สวนสาริณทร์) : Dek-D.com - Writer

    กุหลาบริมคลอง(สวนสาริณทร์)

    “ ตั้งแต่สามีของฉันจากไป ฉันอยู่ลำพังกับความเงียบ และความโศกเศร้า มีเพียงแต่กุหลาบเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งเดียวของฉัน ” “ คุณสาริณทร์ ” เธอไม่พูดกับใครอีกเลย หลังจากสามีของเธอได้เสียชีวิตไป

    ผู้เข้าชมรวม

    127

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    127

    ความคิดเห็น


    42

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 ก.พ. 59 / 19:37 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

     “ ตั้งแต่สามีของฉันจากไป  ฉันอยู่ลำพังกับความเงียบและความโศกเศร้า  มีเพียงแต่กุหลาบเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งเดียวของฉัน ”          “ คุณสาริณทร์ เธอไม่พูดกับใครอีกเลยหลังจากสามีของเธอได้เสียชีวิตไป  จนกระทั่งวันหนึ่งโชคชะตาได้ชักพาให้เธอได้พบกับ      “ โรส ”  เด็กหญิงไร้เดียงสาที่ทำให้เธอกลับมาพูดอีกครั้ง............



    กุหลาบริมคลอง(สวนสาริณทร์)

                “ หอมกลิ่นกุหลาบ ซึมทราบขจรไกล... ” เสียงเพลงจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงดังขึ้นอีกครั้งในตอนเช้า แสงแดดอ่อนๆกับสายลมพัดพากลิ่นหอมอบอวลของดอกไม้ขึ้นมาที่ระเบียง ฉันมองออกไปดูผู้คนเหมือนเช่นเคย บรรยากาศในตอนเช้าช่างน่าอภิรมย์นัก “ก๊อกๆ” ป้าแป้นเข้ามาในห้อง “เช้านี้คุณ     สาริณทร์จะรับอะไรดีคะ” ฉันหันกลับไปยิ้มให้แกเหมือนกับทุกเช้า “ค่ะ” แกรับคำสั่งราวกับอ่านใจฉันออกอาหารเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มเหมือนกับทุกวัน  ชีวิตในแต่ละวันของฉันดำเนินไปอย่างเรื่อยเปื่อยเช่นนี้ทุกวัน  หลายครั้งที่ฉันรู้สึกเบื่อหน่ายจนอยากจะหลับตาแล้วหลับใหลไปตลอดกาล  ฉันนั่งเหม่อมองออกไปที่นอกหน้าต่างอีกครั้งจนเวลาล่วงเลยไปจนถึงตอนบ่าย  แสงแดดยามบ่ายส่องสว่าง  แต่ทำไมฉันยังคงรู้สึกมืดมน  ฉันลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปยังแสงสว่างเพียงอย่างเดียวของฉัน  ฉันเดินออกจากตึกมุ่งหน้าไปยังสวนกุหลาบของฉัน  กลิ่นหอมๆของดอกกุหลาบโชยมาพร้อมกับสายลมยามบ่าย ดอกกุหลาบมากมายหลายสีสันกำลังรอฉันอยู่  เมื่อฉันเดินไปถึงยังวิมานน้อยๆของฉัน  มวลกุหลาบล้วนเบ่งบานราวกับว่าพวกหล่อนกำลังส่งยิ้มหวานๆมาให้ฉัน  ฉันหยุดยืนชมความงามของพวกหล่อนไปครู่หนึ่ง  พรางอมยิ้มอย่างมีความสุข  ฉันเดินเข้าไปรดน้ำและสัมผัสพวกหล่อนอย่างทะนุถนอมด้วยเกรงว่าจะบอบช้ำ  กลิ่นของพวกหล่อนตลบอบอวลไปทั้งสวน  ไม่ได้มีเพียงฉันเท่านั้นที่หลงใหลในความงามของพวกหล่อน  หมู่แมลงต่างพากันบินเชยชมความงามของพวกหล่อน  เวลาความสุขช่างผ่านไปเร็วนักเมื่อแสงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า  เป็นสัญญาณว่าฉันคงต้องจากมวลกุหลาบของฉันไปก่อน  ฉันเดินกลับขึ้นตึกอย่างอาลัยอาวรณ์  ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากจะอยู่ในสวนเป็นส่วนหนึ่งไปกับพวกหล่อน  คืนนี้บนฟ้าไม่มีดวงดาว  มีเพียงแต่แสงไฟจากถนน  ฉันเหม่อมองไปที่ระเบียงอีกครั้ง  บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด  ลมเย็นๆพัดพาความว้าเหว่มาถึงฉัน  ตั้งแต่สามีของฉันจากไป                  ฉันอยู่ลำพังกับความเงียบและความโศกเศร้า  มีเพียงแต่กุหลาบเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งเดียวของฉัน             แสงอาทิตย์สาดส่องสว่างต้อนรับวันใหม่อีกครั้ง  พร้อมกับกิจวัตรที่แสนน่าเบื่อของฉัน                             เช้านี้เป็นเช้าที่สงบเงียบจริงๆ   “ เอี๊ยด....โครม !  เสียงขึ้นพร้อมกับเสียงของผู้คนมากมาย  ฉันมองออกไปทางหน้าต่างเห็นกลุ่มคนกำลังมุงอะไรสักอย่าง  ฉันตัดสินใจเดินออกนอกเขตรั้วบ้านครั้งแรกหลังจากวันที่สามีได้จากไปราวกับมีอะไรดลใจฉัน  ฉันเดินเข้าไปใกล้ๆจุดเกิดเหตุเด็กผู้หญิงอายุราวสิบขวบนอนสลบอยู่ที่พื้นถนน  เนื้อตัวของเธอมีบาดแผลและรอยฟกช้ำ  ฉันเข้าไปอุ้มเธอเข้าไปในบ้าน

     

       คุณผู้หญิงเอาเด็กที่ไหนมาคะ !?   ป้าแป้นถามด้วยสีหน้าที่ตกใจ  ฉันรีบไปหยิบกระดาษมาเขียนให้แกรีบไปตามคุณหมอ  ไม่นานคุณหมอก็มาถึง  “ ไม่เป็นอะไรมากครับแผลไม่รุนแรงมาก                   นอนพักผ่อนสองสามวันก็ดีขึ้นครับ ”  ขอบคุณสวรรค์เด็กหญิงปลอดภัยดีทุกประการ  เด็กหญิงหลับไปสองวันแล้วจึงฟื้นขึ้น “ หนูอยู่ที่ไหนคะ ” เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนเพลีย “ สวนสาริณทร์  ที่นี่คือสวนสาริณทร์  คุณสาริณทร์เจ้าของสวนแห่งนี้ได้ช่วยเธอไว้ ”  ใบหน้าอันไร้เดียงสาของเด็กหญิงหันมาทางฉัน  แววตาอันอ่อนโยนคู่นั้นมองมายังฉัน เธอค่อยๆคลานเข่าเข้ามาหาฉัน “ ขอบคุณคุณผู้หญิงมากเลยนะคะ ” เธอพูดพร้อมกับประนมและค่อยๆก้มลงกราบที่เท้าของฉัน  ฉันรีบพยุงตัวเธอขึ้น      ฉันยิ้มให้เธอและลูบหัวของเธอเบาๆ  “ แล้วบ้านหนูอยู่ไหนล่ะป้าจะได้ไปส่ง ”  เด็กหญิงเงียบไปครู่หนึ่ง

    “ หนูไม่มีบ้านค่ะ พ่อแม่หนูตายหมดแล้ว ”  บรรยากาศภายในห้องรับแขกเงียบไปครู่หนึ่ง  ฉันเดินไปหยิบกระดาษกับปากกามาเขียนข้อความให้ป้าแป้น  “ ฉันจะรับเด็กคนนี้ไว้เป็นลูก  ฉันจะดูแลเธอเปรียบเสมือนเป็นลูกแท้ๆของฉัน  ต่อจากนี้ไปขอให้หนูเรียกฉันว่าแม่ ”  ป้าแป้นอ่านข้อความจากฉันให้เด็กหญิงฟัง  น้ำตาเอ่อล้นดวงตาคู่สวยของเธอ เธอวิ่งเข้ามากอดฉัน  “ ขอบคุณนะคะคุณผู้หญิง เอ่อ...คุณแม่ ”  ฉันรู้สึกอิ่มเอมใจอยากบอกไม่ถูก  “ แล้วหนูชื่ออะไรล่ะจ๊ะ ”  ป้าแป้นพูดขึ้น

    เด็กหญิงเช็ดน้ำตาบนหน้า  “ หนูชื่อ.... ”  ตุบ ! ฉันทุบโต๊ะเพื่อให้ทุกคนเงียบแล้วเขียนข้อความให้ป้าแป้นอ่านอีกครั้งหนึ่ง “ ต่อไปนี้หนูจะมีชื่อว่าโรส  โรสแปลว่ากุหลาบในภาษาอังกฤษ  หนูมีความงดงามดั่งดอกกุหลาบในขณะเดียวกันหนูก็มีความเข้มแข็งเปรียบเสมือนหนามของดอกกุหลาบ ”

    เด็กหญิงยิ้มให้ฉัน “ โรส เป็นชื่อที่ไพเราะมาก ขอบคุณนะคะคุณแม่ ”  สามสัปดาห์ผ่านไปตั้งแต่โรสเข้ามาอยู่ในบ้าน  ฉันรู้สึกว่าบ้านมีชีวิตชีวามากขึ้น  ทุกเช้าโรสจะขึ้นมาปลุกฉัน  ในทุกวันหยุดเรียนของเธอ  เธอจะคอยมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน  บางครั้งก็อ่านหนังสือให้ฉันฟัง  เล่นเปียโน  รวมถึงช่วยฉันดูแลกุหลาบในสวน  รอยยิ้มเล็กๆของโรสทำให้ฉันสุขใจทุกครั้งที่ได้มอง  โรสทำให้ฉันรู้สึกว่าโลกใบนี้น่าอยู่กว่าเก่า  ตั้งแต่สามีฉันได้เสียชีวิตไปไม่เคยมีสิ่งใดที่ทำให้ฉันยิ้มและมีความสุขได้มากขนาดนี้มาก่อน  โลกที่ฉันเคยมองว่ามืดมนตอนนี้ฉันเหมือนมีแสงทองส่องลงมา  ชีวิตในแต่ละวันของฉันที่เคยเป็นวันที่แสนน่าเบื่อกลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งเมื่อโรสก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว  ขอบคุณสวรรค์  ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าที่เมตตาส่งนางฟ้าที่งดงามนี้มาให้กับฉัน  ขอบคุณพระองค์ที่ทรงเมตตาคนบาปอย่างฉัน  ขอบคุณที่ทำให้ฉันได้พบแสงสว่างของชีวิตอีกครั้ง  ฉันจะดูแลเธอให้ดีที่สุดเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำเพื่อลูกได้

     

    วันเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วนักตอนนี้โรสอายุสิบห้าปี  ฉันยังจำวันแรกที่ฉันพบโรสครั้งแรกได้เป็นอย่างดี  วันนี้ความน่ารักสดใสของเธอยังคงอยู่  รอยยิ้มและแววตาที่อ่อนโยนคู่นั้นยังคงอยู่  มีเพียงแค่อายุที่เพิ่มขึ้นและใบหน้าที่ดูสวยขึ้นดูเป็นสาวขึ้น  ชีวิตของสาววัยแรกแย้มดูสดใสและสมบูรณ์แบบ  แต่โรคร้ายไม่เคยไว้ชีวิตใคร  โรสกุมความลับนี้ไม่บอกฉันมาสองปี  เธอป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย

    เมื่อฉันได้รู้เรื่องฉันได้แต่ภาวนาให้มันเป็นเพียงเรื่องโกหก  แต่ความจริงก็ยังคงเป็นความจริง  โรสเหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึงปี  ฉันซึมไปหลายวันจากรู้ข่าว  แต่คนที่ควรจะทุกข์ที่สุดอย่างโรสกลับยิ้มได้และใช้ชีวิตอย่างปกติ  “ หนูยังอยู่ที่นี่  อยู่ตรงนี้นะคะคุณแม่ ” โรสเข้ามากอดฉันจากด้านหลัง  ฉันได้แต่หวังว่าจะใช้ทุกวินาทีที่เหลืออยู่กับเธออย่างคุ้มค่าถึงแม้วันหนึ่งจะต้องจากกันไป  อาการของโรสทรุดลงทุกวัน  แต่เธอยังคงความงดงามในแบบของเธอไว้  ฉันยังคงเห็นรอยยิ้มและยังคงได้ยินเสียงหัวเราะของเธออยู่  เธอช่างเป็นเด็กที่มีความเข้มแข็งเปรียบเสมือนหนามของดอกกุหลาบ  เวลาของโรสเหลือน้อยลงทุกวัน  เธอเริ่มไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้  ฉันอยู่เฝ้าดูแลเธอทั้งวันทั้งคืนเพื่อใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าที่สุด  “ คุณแม่คะ  ขอบคุณนะคะที่วันนั้นคุณแม่ช่วยชุบชีวิตใหม่ให้หนูอีกครั้ง  ขอบคุณสำหรับความรักและทุกๆอย่างที่คุณแม่มอบให้หนู  ตลอดเวลาที่หนูอยู่กับคุณแม่มา  หนูพอจะรู้ว่าคุณแม่เป็นทุกข์มากมายในใจ  จนไม่สามารถพูดกับใครได้อีก  แต่ถ้าพรุ่งนี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนวันนี้  หนูอยากมองลงมาจากบนฟ้าแล้วเห็นรอยยิ้มของคุณแม่  ไม่ใช่น้ำตาของคุณแม่  หนูอยากให้คุณแม่มีความสุข  คุณแม่กลับมาพูดอีกครั้งได้ไหมคะ? ” น้ำตาของฉันไหลอาบแก้มสองข้าง  ฉันมองไปที่ลูกสาวสุดที่รักที่กำลังส่งยิ้มหวานและแววตาอันอ่อนโยนคู่เดิมมาให้ฉัน  “ ได้ลูก... แม่จะพยามทำทุกๆวันให้มีความสุข ”  เสียงหัวเราะของโรสดังขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา “ ขอบคุณนะคะคุณแม่  คุณแม่อย่าร้องไห้นะคะ  หนูชอบรอยยิ้มสวยๆของคุณแม่  รอยยิ้มนั้นเป็นกำลังใจให้หนูมาตลอด  หนูรักคุณแม่นะคะ ”  ฉันบรรจงจูบลงไปที่หน้าผากของลูกสาว  “ฝันดีนะลูก  แม่จะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน ” เด็กสาวยิ้มให้ฉันก่อนที่จะหลับตาลง  ฉันร้องเพลงกล่อมลูกจนเผลอหลับไป  เมื่อถึงตอนเช้าแสงแดดอ่อนๆส่องเข้ามายังหน้าต่างห้อง  โรสนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงด้วย  เธอยังคงงดงามจวบจนวันสุดท้าย  ฉันบรรจงจูบลงที่หน้าฝากของเธออีกครั้ง  “ หลับให้สบายนะลูก  ไม่ต้องห่วงแม่นะ  ถึงวันนี้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน  แต่หนูก็ยังคงอยู่ในใจของแม่ตลอดไป... ”           

                                                                                                                                                                         ฆณฌ.

     

     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×