RED STONE WAR(สงครามหินแดง) - นิยาย RED STONE WAR(สงครามหินแดง) : Dek-D.com - Writer
×

    RED STONE WAR(สงครามหินแดง)

    โดย nemon

    คนเราเกิดมามีเพียงแค่สองวันเท่านั้นที่สำคัญที่สุดในชีวิต คือวันที่เราเกิด และ วันที่เรารู้ว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร

    ผู้เข้าชมรวม

    2,428

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    8

    ผู้เข้าชมรวม


    2.42K

    ความคิดเห็น


    25

    คนติดตาม


    48
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  85 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  14 มิ.ย. 58 / 14:07 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูรายการอีบุ๊กทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                                RED STONE WAR     สงครามหินแดง       

                               ณ ตรอกเล็กเล็กแห่งหนึ่งแถวตลาดบางกอกน้อย ตรงเข้าไปจนสุดซอยจะเห็นโรงงานหล่อพระขนาดใหญ่ มีเสียงเครื่องจักรโรงงาน และเสียงคนงานหล่อพระพูดคุยตะโกนโหวกเหวก เสียงดังกันจนอื้ออึงไปหมด ด้านข้างโรงงานมีซอยเล็กเล็ก พอดีจอดรถจักยานยนต์ได้ซักสองคัน เข้าไปจนสุดซอยเล็กเล็กนั้น มีบ้านเช่าเป็นบ้านไม้ทาสีแดงเป็นบ้านสองชั้นเก่าเก่า ด้านบนชั้นสองของบ้าน มีเด็กน้อยอายุเพียงแปดขวบเศษเศษ นั่งอยู่ริมระเบียงตรงขอบหน้าต่าง เด็กน้อยดูท่าทางเศร้าซึมแตกต่างจากเด็กทั่วไปในวัยเดียวกัน เด็กน้อยมองดูภาพเบื้องหน้าขอตน เห็นเพียงแต่กำแพงของโรงงานหล่อพระ บดบังทุกสิ่งทุกอย่างที่เด็กน้อยต้องการอยากจะเห็น เด็กน้อยอยากเห็นท้องฟ้าที่สวยงาม ต้นหญ้า ลำธาร และเด็กน้อยยังเฝ้ารอคอยบิดาของเขาที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวที่เขามี ซึ่งบิดาของเขาได้ออกจากบ้านไปทำงาน ตั้งแต่เช้าตรู่เหลือเพียงตัวเขาและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างต่าง ภายในห้อง ที่บิดาของเขาซื้อไว้ให้ นั้นก็คือ คอมพิวเตอร์ หนังสือการ์ตูนหลายเล่ม และ ซีดีหนังแผ่นจำนวนมาก
                                   ซึ่งเด็กน้อยเรียกสิ่งของพวกนี้ว่าเพื่อน เด็กน้อยนั่งมองกำแพงของโรงงานหล่อพระขนาดใหญ่ แล้วน้ำตาหยดน้อยน้อย ของเจ้าหนูก็ไหลออกมาจากสองตา ดวงตาเจ้าหนูน้อยแดงกล่ำ เนื่องจากเมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้ เด็กน้อยยังมีมารดาอยู่ มารดาของเจ้าหนูน้อยได้เสียชีวิตลง เนื่องจากถูกโจรใจทรามปล้น และจี้เอาทองของมารดาเด็กน้อย แต่ทว่ามารดาของเด็กน้อยขัดขืนจึงถูกแทงจนเสียชีวิตที่กลางซอย ภาพสุดท้ายที่จำได้คือใบหน้าของมารดาคล้ายคล้ายนอนหลับไปนั้นเอง ไม่มีรอยยิ้มที่อบอุ่นของมารดาอีกแล้ว มองไปรอบรอบห้อง  เด็กน้อยมองสิ่งของต่างต่างที่เคยได้ใช้กับมารดาของตน หนังแผ่นซีดีเรื่องโปรดที่เคยดูด้วยกัน โต๊ะกินข้าว ที่เคยกินด้วยกันครบครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตากัน ที่นอนที่แม่เคยนอนกอด ผ้าห่มผืนน้อยที่เคยแย่งกันห่มกับมารดา เสียงหัวเราะที่แสนสุขมันไม่มีอีกแล้ว พอเห็นสิ่งเหล่านี้ เด็กน้อยรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ ปั่นป่วนไปถึงช่องท้อง ทรมานกับการสูญเสีย มันยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน พอแล้วความปวดร้าวพอแล้ว เด็กน้อยพูดกับตัวเองภายในใจ

    --ทำไมพระเจ้าใจร้ายกับเราเสียเหลือเกิน ทำไมโลกใบนี้ไม่น่าอยู่เสียเลย โลกแบบนี้ไม่น่ามีเสียดีกว่า ใครก็ได้มาทำให้โลกใบนี้หายไปเสียทีเถอะใครก็ได้ เด็กน้อยอธิฐานด้วยใจปราถนาอย่างแท้จริง --

    กลางดึกคืนนั้นเอง

     < ในคืนนี้บิดาของเขายังไม่กลับถึงบ้านเนื่องจากต้องไปกินเลี้ยงกับลูกค้า ซึ่งบิดาของเขาได้โทรมาบอกในช่วงหัวค่ำแล้ว> เด็กน้อยตกใจตื่นขึ้นมาในเวลากลางดึก เนื่องจากได้ยินเสียงเรียกตนเองที่ไม่คุ้นหูเอาเสียเลย เป็นเสียงที่แหบแห้งคล้ายเสียงหญิงชราและเบามาก

      เจ้าหนู เจ้าหนู

                                        เด็กน้อยตกใจลืมตาเบิกกว้างเหงื่อไหลท่วมใบหน้า แต่ทว่า ทุกอย่างภายในห้องกับมืดสนิทจนมองอะไรไม่เห็นเลย แต่ความรู้สึกของเด็กน้อยรับรู้ได้ว่า ตนเองยังอยู่บนเตียง เค้ายังอยู่ในห้องนอนของตนและเหมือนกับว่าภาพต่างต่างนั้น จะเริ่มเห็นชัดขึ้นเรื่อยเรื่อย เด็กน้อยขยี้ดวงตาของตัวเองเพื่อเรียกสติและเพ่งมองไปตรงด้านหน้าของตน สิ่งที่เห็นต่อหน้าของเด็กน้อยนั้น ทำให้น้ำตาหยดน้อยน้อย ของเด็กน้อยหลั่งไหลพรั่งพรูออกมา พร้อมกับโผเขาโอบกอดร่างที่อยู่ต่อหน้าของเด็กน้อย

     แม่ แม่ แม่ แม่กลับมาแล้ว”   

                                         ภาพที่อยู่เบื้องหน้าของเด็กน้อย คือใบหน้าและรูปร่างของมารดาของเขาจริง แต่เมื่อได้สัมผัสโอบกอดกลิ่นกาย กลับไม่ใช่สิ่งที่เด็กน้อยคุ้นเคย เด็กน้อยเกิดความสับสนภายในใจแต่เค้าไม่สนใจอีกแล้ว ขอเพียงได้แม่ของเขากลับมาก็เพียงพอแล้ว

    เจ้าหนู เจ้าหนู ข้าไม่ใช่แม่ของเจ้าหรอก ตัวข้านั้นคือภาพแสดงตนที่เจ้าอยากเห็นไงล่ะเสียงแหบแห้งคล้ายเสียงหญิงชราได้เอ่ยขึ้น---

    ไม่จริง ไม่จริง เนี๊ยะคือแม่ของหนูแม่กลับมาแล้ว เด็กน้อยกล่าว

    ข้าไม่ใช่แม่ของเจ้า เสียงแหบแห้งที่แผ่วเบาได้กล่าวขึ้นอีก ถ้าไม่เชื่อเจ้าหนูลองจับใบหน้าของข้าดูสิ เสียงในเงามืดกล่าว เด็กน้อยค่อยค่อยเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของมารดาเขาที่อยู่เบื้องหน้าอย่างเบามือและเมื่อมือน้อยน้อยที่สั่นอย่างกลัวกลัว เมื่อสัมผัสถูกใบหน้านั้น เด็กน้อยถึงกับผงะดวงตาเบิกกว้างตกใจสุดขีด เมื่อเห็นใบหน้าที่เด็กน้อยได้สัมผัส ใบหน้านั้นเริ่มบิดเบี้ยวเปลี่ยนรูปร่างทันที ใบหน้าที่เด็กน้อยเห็น ที่คุ้นเคยได้เปลี่ยนเป็นใบหน้าของตัวเด็กน้อยเอง เด็กน้อยตกใจสุดขีดถีบตัวหนีจากจุดนั้นทันที แต่ทว่าเด็กน้อยไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่น้อย เด็กน้อยได้แต่เพียงจ้องมองเพียงสิ่งที่อยู่ด้านหน้าของตนเพียงเท่านั้น เด็กน้อยพยายามจะตะโกนเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ทว่าเสียงของเด็กน้อยกลับไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้แม้แต่น้อย ปากของเจ้าหนูไม่สามารถขยับได้เลย สิ่งมีชีวิตด้านหน้าของเด็กน้อย ก็เริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้อีก

     เจ้าหนูอย่ากลัวข้าเลย ตัวเจ้านั่นแหล่ะที่เรียกตัวเรามาเจ้าจำไม่ได้รึเสียงแหบแห้งนั้นเอ่ยขึ้น

    เด็กน้อยหยุดนิ่งไม่ดิ้นรนอีก แต่กลับจ้องมองใบหน้าของตัวเองที่อยู่เบื้องหน้าอย่างตั้งใจ ข้าคือสิ่งที่เจ้าร้องขอไงล่ะ

    สิ่งที่ผมขอเหรอครับ เด็กน้อยคิดภายในใจ

    ใช่แล้วข้าคือสิ่งที่เจ้าร้องขอเสียงแหบแห้งนั้นตอบอย่างช้าช้า

     เด็กน้อยตกใจกลับสิ่งที่เกิดขึ้น คุณอ่านใจผมได้เหรอ

     ใช่ข้าอ่านใจเจ้าได้ เสียงนั้นตอบเด็กน้อยอีกครั้ง เด็กน้อยยังจ้องมองใบหน้าของตนอย่างเงียบเงียบ เจ้าหนู เจ้าจงฟังข้าให้ดี ข้าสามารถมอบสิ่งที่เจ้าต้องการได้สิ่งที่เจ้าต้องการทุกอย่างไงล่ะ เด็กน้อยนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง

    งั้นผมขอให้แม่กลับมาอยู่กลับผมได้มั้ยครับ ชุบชีวิตแม่ผมให้ที

    สิ่งนั้นอยู่นอกเหนือสิ่งที่เจ้าร้องขอ เสียงแหบแห้งนั้นตอบ สิ่งที่เจ้าร้องขอคือทำลายโลกใบนี้ที่โหดร้ายสำหรับเจ้าไม่ใช่รึ ข้ามอบสิ่งนั้นให้เจ้าได้ โลกใบนี้มันไม่น่าอยู่สำหรับเจ้าไม่ใช่รึ ก็ใช่ครับ ผมเกลียดพวกคนเลวที่มีอยู่มากมายบนโลกนี้ คนเลวที่ทำร้ายแม่ผมคนเลวเลวผมอยากให้หายไปจากโลกนี้ เด็กน้อยคิดภายในใจ  เจ้าจะให้ข้าทำยังไงเพื่อจะได้ให้โลกใบนี้สูญสิ้นไปล่ะ เสียงแหบแห้งนั้นตอบอีกครั้ง ข้าเพียงแต่ให้เจ้า เสนอวิธีการทำลายโลกใบนี้ส่วนตัวข้าจะสนองตอบเจ้า ว่ายังไงล่ะเจ้าหนูเจ้ามีวิธีไหนรึ เด็กน้อยนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

     ผมอยากให้คนเลวเลวทั้งหลายต่อสู้กันเองให้คนที่ดีดีอยู่รอดครับเพราะว่าคนดีมักจะถูกคนเลวเอาเปรียบและข่มเหงเสมอ

    แล้วจะทำยังไงให้คนเลวสู้กันเองได้ล่ะเสียงแหบแห้งตอบ ความเลวของมนุษย์เกิดจากความโลภ คนเลวมักจะควบคุมความโลภของตัวเองไม่ได้ ความโลภของมนุษย์จะทำลายจิตใจอันดีงามของมนุษย์เอง แล้วเจ้าจะทำยังไงให้มนุษย์เหล่านั้นเกิดความโลภได้ล่ะ

     ผมจะให้คนเลวเลวพวกนั้นแย่งชิงสิ่งที่พวกเขาต้องการครับ เด็กน้อยตอบ

    แล้วมันคืออะไรล่ะสิ่งที่เจ้าคิด เสียงแหบแห้งตอบ ก็มีความร่ำรวย ความเก่ง พลังเหนือธรรมชาติ พลังที่เสริมสร้างให้คนที่โลภมาก ที่ต้องการอำนาจที่เหนือกว่าคนอื่น ความเป็นอมตะและอีกหลายหลายอย่างครับเด็กน้อยตอบภายในใจ --- อืม อืม น่าสนใจทีเดียวงั้นเจ้าลองนึกคิดสิ่งที่เจ้าต้องการอยากให้มีบนโลกนี้ขึ้นมาแล้วข้าจะสร้างให้เจ้า เอาล่ะ ลองว่ามาสิ เสียงแหบแห้งกล่าว

     ผมอยากให้มีพลังที่จับสิ่งของที่ไม่มีค่าอะไรให้กลายเป็นทองได้ครับ เด็กน้อยกล่าว

     น่าสนใจได้ดีข้าจะสร้างให้เจ้าเสียงแหบแห้งของหญิงชราตอบโดยทันที

    ทันใดนั้นเองก็มีเสียงประหลาดดังขึ้น

    ป๊อบ

                                  มีกลุ่มควันสีเขียวเขียวขนาดเล็กลอยฟุ้งขึ้นอยู่เบื้องหน้าของเด็กน้อย เด็กน้อยตกใจสดุ้งสุดตัวแต่ทว่า ไม่สามารถขยับตัวได้อีก

    เจ้าไม่ต้องกลัวเจ้าหนูนี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการไงล่ะลองมองดูสิ่งที่เจ้าสร้างมันขึ้นมาสิ เด็กน้อยหันไปมองดูตรงบริเวณรอบรอบที่มีกลุ่มควันค่อยค่อยจางหายไป สิ่งที่เด็กน้อยมองเห็นนั้นก็คือ มีสร้อยคอประหลาดสีเงินนวลขาวสวยงามประดับด้วยจี้คอคล้ายคล้ายผลึกแก้วสีเหลืองนวลมองดูสวยงามใส จนมองทะลุได้มองดูภายในผลึกมีวัตถุประหลาดอยู่ภายใน คล้ายคล้ายสิ่งมีชีวิตขยับอยู่ภายใน

     นี้คือสร้อยอะไรเหรอครับ เด็กน้อยเอ่ยถาม

     สร้อยเส้นนี้ก็คือ ตัวแทนหรือสิ่งที่เชื่อมโยงพลังวิเศษที่เจ้าจิตนการขึ้นมาไงล่ะ เสียงหญิงชราตอบ

     ผมไม่เข้าใจหมายถึงอะไรหรือครับแล้วมันใช้ยังไงครับ

                                      เอาล่ะ เอาล่ะ ใจเย็นเย็นเจ้าหนูเจ้าจงฟังข้าให้ดี เด็กน้อยนิ่งเงียบดวงตาจับจ้องมองสร้อยผลึกนั้น สลับกับใบหน้าที่อยู่ในความมืดเบื้องหน้าอย่างจดจ่อ สร้อยผลึกนี้เป็นสิ่งเปราะบาง ที่แฝงไปด้วยพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ เพียงแค่ครอบครองไว้มันจะไม่ส่งผลใดใดให้กับผู้เป็นเจ้าของมัน หากเสียแต่ว่าผู้ที่ครอบครองมัน กัดและดื่มกินของเหลวภายในผลึกนั้น พลังอำนาจในผลึกจะหลอมรวมกับผู้เป็นเจ้าของมัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและเมื่อหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วจะเกิดเป็นรอยอักขระขึ้นบนตัวผู้เป็นเจ้าของไงล่ะ หรือจะเรียกว่ารอยสักก็ได้ ผู้ครอบครองสามารถรวบรวมพลังต่างต่างได้หลายแบบมากมาย แต่ไม่เกินยี่สิบชนิด

     ถ้าเกินยี่สิบชนิดละครับจะเป็นยังไงเหรอเด็กน้อยสอบถามด้วยความสงสัยเป็นอย่างยิ่ง

                                    ถามได้ดีนิเจ้าหนูเสียงหญิงชราตอบ ผู้ที่ครอบครองผลึกวิเศษเกินยี่สิบชนิดขึ้นไปจะไม่สามารถใช้ร่างกายมนุษย์ได้อีก จะกลายร่างเป็นอสูรแล้วแต่ว่าพลังที่มีนั้นเป็นพลังชนิดใดและอยู่ในระดับใด แล้วถ้าไม่อยากเป็นอสูรละครับ มีวิธีแก้มั้ยครับถ้าเกิดว่าอยากเป็นคนอยู่อ่ะครับ

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า เสียงหัวเราะที่ฟังแล้วน่าขนลุกขนพองจนทำให้เจ้าหนูน้อยขนลุกไปทั้งตัว เสียงหัวเราะของร่างที่อยู่ในเงามืดเบื้องหน้าของเด็กน้อยหัวเราะออกมา

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าชักชอบเจ้าแล้วซิเจ้าหนูถามได้ดี มีวิธีแก้อยู่วิธีหนึ่งนั่นก็คือ ผลึกสีแดงไงล่ะ

     ผลึกสีแดงคืออะไรครับ

                                         ผลึกแดงเกิดจากเหตุที่ว่าผู้ที่ครอบครองพลังวิเศษดับสูญไงล่ะ หากผู้ที่มีพลังวิเศษดับสูญ อาจจะเป็นด้วยเหตุใดก็ตามไม่ว่าชราภาพตายหรือถูกสังหารร่างของผู้มีพลังวิเศษจะสูญสลายกลายเป็นหมอกควัน โดยไม่มีร่างเนื้อหรือกายหยาบหลงเหลืออยู่เลย จะเหลือก็คงมีเพียงแค่ผลึกสีแดงสดเหมือนเช่นผลึกสีเหลืองอ่อนที่เจ้าเห็นอยู่เบื้องหน้านี้แหละ

    ไม่มีศพหรือครับ

    ใช่แล้วที่เจ้าพูดก็ถูกอีก ฮ่า ฮ่า ฮ่า

                                  เสียงหัวเราะอันน่าขนลุกขนพองนั้นก็เปล่งออกมาอีก ถูกใจข้าเสียเหลือเกินเจ้าหนู เจ้าเข้าใจอะไรง่ายดีนิ เจ้าอยากรู้มั้ยละว่าผลึกสีแดงมีไว้เพื่ออะไร

    ครับผมอยากรู้เด็กน้อยตอบ

                                    ถ้าเจ้าอยากรู้ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟัง ผลึกสีแดงสามารถดูดเอาพลังวิเศษที่ติดตัวของผู้ครอบครองพลังของผลึกได้ไงล่ะ เพียงแค่นำเอาผลึกสีแดงสัมผัสไปบนรอยสักหรืออักขระที่เจ้าต้องการ ความสามารถของผลึกแดงจะดูดเอาพลังของอักขระนั้นกลับเข้าคืนสู่ผลึกอีกครั้ง แล้วผลึกสีแดงก็จะกลายเป็นผลึกสีอื่นตามความสามารถของอักขระที่ได้ดูดซับมา

    ถ้าคนที่มีพลังวิเศษหลายหลายอย่างตายแล้วถ้าเกิดคนคนนั้นมีพลังอยู่ห้าชนิดเวลาตายจะกลายเป็นผลึกแดงห้าชนิดเลยรึเปล่าครับ เด็กน้อยคิดภายในใจ

    ไม่หรอกหนึ่งคนก็กลายเป็นผลึกแดงแค่คนเดียวก็กลายเป็นหนึ่งอันเท่านั้น พลังวิเศษที่คนผู้นั้นมีก็จะสูญสลายไปเสียงหญิงชราตอบ

     งั้นถ้าอยากมีพลังก็ต้องฆ่าคนที่มีพลังวิเศษเพื่อนำผลึกแดงมาดูดเอาพลังอีกคนนั้นก็เท่ากับว่าหนึ่งชีวิตแลกกับหนึ่งพลังวิเศษใช่มั้ยครับ

     ถูกต้องแล้วล่ะเสียงหญิงชราที่แหบแห้ง ที่เบาจนต้องแทบเงี่ยหูฟังตอบ

     แล้วเจ้ากลัวมั้ยล่ะเจ้าหนูกับสิ่งที่เจ้าอยากให้มีบนโลก สิ่งที่เจ้าคิดจะทำให้มีคนล้มตายเป็นจำนวนมาก

     ไม่ครับ ผมไม่กลัวเพราะคนที่ต้องตายต้องเป็นคนที่เลวที่โลภมากอยากได้อยากมี

    นั่นก็แล้วแต่เจ้าล่ะนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เสียงหัวเราะอันน่ากลัวก็ดังลั่นขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าเจ้าเข้าใจแล้ว เอาล่ะเจ้าอยากให้มีอะไรที่ให้จะให้ข้าสร้างเป็นผลึกอีกเจ้าก็บอกข้ามา เด็กน้อยนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง

    ผมอยากให้อาวุธทุกชนิดที่มีอยู่บนโลกนี้ที่มนุษย์สร้างขึ้นให้กลายเป็นผลึกให้หมดเลยครับ

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น