ความโง่ของผม - ความโง่ของผม นิยาย ความโง่ของผม : Dek-D.com - Writer

    ความโง่ของผม

    นี่มันเป็นความโง่ของผมเองที่หลงไหลได้ปลื้มกับกระแสโลก กระแสแห่งความทันสมัยโดยไม่ได้คิดถึงเลยว่าพวกเราทุกคนมาจากอะไรกัน

    ผู้เข้าชมรวม

    98

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    98

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 ก.ค. 50 / 09:24 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ว๊าววววววว

                      ผมร้องลั่นเมื่อภาพตรงหน้าประจักษ์แก่สายตา

                      ก็อะไรซะล่ะ  นี่มันสุดยอดแห่งจินตนาการของผมแท้ๆ  ทั้งคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่  โทรศัพท์รุ่นสุดเจ๋ง  เครื่องเกมพกพาสุดล้ำ ไหนจะเกมที่เราไม่มีวันแพ้  อะโห  ถ้าหากนี่เป็นความฝันก็คงจะเป็นฝันที่ไม่อยากให้หายไปซะจริงๆ  ทีนี้แหละ จะได้ไม่ต้องไปง้อแม่ซะที  แม่ที่ชอบบ่นที่ผมไม่ค่อยตั้งใจเรียน  ไม่สุงสิงกับใคร  ชอบเอาแต่หมกตัวอยู่หน้าคอมทั้งวัน  เหอๆ ทีนี้แหละน้า ว่าแต่  ใครมาส่งเสียงวุ่นวายแถวนี้ว้า

      นายน้อย  นายน้อย

      เสียงผู้หญิงหวานๆที่ไหนไม่รู้ร้องเรียก  ฉันไม่ใช่นายน้อยของเธอนะว้อย  จะไปไหนก็ไปไป๊  อย่ามายุ่งกับความฝันของฉัน

      นายน้อย ตื่นเร็วจ้ะ

      ครั้งนี้มันไม่ได้มาแค่เสียง  แต่มันมาพร้อมแรงราวช้างสารที่เขย่าตัวผมจนหัวเกือบหลุดออกจากบ่า

      งืม  อะไรว้า

      ผมงัวเงียด้วยความหงุดหงิด  ก็จะไม่ให้เป็นยังงี้ได้ไงในเมื่อไอ้เครื่องเกมและอะไรทั้งหลายแหล่นั่นเป็นแค่ความฝันเท่านั้น  หงุดหงิดโว้ย

      นายน้อยเป็นอะไรไหมจ้ะ  เดี๋ยวหนูเอาน้ำมาให้นะ

      ผมซึ่งยังงงๆอยู่ก็ได้แต่พยักหน้าแล้วก็ค่อยๆพยุงตัวขึ้นพร้อมกับรวบรวมความทรงจำ

      ง่า   นึกออกแล้ว  เมื่อวันก่อนแม่โกรธผมมากที่ไม่ยอมทำอะไรเลย  วันๆเอาแต่เล่นเกมทั้งๆที่เป็นวันสอบปลายภาค  พอสอบเสร็จแม่ก็สั่งว่าให้ผมมาอยู่ที่บ้านพักบ้านนอกแห่งนี้  แล้วใครจะไปยอมล่ะ  วันนั้นทั้งวันผมเลยขังตัวอยู่ในห้องยิ่งกว่าเดิมซะอีก  ข้าวก็ไม่ได้กินเพราะล็อคห้องเอาไว้กลัวว่าแม่จะสั่งคนรับใช้ให้ลากตัวผมออกมาให้ได้  กลางดึกของอีกวันผมเลยต้องค่อยๆย่องออกไปหาของกิน  ที่ไหนได้ล่ะ  โดนใครก็ไม่รู้รวบตัวเข้าให้  สันนิษฐานว่าพวกนั้นคงจะรออยู่หน้าห้องตลอดเวลาล่ะมั้ง  จากนั้นก็หมดสติไปเลย  เพิ่งจะตื่นเมื่อกี๊นี้แหละ  ซวยชะมัด  เสียรู้แม่อีกแล้ว

      นี่จ้ะน้ำเย็น  นายน้อยกินก่อนนะแล้วค่อยไปล้างหน้าเด็กสาวอายุไม่น่าจะเกิน 15 วิ่งโครมๆเอาน้ำมาให้พร้อมพูดอย่างละล่ำละลัก

      เอาออกไป  อย่ามายุ่งกับฉัน

      ผมตวาดลั่นพร้อมเอามือปัดถาดแก้วตกแตก  ยัยเด็กนั่นมองอย่างตกใจอ้าปากคล้ายจะพูดอะไรบางอย่างแต่แล้วกลับหุบลงแล้วออกจากห้องไปหาผ้ามาเช็ดทำความสะอาด

      ผมมองอย่างหงุดหงิดที่เธอทำเฉยอย่างกับผมไม่มีค่าซะงั้นเลยเดินตึงๆออกมาจากห้องนอนแล้วมาหยุดอยู่ที่ระเบียงบ้าน  เมื่อมองออกไปถึงได้รู้ว่าที่นี่คือบ้านเล็กในป่าใหญ่ของแท้  เพราะที่ๆยืนอยู่นี้คือบ้านไม้ 2 ชั้น มองไปข้างหน้าคือภูเขา  ข้างๆก็สวนผลไม้  ดูแล้วช่างห่างไกลความเจริญซะจริงๆ

      โว้ยยยย  แม่นะแม่  ทำไมต้องทำอย่างงี้ด้วย

      ผมร้องอย่างฉุนเฉียวแล้วก็เลยไปลงกับเสาบ้านต้นใหญ่  ผลก็คือเจ็บจนน้ำตาไหลแต่มันก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์ของผมดีขึ้น  แม่ทำอย่างงี้กับผมได้ยังไง  มาปล่อยผมในที่กันดารอย่างนี้ได้ยังไงกัน  แค่เล่นเกมทั้งวันเนี่ยนะ  โกรธเว้ย โกรธๆๆๆๆๆๆ

      แม่งเอ๊ย

      ผมสบถอย่างเคยชินแล้วจะเดินเข้าห้องแต่กลับมียัยเด็กบ้านี่ยืนทำหน้าเหรอหราอยู่ซะงั้น  ฮึ่มมมม

      ออกไป๊  ฉันจะอยู่คนเดียว

      เธอทำหน้าตกใจกับอารมณ์ของผม  ก็นะ  ผมไม่เคยทำกับใครอย่างนี้  แต่ก็ช่างมันปะไรใครมันบังอาจมายุ่งกับผมล่ะก็  ตายแน่!

      ว่าแล้วก็เดินลงส้นตึงๆไปกระแทกตัวบนเตียงที่ผมเพิ่งจะฟื้นมาเมื่อครู่แล้วข่มตาเพื่อหวังว่าจะหลับให้มันรู้แล้วรู้รอดไป  แต่สุดท้ายความง่วงก็ไม่ได้ย่างกรายมาหาสักนิด

      เฮ้อ  แล้วกรูจะทำไงดีฟะเนี่ย

      นายน้อย  นายน้อยหลับหรือยังจ๊ะเสียงเด็กสาวคนเมื่อครู่ดังขึ้น ผมเลยต้องไปเปิดประตูให้อย่างไม่รู้จะทำอะไรให้ดียิ่งกว่านั้น

      มีอะไร

      คุณนายโทรศัพท์มาจ้ะ  ขอคุยกับนายน้อยผมมองมือถือรุ่นโบราณอย่างชั่งใจว่าจะพูดอย่างไรกับแม่ให้สาสมกับที่ทำกับผมไว้ดี  แต่สุดท้าย เพื่อเห็นแก่อิสรภาพที่อาจมาถึงไวขึ้นเลยต้องพูดอย่างอดกลั้น

      ทำไมแม่ทำกับผมอย่างนี้ล่ะฮะ

      อ้าว ผิดคาดแฮะ  นี่ลูกไม่ได้อาละวาดหรอกเหรอ

      ไม่ผิดคาดหรอก ผมอาละวาดไปแล้วรอบหนึ่งแล้วก็กำลังจะมีรอบต่อไปแล้วด้วย  ว่าไงฮะทำกับผมอย่างงี้ทำไม

      ก็แล้วลูกจะให้แม่ทำยังไงในเมื่อลูกของแม่ติดเกมขนาดนั้น

      ก็ทำวิธีอื่นก็ได้นี่  พูดดีๆก็ได้ผมละทึ่งตัวเองชะมัดที่ทนได้นานขนาดนี้

      แม่ลองทุกวิถีทางแล้วลูกจำไม่ได้เหรอเออว่ะ  มันก็จริง

      โถ่แม่ฮะ  แล้วจะให้ผมอยู่อย่างงี้ได้ยังไง ที่นี่มันมหากันดารอย่างนี้  ผมไม่เคยใช้ชีวิตอย่างนี้นะ

      คนอื่นเขาอยู่ได้ลูกก็ต้องอยู่ได้สิจ๊ะ ไม่เอาน่าเบสท์ ไม่นานหรอกลูกถ้าทำตัวดีๆแล้วแม่จะไปรับเร็วๆ

      แต่แม่  ผมอยู่อย่างนี้ไม่ได้นะ แม่มารับผมนะครับผมจะเลิกเล่นแล้วผมอ้อนแม่สุดกำลัง  แต่ประโยคสุดท้ายนั้นตอแหลเต็มๆ

      อืม ไม่ได้หรอกจ๊ะ ทำตัวดีๆนะลูก ว๊ายตายแล้ว  ถึงเวลาประชุมแล้วแม่ไปก่อนนะจ๊ะ  บ๊ายบายแล้วสัญญาณก็ตัดไปในขณะที่ผมถือมือถือค้างท่าเดิม

      ว๊ากกกกก  นี่กรูต้องอยู่ที่นี่จริงๆใช่ไหมเนี่ยแล้วจะทำยังไงดีวะ กรูจะอยู่คนเดียวกลางป่าแบบนี้ได้ยังไง โฮๆๆ อยากร้องไห้ซะจริง

      แต่เมื่อทำใจรู้แล้วว่าถึงจะทำยังไงก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยตัดสินใจเดินลงไปดูบริเวณบ้านก็เลยได้ประจักษ์ว่าที่นี่คือบ้านพักตากอากาศของครอบครัวผมเองแต่เก่าลงไปเยอะ  สีไม้เริ่มซีดหายจากเมื่อหลายปีก่อนที่ผมเคยมาที่นี่  บริเวณบ้านเต็มไปด้วยกล้วยไม้ป่าและต้นไม้นานาชนิด  บางต้นสูงเลยบ้านไปแถมยังมีกล้วยไม้ขึ้นบนยอดไม้ตามธรรมชาติอีก  เดินไปไม่ไกลก็เห็นแม่น้ำสายเล็กๆที่มีน้ำใสแจ๋ว  ถัดไปก็เป็นป่าโปร่งที่มองคล้ายกับเกมเลเวลต่ำๆสักเกมเนี่ยแหละ

      ยืนชมป่าไปได้สักพักก็รู้สึกถึงความชื้นและลมร้อนๆที่น่องขาหลัง  ผมหันไปดูแล้วก็ต้องชักเท้าหนีอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นเจ้าตัวต้นเหตุที่เป็นเจ้าตัว 4 ขาสีดำปลอดกระดิกหางให้

      เฮ้ย  ไปไกลๆไป๊  ไปเซ่ผมตวาดมันอย่างดังแต่มันกลับกระดิกหางแรงขึ้นพร้อมเงยหน้าสบตาผมซะงั้น

      ไอ้ตั๋ง  ไปไกลๆไปเสียงเด็กหญิงคนเดิมสั่งทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมาอย่างเอาเรื่อง

      ฉันอยากอยู่คนเดียว  เธอจะไปไหนก็ไป

      ไม่ได้หรอกนายน้อย  แม่บอกให้ดูแลนายน้อยให้ดีๆเพราะแถวนี้มันป่าทั้งนั้น

      ผมมองหน้าซื่อๆนั้นอย่างปลงๆเพราะคนอย่างผมคงไม่สามารถยั่วโมโหเธอได้ง่ายๆแน่ และในเมื่อรู้ว่าทำอะไรไม่ก็จะเดินข้ามน้ำไปยังอีกฝั่งเพื่อไปนั่งที่โขดหินใหญ่ริมแม่น้ำสายเล็กๆนี่

      นายน้อยระวังนะ  มันลึกเท่าเอวเลย  ต้องเดินข้ามทางนี้จ๊ะเธอรีบชีบอกซึ่งก็ทำให้ผมต้องมองไปยังท้องน้ำอีกครั้ง  มันลึกขนาดนั้นเลยหรือเนี่ย

      เธอชื่ออะไรผมเปิดประเด็นเมื่อได้ที่มั่นเรียบร้อย

      ชื่อแป้งจ้ะ อายุ 14ขวบ

      อยู่แถวนี้มีอะไรให้ทำมั่ง

      หนูอยู่นี่ก็ไปตลาดนัดบ้าง ไปน้ำตกบ้างแต่ส่วนมากก็ช่วยแม่ทำสวนนี่ล่ะจ้ะ

      เฮ้อ  ก็รู้อะนะว่ามันกันดาร  แต่โว้ย...มันจะกันดารมากไปไหมเนี่ย

      เหอะ  แม่นะแม่  กลับไปล่ะก็คอยดูนะ  จะเล่นเกมให้หนำใจไปเลย

      นายน้อย  อย่าหาว่าหนูสั่งสอนเลยนะแต่นายน้อยต้องมาที่นี่เพราะว่านายน้อยเล่นเกมมากไม่ใช่เหรอ  ทางที่ดีหนูว่านายน้อยควรจะเลิกเล่นได้แล้วนะเพราะว่าคุณนายเขาห่วงนายน้อยมากเลย

      เธอพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่ถึงกระนั้นก็เถอะ  แค่คำพูดของเธอก็ทำให้ผมขึ้นได้แล้ว

       เธอว่าอะไรนะ  เธอคิดว่าเธอเป็นใครฮะมาสั่งสอนฉัน  เธอมันก็แค่คนรับใช้ไม่ใช่หรือไง  อย่ามาแส่เรื่องของเจ้านายเขา  แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ  ไม่งั้นล่ะก็ฉันเอาเธอตายแน่ผมด่าเธออย่างแรงทำเอาหน้าเสียแล้วก็รีบจ้ำอ้าวกลับบ้าน  หึ  เด็กอย่างนี้มันต้องโดนซะมั่งช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูงซะเลย  ผมเป็นใคร มันเป็นใคร ไม่รู้ว่าแม่ผมเลี้ยงมันไว้ได้ยังไงกันนะ เสียข้าวสุกชะมัด

       

      จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ 4 วันแล้วที่ผมไม่ได้ย่างกรายออกจากบ้านเหตุเพราะไม่ชินกับอากาศและความไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีนอกจากไปค้นหาหนังสือเก่ารุ่นพระเจ้าเหาที่มีอยู่ในห้องเก็บหนังสือมาอ่านแก้เซ็งไปวันๆ  คนดูแลบ้านที่มีอยู่ 3 คนพ่อแม่ลูกก็ผลัดกันนำอาหารขึ้นมาให้แล้วก็ลงไป ทิ้งให้ผมหง่าวอยู่คนเดียว  เฮ้อ  แม่นะแม่  ทำกับผมหนักได้ใจจริงๆ

      เสียงดังปึกๆ ดังขึ้นจากข้างล่างผมเลยเดินออกไปดูเพื่อหาต้นเสียง  เด็กแป้งที่ผมด่าไปวันนั้นกำลังขะมักเขม้นง้างค้อนผ่าไม้อะไรสักอย่างสีดำอย่างเอาเป็นเอาตายทำให้ผมสงสัยว่าทำไมเด็กผู้หญิงตัวบางเช่นเธอกลับมีแรงเยอะขนาดนี้นะ  ทั้งที่เพื่อนๆผมแต่ละคนวันๆเอาแต่แต่งหน้าและวี้ดว้ายผู้ชายไปวันๆเท่านั้น 

      เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมที่กำลังคิดอะไรเพลินจึงหลบตาไม่ทัน

      เธอผ่าอะไรน่ะผมเอ่ยถามอย่างจนด้วยเกล้า

      อ๋อ  นี่คือไม้ฟืนจ้ะ เอาไว้ย่างปลา เสร็จแล้วนายน้อยไปเดินเล่นกันไหมจ๊ะเธอถามพร้อมยิ้มกว้างราวกับไม่ได้โดนผมด่าเมื่อวันก่อน

      ง่า  เออไหนๆก็ไหนๆ  เดินไปยืดเส้นยืดสายบ้างก็ดีนะ ผมคิด

       

                นายน้อยอยู่แต่ในบ้านไม่เบื่อเหรอจ๊ะเธอเอ่ยปากถามเมื่อเราเดินเคียงกันไปบนถนนลูกรังสายเล็กๆ

      ก็เบื่อน่ะสิ  อยากกลับบ้านเต็มแก่แล้ว  เฮ้ย  ไปไกลๆไป๊ประโยคหลังผมหันไปพูดกับไอ้ตั๋งที่เดินตามตูดมาอย่างกับขี้ปลาทอง

      ไอ้ตั๋งมันอยากรู้จักนายน้อยน่ะ  ลองให้มันดมดูสิเธอแนะนำซึ่งผมก็นึกสนุกด้วยเลยหยุดให้มันดมสมใจหมาย  จากนั้นมันก็เอาลิ้นแฉะๆมาเลียหลังมือทำเอาผมขนลุกซู่ด้วยความขยะแขยง

      กลับบ้านไปล้างมือเดี๋ยวนี้เลยผมพูดแล้ววิ่งเร็วตื๋อไปล้างมือที่ก๊อกในบ้าน  เมื่อล้างเสร็จแล้วก็เดินกลับไปหาพร้อมจ้องเจ้าตั๋งไปด้วยเพื่อว่าถ้ามันมาหาจะได้หนีทัน

      นายน้อยรู้ไหมว่าทำไมไอ้ตั๋งถึงเลียมือนายน้อย

      ผมเงียบฟัง  เธอจึงพูดต่อ

      เพราะว่ามันเป็นการแสดงความภักดีของหมามันไง  ที่มันเลียนายน้อยก็แสดงว่ามันรักนายน้อยนะได้ฟังแล้วผมก็อึ้ง  นี่มีหมามารักผมด้วยหรือนี่  ความรู้สึกขยะแขยงเมื่อกี๊หายไปในปลิดทิ้ง  ผมค่อยๆยื่นมือไปลูบหัวมันเบาๆ  เจ้าหมาดำหลับตาพริ้มส่วนยัยเด็กคนข้างๆก็หัวเราะเบาๆ

      หัวเราะอะไรของเธอวะ  ไม่ขำนะเฟ้ย

       

      เออจริงสิ  ขอโทษนะเรื่องเมื่อวันนั้นน่ะผมเอ่ยเมื่อบรรยากาศมันเงียบพิกล

      ไม่เป็นไรหรอกจ้ะนายน้อย  หนูรู้ว่านายน้อยกำลังหงุดหงิดแล้วหนูก็บังอาจเกินไปจริงๆ

      เอาล่ะ ให้มันแล้วก็แล้วไปเถอะ  อย่าไปคิดถึงมันเลยเธอยิ้มบางๆให้ผม

      เอ้อนายน้อย  ถ้านายน้อยเบื่อจะเล่นน้ำก็ได้นะจ๊ะ  มันไม่ลึกมากหรอก  เย็นดีด้วยแต่ต้องระวังหินข้างล่างหน่อยเพราะมันคม

      อือ  แต่ฉันไม่ค่อยชอบทำอะไรที่ต้องใช้กำลังแฮะ

      โธ่  ถึงว่านายน้อยผอมกะหร่องเชียว  ต้องออกกำลังกายสิจะได้แข็งแรงไอ้ผมก็เคยคิดอย่างนี้นะ  แต่ความอยากเล่นเกมมันมีมากกว่านี่

      เลิกเรียกฉันว่านายน้อยซะทีเหอะ เรียกพี่เบสท์ก็ได้  อายุก็ไม่ต่างกันนักนี่

      ไม่เอาดีกว่าจ้ะ  หนูถนัดเรียกว่านายน้อยมากกว่า

      เมื่อพูดเสร็จเราสองคนก็เงียบด้วยกันทั้งคู่แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินมันอย่างเดียว  แรกๆผมก็ชื่นชมกับวิถีชีวิตชาวบ้านกับธรรมชาติแถวนี้อะนะ  แต่นี่มันชักจะเมื่อยแล้วแต่ท่าทางจะไม่ถึงจุดหมายซะที

      เธอจะพาฉันไปไหนเนี่ย

      ไปห้องสมุดชุมชนจ้ะ

      อีกไกลไหมกว่าจะถึง  ฉันเมื่อยแล้วนา

      อะไรกันนายน้อย  เดินแค่นิดเดียวก็เมื่อยแล้วเหรอ

      นิดหน่อยอะไรของเธอกันวะ  เมื่อยจะตายอยู่แล้วเนี่ย

      เอาน่านายน้อย  ถือว่าออกกำลังไงจ๊ะ  จะถึงแล้วอีกแค่นิดเดียว นั่นไงเห็นหลังคาแล้ว

      เฮ้อ  เห็นหลังคาน่ะยังไม่ได้เห็นตัวอาคารนะนังหนู  เมื่อยว้อย

       

      สถานที่ที่เธอเรียกว่าห้องสมุดชุมชนนั้นห่างไกลจากภาพที่ผมวาดไว้นิดหน่อย  ตอนแรกคิดว่าจะเป็นที่เล็กๆอับๆตามประสาบ้านนอก  ที่ไหนได้มันกลับตรงกันข้าม  เป็นที่ที่ใหญ่พอสมควรแม้ว่าหนังสืออาจจะบางตาไปหน่อย  เอาวะก็ยังมีอะไรดีๆบ้าง

      นายน้อยลองไปหาหนังสือดูนะเดี๋ยวใช้บัตรหนูยืมพูดจบเธอก็ทิ้งให้ผมยืนคว้างคนเดียว  เมื่อไม่มีทางเลือกจึงต้องเดินไปดูหนังสือเหล่านั้นบ้าง  ผมพบว่าหนังสือแต่ละเล่มเก่าๆทั้งนั้น  แล้วแต่ว่าจะระดับไหนแต่ทุกเล่มล้วนแล้วแต่ได้รับการห่อปกอย่างดี  ส่วนหนังสือก็มีหลายๆแนวตั้งแต่หนังสือเรียนไปยันการ์ตูนญี่ปุ่น  ผมหยิบนวนิยายแฟนตาซีได้เล่มหนึ่งแล้วจึงเดินไปหาเธอแต่กลับไม่เห็นซะงั้น

      แป้งไปไหนเหรอครับผมถามบรรณารักษ์

      อยู่ในห้องน่ะจ้ะเธอชี้ไปยังห้องข้างหลังเคาน์เตอร์นั่น  ผมเห็นห้องนั้นมีหนังสือที่ยังไม่ได้ห่อปกบ้าง  ขาดรุ่งริ่งบ้างแต่เธอก็ยกหนังสือขึ้นมาอ่านอย่างไม่ได้สนใจปกแม้แต่น้อย  จนในที่สุดเธอก็หยิบออกมาถึง 2 เล่มซึ่งดูจากสภาพหนังสือเล่มนั้นคงอยู่ผจญโลกมาไม่ต่ำกว่า 10 ปีเป็นแน่

      ทำไมเธอต้องไปเอาในนั้นด้วยล่ะ  ข้างนอกก็มีตั้งเยอะแยะนี่ผมถามขณะที่เธอกำลังเขียนบัตรยืมอยู่

      ข้างนอกนี่หนูอ่านหมดแล้วล่ะจ้ะเลยไปเอาหนังสือที่มาใหม่มาอ่าน

      อะโห  ผมล่ะทึ่ง  หนังสือข้างนอกก็ไม่ได้น้อยนะ  เฮออ่านหมดเลยเหรอเนี่ย  ทำได้ไงวะ

      เธอเอาเวลาที่ไหนไปอ่านกันเนี่ย

      หนูก็อ่านตอนที่ช่วยแม่ทำงานแล้วก็ทำการบ้านเสร็จแล้วน่ะสิจ๊ะ

      โห  เธอทำให้ผมต้องกลับย้อนมาดูตัวเองนะ  คิดดูสิเธออายุแค่ 14 ผมอายุ 17  ในขณะที่เธอกำลังอ่านหนังสือ ผมกำลังเล่นเกมอย่างบ้าคลั่ง  เพิ่งจะคิดได้ว่าสิ่งที่ผมนั้นมันสูญเปล่ามากมายเลย

      ว่าแต่  ทำไมสภาพหนังสือมันเก่าอย่างนี้ล่ะ  ดูไม่น่าอ่านเลย

      อ๋อ  ก็หนังสือทั้งหมดนั่นเป็นหนังสือที่เขาบริจาคมาน่ะจ้ะ ถึงได้เก่าขนาดนั้น  แต่ส่วนใหญ่มันก็สภาพดีนะจ๊ะ  แต่บางเล่มก็ต้องซ่อมบ้าง  กระดาษหายไปบ้าง  แต่ก็ยังดีที่มีให้อ่าน

      เอ่อ  เธอยิ่งพูดอย่างนี้ผมยิ่งรู้สึกผิดนะ  และในตอนนั้นผมก็สัญญากับตัวเองเลยว่าหากได้กลับไปที่บ้านแล้วผมจะขอร้องให้แม่ซื้อหนังสือใหม่ๆมาบริจาคให้ที่นี่เป็นแน่

      เมื่อเดินกลับถึงบ้านเราก็ไปนั่งที่โขดหินใกล้แม่น้ำเดิมนั่น  เธอบอกให้ฟังว่าถ้าถึงฤดูฝนล่ะก็โขดหินที่เรานั่งอยู่นี่จะอยู่กลางน้ำและน้ำก็จะสูงถึงระดับอกแน่ะ  แถมน้ำก็แรงมากจนเป็นสีแดงเพราะมันได้พัดเอาดินมาด้วย  เฮ้อ  ผมชักรู้สึกโชคดีแล้วนะที่มาช่วงหน้าร้อนแบบนี้

      เย็นวันนั้นเรา 4 คนคุยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครั้งแรกที่โต๊ะกินข้าวระเบียงบ้าน  น้าพร แม่ของแป้งบอกว่าโล่งใจมากเลยที่ผมร่าเริงแล้ว  เออเนอะ  เชื่อไหมว่าผมเพิ่งจะรู้สึกถึงความห่วงใยจากใครหลายๆคน  แต่ที่ผ่านมาผมกลับไม่ได้สนใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย  ผมทำอย่างนั้นไปได้ยังไงนะ  สมแล้วแหละที่เด็กแป้งจะต่อว่าผมเมื่อวันนั้น

      คืนนั้นผมหลับไปด้วยความอ่อนเพลียพร้อมกับสายลมเย็นๆจากธรรมชาติอย่างที่ไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศอย่างที่ในเมืองเขาใช้  อีกทั้งยังได้รู้ว่าปลาย่างถ่านอร่อยกว่าปลาที่ออกจากตู้อบไมโครเวฟหลายเท่านัก

      บ่ายวันต่อมาแป้งชวนผมไปตลาดนัดในตัวเมืองซึ่งไกลจากบ้านเราเกือบ 20 กิโลเมตรโดยใช้มอเตอร์ไซค์กลางเก่ากลางใหม่คันเดียวของบ้าน  ผมตัดสินใจไปเพราะไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว  แบบว่ามันเสียวน่ะครับ  และเนื่องจากถนนที่ออกจากหมู่บ้านเป็นดินลูกรักทำให้ก้นของผมเริ่มระบมแต่ยัยคนขับก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะรู้สึกอะไรแม้แต่น้อย  จากนั้นก็เป็นถนนลาดยาง 2 เลนส์ที่นานๆจะมีรถยนต์ผ่านมาซักคัน

      ผมเดินตลาดนัดชาวบ้านได้ไม่เท่าไหร่ก็รู้สึกปวดหัวนิดๆ  คงเป็นเพราะแดดแรงแล้วช่วงนี้ก็ใช้แรงมากไปหน่อยล่ะมั้ง  เฮ้อ  ช่างน่าอายเสียจริงและด้วยความอายนี่เองทำให้ผมไม่ได้บอกเธอ  เมื่อกลับมาถึงบ้านผมจึงวางของแล้วเดินไปยังห้องนอนทันที

      นายน้อยปวดหัวใช่ไหมจ๊ะ  หนูเอายามาให้เธอพูดอยู่หน้าประตูห้อง ผมว่าเธอนี่เหมือนผีพรายจริงๆนะ  รู้ใจผมไปหมด

      ขอบใจ  ได้นอนพักซักพักก็คงจะดีขึ้นล่ะมั้งผมบอกอย่างไม่สมประกอบนัก

      จ้ะ

       

      ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะเสียงด่าทอด้วยสำเนียงที่ฟังไม่ทันอยู่ข้างนอก  เมื่อออกไปดูก็พบว่าน้าพรกำลังต่อว่าแป้งยกใหญ่

      น้าพรมีอะไรฮะ

      อ้าว  นายน้อย  น้าทำให้ตื่นหรือเปล่าจ้ะ

      เปล่าหรอก  แล้วมีอะไรกันเหรอ

      จะอะไรซะอีกล่ะจ๊ะ  ก็นังแป้งมันทำให้นายน้อยไม่สบาย  น้าเลยต้องสั่งสอนมันบ้าง  วันหลังจะได้ไม่ทำอีกน่ะจ้ะ

      เฮ้ยน้าพร  แป้งไม่ได้เป็นคนทำหรอก  ผมไม่แข็งแรงเองต่างหาก  น้าอย่าไปดุแป้งเลยนะ

      จ้ะๆ  งั้นเดี๋ยวนายน้อยไปนอนต่อดีกว่านะจ๊ะ  จะได้หายไวๆ

      ผมยิ้มรับคำน้าพรก่อนจะส่งสัญญาณให้แป้งไปเจอกันข้างนอกบ้าน

      ทำไมเธอถึงไม่เถียงแม่ไปล่ะว่าไม่ได้เป็นคนทำผมเปิดทันทีที่เห็นเธอเข้ามาใกล้

      ก็หนูผิดจริงๆนี่นา

      แต่เธอไม่ได้ผิด  ฉันรู้ว่าเธอก็ไม่คิดว่าเธอผิดแต่ทำไมไม่เถียงแม่บ้างล่ะ  เป็นฉันนะแม่ก็แม่เถอะ  ไม่ได้แอ้มหรอก

      เธอเงียบไปสักครู่

      ก็หนูมีแม่คนเดียวนี่นา  จะโดนว่าบ้างก็ไม่เป็นไรหรอกเพราะแม่ทำงานมาเหนื่อยแล้ว  ถ้าจะให้หนูไปทำแม่ปวดหัวอีกก็ไม่เอาหรอกจ๊ะ

      เธอพูดยืดยาวทำเอาผมสะอึกแล้วก็ต้องมองย้อนกลับมาที่ตัวเองอีกรอบ  ผมซึ่งแม่ให้อะไรได้ทุกอย่าง  ขออะไรเป็นให้  เรื่องทุกข์ใจไม่เคยทำให้เห็นแต่ผมกลับตอบแทนแม่ด้วยการดื้อแพ่ง  ไม่ตั้งใจเรียน  ไม่ทำหน้าที่ลูกที่ดี  ผิดกับเธอ  เด็กสาวชนบทที่พ่อแม่ไม่สามารถให้อะไรได้มากนักแต่กลับทดแทนคุณพ่อแม่อย่างสุดความสามารถ  ผมนี่มันแย่จริงๆให้ตายสิ

      โอเคฉันเข้าใจเธอแล้ว  แต่ก็น่าจะอธิบายให้ฟังก็นี่ผมก็ยังไม่เลิก

      ก็แม่รักนายน้อยมากไงจ๊ะถึงได้โกรธหนูมาก

      เฮ้อ  ฉันเบื่อจะพูดกับเธอแล้ว  เอาขนมไปให้ที่ห้องด้วยนะ  จะอ่านหนังสือให้จบแล้ว

      เธอยิ้มรับคำก่อนจะเดินไปเอาให้ตามบัญชา

       

      2 อาทิตย์ต่อมาแม่มารับผมทำเอาอารมณ์รื่นรมย์ธรรมชาติสะดุดเพราะคิดอยู่ว่าผมจะกลับไปเลยดีไหม  กลับไปแล้วจะเล่นเกมเหมือนเดิมหรือเปล่าและที่สำคัญผมจะคิดถึงบ้านหลังนี้และคนที่นี่หรือเปล่าน่ะสิ  แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจจะกลับอยู่ดีเพราะถึงแม้จะชอบที่นี่แต่ชีวิตของผมอยู่ที่กรุงเทพต่างหาก  ว่าไปแล้วแม่ไม่น่าเอาผมมาทิ้งไว้ที่นี่เลยนะ  ครั้งแรกที่มาก็อยากกลับบ้านพอจะมารับกลับผมก็คิดถึงที่นี่ซะอีก  ไม่เคยมีความพอดีในชีวิตคนเราเล้ย

      แป้ง  ฉันกลับก่อนล่ะนะผมเข้าไปลาเธอที่ซักผ้าขี้ริ้วที่ริมน้ำ

      จ๊ะ  แล้วนายน้อยก็มาที่นี่อีกนะเธอแหงนหน้ามาตอบผม

      เออ  ว่าแต่มาคราวหน้าเธออยากได้อะไรไหม

      ไม่อยากได้หรอกจ้ะ  แต่หวังว่าคราวหน้าที่มาที่นี่นายน้อยคงจะไม่ถูกคุณนายจับตัวมาอีกนะเธอพูดติดตลก

      เออน่า  ไม่ทำอีกแล้วแหละแล้วเราก็ต่างคนต่างเงียบอย่างไม่รู้ว่าจะต่อบทสนทนานี้ว่าอย่างไรจนกระทั่ง

      เบสท์ไปเร็วลูก  เรายังต้องเดินทางอีกไกลนะแม่ตะโกนออกมาทำให้ผมตัดสินใจ

      ขอบใจนะแป้ง  สำหรับทุกอย่างที่ผ่านมาผมพูดอย่างจริงใจทำให้เธอต้องแหงนหน้าขึ้นมาอีกครั้ง

      ไม่เป็นไรหรอกจ้ะนายน้อย  ขอแค่นายน้อยจำเหตุการณ์ที่นี่ไว้ตลอดไปละกันนะจ๊ะ

      อื้ม  เอาไว้เจอกันใหม่นะเธอยิ้มรับก่อนที่ผมจะเดินไปขึ้นรถ  ภาพหลังคาบ้านหายไปจากสายตาเรื่อยๆจนกระทั่งหายลับจากสายตา  ผมจึงล้มตัวลงนอนในรถท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของแม่ที่ส่องมาเป็นระยะๆ

       

      หลังจากที่กลับมาจากบ้านป่าได้ไม่กี่วัน  แม่ก็จัดการส่งหนังสือเก่าของบ้านและหนังสือใหม่ที่ผมไปเลือกเองไปยังห้องสมุดชุมชนแห่งนั้น  และตั้งแต่วันที่สัญญากับเด็กน้อยคนนั้น  เกมทุกอย่างถูกผมทิ้งอย่างไม่เสียดายแล้วก็ไปซื้อจิ๊กซอว์ขนาดใหญ่มาต่อเล่น  งานนี้พ่อกับแม่ผมเอาใจเสียยกใหญ่พร้อมพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าบ้านป่าแห่งนั้นต้องมีอะไรพิเศษแน่ๆถึงทำให้ผมเปลี่ยนจากหลังเท้าเป็นหน้ามือได้ขนาดนี้  ก็นะ  ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างผมจะต้องฟังเสียงของเด็กรับใช้อายุม.ต้นอย่างนั้น  แต่มันก็เป็นไปแล้วล่ะครับ

      ไอ้เบสท์  เกมใหม่มาแรงออกแล้วเว้ย  กรูเพิ่งไปถอยมาเมื่อวานนี้เองสนใจปะเพื่อนในกลุ่มผมวิ่งมาพร้อมพูดเสียงดังมาแต่ไกล

      เฮ้ย  กรูเลิกเล่นแล้วว่ะมันมองผมด้วยความฉงนสนเท่

      ไอ้พลผมตะโกนเรียกเพื่อนที่กำลังเดินถือลูกบอลมุ่งตรงไปยังสนามหญ้า กรูเล่นด้วยโว้ย

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×