[ Fic. Saint Seiya The Lost Canvas ] Discharge - [ Fic. Saint Seiya The Lost Canvas ] Discharge นิยาย [ Fic. Saint Seiya The Lost Canvas ] Discharge : Dek-D.com - Writer

    [ Fic. Saint Seiya The Lost Canvas ] Discharge

    ผู้เข้าชมรวม

    1,863

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    1.86K

    ความคิดเห็น


    11

    คนติดตาม


    25
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ม.ค. 55 / 10:40 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      “ ความตาย ” คือ การปลดปล่อย

           “ สีดำ ” คือ สีแห่งความสงบเป็นสีที่ทำให้ทุกคนบนโลกนี้เท่าเทียมกัน

           แล้วคนที่นำพาสิ่งเหล่านั้นมา ก็คือ...

           โบสถ์หลังงามบนภูเขาที่ซึ่งปิดตายไม่เคยมีใครได้เข้าไปด้านในกลับถูกเล่าขานว่ามีภาพของนางฟ้าที่จะนำความ

      สุขมา
      ให้แก่คนที่ได้เห็น แต่ตอนนี้โบสถ์นั้นได้เปลี่ยนไปเป็นปราสาทแห่งความมืด ที่ประทับของ มหาเทพ..

           เด็กหนุ่มผู้ซึ่งมีสีผมแห่งรัตติกาลยาว ดวงตาสีฟ้าดั่งมหาสมุทร ใบหน้าเรียวยาวได้รูปรับกับริมฝีปากบางและรูปร่างที่

      งด
      งามราวกับประติมากรรมไร้ที่ติ มือเรียวถือภู่กันวาดภาพเหล่าเทว นางฟ้า ต่างๆลงบนภาพวาดที่เขาสร้างขึ้น
       
      มา ‘ Lost Canvas ’

           “ ท่านฮาเดสเพคะ ” หญิงสาวผมสีดำขลับในชุดสีเดียวกับเส้นผมปรากฏกายในความมืดเบื้องหน้าของเด็กหนุ่ม

           “ ..... ”  ไม่แม้แต่จะหันมองเขายังคงวาดภาพต่อไป ความเงียบยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัด

           “ ข้ารู้ดีว่าการกระทำเช่นนี้เท่ากับหักหลังท่าน แต่ว่าแพนโดร่าคนนี้... ”  ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองไปที่ใบหน้าครึ่งซีก

      ของเด็กหนุ่มที่ปรายตามองด้วยรอยยิ้มบาง
       
           “ เจ้าไม่ได้หักหลังข้าหรอกนะ...แพนโดร่า ” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างสบายพลางวาดภาพเบื้องหน้าต่อ
       
           “ อย่าตรัสอย่างนั้นเลยเพคะ...ท่านฮาเดส..แพนโดร่ารู้สึกผิดที่ต้องจับท่านมาขังไว้แบบนี้  ” หญิงสาวพูดพลางขยับ

      ตัว
      เข้าใกล้ ใบหน้าของเธอเริ่มมีสีแดงเรื่อยามจ้องใบหน้าของเด็กหนุ่มผู้เป็นร่างจุติของมหาเทพที่เธอเคารพมากที่สุด

      มืออุ่น
      ของเด็กหนุ่มยื่นออกมาจากกรงทรงโค้งเหมือนกรงนกเชยคางของเธอขึ้น ดวงเนตรของทั้งคู่สบ
       
      กันซักพักก่อนที่ร่างจุติจะเผยยิ้มออกมา

           “ ข้ารู้...แพนโดร่า...ว่าเจ้าภักดีต่อข้าเสมอ ”

      ‘ ใช่...ภักดีต่อฮาเดส...แต่ไม่ใช่กับมนุษย์ที่ชื่อ...อาโรน ’

           เธอสัมผัสที่มือของเด็กหนุ่มพลางโน้มหน้ารับความอ่อนโยนที่คนเบื้องหน้ามอบให้

      ‘ ท่านยังคงเป็นมหาเทพของข้า...ของเหล่าสเปคเตอร์และกองทัพยมโลก ’

           “ ข้าจะไม่ถือเจ้ากับเรื่องนี้...แต่อย่ายุ่งเรื่องของข้ากับเปกาซัสอีกเด็ดขาด ”

           “ ทำไม? ล่ะเพคะ...ท่านฮาเดส ”

           “ เพราะข้าอยากจะฆ่ามันผู้นั้นด้วยมือของข้าเอง  ”  เด็กหนุ่มเผยยิ้มเย็นยะเยือก ดวงตาเรียวแข็งกร้าวมองที่ใบหน้า

      งาม
      จนเธอยังรู้สึกถึงความน่ากลัว

           “ ได้สิเพคะ...ท่านฮาเดส ” หญิงสาวยิ้มรับด้วยความยินดี

           “ ถ้าเข้าใจ...เจ้าก็กลับไปได้แล้ว ”

           เด็กหนุ่มพูดเสียงเรียบพร้อมดึงมือกลับแล้วร่างของแพนโดร่าค่อยๆหายไปกับความมืด ทำให้ห้องถูกปกคลุมด้วย

      ความ
      เงียบอีกครั้ง มือเรียวยังคงสรรสร้างภาพวาดแห่งการปลดปล่อยต่อ

           “ แสดงได้ดีนี่เจ้าน่ะ ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น เด็กหนุ่มรับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว สิ่งนั้นให้ความรู้สึกน่าเกรงขาม เย็นชาและไร้ความปราณี

           “ นายเป็นใคร? ” เด็กหนุ่มหันมองรอบห้องไม่มีอะไรในนี้นอกจากภาพวาด

           “ ข้า คือ ยมเทพฮาเดส ”

           อาโรนหันมองด้านหลังจนพบกับเงาดำสูงใหญ่ในชุดคอสโม่สีดำขลับริมฝีปากบางแย้มยิ้มให้กับเด็กหนุ่ม

           “ ......!?  ”

           เด็กหนุ่มพยามยามสะกดอารมณ์เมื่อต้องเจอกับมหาเทพโดยตรงก่อนที่จะเผยยิ้มแบบเดียวกันกับคนตรงหน้า

           “ นายเองเหรอ? ”

           “ ดูเจ้าไม่แปลกใจเท่าไหร่...เมื่อได้พบข้า ”

           “ แปลกใจงั้นเหรอ?...ในยุคนี้ผมก็คือคุณ ”

           “ ช่างอวดดีเหลือเกินนะ...เจ้าร่างทรง...เจ้าก็แค่แสดงเป็นข้าเท่านั้น ”

           “ ….. ”

           “ ข้ายอมรับว่าเจ้าเก่งที่สามารถหลอกแพนโดร่าและกองทัพยมโลกของข้าได้ ”

           “ ….. ”

           “ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายอมแม้กระทั่งฆ่าเพื่อนรักของเจ้าเอง ”

           เด็กหนุ่มกระตุกเล็กน้อย พลางมองใบหน้าของฮาเดสด้วยสีหน้าเรียบเฉย

           “ ความตาย คือ การปลดปล่อย ”

           “ เจ้าฆ่าเพื่อนของเจ้าด้วยเหตุผลโง่เขลาแบบนั้นงั้นเหรอ? ”

           อาโรนยิ้มเยาะกับคำพูดของฮาเดส เขามองภาพวาดชิ้นเยี่ยมด้วยสายตาว่างเปล่า

           “ ไม่ว่าด้วยเหตุผลแบบไหน...ผมก็ยังจะส่งทุกคนบนโลกไปที่ยมโลกอยู่ดีนั่นล่ะ ”

           มือหน้าสัมผัสที่ต้นคอของเด็กหนุ่ม ริมฝีปากที่แย้มยิ้มด้วยความขบขันนั้นค่อยๆเลื่อนลงมาจนใกล้ใบหู

           “ น่าสนุกดีนี่เจ้าร่างร่างทรง...ข้าจะค่อยดูเจ้าจนกว่าจะถึงวันที่ข้าได้ครอบครองร่างของเจ้า ”

           เสียงกระซิบธรรมดาที่ทำให้รู้สึกเหมือนโดนกักขังและไม่สามารถหนีออกไป

      ดั่งนกน้อย...ในกรงทอง

           สิ้นเสียงเงาดำนั้นค่อยๆจางหายไปเหลือเพียงร่างบอบบางเพียงลำพัง

      อาโรน คือ ความโดดเดี่ยว

      เด็กหนุ่มคิดพลางหัวเราะเย้ยหยันให้กับตัวเอง

      เหมือนชื่อต้องสาป...

      ไม่สิ...นั่นคือชื่อของผู้ที่จะมาปลดปล่อยต่างหาก...

           ใบหน้าของเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน ผมสั้นสีน้ำตาลเข้ม ท่าทางกระตือรือร้นกับใบหน้าของเด็กสาวอายุน้อยกว่า

      ผมสั้นสีดอกเลาแลดูอบอุ่นแว่บเข้ามาในความคิด

           “ เทมมะ...ซาช่า...บทสรุปของพวกเราจะเป็นยังไงนะ ”

       

       

           ใบหน้าได้รูปแหงนมองภาพแห่งความทรงจำที่ทั้ง 3 คนยังเยาว์วัยที่ถูกวาดไว้บนเพดาน ภาพนั้นยังคงเหลือบางที่ๆยัง

      ไม่ได้ลงสี นัยต์ตาเรียวจ้องสิ่งนั้นอยู่เนินนานก่อนที่จะเผยยิ้มออกมา

           “ แต่ฉันมีบทสรุปสำหรับเรา 3 คนแล้วล่ะ...เทมมะ ซาช่า ”

      การปลดปล่อยอย่างแท้จริง...

      คือ การวาดภาพ Lost Canvas ให้เสร็จสมบูรณ์

      และเมื่อทุกสิ่งมลายหายไป ฉันจะวาดภาพของพวกเราทั้ง 3 คนให้เสร็จสมบูรณ์เช่นเดียวกัน

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×