คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 12 : Do you Love me?
Chapter 12 : Do you love me ?
“แทฮยอน!!”
“หืมม มีอะไรหรอจินวู”
“มีอะไรทำไมไม่บอก”
“ห้ะ”
“เป็นแฟนกับมินโฮตอนไหนทำไมไม่บอก ทำไมเรารู้คนสุดท้ายในกลุ่มเลยอ้ะ อยู่ห้องเดียวกันแท้ๆนะ” จินวูกอดอกเดินหน้ามุ่ยปากยู่มาหาแทฮยอน
“อ่อ เห่ยขอโทษ มันกะทันหันอะ เราเลยไม่มีเวลาบอก แล้วนี่…รู้ได้ไงเนี่ย”
“ก็ซึงยุนเพิ่งบอกเมื่อกี้ เนี่ยะ” มือเล็กยื่นไอโฟนสีขาว สไลด์หน้าจอเปิดค้างข้อความที่เขายังคุยกับซึงยุนให้ดู แหม่ ไอเราก้นึกว่าเป็นอะไร ทำไมหมู่นี้ไม่ทักมาปรึกษาเรื่องจินวู ตอนนี้แทฮยอนรู้ละ ก้าวหน้าไปไกลจริงๆนะคังซึงยุน
“งอน ไม่คุยด้วยแล่ว คุยกับซึงยุนดีกว่า” จินวูเดินกอดอกกลับไปที่เตียงนุ่ม แทรกตัวลงกับผ้าห่มแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น แทฮยอนรู้ว่าจินวูแค่แกล้งเล่นๆ คงแค่น้อยใจที่ตัวเองไม่ได้รู้เรื่องนี้เป็นคนแรก แต่เดี๋ยวก็หาย เพราะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แทฮยอนรู้นิสัยจินวูดี เป็นการงอนที่แทฮยอนยินดีให้งอน ถ้ามันจะทำให้เพื่อนของเขาทั้งคู่มีความสุข เขายอมให้จินวูงอนได้ตลอด แล้วเขาเนี่ยแหละจะเป็นคนยอมง้อเอง
Jinwoodeer : ซึงยุน
Seungyoon : ว่าไง
Jinwoodeer : ฉันแกล้งงอนแทฮยอนอยู่ล่ะ คึคึ
Seungyoon : อ่าว งอนไมอ้ะ
Jinwoodeer : ก็งอนที่มันไม่บอกฉันเรื่องคบกับมินโฮไง
Seungyoon : ย่าส์ นายนี่มันร้าย จินวูนายมันนางร้าย
Jinwoodeer : 55555 น่า เดี๋ยวสักแปปค่อยหายงอน
Seungyoon : เออจินวู ฉันขอไรอย่างดิ
Jinwoodeer : ว่ามาเลย คนอย่างจินวูไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
Seungyoon : ช่วยติวข้อสอบที่จะสอบปลายภาคนี้ให้หน่อยนะ ฉันยังไม่ค่อยมั่นใจเลยอะ แต่ฉันมั่นใจนะว่าคนที่สอบได้ที่สองของชั้นต้องทำให้ฉันสอบได้ที่ดีๆแน่ๆ
Jinwoodeer : ได้เลยยย งั้นพรุ่งนี้หลังเลิกเรียน เจอกันที่ม้าหินข้างตึกนะ โอเค้
Seungyoon : ขอบใจนะ ^^
บทสนทนาในโปรแกรมแชทไลน์ของทั้งคู่ ถึงจะสั้นแต่ทุกประโยคมันแฝงไปด้วยความอบอุ่นนุ่มลึกที่ทั้งคู่ต่างรู้กันดี จินวูคุยไลน์กับซึงยุนมาสักพักแล้ว อาจจะเพราะวันที่ฝนตกนั่น ทำให้ทั้งคู่ดูสนิทกันมากขึ้น ซึงยุนคุยกับจินวูทุกวัน ซึงยุนทักก่อนบ้าง จินวูทักก่อนบ้าง ประโยคคุยของทุกวันก็ธรรมดาทั่วๆไป แต่ใครจะรู้ว่าประเด็นเล็กๆยิบย่อย สองคนนี้ก็สามารถนำมาคุยต่อกันได้เป็นวัน คุยเรื่องสารทุกข์สุขดิบ เล่าปัญหาในแต่ละวันของกันและกันให้ฟัง ซึงยุนเป็นคนที่จินวูปรึกษาได้ทุกเรื่อง อาจเพราะเริ่มแรกจินวูยังไม่ค่อยสนิทกับซึงยุน ยังไม่รู้ว่าซึงยุนชอบหรือไม่ชอบอะไร เลยไม่จำเป็นที่จะต้องแคร์ความรู้สึกของอีกฝ่าย เหมือนเป็นการกระทำที่ดูโหดร้าย แต่ไม่ กลับดีที่จินวูได้ทำแบบนั้น มันเหมือนเป็นการปลดปล่อย ซึงยุนชอบ ชอบที่จินวูระบายอะไรก็ตามออกมาให้เขาฟัง ชอบที่คนตัวเล็กไว้ใจเขา
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
“จินฮวาน สอนข้อนี้หน่อยดิ”
“ไหน เอามาดูดิ้” รับสมุดจากคนตรงหน้า สายตามุ่งมั่นมองไปที่โจทย์ ดินสอเขียนยุกยิกลงบนกระดาษทด ได้คำตอบแล้วจึงเงยหน้าบอกคนตรงหน้า
“นี่ไง ก็แบบนี้ เอาตัวนี้มาลบ… เอ้า หายไปไหนอะ ฮันบิน” เงยหน้ามาแล้วแต่พบกับความว่างเปล่า คิมฮันบินที่เคยนั่งตรงข้ามเขาตอนนี้หายไปไหนแล้ว หันหน้ามองซ้ายขวา
“จุ้บ”
“ย่าส์” สัมผัสนั่มที่แก้มซ้ายทำให้ผิวขาวเกิดสีแดงระเรื่อขึ้น ฮันบินยิ้มแล้วก้มหน้ามองโจทย์โดยที่แขนทั้งสองข้างเท้ากับโต๊ะและมีคนตัวเล็กอยู่แนบชิดอก
“เล่นอะไรของนาย”
“หืม อะไร เล่นอะไรที่ไหน อธิบายโจทย์ต่อสิ” ยิ้มกว้างทำหน้าระรื่น ไม่สนกับการกระทำของตัวเองเมื่อครู่ ลักหอมแก้มเขางั้นหรอ ถ้าเป็นคนอื่นทำจินฮวานคงโกรธและจะไม่ยุ่งด้วยอีกแล้ว แต่นี่เป็นคิมฮันบิน เพื่อนสนิทของเขา ความจริงเขาก็ควรโกรธที่ฮันบินทำแบบนี้ แต่ไม่ เขากลับรู้สึกดีด้วยซ้ำ จินฮวานไม่ว่าอะไรแต่เงียบ ก้อนเนื้อในหน้าอกข้างซ้ายเต้นตุบๆราวกับจะหลุดออกมาข้างนอก
“ก็เอาตัวนี้มาลบก่อน แล้วค่อยมายกกำลังสองแล้วถอดรูท เนี่ยะ แบบนี้” ฮันบินพยักหน้าตามถี่ๆ ยื่นปากล่างออกมาแล้วทำตาโตเหมือนแมวเชื่อง ความจริงโจทย์ข้อนี้ก็ไม่ได้ยากอะไร เป็นแค่การหลอกให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขาอยากทำเมื่อสักครู่ไงล่ะ
“นี่ มันก็ไม่ได้ยากอะไรนะ ทำไมถามข้อนี้เนี่ย”
“ก็แค่อยากถาม ไม่ได้หรอ” ส่งยิ้มกว้างแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกเฉียดกัน จินฮวานถอยหน้าออกแต่ก็ติดที่มีโต๊ะมากั้นไว้ คนตัวเล็กทำอะไรไม่ได้ หลับตาปี๋และเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง
“ฮ่าๆ ฉันไม่ทำหรอกน่า” ฮันบินผละตัวออกแล้วเดินไปเก็บหนังสือเตรียมเข้าเรียน
“ปะ กลับห้องกัน ห้องสมุดปิดตอนบ่ายโมงไม่ใช่หรอ”
“อะ อื้ม” รีบเก็บของอย่างลวกๆ ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเขาต้องการอะไรกันแน่ มาแกล้งแบบนี้คนอื่นก็หวั่นไหวเป็น จินฮวานได้แต่มองแผ่นหลังกว้างของฮันบิน ใบหน้าหวานครุ่นคิดกับการกระทำของคนข้างหน้าเมื่อครู่
“ฮันบิน”
“ว่าไง” หยุดก้าวเท้าเมื่อได้ยินเสียงคนตัวเล็กเรียกชื่อ
“นาย…ชอบฉันหรอ” ประโยคที่อยากถามมานานแต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวว่าความสัมพันธ์ของเขาและฮันบินจะปลี่ยนไป จินฮวานมีฮันบินเป็นเพื่อนแค่คนเดียว ถ้าเกิดฮันบินไม่ได้คิดอย่างที่เขาคิดแล้วเกลียดเขาเพราะคำถามนี้ขึ้นมา จินฮวานจะทำยังไง
“แล้วนายคิดว่าไงล่ะ” เดินเข้ามาใกล้คนตัวเล็ก สองมือจับไหล่มนให้เข้ามาใกล้ ยื่นหน้าเข้าไปกระตุกยิ้มที่มุมปาก สายตาคมจ้องมองใบหน้าหวาน
“มะ ไม่รู้” ตัวสั่นกับการกระทำหวือหวาของฮันบิน เม้มปากจนเป็นเส้นตรง ยืนแข็งทื่ออยู่ในอ้อมแขนแกร่งของฮันบิน
“งั้นก็รอให้รู้แน่ชัดก่อนแล้วค่อยมาถามใหม่อีกรอบนะ” สิ้นเสียงเรียบ ฮันบินหันหลังกลับเดินเข้าห้องเรียนและไม่ลืมที่จะจูงมือคนตัวเล็กเดินไปพร้อมกับเขา
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
แสงแดดสีส้มอ่อน ลมพัดเย็นๆ ตอนนี้นักเรียนก็ทยอยกลับบ้านกันหมดแล้ว แทฮยอนก็ขอตัวไปหาอะไรกินกับมินโฮตามประสาแฟน ตั้งแต่แทฮยอนกับมินโฮเป็นแฟนกัน สองคนนั่นดูจะตัวติดกันไม่ห่างเลย ผมนี่ชักจะอิจฉาแล้วสิ ส่วนซึงฮุนก็บอกว่าอยากกลับบ้านไปอ่านหนังสือ งี้ก็เข้าทางผมเลยสิครับ ผมมารอคนตัวเล็กที่ม้าหินข้างตึกนานแล้ว เรานัดกันเมื่อวานว่าจะมาติวข้อสอบกัน แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจินวูอยู่ไหน ผมเกรงว่าจินวูจะหลงทางหาต๊ะม้าหินข้างตึกไม่เจออีกน่ะสิ
ว่าแล้วซึงยุนก็หยิบกล้องคู่ใจที่ห้อยไว้ที่คอมาถ่ายรูปเล่น วันนี้แสงดี เหมาะกับการถ่ายรูปมาก เสียดายไม่มีคนมาเป็นหุ่นให้ถ่าย แต่ไม่เป็นไร ถ่ายต้นไม้ไปก่อนก็แล้วกัน ถือกล้องส่องหาจุดถ่ายไปมา ก็เจอต้นสนใหญ่หลายต้นที่ปลูกสองข้างทางเดินหน้าตึกเรียน ใบสนปลิวไสวตามแรงลมอ่อนๆบรรยากาศดูโรแมนติกมากเหมือนกับอยู่ที่ญี่ปุ่น และแน่นอน คนอย่างคังซึงยุนต้องไม่พลาดช็อตนี้ นิ้วเรียวกดซูมเลนส์เข้าออกหาจุดโฟกัส
“มาแล้ววว ขอโทษที่ให้รอ” เสียงใสดังขึ้นจากซอกตึก คิมจินวูวิ่งกระหืดกระหอบสะพายกระเป๋านักเรียนไว้ มือสองข้างหอบถุงขนมเต็มไปหมด อ๋อ ที่มาช้านี่คือไปหาของกินมาใช่มั้ย
“อะนี่ ของนาย” ยื่นซองขนมเลย์ห่อสีฟ้าให้ รสชีสเป็นรสที่จินวูชอบ แต่ซึงยุนจะชอบมั้ยไม่รู้ จินวูเห็นว่าเป็นซองสุดท้ายในร้านสวัสดิการของโรงเรียนแล้ว เห็นอะไรเลยคว้ามาหมด ถือเป็นการไถ่โทษที่ทำให้รอนานเพราะซึงยุนคงหิวจนไส้กิ่ว
“แล้วนาย..ไม่กินหรอ” รับซองขนมมาแบบงงๆ เอ่ยถามจินวูที่ยืนหอบด้วยความเหนื่อย
“นี่ไง เรากินแค่นมกล้วยก็อิ่มแล้ว” หยิบขวดนมสีชมพูในถุงพลาสติกออกมาโชว์ ส่งยิ้มกว้างแล้วนั่งลงข้างคนตัวสูง วางกองสมุดเลกเชอร์ตั้งใหญ่ไว้บนโต๊ะ
“ม่ะ วันนี้จะให้สอนเรื่องอะไรก่อนดี” เอ่ยถามพลางจัดสมุดให้ตรงตามสัน
“เอาฟังก์ชั่นก่อนละกัน เราไม่แม่นเรื่องกราฟอะ”
“ได้เลย” หยิบสมุดเล่มขนาดย่อมที่หน้าปกเขียนว่า function ตัวโตๆกลางหน้ากระดาษมาวาง จินวูพลิกกระดาษสมุดไปมาเพื่อหาดูว่าควรจะสอนซึงยุนตั้งแต่ตรงไหนดี สมุดลายมือน่ารัก ตัวอักษรหลายสี เขียนเป็นระเบียบ ดูก็รู้เลยว่าจินวูตั้งใจเขียนขึ้นมาจริงๆ คนอะไร ทั้งน่ารัก ทั้งเรียนเก่ง แถมเล่นดนตรีเป็นอีก เพอร์เฟกต์ เพอร์เฟกต์ที่สุด
“อ่า งั้นลองทำโจทย์ข้อนี้ละกันนะ นายมีกระดาษป่าว”
“มีๆ โอเคข้อนี้ช้ะ แปปนึงนะ” ซึงยุนหยิบกระดาษเปล่าที่เตรียมมา ลอกโจทย์ที่ได้รับจากติวเตอร์จินวูแล้วลองขีดเขียนทดเลขตามความสามารถที่ตัวเองพอจะทำได้ ส่วนจินวู ระหว่างรอซึงยุนทำโจทย์ก็หยิบขวดนมกล้วยสีชมพูขึ้นมาแกะแผ่นฟอยล์ปิดปากขวดออก เพราะรีบเลยลืมหยิบหลอดมาจึงต้องกระดกกิน แต่ไม่เป็นไร จินวูเป็นคนง่ายๆสบายๆ ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถจินวูอยู่แล้ว
“เสร็จแล้ว แบบนี้ถูกปะ” ซึงยุนวางปากกา เงยหน้าถามคนสอนที่กำลังเพลิดเพลินกับการกระดกของเหลวสีชมพูเข้าปาก
“ไหนดูซิ อืมมม ใช่ ถูกแล้ว นายก็ทำได้นี่ สงสัยง่ายไปเอาข้อใหม่เนอะ” ส่งยิ้มกว้างให้ซึงยุน ปากเรียวสีส้มอ่อนฉีกกว้าง ฟันขาวเรียงตัวกันเป็นระเบียบ ทุกอย่างดูลงตัวหมด หากแต่ไม่มีคราบนมเปื้อนที่ริมฝีปาก
“เอ่อ ซึงยุน เห่นโล่วว” โบกมือเรียกสติคนเหม่อที่กำลังจ้องริมฝีปากจินวูไม่วางตา
“เดี๋ยวนะ อยู่เฉยๆ” เอื้อมมือมาตรงหน้าจินวู มือซ้ายจับพวงแก้มใส ยกนิ้วโป้งมาเกลี่ยคราบนมของจินวูออกจากริมฝีปากอย่างเบามือ จินวูมองการกระทำของคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา แปลกดีเหมือนกันที่หัวใจเขาเต้นไม่ปกติอีกแล้วเมื่อมือซึงยุนโดนผิวของเขา จินวูจ้องลึกเข้าไปในตาเรียว แล้วอยู่ดีๆแก้มใสสีขาวก็กลับมีสีแดงฝาดเปื้อนที่แก้มเมื่อซึงยุนใช้ลิ้นเลียนิ้วโป้งที่เพิ่งเอามาเช็ดคราบนมบนปากของเขาเมื่อครู่ ใจหล่นวูบกับการกระทำของคนตรงหน้า จูบ มันคือจูบไม่ใช่หรอ หน้าแดงหนักขึ้นกว่าเก่าเมื่อริมฝีปากหนาประทับลงบนนิ้วโป้งเรียว
“นะ นาย กินเข้าไปทำไม” เอ่ยถามอย่างตะกุกตะกัก หลุบตามองต่ำเพราะความอาย
“เอ้า ก็มันเป็นของกิน ก็กินได้ไม่ใช่หรอ” เอ่ยตอบหน้าตาย ส่งยิ้มกว้างแล้วยิ่นหน้าเข้ามาใกล้
“แต่…มันสกปรก” เม้มปากเป็นเส้นตรง ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดีกับการกระทำเมื่อกี้ แต่เขาไม่ชิน มันเป็นอะไรแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยเจอ แน่นอนว่าจินวูเคยเห็นพระนางในซีรี่ย์เล่นแบบนี้มานักต่อนักแล้ว แล้วเขาก็อิน แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันไม่สกปรกรึไง แล้วพออยู่ๆมาเจอกับตัวแบบกะทันหันแบบนี้ จินวูก็ทำตัวไม่ถูก อีกอย่างคือเขากับซึงยุนไม่ใช่พระนางในซีรี่ย์ด้วยน่ะสิ
“อะไรบนตัวนายมันก็สะอาดหมดนั่นแหละ” จินวูยู่จมูกและปาก ขมวดคิ้วเพราะความโกรธ แต่ก็ต้องคลี่ยิ้มออกเพราะกลั้นความเขินไว้ไม่อยู่ ยกมือขวาขึ้นมาป้องหน้าที่กำลังแดงก่ำยิ่งกว่ามะเขือเทศสุกแล้วหันมาสนใจกับสมุดเลกเชอร์ต่อ ตอนนี้จินวูไม่สามารถมองตาซึงยุนได้ เพราะไม่ว่าจะมองทีไรเจ้าตัวก็ต้องเผลอหลุดยิ้มออกมาทุกที
“แหมๆ เป็นอะไร เขินหรอครับคนสวย” นี่คงเป็นครั้งแรกที่มีคนชมว่าสวยแล้วจินวูไม่โกรธ ซึงยุนพูดแซวขึ้นเสียงใส หัวเราะน้อยๆกับท่าทางเขินอายที่น่ารักของคิมจินวู เปิดสมุดเลกเชอร์หน้าดิมซ้ำไปซ้ำมา กระกระทำเงอะงะของจินวูตอนนี้ เป็นใครก็คงดูไม่ออกเลยว่าเขินเขาอยู่
“ย่าส์ อยู่เฉยๆเลย เป็นนักเรียนห้ามแกล้งครู เข้าใจมั้ย” ส่งสายตาดุให้ กอดอกแล้วขึ้นเสียงดัง แต่ปากเจ้ากรรมก็ยังไม่วาย เผลอหลุดยิ้มจนได้
“ก็บอกแล้วไงว่ามันไม่น่ากลัวหรอก น่ารักมากกว่า” พูดพลางยกนิ้วโป้งขึ้นมานวดที่หัวคิ้ว หวังให้คนตัวเล็กอารมณ์ดีขึ้น
“เป็นครูอย่าเครียดสิ ยิ่งอยู่ต่อหน้าลูกศิษย์สุดหล่ออย่างคังซึงยุนแล้วต้องทำตัวให้น่ารักเข้าไว้ ลูกศิษย์จะได้รัก”
“ไม่เห็นต้องห่วงเลยว่าลูกศิษย์จะรักไม่รัก เป็นครูก็มีหน้าที่สอน ให้ความรู้ นักเรียนจะเกลียดหรือจะรักมันก็เรื่องของนักเรียน ไม่เห็นจะเกี่ยวกับครูเลย”
“แต่นักเรียนคนนี้รักครูนะครับ” ส่งยิ้มบางและสายตาอบอุ่นให้จินวู
“ห้ะ อะไรนะ” ประโยคเมื่อครู่ไม่ใช่ว่าจินวูจะไม่ได้ยิน แต่เขาไม่เชื่อหูตัวเองก็เท่านั้น นักเรียนคนนี้รักครู มันหมายถึงซึงยุนรักเขาหรือเปล่า
“ซึงยุนรักจินวูนะครับ ได้ยินชัดยัง” ยื่นมือสองข้างมากุมมือเล็กของจินวูเอาไว้ สัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบเมื่อผิวกายโดนกัน มองจ้องลึกเข้าไปในตากลมโตนั่น คนตัวเล็กตัวแข็งทื่อ นิ่งเงียบเมื่อได้ยินประโยคบอกเล่าจากปากซึงยุน ‘รัก’ รักหรอ เขาได้ยินไม่ผิดไปใช่มั้ย
“เป็นแฟนกันนะจินวู”
ใจหล่นวูบอีกครั้งเมื่อเผลอไปสบกับดวงตาเรียวที่แฝงความมุ่งมั่นจริงจังในนั้น จินวูไม่รู้ว่าตอนนี้เขาควรทำยังไง ตอบรับเลยหรือปฏิเสธ จินวูรู้ตัวว่าตัวเขาเองก็รู้สึกกับซึงยุนไม่ต่างจากที่ซึงยุนรู้สึกกับเขา ระยะเวลาที่ผ่านมาทำให้เขารู้ได้ว่าซึงยุนมีอิทธิพลต่อหัวใจของเขามากขนาดไหน แต่มันจะเร็วไปมั้ยถ้าตอบรับเลยตอนนี้ เขาควรปรึกษาแทฮยอนก่อนรึป่าว จินวูลังเล เขาไม่มั่นใจเลยกับการตอบประโยคคำถามจากซึงยุนในตอนนี้
“เอ่อ คือ…”
“ฉันรู้ว่ามันเร็วไป แต่นายอย่าเพิ่งปฏิเสธได้มั้ย”
“…..”
“เอากลับไปคิดก่อน พร้อมเมื่อไหร่ค่อยมาตอบคำถามฉัน ฉันรอได้”
“ซึงยุน”
“ครับ”
“ขอบใจนะ” ส่งยิ้มกว้างตอบกลับมา ผลตอบรับเกินคาด อย่างน้อยจินวูก็ไม่ปฏิเสธคำขอของเขา ได้แค่นี้ก็ดีเกินที่ซึงยุนหวังไว้แค่ไหนแล้ว
“อื้ม ปะ เก็บของได้ละเดี๋ยวไปส่ง ป่านนี้แทฮยอนคงไปรอที่หอแล้ว”
“ขอบใจนะ” พูดประโยคเดิมรอบที่สอง ตอนนี้จินวูสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี ในหัวเขาตอนนี้มีเพียงคำว่าขอบคุณ ขอบคุณซึงยุนที่ไม่เร่งรัดเขา ขอบคุณความรู้สึกดีๆที่ซึงยุนมีให้ จินวูนึกย้อนไป การกระทำทุกอย่างที่ซึงยุนแสดงต่อเขามันชัดเจนอยู่แล้ว ทำไมเขาไม่รู้กัน ซึงยุนคอยดูแล คอยอยู่เคียงข้างเขาทุกครั้ง เวลาที่แทฮยอนไม่อยู่ก็มีซึงยุนที่เป็นที่เหมือนจะรู้ใจ เข้ามาในจังหวะที่จินวูต้องการคนปรึกษาทุกที จินวูรู้สึกดีเวลาซึงยุนอยู่ข้างๆ ความรู้สึกดีแบบนี้ จินวูไม่รู้ว่าควรจะเรียกว่าอะไรดี
“ฮ่ะๆ นี่ พูดประโยคเดิมซ้ำมาสองรอบแล้วนะ ใจคอนายไม่คิดจะพูดคำอื่นบ้างรึไง”
“อือ รักนะ”
“หื้ม” หันมองคนตัวเล็กที่งุดหน้าอยู่กับคอปกเสื้อ กลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลปลิวตามแรงลมพัด
“อะไรนะ จินวูขออีกรอบ”
“ร้อนเนอะ ฉันบอกว่าร้อนเนอะ ฮ่ะๆ ถึงหอแล้ว ขอบคุณนะที่มาส่ง กลับบ้านดีๆนะ เจอกันพรุ่งนี้” คนตัวเล็กรีบพูดในขณะที่ยังงุดหน้าอยู่กับคอปกเสื้อแล้ววิ่งเข้าหอทันที ประโยคเมื่อกี้ผมคงฟังไม่ผิดใช่มั้ย ‘รักนะ’ จินวูบอกรักผม หัวเราะน้อยๆให้กับท่าทางเขินอายของคนตัวเล็ก
เวลาล่วงเลยมาก็จวบจนถึงวันสอบ ตลอดเวลาหกวันที่ผ่านมา จินวูได้ใช้เวลาส่วนตัวหลังเลิกเรียนทุกเย็นไปกับหนุ่มหน้าบานคนนี้ ตั้งแต่วันที่จินวูถูกซึงยุนสารภาพรัก และถึงเขายังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธก็ตาม คังซึงยุนคนนี้ก็ยังมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าจีบเขาอยู่เหมือนเดิม ความพยายามของซึงยุนไม่เคยลดละ การกระทำของซึงยุนยังคงเหมือนเดิม เหมือนวันแรกที่เจอกัน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คังซึงยุนเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ จินวูแอบคิด ว่าถ้าเป็นคนอื่นคงใจแป๊วและตีตัวออกห่างเขาแล้วแน่ๆ แต่ซึงยุนไม่ใข่
-วันประกาศผลสอบ-
บรรยากาศหน้าบอร์ดใหญ่ของโรงเรียนยังคงเหมือนเดิมทุกปี เด็กหลายคนมายืนมุงดูผลสอบกัน เสียงถกเถียงพูดคุยกันเรื่องผลสอบดังเซ็งแซ่ แม้จะเบียดกันจนหายใจไม่ออกแค่ไหน แต่ทุกคนก็มุ่งมั่นที่จะฝ่าฝูงคนนั้นไปดูให้ได้ คิมจินฮวานก็เป็นหนึ่งคนที่มุ่งมั่นกับสอบครั้งนี้มาก ไม่สิจินฮวานมุ่งมั่นมากในทุกๆครั้ง ร่างเล็กเซไปมาจากการถูกเบียด จินฮวานไม่ใช่คนตัวใหญ่ ส่วนสูงเขาต่ำกว่ามาตรฐานทั่วไปด้วยซ้ำ จึงเป็นการลำบากมากที่จะต้องมาเบียดกับคนตัวสูงจำนวนมากหน้าบอร์ดนี่ ถึงจะอยู่ไกล แต่สายตาเฉียบคมของจินฮวานก็ยังดีอยู่ ตาเรียวเล็กเริ่มกวาดไล่ลงจากข้างบน
“ยางฮงซอก….คิมจินวู…..คิมจินฮวาน” ไล่อ่านลำดับที่เรียงจากที่1ลงมา ผลการเรียนจินฮวานยังดีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ได้ที่สามของชั้นและยังได้ที่หนึ่งของห้องสอง เรียกได้ว่าเก่งมาก ไม่เสียแรงที่เข้าห้องสมุดทุกวัน เขาเก่ง แต่ก็ยังเก่งไม่พอ….ที่จะชนะคิมจินวู
“ย๊า ฮงซอกได้ที่หนึ่งอีกแล้วหรอ หยี หมั่นไส้” เสียงใสเล็กโดดขึ้นมาใกล้หูของจินฮวาน
“นายก็ที่สองเหมือนเดิมเลยนะจินวู หึ่ย แบ่งความเก่งสักครึ่งมาให้ฉันบ้างเหอะนะ” เสียงใสจากคนเดิมที่กำลังชื่นชมกับคนเก่งทั้งสองยังดังขึ้นมาไม่ขาด ร่างเล็กยืนมองชื่อที่บอร์ด ตาใสๆเริ่มมีน้ำหน่วงที่ขอบตา มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น เนื้อตัวสั่นเทา คำพูดของพ่อยังดังก้องอยู่ในหัว
“หวังว่าครั้งนี้ลูกคงจะชนะจินวูได้สักครั้งนะ”
ความหวังของผู้เป็นพ่อที่คาดหวังในตัวเขามาตั้งแต่ยังเด็ก คิมจินฮวานเรียนเก่งมาตลอด จบจากโรงเรียนประถมที่เดียวกัน มัธยมก็ที่เดียวกัน และผลการเรียนของเขาทั้งสองก็ไล่กันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ทุกครั้ง เขาไม่เคยชนะจินวูได้เลยสักครั้งเดียว ความอิจฉามันอยู่ลึกข้างในใจแต่ถูกความเป็นเพื่อนปิดบังมันเอาไว้
เขาไม่ได้อิจฉาจินวูแค่เรื่องการเรียน แต่อิจฉาทุกเรื่อง อิจฉาในสิ่งที่เขาไม่มีแต่จินวูมี ทั้งชื่อเสียง ทั้งเพื่อน ทั้งคนรัก ทุกอย่างจินวูดูได้มันมาโดยง่ายดาย แต่ตรงกันข้ามกับเขา จินฮวานคนที่มีเพื่อนที่ไว้ใจได้แค่คนเดียวคือคิมฮันบิน กับการเรียนที่โดดเด่นมากแต่ก็ยังไม่พอ ร่างเล็กรีบเดินออกมาจากฝูงคนหน้าบอร์ด ตอนนี้เขาต้องการหาที่เงียบๆ เขาต้องการระบาย เขาต้องการใครสักคนที่มาอยู่ข้างๆเขาในตอนนี้ และ
สวบ!
ร่างเล็กที่เดินก้มหน้าไม่ดูทางถูกแขนกว้างโอบล้อมร่างไว้ในอ้อมอกแกร่ง จินฮวานปล่อยโฮ ถ้าเดาไม่ผิดอ้อมแขนนี้คงเป็นของฮันบิน เพื่อนเพียงคนเดียวของเขา จินฮวานซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้าง ปล่อยน้ำตาให้มันไหลไปตามแรงโน้มถ่วง จิตใจที่แตกร้าวราวกับมีกาวมาประสานขึ้นอีกครั้ง ฮันบินเปรียบเหมือนคนที่ช่วยนำกระถางที่แตกร้าวมาประกอบขึ้นใหม่ ฮันบินใช้มือลูบตามแผ่นหลังและกลุ่มผมนุ่มเบาๆหวังที่จะปลอบคนตัวเล็กได้
“เป็นอะไร”
“ฮึก ฮึก ฮือ”
“อ่าๆ ไม่ต้องบอกตอนนี้ก็ได้ ร้องให้เสร็จก่อน อยากบอกเมื่อไหร่ก็บอกนะ”
“อือ”
บอกแล้ว ว่าคิมฮันบินจะอยู่ข้างๆเขาเสมอเวลาที่เขาไม่มีใคร เวลาที่เขาลำบาก เวลาที่เขาต้องการใครสักคน ราวกับฟ้าสั่ง ที่ส่งคิมฮันบินมาได้จังหวะทุกครั้งไป
“ไหน ผลงานลูกศิษย์นายเป็นไงล่ะ” แทฮยอนเอ่ยแซวผู้เป็นเพื่อน ไล่หาชื่อคนที่เป็นลูกศิษย์ของจินวูเพื่อดูผลงานของติวเตอร์คนนี้
“ย๊าส์ ที่10 ซึงยุนนายได้ดีกว่าฉันอีกนะ จินวูนายสอนเก่งไปแล้ว คราวหน้าติวให้ฉันมั่งเลย” แทฮยอนเอ่ยขึ้น น้ำเสียงใสปนความหงุดหงิดเล็กๆ จินวูขำน้อยๆให้ท่าทางไม่พอใจของเพื่อนเขา
“แล้วนายที่เท่าไหร่ล่ะ”
“15 แย่อ้ะ แต่ก็มากกว่าไอ้หมูดำที่นึง คึคึ” สรรพนามที่ใช้เรียกเพื่อนของเขาเปลี่ยนไป แทฮอนพยักเพยิดหน้าไปทางคนที่ถูกเรียกว่าหมูดำ
“ก็ดีแล้วนี่ อย่างน้อยก็ได้ที่ต้นๆของห้องเลยนะ” จินวูเอ่ยเสียงใส พูดกลางเดินฝ่าฟูงชนออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ด้านนอกตึก
“จินวู หาตั้งนาน ไปซ้อมวงกัน พรุ่งนี้แล้วนะ” ยางฮงซอกที่วิ่งกระหืดกระหอบเพราะตามหาจินวูไปทั่ว
“เออใช่ลืมไปเลย ไปก่อนนะแทฮยอน เจอกันตอนเย็น” คนตัวเล็กโบกมือลาแทฮยอนแล้วรีบวิ่งไปพร้อมกับฮงซอก
“งั้นเรามาซ้อมของเรากันมั้ย พรุ่งนี้แล้วนะ” ซึงยุนพูดขึ้นหลังจากคนตัวเล็กวิ่งไปไกลแล้ว ส่งยิ้มบางให้เพื่อนอีกสามคน
“เออว่ะ ลืมไปว่าต้องขึ้นเวทีด้วย ช่างแม่งผลสอบ ปะ ไปสนุกกันน” ซึงฮุนกอดคอเพื่อนอีกสามคนไว้แล้วเดินไปยังห้องเก็บของเก่าของโรงเรียน
.
.
.
.
.
“มีที่ดีกว่านี้มั้ยวะ” มินโฮพูดพลางปัดหยากไย่ที่เกาะตามตัวออก
“เหี้ยซึงยุน เพราะมึงนะ พวกกูถึงทนทำให้ได้เนี่ย โอ้ยอีแมงมุมอย่ามาไต่ขากู้” ซึงฮุนว่าพร้อมใช้มือปัดแมงมุมที่ขาออก
“กูขอโทษษษษ ทนๆกันหน่อย นะ แปปเดียว พรุ่งนี้พวกมึงก็จะหลุดพ้นแล้วเว่ย มา แทฮยอนรีบซ้อมรีบออก” ซึงยุนขอโทษขอโพยเพื่อนเสร็จก็จัดการเตรียมเครื่องดนตรีและรีบซ้อมวง วงเฉพาะกิจ จะไปได้สวยมั้ยไม่รู้ แต่ซึงยุนมั่นใจว่ามันต้องออกมาดี…..เพื่อจินวู
แชป12~~~~
ตอนนี้เอาใจแม่ยกบีจินและยุนวูเต็มๆเลยนะ ยุนวูบอกรักกันแล้ว ความสัมพันธ์บีจินก็เริ่มดีแล้วด้วย ฮริ้ง แต่สงสารพี่จินเนอะ มีแค่ฮันบินคนเดียว
มาถึงครึ่งเรื่องกันแล้วเนอะ ขอบคุณทุกคนที่คอยอยู่ตามอ่านกันมา ขอบคุณจริงๆ //ส่งจูบ
ฝากเม้นท์ให้กำลังใจกันด้วยน้า ไรต์รักทุกคนเลยยย จุ้บๆ
ความคิดเห็น