ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Winner (Yoonwoo) : Just memories

    ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 13 : A Beautiful Night

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 127
      1
      27 มี.ค. 58

    Chapter 13 : A Beautiful Night

     

     

     

                งานประจำปีของโรงเรียน  YG ถูกจัดขึ้นหลังวันประกาศผลสอบ ซึ่งปีนี้ก็ตรงกับวันวาเลนไทน์พอดี แน่นอนเมื่อพบกับความผิดหวังก็อย่าไปกังวล ปล่อยมันไว้ข้างหลัง เดินหน้าต่อไปและทำวันพรุ่งนี้ให้มีความสุขที่สุด คติของพ่อใหญ่ คนที่สร้างโรงเรียนแห่งนี้มาอย่างท่านยางฮยอนซอก อาจารย์ใหญ่ของที่นี่ จึงเป็นเหตุให้มีงานสังสรรค์เลี้ยงส่งขึ้นทุกท้ายเทอมของโรงเรียนนี้

     

     

                เวทีถูกเตรียมขึ้นที่ลานน้ำพุหน้าหอประชุมโรงเรียน เครื่องเสียงถูกแสตนด์บายไว้พร้อมตามมุมต่างๆของเวที ฉากหลังถูกขึงแน่นด้วยริ้วผ้าหลากสีสดใสจากอาจารย์ที่นี่ เรียกได้ว่าเป็นงานคืนความสุขให้นักเรียนเลยก็ว่าได้ เท็ดดี้และเซเว่น ในฐานะที่เป็นอาจารย์ผู้ชายที่มีน้อยมากในโรงเรียนนี้ ถูกรับหน้าที่จัดของบนเวที เพราะงานหนักๆ หวาดเสียวๆคงไม่พ้นมือของแรงผู้ชาย ส่วนอาจารย์ผู้หญิงอย่างซีแอล บม ดาร่าและมินจี ก็แยกย้ายกันจัดของตามซุ้มต่างๆ ลูกโป่งหลากสีและริบบิ้นถูกโยงระยางห้อยตามชายคาเต๊นท์เต็มไปหมด งานนี้พวกเธอตั้งใจกันมาก เพราะหวังอยากให้พวกเด็กๆมีความสุขกัน

     

     

                ตกเย็น แสงอาทิตย์ริบหรี่เพราะใกล้ลับขอบฟ้า นักเรียนหญิงชายต่างพากันอวดชุดที่ตนใส่มาวันนี้  แสงระยิบระยับพร่างพราวจากกากเพชรบนชุดและดวงดาวกำลังแข่งกัน และแน่นอนว่าทุกคนที่มางานวันนี้จะพกดอกกุหลาบติดไม้ติดมือมากันคนละหนึ่งดอก บางคนถึงกับเอามาเป็นช่อใหญ่เพราะต่างมีคนพิเศษที่จะให้กันอยู่แล้ว จินวูที่อยู่ในชุดสูทสีเทาอ่อนลายตารางหมากรุก ผมม้าที่ปกติเรียวแต่วันนี้กลับทำให้ฟูขึ้นนิดนึงแล้วปัดลงมาปิดตานิดหน่อยเพื่อความน่ารัก เขาเดินสะพายกระเป๋ากีต้าร์ที่ใหญ่กว่าตัวเขามาวางไว้หลังเวที

     

     

                “เอ้ามาแล้วหรอจินวู

     

                “อื้ม โทษที รถติดอะเลยมาช้าเอ่ยขอโทษฮงซอกที่มารอหลังเวทีได้สักพักแล้ว

     

                ฮ่าๆ ไม่เป็นไร ฉันก็มาก่อนนายแปปเดียวเอง

     

                “แล้วดงฮยอกอะ

     

                “อ่อ รายนั้นนี่มาคนแรกเลย แต่ปวดท้องเลยขอเข้าห้องน้ำ นี่หายไปนานละนะ ยังไม่กลับมาสักที

     

                “อืมม ไม่เป็นไร อีกตั้งนานกว่างานจะเริ่ม งั้นฉันไปเช็คเสียงกีต้าร์แปปนะ เดี๋ยวลงมาว่าพลางแบกกีต้าร์ของตัวเองขึ้นไปบนเวที เสียบสายแจ็คเข้ากับตัวกีต้าร์แล้วลองดีดดูความชัดและดังของเสียง มือเรียวหมุนปรับเสียงกีต้าร์ให้ได้เสียงที่พอเหมาะ ได้ที่แล้วจินวูก็ลงจากเวที

     

                เสร็จล้ะ ไปหน้างานกันฮงซ…....พี่ท้อปจินวูเบิกตาโพลงเมื่อเจอกับคนที่ตนไม่คิดว่าจะเจอ ท้อปในชุดเสื้อคลุมหนังสีดำตัวเดิมกับที่เขาเจอครั้งที่แล้วกำลังเดินมาหลังเวทีพร้อมกับสมาชิกในวงของเขา แดซอง ซึงรี และแทยัง

     

                ฮยองหวัดดีฮะทักทายซึงรีผู้เป็นพี่ที่เดินอยู่ข้างหลังท้อป ความจริงจินวูเห็นท้อปก่อนที่จะเห็นซึงรีพี่ชายของตน แต่แน่นอนว่าจินวูเลือกที่จะทักทายพี่ชายตัวเองก่อนคนที่เคยทำร้ายหัวใจของเขา ตากลมโตมองผ่านร่างสูงตรงหน้าแล้วโบกมือให้ซึงรี ส่งยิ้มหวานแล้ววิ่งเข้าไปหา

     

                เล่นเหมือนกันหรอเราเอ่ยถามด้วยเสียงอบอุ่น ความคิดถึงในตัวพี่ชายคนนี้ยังไม่เท่าเดิมไม่เคยลดเลย

     

                ใช่ฮะ เก่งใช้มั้ยล่าส่งยิ้มกว้างให้พี่ชาย ตากลมโตกลับเรียวเล็กลงเพราะถูกแก้มกลมยกขึ้นมาปิดเกือบหมด

     

                ห่ะๆ ไม่ต้องเลย เล่นมาหลายงานแล้วนี่ ทำเป็นตื่นเต้น ฮ่าๆหัวเราะน้อยๆแล้วลูบกลุ่มผมนุ่มของจินวูด้วยท่าทางเอ็นดู ซึงรีพยายามเบี่ยงเบนความสำคัญจากท้อปไปจากจินวู เพราะตัวเองรู้ดีว่าในตอนนี้สิ่งใดที่ควรทำมากที่สุด

     

     

                เอ้า มาครบกันแล้วใช่มั้ย จะได้บอกคิวเล่นให้เสียงผู้มาใหม่ดังขึ้น มินจีที่อยู่ในชุดเดรสสีขาว ผมสีแดงเพลิงที่เพิ่งไปย้อมมาสำหรับงานในค่ำคืนนี้โดยเฉพาะ เธอเดินเข้ามาหลังเวทีพร้อมกระดาษที่บอกรายละเอียดคิวการแสดงในมือ

     

     

                หว่าวๆๆๆ ย้อมผมมาเลยนะจารย์ อยากเปลี่ยนลุคก็บอก ฮ่าๆๆเจ้าของน้ำเสียงกวนตีนเจ้าเดิม คู่ปรับของกงมินจียืนแซวคนที่ตนเรียกว่าอาจารย์ กูจุนฮเวยืนขำกับยุนฮยองคู่หูของเขา มินจีถอนหายใจ แกล้งทำเป็นไม่สนใจกับคำพูดเย้ยหยันของจุนฮเว เขาชินซะแล้วที่เป็นแบบนี้ เพราะด้วยอายุที่น้อยกว่าอาจารย์ทุกคนในโรงเรียน เลยทำให้มินจีดูจะเป็นเพื่อนเล่นกับเด็กได้ดีกว่าใคร เปิดหน้ากระดาษพลิกไปมาราวกับกูจุนฮเวเป็นอากาศ

     

     

                ชุดดนตรีของพวกเราจะเริ่มเกือบท้ายงานเลยนะ สักสองทุ่มครึ่งก็เตรียมแสตนด์บายหลังเวทีกันได้ละ

     

                วงของนายเริ่มก่อนนะจุนฮเว

     

                จ่ะ แม่สาวผมแดงพูดแซวราวกับเป็นเพื่อนเล่น แต่มินจีมีภูมิต้านทานมาดี เธอสามารถทำให้คำพูดนั้นเป็นเพียงละอองฝุ่นที่ปลิวเข้าหูเธอมาได้

     

                แล้วต่อด้วยวงนายนะจินวู

     

                “ครับ

     

                “ส่วนวงนาย ซึงรี เดี๋ยวพอวงของจินวูเล่นจบจะมีการจับของขวัญต่อก่อน พอจับเสร็จแล้ววงนายค่อยเล่นปิดท้ายงานไปเลย….... ไหนๆนี่ก็ปิดสุดท้ายแล้ว เอาให้เต็มที่ล่ะ คิดซะว่าเวทีนี้เป็นของพวกนายส่งยิ้มมุมปากให้ซึงรี ถึงจะไม่ใช่ยิ้มกว้างแสดงถึงความมีความสุขมากเท่าไหร่ แต่ก็ได้กำลังใจมากพอควร ยิ้มที่เท่ห์ ยิ้มที่ดูจะทำให้วงของซึงรีมีความมั่นใจมากในฐานะของครูคนหนึ่งที่คอยเฝ้าดูแลมาตลอด

     

     

     

    จินวูขอปลีกตัวมางานก่อนแทฮยอนเพราะต้องมาเตรียมเครื่องเสียงด้านหลังเวที ซึ่งก็ถือเป็นโอกาสดีของแทฮยอนที่ต้องอยู่ซ้อมเช็คความพร้อมวงสมัครเล่นของตัวเองอย่างลับๆที่หอของเขากับเพื่อนอีกสามคน

     

     

    อย่าลืมท่อนนี้นะซึงยุน ขึ้นเสียงสูงตามอารมณ์ของนายเลย เอาให้หวานสุดๆเลยนะแทฮยอนกำชับนักร้องหลักของวง ผู้ที่คิดแผนการนี้ขึ้นมาทั้งหมด

     

     

    นายก็อย่าลืมตอนท้ายเพลงนะ พอไอยุนร้องจบปุ๊บก็ค่อยๆกรีด อย่าเร็วเกินไปล่ะเดี๋ยวไม่เพราะพูดเตือนซึงฮุนขึ้นอีกเสียง

     

    ส่วนมินโฮ….ทำให้ดีเหมือนที่ซ้อมกันไว้ก็พอน้ำเสียงเรียบเปลี่ยนมาหวานอีกครั้งเมื่อสบกับดวงตาคม รอยยิ้มอบอุ่นที่คุ้นชินเพราะช่วงนี้อยู่ด้วยกันบ่อย ทำให้บรรยากาศในห้องพักของแทฮยอนดูอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆที่ควรจะเย็น เพราะเปิดแอร์ 20 องศาแล้ว

     

     

    อีกนานมั้ยพ่อคู้นนนน ปกตินี่ก็หวานกันปานจะกลืนละ แล้วนี่มาวันวาเลนไทน์ พวกมึงจะหวานแข่งกับน้ำตาลปี๊บเลยมั้ยล่ะ อิห่า สงสารคนไม่มีคู่อย่างกูบ้างซึงฮุนบ่นตัดพ้อด้วยน้ำเสียงน้อยใจ แต่นั่นดูไม่น่าสงสารเลยสำหรับอีกสามคนที่เหลือ ทั้งสามต่างประสานเสียงหัวเราะกันอย่างไม่ได้นัดหมาย

     

     

    จ่ะ ขำเข้าไปไอยุน เดี๋ยวมึงก็มีคู่อีกคนละนี่ ไม่ต้องมาทำขำเลย เฮอะ

     

    โอ๋ๆ ฮ่าๆๆ

     

    กูเกลียดพวกมึง!!!!!”

     

     

     

     

     

    บรรยากาศในงานเริ่มครึกครื้นขึ้นเพราะจำนวนคนที่เริ่มมาก เสียงพูดคุยกันของแขกในงานดังประปรายแข่งกับเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆ อีกสิบห้านาทีจะถึงพิธีเปิดแล้ว ยางฮยอนซอก ประธานของงานในคืนนี้กำลังเตรียมตัวขึ้นเวทีเพื่อจะทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในค่ำคืนนี้

     

     

    และพร้อมกับอีกสี่คนที่เพิ่งมาถึงงาน แทฮยอน มินโฮ ซึงยุนและซึงฮุนก้าวลงจากแท๊กซี่คันเขียว แปดขารีบจ้ำอ้าววิ่งผ่านเข้าประตูหลังโรงเรียนมาเพราะใกล้กว่าทางด้านหน้า แทฮยอนรีบแบกกีต้าร์ของจินวูอีกตัวไปวางใกล้พุ่มตะโกดัดรูปสุนัข เขาจำเป็นต้องยืมมาก่อนโดยไม่ได้ขออนุญาต และต้องแอบเอามาซ่อนโดยห้ามให้จินวูเห็นอีกเด็ดขาด ไม่งั้นแผนการในงานค่ำคืนนี้จะไม่สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีแน่ๆ เมื่อแทฮยอนจัดการซ่อนของเสร็จแล้ว ทั้งสี่คนเลยตามหาจินวู และก็เจอคนตัวเล็กอยู่กับฮงซอกที่ซุ้มปาเป้า

     

     

    เอาอีกๆ ฮงซอกเอาอีก โห่ยอีกนิดเดียวก็เข้าแล้วอ้ะ เล่นใหม่นะ นะๆๆยืนตะโกนเชียร์เสียงดังลั่นข้างยางฮงซอก คนที่ยืนจองตำแหน่งปาเป้าตรงนี้มาหกตาแล้ว

     

     

    โห่ยจินวู นี่รอบที่เจ็ดแล้วนะ จะเอาอีกหรอหันไปยู่ปากพร้อมทำเสียงเนือยๆกับคนตัวเล็ก ใช่ นี่มันรอบที่เจ็ดแล้ว แล้วดูฮงซอกจะเมื่อยมือและสายตามากด้วย แต่คนตัวเล็กข้างเขานี่สิ ยืนตะโกนเชียร์เสียงดังลั่น ดูลุ้นซะยิ่งกว่าเขาเล่นเองและไม่มีแววว่าจะเหนื่อยเลย สงสัยว่าอยากได้ตุ๊กตาหมีสีขาวตัวนั้นมาก มันเป็นของรางวัลชิ้นใหญ่ที่ต้องปาเข้าเป้าทั้งหมดห้าลูก และแน่นอนว่าฮงซอกยังคงปาไม่เข้าซักลูก ดวงตากลมโตยังคงเป็นประกายฉายแววส่องไปที่ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่

     

     

    เอามานี่ ฉันปาให้ราวกับมีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยฮงซอก เสียงของผู้มาใหม่ดังขึ้นข้างหลังของทั้งคู่

     

     

    ซึงยุนฮงซอกกับจินวูอุทานพร้อมกัน เสียงของฮงซอกแสดงถึงความดีใจที่ตนจะหลุดพ้นจากบ่วงกรรมปาเป้านี่แล้ว เขาจะได้ไปสูดอากาศข้างนอกบ้างเสียที และเสียงของจินวูก็แสดงถึงความดีใจเหมือนกัน แต่แฝงไปด้วยความประหลาดใจมากกว่า ประหลาดใจกับคังซึงยุนคนใหม่

     

     

    เป็นอะไร จะให้ฉันปาต่อให้มั้ยคังซึงยุนเอ่ยเรียกทำลายภวังค์ของจินวู คนตัวเล็กมองซึงยุนตั้งแต่หัวจรดเท้าตาไม่กระพริบ วันนี้ซึงยุนมาในชุดสีดำขลับ ผมสีดำเรียบกลับถูกทำให้ยุ่งและย้อมสีน้ำตาลอ่อนพร้อมด้วยหมวกทรงสูงด้านบน ริมฝีปากอิ่มสีชมพูอ่อนกับผิวนวลใส ทุกอย่างดูแปลกใหม่หมด แต่เหมือนเดิมก็ตรงที่สายตาอบอุ่นที่มองมาและกล้องตัวเก่งที่สะพายติดคอมาตลอดราวกับเป็นสร้อยพระ

     

     

    จินวู!!”

     

    ห้ะ

     

    เป็นอะไร

     

    อ่ะ อ่อ เปล่าๆหลุบตาลงต่ำเพราะไม่อาจทนมองสายตานั่นอีกต่อไปได้ แก้มใสเริ่มซับสีเลือดจางๆ

     

     

    ฉันหล่อล่ะสิวันนี้ ใช่มะ ฮ่าๆเกือบละ เกือบดูดีละถ้าไม่พูดประโยคเมื่อกี้ออกมา ซึงยุนว่าพลางแบมือขอลูกดอกในมือของฮงซอก ฮงซอกยิ้มกว้าง ปลาบปลื้มน้ำตาปริ่มขอบตา และวิ่งออกไปหาซึงฮุนที่ยืนรออยู่คนไร้คู่ก็เป็นซะแบบนี้

     

     

    คอยดูนะ ฉันจะปาให้เข้าตรงจุดศูนย์กลางของวงกลมสีแดงเล็กนั่นเลยคอยดูร่างสูงหยิบลูกดอกในมือมาทำท่าเล็งๆให้ดูคล่องแคล่วเอาไว้ เผื่อคนตัวเล็กจะมีหวังบ้าง

     

     

    แหม่ทำเป็นเก่ง สอบได้คะแนนดีทีนี่อวยตัวเองใหญ่เลยนะ

     

     

    ก็เพราะนายนั่นแหละ ฉันถึงได้ดี”  ประโยคธรรมดาแต่ทำให้คนตัวเล็กใจสั่นได้ไม่น้อย เพราะนายจินวูไม่รู้ว่าคำพูดนั้นจะหมายความว่าอะไร เพราะเขาช่วยติวข้อสอบให้ หรือเพราะจูบทางอ้อมในวันนั้น

     

     

    ไม่ต้องพูดมากเลย ปาเร็วๆ ฉันอยากได้ตุ๊กตาหมี ปาให้ดีๆด้วยล่ะรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีที่ตัวเองจะคิดไปไกล ซึงยุนหันไปมองตุ๊กตาหมีสีขาวบนชั้นวางของรางวัล นี่สินะสาเหตุที่ทำให้ฮงซอกยืนเมื่อยแขนอยู่นานแสนนาน ตุ๊กตาหมีสีขาวตัวใหญ่ ใหญ่กว่าจินวูซะอีก ตุ๊กตาหมีสีขาวน่ารัก แต่คงน่ารักสู้คนตัวเล็กข้างๆผมไม่ได้สักนิด   

     

     

    เอาล่ะ จับตาดูไว้เลยนะ

     

     

    สวบ!” ลูกดอกพุ่งออกจากมือเรียวไปปักเข้าตรงกลางจุดสีแดงบนแผ่นกลมนั่นทันที

     

     

    เห้ยยยยยยย ซึงยุน เข้าแล้ว ดูสิเข้าแล้ว นายเห็นมั้ย งื้ออก็เขาเป็นคนปา ทำไมจะไม่เห็นล่ะจินวู เก็บความสงสัยในคนตัวเล็กเอาไว้ในใจ มองร่างเล็กที่กำลังมีความสุขอยู่ จินวูกระโดดกอดแขนซึงยุนแน่น เขย่าไปมาด้วยความดีใจ ร้องเสียงดังลั่นราวกับถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง

     

     

    เห็นมะ บอกแล้ว ร่างสูงไม่รอช้า หยิบลูกดอกสีเหลืองในมืออีกอันมาเล็งที่เป้าแล้วปาออกไปด้วยความมั่นใจ  

     

     

    เข้าอีกแล้ว อ๊า เก่งมากซึงยุน นายเก่งมากส่งยิ้มกว้างแล้วยกนิ้วโป้งให้ซึงยุน ให้ผมเดาว่านี่คงเป็นยิ้มที่มีความสุขที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลยล่ะ

     

     

    ดอกที่สามและดอกที่สี่ก็ยังคงเข้าเป้าเหมือนเดิม ตอนนี้จินวูลุ้นกับลูกดอกสุดท้ายมากว่าจะเข้าหรือไม่ ตุ๊กตาหมีตัวนั้นจะได้มาอยู่ในมือของเขามั้ย แต่คนที่ลุ้นมากกว่าคงจะเป็นคนที่ถือลูกดอกอยู่นี่ล่ะ ซึงยุนมือสั่น เขาไม่มั่นใจเลยกับดอกสุดท้าย ถ้าเขาปาไม่เข้าแล้วจะเป็นยังไง จินวูคงผิดหวังมาก เขาคงไม่ได้เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขตามที่หวังไว้อีกแล้ว เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดขึ้นที่ฝ่ามือเรียว

     

     

    สวบ!”

     

     

    เย่!!!!!!!!! ซึงยุน เข้าแล้ว นายปาเข้าหมดเลย ซึงยุนเห็นมั้ย เย่ๆๆด้วยความที่ผมใช้กล้องมานาน เลยทำให้สายตาดีและปาเข้าเป้าหมดเลยมั้ง ฮ่าๆ นั่นมันก็แค่ความคิดข้างข้างตัวเองของผม คนตัวเล็กดีใจจนลืมตัว สวมอ้อมกอดเข้ามาที่เอวผม แขนเล็กของจินวูรัดเอวผมแน่นมาก ถึงจะเป็นกอดที่จินวูไม่ได้ตั้งใจก็เหอะ มันก็ทำให้ผมยิ้มกว้างและหัวใจพองโตได้มากเหมือนกัน

     

     

    นี่ครับ ตุ๊กตาหมีคนเฝ้าซุ้มยื่นตุ๊กตาหมีให้จินวู จินวูรับมากอดไว้แน่น ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข แล้วเดินไปที่ลานน้ำพุพร้อมซึงยุน

     

     

    ชอบมากเลยหรอซึงยุนเอ่ยถามคนตัวเล็กที่ยังยิ้มให้ตุ๊กตาหมีสีขาวไม่หยุด

     

     

    อื้ม ชอบมาก ขอบใจนะพูดเสียงอู้อี้เพราะปากเล็กยังคงซุกอยู่บนหัวของตุ๊กตา

     

    ซึงยุนพาจินวูมานั่งพักที่ลานน้ำพุหน้าหอประชุม เพราะคงไม่ดีแน่หากคนตัวเล็กบอบบางอย่างจินวูแบกตุ๊กตาหมีที่ตัวใหญ่กว่าเขาเดินไปไหนมาไหนตลอด

     

     

    แล้วคนอื่นๆหายไปไหนอะจินวูเอ่ยถามขึ้นทำลายความเงียบ จริงๆมันก็ไม่ได้เงียบอะไร เพราะในงานก็มีเสียงเพลงเปิดคลอและเสียงพูดคุยกันของแขกในงานกันอยู่แล้ว เพียงแต่ในตอนนี้ ที่ตรงนี้ มีเพียงเขาและซึงยุน สิ่งรอบข้างของเขาทั้งคู่ก็ดูเหมือนจะไม่จำเป็นอีกต่อไป

     

     

    นู่นไง ไปสวีทกันอยู่นู่นซึงยุนพยักเพยิดหน้าไปทางซุ้มดอกไม้ในงานที่จัดไว้สำหรับให้คู่รักได้มาถ่ายรูป แทฮยอนยกโทรศัพท์ขึ้นมาเซลฟี่กับคนรักอย่างมินโฮ สองคนนี้อยู่ด้วยกันอะไรๆก็ลงตัวไปหมด คนนึงขี้อายขี้งอน อีกคนนึงก็ขี้เย้าขี้อ้อน ดูเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของกันและกัน จินวูเห็นก็แอบอิจฉา

     

     

    แล้วฮุนอะเอ่ยถามถึงเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง ที่ตั้งแต่มางานแล้วจินวูยังไม่เห็นหน้าเลย

     

     

    นั่นไง โซนของคนไม่มีคู่อยู่ตรงนู้นชี้นิ้วไปทางซุ้มอาหาร แน่นอนว่าวันนี้วันวาเลนไทน์ คู่รักมากคู่ที่มาร่วมงานส่วนมากจะพลอดรักกันโดยไม่เกรงใจคนโสด แล้วคนไร้คู่อย่างอีซึงฮุนทำอะไรได้ นอกจากมาหาอะไรกินประชดชีวิตที่ซุ้มอาหารกับฮงซอกนี่ล่ะ   

     

     

    ย๊า ทำตัวให้ดีๆหน่อยได้มั้ยวะฮงซอก คนไร้คู่อย่างเราต้องอยู่อย่างไม่เสียศักดิ์ศรีเว้ย มะ อ้าปาก เดี๋ยวกูป้อนยัดคัพเค้กสีสดใส่ปากฮงซอกอย่างไม่ใยดี ฮงซอก คนน่าสงสารที่ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนแกล้ง เมื่อกี้รอดจากจินวูมาได้คิดว่าจะดีแล้ว ยังมาเจออีซึงฮุนคนขี้บังคับ บังคับให้มากินอาหารด้วยเพราะไม่มีคู่อีก แล้วคนปฏิเสธใครไม่เป็นอย่างฮงซอกทำไงได้ ก็ต้องมาสิครับ ฮือ พระเจ้าช่วยผมด้วย

     

     

    ท่าทางน่าสงสารของฮงซอกทำให้จินวูอดหัวเราะไม่ได้ คนตัวเล็กดึงตุ๊กตาหมีที่วางอยู่ข้างตัวมาวางไว้บนตักหันหน้าเข้าหาตัวเอง ใช้มือจับแขนสองข้างของตุ๊กตายกไปยกมาทำท่าทางให้ตุ๊กตาราวกับมันมีชีวิตจริง จินวูโยกหน้าตามท่าทางของตุ๊กตา ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ซึงยุนมองใบหน้าด้านข้างของจินวูในตอนนี้แล้วก็ได้แต่สงสัย ทำไมคนตัวเล็กคนนี้ต้องน่ารักตลอดเวลา ขนาดท่าทางตอนเล่นกับตุ๊กตายังน่ารักเลย ก็ลองนึกสภาพซงมินโฮคนตัวดำมาเล่นตุ๊กตาแทนจินวูสิครับ ทำท่าแอ๊บแบ้วโยกไปโยกมา ผมว่าคงน่าถีบมากกว่าน่าเอ็นดู

     

     

    อ้ะ สองทุ่มครึ่งแล้ว ซึงยุน ฉันไปหลังเวทีก่อนนะ ฝากบอกเพื่อนๆด้วย

     

    อ้อ ฉันฝากลูกฉันด้วยดิ

     

    ลูก?” 

     

    จินวูยื่นตุ๊กตาหมีขาวตัวใหญ่มาให้ซึงยุน ร่างเล็กรีบวิ่งไปหาฮงซอกและจูงมือไปหลังเวทีด้วยกัน เหตุการณ์ตรงหน้าซึงยุนดูรวดเร็วไปหมด ซึงยุนมองภาพนั้นแล้วก็รู้สึกแปลกๆ จากเมื่อก่อนที่เขาจะรู้สึกไม่ดีเวลาจินวูอยู่ใกล้ฮงซอกเพราะกลัวว่าจินวูจะเผลอใจ แต่ว่าตอนนี้อะไรๆก็เปลี่ยนไป คงเพราะทั้งซึงยุนและจินวูต่างไว้ใจกันและกัน รู้ว่าต่างฝ่ายต่างคิดอะไรต่อกัน ที่จินวูแสดงออกกับฮงซอกมันก็แค่เพื่อน แต่กับเขา เพียงแค่มองตาซึงยุนก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ ความรู้สึกมันไปได้ไกลมากกว่านั้น ซึงยุนนึกขำตัวเองที่เมื่อก่อนแอบอิจฉาฮงซอกที่ได้อยู่ใกล้จินวู แต่ตอนนี้เขาได้ทำมากกว่าที่ฮงซอกเคยทำซะอีก ถึงจะยังไม่ได้เป็นแฟน แต่ความรู้สึกที่จินวูมีให้เขามันลึกซึ้งมากกว่านั้น ซึงยุนดึงตุ๊กตาหมีสีขาวมาวางบนตัก แล้วทำท่าทางเดียวกับที่จินวูทำเมื่อครู่

     

     

    อยู่กับพ่อก่อนนะ เดี๋ยวมาดูแม่เล่นดนตรีด้วยกันเนอะยิ้มกว้างให้สรรพนามที่เขาใช้เรียกเพียงคนเดียว ว่าพลางลุกเดินไปหาเพื่อนๆ และไม่ลืมที่จะกอดตุ๊กตาหมีขาวตัวใหญ่ไปด้วย

     

     

     

     

    เอาล่ะครับ ทุกคนคงเริ่มอยากสนุกกันแล้วใช่มั้ยฮะ มาครับลุกขึ้นมา เพราะต่อไปจะเป็นการแสดงวงดนตรีของน้องๆชั้นม.4ครับ เชิญวงแรกขึ้นมาได้เลยครับเสียงพิธีกรอย่างอีจงซอก รุ่นพี่ม.6 ประธานนักเรียนปีนี้พูดขึ้น ด้วยหุ่นมาดนายแบบ น้ำเสียงหวานและรอยยิ้มกระชากใจสาวๆ ทำให้ไม่แปลกเลยที่จงซอกจะได้รับเสียงกรี้ดอย่างท่วมท้น แต่สาวๆหลายคนก็คงจะต้องเสียดายไม่น้อย เพราะในวันนี้จงซอกไม่ได้เป็นพิธีกรแค่คนเดียว เขายังควงคนรู้ใจอย่างพัคชินฮเย มาเป็นพิธีกรสาวคู่ในงานด้วย

     

     

    ขอเสียงปรบมือด้วยนะคะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสองคนนี้ดูเหมาะสมกัน น้ำเสียงหวานใสบวกกับใบหน้าน่ารัก ทำให้สาวๆหลายคนอิจฉาไม่ลง เพราะคู่นี้เป็นคู่ที่ดูลงตัวกันจริงๆ

     

     

    แฮะแฮ่ม ไมค์เช็ค วันทู มายเนมอิสจุนฮเวทดลองเสียงไมค์พร้อมเสยผมไปด้านหลัง ไม่รู้จะทำไปทำไมเพราะเจลที่ใช้เซ็ตผมมาก็แข็งดีอยู่แล้ว เสียงเช็คไมค์ของจุนฮเวเป็นสไตล์ที่หาใครเลียนแบบได้ยาก เพราะคนที่ทำได้จะต้องมั่นหน้าถึงระดับยี่สิบ ยางฮยอนซอกที่นั่งดูอยู่ในห้องรับรองถึงกับเอามือก่ายหน้าผาก

     

     

    สวัสดีฮะ เนื่องจากวันนี้เป็นวันแห่งความรัก กระผม กูจุนฮเว จะขอเล่นบทเพลงน่ารักๆ สนุกๆละกันนะครับ ใครหน้าตาดีขอให้ลุกขึ้นมา เอ้า วู้วววพูดทักทายคนดูก่อนจะบรรเลงเพลง Treasure เพราะเป็นเพลงรักจังหวะสนุก ทำให้วงของจุนฮเวทำให้ออกมาดีได้ไม่ยาก แขกในงานลุกขึ้นมาออกันหน้าเวที กระโดดโลดเต้นกันอย่างสนุกสนาน

     

     

     

    เสียงปรบมือดังสนั่นให้กับวงของจุนฮเวที่เพิ่งเล่นจบไป จินวู ฮงซอกและดงฮยอกทยอยกันขึ้นมาบนเวที จัดวางเก้าอี้พร้อมตั้งเสียงกีต้าร์อย่างคล่องแคล่ว

     

     

    ฮะ ฮัลโหลวเสียงเช็คไมค์อย่างกล้าๆกลัวๆของดงฮยอกดังขึ้น ดูแตกต่างจากจุนฮเวโดยสิ้นเชิง แต่ปกติที่เคยเล่นกันมาดงฮยอกไม่เคยมือสั่นขนาดนี้ หรืออาจเพราะนี่เป็นงานใหญ่ เลยทำให้ประหม่า จินวูเอื้อมมือไปแตะแขนดงฮยอกเบาๆ ส่งยิ้มบางให้

     

     

    ใจเย็นๆ ช้าๆ ไม่ต้องรีบ นายทำได้คิมดงฮยอก

     

     

    อื้มเพราะมนต์เสน่ห์จากรอยยิ้มของจินวูหรืออย่างไรดงฮยอกไม่ทราบ แต่หลังจากเห็นรอยยิ้มของจินวูแล้วอาการก็ดีขึ้นมา

     

     

    ครับ พบกับเพลงจังหวะสนุกไปแล้ว วงของพวกผมก็ขอเล่นเพลงจังหวะช้าๆกันบ้างนะฮะ ทุกคนเคยมีความรักกันมั้ยครับ

     

     

    มี // ไม่มี โสดโว้ยยยยยเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากด้านล่างเวที เพราะวงของจินวูเคยเล่นมาหลายงานแล้ว ทำให้มีแฟนคลับติดตามอยู่ไม่น้อย

     

     

    ฮ่ะๆ จะมีหรือไม่มีก็แล้วแต่นะครับ แต่อย่างน้อยก็ต้องเคยรู้สึกดีกับใครซักคนใช่มั้ยล่ะฮะ ผมว่าเพลงนี้คงเหมาะกับทุกคนนะครับ ไปฟังกันเลยครับ กับเพลง Lost star” สายตาของดงฮยอกไม่ได้มองที่คนดูล่างเวทีเลย เขาเพียงแต่มองคนด้านข้าง ที่คอยให้กำลังใจเขาอยู่ ดวงตากลมโตใสราวกับลูกกวางทำให้ดงฮยอกพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา การพูดเข้าเพลงของดงฮยอกที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับความหมายของเพลงเลย เพื่อลดความประหม่า ดงฮยอกจึงพูดอะไรก็ได้ในใจออกไป เผื่อว่ามันจะช่วยได้มากขึ้น

     

     

    เสียงปรบมือและเสียงผิวปากโห่เชียร์ดังแข่งกัน และค่อยๆซาลงเมื่อเสียงกีต้าร์ของจินวูดังขึ้น แค่เมโลดีอินโทรของกีต้าร์ตอนเริ่มก็ทำให้ทุกคนตกอยู่ในภวังค์ แขกในงานเงียบราวกับมีมนต์สะกด แตกต่างจากวงที่แล้วลิบลับ ก็แน่นอนว่าแค่แนวเพลงก็ต่างกันแล้ว ปฏิกิริยาก็ต้องต่างกันตามไปด้วยเป็นธรรมดา เสียงใสของสายกีต้าร์ที่กระทบกับนิ้วเรียว ประสานกับเสียงหวานๆของดงฮยอกและเสียงเพอคัชชั่น(เครื่องเคาะจังหวะ) ของฮงซอก ช่างเป็นส่วนผสมที่ลงตัว คนดูล่างเวทีโบกมือและโยกหัวกันไปตามจังหวะเพลง โบกมือไปทางซ้ายบ้างขวาบ้างไม่พร้อมกันเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงก็เป็นภาพที่น่าจดจำ ที่จินวูจะไม่ลืมเลย

     

     

    เสียงราวกรุ๊งกริ๊งดังขึ้นเป็นสัญญานจบเพลง เสียงปรบมือดังขึ้นมาพร้อมเสียงโห่ร้องแสดงความดีใจ ดอกกุหลาบมากดอกถูกนำมาออกันหน้าเวที ดงฮยอกรีบรับมาจนล้นมือ ไม่พอฮงซอกต้องช่วยอีกแรง ส่วนจินวูทำได้แค่หยิบพอกำมือนึงเท่านั้นเพราะมืออีกข้างต้องจับกีต้าร์อยู่ ในงานวันนี้เขาทั้งสามคนได้ความรักอย่างท่วมท้นจากคนดู ถึงแม้จะไม่มีคนรักเป็นตัวเป็นตน แต่แค่มีคนที่รู้สึกดีด้วยมากขนาดนี้ก็เกินพอแล้ว

     

     

    จินวูเดินลงจากเวทีมากับฮงซอก เพราะดงฮยอกขอตัวไปเข้าห้องน้ำอีกรอบ สงสัยข้าศึกบุกอีก สายตาก็สอดส่องหาเพื่อนอีกสี่คนที่เหลือ ซุ้มอาหาร ซุ้มปาเป้า และลานน้ำพุก็ไม่เจอ หรือจะเป็นห้องน้ำ ขาเล็กเตรียมจะก้าววิ่งไปแต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงฮือฮากันหน้าเวทีและเสียงไมค์ที่ไม่คุ้นของคนที่ขึ้นต่อจากเขา

     

     

    เฮ้ยมึง วงไรวะไม่เคยเห็นเลย // เออๆกูก็ไม่เคยเห็น // วงใหม่หรอวะเสียงถกเถียงกันของคนดูด้านล่างเวทีถึงวงที่เพิ่งขึ้นต่อจากวงของจินวู

     

     

    ย๊าพวกมึง ขึ้นไปทำไรบนนั้นวะ เล่นดนตรีกันเป็นด้วยหรอเสียงจุนฮเวโดดดังขึ้นมาทำให้จินวูต้องหันไปมองเหตุการณ์ประหลาดที่อยู่บนเวที

     

     

    สวัสดีครับ แหะๆ วงของพวกเรารวมตัวกันเฉพาะกิจเพื่องานนี้โดยเฉพาะฮะ ยังไม่เคยเล่นกันที่ไหนมาก่อน ที่นี่เป็นที่แรก ยังไงก็ขอฝากหัวใจดวงน้อยๆของพวกเราสี่คนไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะฮะคำพูดเลี่ยนๆของคังซึงยุนออกมาจากปากของเขาโดยจำเป็น เพราะนี่เป็นการขึ้นเวทีครั้งแรก ซึงยุนจึงประหม่าและไม่รู้ว่าควรพูดอะไร รู้อย่างเดียวคือต้องพูดดี เอาใจคนดูเข้าไว้

     

     

    เสียงกรี๊ดและเสียงเชียร์มากมายดังขึ้นจากข้างล่างเวที คงเพราะมาดการแต่งตัวของทั้งสี่คนแปลกใหม่ ดูดีและเหมือนนายแบบมากๆ ทำให้ได้รับกำลังใจอย่างท้วมท้น

     

     

    กรี๊ดพี่แทฮยอนนน กรี๊ดด

     

    พี่ซึงฮุนหล้อหล่ออ

     

     

    พี่มินโฮดำจังค่า ฮ่าๆๆๆแน่นอนว่าไม่ใช่เสียงใครที่ไหน สองแสบประจำ 4/1 จุนฮเวและยุนฮยอง ส่งเสียงเชียร์เพื่อนร่วมห้องของเขาจากล่างเวทีอย่างดี

     

     

    ไปซ้อมเอาตอนไหนกันนะ ฮ่ะๆจินวูหัวเราะน้อยๆกับวงเฉพาะกิจที่ขึ้นต่อจากเขา ยืนมองเพื่อนของเขาสี่คนกับฮงซอกที่ลานน้ำพุ แล้วยิ้มกว้างก็ผุดขึ้นที่ใบหน้าสวย

     

     

    พวกคุณเคยตกหลุมรักใครสักคนมั้ยครับ ตั้งแต่แรกเห็น ก็รู้เลยว่าคนนี้มันใช่

     

     

    ผมเคยครับ และผมก็ขอมอบเพลงนี้ให้กับใครคนนั้นในงานนี้ด้วยนะฮะ ไปฟังกันฮะกับเพลงกะทันหันสิ้นประโยคพูดของซึงยุน สายตาเรียวก็มาหยุดที่คนตัวเล็กหน้าลานน้ำพุ ราวกับทุกวินาทีหยุดหมุน ยิ้มกว้างผุดขึ้นที่ใบหน้าของคนสอง ทั้งต่างคนต่างรู้ใจของกันและกันว่า ใครคนนั้นหมายถึงใคร เสียงกีต้าร์ของแทอยอนดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดราวกรุ๊งกร๊งของซึงฮุน

     

     

    แปลกแต่จริง สิ่งนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับฉัน

    มันเป็นรักที่กะทันหันไป แต่จะมองยังไงเธอก็ใช่….. คนเดียวที่ฉันรอ

     

     

    จินวูยืนกอดอกอมยิ้ม เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมซึงยุนถึงทำแบบนี้ ลงทุนฟอร์มวงทั้งๆที่ไม่มีใครเล่นดนตรีเป็นเลยสักคน แต่ความพยายามที่น่ารักของทั้งสี่ก็ทำให้จินวูมีความสุข ได้เห็นอะไรแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

     

     

     

    เฮีย ไอนั่นมันใครวะเสียงผู้มาใหม่ดังขึ้นข้างหูท้อปที่ยืนดูอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเวที

     

     

    คังซึงยุน มันเข้ามาใหม่ปีนี้ มึงไม่รู้จักหรอกไปอยู่ในคุกตั้งกี่เดือนจินฮยองพูดแทรกขึ้น เพราะคิดว่าเฮียของเขาคงไม่ตอบคำถามเมื่อกี้แน่ ท้อปยืนกอดอกนิ่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าที่กำลังเดินไป วงสมัครเล่นที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวที ดูเผินๆก็ไม่มีอะไร ถ้าท้อปไม่จับสายตาที่ซึงยุนมองลงมาได้ ตลอดเวลาร้องเพลงซึงยุนมองแต่จินวู คนตัวเล็กที่ยืนอยู่ที่หน้าลานน้ำพุ ท้อปไม่ใช่คนโง่ แค่นี้ก็คงจะพอเดาอะไรออกได้ไม่ยาก

     

     

    ซึงยุนไอคนที่เคยมีเรื่องกับไอแจ็คเมื่อปีที่แล้วป่ะเฮีย

     

    อืม

     

    ฮ่ะๆ สงสัยกลัวจนหัวหดเลยย้ายมาเรียนนี่ ขี้ขลาดชะมัดบ๊อบบี้ยืนกอดอก พูดเหตุการณ์ที่จินฮยองไม่และชานอูไม่เข้าใจกับท้อปแค่สองคน

     

     

    คังซึงยุน…”

     

     

     

    เป็นครั้งแรกที่มันรักใครไปโดยไม่ต้องคิด เป็นครั้งแรกที่ไม่สนว่ามันจะถูกหรือผิด

    แค่ได้รักเธอต่อไป เพราะทำอย่างไรก็ห้ามใจไว้ไม่ได้

     

     

     

    ภาพซึงยุนยื่นนิ้วมาเช็ดคราบนมที่ปาก ภาพซึงยุนกำลังเช็ดตัวให้เขา ภาพเขาที่กำลังซ้อนจักรยานซึงยุน ภาพหลายๆเหตุการณ์ที่เขาทำกับซึงยุนเริ่มผุดขึ้นมาในหัว บวกกับเนื้อเพลงที่ซึงยุนร้องพร้อมน้ำเสียงที่อบอุ่นที่ไม่คิดว่าจะได้ฟังจากปากเพื่อนของเขาคนนี้ อยู่ดีๆก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของจินวูก็สั่นไม่เป็นจังหวะและพองโตราวกับจะหลุดออกมา เมื่อก่อนจินวูคงไม่รู้ว่าอาการแบบนี้เรียกว่าอะไร แต่ตอนนี้เขาคงรู้แล้วว่ามันเรียกว่า….ความรัก

     

     

     

    เป็นครั้งแรกที่มันรักใครไปโดยไม่ต้องคิด ไม่สนว่าตอนสุดท้ายผลมันจะถูกหรือผิด

    เธอไม่รู้ไม่เป็นไร ขอแค่ให้ใจได้แสดงความจริงข้างใน…..ที่ฉันมีต่อเธอ

     

     

     

    สิ้นเสียงเกากีต้าร์ของแทฮยอน เสียงปรบมือก็ดังขึ้นพร้อมกัน ถึงจะเป็นวงที่เพิ่งได้รวมตัวกัน มีคนเล่นดนตรีพอได้แค่คนเดียว แต่ผลงานที่ออกมามันก็ดีเกินความคาดหมาย ทั้งสี่คนลงจากเวที แทฮยอนกับมินโฮขอตัวไปถ่ายรูปที่ซุ้มดอกไม้ต่อ เหลือแค่ซึงฮุนที่เดินมาพร้อมซึงยุนตรงมาหาเขากับฮงซอกที่ลานน้ำพุ แต่ซึงฮุนก็ลากฮงซอกผู้น่าสงสารออกไปเหมือนเดิม

     

     

    ชอบมั้ย

     

    มาก นี่ไปซ้อมกันตอนไหนทำไมไม่เคยบอกเลย ไม่ยักกะรู้ว่านายร้องเพลงเพราะยิ้มกว้างแต่ไม่เห็นฟัน เพราะคนตัวเล็กกำลังข่มความอายที่มีภายในอยู่

     

     

    ถ้าบอกแล้วจะเซอร์ไพรส์มั้ยล่ะซึงยุนพูดพร้อมยื่นดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ให้จินวู

     

     

    หื้ม ให้ฉัน?” ชี้นิ้วที่หน้าตัวเองอย่างงุนงง เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้จินวูทำอะไรไม่ถูก ได้แต่รับมันมาอย่างงงๆ

     

     

    พร้อมจะตอบคำถามฉันได้ยังซึงยุนเขยิบหน้าเข้ามาใกล้ จินวูวางดอกไม้ลงกับตุ๊กตาหมีขาวข้างๆ มือเรียวสองข้างจับไหล่ของจินวูไว้ เพราะอยู่ชิดกันมากทำให้จินวูต้องเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่า สายตาอบอุ่นที่เคยได้รับ ตอนนี้มันก็ยังคงอบอุ่นเหมือนเดิม แววตาใสของจินวู ราวต้องกับแสงพระจันทร์แล้วทำให้ดูสวยขึ้นไปอีก ทั้งสองคนตกอยู่ในความเงียบ

     

     

     

    ฉันตกลงส่งยิ้มกว้างให้ซึงยุน ซึงยุนดีใจโผเข้ากอดจินวูแน่น คงเพราะอะไรหลายๆอย่าง ทำให้ในวันนี้จินวูไม่ลังเลเลยที่จะตอบตกลง

     

     

    อื้อออ ปล่อย พอแล้วฉันหายใจไม่ออกจินวูบ่นเพราะอ้อมแขนของซึงยุนรัดแน่นจริงๆ ซึงยุนดีใจ ดีใจมากจนลืมตัว กอดจินวูแน่นแบบไม่สนอะไรทั้งสิ้น

     

    ก็ฉันดีใจนี่นายอมผละออกแต่โดยดีแต่เปลี่ยนมาเป็นจับมือเรียวเล็กแทน จินวูยิ้มกว้างไม่พูดอะไร เพราะในใจของเขามันพองโตซะเกินกว่าจะหาคำอะไรมาพูดได้ ทั้งคู่นั่งลงที่ขอบลานน้ำพุ ส่งยิ้มให้กันแบบไร้เสียง มีแค่ความเขินอายเท่านั้นในตอนนี้

     

     

    เอ้าพวกเรา พร้อมจะสนุกกันรึยังเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นอีกรอบ นี่คงเป็นโชว์สุดท้ายที่อาจารย์มินจีได้บอกเอาไว้ ผู้ชายร่างใหญ่ในชุดเสื้อคลุมหนังสีดำขลับ ยืนร้องเพลงอยู่กลางเวที จินวูมองนิ่งด้วยสายตาเรียบ ไม่ปริปากอุทานคำใดๆออกมาเหมือนที่เคยเป็น

     

     

    วงพี่นายใช่ปะซึงยุนรู้ รู้ว่าจินวูเป็นอะไร กระชับมือแน่นขึ้น เขยิบเข้าไปใกล้และชวนคนตัวเล็กคุยหวังให้อารมณ์ดีขึ้นบ้าง

     

     

    อืม นั่นไง คนที่เล่นกีต้าร์ เป็นไง เท่ห์เหมือนฉันเลยใช่ป่ะล่าเปลี่ยนสีหน้าทันทีเหมือนไม่มีอะไร แล้วชี้นิ้วไปที่ซึงรีที่กำลังเล่นกีต้าร์อยู่ ผู้ชายร่างบางเดินถือกุหลาบช่อใหญ่พร้อมเสียงผู้คนฮือฮากันหน้าเวทีเรียกความสนใจจากจินวูและซึงยุน จินวูมองตามฝูงคนที่กำลังฮือฮาแหวกทางเดินให้ผู้ชายร่างบางคนนั้น ส่งดอกกุหลาบสีแดงช่อโตให้คนที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวที เหตุการณ์ตรงหน้ากำลังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แต่แปลก แปลกที่จินวูไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว จากเมื่อก่อนที่จินวูคงจะใจหวิวบ้างที่เห็นภาพแบบนี้ แต่ครั้งนี้ไม่ คงเป็นเพราะความอบอุ่นจากคนข้างกายที่เขามีอยู่ตอนนี้ ทำให้อะไรๆก็ดูไม่สำคัญอีกต่อไป

     

     

     

    ไม่เป็นไรใช่มั้ยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงความเป็นห่วงเอ่ยขึ้นถามจินวู แค่ได้มองแววตาของคนข้างๆเขาตอนนี้ด้วย มันก็ทำให้จินวูลืมเหตุการณ์เมื่อครู่ได้หมด

     

     

     

    อื้ม ไม่เป็นไรหรอก ส่งยิ้มกว้างให้ซึงยุน จินวูคงไม่เป็นอะไรจริงๆแล้วตอนนี้ ซึงยุนสัมผัสได้ แววตาที่ดูปล่อยวางของจินวูทำให้ซึงยุนรู้สึกสบายใจขึ้นมาเปราะหนึ่ง คนตัวเล็กคงลืมได้แล้ว ตอนี้จินวูมีเพียงเขา เรื่องในอดีตที่แสนเลวร้ายของจินวูจินวูคงลืมได้แล้ว เขาทำสำเร็จหมดแล้วใช่มั้ย

     

     

    กลับบ้านกัน ฉันง่วงแล้วทั้งคู่ลุกขึ้นยืน จินวูแบกกีต้าร์ไว้บนหลัง ถือตุ๊กตาหมีและช่อดอกกุหลาบสีขาวไว้ในอ้อมกอด ท่าทางทุลักทุเลของคนตัวเล็กทำให้ซึงยุนหัวเราะ

     

     

    เอามานี่ ฉันถือให้แย่งกีต้าร์และตุ๊กตาหมีมาสะพายและกอดไว้ เหลือเพียงช่อดอกกุหลาบให้คนตัวเล็กได้ถือไว้เท่านั้น

     

     

    สองร่างเดินริมฟุตบาท ท่ามกลางแสงไฟข้างทางและแสงดวงดาว คืนนี้คงเป็นคืนหนึ่งที่มีความสุขมากสำหรับจินวูและซึงยุน ร่างสูงที่มีกล้องคล้องคอ แบกกีต้าร์และยังกอดตุ๊กตาหมีตัวยักษ์ เดินเคียงข้างกับคนตัวเล็กที่ถือเพียงช่อกุหลาบสีขาว สองร่างคุยหยอกล้อกันสนุก ใจจริงซึงยุนอยากยกกล้องขึ้นมาเก็บโมเม้นท์ตรงนี้ไว้ให้ได้มากที่สุด แต่ติดที่สังขารเขาคงไม่เอื้ออำนวย ของเต็มไม้เต็มมือแบบนี้คงจะยกกล้องมาถ่ายไม่ไหว ซึงยุนทำได้เพียงมองใบหน้าสวยที่มีรอยยิ้มกว้างผุดขึ้นที่มุมปากของคนตัวเล็ก เขาจะจดจำภาพตรงหน้านี้ไม่มีวันลืม….. ค่ำคืนที่แสนพิเศษของเขา

     

     

     

     

     

     

     

    แชป13~~

    ง้า เขินตัวบิดกันเลยใช่มั้ยทุกคน ไรต์แต่งไปยังเขินเลย อีพีนี้เอาหวานๆไป จัดให้ฟินให้หนักกันเลยนะชิปเปอร์ แต่ไรต์สงสารฮงซอกและซึงฮุนนะ คนไร้คู่ก็เป็นแบบนี้ 5555 แอบมีบ๊อบบี้โผล่มาด้วยนิดนึง คึคึ

     

     

    ขอบคุณทุกยอดวิว ทุกแชร์ ทุกคอมเม้นท์ที่เข้ามาเลยน้า ไรต์สัญญาว่าจะขยันอัพ ฮี่ๆ ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาจริงๆ รักทุกคนเลยย จุ้บๆ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×