if i can love..(heechulXhangangXeunhyuk) - นิยาย if i can love..(heechulXhangangXeunhyuk) : Dek-D.com - Writer
×

    if i can love..(heechulXhangangXeunhyuk)

    ทำไมนายถึงต้องเลิกกันฉันฮีชอล? บางทีผมก็ทำให้ฮยอกเจ็บ จนผมอยากจะร้องไห้ออกมา ถ้าที่ไหนมีผมอยู่ที่นั่นต้องไม่มีคนอย่างพี่อยู่!!

    ผู้เข้าชมรวม

    144

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    144

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน (จบแล้ว)
    อัปเดตล่าสุด :  17 พ.ย. 53 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    คำเตือน; ฟิคภาษาอันตรายยยยย (หรอมรึง) ควรใช้วิจารณญาณมั้ง?
    Enjoy fiction

    intro: ชีวิตที่มีแต่ความเบื่อหน่าย
    ตุ๊ด~
    ฮยอง~อ่า...ตรงนั้นแหละฮะ...อื่มเสียงปลายสายเป็นเสียงเล็กที่ฮีชอลคุ้นเคย เสียงนั้นกำลังร้องด้วยความทรมาณที่เปี่ยมสุขเหลือล้น
    ...อืม~...
    และเสียงของร่างสูงอีกคนกำลังพยายามทำให้ร่างบางที่เขารักมีความสุขมากที่สุด

    มือบางกดวางสายโทรศัพท์ และวางมันไว้บนโต๊ะ ก่อนที่น้ำตาหยดใสๆจะเริ่มไหลอาบเสื้อนอนขาว นาฬิกาบนหัวนอนบอกเวลาตีสามกว่าๆ ฮีชอลไม่สามารถนอนหลับต่อได้อีกแล้ว ไม่มีแม้แต่แสงของดวงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา มีเพียงลมเอื่อยๆที่ฟัดผ่านร่างบางไปเท่านั้น ฮีชอลล้มตัวลงอีกครั้ง เขาหยิบหมอนมาปิดที่ใบหน้า ปล่อยให้น้ำตาที่ไหลอาบเปื้อนหมอน ตาคู่สวยจ้องมองที่หน้าต่างบานสีขาวผ้าม่านสีอ่อนพริ้วตามแรงลมพอให้แสงสว่าจากดวงดาวเพียงน้อยนิดลอดผ่านหน้าต่างมาได้
    ไม่ชอบเลยคืนที่ไม่มีแม้แต่แสงจันทร์ ไม่ชอบ ไม่ชอบให้ฝนตก ไม่ชอบคืนที่ฝนตก ไม่อยากให้พวกเขามีความสุข ไม่อยากให้คนที่เรารักทั้งสองคนรักกัน
    อยากตาย ตายมันตรงนี้นั่นหละ

    อึนฮยอก น่าสงสาร
    ฮันเกิง น่าสงสาร

    ผมไม่น่าเข้ามาอยู่ในชีวิตของฮยอกเลย ผมเคยเฝ้ามองเดือนมหาลัยปีหนึ่งผู้ร่าเริง สดใสน่ารัก แต่ตอนนี้กลับไม่ใช่ เขากลับกลายเป็นอีกคนหนึ่งไปซะแล้ว
    ตั่งแต่ผมมีพ่อเลี้ยงคนใหม่
    ตั่งแต่ฮยอกรู้ว่า พ่อของเขากำลังจะมีภรรยาใหม่หลังจากที่แม่ของเขาตายได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น สำหรับฮยอกผมรู้ว่ามันโหดร้าย ใช่ผมเองก็รู้สึกคล้ายๆกัน
    ...เจ็บ...
    ...ทรมาณ...
    แต่มันก็ไม่มีทางเลือก

    ผมจึงอยากที่จะเรียกคือรอยยิ้มนั้นกลับมาอีกครั้ง อยากเติมเต็มในส่วนที่คนๆนี้ขาดหาย อยากให้เขาเลิกร้องไห้สักที ไม่อยากให้เขาร้องไห้เพราะผมอีกต่อไป
    ผมจึงจำเป็นต้องเสียคนที่ผมรักมากที่สุดให้เขาไป....
    กลับมายิ้มให้พี่อีกทีได้ไหมฮยอกแจ...
    กลับมาเป็นคนที่ร่าเริง...กลับมาเป็นฮยอกแจคนที่พี่รักนั่น
    ฮันเกิงจากนี้ฉันฝากฮยอกไว้กับนายนะ.. ฉันอยากจะพูดแบบนี้ในวันที่เราเลิกกัน แต่
    นายมันโง่ ฉันไม่เคยรักนายเลย คนที่รักนายคือฮยอกต่างหาก ฉันไม่เคยรักนาย

    ฮีชอล~ คิดถึงจัง ค่ายอาสานี่มันเหนื่อยจริงๆน้า~อีทึกเพื่อนร่วมมหาลัยที่สนิทที่สุดของฮีชอลเอ่ยขึ้น ก่อนวางกระเป๋าที่เหมือนจะไม่ได้แบกอะไรมาเลยลงไปโต๊ะประจำของพวกเขา มือสวยทุบไปที่ต้นคอเบาๆเพื่อแสดงถึงอาการเหนื่อยล้าอย่างหนักจากการไปค่ายอาสาในครั้งนี้
    ผมไปมหาลัยแต่เช้า ครับ ผมก็เป็นแค่นักศึกษาปีสุดท้ายธรรมด๊า ธรรมดาคนหนึ่ง ก็คงต้องประจบประแจงอาจารย์นิดหน่อยพอเป็นพิธี มาเข้าเรียนให้ตรงเวลาแค่นั้น
    ทึกกี้ฉันไม่ชอบสายตาที่พวกนิสิตปีหนึ่งมองฉันเลย แถมพวกนั้นยังมองเหมือนกับว่าฉันควรจะใส่กระโปรงมาเรียนมากกว่าใส่กางเกงงั้นหละฮีชอลทำหน้าไม่พอใจนิดๆ เพราะตลอดทางนิสิตน้องใหม่ที่เดินผ่านเขาแต่ละคนล้วนจ้องตรงไปที่เป้ากางเกง?..ของเขาทั้งนั้น
    ก็จะไม่ให้เขาใจผิดได้อย่างไร ผมเริ่มยาวที่มัดรวบไปข้างหลัง ผิวที่ขาวเหมือนหิมะ รูปร่างที่หนุ่มๆที่ไหนเห็นก็เป็นต้องหลงไหลคนๆนี้....คิม ฮีชอล....นิเทศศาสตร์ปีสี่ แถมยังมีเพื่อนเป็นถึงเดือนคณะ เศรษฐศาสตร์ อย่างอีทึกแล้วรัศมีงี้ ล่อตาล่อใจสาวน้อยหนุ่มใหญ่ยิ่งนักเชียว
    ฮีชอลฉันต้องไปแล้วหละ สายมาเกือบสามสิบนาทีแล้ว เย็นนี้เจอกันจ๊ะอีทึกหยิบกระเป๋าก่อนมองนาฬิกาและทำหน้ากังวลเล็กน้อย ยังไงก็แล้วแต่อาจารย์ในมหาลัยส่วนใหญ่ก็ไม่เช็กชื่อหรอกครับ มันเปลืองเวลาที่จะสอน พอกริ่งดับปุ๊บอาจารย์ก็ลุกไปปั๊บ จึงไม่แปลกเลยที่พวกเราจะเข้าสายหรือโดดมันไปซะ  แต่พอออาจาร์ยแกอุตะริจะเช็กขึ้นมา ถ้าคุณขาดหละก็คุณโดนสอบสวนเป็นการใหญ่แน่
    อ้าวพี่ฮีชอล ใครให้ดอกไม่มาครับนั่นทงเฮที่เผอิญเดินมาหา รึตั่งใจมาหาฮีชอลเอ่ยทักขึ้น ก่อนชี้ไปที่ช่อดอกไม่ช่อใหญ่สีชมพูที่ฮีชอลถืออยู่ในมือ ตาสวยมองไปที่รุ่นน้องอย่างสงสัยก่อนส่งยิ้มบางๆให้
    คิ บ อ ม นะน้องชายพี่เองฮีชอลพยายามเน้นเสียงเพื่อให้อี ทงเฮ และลี ซองมินอิจฉา ซึ่งก็ได้ผล สองคนทำหน้าไม่พอใจแล้วยิ้มแหยใส่ฮีชอล
    ทงเฮกัดริมฝีปาก ก่อนยื่นสมุดเลคเชอร์เล่มชมพูให้ฮีชอล ฝากให้ฮยอกด้วยนะครับ เขาโทรมาบอกผมให้ฝากพี่ไปให้ ทงเฮพูดก่อนจิกสายตาใส่ฮีชอล แล้วยิ้มเย๊าะน้อยๆ มือบางส่งสุดเล่มเล็กให้
    ฝากฮันเกิงไปสิครับ พี่คิดว่าพี่คง
    ไม่ว่างใช่มั้ยครับไม่ทันที่ฮีชอลจะพูดจบซองมินพูดตัดบทขึ้นอย่างรู้ทัน ไม่เป็นไรนี่ครับ คาบหน้าพี่กับพี่ฮันเกิงเรียนรวมไม่ใช่หรอครับ ฝากพี่ฮันเกิงไปก็ได้นี่ครับ
    อื่มได้ฮีชอลรับปาก มือบางเอื่อมหยิบชีท
    ขอโทษนะครับฮยอง!
    อื่มๆไม่เป็นไรฮีชอลยิ้มให้ทงเฮ เขาก้มหยิบสมุดเลคเชอร์ที่ทงเฮ เผลอ ทำหลุดมือไป ก่อนจะหยิบขึ้นมาปัดฝุ่นออกเบาๆ

    เฮ้อ~นี้ฉันต้องเอาไปให้นายนั่นจริงๆหรอวะเนี่ยผมม้วนๆสมุดเลคเชอร์ที่ได้มาเป็นกลมๆม้วนไปม้วนมาจนมันแทบจะไม่เหลือสภาพของสมุด
     
    วรสาร ผมมายืนตรงนี้เพื่ออะไร ไปรอดักเจอที่ห้องเรียนรวมดีไหมเนี่ย?

    เอ้า!ฮีชอล มาได้ไงเนี่ยหมีตัวใหญ่เอ่ยทักผม ด้วยท่าทางแปลกใจน้อยๆ  ใช่ ทำไม?ผมเคยทำอย่างนี้ เคยมารอเขา เคยมาหาเขา เคยมารอฮันเกิงที่คณะเป็นประจำตอนที่ผมกับเขาคบกัน
    พูดเหมือนไม่อยากให้มา...อื่ม คังอินนายมาก็ดีแล้วฉันวานนายฝากสมุดเลคเชอร์ให้ ฮัน
    ไม่ทันที่ผมจะพูดชื่อจบ เจ้าของชื่อก็เดินมาให้ผมเห็นหน้า
    เจริญดีจริงๆ = =
    เออฉันไปก่อนนะคังอิน บายอ้อหวัดดีเยซองผมไม่พูดพร่ำทำเพลงเยซองที่พึ่งเดินมาทำหน้าเอ๋อๆก่อนจะโบกไม่โบกมือตอบกลับผม ผมรีบเดินออกมาอย่างรวดเร็วแมร่งเลย ชิ่ง
    กลัว...หวั่นไหว
    ในที่สุดผมก็เดินพ้นรั้ววรสาร บ้านของผม ใจเต้นเป็นบ้าเลยวะ อ่า~ทำไมทุกคนมองผมแปลกๆละครับ มองเหมือนผมกำลังวิ่งหนีมหาโจรมาอย่างนั้นแหละ - -; สิ่งที่ผมหนีมันน่ากลัวกว่าโจรอีกครับ ผมกำลังหนีหัวใจของตัวเอง -0-
    เฮ้อ~ในที่สุดผมก็ต้องเอาสมุดไปให้ฮยอกเอง เอาวะสู้ๆคิมฮีชอลลลล

    เวสป้าคันเล็กเคลื่อนมาจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ มือบางถอดหมวกกันน็อกออก ก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวมาซับที่ใบหน้าพอให้หายร้อน หน้าบ้านเขียนว่า บ้านตระกูลลี
    ไม่ได้มาที่นี่นานมากๆแล้วสินะ
    ผมเดินเข้าไปผ่านสนามหน้าของบ้านที่กว้างจะคนเดินเข้าไปแทบปวดขากันเลยทีเดียว ทำไมผมถึงไม่ขับรถเข้ามานะ - -
    ขออนุญาตฮะ ผมเอ่ยขออนุญาติแม่บ้านที่มาเปิดประตูให้
    คุณฮีชอลคุณป้าหัวหน้าแม่บ้านดูตกใจเล็กน้อยที่เห็นผม
    คุณแม่อยู่มั้ยครับผมเอ่อถามด้วยท่าทางนอบน้อม ส่งยิ้มเล็กๆให้แม่บ้านที่ผมรู้จัก
    แม่บ้านนำเข้าไปในบ้าน โคมไฟแชนเดอร์เรียดวงใหญ่สะท้อนกับสีของแสงแดดสวยงาม ห้องต้อนรับเป็นกระจกบานใสที่ไม่ว่าจะมาจากทางไหนก็จะสังเกตเห็นแขกที่มาเยือนได้เสมอ โซฟาหนังแท้ตัวสวยเข้าชุดกันอย่างลงตัวกับโอมเทียร์เตอร์เครื่องใหญ่ พรมนุ่มเท้าสีขาวตัดกับสีของพื้นมันวาวทำให้มันโชว์ความสวยของมันได้เต็มที่ แอร์ตัวใหญ่ถูกเปิดเพื่อปรับอุณหภูมิของบ้านตลอดเวลาเหตุเพราะคุณหนูของบ้านเป็นพวกหงุดหงิดง่ายและขี้ร้อน กาแฟสองแก้วกับน้ำหวานหนึ่งแก้วตั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขกชวนให้สงสัย
    มีแขกมาหรอ?
    เออผมรอตรงนี้ดีกว่าครับผมกล่าวก่อนโค้งขอบคุณแม่บ้านที่พาผมเข้ามา

    ป้าแม่บ้านเดินขึ้นไปเพื่อตามคุณผู้หญิงของบ้านลงมาพบกับผม
    ...คุณผู้หญิง...จอมปลอมชัดๆ แม่ทนเข้าไปได้ยังไงครับ

    ฮีชอลทันทีที่คุณแม่เห็นผมท่านก็แทบจะถลาลงมาจากบันใด แม่คิดถึงลูกนะแม่โผเข้ากอดผมไว้แน่แล้วหอมไปที่แก้มของลูกชายด้วยความคิดถึง
    คุณผู้หญิงครับ เราก็พึ่งนัดเจอกันเมื่ออาทิตย์ก่อนเองนะฮะ คุณแม่ยังคงหมั่นเขี้ยวผมไม่หยุดกอดผมเสียจนแทบหายใจไม่ออก แม่บ้านสามสี่คนขำเล็กๆในความเหมือนเด็กของแม่ผม คุณแม่นี่น๊า~
    อีกอย่างนะฮีชอล อย่าเรียกแม่ว่าคุณผู้หญิงเข้าใจมั้ย แล้วคิดยังไงมาหาแม่ถึงที่นี่ได้หือคุณแม่ยิงคำถามมาที่ผมไม่หยุด ไอ้ผมเองก็ได้แต่ยิ้มไปฮ่าๆๆ ว่าแต่เรามาทำอะไรที่นี่เนี่ย?
    อ๋อผมเอาสมุดเลคเชอร์มาให้ฮยอกกนะครับ
    พอนึกถึงสมุดที่อยู่ที่มือก็นึกออกทันที
    น้องอยู่ข้างบนนะลูก
    อ๋อครับผมก้มโค้งน้อยๆก่อนที่จะเดินผ่านแม่ไปแล้วขึ้นบันใดไปที่ชั้นสอง เลี้ยวไปทางซ้าย อะไรอีกน้า ห้องนี้รึ
    ปล่าวเนี่ย?
    ....
    ผมเปิดประตูเข้าไปอย่างเบาที่สุด
    อร่อยจังฮะร่างบางที่นั่งอยู่บนเตียง รับรู้ถึงการมาของพี่ชายจึงเริ่มอ้อนร่างสูง ป้อนอีกสิฮะ
    .....ฮันกยองยิ้ม ยิ้มอย่างมีความสุข
    ฮยอกพี่ว่างสมุดเลคเชอร์ไว้ตรงนี้นะครับมือบางวางสมุดลงที่โต๊ะที่ใกล้กับประตูมากที่สุด ก่อนที่จะหมุนลูกปิดประตูแล้วเดินออกมาอย่างเงียบๆ
    ไม่ไหว อยู่ต่อไปต้องร้องไห้ออกมาแน่ ไม่อยากอ่อนแอให้ใครเห็น ไม่อยากให้ฮันกยองเห็นว่าเรายังแคร์เขาอยู่ และยังแคร์เขามากๆด้วย
    ไม่ทันที่ประตูจะเปิดสนิทเสียงเล็กๆก็ลอดผ่านประตูออกมา
    พี่ฮีชอล!!ฮยอกตะโกนเรียกเบาๆ ดวงตาของผมเริ่มร้อนผ่าวและสั่นระริก ไม่อยากหันกลับไป เพราะกำลังร้องไห้ ไม่อยากหันไป ไม่อยากเห็นเขาสองคนที่กำลังมีความสุข ไม่อยากเห็นสิ่งที่ผมไม่มีวันรับมันได้
    ทานขนมด้วยกันไหมครับฮยอกส่งยิ้มอย่างผู้มีชัย ก่อนจะทานขนมที่ฮันกยองป้อน
    เสียงใสตัดกับคำพูดเยาะเย้ยและเจตนา ฮยอกต้องการรั้งเขาเอาไว้เพื่อทำร้ายกันใช่ไหม?
    ไม่ละ ผมหมดธุระของผมแล้วขอตัวนะครับ!ร่างบางหมุนตัวเดินกลับออกมาอย่างรวดเร็ว
     
    เข้มแข็งเข้าไว้สิฮีชอล นายทำถูกแล้ว
    ฮีชอลทำไมรีบกลับละลูก
    เสียงของคุณแม่ตะโกนเรียกผมแต่ทำไมผมไม่หยุดหละ?

    ผมเดินออกมาอย่างเร็ว ไม่ยากให้ใครเห็นน้ำตา ผ่านห้องโถงและตรงไปที่โรงรถก่อนจะสวมหมวกกันน็อคแล้วสตาร์ทรถออกไป
    เจ็บจริงๆนะ เจ็บมากๆผมเองเท่านั้นแหละที่รับรู้ได้

     ฮันเกิงที่อยู่ที่ห้องของฮยอกกำลังเฝ้ามองฮีชอลที่กำลังออกจากบ้านหลังใหญ่ไป ...ทำไมฮีชอลถึงต้องร้องไห้....
     ฮยองครับเสียงตวาดเรียกจากฮยอกทำให้ร่างสูงหันกลับมามองเขาที่นอนอยู่บนเตียง เพราะฮยองทำให้ผมไข้ขึ้นปวดตัวไปหมดเลย ฮยองต้องอยู่กับฮยอกนะครับฮยอกเอียงคอมองฮันเกิง มือเล็กทุบเบาๆที่ไหล่
     ไม่ได้หรอกฮยอก คังอินรอตายเลย อีกอย่างกุญแจห้องก็อยู่ที่พี่ด้วย งั้นพี่กลับก่อนนะครับ พรุ่งนี้เจอกันนะร่างสูงยิ้มบางๆ ก่อนจะจัดแจงเก็บจานขนมแล้วเดินออกไป เขาปิดประตูแล้วเดินออกมาโดยไม่สนใจว่าคนในห้องจะส่งเสียงดังมากๆก็ตาม แม่บ้านในบ้านต่างตกใจเดินเข้าไปในห้องเพื่อปลอบคุณหนูของบ้าน แต่ฮยอกกลับตวาดเสียงดังไล่แม่บ้านเหล่านั้นออกมาจนหมด
     ทำไมผมต้องโกหกฮยอก เพราะผมต้องการตามฮีชอลไปงั้นหรอ
     คังอินต้องการกุญแจงั้นหรอ?ไร้สาระสิ้นดี
    .....!!

    ทำไมคนๆนี้ถึงสำคัญกับชีวิตของผมได้มากขนาดนี้นะ
    ________________________________________________
    Part1 โว้ๆๆ
    งงไหมเนี่ยฮ่าๆๆ...เมื่อไหร่จะได้เอาลงเด็กดีน้า..งืมๆจำพาสไม่ได้อะTOT

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น