[SF]YeRyeo ให้ฉันได้บอกรัก~ - [SF]YeRyeo ให้ฉันได้บอกรัก~ นิยาย [SF]YeRyeo ให้ฉันได้บอกรัก~ : Dek-D.com - Writer

    [SF]YeRyeo ให้ฉันได้บอกรัก~

    เป็นเรื่องชายรักชายนะค่ะ ใครรับไม่ได้อย่าเข้ามาอ่านเลยค่ะ ^^ ซึ่งมันเรื่องของกระรอกน้อยรยออุคกับเฮียเต่าเยซองนั่นเอง แล้วพวกคุณจะรู้ว่าความรักของพวกเขามันสวยงามสักแค่ไหน

    ผู้เข้าชมรวม

    915

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    915

    ความคิดเห็น


    13

    คนติดตาม


    6
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 พ.ค. 55 / 23:08 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


    มันเป็นเรื่องราวของผมกับพี่เยซองคนที่ผมรัก แต่ผมไม่เคยบอกออกไป


    ........ รอจนวันเวลามันล่วงเลยไปนาน ความรักของผมมันก็ยังคงทนเก็บเอาไว้ต่อไป.........


    จนกระทั่งวันนึงวันที่ความรู้สึกของผมมันยากเกินที่จะเก็บต่อไปได้อีกแล้ว


     



    ความรักและความใกล้ชิดที่นับวันจะทำให้ผมรักเขามากขึ้นกว่าเดิม.......

    พี่จงอุน


      

    เห็นไหม? ว่าพวกผมหวานกันสักแค่ไหน?? คิคิ >w<

    ระวังนะคัรบ พวกคุณจะตกหลุมรักพวกผมโดยไม่รู้ตัว

    ตอนนี้ผมอยากจะบอกมากว่า..............อยากได้ยินว่า...............รักเย่อุค คิคิ............~
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       

                    เวลาที่เรารักใครสักคน คนบางคนกำลังคิดว่า มันไม่จำเป็นหรอกว่าเราต้องบอกความรู้สึกที่มีให้เขารู้ . . . เพราะขอเพียงแค่เราได้อยู่ใกล้ๆกับเขา ได้มองเขาอยู่ห่างแบบนี้ แอบยิ้มทุกครั้งที่เขานึกถึงเราและเข้ามาคุยกับเรา แค่นี้มันก็ทำให้ใจของคุณชุ่มชื้นแล้วก็มีความสุขมากแล้ว แต่มันจะดีที่แล้วจริงๆหรอ??

       คุณอาจจะกลัวและคิดว่าถ้าหากบอกความในใจที่มีออกไปแล้ว มันคงไม่มีทางจะสมหวังและเป็นไปตามที่เราคิดได้หรอก. . . .

      ........ ชีวิตคนเราไม่ได้สวยหรูเหมือนในนิยายนี่น่า ……………

      บางทีคนที่คุณชอบ อาจจะทำตัวห่างเหิร ทำตัวเปลี่ยนไปจนคุณยอมรับความจริงไม่ได้ มันจึงทำให้คุณต้องทนเจ็บ ทนที่จะไม่พูดและแสดง . . . ให้เห็นว่าคุณรักเขาสักเท่าไหร่?? ทั้งๆที่อาจจะมีโอกาส แต่คุณก็ยอมที่จะอึดอัดแล้วเก็บมันต่อไป

      แต่ก็ว่าเถอะ. . . . . คุณคิดว่า คุณจะเก็บซ่อนความรู้สึกทั้งหมด ที่เรียกว่า “รัก”ได้นานและลึกสักแค่ไหนกัน??

      ผมนั่งอ่านบทความที่ถูกเขียนลงคอลัมน์พิเศษในนิตยสารรายเดือนของสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งอย่าบรรยายความรู้สึกของตัวเองไม่ถูก. . . ที่เขาว่าอย่าอ่านอะไรที่มันตรงกับความรู้สึกนี่มันก็จริงๆล่ะครับ - - เพราะมันตรงเกินไปก็ไม่ดีต่อหัวใจเหมือนกัน . . .

      ถ้าเป็นผม . . . ผมจะเลือกทางไหนดีล่ะ? จะทนเก็บมันไว้ หรือ จะบอกไปดี

      ผมทิ้งตัวด่ำดิ่งสู่ห้วงความคิด ถึงแม้สายตาของผมตอนนี้จะดูเหมือนจับจ้องไปที่ตัวหนังสือ แต่ความจริงแล้วนั้น ผมกำลังเหม่อลอย นึกไปถึงใครบางคนซะแล้วล่ะคัรบ

      “หวา!

      ผมร้องเสียงหลงออกมาอย่างตกใจ เมื่อสัมผัสได้ถึงฝ่ามือหนาของใครบางคนกำลังขยี้มาที่เรือนผมของผมอย่างไม่เกรงใจ  =___=^

      ผมละสายตาจากหน้านิตยสารที่อ่านเมื่อครู่ แล้วหันไปหาผู้มาเยือนใหม่ที่มาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียง จนผมต้องร้องเสียงหลงออกมาแบบนั้นเพราะไม่ทันได้ตั้งตัวนั่นแหละคัรบ . . . คนเขากำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ ตกใจหมดเลย~

      “พี่เยซอง . . .”

      “ก็พี่น่ะสิ คิดว่าใครล่ะ?”

      พี่เยซองยิ้มบางๆมาให้ผม แล้วก็ยีเรือนผมของผมให้มันยุ่งไปกว่าเดิม

      “ก็ป่าวนี่ฮะ. . . .”

      ไม่เข้าใจเลย . . . เวลาที่ยังไม่อยากเจอใครสักคน ทำไมชอบโผล่มาให้เจอแบบนี้ทุกทีเลย . . . .

      ผมนั่งอมลมแล้วเบ้ปากเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้ากลับมาที่เดิม แล้วแกล้งทำเป็นไม่สนใจพี่เยซองที่ยังยืนอยู่ข้างหลัง ไม่ใช่ว่าผมงอนเขาหรอกนะครับ แต่.....ไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี ไม่ให้เป็นพิรุธ

      “นายนั่งอ่านอะไรอยู่น่ะ??” พี่เยซองเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ๆ เพื่อดูว่าผมนั่งอ่านอะไรอยู่ “นั่งอ่านไอ้นิตยสารไร้สาระนั่นอีกแล้วนี่เอง”

      “ไม่ได้ไร้สาระนะฮะ!

      ผมเบ้ปากอีกรอบอย่างไม่พอใจ . . .ก็ใครใช้ให้ไอ้เฮียเต่ามาว่านิยสารผมไร้สาระล่ะ!!

      “ไม่ไร้สาระได้ไงเล่า~.........”

      ไม่ได้ว่าเปล่า จู่ๆเจ้าพี่ชายแก้มซาลาเปาก็หยิบเอานิตยสารที่วางอยู่บนตักผมไปอ่านเฉยเลย!! แถมยังยิ้มกวนๆมาให้ผมอีกนะ เฮ้อ! ผมล่ะ เหนื่อยใจกับพี่เยซองจริงๆเลย

      “เอาคืนมานะฮะ”

      ผมเอื้อมตัวไปคว้านิตยสารที่อยู่ในมือพี่เยซอง แต่เขากลับเขยิบตัวแล้วหันไปอีกทาง เพื่อใช้ร่างที่สูงกว่าบังไม่ให้ผมมาหยิบไปได้ซะงั้น >o<

      “ มาดูกันดีกว่า รยออุคน้อยของพี่อ่านอะไรอยู่น้า~ เสียงพี่มันช่างยียวนจริงๆเลยนะคัรบ

      “มันไม่ได้น่าสนใจขนาดนั้นหรอกฮะ พี่เยซอง”

       ผมแสร้งทำเป็นนั่งนิ่งแล้วหันไปเอื้อมรีโมตโทรทัศน์มาเปิดรายการดู โดยไม่สนใจพี่เยซองที่กำลังยืนหันหลังให้ผม เพราะถ้าผมยิ่งโวยวายและลุกลี้ลุกลนเอานิตยสารคืน ก็ยิ่งเข้าทางไอ้เฮียบ้านั่นพอดี

      “หื้ม?......ให้ฉันได้บอกรัก?......”

      =[]= จบกัน!! จะอ่านออกเสียงทำไมครับนั่น!!

      “เฮ้ย ! นี่นายอ่านอะไรแบบนี้ด้วยหรอ??”

      พี่เยซองละสายตาจากนิตยสารในมือแล้วมองสลับไปมา อย่างไม่ค่อยเชื่อ

      “ผมเห็นมันวางอยู่ เลยหยิบมาอ่านแก้เบื่อหรอกคัรบ”

      คราวนี้ผมเอื้อมตัวไปคว้าเจ้านิตยสารเจ้ากรรมจนสุดแขน ซึ่งก็เอากลับคืนมาได้สำเร็จในที่สุดแหละคัรบ .....ดีนะที่พี่เยซองยังอ่านไม่จบ ถ้าอ่านจบมีหวังผมคงจะมุดหน้าหนีลงดินไปแน่เลยอ่ะ

      “..........”

      ผมอมแก้มป่องแบบไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ส่วนพี่เยซองน่ะหรอ? พอเห็นผมทำหน้าแบบนี้ที่ไร เฮอะ! เขาก็ยิ้มออกมาน่ะสิคัรบ พอแกล้งผมได้ทีไรก็ชอบยิ้มแบบนั้นออกมาทุกทีเลย แกล้งผมมันสนุกนักหรอไง?? -3-

      “เห? ใช่หรอ? ไม่ใช่ว่านายกำลังแอบชอบใครอยู่รึไง.......?”

      เจอคำถามที่พี่เยซองถามออกมาแบบนี้ ทำเอาผมอึ้งจนไปไม่ถูกเลยล่ะคัรบ ก็ปกติเห็นผมนั่งอ่านนิตยสารนี่ทีไรก็ไม่เห็นจะถามอะไรแบบนี้ออกมาเลยนี่น่า........แล้ววันนี้เป็นอะไรอ่ะคัรบ ? ถึงได้ถามอะไรแปลกๆแบบนี้

      “ จริงหรอเนี่ย? ” พี่เขาเอ่ยถามอย่างอึ้งๆไม่แพ้กับผมหรอกครับ “เป็นใครน่ะบอกพี่ได้ไหม?”

      อะไรกันเนี่ยย?!! เดี๋ยวก็ทำน้ำเสียงตกใจ เดี๋ยวก็ทำน้ำเสียงจริงจัง ผมตามอารมณ์พี่ไม่ทันหรอกนะคัรบ.....

      “เอ่อ.......คือ.....”

      ผมก้มหน้าลงแล้วเอ่ยน้ำเสียงออกมาอย่างติดขัด.........อยากจะปฏิเสธ แต่ก็ทำไม่ได้.......แค่นี้ผมก็ไม่มีความกล้าพองั้นหรอ? ยิ่งถูกพี่เยซองจ้องรอคำตอบแบบนี้แล้ว ผมก็ยิ่งไม่กล้าที่จะพูดออกมาซะงั้น

      อึดอัด........จนพูดออกมาไม่ได้

      ถึงจะพูดออกมา น้ำเสียงมันก็คงจะสั่นซะเหลือเกิน.........มันรู้สึกเหมือนกับว่ามันจุกจนพูดไม่ออก

      แค่ตอบคำถามพี่แค่นี้? ทำไมผมต้องใจเต้นรัวแบบนี้ด้วยล่ะ??

      ตึกตัก............ตึกตัก......

      เสียงหัวใจทำไมมันเต้นดังแบบนี้ล่ะ.........อ่า ตอนนี้ผมต้องหน้าแดงอยู่แน่ๆเลย แต่ผมพูดไม่ออก ราวกับว่าน้ำเสียงของผมมันถูกเลือนหายไป จนไม่มีน้ำเสียงที่จะเปล่งออกมาอย่างนั้นแหละ

      “ผ....ผม......”

      พี่เยซองยังคงจับจ้องมาที่ตัวผมโดยไม่วางตา อย่างกับผมเป็นนักโทษอย่างนั้นแหละ

      “เฮ้! เจ้าบ้าเยซอง นายรีบมาเก็บเจ้าเต่านี่ไปไว้ที่อื่นเลยนะ ก่อนที่ฉันจะเอามันไปเป็นอาหารให้เจ้าฮีบอมมันกินเป็นอาหารซะน่ะ!!

      เสียงโวยวายอย่างไม่พอใจของคนสวยประจำวงของเรา พี่ฮีชอล ดังขึ้นขัดบทสนทนาของผมกับพี่เยซอง

      “ห้ะ!! นี่ฮยองจะทำอะไรตังโกมาของผมน่ะ?!

      พี่เยซองตะโกนกลับไปแทบจะในทันทีที่เสียงของโวยวายออกมาอย่างสติแตก ก่อนที่จะรีบวิ่งไปดูลูก(?)สุดหวง โดยไม่คิดจะสนใจคำตอบที่ผมจะตอบคำถามของพี่เยซองเลยสักนิด

                      ก็ว่าล่ะครับ ........ - - พี่ฮีชอลยิ่งเป็นคนทำอะไรเหนือความคาดหมายอยู่ จะมีเรอะจะพูดแบบนั้นออกมาลอยๆ บางทีตอนนี้อาจจะจับเจ้าเต่าตังโกมาให้เจ้าฮีบอมมันงับเล่นไปแล้วก็ได้ใครจะไปรู้......หึหึ {นู๋อุคคิดอะไรอยู่น่ะจ่ะ?? =[]= นั่นเต่าของพี่เย่นะจ่ะ }

                      “เฮ้อ~ !

                      ผมลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อความเงียบค่อยๆก่อตัวแล้วเคลื่อนตัวเข้ามานั่งข้างๆเป็นเพื่อนผมในห้องนั่งเล่นนี้อีกครั้ง

                      ........ไอ้เจ้าพี่เยซองบ้า เฮียเต่า เจ้าแก้มซาลาเปา.............

                      มาถามทำไมว่าผมชอบใครอยู่? มาถามด้วยน้ำเสียงจริงจังแบบนั้นอีก แล้วไง? สุดท้ายก็ไม่ยอมฟังคำตอบผม.....

      ผมจะบอกให้นะ คนที่ผมชอบน่ะ!! ก็คือพี่นั่นแหละ ทำไมผมถึงไปหลงรักไอ้ผู้ชายงี่เง่าความรู้สึกช้าแบบนั้นไปได้นะ??

      คนที่ผมแอบชอบมาตั้งนานตั้งแต่ตอนเดบิวต์

      คนที่ชอบให้ผมมานั่งวุ่ยวายใจ คิดมากไปเองและมานั่งอ่านนิตยสารไร้สาระ บ้าๆบอๆแบบนี้

      ก็พี่นั่นแหละ..........พี่คิม จงอุน!!

       

       

      “..........”

      ผมเหม่องออกไปที่นอกหน้าต่างเพียงลำพังภายในห้องสี่เหลี่ยมไม่ใหญ่มากนัก......ซึ่งมันเป็นห้องนอนของผมที่แชร์ร่วมกับพี่เยซองเองล่ะคัรบ

      สีท้องฟ้ายามนี้นั้นมันดำมืดสนิทเหลือเกิน ..... อาจจะเป็นเพราะมันดึกแล้วก็ได้ บรรยากาศที่ผมเห็นมันจึงวังเวงน่ากลัว แล้วยังมีก้อนเมฆสีดำทมิฬที่จับตัวรวมกันก่อเป็นละอองฝนเล็ก ต่อมาก็กลายเป็นหยดน้ำจากท้องฟ้าที่ตกลงมาทั่วท้องฟ้าเต็มไปหมดเลย ลมก็พัดแรงมากจนกระทบกับหน้าต่างเกิดเสียงดังกึกๆ และเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่าก็ดังโครมครามแบบนี้อีก

      มันยิ่งทำให้น่ากลัวจริงๆ ;___;  ผมไม่ชอบเลยเวลาที่ฝนตกมีพายุเข้าแบบนี้  ไม่ชอบเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า เสียงมันดังมากตนหัวใจผมเกือบจะวายแน่ะ ยิ่งห้องเงียบๆ เสียงก็ยิ่งก้อง ....... ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะรีบนอนซะ แต่ไม่รู้ทำไม มันถึงทำไม่ได้สักที

      แม้ผมจะเปิดไฟไว้ก็เถอะ แต่ภายในห้องมันเงียบเกินไป.........หรือว่าเพราะผมอยู่คนเดียวกันแน่?? ห้องที่ดูคุ้นเคยคุ้นตากลับทำให้ผมข่มตานอนให้หลับไม่เหมือนเช่นทุกที

      แอ๊ด.......

      ประตูหน้าห้องผมเปิดออกพร้อมกับเสียงเสียดสีระหว่างประตูกับพื้นดังขึ้น ทำให้ผมต้องหันไปดูผู้มาเยือนที่มาทำลายความเงียบ

      .............พี่เยซอง.................

      “อ่าว? นี่นายยังไม่นอนอีกหรอ อุค?? ”

      พี่เยซองถามผมอย่างแปลกใจไม่น้อยที่เห็นผมยังไม่นอน เพราะปกติแล้วผมนอนเร็ว ( ฮ่าๆๆ ความจริงแล้ว ผมยังไม่อยากนอนดึกแล้วมีหน้าหลุมแบบเจ้าเด็กติดเกมส์ มักเน่ประจำวงเราน่ะคัรบ )

      ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากนอนสักหน่อย แต่มันนอนไม่หลับนี่น่า TT เสียงฟ้าร้องดังขึ้นทุกทีเลย

      “.....ฮะ....”

      “หรอๆ........ไปนอนได้แล้วไป......พรุ่งนี้มีงานไม่ใช่หรอ?”

      พี่เยซองเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กที่กำลังใช้เช็ดปลายเส้นผมที่มีละอองน้ำติดอยู่ เขายีผมไปเรื่อยพอให้ชื้น ก่อนที่จะยืนบิดไปมาเพื่อคลายความเมื่อย

      “คร้าบบ~.....”

      ผมเดินมาที่เตียงนอนของตัวเองตามคำของพี่เยซอง -3- เพราะถ้าผมยังไม่นอนตอนนี้ จะต้องนอนตื่นสายแน่ๆเลย ก่อนจะสาวเท้าขึ้นไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียง แล้วพยายามหลับตาลงอย่างช่วยไม่ได้

      “พี่ปิดไฟนะ”

      “......ฮะ......”

      พรึ่บ!

      สิ้นเสียงที่ผมพูด แสงสว่างรอบห้องก็พลันดับลงอย่างรวดเร็ว ไม่มีอะไรจะน่ากลัวไปกว่านี้แล้วล่ะคัรบ ห้องก็มืด เสียงฟ้าร้องก็ดังลั่นโครมครามอยู่เลย

      “..................”

      ผมนอนหันหน้าเข้ากับกำแพง แล้วพยายามจะข่มตานอนให้หลับท่ามกลางเสียงดังจากฟ้าฝน ทว่าผมก็ต้องสะดุ้งตัวลืมตาขึ้นมา เมื่อสัมผัสได้ถึงร่างของใครบางคนที่กำลังทิ้งตัวลงนอนข้างๆ เตียงนอนก็ฮวบลงเล็กน้อยจากน้ำหนักของคนสองคน

      ผมจึงพลิกตัวไปหาพี่เยซอง แล้วเขยิบเล็กน้อยเพื่อเว้นที่ให้อีกฝ่ายเขยิบเข้ามานอนได้ถนัด จะได้ไม่ตกเตียงไปซะก่อน - -

      “พี่เยซอง”

      “อื้ม ^^ พี่เองล่ะ........” พี่เยซองยิ้มบางๆ แล้วยกมืออวบของเขามาลูบเรือนผมอย่างเอ็นดู

      “มานอนเตียงผมทำไมอ่า~ มันเบียดนะ”

      “ไม่เห็นเป็นไรเลย เรานอนด้วยกันออกบ่อย ไม่เบียดหรอก”

      จู่ๆพี่เยซองก็ดึงร่างของผมเข้าไปกอด

      o///o…..ท....ทำอะไรน่ะฮะ?”

      ผมสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวบนใบหน้า ตอนนี้หน้าผมต้องแดงมากๆแน่เลย

      “ก็กอดนายไงล่ะ มันหนาวน่ะ......รีบๆนอนเถอะ”

      o//x//o

      ง่า แล้วแบบนี้จะให้ผมนอนยังไงไหวอ่ะ?! คราวนี้ไม่ใช่ว่ากลัวเพราะได้ยินเสียงฟ้าร้องแล้วล่ะครับ แต่กลัวว่าพี่เยซองจะได้ยินเสียงหัวใจผมเต้นมากกว่า!!

      “.............”

      “.........อุค..........”

      “คะ....ครับ -//-

      “ว่าแล้วเชียวว่ายังไม่นอน”

      พี่เยซองกระชับกอดให้แน่นกว่าเดิม จนใบหน้าผมแทบจะชนเข้ากับอกแกร่งของพี่เยซองอยู่แล้ว โชคดีที่ภายในห้องมันมืด ผมจึงเห็นหน้าของพี่เยซองได้ไม่ชัดนัก แล้วพี่เขาก็เห็นหน้าผมไม่ชัดเหมือนกัน

      ถ้าไฟสว่างกว่าล่ะก็ ผมคงจะหน้าแดงกว่านี้อีก แล้วพี่เยซองก็ต้องเห็นว่า ผมหน้าแดงและต้องรู้ว่าผมคิดยังไงกับพี่เขาแน่ๆเลย...........ซึ่งนั่นแหละเป็นสิ่งที่ผมกลัวจริงๆ

                      “แล้วพี่ล่ะ?”

                      “ยังไม่ง่วงเลย อีกอย่างพรุ่งนี้ไม่มีงานด้วย นายต่างหากรีบนอนได้แล้ว”

                      “.........อื้ม.......” ผมเว้นช่วง แล้วกำลังจะพริ้มตาหลับลง แต่แล้ว

                      ครืน........ครืน......เปร้ง!!

                      “ !!

      ผมสะดุ้งตัวเล็กน้อย =[]= ทันทีที่ได้ยินเสียงฟ้าร้องผ่าลงมาเมื่อครู่

      “ไม่เป็นไรนะคัรบ คนดี~” พี่เยซองกระชับกอดให้แน่นเข้าไปอีก พร้อมกับลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน แล้วก็เอ่ยน้ำเสียงที่อ่อนโยนไม่แพ้กัน เพื่อที่จะปลอบคนขี้กลัวแบบผม

      “นอนซะนะ พี่อยู่ข้างๆนายนี่ล่ะ”

      “ฮะ.......พี่เยซอง??”

      “อะไร ?”

      “ป.....ป่าวฮะ ราตรีสวัสดิ์นะคัรบ”

      “อื้ม ฝันดีนะ”

      ผมรู้แล้วว่าทำไม จู่ๆพี่เยซองถึงได้มานอนบนเตียงเดียวกับผม.........พี่จำได้สินะ ว่าผมกลัวเสียงฟ้าร้องแบบนี้ แต่ถ้ามันเป็นแบบนี้จริงๆผมจะขอคิดเข้าข้างตัวเองหน่อยได้ไหมว่า ที่ผมคิดน่ะมันเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ว่าผมคิดไปเอง

      ความอ่อนโยน และ ความห่วงใย แบบนี้......มันจะหายไปไหม พี่เยซอง??

      ถ้าผมเกิดบอกหรือพี่เกิดรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับพี่ ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไปไหม??

      พี่ชายที่แสนดีของผม.......... พี่ชายที่มอบรอยยิ้ม ความสุข ความห่วงใย ความอ่อนโยนคนนั้นจะเปลี่ยนไปไหม??

      ผมรักพี่นะคัรบ พี่เยซอง

       

      “...............”

                      ผมนั่งคิดทบทวนกับตัวเองจนความคิดมันตีกันสับสนไปหมด จนผมตัดสินใจที่จะเลือกทางไหนไม่ได้เลย......แล้วสักพักผมก็เผลอหลับไปในอ้อมกอดอุ่นๆ

                      อ้อมกอดของคนที่ผมรัก................แต่ไม่รู้ว่าเขาจะรักผมรึป่าว??

       

       

      “งืม....”

      ผมครางเสียงออกมาเบา พร้อมกับบิดตัวเล็กน้อย...... แต่ก็ต้องอยู่เฉยๆแทน เมื่อเห็นว่าเจ้าเฮียเต่ายังนอนหลับสนิทอยู่ แล้วที่สำคัญ เขาก็ยังกอดผมไว้แน่นเหมือนเดิม

      >///< เจ้าเต่าตัวโตแถวนี้จะรู้บ้างไหมนะ ? ตอนนี้ผมเขินมากๆเลยล่ะ

      “..............”

      เวลาตอนนอนทำไมน่ารักจังเลย~  ผมจับจ้องไปที่ใบหน้าของพี่เยซองอย่างละสายตาไม่ได้ ก่อนที่จะโน้มตัวไปจุมพิตริมฝีปากหนาเบาๆ

      “......อือ.....”

      “...............”

      ผมรีบก้มหน้าที่กำลังแดงระรื่นลงทันทีที่พี่เยซองขยับตัวแล้วปรือตาตื่นขึ้นเล็กน้อย .....หวังว่าพี่เยซองจะยังไม่รู้สึกตัวหรอกนะว่าเมื่อกี้ผม.......จูบพี่เขาไปน่ะ!

      “....อือ...”

      พี่เยซองขยับตัวน้อยๆ แล้วคลายกอดให้หลวมๆ ผมจึงแกล้งปรือตาตื่นแล้วทำเสียงงัวเงียขึ้นมาบ้าง พี่เยซองจะได้ไม่ต้องสงสัย

      “ขอโทษนะ พี่ทำให้นายตื่นรึป่าว?”

      “ป....ป่าวฮะ”

      “หรอ....งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ นายก็รีบลุกด้วยล่ะ เดี๋ยวผู้จัดการจะด่าเอา”

      ตอนนี้ผมก้มหน้าอยู่เลยไม่แน่ใจว่าตอนนี้พี่เยซองกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่... แต่น้ำเสียงที่ออกมานั้นมันยังคงอ่อนโยนเหมือนเดิม นี่พี่ยังไม่รู้สินะครับ??

      “ฮะ”

      ผมตอบรับไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาจนไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพี่เข้าจะได้ยินไหมนะ.......ก่อนที่จะเห็นพี่เยซองลับสายตาเดินออกจากห้องไปเรียบร้อยแล้ว ผมจึงได้ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงอย่างเงียบๆตามลำพัง

      เมื่อกี้นี้ผมทำบ้าอะไรลงไปน่ะ ?! >//< ไม่จริงน่า ผมนี่มันบ้าจริงๆเลย พี่เขาจะรู้ไหม? แล้วถ้ารู้มันจะเปลี่ยนไปไหม? ทำไมผมถึงทำอะไรที่ไม่คิดลงไปแบบนั้นนะ!!

      ผมนั่งถอนหายใจกับตัวเองด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ พร้อมกับความคิดที่มันสับสนปนเปไปยิ่งกว่าเมื่อวานเสียอีก

       

       

      “............”

      ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวพร้อมที่จะไปทำงานเรียบร้อยแล้ว ผมก็ค่อยๆสาวเท้าเดินไปเข้าไปครัวอย่างเลื่อยเฉื่อยเพื่อจะหาอะไรทาน

      “เฮ้! อุค จัดกระป๋าเรียบร้อยสินะ”

      ทงเฮที่นั่งกินขนมอยู่กับพวกเมมเบอร์หลายๆคนหน้าทีวีถามขึ้นมา เมื่อเห็นผมเดินเรื่อยเฉื่อยไปมา

      “อื้ม ทงเฮ ผมจัดเรียบร้อยแล้วล่ะ”

      ผมยิ้มออกมาเบาๆ ........นั่นสินะ วันนี้แล้วที่ผมต้องไปทำงานโปรโมทที่จีน ในฐานะ SJ-M งั้นนับตั้งแต่วันนี้ผมก็จะไม่ได้เจอกับพี่เยซองแล้วน่ะสิ ถึงจะไม่ได้ห่างกันเป็นปีก็เถอะ แต่มันก็นานเหมือนกันนะ.........

      ผมควรจะทำยังไงกับความรู้สึกของตัวเองดี >o<

      “คิดอะไรอีกแล้วน่ะ? - -”

      จู่ๆ พี่เยซองที่เดินมาจากไหนก็ไม่รู้ (ทำไมพี่เขาชอบมาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงจัง) ก็ใช้นิ้วชี้มาจิ้มที่หว่างคิ้วของผมที่ชมกันจนแทบจะผูกติดเป็นโบว์ได้แล้ว.............คิดเรื่องพี่นั่นแหละ -3-

      “...............”

      “นายจะไปแล้วสินะ.........”

      ทั้งๆที่ใบหน้าของพี่แก้มซาลาเปาของผมยังคงระบายไปด้วยรอยยิ้ม แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับดูหดหู่ลงแบบแปลกๆชอบกล

      “ครับ พี่ก็อย่าลืมดูแลตัวเองนะคัรบ ผมเป็นห่วง ฮ่าๆ”

      ผมพูดออกมาแบบติดตลก

      “อยู่แล้ว แต่นายซะมากกว่ามั้งที่ต้องดูแลตัวเองมากกว่าพี่น่ะ”

      เอาอีกแล้ว ผมเผลอดีใจไปกับความอ่อนโยนและความเป็นห่วงแบบทั่วไปแบบนี้ของพี่อีกแล้ว ถ้าเป็นไปได้ ผมขอร้องได้ไหม? พี่อย่าทำดีกับผม..........ผมไม่อยากจะเจ็บอีกแล้ว มันปวดแปล๊บในใจมากๆเลยล่ะครับ ตอนนี้

      เพราะมันทำให้ผมตัดสินใจลำบากระหว่าง สิ่งที่หัวใจกำลังต้องการ กับสิ่งที่ความคิดกำลังทักท้วง มันสวนทางกันอยู่

      “...............”

      “...............”

      จู่ๆบรรยากาศโดยรอบมันก็เต็มไปด้วยความอึดอัด ไม่มีแม้แต่เสียงใดๆรอดออกมา ขณะเดียวกันเสียงของเหล่าเมมเบอร์ที่นั่งดูทีวีและกินขนมกันอย่างสนุกสนานแล้วมีเสียงดังโวยวาย ก็เงียบลงไปอย่างไม่น่าเชื่อราวกับว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในหอพัก ยกเว้นผมกับพี่เยซองเท่านั้น

      “..........อุค.........”

      “พีเยซอง ผมรักพี่นะคัรบ”

      “จริงหรอ?”

      ใบหน้าของพี่เยซองตอนนี้ดูตกใจไม่น้อยเลยทีเดียวที่ได้ยินประโยคของผมเมื่อสักครู่

      “ฮ่าๆๆ ไม่จริงหรอกครับ ผมล้อเล่น”

      ^^ อื้ม พี่ตกใจหมด”

      ผมรีบหันหลังให้พี่เยซองทันที แล้วระบายยิ้มบางๆให้กับตัวเอง ก่อนที่จะพยายามสาวเท้าเดินออกจากจุดที่ตัวเองยืนอยู่ให้เร็วที่สุด ทั้งๆที่คิดอย่างนั้น แต่เท้ามันกลับไม่ค่อยขยับตามที่ใจคิดเลย

      ..........ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว.......

      “...............”

      ไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ผมรู้สึกได้จริงๆว่าขอบตาตัวเองกำลังร้อนผ่าว พร้อมเสมอที่น้ำใสๆจะไหลลงมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมกำลังโล่งอกที่ได้สารภาพมันไป หรือเพราะ กำลังเจ็บอยู่ข้างในกันแน่??

      แล้วมันเจ็บเพราะอะไรล่ะ??............ทั้งๆที่ผมได้พูดมันออกไปแล้วแท้ๆกับสิ่งที่มันค้างคาอยู่ในใจ

      ......หรือจะเจ็บ......

      ........เพราะไม่สามารถทำให้คนที่ผมรัก กลายมาเป็นคนที่รักผมได้.........

      ......มันน่าสมเพชตัวเองจังเลยแฮะ........

      ทั้งๆที่ไม่ได้คาดหวังอะไรตั้งแต่ในตอนแรกแล้วแท้ๆ แล้วทำไม? ตอนนี้ถึงยังต้องมาคิดมากเรื่องนั้นล่ะ แค่ได้อยู่ใกล้พี่เยซองก็ดีแล้วนี่?? ได้(แอบ) รักอยู่ห่างๆ โดยที่พี่เขาไม่รู้ตัว(หรือรู้แล้วแต่ไม่ทำตัวเหิรห่าง) มันก็ดีแล้วแท้ๆ

      “................”

      ผมยิ้มน้อยพร้อมทั้งน้ำใสๆที่เริ่มไหลลงมาอย่างหยุดไม่ได้ แต่คราวนี้ผมรู้แล้วว่าน้ำที่มันไหลลงมาจากดวงตาของผม มันเกิดจากอะไร

      ........... มันเกิดจากความดีใจและโล่งอกต่างหาก........

      ดีใจที่ผมได้สารภาพรักกับพี่เยซองออกไปแม้จะไม่รู้คำตอบ แต่มันก็ทำให้ผมสุขใจแล้ว

      โล่งอกที่พี่เยซองยังคงทำทุกอย่างให้เป็นเหมือนเดิม

      รู้สึกดีและอยากจะขอบคุณกับสิ่งต่างๆที่เป็นใจและชักนำเราทั้ง 2 มาเจอ แม้จะรักกันไม่ได้ก็ได้ตามที

      .........แต่ผมก็ยังรักพี่เหมือนเดิมนะฮะ ต่อให้วันเวลาเปลี่ยนไป หรือ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง ผมก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม หัวใจผมก็เหมือนกัน

      มันจะไม่มีวันเปลี่ยน เพราะหัวใจของผมมันเหมือนกับถูกหยุดเวลาเอาไว้แล้ว ไว้ที่เดิมกับคนๆเดิม

      หัวใจผมมันหยุดที่พี่ไปแล้ว..........

      “ผ....ผมไปเอากระเป๋าก่อนนะคัรบ”

      ผมพยายามทำเสียงให้เรียบ ไม่ให้เป็นที่สงสัย แต่มันก็ยังคงสั่นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วก็รีบสาวเท้าเดินต่อเพื่อวิ่งเข้าไปในห้องตัวเอง จะได้ไม่ต้องให้ใครเห็นว่าตอนนี้ผมมันอ่อนแอแค่ไหน!

      “อุค เด๋ว........”

      พี่เยซองจับมือผมเอาไว้.......มือของพี่แก้มซาลาเปาในตอนนี้มันช่างอบอุ่นเหลือเกิน......จนผมไม่อยากปล่อย ราวกับว่ามันกำลังถ่ายทอดความรู้สึกของพี่เยซองมายังหัวใจผมอย่างนั้นแหละ

      ผมยืนหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม รอ......รอว่าพี่เยซองจะพูดอะไรออกมา

      “............พี่................”

      พี่เยซองดึงผมเข้าไปกอด จนใบหน้าผมแนบแน่นไปกับหน้าอกแกร่งๆ รอยคราบน้ำตาพร้อมกับน้ำใสๆที่ยังคงไหลลงมาไม่ขาดสายถูกซับไปบางเบากับเสื้อตัวนอกของคนร่างสูง

      ก่อนที่พี่เขาจะก้มลงมากระซิบข้างหูผมเบาๆ เสียงกระซิบนั้นมันทำให้ผมหยุดร้องไห้ หยุดทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งเกือบจะหยุดหายใจ

      “....... O///o .........”

      หัวใจที่บอบบางและบอบช้ำของผมกลับมาเบิกบานและพองโตขึ้นอีกครั้ง มันกำลังกลับมาเต้นใหม่อีกครั้ง......เต้นตามจังหวะเดิม.......จังหวะที่ความรักกำลังค่อยๆสร้างความหวานและก่อตัวขึ้นระหว่างคน 2 คน

      “พี่รักนายนะ เจ้าเด็กขี้แย~

       

       

      บางทีการบอกความรู้สึกของตัวเองใน การรักใครสักคน ออกไป มันก็คงจะไม่ผิดแล้วน่ากลัวแบบที่คิดหรอก อาจจะมีผิดหวังบ้าง แต่การที่เราจะพบสมหวังไปกับรักแท้และความสวยงามของความรักมันก็มีได้เหมือนกัน

      เพราะฉะนั้นตอนนี้คุณกล้าพอไหม?? กล้าพอที่จะต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองในการบอกออกไปว่าคุณรักคนๆนั้นมากแค่ไหน?

      บางทีคนที่คุณรัก อาจจะกลายมาเป็นคนที่รักคุณก็ได้นะ ใครจะไปรู้~

      เหมือนกับผมและพี่เยซองไง ^^

      --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      ขอโทษนะค่ะที่มันออกมาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ พอดีเรารีบเอามาลงมากอ่ะค่ะ T(o o)T

      เพราะใกล้สอบแล้ว ก็เลยไม่รู้จะได้ลงอีกทีตอนไหน ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะค่ะ ^^ รักคนอ่าน คึคึ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×