ข้อมูลเบื้องต้น
สวัสดีค้า ไม่รู้จะมีคนอ่านหรือเปล่า แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกที่เคยแต่งถ้าใช้ภาษาผิดพลาดคือผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนคะ
คำแนะนำ : เปิดฟังเพลงประกอบไปด้วยจะทำให้ได้อารมณ์มากขึ้นนะคะ
ณ ร้านกาแฟ แห่งหนึ่ง
'นี้ ตั้งใจอ่านหนังสือหน่อยสิอีกเดี๋ยวก็จะสอบแล้วนะ ถ้าทำไม่ได้อย่าโทรมาร้องไห้แล้วกัน' ผมกล่าว พลางตบโต๊ะเบาๆเพื่อดึงสติผู้หญิงที่นั่งตรงกันข้ามผม ซึ่งขณะนี้พึ่งเงยหน้าจากโทรศัพท์หลังเล่นไปเป็นเวลานาน
'ไม่อ่านไม่ได้หรอ แล้วทำไมต้องจับเวลาด้วยเนี่ย มันเครียดอะ ไม่จับไม่ได้หรอ' ทัศนีย์ หรือที่ผมชอบเรียกสั้นๆว่า ทัด ผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามกับผมกล่าวพลางทำหน้าอ้อนวอน ทำให้ใบหน้าจากเดิมที่น่ามองอยู่แล้ว น่ารักขึ้นเป็นเท่าตัว หากเป็นคนอื่น เห็นเธอทำหน้าตาแบบนี้ก็คงต้องใจอ่อนเป็นแน่ แต่ ไม่ใช่สำหรับผมคนนึง
'ไม่ได้ ต้องจับเวลาสิ ถ้าในห้องสอบจริงๆทำไม่ทันจะเป็นไง ปีนี้เขาลดเวลาสอบลงด้วย ถ้าไม่ลองจับเวลาไว้ก่อนเดี๋ยวก็ทำไม่ทันพอดี' ใช่แล้ว ทัค ก็เป็นอย่างนี้ตลอดเป็นคนไม่ค่อยเอาจริงเอาจัง ตอนอยู่ในห้องก็นอนอย่างเดียว ถ้าไม่ได้ผมที่นั่งข้างๆ คอยปลุกตอนอยู่ในห้อง หรือคอยสอนให้ เธอก็คงไม่อยู่รอดจนถึงทุกวันนี้หรอ
'ได้ค้าา~ คุณพ่อ นายเนี่ยนับวันยิ่งคล้ายคุณพ่อฉันขึ้นไปเรื่อยๆนะเนี่ย' ทัค กล่าวอย่างติดตลก
'พ่อทูนหัว ปะ' ผมลองตอบกลับไปตามมุขที่พึ่งอ่านเจอในเฟสบุ๊คเมื่อนานมาแล้ว ผมอยากลองเล่นมุขนี้กับใครสักคนมานานแล้วเหมือนก็แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครให้เล่นด้วยนะสิ ดังนั้นเมื่อ ทัคพูดตรงตาม step แบบนี้ก็ไม่ลืมที่เล่นมุขนี้ใส่ทันที
'พ่อทูนหัวบ้านแกดิ เงียบๆไปเลยจะอ่านหนังสือแล้ว จับเวลาให้ด้วยเอาแค่ 3 นาทีก่อนนะ' ทัค ตอบเสียงแข็ง อะไรวะ ไม่เห็นเหมือนในเน็ตเลย ปกติเวลาผู้หญิงโดนเล่นมุขนี้แล้วต้องเขินหน้าแดงแล้วตอบกับมาว่า 'บ้า' อะไรแบบนี้ไม่ใช่หรอวะ ไม่รู้ว่าในเน็ตมันโกหก หรือ ทัคเป็นพวกไม่เหมือนผู้หญิง กันแน่
'ครับๆ' และแล้วความเงียบสงบก็กลับมาเยือนที่โต๊ะของเราสักที ตอนนี้ก็เป็นเวลาจะเที่ยงแล้ว คนในร้านค่อยๆทยอยออกจากร้านเพื่อไปหาอะไรกิน แต่ผมคงต้องรอให้คนตรงหน้าทำโจทย์ให้เสร็จก่อน หากหนีไปคนเดียวเดี๋ยวจะพาถูกงอนแล้วลำบากผมต้องตามง้ออีก ผมกับ ทัค เป็นเพื่อนกันมานานแล้วตั้งแต่สมัครมัธยมต้น ตอนนั้น ทัค ติดผมมากเพราะรายนั้นชอบถูกคนอื่นมองว่าเธอเป็นคนแปลกๆ เธอก็เลยพลางกีดกันไม่ให้ผมไปยุ่งกับคนอื่นซะงั้น ทำตัวเหมือนเป็นแฟน "ทั้งๆที่สถานะของเราสุดท้ายก็เป็นได้แค่ 'เพื่อน' อยู่แล้ว" จะว่าไปพูดว่าเป็น สถายะ เพื่อน ก็ไม่ถูกอีก หากจะพูดให้ถูกต้องก็ต้องเป็น 'เพื่อนสนิทคิดไปซื่อ' ผมเนี่ยแหละครับ คนที่คิดไม่ซื่อเอง แต่จนแล้วจนรอด ทัค ก็ยังไม่รู้ความรู้สึกจริงๆของผมอยู่ดี แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ เป็น 'เพื่อน' กันแบบนี้ตลอดไปก็ไม่เลวนักหรอก
ปิ๊ป ปิ๊ป เสียงนาฬิกาบอกหมดเวลาได้ดังขึ้น เหมือนมันพยายามจะบอกผมว่าให้เลิกคิดเรื่องนี้สักที
'เป็นไงทำทันปะ' ผมกล่าว
'ทันกับผีอะดิ 3 นาที กว่าฉันจะอ่านโจทย์จบก็ 2 นาทีไปแหละ' ทัคซึ่งกำลังใช้นิ้วนวดขมับอยู่ตอบแทบจะทันที
'ก็ถึงบอกไงว่าต้องจำเวลา' ผมพูดอย่างติดตลก ก็พึ่งรู้เนี่ยแหละว่าได้เห็นคนอื่นมีความทุกข์จะสนุกได้ขนาดนี้
'ค้าาา ขอโทษค้าา'
'รู้ตัวก็ดีแหละ อะจะไปกินอะไรกันดี บอนชอนปะ' ผมถามกลับ
'บอนชอนอะไรของแกไอ้ พัด ก็สัญญากันแล้วปะวะว่าจะไปกิน MK ด้วยกัน' ชื่อเต็มนภัส หรือที่ไอ้ทัดชอบเรียกว่า พัด นั้นแหละครับชื่อของผมเอง ชื่อเต็มของผมออกจะเลิศหรู แต่ดูมันเรียกเหมือนเรียกชื่อหมาเลย แต่ก็นั้นแหละ ผมชินแล้วแหละหละครับ ว่าแต่ประเด็นคือ ผมไปสัญญาว่าจะกิน MK กับมันตอนไหนวะ
'ห้ะ ฉันเคยสัญญาอะไรแบบนั้นด้วยหรอวะ จำไม่เห็นได้'
'เออดิ ก็วันศุกร์ที่แล้วแกยังนัดกับฉันอยู่เลยว่าวันนี้จะไปกิน MK ด้วยกัน เนี่ยสัญญาอะไรเคยจำได้บ้างปะเนี่ย'เอาแหละ เสียงแบบนี้ คำพูดแบบนี้ ระเบิดลงชัดๆ อีกเดี๋ยวมันต้องด่าผมแน่ๆ
'อ้าวหรอ เออขอโทษๆ แต่วันนี้กินบอนชอนก่อนได้ปะ วันนี้ฉันรีบวะต้องรีบกลับบ้าน บอนชอนก็อยู่ชั้น 2 นี้เอง' ผมลองประนีประนอมดูเผื่อมันจะใจอ่อน ซึ่งเป็นไปตามคาด .... มันไม่แม้แต่จะฟังสิ่งที่ผมบอก
'เนี่ยก็เป็นซะแบบนี้อะสัญญาอะไรก็ไม่เคยจำได้ ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่แกลืมอะ' แปปนะ ทำไมรู้สึก เดจาวู รู้สึกสัมผัสได้ว่าเคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อน แล้วสาเหตุทั้งหมดก็มาจาก
'แปป ไอ้ทัด แกเมนส์มาปะเนี่ย' ใช่แน่ๆอาการแบบนี้ เดี๋ยวก็ง่วงไม่มีสมาธิ รู้สึกหงุดหงิดกับสาเหตุไม่เป็นเรื่อง ผมอยู่กับมันมานานครั้งนี้ผมขอ ฟันธงเลยว่า ใช่แน่ๆ
'เออ แต่ไม่ก็ไม่เกี่ยวกับที่ผิดสัญญาฉันปะวะ แล้วยังจะเบี้ยวนัดด้วย' ใช่เลยยย ~ ว่าแหละ ได้ยินแบบนี้ไอ้ความรู้สึกกังวลตอนแรกก็หายไปจนหมดและถูกแทนที่ด้วยความตลก ผู้หญิงบ้าอะไรดูออกง่ายเกิน
'หัวเราะอะไร ฉันตลกด้วยไหมเนี่ย' อ้าวสงสัยผมแสดงออกมากเกินไป รายนั้นเลยโกรธหนักกว่าเดิมอีก แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะเรื่องนี้ผมก็ผิดเองจริงๆนั้นแหละ
'เออๆ ขอโทษครับ วันหลังผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วครับ เอางี้เดี๋ยวหลังหน้าเลี้ยง MK เลยโอเคปะ สัญญาเลยไม่ลืมแน่นอน' พูดพูดพลางยกนิ้วขึ้น 3 นิ้วเหมือนตอนเรียนลูกเสือตอน ม. ต้น
'ไม่เชื่ออะเดี๋ยวแกก็ลืมอยู่ดี คนเราอะจำอะไรไม่ได้นานหรอก ถามจริงแกจำเรื่องตอนแกเด็กๆได้ปะหละ แกจำไม่ได้ใช่ไหมหละ ถ้าฉันพูดตอนนี้ว่าอีก 10 ปีไปกิน MK กันสุดท้ายเชื่อฉันสิว่าอย่างไงแกก็ต้องลืมอยู่ดี' โอ้โห้ ปรัชญาชีวิตไปอีก ทำไมอยู่ดีๆมาดราม่าชีวิตวะ
'ก็จริงอยู่ที่ฉันอาจจะลืมเรื่องตอนฉันเด็กอยู่ แต่ถ้าเป็น สัญญากับแก ฉันจะไม่ลืมเด็ดขาด' ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใช่ถึงแม้ผมจะต้องความจำเสื่อม หรือลืมเรื่องทุกอย่างไป แต่อย่างไงผมก็จะไม่ลืม ทัค ไม่ลืมเรื่องมันแน่นอน
'ส่วนเรื่องสัญญา 10 ปีอะไรนั้นของแกอะ ' ผมพูดจบพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดไปที่ไอคอนรูปปฏิทินพลางเลื่อนวันที่ไปใน 10 ปีข้างหน้า กดไอคอน + ตรงสร้างเหตุการณ์ และเขียนลงไปว่า "ไปกิน MK กับทัค" เมื่อเขียนเสร็จจึงกดปุ่ม เรียบร้อย
'ฉันจดใส่โทรศัพท์แล้ว แค่นี้ก็ไม่ลืมแหละ' ผมยื่นหน้าจอโทรศัพท์ไปให้ไอ้ทัคดู
'เลขสวยนะเนี่ย วันที่ 25 เดือน 7 ปี2570 พอดีเลย' พูดถึงขนาดนี้ผมก็เผลอไม่ได้ที่จะแอบหันไปดูปฏิกิริยาของคนข้างๆที่เงียบมานาน
'แกอะทำอะไรบ้าๆ ถึงวันนั้นถ้าแกไม่ลืมอะเลี้ยงฉันด้วยแล้วกัน' ทัคตอบพร้อมยิ้มกว้าง ยิ้มที่ทำให้ผมตกหลุมรักเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ในบรรยากาศร้านที่มีคนอยู่ไม่มาก และมีเพลงเปิดคลอ ทำให้ผมแอบคิดไปว่า ถ้าเวลาหยุดอยู่ตรงนี้ไปนานๆก็คงดีไม่เลว
'ได้ครับ สัญญาเลย' ผมกล่าว ว่าแต่ใน 10 ปีข้างหน้า ผมยังจะได้อยู่กับมันแบบนี้หรือเปล่านะ บางทีมันอาจจะมีแฟนไปแล้ว หรือ มันอาจจะลืมผมไปแล้วก็ได้ ... แต่ไม่เป็นไรหรอก เมื่อถึงตอนนั้นผมก็คงจะตัดใจจากมันได้แล้ว
มั้ง
' เพื่อน ใครเนี่ยน่ารักจัง' ทัคหันมายิ้มอีกครั้งพร้อมสะพานกระเป๋าเตรียมออกจากร้าน พลางกอดแขนผมเหมือนที่มันชอบทำประจำ
' เพื่อน แกไง' ผมตอบพลางพยายามทำหน้าให้ปกติที่สุด ซึ่งจริงๆแล้วผมอยากจะพูดกับมันด้วยซ้ำว่า
"ฉันไม่ได้อยากเป็น เพื่อน กับแกสักหน่อย" แต่อยากเป็นมากกว่านั้น แต่ผมก็รู้ดีว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้ก็มีเพียงแค่เก็บคำเหล่านั้นไว้ใจต่อไปเท่านั้น เหมือนกับเพลงที่เปิดอยู่ในร้านตอนนี้
อยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ
บอกให้เธอฟังไม่ได้สักคำ
เปล่งได้แค่เสียงเบาๆ ในยามลำพัง
ว่าฉันรักเธอ ฉันรักเธอ
อยากให้ได้ยินคำในหัวใจ แต่มันคงเบาไปไม่ถึงเธอ
หนึ่งคำว่ารักคงปลิวไปตามแรงลม
ก่อนถึงใจเธอ แล้วก็คงสลายไป
(เพลงปลิว ของพลอยชมพู)
ความคิดเห็น