คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : บทที่ 10 (50%)
เช้าวันต่อมา...
เสียงการสนทนาอันแสนจะแผ่วเบาที่อยู่ห่างออกไปอีกสองห้องปลุกให้สือซานเหลียงตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล
หากเป็นคนทั่วไปนั้นคงจะไม่ได้ยิน
แต่สือซานเหลียงที่มีพื้นฐานวรยุทธ์ที่แก่กล้าแล้วมันเป็นเรื่องปกติยิ่งนัก
สำหรับเขาแล้วสิ่งเหล่านี้ก็แค่เสียงที่ผ่านหูไปเท่านั้น
ดั่งว่าการสนทนานั้นไม่ได้เกี่ยวกับเขาอย่างสิ้นเชิง
“ท่านป้า
แม่นางในห้องฝั่งโน้นนะหรือที่ช่วยคุณหนูลี่เอ๋อร์รอดมาจากประตูผีได้” เสียงเด็กสาวนางหนึ่งเอ่ย
“หากไม่ใช่นางแล้วจะผู้ใดกันเล่า
ฮูหยินนับถือนางมาก แต่ข้าว่านางไม่ใช่หมอผี” เสียงนี้คือซินฝู
“ไม่ใช่หมอผีได้อย่างไรเล่า
ก็ท่านบอกเองว่านางเป็นคนช่วยชีวิตคุณหนู”
“ก็เมื่อคืนข้าได้ยินนางบอกกับฮูหยินว่า
นางไม่ได้เก่งกาจขนาดนั้นและขอให้ฮูหยินปิดเรื่องนี้เป็นความลับด้วย” หลังจากนั้นเสียงของซินฝูก็เบาลงเป็นกระซิบ “ข้าว่าแท้จริงแล้วแม่นางเลี่ยงไม่ใช่หมอผี
ส่วนท่านเหลียงผู้นั้นก็ไม่ใช่ญาติของนาง”
“แล้วพวกนางเป็นอะไรกันเล่า
ไม่มีความจำเป็นที่แม่นางเลี่ยงผู้นั้นต้องโกหกสักนิด”
“พวกนางจะเป็นอะไรไปได้เล่า
หากไม่ใช่คู่รักหนีตามกันมา”
“คู่รักที่หนีตามกัน!”
“เสียงดังไปได้
เดี๋ยวพวกเขาก็ได้ยินกันพอดี”
“ห่างกันตั้งสองห้อง เราก็คุยกันเบาอย่างนี้พวกเขาจะได้ยินได้อย่างไร
แต่ท่านป้าจะยืนยันได้อย่างไรว่าสิ่งที่ท่านเอ่ยมาเป็นเรื่องจริง”
“อย่าลืมว่าข้าอาบน้ำร้อนมาก่อนเจ้านะชุ่ยเอ๋อร์
จากการพูดจาท่าทางดูก็รู้แล้วว่านางเป็นลูกผู้ดีตกยาก”
“แล้วอย่างไรต่อ”
“คาดว่าบิดามารดาของนางคงจะบังคับให้นางแต่งให้กับคุณชายลูกผู้ดีหรือไม่ก็ลูกขุนนางบ้านใดบ้านหนึ่ง
ท่านเหลียงผู้นั้นแท้จริงแล้วก็คงเป็นบ่าวในบ้านที่ทนเห็นคุณหนูของเขาถูกบังคับให้แต่งงานโดยไม่เต็มใจไม่ได้จึงยื่นมือเข้าช่วย”
“แต่ไฉ่เอ๋อร์บอกว่าท่านเหลียงผู้นี้ท่าทางประหลาด”
หญิงสาวเอ่ยถึงสาวใช้คนสนิทของซย่าเจี่ยลุ่ย
“เมื่อคืนข้าไม่ได้เห็นหน้าเขา
แต่ก็รู้สึกว่าเขาแปลกๆ ข้ามานอนคิดทั้งคืนจึงคิดได้ว่า
ท่านเหลียงผู้นี้ตอนแรกคงจะไม่ได้ประหลาดเช่นนี้
แต่เพราะช่วยเหลือแม่นางเลี่ยงทำให้บิดาของแม่นางเลี่ยงไม่พอใจ เมื่อการช่วยเหลือไม่สำเร็จท่านเหลียงจึงถูกคนของบิดาแม่นางเลี่ยงทรมานจนเป็นเช่นนี้”
“นั่นก็แค่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
ไม่เห็นจะเป็นคู่รักกันตรงที่ใด”
“เจ้าไม่เข้าใจ
ความสงสารเห็นใจเป็นบ่อเกิดแห่งความรัก
แม่นางเลี่ยงคงทนเห็นท่านเหลียงถูกทำร้ายไม่ไหว
นางเห็นใจเขาและเกิดเป็นความรักขึ้นมา เมื่อเห็นคนรักถูกทรมานไม่หยุดนางจึงตัดสินใจพาเขาหนีมาอย่างไรเล่า”
“อาจจะไม่ใช่อย่างที่ท่านบอกก็ได้”
“หากไม่เชื่อเจ้าก็คอยดูไปแล้วกัน
แต่เรื่องพวกนี้ต้องปิดเป็นความลับรู้หรือไม่
ทั้งสองคนคงยังไม่ได้กราบไหว้ฟ้าดินกัน แม่นางเลี่ยงจึงไม่กล้าเอ่ยเต็มปาก
ช่างน่าเห็นใจนัก” ซินฝูส่ายหน้าน้อยๆ
อย่างเห็นใจก่อนจะหันไปสั่งสาวใช้รุ่นลูก “ไปๆ
ป่านนี้พวกเขาคงใกล้ตื่นแล้ว เจ้ารับหน้าที่มาดูแลพวกเขาไม่ใช่หรือ
รีบไปตักน้ำไปรอพวกเขาได้แล้ว”
“เจ้าค่ะท่านป้า”
เสียงประตูเปิดและปิดก่อนที่เสียงอันน่ารำคาญเหล่านั้นก็เงียบลง
ไม่นานแพขนขนตาบนใบหน้าพริ้มเพราที่เขามองอยู่ก็เริ่มขยับช้าๆ
กระพือไหวคล้ายปีกผีเสื้อก่อนจะลืมตาขึ้นมาเผยให้เห็นดวงตาสุกใสที่ยังคล้ายงุนง่วงอยู่
แต่แล้วดวงตาที่เพิ่งจะลืมก็เบิกกว้างรับแสงยามเช้าเข้ามาเต็มที่พร้อมกับภาพคนตรงหน้าที่อยู่ใกล้นางแค่คืบ
“สือ...” นางเอ่ยได้แค่นั้นก็ลุกพรวดขึ้นมาขึงตาใส่คนที่นอนลืมตามองนางด้วยอาการตกใจและโมโหระคนกัน
สำรวจเสื้อผ้าของตนเองก็เห็นว่าอยู่ครบ
เพราะต้องนอนร่วมห้องกับบุรุษ
เฟิงชิงถิงจึงไม่เคยถอดเสื้อนอกออกเวลานอน
ส่วนสือซานเหลียงนั้นเขาไม่เคยสนใจเรื่องว่าจะมีเสื้อนอกหรือไม่มีเสื้อใส่อยู่แล้ว
แต่ว่าเข็มของนางอยู่ที่ใดกันเล่า!?
ในมือของนางว่างเปล่า ก้มหาตามเตียงแต่ก็ไม่เห็น
จึงหันขวับกลับมาหาร่างใหญ่ที่ยามนี้ลุกขึ้นมานั่งเช่นเดียวกับนาง
“ท่านเอาเข็มของข้าไปใช่หรือไม่”
นางถามพร้อมกับยื่นมือไปหาเขาลืมเรื่องที่เขานอนอยู่บนเตียงของนางไปเสียสนิท
“เอาเข็มข้าคืนมา”
คนผู้นี้ทำให้ขมับของเฟิงชิงถิงเต้นตุบๆ
ตั้งแต่เช้า เพราะสิ่งที่สือซานเหลียงยื่นมาให้ไม่ใช่เข็ม
แต่เป็นหวีไม้อันหนึ่งต่างหาก
“ข้าไม่ได้หาหวี
แต่หาเข็มของข้าต่างหาก” เฟิงชิงถิงวางหวีเอาไว้บนเตียง
เริ่มมองหาเข็มของนางอีกครั้ง
“สางผม” สือซานเหลียงก็ไม่ยอมแพ้ เขาหยิบหวีขึ้นมาแล้วยื่นให้นางอีกครั้ง
ครั้งนี้เฟิงชิงถิงไม่สนใจ
มองหาเข็มเล่มนั้นด้วยสีหน้ากระวนกระวาย เข็มชุดนี้สำคัญต่อนางมาก
มันเป็นเข็มที่ท่านปู่มอบให้แก่นาง
“สางผม” เสียงทุ้มดุดันขึ้น
“สือซานเหลียงเอาไว้ก่อน
ขอข้าหาเข็มให้เจอก่อนแล้วค่อยสางผมให้ท่าน” นางหันไปบอกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่จริงแล้วเข็มหายไปตั้งแต่เมื่อใด
อีกทั้งเขาก็สติไม่ดี แล้วนางจะโทษเขาได้อย่างไร เป็นนางเองที่ผิด
นอนหลับโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว
สือซานเหลียงเห็นนางไม่สนใจก็ยิ่งไม่พอใจ
ดวงตาคู่คมเข้มทอประกายดุร้าย เขาขว้างหวีทิ้งแล้วออกจากห้องไปทั้งที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงเช่นนั้น
“แม่นางเลี่ยง
ท่านเหลียง ไม่ทราบว่า ว้าย!” ชุ่ยเอ๋อร์ที่เพิ่งยกอ่างล้างหน้ามาถึงหน้าประตูถูกสือซานเหลียงชนจนล้ม
น้ำที่ตักมาหกเลอะเทอะไปทั่ว แต่สือซานเหลียงหาได้สนใจสักนิด
เขาเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกจากห้องไปอย่างไร้ทิศทาง
“โอย...” ชุ่ยเอ๋อร์ครวญครางด้วยความเจ็บระบมที่ก้นกก
นางพยุงตัวเองลุกขึ้นพร้อมกับเฟิงชิงถิงที่ได้ยินเสียงสตรีนางหนึ่งก็ออกมาดู
“เกิดสิ่งใดขึ้น”
“แม่นางเลี่ยง” ชุ่ยเอ๋อร์ยิ้มเหยเกเพราะยังเจ็บไม่หาย ลุกขึ้นได้ก็รีบแนะนำตัว “บ่าวชุ่ยเอ๋อร์เจ้าค่ะ เมื่อครู่คงเป็นท่านเหลียงสินะเจ้าคะ เขาชนข้า
แต่ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ
ฮูหยินสั่งให้ข้ามาดูแลความเรียบร้อยให้แม่นางเลี่ยงและท่านเหลียงเจ้าค่ะ
พวกท่านต้องการสิ่งใดหรืออยากให้ข้าทำสิ่งใดบอกข้าได้เลยเจ้าค่ะ”
เฟิงชิงถิงรีบจูงสาวใช้หน้าตาจิ้มลิ้มเข้าไปในห้อง
“เช่นนั้นก็ดีเลย
ช่วยข้าหาเข็มหน่อย”
“เข็มหรือเจ้าคะ”
ชุ่ยเอ๋อร์แปลกใจ
“ใช่เข็ม
เข็มของข้าหายไปเล่มหนึ่ง มันสำคัญต่อข้ามาก”
“ได้เจ้าค่ะ” แม้ไม่รู้ว่าเป็นเข็มอะไรแต่ชุ่ยเอ๋อร์ก็ช่วยหาแต่โดยดี “จำได้หรือไม่เจ้าคะว่าครั้งสุดท้ายแม่นางเลี่ยงไปวางไว้ที่ใด”
สตรีทั้งสองช่วยกันหาเข็มเล่มนั้นอย่างแข็งขัน
แต่หากันได้ไม่นาน เสียงสตรีหลายคนก็หวีดร้องพร้อมกับเสียงคำรามเสียงดัง
เฟิงชิงถิงหยุดหาเข็มมองหน้าชุ่ยเอ๋อร์ที่หันมามองนางพอดี
“ได้ยินเสียงร้องหรือไม่เจ้าคะ”
ชุ่ยเอ๋อร์ถามเพื่อความแน่ใจว่านางไม่ได้หูฝาด
“ฮื่อ...” เสียงขู่ดังมาอีกครั้ง
เฟิงชิงถิงรู้ทันทีว่าเสียงนั้นคือเสียงของสือซานเหลียง
มีคนรู้ร่องรอยของเขาแล้วหรือ นางเลิกสนใจเข็มของท่านปู่ รีบวิ่งออกจากห้องพักตามเสียงคำรามและเสียงหวีดร้องไปอย่างรวดเร็ว
“รอข้าด้วยเจ้าค่ะแม่นางเลี่ยง”
ชุ่ยเอ๋อร์รีบวิ่งตามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เฟิงชิงถิงวิ่งไปตามเสียงหวีดร้องของสตรีหลายคนและเสียงขู่คำรามคล้ายสัตว์ป่าของสือซานเหลียง
นางตรงเป็นยังเรือนอีกหลังหนึ่งที่มีประตูเปิดกว้างเกือบทุกด้าน
ด้านในมีโต๊ะและเก้าอี้วางเรียงรายอยู่หลายชุด บนโต๊ะทุกตัวมีอุปกรณ์เย็บปักวางอย่างเป็นระเบียบ
สะดึงที่ขึงผ้าเอาไว้ล้วนมีลวดลายปักที่ยังไม่แล้วเสร็จ
อีกทั้งยังดูเหมือนพวกเขาจะทิ้งงานปักที่ทำเอาไว้กลางคัน
“ช่วยด้วย! เจ้าจะทำสิ่งใดอย่าเข้ามานะ” เสียงโวยวายดังมาจากมุมหนึ่งของเรือน
เฟิงชิงถิงรีบตามเสียงไปอีกครั้ง
และเมื่อวิ่งผ่านห้องปักผ้าเข้าไปนางก็เห็นว่าสตรีกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งต่างไปรวมกันอยู่ที่มุมห้อง
พวกนางหน้าซีดตัวสั่นเกาะกันเป็นกลุ่มด้วยความหวาดกลัว
“ออกไปนะ เจ้าโจรร้าย
ไม่รู้หรือว่าที่เมืองแห่งนี้มีมือปราบมากเพียงใด หากเจ้าทำอะไรพวกข้า
อย่าคิดจะรอดจากมือปราบไปได้” ซินฝูผู้ดูแลเรือนพักอยู่ด้านหน้าสุด
ทำใจกล้าขู่กับโจรหน้าตาดุร้าย โดยไม่รู้ว่าเขาคือสือซานเหลียง
เพราะเมื่อคืนสือซานเหลียงมีหมวกปิดบังใบหน้าตลอดเวลา
ยามออกมาจากห้องหน้าตาเขาก็ดุดันอยู่แล้ว ด้วยใบหน้าที่มีหนวดรุงรังอีกทั้งผมก็ยังไม่ได้รวบ
ดวงตาคู่ขวางกับอารมณ์ร้ายที่ยามนี้พอกพูนขึ้นจากสาเหตุบางประการทำให้ใบหน้าที่ดุร้ายดูโหดเหี้ยมจนคนเห็นจะคิดเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากมหาโจรในคราบเสือร้ายที่กำลังต้อนลูกแกะมากินทีละตัว
เมื่อเข้ามาถึงสถานที่เกิดเหตุเฟิงชิงถิงทั้งตกใจและแปลกใจ
ในนี้ไม่มีชาวยุทธ์มาล่าตัวสือซานเหลียง
แต่นางเห็นเขากำลังคำรามอย่างดุดันใส่กลุ่มสตรีตรงหน้า เขาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
“สือ...อาเหลียงท่านจะทำอะไร”
นางเคยชินกับการเรียกเขาว่าสือซานเหลียง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นนางจะต้องเรียกเขาว่าอาเหลียงแทน
สือซานเหลียงตวัดสายตามามองนางเพียงครู่ก่อนจะจ้องกลับไปยังเหล่ากลุ่มสตรีต่างวัยด้วยแววตาที่ไม่ต่างกับมองศัตรู
ความคิดเห็น