NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮูหยินของข้า (Re-up)

    ลำดับตอนที่ #19 : บทที่ 10 (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 19.16K
      86
      9 ม.ค. 66

    สือซานเหลียงตวัดสายตามามองนางเพียงครู่ก่อนจะจ้องกลับไปยังเหล่ากลุ่มสตรีต่างวัยด้วยแววตาที่ไม่ต่างกับมองศัตรู

    เฟิงชิงถิงเห็นท่าไม่ดีแน่ แต่ในยามนี้นางจะทำสิ่งใดได้กันเล่า ขณะที่ร่างใหญ่ก้าวเข้าหากลุ่มสตรีที่ไม่ต่างกับฝูงแกะ หลายคนหวีดร้องด้วยความหวาดกลัว อีกหลายคนถือกรรไกรขู่ มีอีกหลายคนที่ถือเข็มไว้

    เข็ม!?

    เฟิงชิงถิงหันไปมองตามสายตาของสือซานเหลียงแล้วนางก็นึกได้ สือซานเหลียงเกลียดเข็ม เขามองเห็นเข็มไม่ต่างกับมองเห็นศัตรู หากถามว่าเพราะสาเหตุใด คำตอบนั่นคงเป็นเพราะนางใช้เข็มทำร้ายเขาอย่างไรเล่า

    แม่นางเลี่ยงช่วยไปตามมือปราบมาทีเจ้าคะซินฝูตะโกนบอก

    พวกท่านใจเย็นๆ เขาไม่ทำสิ่งใดพวกท่านหรอกเฟิงชิงถิงวิ่งเข้าไปหาสือซานเหลียง พยายามดึงแขนของเขาให้กลับเข้าห้อง สือซานเหลียงกลับห้องกับข้าเถิด พวกเขาไม่ทำสิ่งใดท่านหรอกนางกระซิบกับเขา

    ท่าทางที่ดุร้ายผมเฝ้าที่ปล่อยสยายยิ่งทำให้สือซานเหลียงดูร้ายกาจยิ่งกว่าเก่า ดวงตาคู่ดุดันปรายตามองนางแวบหนึ่งก็ไม่สนใจนางอีก เขาคำรามเสียงดังไม่ต่างกับเสือร้าย

    ว้าย!” เหล่าสตรีที่ถูกต้อนจนจมมุมต่างกรีดร้องหลับตาปี๋ด้วยไม่รู้จะทำอย่างไรดี

    ขณะที่ร่างสูงใหญ่ก้าวขาเข้าไปอีกก้าว เฟิงชิงถิงก็ดึงแขนเขาไม่ให้เขาก้าวไปมากกว่านี้ แต่สือซานเหลียงครั้งนี้กลับสะบัดแขนนางออก ไม่ยอมเชื่อฟังเหมือนทุกครั้ง เขาเหมือนตั้งท่าจะทำร้ายเหล่าสตรีที่ไม่มีทางสู้จริงๆ

    ไม่ได้นะ เข็มพวกนั้นทำร้ายท่านไม่ได้ พวกนางแค่ตกใจและถือติดมือมาเท่านั้นนางพยายามรั้งเขาไว้อีกครั้ง แต่ก็ไม่ต่างจากครั้งแรก เขาสะบัดแขนนางออกสายตาจ้องอยู่กับเหล่าเข็มในมือสตรีเหล่านั้น เฟิงชิงถิงเห็นดังนั้นก็ร้องสั่ง ทิ้งเข็มและกรรไกรของพวกท่านเสีย แล้วเขาจะไม่ทำร้ายท่าน

    กรรไกร เข็ม และทุกอย่างที่ติดมือสตรีเหล่านั้นมาถูกโยนออกไปอย่างพร้อมเพรียง

    ไม่มีสิ่งใดแล้วท่านเห็นหรือไม่ครั้งนี้เฟิงชิงถิงรีบเข้ามาขวางระหว่างสือซานเหลียงกับกลุ่มสตรี

    นางคิดว่าหากไม่มีกรรไกรหรือเข็มอยู่ในมือพวกช่างปักผ้าแล้วสือซานเหลียงจะสงบลง แต่เฟิงชิงถิงคิดผิด เขาไม่ได้สงบ สายตาที่มองนางเหมือนไม่พอใจบางอย่างผลักร่างนางเซไปด้านข้าง แล้วตรงไปหากลุ่มคนตรงหน้าด้วยแววตาคล้ายจะป่นกระดูกผู้อื่นให้แหลกเป็นผง

    เฟิงชิงถิงไม่รู้จะทำอย่างไรดี นางก็ไม่อยากใช้เข็มกับเขาเพราะเขาอาจจะคลั่งมากกว่านี้ ยาสลบนางก็ไม่กล้าใช้เพราะอาจจะทำให้ผู้อื่นสงสัย สุดท้ายเมื่อคิดสิ่งใดได้ก็ทำสิ่งนั้นในทันที

    ร่างบางที่เพิ่งทรงตัวได้รีบวิ่งไปขวางร่างใหญ่ที่เพลิงโทสะลุกท่วมอีกครั้ง และครั้งนี้นางไม่ได้แค่ขวางเขาเท่านั้น แต่ใช้ร่างทั้งร่างรั้งตัวเขาไว้

    ท่านจะทำร้ายผู้บริสุทธิ์ไม่ได้ พวกเขาไม่คิดจะทำร้ายท่านเฟิงชิงถิงเอ่ยไปพร้อมกับกอดร่างใหญ่ไว้แน่น เพราะนางขวางอยู่ระหว่างสตรีกลุ่มใหญ่และหันหน้ามาทางสือซานเหลียง จึงไม่รู้ว่ายามนี้กลุ่มคนจะเป็นอย่างไรได้แต่ตะโกนสั่ง พวกท่านออกไป ข้าจะรั้งเขาไว้เอง

    เหล่าสตรีต่างมองกันอย่างตกตะลึง เป็นซินฝูที่เข้าใจสถานการณ์รวดเร็ว คนผู้นี้คือท่านเหลียง

    ใช่ พวกท่านออกไปเร็วเฟิงชิงถิงกอดร่างหนาใหญ่ไว้แน่น

    อย่าเพิ่งปล่อยนะเจ้าคะแม่นางเลี่ยง พวกเจ้าออกไปเร็วซินฝูเห็นว่าสือซานเหลียงชะงักนิ่ง นางก็รีบต้อนเหล่าสตรีที่มีทั้งอายุมากและอายุน้อยออกจากห้องเล็กไป ส่วนสายตาก็ยังมองไปทางหนึ่งร่างใหญ่และหนึ่งร่างเล็กไม่วางตา

    เฟิงชิงถิงรู้ว่าคนที่นางกอดอยู่มีพละกำลังมากเพียงใด แค่ร่างกายที่ใหญ่โตของเขาก็กินขาดแล้ว ตัวนางเพียงคนเดียวไม่สามารถรั้งเขาไว้ได้ แต่จะให้นางทำอย่างไรเล่า หากเขาไปทำร้ายคนอื่นนางก็คงจะรู้สึกผิดไปด้วย แม้จะรั้งตัวสือซานเหลียงเอาไว้ได้ไม่นาน แต่นางก็หวังว่าอย่างน้อยคงพอจะมีเวลาให้คนเหล่านี้หนีออกไป

    พวกท่านออกไปหมดแล้วหรือไม่เฟิงชิงถิงถามทั้งที่ยังกอดร่างใหญ่เอาไว้แน่น

    ยังไม่หมดเจ้าค่ะ

    ซินฝูตอบพลางพาสตรีกลุ่มสุดท้ายออกจากห้อง แต่พวกนางไม่ได้ออกไปไหนไกล ต่างพากันไปอออยู่หน้าห้องมองสือซานเหลียงและเฟิงชิงถิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น

    ชายหน้าตาดุดันท่าทางน่ากลัวเมื่อครู่ยามนี้ยืนนิ่งไม่ไหวติง เขาก้มลงมองร่างเล็กที่กอดร่างเขาด้วยความแปลกใจ ไม่นานอารมณ์กราดเกรี้ยวดุร้ายก็แปรเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขามองดูตัวเองที่ถูกร่างเล็กกอดอยู่ไม่นานก็เงยหน้าหัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง

    ร่างบางของเฟิงชิงถิงสะเทือนเพราะแรงหัวเราะของเขา นางเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความสงสัยก่อนจะเหลียวกลับไปมองกลุ่มคนที่นางให้หลบหนีไปก็เห็นว่าตรงมุมนั้นว่างเปล่าแล้ว นางถอนหายใจพร้อมกับคลายอ้อมกอด แต่ขณะกำลังจะถอยออกมา เสียงของสตรีสูงอายุนางหนึ่งก็ดังขึ้นที่หน้าประตู

    คนผู้นั้นคือผู้ใด

    ท่านเหลียง เป็นผู้มีพระคุณของฮูหยินซินฝูที่เพิ่งมารวมกลุ่มตอบ

    เขาสติไม่ดีใช่หรือไม่อีกคนถาม

    ไม่ทันได้ตอบ คนที่หัวเราะร่าอยู่เมื่อครู่นี้ก็หยุดหัวเราะ หันขวับไปทางเหล่าสตรีที่ยืนออกันอยู่ด้วยท่าทางดุร้ายอีกครั้ง กำลังจะก้าวขาเข้าไป พวกนางก็หวีดร้องแล้วหลบออกจากหน้าประตูไป

    เฟิงชิงถิงเห็นเช่นนั้นก็กลับมากอดเอวของสือซานเหลียงแน่น แม้ว่าจะโอบร่างหนาไม่รอบแต่นางก็พยายามถึงที่สุด ห้ามท่านทำอะไรพวกเขา พวกท่านหนีไป!” นางตะโกนสั่งอีกครั้ง

    เหล่าสตรีกำลังจะหนีอยู่หรอก แต่เพราะพวกนางได้ยินเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง สัญชาตญาณความอยากรู้นั้นมีมากกว่าจึงโผล่หน้าออกมาจากขอบประตูเพื่อดูเหตุการณ์ทีละคน

    เขาหัวเราะใหญ่เลยชุ่ยเอ๋อร์กระซิบ ทุกคนต่างพยักหน้าและมองภาพตรงหน้ากันอย่างไม่วางตา

    สตรีเหล่านี้ทำอาชีพปักผ้า เวลาทำงานส่วนใหญ่มือไม่ว่าง แต่ปากว่างเป็นอย่างยิ่ง เวลาปักผ้านั้นไม่มีเรื่องน่าสนุกสักเท่าใดนัก พวกนางจึงมักหาเรื่องมาชวนคุยกันแก้เบื่อ คุยไปปักผ้าไปด้วย ทั้งเพลินและสนุกสนาน และแน่นอนว่าเรื่องแรกที่พวกนางจะพูดถึงหลังจากกลับไปนั่งปักผ้าดังเดิม คงไม่พ้นเรื่องสองผู้มาใหม่เป็นแน่ ดังนั้นเพื่อที่จะคุยกันอย่างออกรส พวกนางจึงไม่ยอมพลาดเหตุการณ์เหล่านี้แม้แต่ฉากเดียว

    แต่เสียงกระซิบนั้นก็ยังดังเข้าหูคนอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายอยู่ดี เขาหยุดหัวเราะก่อนจะคำรามใส่ต้นเสียงกระซิบนั้น เมื่อสือซานเหลียงคำรามออกไป เฟิงชิงถิงก็ตะโกนอย่างร้อนใจพร้อมกับเอวของเขาที่ถูกรัดแน่นขึ้น

    ไม่ได้นะ!”

    สือซานเหลียงก้มลงมองสตรีที่ยืนกอดตนอยู่ก็หัวเราะหึ หึ ชอบใจ ก่อนจะหัวเราะเสียงดังมากกว่าเดิมคล้ายดั่งคนสติไม่ดี

    ต่อให้เป็นเด็กยังรู้ว่าคนผู้นี้ดูอย่างไรก็ไม่ปกติ เมื่อครู่ยังดุดันดั่งเสือ ยามนี้กลับหัวเราะร่า ก่อนจะคำรามและหัวเราะสลับกันไปมา หากไม่บ้าแล้วจะเป็นอะไรได้เล่า

    เขาเป็นบ้า...ใครคนหนึ่งเอ่ยออกมา ทุกคนที่แอบมองอยู่ต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างพร้อมเพรียง

    เสียงคำรามพร้อมกับสายตาที่ดุดันสาดมาอีกครั้ง เหล่าสตรีที่แอบมองกันอยู่ต่างแตกฮือไม่ต่างกับผึ้งแตกรัง

    เฟิงชิงถิงได้ยินเขาคำรามก็คิดว่ายังมีคนหลงเหลือนางจึงกอดเขาไม่ปล่อย แต่เมื่อนางได้ยินเขาหัวเราะ ก็คิดจะคลายอ้อมกอด แต่กลายเป็นว่าเมื่อคลายอ้อมกอดเขาก็ส่งเสียงคำรามอีก ด้วยความตกใจ กลัวว่าจะมีคนบาดเจ็บนางจึงผวากอดร่างเขาอีกครั้ง

    แล้วนางก็ต้องทำซ้ำๆ เช่นนี้อีกหลายครั้ง จนเมื่อนางตะโกนเรียกคนอื่นอีกครั้งแล้วไม่ได้ยินเสียงผู้ใด ครั้งนี้นางจึงคลายอ้อมกอดแล้วมองรอบห้องอย่างรวดเร็ว

    ไม่มีคนอยู่จริงๆ

    แต่เมื่อนางคลายอ้อมกอดสือซานเหลียงก็คำรามออกมา นางหันกลับไปมองเขาด้วยความแปลกใจ ท่านเป็นอะไรอาการเดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวคำรามของเขาทำเอานางเริ่มไม่สบายใจ

    ฮื่มคิ้วหนารูปกระบี่ขมวดด้วยความไม่พอใจเมื่อการคำรามครั้งสุดท้ายนางไม่กลับมากอดเขา

    ใบหน้าดุดันมองรอบกายอย่างหงุดหงิดอีกครั้ง กำลังคิดจะเดินออกไปด้านนอก แขนของเขาก็ถูกมือบางจับไว้ เขาหยุดก้าวและมองมือบางที่จับมือเขาอย่างใจลอย ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงหวานเอ่ย

    อาการก็ยังคงที่ แต่เหตุใดจึง...ครั้งนี้นางเงยหน้าขึ้นมองเขา ถอนหายใจอย่างจนใจ พยายามไม่คิดว่าเมื่อครู่นางกอดเขานานแค่ไหน เป็นข้าผิดเองที่ละเลยท่าน หากเมื่อครู่ข้าไม่มัวแต่สนใจหาเข็ม ก็ไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ ข้าไม่โทษท่าน ไปเถิด เมื่อวานข้าซื้อชุดใหม่มาให้ท่านสองชุดเห็นหรือไม่ ไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดใหม่กัน แล้วข้าจะสางผมให้ท่านด้วย

    ขณะที่นางกำลังจูงเขาไปที่ห้อง ครั้งนี้เขากลับไม่ขยับ เฟิงชิงถิงมองเขาอย่างร้อนใจ

    หมั่นโถวเขาบอกนาง

    ตอนแรกเฟิงชิงถิงก็ยังไม่เข้าใจ แต่ไม่นานก็คิดได้ อ้อ ท่านหิวแล้ว ได้ เช่นนั้นก็กินข้าวก่อนแล้วค่อยอาบน้ำดีหรือไม่ ไปกินข้าวกัน

    นางลองดึงแขนพาเขาออกเดินอีกครั้ง ครั้งนี้เขายอมเดินตามนางออกไป นั่นแปลว่านางเดาถูก

    ด้านนอกเรือนปักผ้า สตรีกลุ่มเดิมเมื่อเห็นเฟิงชิงถิงจูงชายหนุ่มร่างใหญ่ออกมา พวกนางก็หลบซ้ายหลบขวาออกห่างด้วยความกลัว

    ต้องขออภัยพวกท่านด้วย ที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ข้าสัญญาว่าจะไม่มีครั้งต่อไปเฟิงชิงถิงจับแขนสือซานเหลียงแน่น  เพราะกลัวว่าเขาจะทำร้ายคนอื่นนางจึงไม่ยอมปล่อยให้แขนของเขาหลุดมือ

    ไม่เป็นไร พวกข้าเข้าใจสตรีนางหนึ่งยิ้มแหยๆ ตอบ

    เมื่อครู่หนีตายออกมาได้ ทุกคนต่างก็สอบถามถึงที่มาที่ไปของคนแปลกหน้าสองคนนี้ ได้คำตอบจากซินฝูและชุ่ยเอ๋อร์ว่าเป็นผู้มีพระคุณของฮูหยินจะมาพักที่เรือนพัก พวกนางก็ไม่คิดเอาความ อีกทั้งดูก็รู้ว่าชายคนนี้สติไม่ดี ในเมื่อแม่หนูนามว่าเลี่ยงเฟิงให้คำมั่นว่าจะไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้นอีกพวกนางก็เบาใจ

    เช่นนั้นพวกข้าขอตัวเฟิงชิงถิงกำลังจะพาสือซานเหลียงไป แต่เห็นซินฝูอยู่พอดีนางจึงหยุดและเอ่ยถาม ท่านป้า ที่นี่มีห้องครัวหรือไม่ หากข้าคิดจะทำอาหารต้องทำอย่างไร

    ที่นี่มีครัว พ่อครัวจะมาทำอาหารกลางวันเลี้ยงพวกเรา ส่วนมื้อเช้าเราเตรียมมากินเอง ไม่ก็กินมาจากที่บ้าน ตอนนี้ยังเช้าอยู่พ่อครัวคงยังไม่มา หากท่านหิว กินอาหารของข้าก่อนก็ได้ ข้าเตรียมมาจากบ้านเล็กน้อยสตรีที่มีผมขาวแซมอยู่ประปรายเอ่ยอย่างมีน้ำใจ

    ขอบคุณท่านป้า แต่ข้าพอจะทำกับข้าวเป็น ไม่อยากรบกวนท่านนางตอบด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรกลับไป

    ชุ่ยเอ๋อร์มุดออกมาจากกลุ่มนักปักผ้า ยิ้มให้เฟิงชิงถิง ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ นี่ก็เป็นเวลาอาหารเช้าแล้วอีกไม่นานคนที่บ้านคงจะนำอาหารเช้ามาส่งให้เจ้าค่ะ ฮูหยินสั่งเอาไว้แล้วว่าอยู่ที่นี่แม่นางเลี่ยงกับท่านเหลียงไม่ต้องกังวลเรื่องการกินอยู่เจ้าค่ะ เช้ากลางวันเย็นจะมีอาหารมาส่งให้ทุกมื้อ ส่วนข้าจะทำหน้าที่คอยรับใช้แม่นางเลี่ยงกับท่านเหลียงเองเจ้าค่ะเอ่ยจบชุ่ยเอ๋อร์ก็ชี้ไปที่หน้าประตูใหญ่โรงผ้าปักที่ตอนนี้มีคนหลายคนหิ้วตะกร้าเข้ามาด้านใน นั่นไงเจ้าคะมากันแล้ว เชิญแม่นางเลี่ยงกับท่านเหลียงมาทางนี้เจ้าค่ะ

    ชุ่ยเอ๋อร์พาเฟิงชิงถิงและสือซานเหลียงไปยังห้องอาหารด้านล่างเรือนพัก โต๊ะตัวใหญ่กลางห้องถูกอาหารที่นำมาส่งวางจนไม่มีที่ว่างจนเฟิงชิงถิงรู้สึกละอายใจ นางมาอยู่ที่พักของเขายังกินของเขาอย่าหน้าไม่อายอีก หันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาคงไม่ได้คิดเช่นนางเพราะยามนี้เขาเริ่มพุ้ยข้าวและกับข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็ว

    หากไม่พอบอกบ่าวได้นะเจ้าคะชุ่ยเอ๋อร์บอกก่อนจะถอยออกห่างโต๊ะอาหาร

    ฝากบอกฮูหยินของเจ้าด้วยว่าเข้าขอบคุณนางมากเฟิงชิงถิงเอ่ย

    เรื่องพวกนี้เล็กน้อยเจ้าค่ะ หากเทียบกับเรื่องที่แม่นางเลี่ยงช่วยชีวิตคุณหนูเอาไว้ชุ่ยเอ๋อร์บอกอย่างจริงใจ

    หลังจากกินอาหารเสร็จเฟิงชิงถิงก็ทำตามสัญญาที่นางให้ไว้กับสือซานเหลียง นางตั้งมั่นในหลักการของหมออีกครั้ง ให้คนเอาน้ำมาใส่อ่างในห้องแล้วเริ่มอาบน้ำให้คนป่วยซึ่งก็คือสือซานเหลียงอย่างเอาใจใส่ เปลี่ยนเสื้อใหม่ให้ อีกทั้งยังสางผมให้

    หลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้ยินเสียงคำรามเสียงดังอย่างดุดันของสือซานเหลียงอีกเลย มีแต่เสียงครางน้อยๆ อย่างพึงพอใจคล้ายกับเจ้าแมวตัวใหญ่ที่ถูกเจ้าของเกาคางหวีขนให้อย่างเอาอกเอาใจ เพราะเหตุนั้นวันนั้นทั้งวันเขาจึงไม่ได้ออกไปที่ใด นั่งเหม่ออยู่กับนางไม่ต่างกับแมวขี้เซาที่เอาแต่นอนสักนิด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×