คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : บทที่ 8 (100%)
แต่สิ่งที่กีดขวางเพียงแค่นั้นไม่ได้ทำให้คนบ้าเช่นเขาจะเลิกล้มความตั้งใจได้
เขาวางขนมเปี๊ยะลงก่อนจะยื่นนิ้วชี้ขึ้นมาดึงผ้าชิ้นน้อยที่ปิดหมั่นโถวนั้นให้แหวกลงมา
แล้วก็ก้มหน้าแลบลิ้นชิมรสหมั่นโถวเหนือบริเวณผ้าชิ้นน้อยที่เขาเกี่ยวมันต่ำลงมาได้
ลิ้มรสได้ครั้งหนึ่งก็เงยหน้าขึ้นเอียงคอคล้ายยังไม่รู้รสอะไรจึงก้มหน้าลงไปอีกครั้ง
ดึงผ้าชิ้นน้อยให้ต่ำลงไปมากกว่าเดิมเพราะมันทำหน้าที่ปิดบังหมั่นโถวได้ดีเกินไปก่อนจะก้มลงอีกครั้ง
เฟิงชิงถิงนั้นเริ่มรู้สึกตัวตั้งแต่มีบางอย่างมาแหวกเสื้อนางแล้ว
แต่เพราะความอ่อนเพลียที่สั่งสมมาตั้งแต่เมื่อวานทำให้นางยังคงหลับใหลต่อไป
จนเมื่อที่ลำคอของนางรู้สึกเหมือนสิ่งใดรั้งเอาไว้ อีกทั้งคล้ายกับมีบางอย่างสากๆ
ขยับอยู่บนเนินอกของนาง เปลือกตาที่ปิดสนิทก็ลืมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นหัวยุ่งๆ
ของสือซานเหลียงอยู่แถวๆ หน้าอกของนาง นางร้องออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับผลักใบหน้าเขาออกห่างโดยไม่ต้องคิด
“สือซานเหลียง
ท่านจะทำสิ่งใด!”
แรงของนางไม่เคยสู้เขาได้
แต่สือซานเหลียงก็หยุดการกระทำ
เขาเงยหน้าขึ้นแล้วมองนางด้วยแววตาใสซื่อเหมือนไม่ได้ทำเรื่องผิดแต่อย่างใด
แต่นางก็แทบจะกรีดร้องออกมาเมื่อเห็นว่านิ้วชี้นิ้วหนึ่งของเขากำลังเกี่ยวสาบเสื้อให้แหวกออก
ส่วนนิ้วชี้อีกข้างกำลังรั้งเอี๊ยมนางลง เนินอกของนางมีรอยชื้นจากลิ้นของเขา
เลือดในกายของนางพุ่งขึ้นไปรวมอยู่ที่ใบหน้าอย่างรวดเร็ว
“สือซานเหลียง! ออกไปนะ” นางปัดมือเขาออกพัลวัน หน้าร้อนผ่าวดั่งกำลังจะเกรียมไหม้
มือหนาที่ถูกปัดออกหดกลับพร้อมกับร่างใหญ่ที่ขยับออกห่างมานั่งขัดสมาธิตามเดิม
สายตาที่มองนางนั้นคล้ายกับเด็กน้อยที่ถูกรังแก “หมั่นโถวของข้า”
เห็นเขายอมล่าถอยเฟิงชิงถิงก็รีบลุกขึ้นนั่งจัดเสื้อผ้าของตนเองอย่างรวดเร็ว
แต่นางก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อความเมื่อยขบจากการโดนเขากอดรัดเมื่อคืนกำลังโจมตี
นางข่มความปวดเมื่อยนั้นโอบแขนป้อง
‘หมั่นโถว’ ของตนเองอย่างเอาเป็นเอาตาย
หันมาขึงตาใส่เขา บอกเขาอย่างเดือดดาล
“นี่ไม่ใช่หมั่นโถวของท่าน
มันกินไม่ได้”
ครั้งนี้เขาชี้มือมาที่แขนสองข้างที่กอดปกป้องบางอย่างเอาไว้
“หมั่นโถวของข้า
กินหมั่นโถว”
เฟิงชิงถิงหลับตาถอนหายใจ
ข่มกลั้นความอายและความโมโหเอาไว้ ย้ำกับตนเองว่า คนบ้าจะเข้าใจสิ่งใดเล่า
“เอาเป็นว่าท่านกินสิ่งนี้ไม่ได้
หากทำแบบนี้กับข้าอีก” นางคว้ากระบอกเข็มที่ข้างเอวออกมา
หยิบเข็มที่ยาวที่สุดชูให้เขาเห็น “ข้าจะไม่เกรงใจท่านแล้วนะ”
สือซานเหลียงมองหมั่นโถวของนางอีกครั้ง
พ่นลมออกจมูกอย่างไม่พอใจ
คว้าขนมเปี๊ยะขึ้นมากัดโดยแรงคล้ายบรรเทาความโมโหก่อนจะเลื่อนสายตาไปทางอื่นอย่างไม่เต็มใจ
เห็นเขาไม่มองมาที่นางแล้วเฟิงชิงถิงก็ค่อยคลายใจ
นางมองไปบนพื้นเห็นมีบางอย่างกองอยู่คล้ายหน้ากากแปลงโฉม มือขาวก็ลูบใบหน้าของตนเองก่อนจะหันไปทางร่างใหญ่ที่นั่งกินอาหารเงียบๆ
“ท่านลอกหน้ากากแปลงโฉมของข้า”
สือซานเหลียงไม่หันมองนาง
ยังคงกินอาหารของเขาต่อไป เฟิงชิงถิงหยิบหน้ากากแปลงโฉมขึ้นมาด้วยสีหน้าปลงตก
เดาว่าเขาคงเห็นนางลอกหน้ากากอยู่หลายครั้งจึงนึกอยากลอกบ้าง “ช่างเถิดอย่างไรเสียหน้ากากชิ้นนี้ก็ใช้ไม่ได้แล้ว”
ทหารและคนสำนักเมฆาขาวต่างเห็นโฉมหน้านี้ของนางแล้ว
ดังนั้นก็คงต้องทำลายทิ้งอยู่ดี
คิดดังนั้นนางจึงเลิกสนใจแต่ก็ยังมองสือซานเหลียงอย่างไม่ไว้ใจอยู่ครู่หนึ่ง
แล้วนางก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเขาไข้ขึ้น
จึงรีบขยับไปนั่งใกล้เขาแล้วตรวจอาการอีกครั้ง ลืมเรื่องน่าโมโหเมื่อครู่ไปเสียสนิท
สือซานเหลียงมองการกระทำของนางแต่ไม่ได้ขัดขืน
“โชคดีที่ท่านเป็นคนแข็งแรง
อาการจึงดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก” นางบอกกับเขาโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจหรือไม่
ขณะที่นางเอามือออกจากแขนของเขา
มืออีกใหญ่อีกข้างก็คว้ามือนางเอาไว้ ร่างบางสะดุ้งด้วยความตกใจ
อาการคว้าหมับนี้ไม่ต่างกับเมื่อคืนแม้แต่น้อย นางคิดว่าเขาจะรวบร่างของนางไปป่นกระดูกเหมือนเมื่อคืนเสียแล้ว
ขณะที่นางกลั้นใจ เขาก็จับมือนางไปวางไว้บนผมอันยุ่งเหยิงของเขา
“สางผม”
ชายผู้นี้เกิดมาเพื่อทำให้นางหัวหมุนจริงๆ
เมื่อคืนเขาทำนางเกือบตายอีกทั้งยังทำให้นางไม่ได้หลับทั้งคืน เช้ามายังทำท่าจะล่วงเกินนางอีก
ไม่พอยังจะให้นางสางผมให้ ช่างไม่ดูอารมณ์ของนางเสียเลย
แต่แล้วเฟิงชิงถิงก็ถอนใจออกมาอย่างอ่อนใจ
ทำอย่างไรได้เล่าก็เขาบ้านี่
จะเอาสิ่งใดกับคนบ้ากัน
เฟิงชิงถิงยอมรับในชะตากรรม
นั่งคุกเข่าด้านหลังเขาแล้วเริ่มสางผมให้ ส่วนสือซานเหลียงก็นั่งกินอาหารอย่างสบายใจ
และเมื่อนางสางผมและรวบให้เขาเสร็จ เขาก็ทำให้นางต้องเหลือกตาใส่อีกครั้ง
“หมั่นโถว” เขามองหมั่นโถวของนางอีกแล้ว!
“บอกแล้วอย่างไรว่ากินไม่ได้! อาหารอย่างอื่นท่านก็กินไปสิ” นางแทบจะลมออกหูอยู่แล้ว
กำลังหยิบอาหารแห้งให้กับเขานางก็ต้องอ่อนใจอีกครั้ง
อาหารหมดแล้ว แต่เขายังไม่อิ่ม
ดูท่าว่าหากนางไม่รีบหาอาหารมาเพิ่ม ชะตาหมั่นโถวของนางคงจะขาดเสียแล้ว
“ในเมื่อท่านแข็งแรงดีแล้วเราก็รีบออกเดินทาง
เจอร้านของกินเมื่อใดข้าจะซื้อให้ท่านในทันที” เฟิงชิงถิงรีบเก็บขวดยาที่ใช้เมื่อวานเข้าไปในห่อสัมภาระ
ไม่สนใจท้องของตนเองที่ร้องจ๊อกๆ
ไม่กินแค่อาหารเช้านางไม่ตายหรอก
แต่เขาไม่อิ่มต่างหากนางจะตายเอา
เมื่อออกมาจากถ้ำฟ้าก็สว่างจ้าแล้ว
ยามนี้เฟิงชิงถิงเหลือหน้ากากแปลงโฉมแค่ชิ้นเดียว
เพราะไม่แน่ใจว่าจะเจอทหารเจิ้งหรือคนของสำนักเมฆาขาวหรือไม่นางจึงเดินเรียบทางไปเรื่อยๆ
หากว่าเจอกลุ่มคนที่ไม่ต้องการเจอจะได้หาที่หลบได้ทัน
เดินทางไปได้ไม่นานก็มีขบวนสินค้าผ่านมาพอดี
ดูจากเส้นทางที่รถสินค้ามุ่งหน้าไปก็เดาได้ไม่ยากว่าพวกเขากำลังเดินทางไปแคว้นต้าหลวน
เฟิงชิงถิงคิดว่าการเดินทางไปกับกลุ่มขบวนสินค้าก็ดีไม่น้อย
รวมกลุ่มกับผู้อื่นเป็นจุดสนใจน้อยกว่า
โชคดีที่ขบวนสินค้านั้นเป็นร้านแพรพรรณและเปิดเร่ขายตามทาง
นางตั้งใจจะซื้อชุดบุรุษให้สือซานเหลียงอยู่พอดี
เมื่อซื้อชุดใหม่ให้สือซานเหลียงได้นางก็ขอหลงจู๊ผู้เป็นคนคุมขบวนสินค้าติดขบวนไปด้วย
หลงจู๊ก็ยินดีอีกทั้งยังให้นางกับสือซานเหลียงนั่งบนรถสินค้าที่ยังพอมีที่ว่าง
ระหว่างที่เดินไปยังรถสินค้าที่จะให้นางโดยสารไปด้วยมีคนแปลกหน้าและคนงานมากมาย เฟิงชิงถิงเองก็ไม่รู้ว่าสือซานเหลียงจะก่อเรื่องใดหรือไม่
เพื่อกันไว้ก่อนนางจึงคว้าแขนของเขาไว้ก่อนจะออกเดิน แต่ยังไม่ทันเดินตามไป
คนที่ถูกคว้าแขนก็หัวเราะออกมาอย่างโง่งม
เฟิงชิงถิงหันไปมองก็เห็นเจ้าของร่างใหญ่มองแขนที่ถูกจับอยู่แล้วหัวเราะชอบใจเหมือนคนบ้า
แต่เขาก็บ้าอยู่แล้วนี่
หรืออาการบ้าของเขาจะมากขึ้นกัน คิ้วเรียวของนางขมวดเป็นปมก่อนจะเงยหน้าบอกเขา
“ไว้หาที่พักได้ข้าจะตรวจอาการท่านอย่างละเอียดอีกครั้ง”
แต่สือซานเหลียงอย่างไรก็คือสือซานเหลียง
เขาไม่สนใจเรื่องที่นางบอกแต่กลับชี้มาที่ใบหน้าของนางก่อนจะเอ่ยสั้นๆ “หน้ากาก”
เฟิงชิงถิงลูบใบหน้าตนเอง
ด้วยสีหน้าแตกตื่น นางลืมแปลงโฉมนั่นเอง เพราะเมื่อเช้านี้มีเรื่องมากมายเกินไป
เรื่องต่างๆ ทำเอานางใจไม่อยู่กับร่องกับรอย ดังนั้นจึงลืมเรื่องแปลงโฉมไปเสียสนิท
“ช่างเถิด” นางบอกกับสือซานเหลียงอย่างไม่ใส่ใจ
อย่างไรก็เหลือหน้ากากแปลงโฉมเพียงชิ้นเดียว
อีกทั้งยามนี้นางกำลังจะไปแคว้นต้าหลวนแล้ว หากไม่ได้รักษาผู้อื่นและระวังตัวให้มากหน่อยก็คงไม่เป็นไร
หลังจากนั้นนางก็นั่งคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปหากเดินทางเข้าไปยังเมืองด่านของต้าหลวนได้สำเร็จ
เงินของนางก็เหลือน้อยเต็มที อีกทั้งนางก็ไม่รู้ว่าพรรคโลหิตอัคคีอยู่ที่ใด
นั่นหมายความว่า ยิ่งนางสืบเรื่องพรรคโลหิตอัคคีนานเท่าใด
เงินของนางก็ยิ่งลดน้อยลง
แต่อย่างไรก็ต้องหาพรรคโลหิตอัคคีให้เจอก่อนเงินของนางจะหมดให้ได้
ระหว่างที่นั่งคิดแผนการต่างๆ อยู่นั้น
หญิงสาวหารู้ไม่ว่าคนที่นั่งข้างๆ นั้นหันมามองใบหน้านางอย่างเหม่อลอยตลอดเวลา
ไม่ละจากใบหน้าของนางไปไหน จนเสียงจ๊อกๆ นั้นดังขึ้น เสียงนั้นจึงดึงสติของคนทั้งคู่กลับมา
เฟิงชิงถิงหน้าแดงซ่าน
ท้องนางร้องเพราะอาหารเช้าที่นางควรจะได้กินถูกผู้อื่นกินแย่งกินไปจนหมดแล้ว
นางหันไปมองสือซานเหลียง เห็นเขาก้มหน้ามองท้องของนาง
นางก็ยิ่งอับอายกอดท้องตนเองแล้วบอกกับเขาอย่างไม่จริงจังนัก “เป็นเพราะท่านแย่งอาหารของข้าไปกิน
แต่ไม่ต้องห่วงข้าตัวเล็ก หาอะไรกินเล็กน้อยก็ไม่หิวแล้ว”
“โครก...”
ครั้งนี้ไม่ใช่เสียงท้องของนาง
แต่เป็นเสียงท้องของสือซานเหลียงทั้งที่เขากินไปตั้งเยอะแล้วแท้ๆ
เสียงนั้นดังไปจนถึงชายคนงานที่นั่งอยู่ด้านหน้ารถสินค้า
เขาหัวเราะก่อนจะแบ่งหมั่นโถวให้แก่เฟิงชิงถิง
“สามีของเจ้าคงหิวมาก
เอานี่ไปเถิด อาจจะแข็งไปหน่อยแต่ยังกินได้”
เฟิงชิงถิงยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่
เมื่อถูกผู้อื่นคิดว่าสือซานเหลียงคือสามีนาง แต่ก็ช่างเถิด
นางขอบคุณเขา รับหมั่นโถวมาแล้วยื่นให้สือซานเหลียง
“ไว้เข้าไปในด่านต้าหลวนเมื่อใดข้าจะซื้ออาหารให้ท่าน”
สือซานเหลียงรับหมั่นโถวอ้าปากจะกัดก็ชะงัก
มองดูมันก่อนจะยื่นมาตรงหน้าเฟิงชิงถิง “เจ้ากิน”
เฟิงชิงถิงประหลาดใจมาก
ตั้งแต่ร่วมเดินทางกันมาเขาไม่เคยแบ่งอาหารให้นางกินแม้แต่น้อย อีกทั้งยังมองนางอย่างไม่พอใจทุกครั้งที่นางกินอาหาร
คล้ายกับบอกว่านางแย่งอาหารเขากิน แล้วเหตุใด…
“ท่านกินเถอะ” นางดันหมั่นโถวกลับไปให้เขา
“กิน” เสียงห้วนสั้นและเผด็จการ
“ไม่เป็นไร ให้ท่านกิน”
นางหิวตายยังดีกว่าให้เขาหิว เพราะหากเขาหิวก็คงไม่พ้นพุ่งเป้ามายังหมั่นโถวที่น่าสงสารของนางนี่เอง
“กิน” เขาแทบจะยัดหมั่นโถวเข้าปากนาง
ท่าทางกดดันนั้นทำให้นางต้องยอมรับหมั่นโถวมาในที่สุด
“ได้ๆ ข้ากินแล้ว”
นางบิหมั่นโถวเข้าปาก
แม้มันจะแข็งและแห้งแต่เพราะนางยังเหลือน้ำอยู่จึงกินได้อย่างมีปัญหา
กินไปได้ครึ่งลูกก็ยื่นกลับไปให้สือซานเหลียง “ข้าอิ่มแล้ว”
“กินอีก” เขาสั่ง
แต่นางกลัวจริงๆ
ว่าถ้าเขาหิวแล้วชะตาหมั่นโถวนางจะขาด นางยื่นหมั่นโถวกลับไปตรงหน้าเขา “ข้าอิ่มแล้วจริงๆ ท่านกินเถิด”
ดวงตาคู่ดุดันมองหมั่นโถวในมือขาวเล็กนั้นก่อนจะอ้าปากกัดลงไป
เฟิงชิงถิงตกใจไม่คิดว่าเขาจะกินจากมือนางก็หดมือกลับ
แต่มือหนานั้นกลับจับข้อมือนางไว้
กินหมั่นโถวจากมือของนางพร้อมกับหัวเราะอย่างโง่งมอีกครั้งจนแทบจะสำลักหมั่นโถวแห้งๆ
นั้น
เฟิงชิงถิงที่ทำสิ่งใดไม่ถูก
เอาแต่คิดว่า เขาต้องบ้ามากขึ้นแน่ๆ ทำอย่างไรดี นางไม่เคยรักษาคนบ้าเสียด้วยจึงไม่รู้ว่าเขาบ้าถึงขั้นใดแล้ว
“พวกเจ้ารักใคร่กันดีนะ”
ชายคนงานคนเดิมเอ่ยพลางหัวเราะ
เฟิงชิงถิงได้แต่ก้มหน้าด้วยความอาย
เพราะแก้ตัวไปก็คงไม่ได้เป็นผลดีต่อนางเท่าใดนัก
----------
Happy New Year นะคะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจสำหรับปีที่ผ่านมานะคะ และขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีและมีความสุขและสมปรารถนาตลอดไปและตลอดไปค่ะ จุ๊บๆๆ
เล่ม 1 ออกวางจำหน่ายแล้วนะคะ ไปตำกันได้เลยจ้า
ความคิดเห็น