คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : สั่งสอนไม่ละเว้น
รัชศกเซียนเทียนที่สาม เดือนหนึ่ง ปีจอ วันที่สิบเจ็ด
“นี่มันอะไรกัน!” พยัคฆ์เฒ่าตวาดลั่นเมื่อเห็นร่างกายเปียกปอนทั้งยังร่องรอยตบตีบนตัวของหลานรักที่แทบจะกลายเป็นผักปลาข้างสระน้ำ
ดรุณีน้อยในอาภรณ์สีชมพูอ่อนตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว นางมิเคยต้องเผชิญความกดดันเยี่ยงนี้มาก่อน ดวงตากลมสั่นวูบไหว หยดน้ำตามากมายพรั่งพรู เสียงสะอื้นชวนให้ผู้อยู่ในเหตุการณ์อยากปลอบขวัญ เพียงแต่ติดที่ร่างกายใหญ่โต แม้สูงวัยทว่ายังทรนงองอาจขวางกั้น
หมิงชื่อซิ่นโกรธจนเคราสั่น ที่ยังมิได้สติคือหลานรักที่เจ้าหลานชายเพิ่งช่วยขึ้นมาจากสระ เสียงสาวใช้ร้องห่มร้องไห้โวยวายด้วยเนื้อตัวเปียกปอน กรีดใจเหลือแสน
“เหวินลู่ซือ!เจ้าตัวน่าตายจงตอบข้า!”
“ท่านพ่อตาระงับอารมณ์ก่อนเถิด เรื่องนี้ย่อมเป็นเพียงอุบัติเหตุ” ผู้เป็นบุตรเขยรีบใช้น้ำเย็นเข้าลูบ
แม้บุรุษตรงหน้าจะปลดตนเองจากตำแหน่งแม่ทัพแล้ว ทว่ายังเหลือตำแหน่งที่ปรึกษาของแม่ทัพใหญ่ให้เขาพอยืมชื่อมาใช้ประโยชน์ได้บ้าง เพราะอย่างนั้นจึงมิได้ทอดทิ้งภรรยาเอกที่แต่งเข้ามาด้วยสมรสพระราชทาน
“อุบัติเหตุรึ! เจ้าคิดว่าข้าโง่งมนักหรือ” พยัคฆ์เฒ่าคำรามเสียงต่ำในลำคอ “เจ้า! บอกข้ามาว่าเกิดอันใดขึ้น!”
เสี่ยวเหยาชะงัก คุณหนูของนางที่ยังมิได้สติ นางพยายามกระโดดลงน้ำเพื่อช่วยคุณหนูแล้ว ทว่าเรี่ยวแรงของนางมิอาจดึงคุณหนูขึ้นมาได้ สาวรับใช้น้ำตาไหลพรากอย่างรู้สึกผิด หากคุณหนูเป็นอันใดไปย่อมเป็นเพราะนาง
“คุณหนูของเสี่ยวเหยา ฮึก คุณหนูออกมารับลมเจ้าค่ะ แล้วบังเอิญเห็นว่าคุณหนูสามถือปิ่นที่เป็นสินเดิมของฮูหยินเอกจึงได้เอ่ยถาม แต่-แต่คุณหนูสามกลับโกรธ กล่าวว่าทุกอย่างในจวนล้วนเป็นของนาง คุณหนูจึงเข้าไปยื้อแย่งจนถูกผลักตกสระน้ำเจ้าค่ะ”
“บังอาจ!” หมิงชื่อซิ่นตวาดลั่น ได้ยินไปถึงนอกจวน ชาวบ้านต่างรีบเงี่ยหูฟังด้วยหวังจะนำไปบอกต่อให้สนุกปาก
“นี่หรืออุบัติเหตุของเจ้า กล้าขโมยของของผู้อื่น ขวัญกล้าถึงกับกล้าทำร้ายบุตรีฮูหยินเอก ต่ำช้านัก!”
“ข้าไม่ได้ทำ!” เหวินลู่หลินแม้หวาดกลัว ทว่านางมิคิดว่าจำเป็นต้องเคารพผู้ที่มิได้ร่วมสายเลือดกับนางสักนิด ดรุณีน้อยเชิดหน้าถือดี แม้ใบหน้างามจะติดซีดเซียวอยู่บ้าง
“เจ้ามิได้ทำแล้วจะกล่าวว่านางทำรึ” เหวินเลี่ยงหรงที่เพิ่งกลับจากไปตามหมอถามน้องสาวอีกคนเสียงเรียบ เขาจ้องหน้านางรอคอยคำตอบ
“เป็นนางกระโดดลงไปเอง ข้าไม่เกี่ยว” นางยังคงนับถือพี่ชายผู้นี้อยู่บ้าง พอกันกับที่ยังคงให้เกียรติหัวหน้าพ่อบ้านนั่นแหละ
คิดแล้วแค้นใจนัก นางบังเอิญเจออาภรณ์และเครื่องประดับงดงามที่นังแพศยาเอาไปซ่อนไว้ในเรือนนอนโกโรโกโส ทั้งยังมีเครื่องประทินผิวอีก จึงได้ริบมาทั้งหมด ปิ่นนี่ก็เช่นกัน เพราะมันงดงามเหมาะกับสตรีงามเช่นนางจึงได้ยึดเอามา ตั้งใจจะเก็บไว้ใช้วันปักปิ่น แต่นั่งแพศยามิรู้เอาเรี่ยวแรงมาจากที่ใดกลับคว้าไปจากมือนาง ทำให้บาดเป็นแผลได้เลือด นางเพียงโมโหลงมือตบตีไปเล็กน้อย จู่ๆมันกลับฉุดแขนนาง เอนตัวลงไปในสระน้ำด้วยตนเอง
นางมิได้ทำอันใดทั้งสิ้น!
“คุณหนูไม่ได้โดดลงไปเจ้าค่ะ คุณหนูถูกผลัก! นางยังจับยึดแขนของคุณหนูสามไว้อยู่เลยเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหยารีบทวงความยุติธรรมให้คุณหนูของตน ดวงตาจับจ้องยังชายที่โกรธแค้นแทนคุณหนูของนางอย่างหวังขอที่พึ่งพิง
“เปิดแขนเสื้อ” พยัคฆ์เฒ่าพยายามข่มกลั้นโทสะมิให้เผลอทำลายสิ่งใดในจวนไรค่าหรือบีบคอหญิงไม่เจียมตนตรงหน้าให้แหลกคามือ
“ได้อย่างไร นางเป็นสตรีนะขอรับ” เหวินลู่ซือรีบแย้ง แม้เป็นเด็กสาวแต่อย่างไรก็คือสตรี จะให้เปิดเผยเนื้อหนักให้ผู้ใดดูได้อย่างไร
“เปิด!”
เหวินลู่หลินจับแขนเสื้อตนเองแน่น เป็นตายอย่างไรนางก็มิยอมเปิดแขนเสื้อเด็ดขาด นังแพศยาจับแขนนางไว้จริง ทั้งยังใช้เล็บจิกจนเป็นรอยแดงเลือดซิบ ยามนี้ยังแสบไม่หาย
“อย่าให้ต้องใช้กำลัง เจ้ารู้ดีว่าข้าทำอะไรได้บ้างเหวินลู่ซือ” นัยน์ตาพยัคฆ์จับจ้องบุตรเขยอย่างกดดัน เขาสามารถทำให้สกุลเหวินหายไปสิ้นยังได้
“หลินเอ๋อร์” เจ้าบ้านสกุลเหวินเอ่ยเรียกบุตรีสุดที่รักเสียงอ่อย แม้มิยินยอมแต่จะทำอย่างไรได้
“เปิดแขนเสื้อ”
“ท่านพ่อ!”
“พ่อสั่ง!” หากต้องแลกกับสกุลเหวิน เขายินดีที่จะให้บุตรีเปิดแขนเสื้อเล็กน้อยเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ เขาเชื่อว่าลูกรักมิมีทางลดตัวลงไปกระทำดั่งที่ถูกกล่าวหาแน่ แม้นางจะอารมณ์ร้ายไปบ้าง แต่อย่างมากย่อมเพียงตบตีเท่านั้น
บุตรีของเขาแท้จริงแล้วแสนอ่อนหวาน
เหวินลู่หลินหายใจกระฟัดกระเฟียด มือซ้ายเลิกชายแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อย ทว่ากลับเพียงพอให้ผู้ที่รั้งรออยู่ก่อนมองเห็นรอยแดง
หมิงชื่อซิ่นตวัดสายตามองบุตรเขยของตน เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“เจ้าจะอธิบายว่าอย่างไร”
“คุณหนูฟื้นแล้ว!” เสี่ยวเหยาร้องเสียงดังเมื่อเห็นแพขนตาหนาขยับไหวก่อนลืมขึ้น
เหวินเลี่ยงหรูไอสองสามครั้งก่อนปล่อยเสียงร้องไห้โฮน่าสงสารจับใจ นางขดตัวเป็นก้อนกลม ปากร้องบอกอย่าฆ่านางเลยอย่างหวาดกลัว ยิ่งทำให้ผู้เป็นตาทวีความโกรธจนเผลอตวัดมือทำลายหินประดับสวนจนป่นเป็นผุยผง
“เหวิน! ลู่! ซือ!”
“ท่านพ่อตาโปรดเมตตา เรื่องนี้ข้าอธิบายได้” เหวินลู่ซือทิ้งตัวลงคุกเข่า ละสิ้นซึ่งศักดิ์ศรี เพราะมิเคยเห็นอีกฝ่ายโกรธเคืองเพียงนี้มาก่อนจึงหวาดกลัวจับใจ
“ข้าไม่ต้องการคำอธิบายแล้ว” นัยน์ตาพยัคฆ์คล้ายลุกโชนด้วยเปลวเพลิง หมิงชื่อซิ่นกระตุกยิ้มเหี้ยมยามจับจ้องคนขลาดกลัว มิลังเลที่จะปล่อยรังสีฆ่าฟันดั่งอยู่ในสนามรบ
หากเป็นไปได้เขาปรารถนาจะฉีกมันเป็นชิ้นๆทั้งเป็น!
“หย่ากับบุตรีของข้าเสีย!”
วังลี่หลินกอดบุตรสาวแน่น หากแต่ในใจกลับหัวเราะร่ายินดี เพราะสามีของนางมิยอมหาเรื่องหย่าขาดกับนังจิ้งจอกหนิงเซียน ทำให้นางยังคงเป็นรอง มิอาจออกงานเชิดหน้าชูตาได้ บัดนี้บิดามันยื่นคำสั่งมาเองเยี่ยงนี้นับว่าเป็นผลดีกับนางนัก
ผิดกับเหวินลู่ซือที่ใบหน้าเผือดสี เค้าลางความหล่อเหลาหดหายจนหมดสิ้น เขามิอยากปล่อยอำนาจสกุลหมิงที่แม้ลดน้อยถอยลงทว่าหาได้สิ้นไป อย่างน้อยพ่อตาของเขายังมีตำแหน่งที่ปรึกษาในกองทัพให้ผู้นับหน้าถือตาอยู่บ้าง
“ท่านพ่อตา เรื่องใหญ่เช่นนี้...”
“หากไม่หย่าก็จงนำตัวบุตรีของเจ้าไปให้ทางการเสีย” หมิงชื่อซิ่นมิยอมผ่อนปรน บุตรเขยเลวทรามเช่นนี้สกุลหมิงหาได้ต้องการไม่ นับว่าบุตรีของเขามีตาแต่ไร้แวว หลงคารมเจ้าคนขี้ขลาดตาขาวแล้วเมินเฉยผู้สูงศักดิ์ในคราก่อน
และเป็นเพราะเขามิอยากให้นางต้องจมอยู่ในวังวนแก่งแย่งชิงดี จึงยินยอมให้แต่งกับบุตรเขยผู้นี้
“ท่านพ่อ!” เหวินลู่หลินร้องลั่น มิยอมถูกจับส่งทางการให้ชื่อเสียงที่สั่งสมมาต้องมัวหมอง
อีกเพียงสองปีนางก็จะเข้าพิธีปักปิ่น
อีกเพียงสองปีนางจะได้ยืนอยู่เบื้องหน้าท่านแม่ทัพอย่างภาคภูมิแล้ว นางจะยอมแปดเปื้อนมิได้
“ข้าไม่หย่า!” เหวินลู่ซือประกาศกร้าว แม้มิรักภรรยาหรือบุตรีที่เกิดจากนาง ทว่าเขารักผลประโยชน์ที่ติดตัวนางมา อย่างไรก็มิยอมปล่อยเด็ดขาด
“ดี! ในเมื่อเจ้ามิยอมหย่า เช่นนั้นก็จงรอรับความพินาศเสียเถอะ!”
พยัคฆ์เฒ่ากระตุกรอยยิ้มมาดหมาย มิยอมหย่าแต่โดยดีเช่นนี้ย่อมเป็นผลดีกับฝ่ายตน
“หรงเอ๋อร์ พาหรูเอ๋อร์กลับสกุลหมิง”
“ไม่ได้! นางเป็นบุตรีของข้าย่อมต้องอยู่ที่นี่!” ผู้ที่เพิ่งตระหนักได้ว่าตนเป็นบิดายืนยันขัดขวาง เขาผุดลุกจากพื้นในสายตามีความมิยินยอม
“อยู่ให้ตายตกไปรึ” หมิงชื่อซิ่นยิ้มเยาะ “เจ้าดูสิ่งที่ลูกและภรรยาเจ้าทำกับหลานข้า จะให้ข้ายอมปล่อยนางไว้ในดงหมาในหรือ ไม่มีทาง!”
“ต่อว่ากันเกินไปแล้ว ท่านเป็นเพียงคนนอกมิมีสิทธิ์เข้ามายุ่งเรื่องในครอบครัวของข้า” เหวินลู่ซือมิอาจปล่อยให้พ่อตาพาบุตรชายที่น่าภาคภูมิใจและบุตรสาวน่าชังออกไปได้ หากผู้อื่นทราบมิเท่ากับเขาต้องถูกว่าร้ายหรือ
แม้มิใส่ใจนางกับมารดาของนาง ทว่าอย่างไรนั่นก็เลือดเนื้อเชื้อไข
นางยังใช้ประโยชน์ได้
“เช่นนั้นจงรอดู ว่าข้ามีสิทธิ์หรือไม่” กายสูงใหญ่ย่อตัวลงข้างหลานสาวที่รักที่เอาแต่สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของสาวรับใช้
“หรูเอ๋อร์ ตามารับเจ้าแล้ว”
เหวินเลี่ยงหรูผินดวงหน้าซีดเซียวมองผ่านกลุ่มน้ำตา เห็นชายชราท่าทางใจดีกำลังส่งยิ้มให้ ในห้วงความจำของนางจดจำได้ทันที คนผู้นี้คือท่านตาที่กล่าววนางคือแก้วตาดวงใจ
“ท่านตา ช่วยหรูเอ๋อร์ด้วย ฮือ หรูเอ๋อร์ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” นางผละออกจากอ้อมกอดขแสนอบอุ่นองเสี่ยวเหยา โผเข้ากอดผู้เป็นตาแน่น
“พวกเขาจะฆ่าหรูเอ๋อร์ พวกเขาจะ...โฮ”
หมิงชื่อซิ่นลูบปลอบหลานสาวเป็นพัลวัน นัยน์ตามิมีร่องรอยฝ้าฟางแข็งกร้าวตวัดมองบุตรเขยตัวดีที่กำลังจะเต้นผางชี้หน้าหลานสาวเขา ทำให้เหวินลู่ซือจำต้องลดมือลง หากแต่ยังคงแช่งชักหักกระดูกบุตรีมิได้ความของตน
“เฮยหลาง”
ร่างในชุดสีดำสนิทเคลื่อนกายหยัดยืนด้านหลังผู้เป็นนายรวดเร็ว ชายหนุ่มร่างกายสูงใหญ่ท่วงท่าย่างก้าวดุดันค้อมศีรษะรอฟังคำสั่ง
“ข้าจะพาหลานกลับจวน” เขาช้อนร่างบอบบางของหลานรักขึ้นอุ้ม มันเบาโหวงเสียจนใจคนแก่ทุกข์ตรม ทว่าความโกรธเคืองกลับมีมากกว่าจึงสั่งการต่อด้วยน้ำเสียงไร้ปราณี
“ใครขวาง สั่งสอนไม่ละเว้น!”
ต่อให้มันเป็นสตรีก็จงทำให้มันจดจำว่ามิควรต่อกรกับเขา!
หลังจากนั้นเพียงหนึ่งวัน ชาวบ้านต่างพากันรุมล้อมอยู่หน้าจวนสกุลเหวิน คนของทางการพากันเอากระดาษมาปิดประกาศถึงหน้าประตูจวน ผู้รู้หนังสืออยู่บ้างพยายามอ่านให้ฟัง
ได้ความว่าหัวหน้าอาลักษณ์เหวินลู่ซือจิตใจหยาบกระด้าง ให้ท้ายบุตรีจากฮูหยินรองรังแกบุตรีฮูหยินเอก ละเลยความเป็นธรรมในจวน ส่งเสริมบุตรสาวคนเล็กลักขโมยสินเดิมของฮูหยินเอกขายทอดโรงจำนำ รับสั่งพักงานหนึ่งปีเพื่อขัดเกลาตนเอง ริบเบี้ยหวัดย้อนหลังหนึ่งปีเข้าท้องพระคลังและให้ไถ่ถอนสิ่งของทั้งหมดส่งคืนฮูหยินเอกตามรายการสินเดิมยามแต่งเข้าสกุลเหวิน
โบยเหวินลู่ซือหกสิบไม้ฐานเป็นบิดาและขุนนางแต่กลับมิดำรงตนในคุณธรรม
โบยวังลี่หลินสี่สิบไม้ฐานเป็นมารดาแต่มิอบรมสั่งสอนบุตรี
โบยเหวินลู่หลินสามสิบไม้ ตบปากสี่สิบที ส่งไปบวชชีขัดเกลาจิตใจสองปี
พระราชทานหนังสือหย่าระหว่างเหวินลู่ซือและหมิงหนิงเซียน บุตรทั้งสองให้ถือเป็นทายาทสกุลหมิง
ฉะนั้นยามนี้จึงได้ยินเสียงกรีดร้องของสตรีที่ดังออกมาจากจวนสกุลเหวิน คนต่างคาดเดาว่าเป็นเสียงของฮูหยินรอง เสียงคร่ำครวญหาความเป็นธรรมของคุณหนูคนเล็ก ชาวบ้านล้วนได้ยินเสียงไม้กระทบเนื้อดังลั่นจนพากันลูบแขนด้วยความหวาดกลัว
“เจ้าพวกสุนัขสกุลเหวินกล้าวางยาน้องสาวข้า!”
ชาวบ้านต่างหลีกทางให้บุรุษท่าทางสุภาพที่กระโดดลงจากหลังม้าตรงเข้าถีบประตูจวนสกุลเหวินเสียงดัง ชายผู้นั้นใบหน้าเกลี้ยงเกลาทว่าคร้ามแดด ดวงตาที่ควรจะอ่อนโยนดั่งรูปหน้ากลับฉายแววโกรธขึง เขาสวมอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มที่เปื้อนหมึกหลายจุด มือทั้งคู่ทุบตีประตูเช่นเดียวกับขาที่เตะต่อย
กระทั่งพ่อบ้านสกุลเหวินแล่นรี่มาเปิดประตูให้ ชายผู้นั้นจึงได้เข้าไปยังผลให้ชาวบ้านที่ชะเง้อชะแง้แลมองหวังได้เห็นภาพภายในจวน
ทหารมากมายที่แต่งกายด้วยเครื่องแบบวังหลวงยืนรายล้อมตามจุด สองนายกำลังโบยตีเหวินลู่ซือจนเนื้อแตก สองนายกำลังนำน้ำสาดร่างของวังลี่หลิน และอีกหนึ่งนายกำลังตบปากเหวินลู่หลินโดยมีสาวรับใช้พยุงร่างเจ้านายตน
โหดร้ายยิ่ง!
ทว่าเสียงตะโกนด้วยโทสะของบุรุษที่เพิ่งก้าวเข้าจวนไปกลับทำให้ชาวบ้านได้หัวข้อสนทนาขึ้นถกเถียง คล้ายว่าภาพโหดร้ายเมื่อครู่จะสมควรยิ่งแล้ว
“สุนัขสกุลเหวิน เจ้าคิดฆ่าเมียฆ่าลูกตนเอง เจ้าคนต่ำช้า!”
ความคิดเห็น