คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ท่านควรมีน้องสาวได้แล้ว(รี)
รัชศกเซียนเทียนที่สอง เดือนสิบสอง ปีระกา วันที่ยี่สิบเก้า
ชีวิตคนประหนึ่งแสงหิ่งห้อย เหวินเลี่ยงหรูท้องไส้ปั่นป่วนราวกับมีหนอนแมลงคลานยั้วเยี้ยชวนให้คลื่นเหียนจนมิอาจอดกลั้น นางเบิกตาโพลงในเรือนเงียบสงบราวกับไร้บ่าวไพร่ ขับเอาของเสียออกทางปากเป็นสาย กลิ่นเหม็นเน่าราวกับซากศพทำให้ใบหน้าของนางยิ่งซีดขาวและอาเจียนออกมาอีกระลอก
สาวใช้นางหนึ่งวิ่งพรวดพราดเข้ามามิสำรวมกิริยา เมื่อเห็นนางที่ร่างกายท่อนล่างยังอยู่บนเตียง แต่กลับพาดกายท่อนบนลงกับพื้นหมดเรี่ยวแรงจึงร้องเรียกผู้อื่นให้เข้ามาช่วยอย่างตื่นตระหนก
เพียงเหลือบตามองยังนึกฉงนใจ นี่มิใช่เสี่ยวเหยาที่ควรสิ้นชีพไปแล้วหรอกหรือ เหตุใดเบื้องหน้านางที่ควรเป็นนรกโลกันต์กลับเป็นบ่าวตัวน้อยที่ตายแทนนางไปได้เล่า ทว่ามิอาจคิดหาเหตุผลได้นาน ความคลื่นไส้กลับตีขึ้นกลางอกให้ต้องขับมันออกมาอีกครา
ร่างกายเย็นเยียบสะดุ้งโหยงเมื่อมือร้อนกร้านของเสี่ยวเหยาประคองร่างให้เอนลงบนเตียงในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน นางรับน้ำสะอาดจากสาวใช้อีกนางนาง บ้วนปากล้างหน้าจึงค่อยสดชื่นขึ้น สาวใช้อีกสองนางช่วยกันกำจัดกองอาเจียนด้วยสีหน้าเช่นไรนางมิอาจทราบด้วยไม่คิดใส่ใจหันมอง
เมื่อปรับลมหายใจให้เป็นปกติจึงรวมรวบสมาธิ ไล่ผู้อื่นออกจากเรือนจึงถามเสี่ยวเหยาตัวน้อยที่นางนึกเสียใจทุกครา เมื่อมิอาจปกป้องเพื่อนเพียงคนเดียวที่มีให้พ้นจากความผิดที่มิได้กระทำได้
“เหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่”
เสี่ยวเหยาขมวดคิ้วแน่นจนแทบผูกเป็นปม รีบใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตามใบหน้าให้คุณหนูของตนอีกครา “เสี่ยวเหยาย่อมต้องอยู่รับใช้คุณหนูสิเจ้าคะ”
“แม้ตายไปแล้วเจ้ายังคิดรับใช้ข้าอีกหรือ” เหวินเลี่ยงหรูเบนสายตาจับจ้องดวงตากลมที่สะท้อนความคิดให้ทุกผู้รับรู้เสียหมด แม้จะสะกิดใจกับความอ่อนเยาว์ของใบหน้า ทว่ากลับมิได้ใส่ใจ
“คุณหนู แม้ต้องตายเสี่ยวเหยาก็จะตามรับใช้คุณหนูเจ้าค่ะ” สาวใช้ร่างเล็กกล่าวด้วยความจริงใจ นางมิปล่อยให้คุณหนูต้องทนเหงาเพียงลำพังหรอก
“เสี่ยวเหยาเอ๋ย ยามนี้เจ้ามิจำเป็นต้องทำเพื่อข้าอีกแล้ว”
เหวินเลี่ยงหรูว่าอย่างอ่อนโยนยามไล้ปลายนิ้วตามใบหน้าเล็กที่แสนคิดถึง ห้าปีแล้วที่สามีไม่รักดีสังหารเสี่ยวเหยาของนางให้ตายตกอย่างทรมาน
น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงข้างแก้ม
“คุณหนู!” เสี่ยวเหยาร้อนรนนักยามเห็นน้ำตาของคุณหนู นางรู้ดีกว่าผู้ใดว่าคุณหนูของนางอ่อนแอและใฝ่หาไม้ใหญ่ไว้พึ่งพิงมากเพียงใด
“มิเป็นไรนะเจ้าคะ ถูกโบยแค่นี้ เสี่ยวเหยามิเป็นอันใดหรอกเจ้าค่ะ นับว่าพี่เถียนผ่อนแรงให้มากแล้ว”
“เถียน?...เถียนซาน?”
เห็นสาวใช้ตัวน้อยพยักหน้าด้วยรอยยิ้มปลอบโยนยิ่งตะขิดตะขวงใจ มีบางสิ่งไม่ถูกต้อง เสี่ยวเหยาของนางตายเพราะสามีใจดำสั่งให้บ่าวไพร่ของเขาโบยจนสิ้นใจ เหตุใดจึงกลายเป็นเถียนซานซึ่งเป็นบ่าวสกุลเหวินไปได้
“คุณหนูเป็นอันใดไปเจ้าคะ หรือคุณหนูปวด...”
นางรีบยกมือห้ามปากที่กำลังเจื้อยแจ้วของสาวใช้คนสนิทที่นางรักประหนึ่งน้องสาวนับแต่เห็นว่าเสี่ยวเหยายอมตายแทนนางได้ พิจารณาใบหน้าเล็กกลม แก้มป่องเหมือนแอบกักซาลาเปาไว้สองกระพุ้งแก้ม ดวงตากลมสงสัยใคร่รู้ แต่ยังพยายามระงับด้วยความอดทน ทั้งยังร่างเล็ก ๆ ที่ดูอย่างไรก็มิได้โตเป็นสาว
ที่อยู่ตรงหน้านางคือเด็กน้อยยังมิพ้นวัยปักปิ่นเท่านั้น
หรือวิญญาณสามารถปรับเปลี่ยนร่างได้ดังใจ นึกอยากแก่ก็แก่ นึกอยากเด็กก็เด็กเช่นนั้นหรือ?
“เจ้ากล่าวว่าเถียนซานเป็นผู้โบยเจ้า?”
“เจ้าค่ะ พี่เถียนยั้งแรงไว้ถึงสามส่วน ทั้งเสี่ยวหงยังแอบเอายามาทาให้จึงทุเลาลงมาก” เสี่ยวเหยาว่าอย่างนึกขอบคุณผู้ที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือยามนางถูกทำโทษ จับจ้องสายตายังคุณหนูที่รักยิ่งของตน
“เจ็บกายแม้ต้องตายเสี่ยวเหยามินึกกลัว มีแต่คุณหนูที่สลบด้วยพิษไข้เท่านั้นเจ้าค่ะที่ทำให้เสี่ยวเหยากังวลนัก”
“ข้าสลบด้วยพิษไข้?”
เป็นไปได้อย่างไร นางตายเพราะดื่มสุราพิษมิใช่หรือ
“คุณหนูให้เสี่ยวเหยาตามท่านหมอเหอดีหรือไม่เจ้าคะ” ยิ่งเห็นสีหน้ามิสู้ดีของคุณหนูยิ่งทำให้ใจร้อนรนจนเกือบจะลุกไปตามท่านหมอ
นางเอนกายนอน เครียดขึงในอก เหตุใดหมอเหอที่ควรเดินทางจากเมืองหลวงไปหนานเจียงจึงยังรั้งอยู่ที่นี่กัน หรือแท้จริงแล้วนางพลาดสิ่งใดไป
“ฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ แหม น้องก็นึกว่าพี่รองจะไปเข้าเฝ้าเหยียนหลัวหวาง[1]เสียแล้ว”
เสียงใสแหลมสูงคุ้นหูทำให้นางเผยอเปลือกตามองยังประตู ดรุณีน้อยยังมิถึงวัยปักปิ่น แต่กลับแต่งหน้าทาชาดยืนเหยียดยิ้มดูแคลนนางอยู่ตรงนั้น นางพลันขมวดคิ้วมุ่น เบื้องหน้านางมิใช่เหวินลู่หลินน้องสาวบัดซบที่ตบแต่งเป็นฮูหยินให้แม่ทัพที่ปักใจตั้งแต่สิบหนาวหรอกหรือ
ชัดเจนแล้วว่าสิ่งใดที่ผิดแปลกไป
นางอดกระตุกยิ้มด้วยจังหวะชีพจรที่เต้นผิดเพี้ยนมิได้ “พี่สาวผู้นี้ยังอยู่กับเจ้าได้อีกนาน อย่าเป็นกังวลไปเลย น้องสาวที่รัก”
เหวินลู่หลินเลิกคิ้วสูงประหนึ่งเห็นตัวประหลาดในห้องนอน นังพี่รองไร้สมองอ่อนแอไยตอบโต้นางเช่นนั้น น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความประชดประชัน ทั้งยังรอยยิ้มน่ารังเกียจบนใบหน้านั่นอีก แต่จะเป็นไปได้หรือที่นังสมองหมูจะคิดตามถ้อยของนางทัน
เหอะ มันคงตกน้ำจนเพี้ยนไปแล้วเป็นแน่
“เช่นนั้นน้องก็เบาใจเจ้าค่ะ แต่เพื่อสุขภาพของพี่รอง น้องขอแนะนำว่า...” นางกรีดรอยยิ้มสดใสไร้เดียงสา “ช่วงเดือนนี้พี่รองอย่าเพิ่งออกไปไหนจะดีกว่านะเจ้าคะ ข้าจะไปบอกท่านพ่อให้เองว่าท่านฟื้นแล้ว”
เหวินเลี่ยงหรูมองรอยยิ้มที่นางเคยเอ็นดู หากแต่เมื่อมองข้ามมันไปจึงเห็นแววตาชั่วร้ายกรีดลึกในดวงตาคู่โต
หึ คิดกักขังนางไว้เพียงแต่ในเรือนหรือ
“ขอบใจเจ้ามาก”
ยังก่อน นางยังมิคิดจะหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวทั้งที่ยังตกอยู่ในสภาพนี้หรอก รอก่อนเถิด รอให้นางหายดีเมื่อใด หนี้ที่น้องสาวที่รักสร้างไว้ ย่อมต้องชดใช้เป็นพันเท่า
เคยฉุดกระชากลากนางไปกับพื้นกรวดใช่หรือไม่ เคยกล่าวหาว่านางทำลายแจกันใบโปรดของบิดาใช่หรือไม่ เคยให้สาวใช้ปล่อยข่าวว่านางใจดำอำมหิตใช่หรือไม่ เคยกล่าวว่านางยั่วยวนแม่ทัพถงใช่หรือไม่ เคยทำร้ายนางมากมายเพียงใดยังจำได้หรือไม่
อยากให้นางใจดำอำมหิต นางซึ่งเป็นพี่สาวแสนดีย่อมทำตามมิขาดตกบกพร่อง อยากให้นางยั่วยวนแม่ทัพถงที่น้องรักปักใจแต่ยังเยาว์ นางย่อมพยายามทำตาม เพื่อให้น้องรักประจักษ์แก่สายตาว่าการยั่วยวนที่แท้จริงเป็นเช่นไร ถึงตอนนั้นอย่าได้หมอบกราบอ้อนวอนแทบเท้าพี่สาวคนนี้ก็แล้วกัน!
“คุณหนูเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ” เสี่ยวเหยารีบถามยามลับร่างคุณหนูสามไปแล้ว นางยังมิมีความกล้าพอจะต่อปากต่อคำกับคุณหนูผู้นั้นนัก ได้แต่มองดูคุณหนูของนางถูกกดขี่
“เสี่ยวเหยา ปีนี้ข้าอายุเท่าไหร่แล้วหรือ” เหตุการณ์นี้นางจำได้ขึ้นใจ นางป่วยไข้ มิอาจเข้าพิธีปักปิ่นของตนได้เพราะตกน้ำ ทั้งยังได้รับพิษอ่อน ๆ จากน้องสาวที่รักจนทำให้ไร้เรี่ยวแรง
จนเมื่อเหวินลู่หลินเข้าพิธีปักปิ่น อาการของนางจึงดีขึ้น จนเมื่อนางถูกขายให้สกุลเหลยจึงได้มีโอกาสรักษาตัว ด้วยว่ายามแรกที่แต่งงานกัน สามีรักนางมาก
ความรักจอมปลอมนั้นยังนับว่าพอมีประโยชน์อยู่บ้าง
“สิบสามหนาวเจ้าค่ะ”
“แล้วท่านแม่เล่าอยู่ที่ใด” เหวินเลี่ยงหรูเผลอกลั้นหายใจยามเอ่ยถาม ยังมิมั่นใจว่าสิ่งที่พานพบเป็นเพียงภาพฝันหรือเป็นตัวนางย้อนกลับมายังอดีตขมขื่นกันแน่
“ฮูหยินเอกไปสวดมนต์ขอพรที่วัดประจำตระกูลเจ้าค่ะ”
นางร้องอ้อในลำคอ
ดียิ่ง!
มารดาของนาง ครอบครัวของนางยังคงมีชีวิตอยู่ ทั้งคำนวณแล้วนับจากนี้อีกไม่กี่เดือน มารดาจะถูกชายใจร้ายผู้นั้นแขวนคอ ทางเดียวคือทำให้มารดามิอาจกลับมาสถานที่โสมมนี้ หากแต่จะทำเช่นนั้นได้ย่อมต้องมีผู้ช่วย
เหวินเลี่ยงหรูกดริมมุมปากหยักลึกยามนึกถึงใบหน้าคมคายวงหนึ่ง ทั้งยังนัยน์ตาเย็นชาเหลือแสน
ถึงเวลาที่ท่านควรมีน้องสาวได้แล้วพี่ใหญ่!
ร่างองอาจผ่าเผยแม้ยังเยาว์ก้าวเข้ามาในห้องทำให้เหวินเลี่ยงหรูที่ลอบมองอย่างรอคอยอดตะลึงเล็กๆมิได้ แม้จะเห็นหน้าค่าตากันอยู่บ้าง แต่ใช่ว่านางจะมีความกล้ามากพอจะเงยหน้ามองผู้ซึ่งขึ้นชื่อว่าสายเลือดเดียวกันเต็มสิบส่วน
เหวินเลี่ยงหรงในวัยสิบห้าหนาวหยุดยืนอยู่ข้างเตียงของผู้เป็นน้องที่ใช้สายตาจับจ้องเขาราวกับจะสำรวจ หัวคิ้วพลันขมวดมุ่น ตั้งแต่เมื่อใดกันที่น้องสาวแสนขี้ขลาดและอ่อนแอ แม้แต่ปกป้องตนเองยังทำมิได้กล้ามองเขาโดยมิก้มหน้าหลบตา
“หมิงงั้นรึ?”
“เจ้าค่ะ หมิง”
เสี่ยวเหยาได้แต่มองคุณชายใหญ่ครั้งหนึ่ง มองคุณหนูของนางครั้งหนึ่งอย่างสับสนงงงวย มิทราบว่าเจ้านายทั้งสองพูดถึงสิ่งใดกัน คุณชายใหญ่จึงได้เผื่อแผ่แรงกดดันจนนางอยากร่ำไห้และยิ่งน้ำตาคลอ คุณหนูแสนขี้อายของนางส่งรอยยิ้มท้าทายคุณชายใหญ่และมิได้หลบสายตาเช่นเคย
“เหวินเลี่ยงหรู” เหวินเลี่ยงหรงใช้น้ำเสียงกดข่มน้องสาว นึกสนุกยามเห็นประกายตามิยอมใครในดวงตาที่เขามิเคยได้พิจารณา เสมือนได้น้องน้อยกลับคืนมาอีกครั้ง
“ผิดแล้วเจ้าค่ะ หมิงเลี่ยงหรูต่างหาก” นางแย้มรอยยิ้มให้พี่ชายมากขึ้น ทั้งยังแค่นหัวเราะทีหนึ่งยามเบือนหน้าหลบนัยน์ตาคมกล้าที่จ้องมาราวกับจะค้นถึงซอกหลืบความคิด นางแสร้งปรายตามองอย่างมิใคร่ใส่ใจ สำทับอีกคราหนึ่งจึงค่อยเอ่ยปากพูด
“แต่หากคุณชายใหญ่รักใคร่หวงแหนในเหวิน เช่นนั้นก็จงเป็นเหวินต่อไปเถิด คิดเสียว่าวันนี้ข้ามิได้พบท่านก็แล้วกันเจ้าค่ะ”
ผู้ถูกเรียกขานด้วยถ้อยคำห่างเหินกระตุกยิ้มคราหนึ่งอย่างสมใจ ยิ่งเห็นแววตาน้องน้อยที่ราวกับจะแปลงกายเป็นแมวป่าดื้อรั้นแสนเจ้าเล่ห์ยิ่งนึกรักใคร่ นานมากแล้วที่อยากเห็นนางต่อสู้ปกป้องตนเอง มิใช่กลายเป็นวัวเป็นม้าให้พวกมันจูงจมูก
ให้มารดาต้องเสียใจ
ให้เขามิอาจทนมองได้
ช่วยเหลือหรือ?
หากมิช่วย นางคงมิได้มีชีวิตอยู่จนวันนี้หรอก แต่ผู้ที่ยังต้องพึ่งผู้อื่นอย่างเขา ลำพังคอยปลอบประโลม คอยกันมิให้พวกเลวทรามมาทำร้ายก็หนักหนาแล้ว ดังนั้นจึงได้แต่หวังให้น้องน้อยยืนหยัดได้ด้วยตนเอง
และดูเหมือนความหวังนั้นจะเป็นจริงแล้ว
“เช่นนั้นน้องพี่จะทำอย่างไร หมิงนั้นหอมหวานยิ่ง พวกมันคงมิยอมปล่อยมือ” ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ปล่อยให้ผู้ใดมาเหยียบย่ำมารดากับน้องสาวถึงเพียงนี้ หากแต่จะให้ยืมอำนาจอีกสายสกุลหนึ่งก็คล้ายจะยากเย็นนัก
“พรุ่งนี้ก็จะวันปีใหม่แล้วสินะเจ้าคะ” นางเพิ่งถามจากเสี่ยวเหยาเมื่อคืนจึงรู้ว่าเพียงข้ามพ้นวันนี้ไปก็เข้าสู่ปีใหม่แล้ว
“ท่านแม่คงคิดถึงพี่ใหญ่มาก อย่างไรท่านช่วยเอาเงินเก็บของน้องซื้อขนมร้านอร่อยไปฝากท่านสักหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ”
เรื่องนี้คงมิอาจทำได้หากมารดามิยินยอม ทุกสิ่งทุกอย่างนางล้วนเตรียมการไว้แล้ว เหลือเพียงให้มารดาของนางยอมกระโจนลงร่วมแผนการนี้เท่านั้น
“น้องเองก็คิดถึงท่านแม่นัก ติดที่ร่างกายมิใคร่แข็งแรง จึงอยากวานพี่ใหญ่นำจดหมายของน้องมอบให้ท่านแม่เจ้าค่ะ” นางยื่นกระดาษแผ่นน้อยที่ห่อหยกสลักอันเล็กมอบให้ผู้เป็นพี่ชาย เพียงมองแววตาก็ทราบแล้วว่าพี่ชายผู้นี้มิได้ต่างจากนางในยามนี้นัก
“หากท่านพ่ออนุญาต...”
“เขาย่อมอนุญาตแน่เจ้าค่ะ เพราะอย่างไรก็ยังพอเอ็นดูท่านอยู่บ้างนี่เจ้าคะ” ส่งรอยยิ้มอ่อนหวานประหนึ่งดรุณีน้อยอ่อนเดียงสา เรียกให้รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าคมคายของผู้ฟัง
นี่น้องน้อยของเขาเก่งกล้าถึงขั้นกล้าเหน็บแนมเขาขนาดนี้เชียวหรือ
บุตรชายเพียงคนเดียวของสกุลเหวินย่อมต้องเก่งกล้าสามารถฉลาดเฉลียว อ่านสถานการณ์ให้ออก ใช้หมากทุกตัวบนกระดานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังนั้นเขาจึงเป็นบุตรที่ดีตามความต้องการของบิดา รักใคร่แม่รองและน้องสาวต่างมารดา สร้างชื่อเสียงสู่วงศ์ตระกูล เมื่อเอ่ยปากขอสิ่งใดบิดาย่อมต้องลงให้หลายส่วน
ทุกสิ่งย่อมเพื่อปกป้องมารดา
“หากพี่ใหญ่กลับมากันเมื่อใด รบกวนช่วยแจ้งน้องล่วงหน้าสักครึ่งชั่วยามเถิด น้องจะได้เตรียมการต้อนรับไว้ให้ยิ่งใหญ่ตระการตา จนพวกท่านมิอาจลืมเลือนเลยเจ้าค่ะ”
“จะละเล่นอันใดพี่มิว่า ขอเพียงน้องพี่รู้จักรักษาตัวระหว่างที่พี่มิอยู่ก็พอ” แม้จะพอเดาได้ว่าน้องน้อยต้องการสิ่งใด ทว่ายังมิอาจหมดกังวลและไปเยี่ยมเยียนมารดาได้
หากไม่มีเขาอยู่ มิรู้ว่าจะโดนกลั่นแกล้งอันใดอีก
เหวินเลี่ยงหรูยกชายแขนเสื้อปิดบังริมฝีปากยามหัวเราะน้อยๆอย่างอารมณ์ดี เมื่อคืนนางนอนคิดอยู่นานจนเกือบฟ้าสางจึงไล่เรียงเหตุการณ์ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ นับจากวันนี้ไปจะมีห่อยามากมายที่อ้างว่ามาจากท่านหมอเหอส่งมาให้นางดื่มทุกวัน
ยาบำรุงที่ทำให้นางสิ้นไร้เรี่ยวแรงจนพวกมันพอใจ ไม่ลงมือตบตีทำร้ายนางอีกต่อไป
คงต้องขอคืนให้สักเล็กน้อยกระมัง
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเจ้าค่ะ” นางส่งยิ้มให้พี่ชายคลายกังวล “น้องจะสงบเสงี่ยมเจียมตัวอย่างดีจนกว่าพี่ใหญ่จะกลับมาแน่นอน”
ใช่แล้ว นางจะอยู่อย่างเงียบเชียบเรียบร้อยราวกับคนตาย แม้แต่รับตะเกียบคีบอาหารยังลำบาก คอยให้เสี่ยวเหยาป้อนเหมือนแม่นกป้อนลูกนกเลยทีเดียว และเพื่อให้เตรียมการต้อนรับได้ยิ่งใหญ่ดังที่เอ่ยปากบอกกล่าว คงต้องลงทุนอีกมาก
“เช่นนั้นก็ดี พี่จะออกเดินทางวันนี้เลย”
ประตูถูกเลื่อนเปิดและปิดลงอย่างแผ่วเบา เหวินเลี่ยงหรูลากสังขารที่ยังคงปวดร้าวด้วยพิษไข้ลงจากเตียง คุ้ยหาสินเดิมของมารดาที่ยังเหลืออยู่น้อยนิดขึ้นพิจารณา
ปิ่นนี้มารดาเคยเล่าว่าท่านยายรักมาก หากตกไปสู่มือผู้อื่นย่อมตัดแม่ตัดลูกมิไยดี มารดาของนางจึงเก็บซ่อนไว้มิให้ผู้ใดพบเห็น
กำไลหยกงดงามวงนี้มิมีตำหนิแม้เพียงเล็กน้อย ความเย็นของหยกเนื้อดีทำให้นางเผลอลูบเพลินมือ มารดาเคยกล่าวว่าท่านลุงเสาะหาจากแดนไกลเพื่อมอบให้เป็นของขวัญ เพราะมารดาของนางเอ่ยปากอยากได้ จึงเก็บรักษาไว้อย่างดี หากมีรอยบิ่น ท่านลุงคงโกรธเกรี้ยวเป็นอันมาก ทั้งยังเป็นของขวัญที่ใช้เวลานานกว่าสองปีกว่าจะหาที่ถูกใจมาได้
แต่ที่หยุดสายตาให้จ้องมองนานที่สุดคงมิแคล้วหวีทองคำสลักลวดลายดอกเหมยวิจิตรงดงาม หากเขม้นมองอย่างถี่ถ้วนย่อมเห็นนามผู้หนึ่งสลักซ่อนไว้ในดงดอกเหมย นามนั้นมารดามิยอมบอกเล่า เพียงบอกว่าผู้หนึ่งให้มา ด้วยอำนาจของคนผู้นั้นมิรับก็มิได้ ทั้งยังกล่าวว่าให้เก็บรักษาไว้ให้ดี เพื่อว่าวันหนึ่งจะได้มอบให้กับบุตรีเช่นนาง
ยังคงจำได้ว่ามารดาหัวเราะมีความสุขเพียงใดยามบอกเล่าถึงสีหน้าของท่านตา ยามที่คนผู้นั้นมอบหวีทองคำเล่มนี้แก่มารดา ใบหน้าซีดเผือด ตาแทบทะลักถลนออกจากเบ้า ริมฝีปากสั่นระริกอ้าค้าง ทว่าคงมิอ่อนแรงเท่าเข่าสองข้างที่ทรุดกระแทกพื้นจนต้องให้คนผู้นั้นพยุงกลับเข้าเรือน
มารดายังกล่าวว่าหากมิได้ปักใจรักกับบิดา คงมิอาจหาญปฏิเสธน้ำใจคนผู้นั้นหรอก ยามนี้นางจึงคิด ต้องร่ำรวยเมากเพียงใดจึงนำทองคำมาทำหวี ทั้งยังสลักเป็นลวดลายงดงามอย่างที่แม้แต่ช่วงชีวิตก่อนก็ยังมิเคยเห็นได้ ทั้งยังกล้ามอบให้สตรีที่รู้ดีว่ามิได้มีใจรักตอบเสียอีก
ลึกๆแล้วนางนับถือน้ำใจเจ้าของหวีนี้นัก เอาเป็นว่าขายมันทั้งหมดนี่เลยก็แล้วกัน!
หวีทองคำที่ผู้มอบให้คงมิใช่สามัญ กำไลหยกที่ทำให้ท่านลุงโกรธเกรี้ยว และปิ่นที่ทำให้ท่านยายโกรธเคืองถึงขั้นตัดสายสกุล
“เสี่ยวเหยา”
“เจ้าคะ”
นางยื่นกำไลหยกวงงามในกล่องไม้เนื้อหนาให้สาวใช้ที่บัดนี้มอบตำแหน่งน้องสาวในใจให้แล้ว ทั้งยังกรีดรอยยิ้มจนดวงตายิบหยียามเอ่ยกำชับด้วยน้ำเสียงรื่นเริง
“จงแอบนำมันไปขายเสีย”
[1]เหยียนหลัวหวาง หมายถึง พญายมตามความเชื่อของชาวจีน
ความคิดเห็น