Fic yugioh เมื่อได้รู้จักคำว่ารัก (yaoi) - Fic yugioh เมื่อได้รู้จักคำว่ารัก (yaoi) นิยาย Fic yugioh เมื่อได้รู้จักคำว่ารัก (yaoi) : Dek-D.com - Writer

    Fic yugioh เมื่อได้รู้จักคำว่ารัก (yaoi)

    โดย kaoohhhh

    ถ้าวันหนึ่งเราต้องมาจากกับคนที่รักมันจะเป็นยังไงกันนะ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,726

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.72K

    ความคิดเห็น


    9

    คนติดตาม


    7
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 พ.ค. 55 / 21:39 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    ถ้าวันหนึ่งเราต้องมาจากกับคนที่รักมันจะเป็นยังไงกันนะ

     

    เรื่องนี้ชายรักชายใครชอบกดปิดคะ


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      โจวโนะอุจิ: take

       สวัสดีครับ ผมคือโจวโนะอุจิ คัตสึยะครับ วันนี้ผมจะมาเล่าทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับผมมาให้ฟังนะครับ

       

      ในสมัยก่อนนั้นตัวผมเป็นคนที่ เป็นทั้งอันธพาล กินเหล้า ชอบโวยวายมาก่อน แต่เมื่อผมได้รู้สึกถึงบางอย่าง ผมก็ต้องเปลี่ยนไป

       

      “โจวโนะอุจิคุง เลิกเถอะนะ ฉันขอร้องละ” เสียงของเด็กชายตัวเล็กพูดขึ้น ตอนนี้เขาพยายามที่จะพูดให้ผมเลิกทำในสิ่งที่เลวร้าย

       

      “ยูกิ นายจะเข้าใจอะไรฉัน” ผมตอบกลับไปโดยไม่ใส่ใจเพื่อนของผมเลยสักนิด

       

      “โจวโนะอุจิคุง นายช่วยฟังฉันหน่อยได้ไม การที่นายทำแบบนี้นะ มันไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกนะ มันมีแต่จะแย่ลง ไม่มีใครชอบหรอกนะที่ให้นายทำตัวแบบนี้นะ” ยูกิพูดพร้อมเขย่าแขนของผม

       

      “ยูกิ นายเลิกพูดแบบนี้สักที จะมีใครสนใจฉันรึเปล่ามันก็เรื่องของฉัน นายรู้ไมว่าฉันต้องทนกับอะไรมามากมายแค่ไหนนะ” ผมในตอนนั้นไม่สนใจอะไรนอกจากการได้ปลดปล่อยอารมณ์ของความโกรธออกมา

       

      “โจวโนะอุจิคุง” ยูกิได้แต่ร้องเรียกชื่อของผม หลังจากที่ผมเดินกลับบ้านไปแล้ว

       

      “ไง กลับมาแล้วหรอ ไอเจ้าลูกชาย” เสียงของพ่อที่ชอบเมาแอ๋ทุกวัน แค่วันนี้ยังไม่ได้กินเหล้าก็มาสวดผมอีกเช่นเคย

       

      “คนอย่างแกนี้มันขยะสังคมจริงๆเลยนะ” พ่อของผมพูดพร้อมกระดกเหล้าเข้าปาก

       

      “นั้นมันก็เรื่องของผม” ในตอนนั้นผมก็ยังคงเป็นวัยรุ่นใจร้อน ไม่ต่างกับคนอื่นมากนัก

       

      “แกนี้มัน ไม่เคยฟังฉัน สอนเลยสินะ” พ่อของผมที่ตอนนี้เริ่มหน้าแดงเพราะเมาเหล้าพูดขึ้น ส่วนผมนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันมาก ผมจึงเดินเข้าห้องของตัวเองก่อนจะปิดประตูใส่หน้าพ่อของผมอย่างดัง

       

      “เฮ้อ” หลังจากนั้นผมก็เข้าห้องมานั่งกินเหล้าเพื่อทำให้ผมลืมเรื่องร้ายๆในชีวิตไปได้บ้าง

       

      วันต่อมา

       

      “โอ๊ยๆๆ” เสียงของผมที่โดนซ้อมจนน้วมร้องขึ้นมาหลังจากโดนเจ้าพวกนักเลงต่างโรงเรียนเตะเข้าไป

       

      “โหย ไหนบอกว่าเก่งนักเก่งหนาไงฟะ“ เสียงของหัวหน้าพวกมันพูดขึ้น

       

      “ถุ่ย พวกแกมันชอบหมาหมู่ไงว-ะ ถ้าตัวๆฉันชนะชัวร์อยู่แล้ว” ผมถุยน้ำลายลงพื้นต่อหน้ามัน

       

      “งั้นแกก็ไปตายซะ” เมื่อพูดจบเจ้าพวกนั้นก็ง้างหมัดแล้วต่อยผมสุดแรง ผมคงเจ็บมากถ้าไม่มีใครเข้ามาช่วยผมไว้ละก็นะ

       

      “ผัวะ” เสียงของหมัดที่ไปกระทบหน้าของใครบางคนเข้าทำให้คนๆนั้นกระเด็นออกไปไกลพอดู

       

      “อู๊ย” คนที่โดนหมัดนั้นเข้าไปลุกขึ้นมาร้องเบาๆ

       

      “ยูกิ” ผมเรียกชื่อเพื่อนที่อยู่เคียงข้างผมมาตลอด

       

      “ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี้เล่าเจ้าบ้า” ผมในตอนนี้โกรธมากที่เห็นยูกิยืนอยู่ต่อหน้าของผม

       

      “ก็เพราะโจวโนะอุจิคุงเป็นเพื่อนของผม ผมจะปกป้องโจวโนะอุจิคุง” ยูกิพูดพร้อมวิ่งเข้ามาบังผมไว้

       

      “ไงเจ้าหนู มาขัดจังหวะคนกำลังทะเลาะกันแบบนี้มันไม่สวยหรอกนะ” เสียงของเจ้าพวกนั้นพูดกับยูกิ

       

      “...” แต่ยูกินั้นไม่ตอบอะไร แต่ยังคงยืนบังตัวผมอยู่

       

      “โห ไม่ยอมหนีด้วยพวกเราจัดการเลย” เมื่อพูดจบเจ้าพวกนั้นก็จัดการเตะต่อยยูกิจนผมคิดว่ายูกิคงจะระบมไปทั้งตัวแน่นอน ถ้ามี่คนมาห้ามละนะ

       

      “พวกแกหยุดซะ” เมื่อสิ้นเสียงของใครสักคนเจ้าพวกนั้นก็หยุดการกระทำของตัวเองลง

       

      “หัวหน้า” และตอนนั้นผมก็ได้รู้ว่าคนที่มาหยุดนั้นคือหัวหน้าของพวกมันนั้นเอง

       

      “พวกแกกำลังทำบ้าอะไรอยู่” เสียงนั้นตะคอกใส่พวกลูกน้องของตนเองอย่างไม่ไว้หน้า

       

      “อะ ลูกพี่ครับ ไอเจ้านั้นมันมาหาเรื่องพวกเราครับ ผมเลยต้องจัดการมัน” เสียงของชายคนหนึ่งในกลุ่มบอก

       

      “แล้วคนที่พวกแกกำลังทำร้ายอยู่ละ” เสียงของหัวหน้าที่หน้าหล่อ ต่น้อยกว่าผมพูดขึ้น

       

      “เอ่อ พอดีเจ้านี้มันเข้ามาขวางนะครับ” เสียงของลูกน้องคนเดิมบอก

       

      “งั้นหรอ งั้นพวกแกก็เตรียมตัวเตรียมใจไปตายซะ” พูดจบลูกน้องของเจ้านั้นก็วิ่งหางจุกตูดไปไกล

       

      “แกจะมาช่วยฉันทำไม” ผมถามออกไป

       

      “หึ ใครบอกว่าฉันจะมาช่วยแกกันละ” พูดจบเจ้านั้นก็เดินเข้าไปหายูกิ

       

      “ไง ไม่ได้เจอกันนานเลยนี้” เจ้านั้นพูดขึ้นพร้อมนั่งยองๆมองยูกิ

       

      “ออกไปนะ” ยูกิพูดพร้อมพยายามลุกขึ้น

       

      “แกรู้จักยูกิงั้นหรอ” ผมหันไปถามมัน

       

      “ใช่ ความจริงแล้วสมัยก่อน ฉันก็ชอบออกไปหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว แต่วันหนึ่งฉันก็ได้เจอกับยูกิเข้า นั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกไม่อยากเตะต่อยใคร” เจ้านั้นพูดพร้อมจ้องยูกิตาไม่กระพริบ

       

      “มันหมายความว่าไง” ผมที่ยังไม่ค่อยเข้าใจถามมันออกไป

       

      “ก็นะ ตามจริงแล้วนะ ฉันไม่ได้รู้สึกอยากเตะหรือต่อยยูกิเลยสักนิด แค่รู้สึกอย่างนี้ไงละ” พูดจบเจ้านั้นก็ถอยเสื้อของยูกิออกทำให้ผมกระจ่างใจขึ้นมาทันนี

       

      “ปล่อยฉันนะ” ยูกิพยายามดิ้น

       

      “ยูกิ ครั้งก่อนเพราะครั้งมีคนช่วยนายไว้ แต่ครั้งนี้จะไม่มีเนครั้งที่อีก จำเอาไว้” เจ้านั้นพูดพร้อมไซ้คอของยูกิ

       

      “อ๊า” ยูกิร้องขึ้นมาด้วยแรงอารมณ์

       

      “แกปล่อยยูกิซะ” ผมพูดออกไปเมื่อเห็นเจ้านั้นเริ่มลวนลามยูกิ

       

      “หึ ปล่อยให้โง่สิ” เจ้านั้นพูดพร้อมลงไปคร่อมยูกิ

       

      “ปล่อยฉันนะ” ยูกิร้องพร้อมพยายามดิ้นให้เจ้านั้นลุกออกจากตัวเขา

       

      “ยูกินายนะมันน่ารักจนเกินไป” เจ้านั้นพูดจบก็ประกบปากของยูกิ

       

      “แก ปล่อยยูกิซะ” ในตอนนั้นผมได้แต่คิดว่า

       

      -ขอให้มีแรงอีกสักนิดก็ยังดี ตอนนี้ผมอยากจะเข้าไปช่วยยูกิ-

       

      “หึ” เจ้านั้นหัวเราะในลำคอก่อนที่มือของมันจะเริ่มลวนลามยูกิต่อ

       

      “แก” และไม่รู้ทำไม แรงของผมก็กลับมาอีกครั้ง

       

      “แกตาย” และเมื่อผมมาถึง ผมก็ต่อยมันเข้าเต็มแรงจนเจ้านั้นกระเด็นไปไกล และผมก็ตามไปกระทืบซ้ำ

       

      “เฮ้อ ยูกิไม่เป็นไรนะ” หลังจากที่ผมกระทืบเจ้านั้นจนสะใจแล้วก็รีบวิ่งไปดูยูกิ

       

      “....” ยูกิไม่ได้พูดอะไร ได้แต่นอนตัวสั่นอยู่ในอ้อมอกของผม พร้อมจับเสื้อของผมแน่นมาก

       

      “ยูกิไม่เป็นไรนะ” ผมพูดพร้อมใส่เสื้อให้ยูกิและพายูกิไปส่งที่บ้าน และผมก็เพิ่งจะได้รู้ว่า ตอนนี้ปู่ของยูกิไม่อยู่ ผมเลยต้องมานั่งดูแลยูกิ

       

      “อืม” เสียงของยูกิที่ครางออกมา

       

      “อย่านะๆ” และก็ตามมาด้วยเสียงที่ร้องด้วยความเจ็บปวดหลังจากเจอเหตุการณ์นั้น

       

      “ยูกิ นายไม่เป็นไรแล้วนะ” ผมนั่งลงข้างๆยูกิที่นอนอยู่บนเตียงของเขา

       

      “โจวโนะอุจิคุง ช่วยฉันด้วย” ยูกินั้นร้องเรียกหาผมให้ไปช่วยเขา

       

      “ยูกิตอนนี้ฉันกำลังอยู่กับนายนะ” ผมพูดพร้อมกุมมือของยูกิแน่น

       

      “โจวโนะอุจิคุง ฉันนะ......” ยูกิพูดไม่ทันจบก็มีเสียงรถขับผ่านมาทำให้ผมได้ยินไม่ถนัดนัก แต่ก็พอจับใจความได้ว่า เขากำลังรักใครสักคนหนี่งอยู่ และเมื่อผมคิดได้ดังนั้นก็รู้สึกเจ็บตรงอกข้างซ้ายขึ้นมา แต่ทำไมยูกิถึงพูดแบบนี้ทั้งๆที่หลับอยู่ผมก็ไม่รู้

       

      “ยูกิ” และผมก็อยู่ดูแลยูกิจนถึงเช้า

       

      “อืม” เสีงอันงัวเงียของใครบางคนเดินลงมาข้างล่าง

       

      “ไง ตื่นแล้วหรอยูกิ” ผมที่กำลังทำอาหารเช้าให้ยูกิพูดขึ้นเมื่อเห็นเขาลงมา

       

      “โจวโนะอุจิคุง” ยูกิพูดอย่างตกใจเมื่อเห็นผม ผมอยากรู้จริงๆเลยว่าผมเป็นผีรึไง ถึงร้องอย่างตกใจแบบนั้นนะ

       

      “อืม ฉันเองละ” ผมพูดจบยูกิก็รีบวิ่งเข้ามาหาผม

       

      “โจวโนะอุจิคุงมาอยู่ที่นี้ได้ยังไงกันนะ” ยูกิพูดพร้อมจับแขนของผม

       

      “ก็เมื่อวานใครไม่รู้วิ่งเข้าไปช่วยฉัน ตอนจบก็สลบไปซะงั้นนะ” ผมพูดจบก็ตักไข่เจียวใส่จาน

       

      “55 ขอโทษทีนะที่ทำให้นายลำบากนะ” ยูกิพูดพร้อมเดินไปนั่งที่เก้าอี้

       

      “ไม่เป็นไรหรอกนะ” ผมพูดจบก็วางจานไข่เจียวลงบนโต๊ะ

       

      “นี้ โจวโนะอุจิคุง” อยู่ดีๆยูกิก็เรียกชื่อของผมทำให้ผมหันไปมอง

       

      “เมื่อคืนนะนายได้ยินอะไรรึเปล่า” ยูกิพูดพร้อมก้มหน้าลง

       

      “ได้ยินว่าอะไรหรอ” ผมแกบ้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตอบกลับไป

       

      “งั้นหรอ ตกใจหมดเลย” ยูกิพูดจบก็หันไปกินข้าวกับไข่เจียวที่ผมทำ

       

      “นี้ โจวโนะอุจิคุง” และผ่านมาสักพักยูกิก็เรียกชื่อผมอีกครั้ง

       

      “อะไรหรอยูกิ” ผมหันไปถามยูกิที่ตอนนี้กำลังจ้องผมอยู่

       

      “นายจะสัญญากับฉันได้รึเปล่าว่าจะไม่กินเหล้ากับไปทะเลาะวิวาทอีกนะ” ยูกิพูดด้วยน้ำเสียจริงใจ แต่ถ้แป็นผมเมื่อก่อนนี้ก็คงบอกว่าไม่มีทางหรอกะ แต่ตอน้ะ

       

      “ก็ได้ ฉันจะพยายามนะ”ผมพูดจบก็หันมากินข้าวต่อ ส่วนยูกินั้นก็ดีใจมาก มากจนเกินไปเสียด้วยซ้ำ

       

      “จริงๆนะโจวโนะอุจิคุง สัญญากับฉันแล้วนะ” ยูกิพูดพร้อมยื่นหน้าเขามาหาผม

       

      “อืม แต่รีบกินเถอะเดี๊ยวฉันจะแย่งกินหมดซะหรอกนะ” เมื่อผมพูดจบยูกิก็รีบพูดต่อว่า

       

      “อ่า อย่าแย่งสิ” ยูกิพูดจบก็รีบกินข้าว ในตอนนั้นผมมีความสุขมากที่ได้แกล้งยูกิ

       

      “นี้จะว่าไปนะ ปู่ของนายหายไปไหนหรอ ยูกิ” ผมที่กินข้าวเสร็จแล้วกำลังเก็บจานไปล้างถามยูกิ

       

      “อ่อ คุณปู่ไปงานของเพื่อนนะ อีกนานกว่าจะกลับมา” ยูกิที่กินเสร็จหลังจากผมไม่นานก็เดินมาเก็บจานและก็มาช่วยผมล้างจานอีกคน

       

      “งั้น ฉันจะมาอยู่เป็นเพื่อนดีไม” ผมถามออกไปสร้างความตกใจให้กับยูกิเป็นอย่างมาก และผมก็ยังตกใจเลยที่ตัวเองพูดอะไรแบบนั้นออกไป

       

      “อืม” ยูกิตอบผมกลับมายิ่งทำให้ผมประหลาดใจยิ่งเข้าไปอีก

       

      “งั้น เดี๋ยวฉันจะเก็บเสื้อผ้าสักพัก จะกลับมานะ” ผมพูดหลังจากที่เก็บจานทุกใบหมดแล้ว

       

      “อืม ฉันจะรอนะ” ยูกิพูดพร้อมโบกมือและส่งรอยยิมมาให้ผม

       

      “อืม” ผมตอบก่อนจะมุ่งหน้ากลับบ้านไปเก็บเสื้อผ้าของตนเอง และระหว่างที่เดินไปผมก็ได้แต่คิดทบทวนทุกเรื่องที่เกิดขึ้นมา ไม่ว่าตอนเจ้านั้นมันกำลังทำร้ายยูกิ หรือจะเป็นตอนที่ยูกิบอกว่ามีคนที่ชอบแล้ว แม้กระทั่งรอยยิ้มของยูกิ มันทำให้หัวใจของผมเต้นระรัวตลอดเวลา

       

      “แอ๊ด” เมื่อผมเปิดประตูเข้าไปในบ้านก็แทบจะตายเพราะพ่อของผมกินเหล้ามากกว่าทุกวัน

       

      “ไง กลับมาแล้วหรอิ” พ่อของผมที่นอนอยู่บนโซฟาถามผม แต่ผมนั้นไม่สนใจมุ่งหน้าไปเก็บเสื้อผ้าและเดินออกมา แต่ก็โดนทักไว้ก่อน

       

      “นั้นแกจะไปไหนนะ” พ่อของผมถามขึ้นเมื่อเห็นว่าผมกำลังแบกระเป๋าที่มีเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวของตัวเองอยู่

       

      “จะไปค้างบ้านเพื่อนอีกนานกว่าจะกลับ” เมื่อผมพูดจบกเดินออกมา และกลับไปหายูกิที่บ้าน

       

      “กลับมาแล้วละยูกิ” ผมพูดจบก็เดินเข้ามาในบ้านของยูกิ

       

      “โจวโนะอุจิคุง” ยูกิพูดจบก็ดึงผมให้เดินตามไป

       

      “นี้ห้องของโจวโนะอุจิคุงนะ” ยูกิเดินไปเปิดประตูให้ผม และเมื่อผมมองเข้าไปในห้องก็ต้องตกใจเพราะมันสะอาดมาก แต่เมื่อก่อนผมเห็นว่ามันสกปรกมากเลยแท้ๆ

       

      “ยูกินายทำความสะอาดให้หรอ” ผมหันไปถามเพื่อนชายตัวเล็กของผมที่ตอนนี้ผมก็เริ่มเห็นร่องรอยของความสกปรกแล้ว

       

      “55 ก็นะ” ยูกิพูดพร้อมเกาแก้มของตนแก้ความเขินที่ให้เพื่อนมาเห็นในชุดที่เขายังไม่ได้เปลี่ยนหลังจากทำความสะอาดห้องมา

       

      “นายนี้ละน่า” ผมพูดจบก็เดินเข้าไปในห้องนั้นและก่อนปิดประตูผมก็พูดขึ้นว่า “ขอบใจนะยูกิ”

       

      และหลังจากนั้นผมก็มาอยู่บ้านของยูกิจนถึงวันที่ปู่ของเขากลับมา และในตอนนั้นผมก็กลายเป็นคนดีไปเสียแล้ว ไม่รู้ว่าตอนไหนที่โดนห้ามทำจนนิสัย อันธพาลหายไปจนหมด และนิสัยที่ชอบกินเหล้าก็หายไปด้วย

       

      “ขอบใจมากเลยนะโจวโนะอุจิที่มาช่วยดูแลยูกิให้ในตอนที่ฉันไม่อยู่นะ” คุณปู่ของยู฿กิบอกกับผมก่อนที่ผมจะกลับบ้านในวันนี้

       

      “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมตั้งหากที่ต้องขอบคุณยูกิที่ทำให้ผมเป็นคนใหม่” ผมตอบก่อนจะยิ้มส่งไปให้และกำลังจะลุกขึ้นเดินกลับบ้านก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาที่บ้านของยูกิ และคุณปู่ของยูกิก็วิ่งรับ ผมในตอนนั้นตามจริงคงจะกลับบ้านไปแล้ว แต่ก็กำลังใส่รองเท้าอยู่

       

      “ครับ ใช่ครับผมเป็นปู่ของยูกิครับ ว่ายังไงนะครับ ยูกิประสบอุบัติเหตุงั้นหรอครับ” เมื่อสิ้นคำพูดนั้นมมองของผมก็ขาวโพลนไปหมด

       

      “ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยครับ” ปู่ของยูกิเมื่อวางสายเสร็จผมก็รีบพูดขึ้นว่า

       

      “ยูกิประสบอุบัติเหตุ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลอะไรหรอครับ” ผมถามเสียงเรียบ

       

      “โรงพยาบาลxxxนะ” เมื่อได้ยินแบบนั้นร่างกายของผมก็รีบพุ่งตัวออกไปทันที

       

      “โจวโนะอุจิคุง” ผมไม่สนใจฟังเสียงใครทั้งนั้นร่างกายของผมกำลังมุ่งตรงไปที่โรงพยาบาลแห่งนั้นทันที

       

      “มุโต้ ยูกิอยู่ที่ไหนครับ” ผมรีบวิ่งเข้าไปถามพยาบาลหญิงคนหนึ่งทันที

       

      “อ่อ มุโต้ ยูกิตอนนี้กำลังอยู่ในห้องฉุกเฉินอยู่คะ คุณเป็นญาติของมุโต้ ยูกิหรอคะ” พยาบาลคนนั้นถามผมแต่ในตอนนี้ผมจะไม่รอฟังอะไรทั้งนั้น

       

      “คุณคะ อย่าวิ่งในโรงพยาบาลสิคะ” พยาบาลคนนั้นตะโกนไล่หลังผมมา และผมก็กำลังนั่งรอหมอที่กำลังช่วยยูกิอยู่

       

      “โจวโนะอุจิคุง” เมี่อผมได้ยินเสียงเรียกก็หันไปมองคนๆนั้น

       

      “คุณปู่ของยูกิ” ผมเรียกชื่อนั้นโดยสงบนิ่ง

       

      “ยูกิเขาต้องไม่เป็นไรแน่นอน” ถึงมันจะเป็นคำปลอบที่ดีแต่ในใจของผมตอนนี้มันกำลังรุ่มร้อนไปหมด เหมือนกับไฟที่ไม่มีวันดับ และผมนั้นก็ได้แต่นั่งคิดถึงเรื่องในสมัยก่อนที่ผมกับยูกิอยู่ด้วย

       

      “ผมขออยู่คนเดียวสักพักเถอะครับ” ผมพูดจบคุณปู่ของยูกิก็นั่งเงียบรอหมอให้เดินออกมาบอกอาการของยูกิ

       

      “แอ๊ด” เสียงประตูถูกเปิดออก

       

      “คุณหมอครับ ยูกิๆ เป็นยังไงบ้างครับ” คุณปู่ของยูกิรีบวิ่งเข้าไปถาม และอย่าสงสัยเลยว่าทำไมถึงไม่เข้าไปถาม เพราะผมกำลังขาอ่อนอยู่ ตอนนี้เดินไปไหนไม่ได้เลย

       

      “ตอนนี้คนไข้ ปลอดภัยแล้วละครับ แต่ว่าถ้าเขาไม่ตื่นขึ้นมาใน2วันนี้ เขาจะกลายเป็นเจ้าชายนิทรานะครับ” หมอพูดจบผมก็ยิ่งตกอยู่ในหลุมดำของความคิดต่อไป แถมยังลึกยิ่งกว่าเดิม

       

      “ขอบคุณนะครับ” ปู่ของยูกิพูดจบก็เดินมาดูอาการของผม

       

      “เราไปดูอาการของยูกิกันเถอะนะ” พูดจบผมที่เหมือนร่างที่ไร้วิญญาณก็เดินตามคุณปู่ของยูกิไป

       

      เมื่อมาถึงห้องผมก็รีบเดินไปนั่งลงข้างๆเตียงที่ยูกินอนอยู่

       

      “ยูกิ” ผมจับมือของยูกิไว้แน่น และผมก็เฝ้ามองยูกิที่อยู่บนเตียงอย่างมีความหวังว่าเขาจะตื่นขึ้นมาและผมก็เพลอหลับไป

       

      เช้าวันต่อมา

       

      “อืม” ผมตื่นขึ้นมาผมก็ยังคงกุมมือของยูกิไว้แน่น ส่วนคุณปู่ของยูกินั้นบอกว่าจะไปเอาเสื้อผ้ามาคอยเฝ้ายูกิ

       

      “ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า” เมื่อผมกำลังจะเดินไปห้องน้ำมือของยูกิก็ไม่ยอมปล่อยมือจากมือของผม

       

      “ยูกิ นายตื่นแล้วหรอยูกิ” ผมหันไปพูดกับร่างตรงหน้า แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา

       

      “ยูกิฉันยังเชื่อนะว่านายจะต้องตื่นขึ้นมาอีก นายต้องตื่นขึ้นอยู่กับฉันนะยูกิ” ผมพูดจบก็กำมือของยูกิแน่น

       

      หลังจากนั้นสักพักผมก็เดินไปอาบน้ำและคุณปู่ของยูกิก็กลับมา

      และวันเวลาก็ผ่านไปเร็ว จนตอนนี้ความหวังที่ยูกิจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งเริ่มน้อยเต็ม แต่ผมนั้นจะยังเฝ้ารอ จะเฝ้ารอวันที่ยูกิกลับมา

       

      “อืม” และก็มีเสียงดังขึ้นมา

       

      “ยูกิ นายตื่นแล้วหรอ” ผมหันมองยูกิ

       

      “...” ยูกิทำปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ตอนนี้เขากำลังใส่ที่ช่วยหายใจอยู่ผมจึงไม่ได้ยิน ปู่ของยู฿กินั้นรีบเรียกหมอมาทันทีและหลังจากที่หมอตรวจเสร็จแล้วหมอก็บอกว่า

       

      “ดีใจด้วยนะครับ ยิคุงเขาโชคดีมากที่มีกำลังใจดีนะครับเนี่ย อีกไม่นานคงจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้วละคะ” พูดจบหมอก็เดินจากไป

       

      “ยูกิ นายเป็นยังไงบ้าง” ผมรีบวิ่งเข้าไปหายูกิ

       

      “ไมส่เป็นไรหรอกนะ โจวโนะอุจิคุง” ยูกิบอกพร้อมยิ้มออกมา

       

      “ยูกิ ปู่ออกไปซื้อของหน่อยนะ” พูดจบปู่ของยูกิก็เดินออกไป

       

      “ยูกิ นายรู้ไมฉันตกใจมากเลยนะที่รู้ว่านายเจออุบัติเหตุนะ” ผมหันบอกยูกิ และนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง

       

      “ฉันไม่ตายง่ายๆหรอกน่า ก็เพราะว่า” ยูกิเว้นวรรคไว้ทำให้ผมยิ่งอยากรู้

       

      “ว่าอะไรหรอยูกิ” ผมหันไปถามยูกิ

       

      “ก็เพราะว่าผมนะยังไม่ได้บอกรักโจวโนะอุจิคุงเลยนี้น่า” พูดจบยูกิหันไปทางอื่น

       

      “ยูกิ” หรือว่าตอนนั้นที่ยูกิละเมออกมาจะบอกว่า ฉันนะ รักโจวโนะอุจิคุงนะ

       

      “55 แต่ว่าโจวโนะอุจิคุงคงจะรู้สึกกับผมแค่เพื่อนสินะครับ ผมคงจะหวังมากเกินไปหน่อยแล้วสิ” พูดจบยูกิก็หันมาหัวเราะกลบเกลือน

       

      “ยูกิ” ผมพูดพร้อมกอดยูกิแน่นจนเจ้าตัวตกใจ

       

      “โจวโนะอุจิคุงทำอะไรนะครับ” ยูกิถาม

       

      “ฉันก็รักนายนะ” ผมพูดเสียงเบา แต่ผมเชทื่อนะว่ายูกิได้ยิน

       

      “หะ” แต่ว่ามันดันไม่ได้ยินซะนี้

       

      “ฉันบอกว่า ฉันรักยูกินะ” เมื่อผมพูดจบยูกิก็หน้าแดงไปเลย

       

      “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าฉันรักนายตั้งแต่เมื่อไร แต่ฉันรักนายนะยูกิ ไม่ว่ายังไงฉันก็รักนายนะ” ผมพูดพร้อมกอดยูกิแน่นขึ้น

       

      “ฉันก็เหมือนกันนะ โจวโนะอุจิคุง” หลังจากนั้นเราก็กอดกันอยู่นานจนปู่ของยูกิที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็มาเตือนว่ากอดกันนานไหม

       

      และเรื่องนี้ก็จบอย่างมีความสุข แต่เราจะยังเขียนต่อ

       

      นี้ โจวโนะอุจิคุง ช่วยหยิบของบนนั้นให้ฉันหน่อยสิ” ยูกิพูดขึ้นเมื่อยากหยิบของหลังตู้ แต่ความสูงก็ไม่อำนวย

       

      “อยากให้ช่วยงั้นหรอ” ผมหันไปถามยูกิ

       

      “อืม ช่วยหน่อยนะ” ยูกิพยายามเข้ามาอ้อนผม

       

      “ก็ได้ แต่ว่านายต้องหอมแก้มฉันห่อน” ผมพูดข้อเสนอออกไป

       

      “จะบ้าหรอ โจวโนะอุจืคุง” ยูกิพูดพร้อมหน้าแดง

       

      “ใครบ้ากันละ เราเป็นแฟนกันแล้วนะ” ผมหันไปบอกยูกิก่อนจะกลับมาอ่านหนังสือต่อ

       

      “อ่า ก็ได้” และยูกิก็ก้มหน้าลงหอมแก้มผม

       

      “แค่นี้พอใจรึยังละ =///////=” ยูกิถามโจวโนะอุจิขึ้น

       

      “อืม แต่ว่าตอนนี้อยากได้มากกว่านั้แล้วละ” พูดจบผมก้ขึ้นคร่อมยูกิ

       

      “ไม่เอานะโจวโนะอุจิคุง เมื่อคืนก็เอาไปแล้วไม่ใช่หรอ” ยูกิพยายามประท้วงผม

       

      “แต่ว่าฉันอยากได้ตอนนี้นี่น่า” และเพลงแห่งความรักก็เริ่มบรรเลงอีกครั้ง



      จบแบบที่2

       

      และวันเวลาก็ผ่านไปเร็ว จนตอนนี้ความหวังที่ยูกิจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งเริ่มน้อยเต็ม แต่ผมนั้นจะยังเฝ้ารอ จะเฝ้ารอวันที่ยูกิกลับมา

       

      “นี้ยูกิ มันก็ผ่านมา5ปัแล้วนะ เมื่อไรนายจะตื่นขึ้นมาสักทีละยูกิ” เวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้ผ่านมาได้5ปีแล้ว

       

      “วันนี้ฉันเอาดอกไม้มาฝากด้วยละ ฉันหวังว่านายคงจะชอบนะยูกิ” ดอกกุหลาบตูมสีขาว

       

      “นายคงจะไม่รู้สินะว่ามันหมายความว่าไงนะ แต่เมื่อไรที่นายตื่นขึ้นมา ฉันจะบอกนายเองนะยูกิ” ผมพูดจบก็ก้มลงไปจูบหน้าผากของยูกิก่อนจะเดินกลับไปทำงาน

       

      ตอนนี้ผมกำลังทำงานที่บริษัทของไคบะ คอปเปอร์เรชั่น ของเจ้าไคบะบ้านั้น ผมทำแบบนี้มานานแล้วละครับ เมื่อวันก่อนก็เอาดอกบัตเตอร์คัพไปให้ แล้วผมก็คิดว่าพรุ่งนี้จะเอาดอกโรสแมรี่มาให้เสียหน่อย

       

      “พี่โจวโนะอุจิ ไปหายูกิคุงมาหรอครับ” เสียงของน้องชายของเจ้าไคบะบ้านั้นพูดขึ้น ใช่เขาคือโมคุบะคุงนั้นเองอ

       

      “อืม แต่ยูกิก็ยังไม่รู้สึกอยู่ดี” ผมเดินเข้าไปในบริษัทพร้อมกับโมคุบะ

       

      “ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงสักดวันพี่ยูกิต้องตื่นขึ้นมาแน่นอนครับ แล้ววันนี้พี่เอาดอกอะไรไปให้หรอครับ” โมคุบะทั้งพูดปลอบและถามผมไปพร้อมๆกัน

       

      “ดอกกุหลาบตูมสีขาวนะ” ดอกไม้ที่พูดถึง...

       

      “แด่เธอ...ที่ไม่มีความรู้สึก สินะครับ” โมคุบะก็เหมือนนี้

       

      “อืม” ผมพูดจบก็เดินมาถึงห้องทำงานแล้ว

       

      “งั้นผมไปนะฮะ” โมคุบะพูดจบก็เดินจากไป

       

      “เฮ้อ” และในขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูเข้าไปก็มีคนเดินเข้ามาเรียกผมซะงั้นนะ แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้ไปทำงานสักที เดี๋ยวก็โดนเจ้าไคบะไล่ออกแน่ ถ้าฉันโดนจะฆ่าคนที่มาเรีกยนี้ละ

       

      “ท่านไคบะเรียกนายนะ” อ้าว ที่แท้ก็เจ้าบ้านั้นนี่เอง

       

      “อืม” จะเรียกหาทำไม มีเรื่องอะไรรึเปล่า หรือว่าจะไล่เราออก

       

      “ก๊อกๆ” และเมื่อมาถึงผมก็เคาะประตูตามมารยาท

       

      “เข้ามาสิ” และเมื่อผมเดินเข้าไปก็พบชายผิวสีแทนผมทรงประหลาดเหมือนๆกับยูกิ นั่งอยู่ข้างไคบะ

       

      “นี้คืออาเทม เป็นเพื่อนของฉันเอง เขาจะมาช่วยงานบริษัทฉัน” ไคบะพูดแนะนำเพื่อนนั่งข้างของตน

       

      “ถ้าจะมาบอกแค่นี้ แล้วเรียกฉันมาทำไม” ผมพูดแบบไม่ไว้หน้าไคบะ

       

      “ก็เพราะว่าเขาจะมาเป็นหัวหน้าของนายยังไงละ” ไคบะพูดจบผมก็ถึงกับหวอ

       

      “ไง ฝากเนื้อฝากตัวด้วยละ” และชายชื่ออาเทมก็หันมาพูดกับผม

       

      “ชิ” และในที่สุดเขาก็ต้องมาเป็นหัวหน้าหน่วยของผม ซึ่งหน่วยงานที่ผมทำอยู่คือ การตรวจสอบทุกอย่างที่ต้องมาถึงและออกจากบริษัทแห่งนี้ แล้วทำไม เจ้าหน้าหล่อน้อยกว่าผมนี้ถึงอยากมาเป็นหัวหน้าหน่วยผมกันละเนี่ย

       

      “เอาละ พวกเราวันนี้จะมีหัวหน้าหน่วยมานะ เขาชื่ออาเทม” ผมที่โคตรเบื่อมากกับการทำงานพูดจบก็เดินออกไปให้อาเทมเดินเข้ามาและสาวๆในหน่วยงานก็กรี๊ดกันสนั่น

       

      “ผมจะมาเป็นหัวหน้าหน่วยนะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก และก็อย่าถามละครับว่าทำไม มันเป็นความลับนะครับ” เจ้าอาเทมบ้านั้นพูดพร้อมดักทางทุกคนไว้ก่อน


      “ไหนโต๊ะทำงานของฉันงั้นหรอ” อาเทมพูดจบก็หันมามองผม และผมก็สังเกตเห็นแววตาแปลกๆของหมอ นี้ เจ้านี้คงไม่คิดจะเอาผมไปเป็นเมียหรอกนะ

       

      “พาฉันไปหน่อยสิ” และเมื่อเจ้านั้นเตือนสติผมได้แล้ว ผมก็พาไปที่นั่งของมัน

       

      และหลังจากนั้นวันเวลาก็ผ่านไปจนวันหนึ่ง

       

      “ไง ยูกิวันนี้ฉันก็มาเยี่ยมอีกแล้วนะ วันนี้ฉันเอาดอกกุหลาบสีขาวมาให้ดด้วยละ ขอให้นายตื่นขึ้นมาไวๆละ” และผมก็เดินออกมาจากรงพยาบาลแห่งนั้น และระหว่างถามผมก็ได้ยินพยาบาลพูดกันว่า

       

      “มาเยี่ยมอีกแล้วละเธอ มาเยี่ยมทุกวันแบบนี้น่าสงสารเนอะ ทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่มีวันตื่นขึ้นมานะ” พยาบาลที่คุยกันอยู่2คนนั้นคงคิดว่าผมไม่ได้ยิน แต่ใครจะรู้ว่า ผมได้ยินเต็มหูทั้ง2ข้างเลย

       

      “ยังไงซะ ฉันก็จะรอนะยูกิ” และเมื่อเดินออกมาไม่กี่ก้าวก็เหตุขึ้น

       

      “แกแล้วไฟไหม้ๆ” เสียงของพยาบาลและคนรอบข้างเริ่มร้องโวยวายแตกตื่น

       

      “ยูกิ” และสมองขอบงผมที่อึ้งอยู่นานก็เริ่มสั่งการให้วิ่งเข้าไป

       

      “คุณครับ หยุดเถอะครับ เข้าไปตอนนี้ก็มีแต่ตายกับตายนะครับ” เสียงของชายคนหนึ่งวิ่งมาดึงผมเอาไว้ แต่ใครจะเย็นไหวละ

       

      “ปล่อยฉันนะ” และเมื่อผมหยุดออกมาจากมือของเจ้านั้นก็รีบวิ่งเข้าไปหายูกิข้างใน ข้างในนี้ร้อนมาก อย่างกับว่าตัวเองอาจจะตายได้ ถ้าอย่นานกว่านี้ แต่ว่ายังไงซะผมก็ต้องไป เพื่อยูกิคนเดียนวที่ผมจะรัก

       

      “ครืน” เสียงของไม้ต่างๆที่โดนไฟไหม้เริ่มพังลงมาทำให้ผมต้องรีบวิ่งเข้าไปหายูกิ

       

      “ยูกิๆ” และเมื่อเข้ามาผมก็ต้องรีบคว้าตัวยูกิเข้ามาในอ้อมกอดแต่ว่าทางเข้าก็ดันถูกปิด

       

      “ชิ บ้าจริง” แต่ว่าก็มีคนเดินเข้ามาช่วยผมไว้

       

      “ไง” และเมื่อผมหันไปมองก็ต้องตกใจ

       

      “คุณอาเทม” ถึงต่อหน้าจะเรียกงี้แต่ความจริงเรียกเจ้านั้นนะ เจ้านั้นมันเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับผ้าที่เปียกน้ำ

       

      “เอาไปกันเถอะ” เมื่อพูดจบพวกเราก็รีบวิ่งออกมาจากตึกโรงพยาบาลที่โดนไฟไหม้อย่างรวดเร็ว และเมื่ออกมาถึงผมก็ต้องกอดยูกิแน่นขึ้น

       

      “นี้คงเนคนสำคัญของนายสินะ” เจ้านั้นหันมาถาม

       

      “อืม เขาเป็นคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้ผมอยู่บนโลกนี้ต่อไปได้” ถึงมันจะฟังดูน้ำเน่าแต่มันก็เป็นเรื่องจริงละนะ

       

      “งั้นหรอ รู้สึกว่า เราคงจะเหมือนกันนะ” และเมื่อเจ้านั้นพูดจบผมก็หันไปมองมันทันที

       

      “หมายความว่ายังไง” ผมหันไปถามด้วยความสงสัย

       

      “ก็เพราะว่า ยูกิเขาก็เป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้ฉันอยู่บนโลกใบนี้ได้” และเมื่อพูดจบหัวใจของผมก็สั่นสะท้านอีกครั้ง หรือว่าคนๆนี้คือคนที่ยูกิบอกว่ารักกันนะ

       

      “ช่วยพาคนเจ็บมารวมกันด้วยคะ” เสียงของพยาบาลคนหนึ่งพูดขึ้นทำให้ผมต้องพายูกิไปในกลุ่มนั้น

       

      และหลังจากนั้นยูกิก็ถูกย้ายไปอยู่โรงพยาบาลอื่นแทน และมันก็ยิ่งใกล้บริษัทของไคบะเข้ามาอีก

       

      “ยูกิ” และวันนี้ผมก็เข้ามาเยี่ยมยูกิอีกครั้ง แต่ก็มีดอกไม้อยู่ในแจกันเสียแล้ว

       

      “ดอกคาร์เนชั่นสีเหลือง” มันหมายถึง สำหรับคุณที่บริสุทธิ์และน่ารัก

       

      “ไงโจวโนะอุจิคุง มาเยี่ยมยูกิด้วยหรอ เสียงของใครสักคนที่ผมไม่อยากจะเจอหน้าที่สุดพูดขึ้นมาทำให้ผมหันไปมอง

       

      “หัวหน้าก็ด้ยวหรอครับ” ผมพูดออกไปอย่างยิ้มแย้ม

       

      “อืม นั้นนายเอาดอกอะไรมาหรอ” เสียงของเจ้านั้นถามถึงดอกไม้ที่อยู่ในมือของผม

       

      “อ่อ ดอกไอริสนะ” ผมตอบกลับพร้อมยื่นช่อดอกไม้ไปให้เจ้านั้นดู

       

      “อ่อ ที่หมายถึงฉันมีอะไรจะบอกคุณงั้นหรอ” เจ้านั้นถามพร้อมส่งยิ้มมาให้ และผมก็รู้สึกได้ว่า เจ้านั้นคงไม่ได้พูดเล่นเรื่องของยูกิ

       

      “นายจะไปทำงานอยู่แล้วใช่ไมละ ไปรถคันเดียวกับฉันไม” เจ้านั้นหันมาถามผม

       

      “ก็เอาสิครับ” และผมก็ยอมตกลงและเมื่อเข้ามาในรถของเจ้านั้นผมก็สึกได้เลยว่าฐานะเรามันต่างกันมากเลย

       

      “หัวหน้านะ ชอบยูกิงั้นหรอ” หลังจากที่เจ้านั้นออกรถมาได้สักพัก ผมก็เปิดฉากถามขึ้น

       

      “ทำไมพูดห่างเหินกันจังละ ฉันไม่ชอบหรอกนะ ทั้งๆที่เราก็กำลังจะต้องมาสู้กันอยู่แล้วสนิทสนมกันไว้ไม่ดีกว่าหรอ” เจ้านั้นหันมาถามผมก่อนจะส่งยิ้มเย็นมาให้ แต่มันก็ไม่ทำให้ผมกลัวเลยสักนิดเดียว ละมั้ง

       

      “ผมถามคำถาคุณ ช่วยตอบผมด้วย” ผมย้ำเตือนว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้ตอบคำถามของผมเลย

       

      “อืม เพราะว่าในสมัยก่อนฉันก็อยู่ญี่ปุ่นนั้นละ แล้วก็มีอยู่วันหนึ่งฉันเห็นยูกิกำลังโดนทำร้ายเลยเข้าไปช่วย และฉันก็ตกหลุมรักยูกิตั้งแต่แรก ไม่เหมือนนายที่ยูกิคอยอยู่ข้างๆ แต่กลับไม่เคยเห็นค่าของเขาเลย” คำพูดนั้นเสียดแทงลึกลงมาในหัวใจ

       

      “ผมขอโทษแล้วกันที่ไม่เห็นค่าของยูกิมาก่อน แต่ก็ยังดีกว่าคนอย่างคุณที่ไปอยู่ต่างประเทศมาจนถึงตอนนี้ที่เพิ่งจะได้รู้ข่าว” และผมก็เชื่อว่ามันคงจะแทงลงไปในใจของเจ้านั้นได้มากอยู่

       

      “อืม มันก็จริง แต่ว่าตอนนี้ฉันกลับมาแล้ว ฉันอาจจะไม่ได้อยู่กับยูกิมานานแบบนาย แต่ฉันจะทำให้ยูกิมีความสุขได้มากกว่านายแน่นอน” จั้น้นพูดอย่างแน่ใจมาก แน่ใจมากจนเกินไป ผมนี้ละจะทำให้มันได้รู้ว่ายูกิชอบใครมากที่สูดนะ(มันใจเสียเหลือเกินนะ)

       

      “งั้นคราวหน้าไว้ค่อยคุยกันอีกละกันนะ” และผมกับเจ้านั้นก็เข้าบริษัทมาทำงาน

       

      วันเวลาก็ล่วงเลยผ่านมาได้ราวๆ1สัปดาห์ ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น

       

      “อืม” เสียงของคนที่นอนอยู่บนเตียงบมากกว่า5ปีร้องขึ้นทำให้พวกนางพยาบาลรีบวิ่งไปบอกหมอ และหมอก็โทรมาบอกผม

       

      “ยูกิ นายไม่เป็นไรนะ” ผมที่มาถึงห้องที่ยูกิพักอยู่พูดขึ้น

       

      “อืม โจวโนะอุจิคุง” ยูกิที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่บนเตียงตอบผมกลับมาด้วยรอยยิ้ม


      “ไง ยูกิเป็นยังไงบ้าง” และเสียงของเจ้าบ้านั้นก็ดังขึ้นมา

       

      “คุณอาเทมใช่ไมฮะ” ยูกิร้องอย่างดีใจเมื่อเจอเจ้านั้น

       

      “อืม ฉันเองละยูกิ” และผมก็ต้องรีบออกมาเพราะบรรยากาศมันช่างน่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก และเมื่อไหร่ที่ผมกับยูกิอยู่ด้วยกันแล้วละก็เจ้านั้นก็จะมาขัดทุกที และมีอยู่วันหนึ่งที่ผมเห็นเจ้านั้นที่ร้านดอกไม้

       

      “ผมเอาดอกไอวี่ครับ” และทันทีที่ผมได้ยินก็เข้าใจและก็คิดปลงกับตัวเอง แต่ก็ยังพอมีโอกาสต้องรีบไปบอกยูกิ

       

      แต่แล้วผมก็มาไม่ทันจนได้

       

      “ยูกิ นายจะช่วยแต่งงานกับฉันได้ไม” อาเทมที่มาถึงบ้านของยูกิก่อนผมแค่ไม่นานพูดกับยูกิพร้อมยื่นช่อดอกไอวี่ไปให้

       

      “คุณอาเทม-/////-“ ยูกินั้นหน้าแดงจัดจนทำให้ผมรู้สึกอิจฉาเจ้านั้นขึ้นมา

       

      “ยูกิ” เสียงของเจ้านั้นพูดขึ้นอีกคึรั้งและยูกิก็ตอบกลับมา และมันก็ทำให้ผมยิ่งเจ็บปวดหัวใจ

       

      “ครับ” และผมก็คงจะกลายเป็นร่างไร้วิญาณไปตลอดชีวิต

       

      หลังจากนั้นงานของทั้งคู่ก็ได้ถูกเตรียมขึ้นมา

       

      “นี้โจวโนะอุจิคุง นายว่าแบบไหนดีกว่าหรอ” ยูกิที่ตอนนี้กำลังเลือกแบบการ์ดแต่งงานอยู่ถามผมด้วยใบหน้าที่แจ่มใส

       

      “ฉันก็ไม่รู้สิ ยูกิคงจะมีที่ชอบอยู่แล้วละ” ผมตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่ฝืนเต็มทน

       

      “ยูกิไปกินข้าวกันเถอะ” และเสียงของคนที่ทำให้ผมต้องมาทนนั่งทุกข์ใจอยู่ทุกวันก็ดังขึ้น

       

      “ฮะ คุณอาเทม” และยูกิก็รีบวิ่งเข้าไปหาเจ้านั้น เจ้านั้นที่ผมคงได้แต่เฝ้ามองและอิจฉา

       

      “ยูกิ ทำไมนายต้องทำให้ฉันรักแล้วก็จากฉันไปด้วยละ” ผมได้แต่นั่งคิดกับตัวเองเรื่อยๆมา

       

      ในที่สุด ก็ไม่มีวันได้สมใจ

      ในที่สุด สิ่งที่พยายามมาก็จบสิ้น

      ในที่สุด ฉันก็ได้แค่เฝ้ามองและอิจฉา

      ดังดอกกุหลาบสีเหลองที่จะไม่มีวันแห้งเหี่ยวอีกต่อไป

       

      ยูกิฉันอยากจะบอกนายก่อนไปนะว่า

       

      ฉันรักนายและจะไม่มีวันลืมไปตลอดกาล

       

      ลาก่อนนะทุกคน ฉันคงจะอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เมื่อหัวใจได้สลายไป ฉันก็คงต้องตายอย่างเดียว

       

      จบไม่ดราม่าเท่าไรนะ แต่ทำไมตอนจบโจวโนะต้องฆ่าตัวตายด้วยก็ไม่รู้

      อ้างอิงภาษาดอกไม้จากเว็บ:http://www.thaigoodview.com/node/3749

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×