พยาบาลทหารบก เส้นทางสีขาวสู่ดวงดาวสีทอง(Army Nurse)
ช่วยในการตัดสินเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ เส้นทางนี้ต้องอดทนอย่างทหาร อ่อนหวานแบบพยาบาล^^
ผู้เข้าชมรวม
25,506
ผู้เข้าชมเดือนนี้
110
ผู้เข้าชมรวม
อยากให้บทความนี้มีประโยชน์กับน้องๆหลายๆคนที่อยากจะมาเป็นพยาบาลทหารบก มีหลายๆคนถามถึงเมื่อมาเรียนแล้วต้องเจอกกับอะไรบ้าง ยังจำความได้เมื่อตัดสินใจมาเรียนที่นี่ ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับพยาบาลทหารบกเลยพอดีมีเพื่อนสนิทอยากเรียนเลยทำตามๆเพื่อนดู มีรุ่นพี่บอกว่าฝึกหนักเรียนหนักนะ เราก็คิดว่ามันจะหนักอะไรคือความหนัก ก็คงเหมือนกับไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอกมั้งเนอะ...จะเล่าให้ฟัง
อ่ะงั้นเรามาเริ่มต้นจากขั้นตอนการมาเรียนที่นี่กันดีกว่า วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบกจะเปิดรับนักเรียนที่จบ ม.ปลาย สายวิทย์คณิต และสอบกับระบบส่วนกลางตอนนี้ไม่แน่ใจล่ะใช้สอบระบบอะไรเอาเป็นว่าสอบทำคะแนนของส่วนนี้ให้ดีๆนะคะ และมาซื้อใบสมัครกับวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบกกัน ช่วง มกราคม- มีนาคม ของทุกๆปี ซื้อละกรอกเอกสาร ส่งเอกสารสำเนาทะเบียนบ้านใบเกิด บลาฯๆ ให้ครบ เมื่อส่งครบแล้วสอบของระบบส่วนกลางONET วิทย์/คณิต/อังกฤษ ต้อง 30 คะแนนขึ้นไป,GAT,PAT เดี๋ยวทางวิทยาลัยก็จะมาเอารายชื่อผู้ที่สมัครตามคะแนนของส่วนกลางไปเอง
ก็รอติดตามวันประกาศผลในเว็บนี้น๊า www.rtanc.ac.th ถ้ามีรายชื่อก็ฟิตร่างกายให้พร้อมเลยค่ะใครหนักไม่ถึง40 Kg ก็ขุนตัวเองให้อ้วนนิดหนึ่งซะ(เพราะว่าเดี๋ยวได้เข้าไปแล้วตัดชุดตอนผอมๆอยู่ๆไปอาหารการกินดีอวบขึ้นมันจะใส่ไม่ได้) ส่วนสูงที่ว่า >155cm จริงๆก็ไม่ซีเรียสค่ะลองไปดูก่อน และที่สำคัญฝึกซ้องวิ่งไว้น๊า แค่800 เมตรเอง ไม่ซ้อมก็ได้แต่วันจริงไม่ควรเป็นลมนะเดี๋ยวไม่ผ่าน
ก่อนที่จะมาสมัครอยากให้ทบทวนตัวเองนะคะว่าจริงๆแล้วเราชอบอะไร ถ้ามีจิตใจที่อยากรักษา ชอบช่วยเหลือคนอื่น เป็นทุนเดิมแล้วมาค่ะๆ แต่ถ้าไม่ชอบตั้งแต่แรกอาจจะอยู่ตรงนี้ยาก อย่างที่บอกเราเองก็แค่เห็นพี่ๆใส่ชุดสวยๆอยากใส่บ้าง แต่ถ้าใครมีความฝันลองมาดูกันไม่ชอบก็ซิ่วได้ ส่วนใหญ่ก็จะอยู่กันจนจบเพราะไม่มีเวลาไปอ่านหนังสือสอบซิ่ว555
เมื่อได้มาเรียนที่นี่แล้วเป็นโรงเรียนทหารทุกอย่างต้องอยู่ในกฏในระเบียบก้าวแรกที่เข้ามาเรียนที่นี่จะมีระบบรุ่นพี่รุ่นน้องดูแลกันอย่างดีเรียกว่าพี่เถาว์น้องเถาว์(มหาวิทยาลัยพี่รหัสน้องรหัส) พี่เถาว์จะดูแลน้องปี 1 ทุกๆอย่างเลยไม่ว่าจะเป็นที่หลับที่นอน ขนมนมเนย >.<รักพี่เถาว์มาก วันแรกก็ทำพี่เดือดร้อนเลย เราไม่ได้เตรียมรองเท้าวิ่ง เสื้อขาว กางเกงวอร์มมา เอามาแต่ชุดเที่ยว ตุ๊กตากระเป๋าที่มีเสื้อผ้าอีกสามใบ สรุปเอาให้พ่อแม่กลับบ้านหมด และต้องซื้อผ้าห่ม นาฬิกาข้อมือสายโลหะนะคะไม่ต้องซื้อแพงมากหรอกเดี๋ยวฝึกเยอะๆหน้าจอก็แตกยับเยิน วันแรกๆก็สนทนาการสนุกสนานตอนกลางวัน ตอนกลางคืนมาแค่นั้นแหละHomesick กันเลยทีเดียวก็โทรกลับหาพ่อกับแม่ด้วยน๊าว่าสบายดี๊^^ อ้อจะยามเย็นพี่ๆเถาว์ก็จะเข้าห้องมาเยี่ยมเยีือนน้องๆที่ห้องทุกชั้นปีเลย ตื่นเต้นกันมากจะได้เห็นน้องเถาว์เรา แต่!!!ๆต้องจำชื่อพี่เถาว์ให้ได้น๊า ชื่อจริง นามสกุล ชื่อเล่น ชั้นปี แค่นี้เองไม่เห็นจะยาก(6คน)อาจจะรวมถึงพี่เถาว์ปี56789อีกนะถ้าว่างๆพี่ๆแกก็จะกลับมาเลี้ยงน้องตามอารมณ์และสตางค์ พี่คนอื่นๆว่างตรงกัน ข้างล่างนี่พี่เถาว์มาเลี้ยงน๊า
วันต่อมาตื่นมาตอนเช้าเพื่อหัวใจและหลอดเลือดแข็งแรงกัน >>"วิ่ง"<< รอบๆโรงพยาบาลพระมงกุฏ วังพญาไท รวมๆรอบหนึ่งก็ประมาณ 1กิโลกว่าๆ เช้า 3รอบ UP เย็น>3 รอบแน่ๆ กลางวันฝึกระบบวินัย ซ้ายหัน ขวาหัน การเดินแถว ฝึกไม่ชักสีหน้าเมื่อไม่พอใจที่นี่จำเป็นมากเลยค่ะ เพราะเราเป็นพยาบาลหากแสดงสีหน้าไม่พอใจกับผู้ป่วยคงไม่ดีนักไม่ขมาดคิ้วดีตีนการ่องหน้าฝากจะได้ไม่มา จบออกไปเห็นเราหน้านิ่งๆเราก็มีความรู้สึกอยู่นะคะ ก็แค่วิ่งเองมาถึงจุดนี้คงคิดว่าไหวเนอะ ตอนวิ่งก็มีร้องเพลง วิ่งให้พร้อมเพรียงกันด้วย ฝึกยืนนิ่งๆนานเป็นชั่วโมงตากแดดฝน ลมอ่อนๆ ตอนเย็นๆมากก็เข้าห้องสวดมนต์ แล้วขึ้นห้องนอนเป็นเวลาของเราแล้ว ไม่สิ ต้องเรียกว่าเวลารู้จักพี่เถาว์และพี่แก๊งของพี่เถาว์มากขึ้น เดี๋ยวนะพี่แก๊งคืออะไร (พี่แก๊งคือเพื่อนสนิทในกลุ่มแก๊งเดียวกับพี่เถาว์เรา อาจจะมี2-10คนเลย)พี่ๆเค้าก็มาแจกขนมถามไถ่ความเป็นอยู่ของเรา ฟังเราท่องคำ 4 จำเป็นต้องจำชื่อพี่เค้ามะ ก็จำเป็นนะคะเผื่อขอความช่วยเหลือจากพี่ๆ ยิ่งพี่แก๊งเค้าจะเอ็นดูเราเป็นพิเศษ ที่สำคัญในการอยู่ที่นี่ ส่วนที่นี่จะเข้ามาอยู่และฝึกระเบียบวินัยเบื้องต้นก่อนประมาณ2 สัปดาห์ก่อนเปิดภาคเรียน อ้อจะสามารถออกจากวิทยาลัยได้เมื่อวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นะ (จันทร์-ศุกร์อยู่ในรั้วฟ้าวิทยาลัย)
วันเปิดภาคเรียนมาถึงกิจวัตรประจำวันก็ยังคงอยู่วิ่งตอนเช้าตื่นตั้งแต่ตี5555 ฝึกระเบียบวินัย เข้าแถวเคารพธงชาติและแล้วก็เริ่มได้เรียน 08.00-17.00น. ทุกๆวัน วิชาที่เรียนในช่วงปี 1 ก็เยอะมากๆเลย มีสอบเกือบทุกๆอาทิตย์เช่น กายวิภาคศตร์ ก็ไปเรียนที่วิทยาลัยแพทย์ข้างๆกับอาจารย์ใหญ่กว่าจะเรียนเสร็จก็เย็นๆราวๆห้าโมงกว่าลงลิฟท์มา ไม่รู้ว่าทำไมชอบไปจอดชั้นใต้ดินที่ๆเก็บอาจารย์ใหญ่เยอะๆมืดๆกดลิฟท์ก็ค้าง ต้องพากันวิ่งขึ้นมาทุกทีT_T เคมีทำแลปได้กลุ่มดีมีชัยไปเลยประเด็นคือไม่ได้อ่านหนังสือกันมาทั้งกลุ่มก็จะมั่วๆหน่อยหนึ่ง และ แคลคลัส ฟิสิกส์ สองอันนี้เรียกว่าเป็นยาเบื่อหนูมากเลยตอนเรียนม.ปลายไม่ตั้งใจรอลอกเพื่อนอย่างเดียวมาที่นี่ทุจริต
ปรับตกนะ ต้องสอบยังไงก็ได้ให้ผ่านคาบเส้นตล้อด เภสัชศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ตอนเรียนถ้าไม่หลับก็คงสอบผ่าน แต่โดยกิจวัตรที่บอกมาไม่เหลือ ไม่ค่อยเหลือคนเรียน 08-17 ได้พักเที่ยงและพักเบาๆ10-20 นาทีระหว่างเปลี่ยนวิชา ใกล้ๆสอบชีทพี่เถาว์จะช่วยชีวิตมากเพราะพี่ๆส่งต่อๆกันมา พี่จะมีไฮไลท์ที่อาจารย์ชอบออกสอบ อันไหนเปลี่ยนอาจารย์เปลี่ยนก็ต้องตั้งใจเรียน เลิกเรียนแล้วก็ถึงเวลาฝึก รีบเปลี่ยนชุดเป็นชุดวอร์มแล้วมาฝึกกัน วิ่งมากกว่า4 รอบโรงพยาบาล อบรมระเบียบวินัยจากพี่นักเรียนปกครอง ชีวิตปี 1 ก็จะวนๆไป
แบบนี้เพื่อความแข้มแข็งที่จะไปฝึกที่โรงเรียนนายร้อย จปร.ช่วงใกล้สิ้นเทอมที่ 1 อาหารที่นี่มีให้กินครบทั้ง3 มื้อ อร่อยดีถ้าเป็นเมนูที่เราชอบบางเมนูก็ขอบายแทบไม่ต้องใช้เงินในการดำรงชีวิตที่นี่เลยจบมาเที่ยวตปท ได้สบายๆ55
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ไปฝึกที่โรงเรียนนายร้อยจปร. เรียกว่าเป็นความสุขที่ได้ออกจากรั้วฟ้ามากเพราะที่นี่อยู่ท่ามกลางขุนเขา อากาศดีพี่คอมแมนใจดีมั้งง ฝึกอะไรบ้างหรอ? อันดับแรกๆก่อนก็คือวิ่งเช้าเย็นในระยะทางที่ไกลมากๆๆ แต่บรรยากาศดี ฝึกเรียนยิงปืน M16 และปืนสั้น เราเล็งไม่ถูกเป้าหรอกสายตาสั้นแล้วไม่พกแว่นก็ ฝึกนอนกลางดินตั้งแต้นท์นอนใกล้ป่าแล้วดึกๆมาฝนตกน้ำท่วมเต้นก็อพยบมานอนเบียดกันบนอาคาร ฝนหยุดไปเข้าฐานตามป่าช่วงดึกๆ ไปเป็นคู่ๆกับเพื่อนเท่าที่จำได้มีฐานที่เอามือล้วงเข้าไปในไห ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น บรื้ยยย >< ปลาไหล กบ หรืออะไร?? ฝึกทำภารกิจต่างห้ามตกน้ำ กระโดดรั้ว ปืนหอ
ฝึกวิชาทหารแผนที่ ก็ทำภารกิจหาของให้เจอตามแผนที่ตอนดึกๆและกลางวัน ส่วนเช้าวันต่อมาเรียนวิชากระโดดหอ อันนี้ชอบสุดๆแล้วมันตื่นเต้นมากความสูงระดับเสียวสามชั้น สำหรับเราขอไปโดดสามรอบ และต้องฝึกโรยตัวจากที่สูง ทำได้ไม่ได้ก็ต้องทำT_T เราต้องใช้ชีวิตอยู่ที่ โรงเรียนจปรที่นี่ 14 วัน ตากแดดเป็นส่วนใหญ่เพราะต้องฝึกกลางสนามแดดแรงๆ ฝนอึมครึมบ้าง มีฝึกเหมือนซ้อมรบจริงกลางสนามรั้วเหล็กหนามนอนๆเอาตัวไถลๆไปให้พ้นรั้ว ขี้ควายหรออยู่ตรงหน้าต้องหมอบลงไปก็โดนจังๆ เราจะอยู่กันอย่างงี้ไปทั้งวัน555 เย็นๆมาไปทานข้าวกันในป่า ครูฝึกก็บอกว่าหากได้ยินเสียงระเบิดแล้วต้องให้ทุกๆคนไปหลบซ่อนตัวยังไงก็ได้ห้ามให้จับได้ หากจับได้เค้าจะนำไปเป็นเชลยและถูกลงโทษ
มื้อเย็นที่แสนอร่อยทานไปได้ครึ่งถาดแค่นั้นแหละเสียงระเบิดก็ดังขึ้นต้องรีบเก็บจานช้อนช้อมพร้อมกับแบกเป้เต่า 15กิโลกรัม วิ่งลงจากเขากับเพื่อนๆหลบซ่อนตัวในโพรงหญ้าต้นไม้เบียดๆกันจนจะตกลำธารแล้วเกาะหญ้ากันไว้หายใจเบาๆ แล้วรถลาดตระเวรของครูก็ผ่านมาหยุดจอดที่เรา ณ วินาทีนั้น ช้านจะถูกจับไหม...........แล้วครูก็ผ่านไป เราและเพื่อนดีใจมากที่รอดกำลังจะออกมาจากที่ซ่อนก็มีทหารอีกชุดเดินลาดตระเวรมาอีก เอ้าเวรละ กลับไปที่เดิมก็ได้ นั่งรอกว่า 10นาทีกว่า ยุงก็กัดมดก็ไต่ใบไม้ก็บาด แล้วก็เดินกลับฐานน่าจะไกละ 4-5 กิโลเมตรพร้อมกับเป้เต่าอันแสนเบาๆอย่าได้ถามถึงในนั้นมีอะไร เหล็กล้วนๆหม้อ ถ้วยฯลฯสนาม เอาออกก็ไม่ได้เดี๋ยวสุ่มตรวจกระเป๋าและต้องเอาออกมาทำกินจริงๆจะพากันโชคร้าย
เป้เต่าและปืน M16 เนี่ยต้องแบกไปคู่กันเลย บางทีพี่คอมแมนให้ถือและวิ่งๆไปกลับอยู่นั่นแหละ หนักนะลองมาสัมผัสดู อาหารที่โรงเรียนจปร เลี้ยงดีมากกลับไปอ้วนค่ะเพราะกินเยอะโดยเฉพาะนมที่นี่ รสชาติอร่อยมากกินทุกอย่าง
ฝึกเรียนยิงปืนเพ้นบอลสนุกและเจ็บจริงมีกติกาว่าห้าวถอดหน้ากากหากถอดแล้วมันจะโดนหน้า จำได้ว่่าครูฝึกโดนยิงตาเต็มๆต้องรักษากันยาว วันสุดท้ายที่นี่เราจะไปพิชิตเขาชะโงกกันด้วยความสูง 285 เมตรจากน้ำทะเล การพิชิตที่นี่ต้องใส่ชุดฝึกพร้อมเป้เต่าเดินป่าเข้าไปมีลื่นบ้าง ลุยน้ำบ้าง รองเท้ารั่วแล้ววหลังจากฝึกมานานและเดินลากส้น พอถึงด้านบนเป็นความรู้สึกเหมือนได้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสสสสส เพราะการฝึกของปีนี้จบแล้ว........
กลับมาก็ยังคงต้องใช้ชีวิตตื่นตีห้ามาวิ่ง ฝึก เคารพธงชาติเข้าเรียน 08.00-17.00 เย็นมาวิ่ง ฝึก ทำรายงาน อ่านหนังสือสอบทุกๆสัปดาห์ วันศุกร์มาก็ออกไปข้างนอกเสาร์อาทิตย์คือสวรรค์ทั้งช้อปและเที่ยว วันอาทิตย์ต้องกลับเข้าวิทยาลัยก่อน 18.00น. หากเข้ามาช้าโดยไม่แจ้งและมีเหตุเหมาะสมก็จะถูกตัดแต้มจะมีผลกับการบรรจุราชการในอนาคต นอกจากนี้ยังมีภารกิจที่ทรงเกียติรและประทับใจไม่เคยลืมเลยคือถวายเทียนชัย ในวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกๆปี ที่มีแค่นักเรียนเหล่าจะได้ไปทำเพื่อพ่อ มันเป็นความรู้สึกที่ดีที่สุดมองย้อนกลับไปตอนนี้โชคดีจัง เกิดในรัชกาลที่ 9
ปี1 เทอม 3 (Summer)เทอมนี้จะฝึกน้อยลงแล้วเป็นการเรียนที่สบายๆ มีให้เลือกเรียน ว่ายน้ำ เต้นลีลาศ เทนนิส เราเลือกเรียนเทนนิสเพราะเห็นเค้าบอกว่าสบาย สุดท้ายก้คือชาวตัดอ้อยดีๆนี่เอง คลุมหัวตัวหน้าแขน สนุกนะแต่มองไม่ค่อยเห็นลูกเทนนิสเท่าไหร่ตีไม่ค่อยโดน ส่วนเพื่อนๆที่เรียนว่ายน้ำผิวพรรณสดใสท้าแดดเป็นพิเศษเป็นหลังนี่เป็นรูปชุดว่ายน้ำ ส่วนเรียนลีลาศก็ดี ดีไม่เท่ากับตอนเรียนม.ปลาย เพราะคู่เต้นเป็นผู้หญิง555 มีชมรมให้เลือกตั้งแต่เทอมที่1แล้ว ดนตรีไทย พัฒนาสังคม ฯลฯแล้วแต่จะเลือกลงกันเลย
ปี 2 แล้วดีใจที่จะมีน้องเถาว์ซะที น้องจะจำชื่อเราและเพื่อนแก๊งได้ไหมน้า ดูแลและแกล้งน้องต่อไป555 สำหรับปี 2 จะเริ่มเรียนการพยาบาลพื้นฐานขึ้นฝึกปฏิบัติดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวมทำ careplan ส่งอาจารย์และconference กันทุกเย็นวิชาพื้นฐานก็ต้องเรียน เช่น วิชาสถิติ เภสัช สรีระวิทยา สอบทุกอาทิตย์ เกณฑ์ผ่าน 60% ไม่ผ่านก็ต้องสอบซ่อม เกลียดมากสอบซ่อมเอาให้มันผ่านรอบแรกก็ได้ งั้นก็ตั้งใจเรียนก็ได้ ก็ยังตกสอบซ่อมกันเป็นเนืองๆ ปีนี้จะได้มีพิธีประดับหมวกสำหรับนักเรียนพยาบาลถือตะเกียงเหมือน "มิสฟลอเรนซ์ ไนติงเกล ได้รับการขนานนามและเป็นที่รู้จักว่า "สุภาพสตรีแห่งดวงประทีป" เนื่องจากภาพลักษณ์ติดตาของผู้คนที่เห็นกิจวัตรการตรวจดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บแม้ยามค่ำคืน และถือว่าเป็นผู้บุกเบิกด้านพยาบาลศาสตร์ยุคใหม่ ยกระดับวิชาชีพพยาบาล"
การพยาบาลพื้นฐานก็มีฝึกฉีดยาให้กันและกันฉีดก้นเจ็บมากT_T ใส่ NG tube ทางจมูกให้เพื่อนมันทรมารมาก จนถึงตอนนี้เรายังไม่เคยโดนใส่นะใส่ให้คนไข้อย่างเดียว แล้วไปฝึกที่วอร์ดวนๆไป เช่น ศัลยกรรม วอร์ดตา ENT จำได้ว่่าผู้ป่วยเหมือนขาดยาแล้ววิ่งออกจากวอร์ดวิ่งตามจับกันไม่สนุกเลย
สำหรับปี2นี้วิชาทหารยังได้ไปฝึกการใส่หน้ากากป้องกันแก๊สพิษด้วย ครูจะให้เราลองใส่ให้แน่นก่อนแล้วไปอยู่ในห้องแก๊สน้ำตาเป็นเวลา5 นาที แล้วให้วิ่งออกจากห้อง ตอนอยู่ในห้องมันก็ไม่รู้สึกอะไรนะวิ่งออกมาแค่นั้นแหละหน้ากากเคลื่อน ก็โดนแก๊สน้ำตาร้องไห้กันจนตาบวมได้เลยกันแทบทุกคน
ปีสาม ปีนี้ต้องเรียนการพยาบาลและการผดุงครรภ์การทำคลอด การดูแลผู้หญิงคนๆหนึ่งที่ตั้งครรภ์ต้องรู้อะไรบ้าง แม่เดินมาต้องรู้นะ 1234 ทำอะไรANC, ฝึกทำคลอดครั้งแรกในชีวิต ที่นี่มีความเชื่อว่าหากลูกคนแรกที่ทำคลอดเป็นผู้ชายจะได้แต่งงาน หรือไม่ก็ต้องให้ได้ลูกผู้หญิงทั้งสามคน เราคนแรกได้ผู้หญิงติดๆกันเลยจนป่านนี้ก็ยังไม่ได้แต่ง สงสัยจะคานแล้ว อ่ะๆมาทำคลอดกันเถอะๆ เครียดมากเลยชีวิตทั้งแม่และลูกอยู่ในมือเรา ไหนจะต้องเย็บฝีเย็บอีก เย็บไม่ดีมีปัญหาครอบครัวไม่กระชับกลับไปทำเลเซอร์ 555 เริ่มขึ้นเวรตั้งแต่ปี 2 แล้วปี 3 อยู่เวรรอแม่มาคลอดนี่ถือว่าเป็นดวงมาก วันไหนมีแม่มาคลอดนี่ดีใจสุดๆจะได้เคสครบแล้วว มีไปฝึกต่างจังหวัดด้วยเช่นปากช่อง นครราชสีมา ก่อนทำกับคนจริงๆก็ต้องสอบกับอาจารย์ใช้อุปกรณ์ต่างๆเช่น ถุงมือsterile ใช้แล้วใช้อีกในการสอบจะใส่ให้ดีและเร็วเอามาใส่แป้งข้างในเยอะๆ พอถึงเวลาสอบนะหยิบมาใส่ปุ๊ปสบัดโดนหน้าอาจารย์เต็มๆ อาจารย์ได้เล่นแป้งเลย>.< อาจารย์ไม่ปลื้มนะค๊า
นอกจากนี้ปีสามยังต้องเรียนวิชาจิตเวช เรียนๆไปทุกคนก็จะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองป่วยเป็นจิตเวชไหมเนี่ย เรียนอะไรมันก็คล้าย โรคอะไรก็ตรง โรคย้ำคิดย้ำทำ โรคไบโพล่า โรคschizophreniaฯลฯ ฝึกจิตเวชเป็นอะไรที่มีความสุขมากได้อ่านหนังสือให้ผู้ป่วยฟัง หากิจกรรมให้ผู้ป่วยทำเช่น มาทำขนมจีบกินกันเถอะ ต้มยำทำแกงไม่ให้ซ้ำเพื่อน ผู้ป่วยกินได้พยาบาลกินอร่อยมีความสุขนะ พาผู้ป่วยจิตเวชเต้นแอโรบิคทุกเช้าเปลี่ยนกันเป็นผู้นำเต้น มีอยู่วันหนึ่งเต้นๆกันอยู่มีงูเขียวตกลงมากลางสนาม วิ่งกันสิคะรออะไร มีไปOPD จิตเวชด้วยพอดีเป็นตึกเก่าๆเข้าห้องน้ำอยู่รู้สึกเหมือนมีตัวอะไรเดินอยู่บนฝ้าเลยรีบออกมาฟังอาจารย์มาให้คำปรึกษาคนไข้ต่อ อีกไม่กี่นาทีถัดมาฝ้าถล่มพร้อมกับตัวเห้..ใหญ่ๆร่วงลงมาด้วย ดีนะที่เราไม่อยู่ในห้องน้ำ ณ ตอนนั้นสงสัยจะขึ้นไปตั้งแต่เบบี๋
ขึ้นฝึกปฏิบัติภาคกุมาร วอดเด็กตัวเล็กๆมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งมาก paper เพียบปั่นงานเอกสารแทบไม่ทัน ให้กลับไปเป็นปี 1 ใช้แรงยังดีกว่าอีก555 ก็สนุกดีนะได้เล่นกับเด็กๆมีหลายวัยเลย เด็กทารก เด็ก เด็กวัยรุ่นชักจะเริ่มแซวละ
ส่วนวิชาทหารในช่วงปี3นี้ก็จะฝึกเรียนยิงปืนสั้น 1 วัน และเรียนทฤษฏีวิชาทหารอยู่นะคะ เมื่อเรียนยิงปืนสั้นเสร็จเราก็จะได้เครื่องหมายทำนองรบมาติดนะคะ
และแล้วก็เดินทางมาถึงปี 4 ซะที ปีนี้ก็จะเรียนออกฝึกปฏิบัติงานอนามัยที่ต่างจังหวัดไปทำโครงการที่หมู่บ้านสักแห่งหนึ่งสำรวจตรวจให้ชาวบ้าน เช่นในโครงการ ตั้งบูทออกตรวจน้ำตาล ความดัน มะเร็งปากมดลูก เป็นงานกลุ่มต้องสามัคคีกันเป็นอย่างมากและได้เที่ยวเป็นอิสระมากขึ้น ฝึกปฏิบัติรวบยอดก็จะขึ้นฝึกตามไอ.ซี.ยู ต่างๆไม่ว่าจะเป็น ไอซียูเด็ก ผู้ใหญ่ ศัลย์ หัวใจ สมอง แล้วแต่เราจะเลือกฝึกตามความชอบกันเลย สำหรับเราเลือกลง NICU (ไอซียูเด็กแรกเกิด)
เพราะขี้เกรียจที่จะมาอ่านเด็ก มาดูแลเด็กตัวเล็กๆในตู้อบที่คลอดก่อนกำหนด ว่างๆพี่พยาบาลไอซียูส่วนใหญ่ที่อยู่ยูจะเป็นพี่ๆเก่งกันมากได้อันดับต้นๆของรุ่นก็จะมาให้ความรู้อย่างเข้มข้น ผู้ป่วยหัวยใจหยุดเต้นก็ยืนเอ๋อ มองอย่างเดียว55
ปี 4 เทอม 2 กลับมาฝึกวิชาทหารกันอีกแล้ว เรียนทั้งภาคทฤษฏี และปฏิบัติ 2 สัปดาห์ มีการจำลองสถานการณ์แบ่งกลุ่มกัน เช่น เจออุทกภัย ระเบิด รถคว่ำ แก๊สพิษ พยาบาลทหารต้องทำได้ทุกอย่าง ต้องอดทนอย่างทหาร อ่อนหวานอย่างพยาบาลจริง ตู้โต้ะเตียงเธอแบกได้แค่ตอนนั้นนะตอนนี้บอบบางยกไม่ค่อยไหวช่วยๆเธอหน่อยน้า
เมื่อปี 4 เทอม 2 จบลงไปก็ถือว่าเราเรียนจบแล้ว แต่ๆๆยังไม่จบจริงๆ หรอกหากจะจบจริงๆเราต้องสอบรวบยอดของมหาวิทยาลัยมหิดลให้ผ่าน 8 วิชา ถือว่าหินมาก เพราะเราเป็นสถาบันสมทบกับมหาวิทยาลัยมหิดล สอบไม่ผ่านมีสอบซ่อม ซ่อมไม่ผ่านก็สอบoral กับอาจารย์ อยู่ด้วยกันปานoralอย่างอบอุ่นทีเดียว แต่ละรุ่นก็จะผ่าน 50-60%ของรุ่นเลย อีก40%ก็ตกต้องสอบซ่อมกันใกล้ชิดอาจารย์เป็นอย่างมาก ซึ่งทุกคนไม่ต้องการอย่างงั้น>.< ขอผ่านทีเดียวได้ไหม ได้ อ่านหนังสือสิน๊า รออะไรชีทพี่เถาว์มีกี่เถาว์อ่านๆไประวังนะ เฉลยผิดก็มี เปิดหนังสือด้วยล่ะติวกันด้วย
สอบมหิดลผ่านแล้วใช่ว่าจะจบ ต้องสอบใบประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ให้ผ่านอีก อ่านหนังสือโต้รุ่งกันไปเล้ย ติวเช้าเย็นก่อนนอน ฝันก็ติว วิชาที่ส่วนใหญ่ตกตอนนี้ก้คงจะเป็นวิชาผู้สูงอายุ มีสิ่งศักสิทธิ์ที่ไหนดีไปขอพรกันได้เลยเพราะเป็นข้อสอบปรนัย บางข้อไม่รู้จริงๆขอมั่วให้โดนต้องผ่าน8 วิชาถึงจะได้ใบประกอบวิชาชีพมาครอบครอง
และแล้วเราก็สอบผ่านกันทั้งรุ่นเย้ เมื่อสอบทุกมหิดล สภาการพยาบาลผ่านเราก็จะเป็นพยาบาลทหารที่ถูกต้องตามกฏหมายพร้อมที่จะติดดาวเป็นว่าที่ร้อยตรีหญิงกัน เป็นว่าที่ร้อยตรี เพราะที่นี่รับผู้ชายมาเรียนด้วยค่ะ ทั้งรุ่นก็จะมีประมาณ 100นาย แต่อาจจะหายไประหว่างทางบ้าง 1-3 นาย มี 5 นายที่ไม่ได้ติดยศเพราะได้ทุนทหารผ่านศึกฝากเรียน
เลือกลงหน่วยก็จะมีให้เลือกลงโรงพยาบาลพระมงกุฏและต่างจังหวัดตามโรงพยาบาลค่าย แต่เมื่อจบมาแล้วทุกนายต้องฝึกงานที่ รพ.พระมงกุฎก่อน1 -2 ปี สำหรับการเลือกลงวอดตามความชอบได้เลย หากชอบความท้าทายมากก็ ER ICU มีความสนุกท้าทายระดับ 10 หากชอบเด็กก็มีวอดเด็กให้ลง ตา นรี เวชสาสตร์ฟื้นฟู รวมถึงเมื่อทำงานครบ 2-3ปีก็มีเรียนต่อเฉพาะทางเช่น พยาบาลวิกฤต(critical care nurse),พยาบาลดมยา(anesthesia),พยาบาลไตเทียม(Practitioner in Renal Replacement ),พยาบาลเวชปฏิบัติ(Nurse Pravtioner) ระยะเวลาเรียนสาขาเฉพาะทางตั้งแต่ 4-6 เดือนค่ะ
เมื่อได้ปฏิบัติงานจริงๆเราก็จะมีภารกิจต่างๆให้ทำเพื่อประเทศนะทั้งในและต่างประเทศ เช่น โรงพยาบาลสนามต่างๆ ภารกิจ M-MERT (แผ่นดินไหวที่เนปาล)
เส้นทางสีขาวและดวงดาวสีทอง ดาวบนบ่าไม่ได้มาง่ายๆต้องผ่านอุปสรรคมามากมายท้อได้แต่คงล้มไม่ได้เพราะมีคนทางบ้านฝากความหวังไว้อยู่ ขอบคุณรูปสวยๆจากน้องมุก น้องตั้ก และน้องๆรุ่น46,50 ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
Ig:kk_kanyanat
เขียนบทความ
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ kanyanatkankan ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ kanyanatkankan
ความคิดเห็น