ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Harry Potter: HP | ฟิค SS/HG | SSHG - Snamione) To Build a House of Cards

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 04 - Moonlight Stained

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.27K
      86
      19 ต.ค. 66






    Chapter IV


    Trigger warnings: Abuse, sexual/verbal harassment, physical/sexual assualt, 
    violence, imply non-consensual sexual activity i.e. rape and PTSD.


    Attention! (ส่วนตรงนี้ได้เขียนไว้ตรงหน้าบทความ แต่อาจมีนักอ่านบางท่านผ่านตาไป จึงนำมาใส่ไว้ตรงนี้อีกครั้งค่ะ) ผู้เขียนเขียนเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ก่อนแฮร์รี่ พอตเตอร์เล่มเจ็ดจะออกวางจำหน่าย ดังนั้นเนื้อเรื่องบางส่วนอาจไม่ตรงกับต้นฉบับ แต่พยายามจะรีไรท์ดัดแปลงให้เป็นปัจจุบันมากที่สุด เนื้อหาของฟิคเรื่องนี้เต็มไปด้วย triggers ที่ระบุไว้ข้างต้นซึ่งผู้เขียนพยายามจะเลี่ยงถ้อยคำให้ได้มากที่สุด แต่อาจ trigger นักอ่านได้ ขอฝากไว้ให้พิจารณาค่ะ การเขียนสิ่งเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าความรุนแรง, assualt, abuse, non-con และ dub-con จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องและผู้เขียนไม่ได้สนับสนุนการกระทำเช่นนี้ค่ะ แต่ผู้เขียนเขียนด้วยเหตุผลของเนื้อเรื่องเองและเนื้อเรื่องจะเป็นตัวบอกเราว่ามันเป็นสิ่งที่จะส่งผลกระทบได้อย่างไรบ้าง การกระทำเหล่านั้นเป็นกระทำที่สมควรถูกประณาม ไม่สามารถมีข้อแก้ตัวหรือหาข้ออ้างใดๆ มาทำให้ถูกต้องได้ และเป็นอาชญากรรมที่ผิดกฎหมาย เป็นการกระทำที่ต้องไม่ถูกนำมา romanticised การที่บทนี้มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าวเป็นเพียงการนำเสนอเพื่อสื่อถึงผลที่จะตามมาของสิ่งเหล่านั้น และต้องไม่ถูกตีความไปในทาง romanticised ในทุกกรณีเพราะการกระทำเหล่านี้เป็นสิ่งเลวร้าย และ rape เป็นอาชญากรรมร้ายแรงที่ทำให้เหยื่อแตกสลายไปถึงวิญญาณ ขอฝากให้นักอ่านพิจาณาค่ะ :)




    ภายในห้องมืดสนิท แต่แสงจันทร์ที่ส่องสว่างเข้ามาทางหน้าต่างก็ช่วยทำให้พอมองเห็นเงาร่างของสิ่งต่างๆ อยู่บ้าง เฮอร์ไมโอนี่จัดแจงขยับผ้าห่มบนตัวบุตรชายให้เข้าที่พลางสำรวจว่าเขาจะนอนหลับได้สนิท ไม่มีสิ่งรบกวน


    เงาของแสงจันทร์เว้าแหว่งอยู่บนผืนผ้านวม เธอชอบส่งโทนี่เข้านอนข้างๆ เตียงเหมือนสมัยเขายังเด็ก แม้ว่าเขาจะโตขึ้นและเธอมีงานเพิ่มขึ้น ก็ยังไม่อยากละทิ้งโอกาสเหล่านี้ไป เธอคิดตลอดว่าจะต้องทำหน้าที่แม่โดยไม่ขาดตกบกพร่อง ถึงการประคบประหงมลูกชายจะไม่ใช่แนวทางที่ดีนักก็ตาม เธอพยายามไม่ประนีประนอมหรือโอ๋โทนี่เกินจำเป็น แต่เฝ้าอบรมสั่งสอนและเอาใจใส่อย่างเหมาะสม แฮร์รี่กับรอนหาว่าเธอเป็นแม่ที่เข้มงวด ส่วนเธอก็ค่อนข้างเชื่ออยู่หน่อยๆ ว่าพวกเขาตามใจลูกชายเธอมากไปจนจะเสียนิสัยเข้าสักวันหนึ่ง


    เฮอร์ไมโอนี่ลูบศีรษะบุตรชายที่นอนหลับอย่างเงียบงันเหมือนพ่อของเขา เธอจำได้ว่าตอนอยู่ที่สุดตรอกช่างปั่นฝ้าย เซเวอร์รัสมักจะหลับอย่างนิ่งสนิท จนบางครั้งในกลางดึก เธอต้องจับลมหายใจเขาว่าเขายังคงหายใจอยู่หรือไม่ แต่เซเวอร์รัสไม่ใช่คนหลับลึก เขามักจะหลับยาก หรือถ้าหลับก็หลับด้วยความกังวลเสมอ ที่หว่างคิ้วของเขาจะขมวดกัน และเธอก็จะกอดเขาเอาไว้แม้ว่าเขาจะไม่ยินยอม


    เพราะหลังจากเขาปกป้องเธอไว้ เขาก็ไม่แตะตัวเธออีกเลย บางครั้งก็เอาหนังสือกับอาหารมาให้ ทว่ากระทั่งหน้าก็แทบจะไม่มอง เขาละอายใจที่ลบหลู่เกียรติของเธอ ถึงเธอจะยืนยันว่าเขาไม่เคยหยามเกียรติเธอแม้เพียงสักครั้ง


    เธอกอดเขาแล้วทำให้เขาสงบลง


    เฮอร์ไมโอนี่จมดิ่งลงสู่ความทรงจำที่พร่างพรายเต็มห้วงภวังค์ ผู้ชายคนนั้นเดียวดายมาตลอดทั้งชีวิต ถ้าเธอจะสามารถกลับไปอยู่ข้างๆ เขาได้อีกครั้ง เธอก็พร้อมที่จะปัดป้องความโดดเดี่ยวออกไปจากตัวเขาเหมือนที่เขาปกป้องเกียรติศักดิ์ศรีของเธอไว้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังช่วยชีวิตเธอไว้ด้วย เฮอร์ไมโอนี่ลูบแขนอย่างเลื่อนลอย รอยแผลเป็นที่ต่อให้ใช้คาถาหรือน้ำยาใดก็ลบล้างไม่ออก


    เธอถูกประทับคำว่าเลือดสีโคลนไว้เป็นเครื่องตราหน้าตลอดชีวิต แต่เธอจะสวมมันไว้ต่างมงกุฎแห่งเกียรติยศ


    หญิงสาวนิ่งงันไปครู่หนึ่งก่อนจะสลัดความคิดออกจากสมองที่หนักอึ้งและล้มตัวลงนอนข้างบุตรชาย วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยหนักและยาวนานพอดูทีเดียว แน่นอน แล้วก็เป็นคืนที่นานไม่แพ้กันด้วย


    หลังการแกะของขวัญและหัวข้อสนทนาที่ยืดยาวจนพ่านพ้นเที่ยงคืนมานานจบลงด้วยการที่เท็ดดี้กับโทนี่พ่ายแพ้ต่อความง่วงและฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ทุกคนก็เริ่มทยอยกลับบ้าน แฮกริดถูกห้ามไม่ให้ขี่มอร์เตอร์ไซด์เหาะกลับฮอกวอตส์เพราะเมามายเกินกว่าจะควบคุมอะไรไว้ได้ จึงนอนครองโซฟาตัวยาวในห้องนั่งเล่นด้วยเสียงกรนดังสนั่น แฮร์รี่กับรอนพยายามคะยั้นคะยอให้เธอค้างที่นี่ และเมื่อเธอทนการรบเร้าของรอนที่เอาแต่ใจแทนโทนี่ที่หลับสนิทไปแล้วไม่ไหว เธอก็ต้องจำยอมอย่างเสียไม่ได้ ประการหนึ่งเพราะลูกชายเธอกำลังหลับสนิท และเธอก็ไม่อยากขัดขวางการนอนของเขาด้วยการใช้ผงฟลูหรือหายตัวกลับไปที่บ้าน


    เฮอร์ไมโอนี่ลืมตามองเพดานท่ามกลางความมืด มันเป็นเพดานที่คุ้นเคย เพดานเดียวกับที่เธอเคยนอนมองเมื่อครั้งที่ใช้ชีวิตอยู่กับภาคีก่อนเปิดเรียนในช่วงจอมมารเถลิงอำนาจ รวมถึงตอนที่เธอตามหาฮอครักซ์กับเพื่อนทั้งสองคน


    น่าแปลกที่เธอรู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านมาเมื่อวาน แต่ตอนนี้เธอมีลูกชายนอนอยู่ข้างๆ แล้ว


    หญิงสาวพลิกตัวกลับไปหาลูกชายคนเดียว แสงจันทร์ส่องผ่านลงมาทางช่องหน้าต่างและตกทับลงบนเตียง ในความเงียบงันของค่ำคืน เธอก็ยังคงไม่ได้ยินเสียงหายใจของบุตรชายที่หลับได้นิ่งสนิทเหมือนพ่อของเขา และเพราะเธอมัวแต่ครุ่นคิดอยู่ในหัว จึงตกใจเล็กน้อยเมื่อโทนี่ซุกตัวเข้าหา ก่อนจะกอดเธอแน่น


    ครู่ถัดมา เขาถึงลืมตาแหงนมองเธอที่จ้องมองเขาอยู่อย่างช้าๆ ดวงตาสีดำที่สะท้อนในความมืดเต็มไปด้วยความหวังจนเธอชะงักไปครู่หนึ่ง เธอไม่คิดว่าโทนี่จะตื่นขึ้นกลางดึก นี่ไม่ใช่วิสัยของเขา เธอจึงกระซิบถามลูกชายด้วยความกังวลเล็กน้อย มือเอื้อมไปปัดเส้นผมสีดำดุจถ่าน


    “ฝันร้ายเหรอ แม่ทำให้ลูกตื่นรึเปล่า”


    ใบหน้าที่ครึ่งหนึ่งซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มส่ายหัว แค่เสี้ยววินาทีที่หยุดนิ่ง เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าลูกชายกำลังจะถามอะไรบางอย่างที่สำคัญมาก และเธอไม่คิดว่าตัวเองอยากจะตอบคำถามนั้น


    ทว่าดวงตาสีดำที่มองเธออย่างมีความหวังทำให้เธอต้องพิจารณาใหม่ เธอจะทำลายความรู้สึกในดวงตาคู่นี้ของลูกชายได้อย่างไร ตลอดเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่โทนี่จำความได้ เขาเข้าใจมาตลอดว่าเธอผู้เป็นแม่ไม่เคยพูดถึงพ่อให้เขาฟังเลย


    ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยพูดให้ฟัง เธอพูดเสมอ เธอพูดถึงเซเวอร์รัส สเนป พ่อของลูกชายเธอเกือบจะตลอด เพียงแต่เธอไม่เคยบอกกับโทนี่ว่าศาสตราจารย์สเนปที่เขานับถือและชื่นชมเป็นพ่อของเขา เพราะเธอกลัวว่าหากพูดถึงเซเวอร์รัสในฐานะพ่อ โทนี่จะเข้าใกล้ความจริงมากเกินไป ซึ่งจะไม่เป็นผลดีในตอนท้ายแน่ และเมื่อเธอเลือกจะพูดถึงเซเวอร์รัสในฐานะผู้ชายที่มีเกียรติ เธอก็ไม่สามารถพูดถึงเซเวอร์รัสในฐานะพ่อได้อีก ลูกชายเธอย่อมฉลาดพอจะเชื่อมโยงได้อย่างไม่ต้องสงสัย เธอจะไม่เสี่ยงในข้อนี้


    “ผมได้มันมาจากพ่อจริงเหรอครับ” โทนี่โผล่หน้าออกมาพ้นผ้าห่ม ดวงตาสีดำโชนแสงในความมืด เขาอาจจะปีนลงจากเตียงไปถามศาสตราจารย์ในรูปภาพด้วยตัวเองก็ได้ แต่เขาอยากได้ยินจากปากแม่มากกว่า


    มันคือสิ่งเดียวที่เขาต้องการจริงๆ กับการซึ่งแม่ยอมรับว่าเขาเหมือนพ่อมากแค่ไหน


    ในความมืด เฮอร์ไมโอนี่นิ่งงันมองบุตรชายที่รอคำตอบ คำถามของโทนี่คือสิ่งที่เธออยากจะพูดมากที่สุดตลอดเวลาที่ผ่านมา เธออยากบอกโทนี่จริงๆ ว่าเขาช่างเหมือนพ่อของเขาเพียงใด แต่ถ้าเธอทำ ผลที่ตามมาคือเรื่องที่เธอไม่ยากเสี่ยง ทว่าเวลานี้ คันชั่งในใจเธอกำลังทำงาน เมื่อเห็นดวงตาสีดำสนิทที่จ้องมองมาอย่างกระหายใคร่รู้ เธอในฐานะแม่ก็ไม่อาจทำร้ายความรู้สึกของลูกชายได้อีกต่อไป ลูกชายเธอเฝ้ารออย่างเงียบงัน นัยน์ตาเป็นประกายท่ามกลางเงาแสงจันทร์ ยิ่งเธอมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น ก็ยิ่งไม่สามารถบ่ายเบี่ยง


    หญิงสาวแตะแก้มบุตรชายอย่างรักใคร่และเอ่ยสิ่งที่ตัวเองเก็บงำไว้นานออกมา ชั่วขณะดังกล่าว เธอกลับรู้สึกโล่งใจอย่างน่าประหลาดที่ได้พูดออกไปเสียด้วยซ้ำ หลังจากเก็บไว้กับตัวเองเนิ่นนาน เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่มีสิ่งใดเจือปนนอกจากความปรารถนาดีและความรักของมารดา


    “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหมือนกันมากแค่ไหน ลูกเกือบจะไม่ใช่ลูกแม่แล้ว ลูกได้พ่อของลูกมาทั้งนั้น”


    เพียงเสี้ยวพริบตา เฮอร์ไมโอนี่เห็นดวงตาของลูกชายยิ้มออกมาทันที ริมฝีปากของเขาก็ฉีกกว้างอย่างเป็นสุขด้วยเช่นกัน ราวกับว่าคำพูดของเธอเติมเต็มสิ่งที่เขาขาดมาตลอดให้สมบูรณ์ได้ในที่สุด โทนี่ภูมิใจมากทีเดียว เธอสามารถบอกได้จากความปรีดาที่รายล้อมบรรยากาศรอบตัวเขาอยู่ ถัดจากนั้น ความรู้สึกผิดก็เคลื่อนเข้ามาเกาะกุมหัวใจเธอ เธอปิดบังและระวังลูกชายจากความจริงเสมอเพราะความจริงจะทำให้เขาไม่มีความสุข แต่ ณ ขณะนี้เขากลับมีความสุขมากต่อเศษเสี้ยวของความจริงที่เธอเปิดเผยให้รู้มิใช่หรือ


    เฮอร์ไมโอนี่ฝืนยิ้มที่บุตรชายไม่สามารถจับสังเกตได้ในความมืดออกไป เพราะเธอรู้สึกผิดทั้งยังสับสนที่ตนเองอาจเป็นตัวการให้โทนี่เฝ้าคิดหาความจริงมาตลอด เธอขวางกั้นความสุขของเขาด้วยตัวเธอเองใช่หรือไม่


    ความคิดต่างๆ นานาปนเปอยู่ในหัว แต่การกระทำนั้นกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น เธอมอบจุมพิตบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาของเขาเพื่อส่งเด็กชายเข้านอน “ฝันดีจ้ะ”


    แสงจันทร์อีกฟากของหน้าต่างดูเหมือนจะอ่อนจางลง และความมืดก็คลี่คลุมลงมาต่างม่าน


    เฮอร์ไมโอนี่พบว่าลูกชายหลับสนิทอีกครั้ง แต่ตัวเธอไม่สามารถข่มตาหลับได้เลยตลอดทั้งคืน


    ความทรงจำของหญิงสาวหวนรำลึกกลับไปยังค่ำคืนที่คล้ายกับคืนนี้ ราวกับรัตติกาลความมืดที่รายล้อมรอบตัวอยู่ลื่นไหลผ่านกลับไปยังอดีต ประหนึ่งว่าเมื่อเธอหันมองดีๆ อีกที ภายใต้เงาความมืดจะพลันปรากฏเงาร่างของเขาอยู่ข้างๆ ในแบบเดียวกันกับบนผืนความทรงจำที่สลักภาพดังกล่าวจากกาลเวลาเก่าก่อน


    ฝังแน่นไม่มีวันลืม


    เธอไม่เคยลืมวันเวลาที่ได้ใช้กับบุรุษผู้เป็นสีเทาหม่นหมองคนนั้น คนที่ถือครองห้วงคำนึงของเธอไปกว่าครึ่งอยู่เสมอยามที่ประหวัดผันผ่านความคิดไปหา


    มันเป็นภาวะจำเป็น และถึงแม้มันจะแสนสั้น โหดร้าย รวมถึงกัดกินจิตวิญญาณได้อย่างสาหัส กรีดแทงบาดลึกไปถึงก้นบึ้งจนตัวตนบุบสลาย หากไม่ระวังก็จะสูญเสียตัวตนของตนไปตลอดกาล แต่ก็มีความอบอุ่นอ่อนหวานเล็กๆ เจืออยู่ มันทิ้งบาดแผลบาดลึกไว้ ทั้งยังไม่มีสิ่งใดน่าจดจำอีกเลยนอกเหนือจากสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวที่ดีที่สุดในความทรมานนั้นอย่างเซเวอร์รัส สเนป ชายคนที่ช่วยกอบกุมเธอไว้ไม่ให้แตกสลายไปในช่วงเวลาดังกล่าว


    นัยน์ตาสีน้ำตาลจับจ้องเพดานที่มีกระจกเปิดโล่งจนเห็นท้องฟ้าประดับดาวอย่างค้างแข็ง มีเพียงภวังค์ความล่องลอยในห้วงความคิดเท่านั้นที่เคลือบทับดวงตาหม่นเศร้าดังกล่าว เงาอันวับวาวของนัยน์ตาที่เริ่มจะรื้นด้วยหยาดน้ำแห่งความเศร้าสะท้อนท่ามกลางความมืดขึ้นมาเป็นประกาย ภายใต้กรอบสีเหลี่ยมซึ่งสาดแสงจากดวงจันทร์ลงมานั้นมองดูนวลสลัวเป็นยองใยราวกับอีกโลกหนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่นึกถึงวันที่ผู้เสพความตายจับตัวเธอไปจากรถด่วนฮอกวอตส์ระหว่างทางมุ่งหน้าไปทางเหนือในวันเปิดภาคเรียนที่เธอกำลังจะขึ้นชั้นปีสุดท้าย ในปีที่โวลเดอมอร์เถลิงอำนาจอย่างถึงที่สุด และภาคีที่เคลื่อนไหวอย่างลับๆ อยู่ตลอดเพื่อบ่อนทำลายฝ่ายมืดสุดความสามารถ ไม่ทันได้ระวังตัวการรุกที่อุกอาจเช่นนี้


    พวกเขาปกป้องแฮร์รี่ไว้ได้ แต่เสียเธอไป


    ผู้เสพความตายได้ตัวเธอไว้ ก่อนจะพาเธอที่ต่อสู้ดึงดันขัดขืนสุดกำลังไปยังคฤหาสน์ของตระกูลมัลฟอย ที่ซึ่งฝ่ายมืดส่องสุมกำลัง เป็นแหล่งกบดานของเหล่าผู้เสพความตาย และแน่นอนว่าผู้บังคับบัญชาอย่างจ้าวแห่งศาสตร์มืดก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน เธอพยายามทุกวิถีทางที่จะหลุดพ้นจากการหน่วงเหนี่ยวนี้ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลใดๆ เพราะเหล่าผู้วิเศษภายใต้หน้ากากน่าสยดสยองทั้งหลายที่แปรพรรคเข้าพวกกับศาสตร์มืด รับใช้จอมมาร และแบกรับตรามารไว้บนแขนต่างก็ไม่ยอมปล่อยให้เธอพ้นเงื้อมมือไปได้โดยง่าย


    เนื่องจากไม่อาจปฏิเสธอีกต่อไปว่าในเวลานั้นเธอคือของรางวัล เป็นประหนึ่งสินสงครามอันล้ำค่าที่จะนำความรุ่งโรจน์และความดีความชอบมาสู่ผู้ที่นำตัวเธอไปแสดงตัวต่อหน้าจอมมารในฐานะบรรณาการชั้นดีที่ล่ามาจากการบุกโจมตีฝ่ายปรปักษ์


    เป็นของกำนัลแด่จ้าวแห่งศาสตร์มืด


    ยังไม่นับว่าการมีตัวเธอในครอบครองจะช่วยปลุกกำลังใจฝ่ายมืดให้ฮึกเหิมหลังจากได้ตัวคนใกล้ชิดของแฮร์รี่มาไว้ในอาณัติบริวาร


    เมื่อเธอถูกนำไปมอบให้แก่จอมมารซึ่งจะให้ความเห็นชอบว่าควรจะจัดการกับนักโทษอย่างไร เธอก็อาจจะตกอยู่ใต้บงการของจอมมารเองหรือถูกส่งต่อในฐานะบำเน็จความชอบให้แก่เหล่าผู้เสพความตายที่จะทำกับเธอเช่นใดก็ได้โดยปราศจากความปรานี


    เฮอร์ไมโอนี่คาดไม่ผิดแม้แต่น้อย


    ตอนนั้น เธอที่ตกอยู่ใต้คาถาพันธนาการ ถูกพาตัวไปยังห้องโถงใหญ่ ทุกอย่างดูเป็นสีดำมืดและเปลี่ยวร้างไปหมด ไม่มีแม้สักอณูความอบอุ่นหรือการมีชีวิต เชิงเทียนซึ่งห้อยระย้าลงมาก็ยิ่งดูชืดชาเสียกว่า แม้มันจะโอบอุ้มเปลวไฟที่ให้ความสว่างอันหม่นมัวสลัวรางแก่ทั่วทั้งห้องก็ตาม ภายในห้องแห่งนั้นกับเครื่องเรือนส่วนใหญ่ที่เป็นสีเข้มดูโอ่โถงและงามสง่า มีโต๊ะตัวยาวสีดำขลับตั้งอยู่กึ่งกลาง ที่ตรงนั้นจอมมารนั่งคอยเธออยู่แล้ว ณ จุดปลายสุด บนเก้าอี้ตัวเขื่องซึ่งดูคล้ายกับบัลลังก์ของทรราช ใบหน้าชวนสะพรึงกลัวและเหี้ยมเกรียม ไม่ว่ามองอย่างไรก็ไม่อาจขจัดความชั่วร้ายออกไปได้


    บรรดาบริวารผู้ภักดีรายล้อมอยู่ตามลำดับที่นั่ง ลดหลั่นกันลงมา และดูเหมือนจะไม่จบเพียงเท่านั้น สมุนคนอื่นๆ ผู้สวมหน้ากากบิดเบี้ยวอันน่าพรั่นพรึงของผู้เสพความตายต่างก็ยืนตามตำแหน่งอยู่เต็มห้องราวกับร่างของวิญญาณสลัวรางที่เป็นเงาตะคุ้มอยู่ในฉากหลังของภาพเขียนสยดสยองแห่งสิ่งชั่วร้าย พวกเขาตกอยู่ใต้ความหม่นมัวจนเธอไม่อาจจำแนกความแตกต่างของเงาร่างซึ่งอำพรางภายใต้เสื้อคลุมสีดำกับหน้ากากเหล่านั้นออก เห็นเพียงเป็นกลุ่มก้อนที่ดูพร้อมจะเข้ามากลุ้มรุมเธอได้ทุกเมื่อ ทุกคนดูจะมาชุมนุมกันคล้ายเฉลิมฉลองชัยชนะที่ล่าตัวเธอมาได้ และต้องการจะมาเป็นส่วนหนึ่งในฐานะประจักษ์พยานของผลงานที่สำเร็จไปอีกขั้น


    เฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยหวาดกลัวเท่านั้นมาก่อนในชีวิต ทั่วทั้งร่างสั่นเทิ้ม แม้แต่ขาก็ก้าวเดินไม่ออกด้วยไม่รู้ว่าจะมีชะตากรรมเช่นใดรอคอยอยู่


    ทว่าที่แน่ๆ มันย่อมไม่มีคำว่าเมตตาปรานีร่วมอยู่ด้วย


    ตอนนั้นเอง ในบรรดาใบหน้าที่แยกแยะไม่ออกจนทำให้เธอหัวหมุน ไม่ว่ามองไปทางใดก็พลันเห็นแต่เพียงสีหน้าแสยะยิ้มชั่วช้าด้วยความสะใจ ดวงหน้าทุกดวงบิดเบี้ยวเสียจนเธอเสียขวัญและไม่อาจหยุดร่างกายให้เลิกสั่น


    เธอเห็นเขานั่งอยู่ตรงนั้น


    ที่ด้านซ้ายของจ้าวแห่งศาสตร์มืด ตำแหน่งอันทรงเกียรติของสมุนคนสำคัญ


    ใบหน้าอันคุ้นเคยของศาสตราจารย์วิชาปรุงยาผู้ที่ในอีกสถานะหนึ่งก็นั่ง ณ ที่ประชุมของภาคีนกฟินิกส์ไม่ต่างกัน โดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางกลุ่มคนหยาบช้าแบบที่เธอก็หาคำอธิบายไม่ได้ และเฮอร์ไมโอนี่ก็มองเขาที่หันเหสายตาเย็นชามาทางเธอเหมือนๆ กับคนอื่นๆ ด้วยดวงตาสีน้ำตาลที่สั่นไหวระริก วิงวอนขอความช่วยเหลือสุดหัวใจ ทั้งที่ขณะนั้นไม่อาจแน่ใจได้อีกแล้วว่าเขาเป็นคนของฝ่ายใดกันแน่ จะยังเป็นผู้ทำหน้าที่สายลับให้ภาคี แฝงตัวเข้าร่วมกับฝ่ายมืดตามภารกิจรับผิดชอบ หรือกลับกันที่เขารับใช้จอมมารมาตลอดแต่ซุกซ่อนเจตนาชั่วร้ายไว้ และคอยขัดขวางกิจของภาคีภายใต้ฉากหน้าของการแสร้งทำทุกอย่างเพื่อทำลายฝ่ายมืด


    ไม่เคยมีใครแน่ใจในเรื่องนี้


    เขาคือคนที่รับถ้อยคำว่าร้าย สบประมาท รวมถึงคำกล่าวหามากมายอันเลวร้ายทุกประการมากที่สุด


    ทว่ากระนั้นก็วางเฉยมากที่สุดราวกับทั้งหมดนั่นไม่เคยสลักสำคัญด้วยเช่นกัน


    แม้เธอจะเชื่อมั่นในตัวเซเวอร์รัส สเนปมากกว่าใครอื่น และต่อให้เขาจะเลือกบทบาทข้างไหนเป็นโฉมหน้าแท้จริง เธอก็ไม่มีที่พึ่งใดอีกแล้ว


    ในเวลานั้น เขาคือโอกาสเดียวที่ดีที่สุดเท่าที่จะร้องขอได้


    ชั่วขณะดังกล่าว ผู้ชายคนนั้น ชายซึ่งมีใบหน้ากร้าวแข็งอันเยียบเย็น ไร้ความรู้สึกหรืออารมณ์อันพึงมี ชายคนที่เธอคิดว่าจะเบือนหน้าหนี หลบสายตาเธอไปในวินาทีใดก็ได้ กลับทำทีคล้ายจะพยักหน้าน้อยๆ ให้เธอในจังหวะที่ไม่มีใครทันได้จับสังเกต เนื่องจากต่างก็มุ่งความสนใจมายังเธอกันหมด หญิงสาวก็ได้รับคำตอบในทันทีว่า แท้จริงแล้ว เซเวอร์รัส สเนปยืนอยู่ฝากฝั่งใดในสงครามฟาดฟันครั้งนี้


    อดีตศาสตราจารย์วิชาปรุงยาในอาภรณ์สีดำจับจ้องเธอประหนึ่งว่ากำลังมองลึกเข้ามาถึงจิตวิญญาณ ขณะรอบด้านเต็มไปด้วยความหึมเฮิมและเสสรวลเฮฮาของบรรดาเหล่าผู้เสพความตายซึ่งมั่นใจหมายมาดต่อชัยชนะภายภาคหน้าอย่างเต็มเปี่ยม เพราะมีตัวประกันคนสำคัญอย่างเธอมาไว้ในเงื้อมมือ


    ครู่ถัดมา อาศัยเพียงไม่กี่ชั่ววินาทีที่สบตามองดวงตาสีดำสนิทดุจถ้ำอันมืดมิดของสายลับสองหน้าคนนั้น จ้าวแห่งศาสตร์มืดซึ่งดูเหมือนจะเริ่มรู้ตัว และสังเกตเห็นว่าสมุนคนสนิทที่ตัวเองเชื่อใจที่สุดอย่างเซเวอร์รัสกำลังไม่วางสายตาไปจากสินสงครามชิ้นงามที่จับได้ ก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นช้าๆ ส่งสัญญาณให้ทั้งห้องหยุดความเคลื่อนไหวลงในฉับพลัน แน่นอน นั่นย่อมได้ผลทันที เพียงชั่วลมหายใจ เสียงทั้งหมดกับความเคลื่อนไหวทุกประการก็ชะงักงันประหนึ่งถูกคาถาสะกดนิ่งโดยพร้อมกัน ก่อนที่จอมมารจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแช่มช้า ระคนปนเปไปกับความสำราญ ความเหี้ยมเกรียม และไร้ปรานี


    “ดูเหมือนว่าของเล่นชิ้นใหม่ของพวกเราจะต้องตาเซเวอร์รัสเข้าแล้ว”


    สิ้นคำที่เป็นไปได้ทั้งหยอกเย้าหรือส่งความนัยแอบแฝงไปในตัว ทั่วทั้งห้องก็ดูเหมือนจะลุกครืนด้วยเสียงยั่วแหย่และเสียงคำรามกึกก้องจากความชอบอกชอบใจเป็นพิเศษ ทุกคนกำลังหลงระเริง เปรมปรีดิ์ไปกับชัยชนะในการบุกโจมตีฝ่ายตรงข้ามในคราวนี้ พวกเขาส่งเสียงสนับสนุนไปทางเซเวอร์รัส พยายามมีส่วนร่วมไปกับการหยอกเอินของจอมมารซึ่งดูจะยิ่งยินดีหากคำพูดของตนไปกระตุ้นบรรดาสมุนให้คล้อยตาม ให้ความสนอกสนใจ หรือปลุกระดมให้มีอารมณ์ร่วม ในขณะที่ผู้ถูกพาดพิงถึงยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ประหนึ่งไม่อาจมีสิ่งใดแทรกผ่านเข้าไปถึงความสุขุมเยือกเย็นหรือนำพากระแสอารมณ์ให้เผยแสดงบนห้วงจิตใจอันไร้ความรู้สึกและเปลี่ยวร้างได้


    ที่ข้างๆ นั้นเอง จ้าวแห่งศาสตร์มืดค่อยๆ โน้มตัวมาเบื้องหน้า เท้าแขนลงกับโต๊ะ ขณะงูตัวเขื่องอย่างนากินีเลื้อยขึ้นมาอย่างเงียบเชียบชวนให้หวั่นผวากันถ้วนหน้า ครั้นแล้ว จอมมารก็พูดต่อ ท่าทีแช่มชื่นด้วยประโยคที่เพียงแค่เปรยผ่านมากกว่าจะขอความคิดเห็น


    “เราจะตัดสินใจทำอย่างไรกับแม่เลือดสีโคลนคนนี้ดี ใครจะได้เธอไปกันนะ”


    ผู้นำของฝ่ายมืดแยกเขี้ยวแสยะยิ้มเมื่อพูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นนุ่มลึกที่คล้ายกำลังดื่มด่ำความอภิรมย์จากการได้เล่นสนุกต่อโชคชะตาของเหยื่อตรงหน้า พร้อมกับทรมานจิตใจของเธอด้วยการบีบคั้นทางอารมณ์และทำให้ไม่อาจแน่ใจในสิ่งใดได้เลย


    ใบหน้าขาวซีดอันปรากฏโครงร่างและรูปลักษณ์ที่ดูราวกับไม่ใช่หน้าตาของมนุษย์นี้สะท้อนแต่ความกระหายและความเหี้ยมเกรียมอันเย็นเยียบ มันเป็นฉากหน้าของความอำมหิต ไร้ปรานีที่แฝงอยู่ภายใน จ้าวแห่งศาสตร์มืดหันไปกล่าวกับสมุนคนโปรดข้างกายอีกครั้ง ในกระแสสำเนียงดังกล่าวเจืออด้วยน้ำเสียงกระเซ้าเย้าแหย่ ผสมปนเปไปกับการมุ่งเป้าคาดคั้นเอาความที่น่าพรั่นพรึงจนแทบจะจำแนกไม่ออก


    แต่เดี๋ยวก่อน ต่อให้ใครได้เด็กนี่ไป แกก็คงจะไม่ถือเป็นเรื่องส่วนตัวหรอกใช่ไหมเซเวอร์รัส ในเมื่อแกดูจะมีอะไรกับนังเด็กนี่เป็นพิเศษ”


    “ไม่ครับ มายลอร์ด”


    กระแสเสียงที่ตอบกลับไปเรียบเฉยและนิ่งขรึมอยู่ในที ไม่อาจปล่อยให้ใครเคลือบแคลงสงสัยในความสัตย์จริงของถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยออกมาได้สักเพียงเศษเสี้ยว หรือแม้ใจจริงจะเป็นอื่นก็ไม่มีใครนึกกังขาคลางแคลงทั้งนั้น มันหนักแน่นสร้างความมั่นใจได้ยิ่งกว่าอะไร ถึงศาสตราจารย์วิชาปรุงยาจะดูขึงขังและแข็งกร้าว ทว่าเบื้องหลังอิริยาบถที่ยอมตนใต้ปกครองของจ้าวแห่งศาสตร์มืด แม้จะไม่ได้สุภาพนอบน้อม แต่ก็เห็นได้ชัดว่ายังคงเป็นเอกเทศและเป็นตัวของตัวเอง ไม่ยอมอยู่ใต้บงการหรือประจบประแจงเอาใจ แถมยังแฝงเร้นไปด้วยความถือดีและติดจะพยศแบบที่พร้อมแพลงฤทธิ์เดชได้ทุกเมื่อ


    แล้วทั้งหมดนั่นก็ไม่ใช่ความกระด้างกระเดื่องที่จอมมารจะสัมผัสไม่ได้ด้วยเช่นกัน เซเวอร์รัสแสดงมันออกมาไม่คิดปกปิด ความตรงไปตรงมาอันไม่ว่าง่ายดังกล่าวจึงเป็นที่พอใจแก่จ้าวแห่งศาสตร์มืดมากยิ่งกว่าสมุนคนไหนๆ ด้วยตีความไปได้อีกประการว่านั่นคือความซื่อตรงไม่มีสิ่งแอบแฝง และมันก่อเกิดความเชื่อใจแก่จอมมาร ทำให้ตัวเซเวอร์รัสเองสานต่องานต่างๆ ได้ง่ายดาย สะดวกขึ้น ทั้งยังคงตบตาอีกฝ่ายอย่างแนบเนียนต่อไป


    “หืม แกเป็นอาจารย์ของยัยเด็กเลือดสีโคลนนี่จริงไหม พวกเลือดสีโคลนคงจะถูกอกถูกใจแกน่าดูสิ ฉันจะไม่แปลกใจถ้าแกจ้องยัยเด็กนี่ไว้


    น้ำเสียงเยียบเย็นยังคงร่ายยาว จอมมารได้กลายเป็นเจ้าของสุ้มเสียงเดียวในห้องแห่งนี้เป็นที่เรียบร้อย เหมือนเช่นทุกๆ ครั้ง จะมีกระแสเสียงใดหาญกล้าสู้กลบยามจ้าวแห่งศาสตร์มืดกำลังแผ่อำนาจครอบครองและควบคุมทุกความเคลื่อนไหวโดยอาศัยเพียงแค่การมีตัวตนอยู่ของตัวเองกันเล่า


    ยามเงาแห่งความชั่วร้ายอันมีเลือดเนื้อชีวิตผู้นี้เอื้อนเอ่ย­ ความเงียบกับการเชื่อฟังยอมตามเท่านั้นที่ได้รับอนุญาต


    บรรยากาศทั่วทั้งห้องมืดสลัว กรุ่นกลิ่นความชั่วช้า สรรพสิ่งคล้ายถูกกลืนหายไปในความเงียบงันอันคลุมเครือ “รสนิยมของแกก็ดูเหมือนจะมีอะไรกับพวกเลือดสีโคลนมาตลอดอยู่แล้ว ชอบพอพวกเลือดสีโคลนอะไรแบบนั้น ดูอย่างลิลี่ พอตเตอร์นั่นที่แกเคยหลงผิดไปสิ แกเคยบอกว่าอะไรนะ ขอร้องเพื่อเธอ ยอมมอบชีวิตแกแลกกับชีวิตนังนั่น รักเดียวของแกอย่างนั้นสิ แล้วหลังจากนั้นแกเอาพวกเลือดสีโคลนไปอีกกี่คนแล้วนะ


    ใช่สิ แกอาจจะเอานังพวกนั้นเป็นร้อย แต่ใจแกคงตายไปกับนังนั่นแล้ว เห็นได้ชัด


    ครั้นแล้ว จังหวะนั้น ก่อนที่จ้าวแห่งศาสตร์มืดจะเอื้อนเอ่ยต่ออย่างดื่มด่ำความสำราญ ก็พลันหันไปขอการมีส่วนรวมจากบรรดาสมุนแห่งความมืดที่รวมตัวกันแน่นขนัดห้อง


    ดูสิ พวกแกเคยเห็นเซเวอร์รัสรู้สึกรู้สาอะไรหลังจากนั้นอีกไหมล่ะ”


    จบคำ ทั่วทั้งห้องก็พลันลุกฮือขึ้นเล็กน้อยด้วยเสียงขบขันระคนหยามหมิ่นในลำคอคำรบหนึ่ง ก่อนจะผ่อนเบาสู่ความเงียบงันอันเปลี่ยวร้างและกดดันดังเดิม ดูเหมือนจ้าวแห่งศาสตร์มืดจะพึงใจล่อหลอกให้สมุนคนสนิทยอมรับอะไรบางอย่างออกมาเสียให้ได้ โวลเดอมอร์ไม่ยอมลดราวาศอก แต่แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมด้วยนึกสนุกขึ้นทุกๆ ขณะ เขาจงใจใช้ถ้อยคำหยาบโลนยั่วเย้าอารมณ์คู่สนทนา อีกทั้งน้ำเสียงก็ยังดูหมิ่นดูแคลนเพื่อกระตุ้นให้ฝ่ายตรงข้ามอับอาย และเพื่อดูว่าจะก่อเกิดใจเจ็บหรือนึกแค้นเคืองโกรธหรือไม่ระหว่างที่เขา นายเหนือหัว เป็นผู้เอ่ยถึง มันไม่ต่างอะไรกับการย้ำความมั่นใจว่าจะไม่มีใครหาญท้าทายอำนาจเด็ดขาดของตน


    ยิ่งเมื่อความทรงจำครั้งอดีตแวะเวียนมาทักทาย ในตอนที่สมุนคนนี้ละลักละล่ำวิงวอนขอร้องให้ไว้ชีวิตลิลี่ พอตเตอร์เพราะเคยมีใจใฝ่หาผู้หญิงคนนั้นมาก่อนด้วยความเจ็บปวดเจียนขาดใจ เขาก็ยิ่งอยากจะจี้จุดเซเวอร์รัสให้เจ็บช้ำและรวดร้าวสาหัสเพื่อความสะใจส่วนตัว ทรมานอีกฝ่ายให้รู้ว่า ต่อให้จะเป็นอย่างไร ตนก็ยังคงมีอำนาจเหนือ ชี้ชะตาบงการผู้อยู่ใต้บัญชาของตนเองให้เป็นตามต้องการได้ และนั่นคือความสำราญรื่นรมย์ของการได้กลบกลืนปมแห่งการไม่เป็นที่ยอมรับและการขาดไร้สิ่งเติมเต็มซึ่งไม่เคยได้รับชดเชยในวัยเยาว์


    ผู้นำแห่งฝ่ายมืดแฉลบดวงตามองเด็กสาวซึ่งถูกบังคับให้คุกเข่าลงกับพื้นอย่างยอมปราชัยสิ้นแล้วด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงความรู้สึกด้านดีงามใดๆ แม้เพียงเศษเสี้ยว มีแต่ความโหดร้าย รังเกียจเดียดฉันท์


    เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินบทสนทนาระหว่างคนบนโต๊ะไม่ชัด แต่ดูเหมือนอดีตของศาสตราจารย์วิชาปรุงยากำลังถูกแง้มพรายให้รับรู้ และหัวใจเธอก็พลันกระตุกวูบหนึ่งเมื่อนามของมารดาเพื่อนสนิทได้รับการหยิบยกขึ้นมา ยังไม่นับเยื่อใยสัมพันธ์ตลอดจนความเกี่ยวโยงทั้งปวง ไม่รู้ทำไม แต่เธอแทบจะกลั้นหายใจไว้ ราวกับดวงใจหายวับไปตอนที่จอมมารกล่าวความนัยอันสื่อได้ถึงความรู้สึกที่เซเวอร์รัส สเนปเคยมีให้แม่ของแฮร์รี่ เธอปักใจเชื่อว่าเขาเป็นคนดีโดยเนื้อแท้ก็จริง แต่ไม่เคยนึกภาพว่าเขาจะรักหรือมีเยื่อใยความรู้สึกให้ใครสักคน ยิ่งคนๆ นั้นเป็นมารดาของเด็กผู้ชายที่เขาเกลียดชังยิ่งนักด้วยแล้ว


    เด็กสาวยอมรับว่าทั้งหมดนี่ยิ่งกว่าที่ใครจะคาดหมายได้ แน่นอนว่าเธอตะลึงงัน อีกทั้งส่วนลึกในใจก็ดูจะบิดเร้าอย่างไม่อาจหาเหตุผลอันสมควร


    บางที นั่นอาจเพราะเธอหลงระเริงคิดไปเองอย่างลำพองตนว่าเธอเป็นคนเดียวที่อาจเข้าถึงจิตใจของเขาได้ด้วยความเข้าอกเข้าใจ และแท้ที่จริงแล้ว ก็อาจหวังอยู่ลึกๆ ว่าจะเป็นคนแรกที่เข้าถึงจิตใจหรือพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าเขายังสามารถมีเยื่อใยหรือความรู้สึกข้องเกี่ยวกับใครสักคน เธอคิดมาตลอดว่าหากทำให้เขาเปิดใจได้คงดีไม่น้อย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเคยปักใจรัก ปันใจให้ และเปิดใจแก่คนๆ หนึ่งคนนั้น หนำซ้ำยังเป็นลิลี่ พอตเตอร์


    นั่นหมายความว่าเรื่องราวทั้งหมดนี่ สิ่งที่เขาทำ แผนการเบื้องหลังของภาคี การเป็นสายลับสองหน้า อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้มีความนัย มีความหมายอันหนักแน่นแอบแฝง ทั้งยังแฝงด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวในทุกๆ การมีอยู่


    น้ำหนักของความจริงที่เธอได้รับรู้อยู่นี้ แม้จะเพียงแค่ผิวเผิน แต่มันกลับดูเป็นความจริงยิ่งแล้วยิ่งกว่าอะไร แถมยังมีมวลมหาศาลมากกว่าที่เฮอร์ไมโอนี่คาด และนั่นกดทับลงมาบนอกของเธออย่างอธิบายไม่ได้ เธอช่างผยองและหลงตัวเองเหลือเกินที่คิดว่าจะข้ามผ่านป้อมปราการแกร่งกล้าที่เซเวอร์รัส สเนปวางไว้ป้องกันเนื้อแท้ภายใน ทั้งที่ความจริง มันเป็นเพราะเขาไม่คิดจะเปิดรับใครเข้าไปหลังจากที่เขามอบทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่ผู้หญิงคนหนึ่งไปแล้วต่างหาก


    มันไม่อาจเป็นใครอื่นไปได้อีก


    ที่ผ่านมา เธอก็แค่เข้าใจผิดมหันต์ ทั้งยังเข้าข้างตัวเองเสียเหลือเกินว่าตนพอจะสนิทสนมกับเขาอยู่บ้าง และหวังจะเป็นคนจุดประกายชีวิตให้แก่เขา ดึงเอาความเป็นตัวตน ตลอดยังเยื่อใยความรู้สึกให้เผยออกมา


    แต่ความรู้สึกและความสามารถที่จะมีเยื่อใยผูกพันกับอะไรสักอย่างของเขานั้น มันกลายเป็นดอกไม้วางเหนือหลุมศพของลิลี่ พอตเตอร์ไปแล้ว


    เป็นผ้าคลุมศพ เป็นดินกลบฝัง และเป็นต่างบรรรณาการให้เธอนำติดตัวสู่ความตาย


    เพราะมัวแต่จมจ่อมอยู่กับความคิดที่ทะลักทลายหลั่งไหลเข้ามาบีบคั้นในอก เด็กสาวไม่รู้ตัวว่าถูกกระชากศีรษะอย่างแรง และไม่สะท้านหวั่นไหวว่าใครจะฉุดดึ้งทึ้งรั้งเธออย่างไรบ้างเพื่อเพิ่มความบันเทิงให้จ้าวแห่งศาสตร์มืด รวมถึงบรรดาผองเพื่อนโดยรอบ เมื่อผู้เสพความตายซึ่งยืนขนาบเธอไว้เพื่อตรึงให้อยู่กับที่เห็นเด็กสาวไม่ตอบสนอง เหล่าชายสวมหน้ากากชวนขนลุกนั่นก็กระแทกเธอลงกับพื้น ร่างเล็กๆ หมอบลงแนบชิดพื้นหินเย็นเยียบโดยไม่คิดจะขยับเขยื้อนหรือผงกศีรษะขึ้นนั่งดังเดิม เธอกัดริมฝีปากแน่น ไม่ใช่เพราะเจ็บแค้นที่ถูกกระทำ แต่เนื่องจากกำลังเศร้าหมองและขื่นขมขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ อีกทั้งส่วนหนึ่งก็ผิดหวังที่ไม่อาจเทียมเทียบ หรือเข้าไปมีบทบาทแทนลิลี่ พอตเตอร์ได้


    ก็จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อจากปากคำของจอมมารและประกายความเจ็บปวดวูบหนึ่งในดวงตาสีดำของเขานั่น บ่งบอกชัดเจนยิ่งกว่าอะไรว่าลิลี่ พอตเตอร์ถือครองหัวใจเขาไว้มิใช่หรือ


    เฮอร์ไมโอนี่ เฮอร์ไมโอนี่ เธอรำพึงกับตัวเอง เธอมันโง่เง่าอย่างน่าขัน


    คิดฝันว่าตนจะทำให้เขากลับคืนความรู้สึกรู้สาดังที่คนทั่วไปพึงมีได้หรือ หลงนึกจะเป็นความเบิกบาน ดึงเอามนุษย์สัมพันธ์กับเยื่อใยเขาออกมาได้อย่างน่าไม่อายใช่หรือไม่ เธอคิดว่าผู้ชายที่ซับซ้อนและลึกซึ้งคนนี้จะเห็นเธออยู่ในสายตาได้อย่างไร เขามีใครอยู่ในใจเสมอ เห็นได้ชัดแล้วนั่นเองว่าเขาอยู่ฝ่ายใด แถมยังทำเรื่องทั้งหมดนี่เพื่อใคร ดังนั้น ที่ถูก เธอควรจะรู้สึกใจชื้นขึ้นบ้างที่เวลานี้พอจะมีฝ่ายเดียวกันไว้คอยปกป้องเธอได้ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน


    ทว่าเธอก็มัวแต่จดจ่อกับเรื่องของศาสตราจารย์วิชาปรุงยาเพียงเท่านั้นจนทุกสรรพสิ่งรอบด้านคล้ายกลืนหายไปภายใต้สาดเงาไร้แสง


    ถึงแม้ทุกอย่างจะเปิดเผยออกมาในคราวเดียวด้วยประโยคหยอกเย้าสั้นๆ ของจอมมาร แค่สั้นๆ เพียงผิวเผินและช่างง่ายดายราวกับเป็นเพียงสิ่งธรรมดาสามัญนัก แต่ความหยั่งรู้บางประการในตัวเธอสามารถแถลงไขเรื่องราวทั้งหมดออกมาได้ในคราวเดียว และมันก็ถูกต้องอย่างไม่อาจกังขาสงสัยในอะไรอื่นได้อีกเลย ชั่วขณะหนึ่ง เพราะเสียงอึกทึกครึกโครมรอบด้านจากบรรดาผู้เสพความตายกระเตื่องขึ้นมาอีกระลอก เธอจึงเงยศีรษะ ผุดลุกจากพื้นอีกครั้ง ชะม้ายตามองไปทางชายในเสื้อคลุมพ่อมดสีดำคนนั้นด้วยสายตาละห้อยหา แบบที่ไม่รู้สึกตัวแม้เพียงนิดว่ามันส่องสะท้อนความรู้สึกสับสนระคนใคร่ครวญและคิดคำนึงลึกซึ้งอย่างไรบ้าง


    เธอจ้องลึกสู่ดวงตาสีดำสนิทนั่น และมันเป็นเช่นนั้น อย่างที่เป็นมาตลอด เหตุผลที่เขาปฏิบัติเหมือนเช่นคนไม่มีหัวใจ ไร้ความรู้สึก เพราะเขามอบมันให้แก่ผู้หญิงคนหนึ่งไปหมดสิ้นแล้ว


    หรือไม่ใช่ว่าแกนึกรู้สึกรู้สาอะไรกับแม่เลือดสีโคลนคนนี้ขึ้นมา นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบไปทางผู้ถูกพาดพิงถึง ทว่าศาสตราจารย์วิชาปรุงยาของฮอกวอตส์ยังคงมีสีหน้านิ่งเฉยไม่เปลี่ยนไปแม้เพียงเสี้ยวเดียวราวกับไม่มีสิ่งใดมาสะกิดหรือสั่นคลอนเขาได้ และเธอก็รู้สึกราวกับมีโลหะเย็นเฉียบทาบทับลงมาในใจ พร้อมจะลงดาบ เชือดคมมีดนั้นเลาะเนื้อเถือหนังเธอทุกเมื่อ มีบางอย่างจุกขึ้นมาตรงลำคอจนเธอแทบจะหายใจไม่ออก และเนื้อตัวร่างกายก็ดูจะหลงลืมความเจ็บปวดของบาดแผลทรมานไปหมดสิ้น เพราะมันชาวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าประหนึ่งมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านอยู่ชั่วขณะ


    ทั้งที่เธอไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไรให้เขา แต่น่าแปลกที่ตนกลับหน่วงใจนัก


    หากเขาจะเคยรักใครสักคน เปิดใจให้คนๆ นั้นมันก็เป็นเรื่องปกติ ทว่ามันไม่เคยเปลี่ยนแปรแม้ความตายจะเข้ามาเกี่ยวข้อง เธอคนนั้นยังคงอยู่ในใจผู้ชายคนนี้ไม่ลดน้อยถอยไปแม้เพียงเศษเสี้ยวมิใช่หรือ และเขาไม่อาจเหลือที่ว่างหรือผันแปรเปลี่ยนใจอันมั่นคงนั้นไปให้ใครได้อีกแล้ว


    เพราะเขาเป็นคนเช่นนั้น มั่นคงหนักแน่น ซื่อสัตย์ภักดี ทั้งยังมีเกียรติล้นเหลือ


    ผู้ชายคนนี้รักมั่น เด็กสาวรู้ดีว่าเมื่อเขาเคยมีใครสักคนในใจ คงเป็นการยากสาหัสนักที่เขาจะเปิดใจให้ใครอื่นอย่างลึกซึ้งแบบนั้นอีก เธอถึงได้ถูกกระแสความรู้สึกอิจฉา และบางที อาจจะผิดหวังโดยไม่รู้ตัว กลืนกินเข้ามาตอนที่ได้ประจักษ์แจ้งว่าเขารักลิลี่ พอตเตอร์จนทำทุกอย่างทั้งหมดนี้ให้ เขาจะทำมันเพื่อใครได้อีก มันคงไม่ใช่เพราะคุณธรรมสูงส่งแน่ เห็นได้ชัดว่าเซเวอร์รัส สเนปไม่ได้ทำเพื่ออะไรอื่นนอกจากมารดาของเด็กชายผู้รอดชีวิต


    ทั้งๆ ที่เธอคนนั้นสูญสิ้นลมหายใจไปนานเหลือเกิน แต่ยังคงครอบครองพื้นที่ในหัวใจของชายผู้นี้เสมอมา


    เฮอร์ไมโอนี่สะอื้นฮักออกมาแผ่วๆ ด้วยขมขื่นและสะเทือนอารมณ์นัก ร่ำๆ จะละลักละล่ำฟูมฟาย เพราะจะอย่างไรเสีย ทุกคนย่อมตีความว่าเธอกำลังหวาดกลัวถึงได้แสดงออกเช่นนี้ แต่เธอกำลังรู้สึกเจ็บปวดแทนสิ่งที่คิดว่าเขาต้องเผชิญผ่านมา


    สิ่งรอบตัวเด็กสาว สำหรับเธอแล้ว ดูเหมือนจะหยุดโคจรไป และมันเลื่อนไหลผ่านตัวโดยไม่ซาบซึมเข้าสู่สำนึกรับรู้ จนเมื่อจอมมารเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นอีกหน สยบความอึกทึกภายในห้องลง เฮอร์ไมโอนี่ถึงถูกดึงออกจากภวังค์ และความรู้สึกหวาดกลัว พรั่นพรึงต่อสถานการณ์ที่แขวนลอยอยู่เบื้องหน้าโดยไม่อาจคาดเดาถึงชะตากรรมของตนเองได้ก็ถูกปลุกเร้าขึ้นมาอีกครา


    “นิสัยเก่าๆ คงจะแก้ได้ยากสินะ เซเวอร์รัส”


    สุ้มเสียงของจอมมารเหมือนหนึ่งฟาดฟันลงมายังจิตใจอันคลอนแคลนหวั่นไหวด้วยความสั่นกลัวของเธอ เด็กสาวห้ามตัวเองไม่ให้สั่นได้ยากเย็นยิ่ง ทั้งยังไม่อาจหยุดสำนึกวนเวียนให้ห่างจากความคิดแง่ร้ายได้เลย จ้าวแห่งศาสตร์มืดซึ่งนั่งครองตำแหน่งตรงหัวโต๊ะนั้นทำทีเป็นครุ่นคิด ทั้งที่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้กำลังไตร่ตรองถึงสิ่งใด แค่เพียงกำลังเล่นสนุกต่อสถานการณ์นี้เหมือนผู้ล่าที่หยอกล้อเหยื่อก่อนจะตะครุบในคราวเดียวให้สิ้นชีพภายหลัง


    “ย่อมได้ ให้ยัยเด็กนี่เป็นของขวัญกับแกแทนตอนนั้นที่ฉันไม่อาจไว้ชีวิตแม่เลือดสีโคลนพอตเตอร์ของแกไว้ ดีไหม เผื่อว่าแกเกิดคิดแค้นตามอาฆาตอยู่ข้างหลังฉันมาตลอด”


    ถ้าชั่วขณะถ้อยคำดังกล่าวกระเตื้องผ่านสำนึกรับรู้ของเธอแล้วก่อเกิดความหวัง และเกือบกลบกลืนความหวาดหวั่นให้ลบเลือนไปได้แม้เพียงเล็กน้อย เสี้ยวลมหายใจต่อมาก็แทบจะกลายเป็นความสิ้นหวังในบัดดล


    แสงสว่างซึ่งแต้มประกายในใจขึ้นมาบ้างเพียงเล็กน้อยถูกกระชากออก ความรู้สึกพุ่งลงสู่จุดต่ำสุดจนเกือบคลั่งไป ราวกับถูกผลักลงสู่หุบเหวไร้ก้นอันทะมึนมืดด้วยมือแห่งความหมดหวังสิ้นแล้ว ยังไม่นับความน่าสะพรึงกลัวที่ทึ้งรั้งเธอลงต่ำ พร้อมทั้งบีบรัดทั่วทั้งร่างให้ไม่อาจหายใจ เด็กสาวหวีดร้องออกมาโดยไม่รู้ตัวจากความกดดันอันชวนให้ไม่อาจธำรงการควบคุมสามัญสติของตนไว้อย่างดีได้ หากเธออ่อนแอมากกว่านี้ก็คงจะเสียจริตจิตวิปลาสไปโดยง่ายเมื่อสดับตรับฟังกระแสเสียงโหดเหี้ยมทารุณจากจ้าวแห่งความมืดที่ขบเคี้ยวฟันอย่างหรรษา


    “ไม่ล่ะ ยกให้แกดีกว่าโดโลฮอฟ”


    โวลเดอมอร์หันไปเอ่ยแก่สมุนอีกคนที่เธอเห็นใบหน้าไม่ชัด เพราะใครคนนั้นขยับตัวเอียงไปทางนายเหนือหัวผู้กำลังพร่ำพรรณา แต่เธอรู้สึกได้จากสัญชาตญาณอันเขม็งเกลียวในช่องท้องว่าเจ้าของชื่อดังกล่าวกำลังแยกเขี้ยวยิงฟัน แสยะยิ้มอย่างหยาบโลน “ปรนเปรอความสุขให้ยัยเด็กนี่ที เอาให้สุขสม แกจะแบ่งความสำราญกับใครก็ได้ ใครจะอาสาปรนนิบัติยัยเด็กนี่ให้รู้ซึ้งถึงความหฤหรรษ์ที่แท้ของความมืดอีกดีล่ะ แต่คงจะไม่มีใครอยากสมสู่กับเลือดสีโคลน น่าเสียดายนัก คงจะเป็นการไม่ให้เกียรติของขวัญชิ้นงามนางนี้ไปหน่อย ว่าไหม”


    ครั้นเมื่อจอมมารพูดเช่นนี้ ในทันใดนั้นเอง โดยไม่ต้องอาศัยชั่วเฉลียวฉุกคิดใดๆ บรรยากาศครึกครื้นเสสรวลและความชุลมุนอันกึกก้องที่กักเก็บตัวใต้ความเงียบงันและความสำรวมกดดันก็ระเบิดออกมาราวกับกัมปนาทบาดหู ทุกสรรพสำเนียงดังกระหึ่ม ลุกฮือสนั่นหวั่นไหวจนรู้สึกคล้ายกับว่าทั่วทั้งห้องกำลังสั่น เธอเห็นโวลเดอมอร์ยิ่งดูชอบอกชอบใจ โต้ตอบเสียงเกรียวกราวทั้งมวลอย่างอารมณ์ดี


    ทว่าเวลาเดียวกันนั้น สีหน้าของศาสตราจารย์วิชาปรุงยากลับยิ่งเรียบเฉย ไม่อาจอ่านอารมณ์หรือตีความความรู้สึกใดๆ ออกมาได้


    ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากความว่างเปล่าอันเงียบงันและคลุมเครือ แม้กระทั่งตอนที่จอมมารเอ่ยปากจะมอบเธอให้กับเขาก่อนหน้านี้


    แต่ความจริงแล้ว เธอสำรวจความเป็นไปรอบข้างไม่ได้มากมายเท่าใดนักหรอก เมื่อผู้เสพความตายที่ควบคุมตัวเธออยู่กระชากศีรษะเธอไปมาจนคอกระตุก รั้งผมเธอไปข้างหลังจนหนังศีรษะเหมือนจะหลุดร่อน และยามที่นึกอยากจะลงไม้ลงมือกับเธอก็ทุบตีลงมาอย่างรุนแรงจนเส้นประสาทชาไปหมด ตอนพวกมันใช้ขากระแทกลงตรงซี่โครง เธอก็ยิ่งเหมือนต้องตะเกียกตะกายหาอากาศ ด้วยเพราะรู้สึกราวกับปอดกำลังจะฉีก โสตประสาทเธอพลันดับวูบไปครู่หนึ่งด้วยเช่นกันเมื่อน้ำหนักของมือฟาดลงมายังศีรษะเธอเต็มที่ มือของแต่ละคนฉุดกระชากลากถูเธออย่างไร้ปรานี


    กระนั้นพวกมันก็รีบชักแขนกลับคืนไปอย่างรวดเร็วหลังจากจอมมารยกมือขึ้นปราม ก่อนจะพูดเสียงกังวานกลบแข่งสรรพสำเนียงอื้ออึงโดยรอบ “โอ้ พวกแกเก็บอาการที่ออกนอกหน้ากันหน่อย ฉันกำลังประชดไม่เห็นเหรอ เอาสิ ถ้าฉันไม่สนองความต้องการของพวกแกก็คงเป็นเจ้านายที่แย่น่าดู เอาเลย ใครจะอยากทำอะไรกับนังนี่ก็ทำ”


    เสียงดังกล่าวสะท้อนก้องในกะโหลกศีรษะเธอราวกับจะซ้ำเติม ตอกย้ำถึงความน่าพรั่นพรึงของมัน เฮอร์ไมโอนี่สั่นศีรษะด้วยเนื้อตัวที่สั่นกลัว ร่ำร้องปฏิเสธ


    แต่เธอหาใช่ผู้กุมชะตากรรมของตัวเองอีกต่อไป


    ตั้งแต่วินาทีที่เธอถูกจับตัวเอาไว้ได้ ทุกอย่างของเธอก็ขึ้นอยู่กับจอมมารเพียงเท่านั้น




    To be continued


    สวัสดีค่ะนักอ่านทุกท่าน ห่างหายฟิคนี้ไปนาน กลับมาลงแล้วค่ะ สำหรับบทที่สี่นี้ผู้เขียนเลือกตัดแบ่งตอนที่จะแยกเป็นบทนี้กับบทที่ห้าไม่ถูก ตอนนี้มันเลยออกมาครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้ ดังนั้น เพราะผู้เขียนอยากไถ่โทษที่บทนี้ตัดตอนได้ไม่ smooth เอาเสียเลย และไม่มีอะไรเป็นแก่นสารมากเท่าไรนัก จึงขอรีบมาลงบทที่ห้าวันศุกร์หน้าค่ะ (ที่เลือกวันศุกร์เพราะคิดว่าเป็นวันก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ นักอ่านน่าจะเข้ามาอ่านกันเยอะเสาร์-อาทิตย์ ก็เลยชอบลงฟิควันศุกร์เพื่อเพิ่มเรตติ้ง ฮา) แต่ถ้าคุณนักอ่านไม่อยากรอถึงวันศุกร์หน้า เป็นวันไหนบอกได้ค่ะ ผู้เขียนลงบทที่ห้าได้ตามใจนักอ่าน (เฉพาะบทที่ห้านะคะ ฮา) เพราะใจผู้เขียนก็อยากลงบทที่ห้าค่ะ แต่ลงในตอนนี้ทีเดียวไม่ได้เพราะถูกเด็กดีจำกัดจำนวนตัวอักษร ; w ;) ---- สุดท้ายนี้ ขอบคุณนักอ่านทุกท่านสำหรับทุกคอมเม้นท์ ทุกกำลังใจ ทุกยอดวิวและทุกท่านที่เข้ามาอ่าน มีคนคอมเม้นท์ทุกตอนด้วย อยากกอดแรงๆ ปลื้มใจ ทุกคอมเม้นท์ของทุกๆ ท่านมีค่าสำหรับผู้เขียนมากๆ ค่ะ เป็นแรงใจชั้นดี ขอบคุณทุกท่านมากๆ เลยนะคะ อ่านแล้วคอมเม้นท์พูดคุยกันได้ค่ะผู้เขียนใจดีไม่กัด สำหรับท่านใดอ่านฟิค Love, and All its Details ก็อย่าลืมแวะไปคอมเม้นท์นะคะ ขอกันง่ายๆ อย่างนี้เลย แวะไปเอ็นดูผู้เขียนหน่อยนะคะ นะคะ ผู้เขียนเหงา (っ´`)っ


    มาถึงช่วงโฆษณาอีกแล้ว โฮ่ๆ ท่านใดสนใจแฟนฟิคคู่นี้อีกเรื่องหนึ่งที่ผู้เขียนแต่งสามารถ (คลิกที่นี่ - ฟิค สเนป x เฮอร์ไมโอนี่ Love and All Its Details) เป็นผลงานมาสเตอร์พีซที่ผู้เขียนทุ่มทุนสร้าง ขอรับประกันว่าอ่านแล้วจะไม่ผิดหวังค่ะ อย่าลืมแวะเวียนกันเข้าไปอ่านนะคะ เรียกได้ว่าเป็นผลงานสุดทุ่มเทที่อยากประกอบให้เป็นเรื่องราวของคู่นี้จริงๆ อย่างแนบเนียนไปกับเนื้อเรื่อง หากแวะเวียนเข้าไปอ่าน คอมเม้นท์และกดกำลังใจทิ้งไว้เป็นแรงใจให้ผู้เขียน ผู้เขียนจะมีความสุขและดีใจมากๆ เลยค่ะ มาพูดคุยกันนะคะ /อ้อน


    อนึ่ง สามารถพูดคุยถึงแฟนฟิคนี้ได้ผ่านทางเฟสบุ๊คและทวิตเตอร์โดยการติดแฮชแท็ก #sevเฮอร์ไมโอนี่ นอกจากนี้ ทุกท่านยังสามารถติดแฮชแท็ก #ห้ามพูดด้วยก่อนกาแฟเช้า เพื่อพูดคุยหรือคอมเม้นท์เกี่ยวกับฟิค SSHG - Love and All Its Details อีกเรื่องหนึ่งของผู้เขียนผ่านทาง Twitter หรือ Facebook ได้ค่ะ อย่าลืมมาเล่นแฮชแท็กนี้กันนะคะ :) 


    ทวิตเตอร์ @ccarcharia (คลิก) ได้ เป็นแอคเค้าท์เกี่ยวกับงานเขียนของผู้เขียน feel free to follow ค่ะ

    เฟสบุ๊คงานเขียน McBoffin/ccarcharia (คลิก) feel free to follow เช่นกันค่ะ


    เก็บฟิคนี้ไว้อ่านและติดตามการอัพเดท (คลิก)

    ฟิค SSHG - Love and All Its Details (คลิก)

                  


                  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×