คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 05 | Beyond the Horizon - The first cut is the deepest.
V.
The first cut is the deepest.
ตอนแรกคุณก็จะปฏิเสธอยู่หรอก แต่พอนานๆ เข้าก็ชินชาจนเลิกไป
นั่นแสดงว่ามันเป็นความจริงที่เราเฝ้าหลอกตัวเองมาตลอดว่าไม่ใช่
เราไม่มีทางยอมรับจนกว่าจะค้นพบมันด้วยตัวเอง
เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้นจะทำให้ตัวเราไม่เป็นตัวเราอีกต่อไป
1.
อากาศในห้องพักฟื้นผู้ป่วยถูกปรุงแต่งด้วยกลิ่นสะอาดของยาฆ่าเชื้อ และแสงสีขาวจางที่ลอดผ่านม่านกรองแสงมาตกกระทบห้องโทนสว่างก็ช่วยให้รู้สึกปลอดภัยเช่นทุกครั้งที่เหยียบย่างเข้ามาในอาณาเขตแห่งการเยียวยารักษา เด็กชายบ้านนารานั่งสนทนากับผู้ครอบครองห้องพักฟื้นนี้อยู่นานรู้สึกว่าห้องนี้กว้างขวางเกินกว่าจะเป็นห้องที่มีเพียงเตียงเดียว ทว่าเขาพึงพอใจกับหน้าต่างยาวตลอดช่วงผนังที่คอยหอบอากาศเย็นสบายเข้ามาเจือจางกลิ่นของโรงพยาบาลออกไปบ้างมากกว่าจึงละเลยความคิดส่วนนั้นพลางฟังเรื่องเล่าจากปากผู้ป่วยในห้องแห่งนี้อย่างตั้งใจ
“นายได้เป็นศิษย์ท่านจิไรยะเชียวนะ เรื่องซาสึเกะเองก็หมดกังวลไปได้สักพัก” ชิกามารุกล่าวอย่างยินดีก่อนนั่งแหมะบนเตียงพักฟื้นข้างนารุโตะ หลังจากฟังอีกฝ่ายเล่าอย่างกระตือรือร้นว่ากำลังจะออกไปฝึกวิชานอกหมู่บ้านสักพักใหญ่กับหนึ่งในซังนินและเสริมด้วย ฮารุโนะ ซากุระ เพื่อนร่วมรุ่นอีกคนของเขาก็เสนอตัวเข้าไปเป็นศิษย์ของซึนาเดะฮิเมะผู้โดดเด่นเรื่องวิชาแพทย์
ฟังความว่าเด็กชายผู้ดำรงสถานะพลังสถิตร่างได้รับข้อเสนอนี้จากท่านจิไรยะเมื่อเย็นวาน ชิกามารุจึงอดคิดไม่ได้ว่าเป็นตอนที่เขาไปผจญกรรมกับคุโนะอิจิแห่งซึนะ เขายังจำกลิ่นถั่วแดงกวนกับใบหน้าเหมือนเด็กน้อยของหญิงจากทะเลทราย หรือลมเย็นที่มาปะทะหน้าตอนเดินอยู่ใต้แสงสนธยาสีส้มยามดวงอาทิตย์ถูกเส้นขอบฟ้าบดบัง มันเป็นการเผชิญกรรมที่ส่งผลต่อยอดทำเอาเขาเกือบไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะมัวหงุดหงิดตัวเองขึ้นมาว่าทำไมถึงรีบทิ้งเธอไว้กับคนดูแลจากหน่วยประสานงานหน้าบ้านพักรับรองแทนที่จะกล่าวอะไรทิ้งท้ายสักเล็กน้อยหรือไม่ก็รอดูจนแน่ใจว่าเธอปลอดภัย หรืออย่างน้อยที่สุดเลยก็น่าจะเหล่มองเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยเพิ่งแจ้งแก่ใจว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ ในการทำอะไรร่วมกับเธอ
‘แม้แต่ชื่อยัยนั่นเขาก็ยังไม่รู้เลย เพราะฉะนั้นปล่อยให้แล้วไปแล้วเถอะ’
เมื่อคืนชิกามารุสรุปอย่างนั้นแล้วจึงหยุดความคิดที่คอยระราน ข่มตานอนจนหลับได้ นับเป็นครั้งแรกที่เด็กชายบ้านนาราเก็บเรื่องของคนๆ หนึ่งนอกจากคนในครอบครัวมานึกกังวลมากความขนาดนี้ และเจ้าตัวก็เชื่อว่านั่นเพราะรู้สึกผิดที่ไม่ได้ทำหน้าที่ให้ลุล่วงอย่างสมบูรณ์โดยแท้จริง เขาไม่ได้มองส่งเธอจนสุดท้าย
นารุโตะมองคู่สนทนาที่เปลี่ยนผ่านความสนใจไปทางอื่นแล้ว แต่ใบหน้าของเด็กชายบ้านนารายังคงแต้มยิ้มยินดีให้เขาพลางใช้นิ้วเขี่ยรอยยับย่นของผ้าปูที่นอนสีขาวไปมาอย่างเลื่อนลอย “นายจะออกเดินทางเมื่อไหร่”
“ตาเซียนจ๊กม๊กบอกว่าทันทีที่ฉันหายดี” ซึ่งคงเป็นเร็วๆ นี้ นารุโตะยอมรับว่าเขานึกใจหายอยู่บ้างเมื่อคิดว่าต้องออกไปจากหมู่บ้านซึ่งถือกำเนิดและใช้ชีวิตอยู่มาตลอดสิบสองปีโดยไร้กำหนดเวลากลับแน่นอน ชิกามารุเองก็คงมีความเห็นตรงกับเขาเพราะเมื่อสบดวงตาคมกริบสีน้ำตาลเข้ม ความรู้สึกเหล่านั้นก็ถูกส่งผ่านกลับมาทั้งที่ไม่มีวาจาใดเอื้อยเอ่ยตามมาด้วย หลังจากนั้นทั้งห้องพลันถูกความรู้สึกพะวงของคนทั้งคู่ที่แผ่กระจายออกมาบีบอัดราวกับดำรงอยู่ในสุญญากาศและตกอยู่ใต้บทสนทนาอึดอัดด้วยเด็กชายพลังสถิตร่างไม่อาจหาคำพูดใดมาสานต่อได้ หน้าที่นั้นจึงตกลงสู่เด็กชายบ้านนาราผู้ต้องการรับผิดชอบต่อความล้มเหลวในภารกิจที่ตนเป็นหัวหน้าหน่วยอยู่ไม่มากก็น้อยจนกว่าจะสามารถชดเชยหมด
“อยู่ทางนี้ฉันจะคอยตามข่าวเรื่องซาสึเกะให้เอง ไม่ต้องห่วงหรอก ติดก็แต่นายแหละมีอะไรจะให้ช่วยเป็นพิเศษก็บอกมาได้เลย” ความตั้งใจว่าจะเก่งกาจขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดซึ่งจะมีผลต่อคนที่เกี่ยวข้องดังเช่นที่เป็นอยู่ตอนนี้ยังคงมีอยู่ทุกชั่วขณะยามชิกามารุมองบาดแผลของนารุโตะหรือเดินผ่านห้องพักฟื้นของเพื่อนร่วมหน่วยคนอื่น หากความรู้สึกผิดถูกกันไปอีกด้านเมื่อแทนที่ด้วยความเข้มแข็งและการเติบโตขึ้นในแบบที่ตัวเขาเองยังตกใจ ดังนั้นไม่ว่าเรื่องใดเขาก็สามารถตีหน้ายิ้มรับมันได้อย่างไม่เครียดขึง พร้อมนำมันมาเป็นบทเรียนคอยสอนตัวเองเสมอ
เสียงลมตีพัดเข้ารอยจีบของผ้าม่านจนมันพองตัวและบิดพลิ้วออกอย่างรวดเร็วเข้าแทรกเสียงแผ่วเบาของนารุโตะที่กล่าวออกมาด้วยความอัดอั้นใจ ในเวลานั้นเองชิกามารุเห็นใบหน้าซึ่งมักร่าเริงแปรเป็นขมขื่นเมื่อเอ่ยนามของคนๆ หนึ่ง “ซากุระจัง…”
เมื่อนั้นชิกามารุก็เข้าใจเรื่องทั้งหมด หากปฏิเสธไม่ได้ว่าท่ามกลางจิตสำนึกในส่วนลึก เกิดคลื่นแห่งความสงสัยหยดลงกระทบพื้นผิวราบเรียบ ความสำคัญที่ผู้ชายคนหนึ่งสามารถมอบให้เพศตรงข้ามจะมีได้มากมายเพียงไหนกัน และเพราะเหตุใดจึงต้องรู้สึกเช่นนั้น เขารู้ว่านารุโตะมองสิ่งที่กำลังโลดแล่นบนผืนความคิดของเขาออกด้วยมันปรากฏชัดเจนทางสีหน้า ทว่าอีกฝ่ายย่อมเข้าถึงเจตนาจริงนอกเหนืออคติส่วนตัวเขาแน่นอน จะอย่างไรทายาทแห่งตระกูลนาราก็รับรองต่อเด็กชายพลังสถิตร่างได้ว่าความประสงค์ที่ร้องขอจะถูกตอบกลับ เด็กชายบ้านนาราพยักหน้าตอบรับความต้องการนั่น พร้อมความเงียบงันปราศจากซึ่งคำพูด เป็นเชิงยืนยันว่าเข้าใจความนัยจากอีกฝ่าย เหตุที่เขาเลือกจะไม่เอ่ยปากก็เพื่อตัดรำคาญถึงประเด็นที่อาจสืบสาวยาวยืดมายังเรื่องนิสัยอคติต่อสตรีเพศ ในแบบที่เขาไม่ใคร่อยากให้ใครพูดถึงเท่าไหร่
ทว่าดวงตาสีฟ้าใสมองผ่านพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดเบื่อหน่ายเพราะความหมันไส้ มีหรือนารุโตะจะไม่รู้ว่าชิกามารุแค่อคติจนไม่ชอบใจผู้หญิง แต่แท้จริงแล้วหมอนั่นเป็นสุภาพบุรุษในแบบที่ให้ความสำคัญกับผู้หญิงอย่างจริงจัง เด็กชายบ้านนาราแค่เหนื่อยหน่ายในความยุ่งยากของพวกสตรีเพศ และรู้สึกเหมือนเป็นหน้าที่ที่ต้องคอยเอาใจตามอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ พวกนั้น เลยทำเต็มที่ในฐานะผู้ชาย ให้เพศตรงข้ามได้รับในสิ่งพึงพอใจจนเกิดความเกรงว่าจะทำได้ไม่ดีจึงพาลไม่ชอบใจไปนั่นเอง
นารุโตะค่อนขอด “พนันได้ว่าชีวิตนี้นายคงไม่มีผู้หญิงที่ชอบ”
ประเด็นจุดขึ้นโดยคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ชิกามารุแค่ยักไหล่แสร้งไม่สนใจ หากเรื่องที่เขาเคยคิดหวังว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงธรรมดา หน้าตาดาดๆ ไม่ยุ่งยากยังคงเป็นความจริงอยู่ ช่วงเวลาชั่วครู่หนึ่งก่อนคู่สนทนาจะกล่าวในหัวข้อเรื่องเกี่ยวกับตัวเขาต่อ ก็ชิงตัดบทโดยเอ่นขึ้นก่อนนารุโตะจะทันออกปากเพื่อหลีกเลี่ยงความน่าเบื่อที่ย่อมต้องเกิดขึ้นถ้าอีกฝ่ายเริ่มยัดเยียดนิสัยเกลียดผู้หญิงอย่างเกินความพอดีมาให้แก่เขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกรังเกียจรังงอนถึงขนาดนั้นก็ตามที
‘แค่ไม่ชอบ ยุ่งยาก น่ารำคาญ’ เด็กชายตรึกตรอง
ดวงตาคมกริบจับจ้องริ้วเมฆขาวที่อ้อยอิ่งอยู่เบื้องบนตามนิสัย ก่อนจะเบือนหนีเมื่อดวงอาทิตย์ที่หลุบเข้ากลีบเมฆเหล่านั้นทอรัศมียาวออกมาจนเขาเริ่มแสบตา หากมันช่วยย้ำเตือนถึงเวลาซึ่งล่วงกว่าที่คาดเอาไว้ เด็กชายในชุดผู้ป่วยเงยหน้าตามเมื่อเขาลุกขึ้นยืนหลังจากจดจำธุระต่อไปที่ตนต้องดำเนินต่อได้ เห็นเช่นนั้นจึงจำต้องหันไปกล่าวกับนารุโตะอย่างหนักแน่นเสมือนแทนคำรับรองทั้งหมดที่สามารถมีให้ “ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอก ซากุระมีทุกคนอยู่นะ นายเองนั่นแหละที่ซากุระจะเป็นห่วง”
เห็นได้ชัดว่านารุโตะไม่แน่ใจในสิ่งที่ชิกามารุเชื่อเท่าไหร่นัก ใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยผ้าพันแผลบูดเบ้ในแบบที่ไม่เก็บมาถือสาจริงจัง “ซากุระจังจะคิดแต่เรื่องซาสึเกะ ของมันแน่อยู่แล้ว ฝากดูแลเธอเรื่องนี้ด้วย”
นั่นเป็นคำพูดของคนที่สำคัญตัวดีว่าสามารถอยู่ในฐานะอะไรได้บ้าง นารุโตะรู้ตัวอยู่เสมอ ชิกามารุเข้าใจสาเหตุของความเจ็บปวดในใจอีกฝ่ายไม่ทั้งหมดแต่อย่างน้อยเขาก็เต็มใจรับปากด้วยไม่เคยกังขาในความห่วงใยที่เพื่อนคนนี้มี เด็กชายบ้านนาราพินิจใบหน้าคู่สนทนาด้วยดวงตาคมกริบ ภายในนัยน์ตาสีเปลือกไม้เจือด้วยความเคร่งขรึม เข้ากับสีหน้าที่เรียบเฉยเฉกเช่นหน้ากากของหน่วยลับอันเย็นเยียบ ไร้ความรู้สึก “ซากุระจะต้องไม่เป็นอะไร”
ความสดใสค่อยแต่งแต้มบนใบหน้าของนารุโตะทีละน้อยหลังจากได้ยินคำกล่าวจากปากคู่สนทนาที่หันหลัง เดินกลับไปยังประตูทางเข้า หวังหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรง และพยายามสื่อความนัยว่าหมดเวลาเยี่ยมไข้ของวันนี้แล้ว อันที่จริงชิกามารุเชื่อว่าการเยี่ยมไข้ของนารุโตะจบลงแค่ครั้งนี้ คงไม่มีโอกาสได้กล่าวลากันจริงจังนัก หากเด็กชายบ้านนาราคนนี้ขี้อายกว่าที่ตัวเองจะรับรู้ได้ด้วยซ้ำ การกล่าวคำลาสุดท้ายตามวิสัยเด็กขี้อายจึงคล้ายกับว่าหมางเมินฝ่ายตรงข้ามมากเสียเหลือเกิน
“ฉันจะไปแล้ว ได้ฝึกวิชากับหนึ่งในซังนินทั้งที รีบๆ หายไวๆ ก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอก” คำกล่าวทีเล่นทีจริงสอดคล้องกับใบหน้า น่าแปลกใจว่าอารมณ์ขันของชิกามารุค่อนข้างถูกเมินเฉยเช่นเดียวกับอาบุราเมะ ชิโนะยามพูดกระบิดกระบวนความ ยากต่อการเข้าใจด้วยใบหน้าเฉยเมย นารา ชิกามารุเองก็ไม่ต่างเท่าไหร่นัก ผิดกันก็แต่ไม่มีใครนึกฝันว่าเด็กชายจอมเบื่อหน่ายจะมีอารมณ์ขันเล็กน้อยกับเขาด้วย ดังนั้นเรื่องตลกจึงกลายเป็นความจริงจังชวนขนลุก จนสุดท้ายเรื่องขำขันจากเด็กชายจำต้องถูกเจ้าตัวกันออกไปจากตัวตนของตัวเอง นานๆ ครั้งถึงจะถูกหยิบยกขึ้นมาหยอกเย้าชาวบ้านแค่ตอนกำลังอารมณ์ดีเท่านั้น
นารุโตะมองตามเพื่อนออกไป ภาพที่ปรากฏบนดวงตาสีฟ้าใสของพลังสถิตร่างแห่งโคโนะฮะคือจอมขี้เบื่อประจำหมู่บ้านที่หันมาไม่เต็มตัว แต่ส่งสายตาคมกริบเหล่มองมาอย่างรับรู้ มือทั้งสองข้างของเด็กบ้านนาราอยู่ในกระเป๋ากางเกงหมายเอื้อมจับลูกบิดประตูซึ่งอยู่ห่างเพียงช่วงแขนเดียว ตอนเด็กชายผู้ครอบครองพลังสถิตร่างออกปากเรียกรัวเร็ว เกือบจับความไม่ทัน
“ชิกามารุ ขอบคุณนะ”
ผู้ถูกเอ่ยนามเพียงกระตุกยิ้มแต้มมุมปาก – ชั่วขณะหนึ่งก่อนประตูปิดลง ภาพของนารุโตะวูบผ่านดวงตาสีเปลือกไม้ก่อนจะกลับกลายเป็นบานประตูขาวสะอาดตา
2.
บันไดเวียนของตัวอาคารทรงกลมดูจะไม่มีวันสิ้นสุด เหนือศีรษะของชิกามารุขึ้นไปนั้นเป็นโดมสูงลดลั่นลงมาเป็นชั้นบันไดไม้ที่หมุนวนเป็นเกลียวเชื่อมกับตัวอาคารหลัก เขาเดินสวนกับนินจาระดับสูงหลายคนซึ่งกล่าวทักทายราวกับสนิทชิดเชื้อกันดีทั้งที่เขาถูกเรียกตัวให้มาทำงานชั่วคราวกับหน่วยประสานงานในตึกนี้ไม่ถึงอาทิตย์ บางครั้งเด็กชายบ้านนาราก็ไม่ชอบตีสนิทกับใคร หรือต้องการให้ใครก้ำเกินอาณาเขตส่วนตัวของตนมากเท่าใดนัก หากเขายังค้อมศีรษะเชิงตอบรับกลับไป
ฝีเท้าเบาเดินไปตามเฉลียงหลังจากผ่านพ้นบันไดที่หมุนเวียนชวนให้รำคาญ ชิกามารุตามหาจุดหมายปลายทางของตนอย่างใจเย็น ขณะบังคับตัวเองไม่ให้หยุดยืนมองท้องฟ้าโปร่งราวกับโดมอากาศด้านนอกหน้าต่างกระจกที่ยาวตลอดช่วงตึก ตีแผ่อาณาเขตครอบคลุมผนังเกือบครึ่ง แต่พยายามดึงสายตาเหนื่อยหน่ายตามนิสัยกลับมายังประตูหลายบานที่ผ่านไปด้วยช่วงก้าวอันรวดเร็วของตน ห้องทำงานของฝ่ายต่างๆ ในหมู่บ้านโคโนะฮะไม่มีอะไรดึงดูดไว้ได้ กิจกรรมวุ่นวายทั้งมวลที่อยู่รอบตัวก็ถูกกันออกจากความสนใจจนหมดเพราะจุดมุ่งหมายมาอยู่เบื้องหน้า แผ่นป้ายสีเข้มแต่เก่าจนเห็นลายไม้เป็นริ้วชัดเจนอยู่เนื้อศีรษะชิกามารุ อักษรสีดำที่ถูกเขียนอย่างวิจิตรด้วยหมึกเลือนไปบ้างเล็กน้อย แต่เขาก็มั่นใจว่ามาถึงฝ่ายประสานงานแล้ว บานประตูมีรอยข่วนซีดเก่าเป็นทางยาว ดวงตาคมกริบมักจ้องมองร่องรอยบาดลึกเนื้อไม้นั้นทุกครั้งที่ตั้งท่าเคาะประตูพลางนึกสงสัยที่มาของมัน
คำเรียกตัวจากหน่วยประสานงานของโคโนะฮะมาถึงมือชิกามารุเกือบทันทีหลังได้รับคำรับรองระดับขั้นจูนิน ด้วยเพราะคนในหน่วยมีไม่เพียงพอต่อภารกิจเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างหมู่บ้านในช่วงวิกฤตของโคโนะฮะซึ่งอาจสูญเสียเสถียรภาพและความเชื่อใจหลังการทรยศของซึนะ แม้การโจมตีของโอโรจิมารุจะทำให้คนในหน่วยลดลงไม่มากแต่หน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายแปรผกผันกันอย่างยิ่ง เขาจึงถูกมอบหมายภารกิจขึ้นกับหน่วยนี้มาเกือบสองอาทิตย์แล้ว
สักพักใหญ่จึงมีสัญญาณส่งผ่านมาจากหลังประตู “…เชิญครับ”
ถึงจับความไม่ถนัดแต่ได้ยินเพียงปลายเสียงลอดผ่านไกลๆ
เมื่อคำกล่าวเชิงอนุญาตดังแว่วออกมา เด็กชายบ้านนาราจึงเปิดเข้าไปอย่างนอบน้อม อากาศในห้องที่อบอวลไปด้วยกลิ่นชาและไอน้ำร้อนก็ปะทะหน้าชิกามารุจนต้องหลับตาหลบหยดน้ำกระเซ็นโดยอัตโนมัติ ชั่วหัวใจเต้นจังหวะเดียวก่อนปิดตาลง เขาเห็นยัยนั่น สตรีร่างระหงนั่งหลังเหยียดตรงบนเก้าอี้ไม่มีพนัก คล้ายกับว่าหันมองมา แต่เขาไม่แน่ใจเท่าไหร่ หากส่วนที่มั่นใจคือเธอคนนั้นมีผมสีบลอนด์สว่างอ่อนจางเมื่อมองทะลุกลุ่มไอ หลังจากนั้นดวงตาคมกริบพลันรี่เล็กเป็นเส้นตรงจนกลืนภาพเหล่านั้นลงไปในความมืดเมื่อนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มถูกเปลือกตาปกป้อง
ชิกามารุสำลัก เมื่อเปิดตาขึ้นจึงได้รู้ว่ากาน้ำร้อนแบบเก่าวางอยู่บนตู้ข้างประตูพอดิบพอดี และมันก็พ่นไอน้ำจำนวนมากออกมาตอนถึงจุดเดือด จะมีใครที่ไหนกันเอามาวางไว้ข้างประตูทางเข้า คำตำหนิกอปรความประหลาดใจถูกแถลงไขโดยนินจาประจำหน่วยที่เดินเข้ามาอย่างขอโทษขอโพย “เปลี่ยนฮวงจุ้ยนิดหน่อยแต่ดูเหมือนจะทำเรื่องแย่ๆ กว่าเดิมซะแล้ว”
นินจารุ่นพี่ไม่ใส่ใจชิกามารุที่มองด้วยสายตาเย็นชา
และดูเหมือนเด็กชายบ้านนาราจะไม่สนใจด้วยเช่นกันว่าเมื่อครู่หัวใจกระตุกเพียงเพราะเห็นผมสีบลอนด์ที่ไม่ได้ต่างอะไรกับอิโนะ เพื่อนสนิทของตนเท่าไหร่นัก ทว่ามันมีอิทธิพลต่อสมองของเขาไม่น้อยทีเดียว เมื่อความขุ่นในอารมณ์ถูกความเยือกเย็นพัดพาหายไป ภาพที่เห็นก่อนโดนรุกรานด้วยกลุ่มไอจึงแวะเวียนเข้ามาทักทายอีกครั้ง ดวงตาคมกริบละจากร่างสูงของรุ่นพี่ในหน่วยกวาดมองห้องซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องใช้แบบเก่า พลางนึกชอบความเป็นอยู่ในห้องนี้เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังย้อนยุคไปสมัยโฮคาเงะรุ่นที่หนึ่งหรือก่อนสงครามนินจาแต่เปี่ยมด้วยความสะดวกสบายและกลิ่นอายของความสงบ
ท่ามกลางสิ่งเหล่านั้น เธอผู้ถูกปกคลุมด้วยไอน้ำจางๆ ปรากฏอย่างเลือนรางอยู่เบื้องหน้า กำลังหันเพียงดวงหน้าด้านข้างมาเมียงมองด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งในแบบที่เขารู้ว่ากำลังหัวเราะเยาะอย่างขบขัน คุโนะอิจิแห่งซึนะกลับมายุ่งเกี่ยวในชีวิตเขาอีกครั้ง เด็กชายบ้านนาราไม่รู้จะบอกว่าโล่งอกหรือควรกังวลใจดี ในเมื่อเย็นวานก่อนไม่ได้ร่ำลากันเป็นกิจจะลักษณะ เช่นนี้ก็คงดีแล้วที่เจอกันอีก ‘แต่ยังไงก็ไม่ถูกโรคกับผู้หญิงอยู่ดีนั่นแหละ’ ความสับสนเล็กน้อยตามประสานารา ชิกามารุผู้กำลังตีสีหน้าเขย็ดขยาดกำลังปั่นป่วนยุ่งเหยิง ปนเปซับซ้อนอยู่ในห้วงความคิดที่มีความรู้สึกขัดแย้งกันเอง
ขณะจมลงสู่ความคิดซับซ้อน นินจารุ่นพี่ก็ตบบ่าชิกามารุอย่างแรงจนเกือบหน้าถลำ ก่อนกระซิบกระซาบราวกับเป็นความลับพิเศษที่จะมีแต่เขารับรู้ได้คนเดียว “เรารอนายกันอยู่แน่ะ มีภารกิจให้ทำ ดูเหมือนว่าทางซึนะจะต้องการของอะไรนิดหน่อย โฮคาเงะก็สั่งการมาโดยตรงเลย ทางเราเลยว่าจะหาคนชำนาญทางให้เทมาริซังด้วย ฉันเองก็นึกถึงนายเพราะป่าของตระกูลนาราก็มีแค่คนตระกูลนาราที่เข้าไปได้ ไปติดต่อคนในตระกูลนายก็มีภารกิจกันซะหมด โชคดีนะที่นายมาช่วยงานฝ่ายเราพอดี”
‘เทมารินี่ใคร ?’ เนื้อหาจากปากอีกฝ่ายยังไม่ทำให้เขาสงสัยได้เท่าชื่อแปลกๆ
หากชิกามารุได้แต่รับฟังเพราะเข้าใจว่าเจ้าของชื่อแปลกหูที่รุ่นพี่พูดถึงคงเป็นใครสักคนในซึนะ ความสนใจไถ่ถามจึงตกไป เด็กชายเหลือบมองทางสตรีคนเดียวในห้อง ดวงตาสีเขียวครามของคุโนะอิจิไม่ได้มองมาทางเขาแล้ว เธอยกชาขึ้นจิบอย่างสงวนท่าที คอที่ตั้งตรงก้มลงเล็กน้อยเมื่อยกถ้วยขึ้นจรดริมฝีปากอวบอิ่ม สมกับคำจำกัดความที่แวบเข้ามาในหัวเขาว่างามสง่าและนิ่มนวล ‘ยัยนี่จะรู้จักคนที่ชื่อเทมาริไหมนะ แหงล่ะ ก็อยู่หมู่บ้านเดียวกัน คนจากซึนะเองก็คงเป็นเหมือนๆ กันหมด หยิ่งในศักดิ์ศรีจนน่ารำคาญ แถมยังน่ากลัวไม่ควรเฉียดเข้าใกล้กันแทบทุกคน’
‘เดี๋ยวนะ…’ บางอย่างสะกิดใจชิกามารุ เป็นจุดเล็กๆ ที่ทำให้เกิดความคิดขึ้นมาวูบหนึ่งว่ารุ่นพี่กำลังพูดถึงผู้หญิงตรงหน้า หากผู้อาวุโสกว่ารัดคอเขาแน่นจนอึดอัดไปหมด ทั้งยังพูดอยู่ฝ่ายเดียวจนเขาหาโอกาสแทรกไม่ได้เลย
เด็กชายร่นคอหนีอย่างอึดอัดเมื่อใบหน้าของรุ่นพี่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ความสงสัยที่หวนกลับมา ติดอยู่ปลายลิ้นไม่มีโอกาสให้เอ่ยปาก ในตอนนั้นเขาได้ยินเสียงถ้วยชากระทบกับจานรอง แม้จะแผ่วเบาและรักษามารยาทแต่ก็แทรกขึ้นมาทำลายบทสนทนาซึ่งมีผู้พูดอยู่ฝ่ายเดียวลงได้ เป็นที่แน่ใจแล้วว่าสตรีในห้องกำลังทนพฤติกรรมลับลมคมในที่นินจาต่างหมู่บ้านทั้งสองนายมีให้ไม่ได้จึงตัดสินใจเป็นฝ่ายชี้แจงสถานการณ์ด้วยตัวเอง โดยหวังว่าจะได้รับการปฏิบัติตามสิ่งที่ต้องการอย่างเหมาะสม
“มันเป็นคำร้องขอพิเศษที่แฝงมาในภารกิจช่วยนินจาโคโนะฮะน่ะค่ะ ดูเหมือนหมู่นี้พวกเล่นพิษจะเกลื่อนเต็มทะเลทรายไปหมด ว่ากันตามตรงเราอยากได้เขากวางจากโคโนะฮะจำนวนหนึ่ง”
รูปประโยคของคุโนะอิจิแห่งซึนะดูสุภาพไม่รับกับนิสัยบางอย่างในตัวเธอที่ชิกามารุเคยรับรู้เช่นความถือดีจากความเก่งกาจอันแท้จริงหรือความเย่อหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีด้วยสถานภาพแวดล้อม เหตุนี้เองเขาถึงรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีหลายแง่มุมให้สัมผัส มอบความรู้สึกหลากหลายเหมือนสีสันของดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิ สีแดงก่ำของถ่านไฟคุ รสเปรี้ยวของมะนาว ควันขมุกขมัว ความร้อนของแสงแดดเที่ยงวัน ท้องฟ้าย่ำสนธยา แม้กระทั่งฝนอันเย็นเยียบในอาเมะงาคุเระ – ดวงตาคมกริบเคลือบประกายครุ่นคิดยามพินิจมองสตรีผู้วางตัวเหมาะสมกับสถานการณ์ที่กำลังหันไปตอบคำถามจิปาถะจากนินจาต่างหมู่บ้าน ใบหน้าเธอแค่ยิ้มแย้มตามมารยาทคล้ายกับจะไว้ตัวอยู่นิดหน่อยตามแบบแผนของพวกนินจาซึนะ เขาคิดว่ามันไม่สดใส ไม่เลยสักเพียงนิด – ไม่เหมือนเมื่อวานในร้านขนมหวาน
‘แล้วทำไมต้องคิดถึงเรื่องนั้น…’ เด็กชายนึกไม่พอใจขณะใบหน้าสดชื่น ผ่อนคลายของคุโนะอิจิแห่งทะเลทรายเคลื่อนผ่านเข้ามาบนภาพความทรงจำ เขานิ่วหน้าพลางสาวเท้าเข้าไปใกล้คนทั้งคู่หวังจะฟังเรื่องที่พูดกันให้ถนัดจึงทันสังเกตว่ามีกลิ่นส้มเบาบางเจืออยู่ในอากาศรอบตัวเจ้าหล่อน มันมาจากเปลือกส้มซึ่งกองอยู่ข้างกาน้ำชาดินเผา – ‘เธอเหมือนกลิ่นของส้มด้วย’ ชิกามารุคิดแต่เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสหนักๆ กดทับลงบนไหล่ การค้นหาสิ่งที่พอจะนึกเปรียบเทียบกับความเป็นเธอคนนั้นจึงถูกยุติลงโดยพลัน และเธอก็กลับมาเป็นเพียงผู้หญิงคนที่ต่างจากผู้หญิงทั่วไปอีกครั้ง
‘…เธอต่างออกไป’ สรุปแบบนั้นแล้วก็ผละออกจากแขนของรุ่นพี่ที่โอบรอบคอ ลอบดึงเก้าอี้มานั่ง และแม้เรื่องที่พูดกันอยู่จะเกี่ยวข้องกับตัวเขาเอง แต่เด็กชายพึงพอใจที่จะเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์มากกว่าเข้าไปร่วมวงสนทนา
“เรื่องนี้ชิกามารุจัดการให้ได้ครับ ท่านโฮคาเงะก็เจาะจงคนตระกูลนาราพอดี นารา ชิกามารุจะดูแลให้คุณได้รับสิ่งที่ต้องการเอง” ครั้นฟังใจความจนครบสมบูรณ์ เด็กชายคนที่ถูกพาดพิงก็กรอกตาอย่างเบื่อหน่าย อีกครั้งแล้วกับการถูกมอบหมายให้เกาะติดกับคุโนะอิจิจากทะเลทรายคนนี้ เขาไม่คิดแปลกใจถ้ามันเป็นเรื่องกวางของตระกูลนาราแต่ไม่เข้าใจตรงที่คนอื่นในตระกูลก็มีทำไมต้องเป็นเขา จริงอยู่ว่าเขากวางที่มีอยู่ลดจำนวนลงเนื่องจากใช้ในการรักษานินจาที่บาดเจ็บจากการป้องกันหมู่บ้านเมื่อครั้งสอบจูนิน และภารกิจระดับยากซึ่งถูกว่าจ้างมาลองเชิงศักยภาพปัจจุบันของโคโนะฮะ แต่ก็ยังมีอยู่บ้างแม้จะต้องเพิ่มจำนวนโดยการล่าในป่าที่เป็นสิทธิ์ของตระกูลนารา ทว่าหากรุ่นพี่พูดถึงคนชำนาญทางแสดงว่าต้องลากยัยนี่กับใครสักคนที่ชื่อเทมาริเข้าป่าไปด้วย
‘ก็ยังดีที่ไม่ได้ให้ดูแลจนกว่าจะกลับ แค่นี้รีบๆ ทำให้จบ ก็แค่ให้เขากวางของตระกูลเรา น่าเบื่อจริง’ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสะท้อนภาพบานหน้าต่างขอบไม้กรุกระจกล้อมกรอบด้วยม่านสีครีม มันอยู่ติดกับกรอบรูปหลายขนาดทั้งภาพเขียนและรูปถ่ายสีชา ท้องฟ้าที่ปรากฏอยู่อีกด้านจึงดูราวกับเป็นรูปภาพอีกใบซึ่งใสกระจ่างปราศจากร่องรอยแต่งแต้มของเมฆ ชิกามารุมองตัดผ่านโต๊ะทำงานที่จัดเป็นแถวรวมทั้งกองเอกสารสุมพะเนินบนนั้นอย่างเลื่อนลอยขณะรอฟังนินจารุ่นพี่พูดต่อ
“อ้า ใช่ ชิกามารุจะเป็นคนดูแลความเป็นอยู่ของพวกคุณสามคนตลอดสามเดือนที่อยู่โคโนะฮะด้วยครับ” ฮะ ?
ทายาทตระกูลนาราหันขวับเมื่อได้ยินเรื่องเหนือความคาดหมายมากนัก ชิกามารุนึกออกเลยว่าเขาแสดงสีหน้าแบบไหนออกไป นินจารุ่นพี่ทำหน้าเหยเกเมื่อเห็นเขาฉีกยิ้มบิดเบี้ยวอย่างฝืนใจถึงที่สุด
3.
เทมารินั่งสงบเสงี่ยมเหนือเก้าอี้ตัวยาวในร้านขนมหวานโคโนะฮะ จ้องมองจานว่างเปล่าอย่างค้นหา เธอสังเกตว่าในช่วงสายของวัน ผู้คนในย่านการค้าจะเบาบางที่สุด ให้บรรยากาศแตกต่างจากเมื่อเย็นวานที่ได้สัมผัสมา เพราะความเงียบสงบกำลังคลี่คลุมอยู่โดยรอบ ปราศจากความวุ่นวายจอแจ มีเพียงเสียงเล็กๆ น้อยๆ ดังผ่านโสตประสาทเข้ามาบ้างบางครั้ง ทั้งเสียงกังวานของจานชามเซรามิกกระทบกัน ถ้วยชาบนโต๊ะไม้ กระดิ่งลมหน้าร้าน และอากาศก็อวลไปด้วยกลิ่นขนมอบใหม่
เธอพยายามให้ความสนใจกับสิ่งเหล่านั้นมากกว่ากลุ่มคนไม่รู้จักที่รายล้อมอยู่รอบตัว บางครั้งปากอวบอิ่มก็ส่งยิ้มฝืดเฝื่อนแทนการตอบรับแต่ไม่ได้นำพาตัวเองไปเป็นส่วนหนึ่งในพวกเขา เทมาริก่อร่างกำแพงแห่งความไม่สนิทใจขึ้นมาคั่นระหว่างกลางทั้งที่นินจาหมู่บ้านโคโนะฮะพยายามสานต่อบทสนทนาอยู่นานสองนานจนล้มเลิกความตั้งใจ โดยสรุปว่าพวกนินจาซึนะถือตัวและไม่น่าคบหามากเพียงใด
แม้ทั้งหมดนั่นจะผิดที่ตัวเธอเองก็ตาม เพราะไม่สนิทใจกับคนแปลกหน้าเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว จึงมักจะเว้นระยะห่างกับผู้คนเสมอจนดูเหมือนกำลังไว้ตัว ด้านชา มีกิริยาห่างเหิน และได้รับการตัดสินโดยผู้คนว่ามีนิสัยเย่อหยิ่ง ถูกยัดเยียดความทระนงตนมาให้โดยไม่เปิดโอกาสยื่นอุทธรณ์ ดังนั้นไม่ว่าครั้งไหนที่เป็นการพบกันครั้งแรกมักจบลงด้วยความอึดอัด กระอักกระอ่วนของฝ่ายตรงข้าม
สถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกนี้มีสาเหตุมาจากหมอนั่น
ชิกามารุฝากเธอไว้กับเพื่อนซึ่งบังเอิญเจอกันระหว่างทางที่กลับออกมาจากฝ่ายประสานงาน และทิ้งท้ายว่าจะไปเอาของ ทั้งที่ตลอดทางก่อนหน้านั้น เขาไม่ปริปากพูดอะไรกับเธอเลยแม้แต่คำเดียว ว่ากันจริงๆ คือ ‘หมอนั่นทิ้งเธอ’
‘ฆ่าหมกทรายเลยดีไหม…’ คุโนะอิจิจากทะเลทรายยอมรับว่านึกโกรธอยู่ไม่น้อย เธอรู้จักและไว้ใจเขามากกว่าใครในโคโนะฮะ หรือแม้กระทั่งคนบางคนที่ซึนะ ผู้หญิงพวกนี้เป็นเพื่อนหมอนั่น คงไม่ใช่คนจำพวกจิตใจย่ำแย่ หากเทมาริก็ไม่สะดวกใจกับการยุ่งเกี่ยวด้วยในทุกแง่ ได้แต่รออย่างไร้จุดมุ่งหมายเหมือนติดอยู่ในกล่อง กระตุ้นความหงุดหงิดให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดวงตาคู่สวยจ้องมองผู้หญิงคนที่เธอนึกชมผมสีบลอนด์สว่างอย่างชอบใจ ก่อนจะเลื่อนไปยังเด็กหญิงผู้มีนัยน์ตาสีมรกตและใบหน้าดื้อรั้นมาหยุดตรงนินจาผู้ถือครองขีดจำกัดทางสายเลือด เนตรสีขาวคู่นั้นตัดกับผมสีเข้มแต่น่าทะนุถนอมเหลือเกิน – ‘เพื่อนของหมอนั่นที่อยู่ตรงนี้มีแต่ผู้หญิง’ ไม่รู้ทำไมแต่ความหมันไส้ก็ทวีคูณไปกับอารมณ์ขุ่นมัวเมื่อประหวัดถึงพื้นฐานนิสัยของเด็กชายซึ่งกำลังหันเหไปในทิศตรงข้ามกับความเป็นจริงรอบตัวเธอ ‘…เวลาเจอหน้าฉันเนี่ย ปากก็บอกว่าเกลียดผู้หญิง น่ารำคาญอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เพื่อนผู้หญิงนายเยอะเกินไปแล้ว’
ขณะเดียวกัน ยามานากะ อิโนะ มองกิริยาของนินจาต่างหมู่บ้านอย่างชื่นชม การวางตัวและบุคลิกไม่มีที่ติ เสียอย่างเดียวคือไม่ได้พกปากมา ไม่ว่าจะกระจายบทสนทนาไปให้บ่อยแค่ไหนก็มีเพียงรอยยิ้มคลุมเครือเป็นเชิงตอบรับ เธอนึกอิจฉาอยู่หน่อยๆ ด้วยซ้ำที่อีกฝ่ายมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่า ทั้งยังรอยยิ้มสุขุมที่น่าค้นหานั่นอีก มันทำให้เธอรู้ว่าตัวเองยังเป็นแค่เด็กผู้หญิง ชิกามารุไปหิ้วคุโนะอิจิคู่ประลองเมื่อครั้งสอบจูนินมาจากไหน บุตรสาวบ้านยามานากะไม่ได้ถาม เพราะถูกเพื่อนสนิทดึงไปขอร้องลับหลังแค่ว่า ‘จะไปเอาของที่บ้าน ต้องเข้าป่าอีกแล้วน่าเบื่อจริง ไหนๆ พวกเธอก็โดดฝึกมานั่งจิบชาอยู่แล้ว ฝากดูแลยัยนี่หน่อยเดี๋ยวมารับ แต่เธอต้องทำยังไงก็ได้ ให้ยัยนี่เข้ากับพวกเธอได้ ช่วยหน่อยแล้วกัน ถือว่าขอร้อง’
รวบรัดตัดตอนแล้วก็จากไป ทิ้งเทมาริซังไว้มัดจำ อิโนะเชื่ออยู่หน่อยๆ ว่า ชิกามารุมักดึงดูดเรื่องยุ่งยากเข้าหาตัวเองทั้งเต็มใจและไม่เต็มใจ แต่ครั้งนี้เธอรับรองได้เต็มปากว่าเด็กชายตระกูลนาราเต็มใจสุดซึ้งเลยทีเดียว แม้ใบหน้าจะเหนื่อยหน่ายทว่าท่าทางกระตือรือร้นอย่างเห็นได้ชัด จนเธอรู้สึกสยองขึ้นมา ‘ต้องไข้กลับหรือเป็นอะไรสักอย่างแน่ ไม่สบายรึเปล่า หรือโดนคาถาอะไร ชิกามารุไม่ปฏิเสธภารกิจทั้งที่จะทำก็ทำได้ เขาบอกว่าต้องดูแลผู้หญิงจากซึนะ ผู้หญิงเชียวนะ งานเกี่ยวกับผู้หญิง!’
หากเทมาริตอบคำถามเหล่านั้นแทนได้ อิโนะรู้ก็ตอนที่เห็นรอยยิ้มของเธอ ‘คนที่ชิกามารุปฏิเสธไม่ได้น่ะ เทมาริซังต่างหาก’
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ชิกามารุเปลี่ยนไป เด็กหญิงบ้านยามานากะเห็นว่าเขามีความรับผิดชอบสูงและจริงจังขึ้นมาก จนความเก่งกาจที่แฝงอยู่นั้นไม่อาจหลบเร้นภายใต้ความเหนื่อยหน่าย ซึ่งเป็นเหมือนสิ่งอำพรางความอัจฉริยะแต่กำเนิดได้ เรื่องนี้เด็กชายบ้านนาราเองก็ไม่เหมือนเดิม ถ้าคุโนะอิจิแห่งซึนะมีอิทธิผลต่อเขาในบางเรื่องจริงคงเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญทีเดียว ดวงตาสีฟ้าจัดจ้องเด็กสาวจากทะเลทรายไม่วางตาก่อนเอ่ยปากขึ้น
“เทมาริซังทำได้ยังไงคะ” ลากชิกามารุไปไหนมาไหนได้
ประโยคหลังอิโนะพูดกับตัวเอง เพราะมนุษย์ขี้รำคาญอย่างหมอนั่นคงจะไม่ทำอะไรทำนองนี้ถ้าไม่จำเป็น หรือต้องการอย่างนั้นจริงๆ โดยเฉพาะกับคนแปลกหน้าต่างถิ่น ที่เพิ่งทำความรู้จักกันไม่นานจากที่เธอรู้มา เทมาริซังดำเนินภารกิจช่วยเหลือหน่วยย่อยซึ่งติดตามซาสึเกะออกไป แต่ก่อนหน้านั้นเคยเป็นคู่ประลองสอบจูนินกับชิกามารุ จ้องกินเลือดกินเนื้อกันมาก่อน เรื่องของเรื่องก็คือ แม้แต่คนในหมู่บ้านเดียวกันอย่างเธอที่เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ได้อย่างมากก็แค่ถูกพาไปส่งบ้านตามมารยาท ถึงชิกามารุจะช่วยเหลือในทุกเรื่องแต่มีบางอย่างเหลื่อมล้ำกันอยู่ในความต้องการช่วยที่เขามีระหว่างเธอและคุโนะอิจิแห่งซึนะ
ดังนั้น อิโนะจะไม่แปลกเลยหากมีบางอย่างซ่อนเร้น ดวงตาสวยคมของผู้ถูกถามมองกลับมาเหมือนไม่เข้าใจ เทมาริพบว่าทุกคนบนโต๊ะมีแววตาแห่งความสงสัยใคร่รู้แบบเดียวกันโดยไม่มีกระแสเตือนล่วงหน้า หรือนัดหมายกันมาก่อน
“หมายถึงเรื่องอะไรล่ะ” เทมาริถาม
‘พูดได้ด้วยค่ะ’ ฮิวงะ ฮินาตะตกใจ เธอนึกว่าเพื่อนของชิกามารคุงพูดไม่ได้ นินจาซึนะมักเป็นพวกแปลกๆ ในความคิดของทายาทตระกูลฮิวงะเสมอ นี่เป็นครั้งแรกนอกจากการแนะนำตัวที่เทมาริซังพูดอย่างจริงจังกับพวกเธอ อีกฝ่ายไม่ยอมเปิดใจนับตั้งแต่เจอหน้ากันเลยด้วยซ้ำ
หากจะบอกว่าเทมาริเป็นเด็กสาวผู้เอียงอายในการเข้าสังคมมากเสียยิ่งกว่าเด็กหญิงตระกูลฮิวงะคงไม่รู้สึกคลางแคลงใจแต่อย่างใด เพราะไม่เคยมีใครรู้ว่าบุตรสาวของคาเสะคาเงะขี้อายมากกว่าที่เห็น เนื่องด้วยความเข้มแข็ง และนิสัยไม่ยอมคนเป็นเช่นเกราะกำบัง จะมีใครรู้ตัวตนลึกๆ ของเธออีกนอกจากคุณแม่ผู้อยู่ไกลแสนไกลกับยาชามารุที่แสนใจดี
เพราะตื่นเต้นที่ชักนำให้อีกฝ่ายพูดได้โดยไม่คาดคิดมาก่อน อิโนะจึงรีบสานต่อ
“ชิกามารุน่ะสิคะ หมอนั่นไม่เคย…” เกี่ยวพันกับผู้หญิงที่ไม่ได้รู้จักกันดีมากขนาดนี้ อิโนะกำลังจะพูดต่อไป แต่เหลือบเห็นเงาร่างของผู้ถูกกล่าวถึงเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว เงียบเชียบจนเกือบไม่ทันรับรู้ถึงตัวตน แสงจางของแดดช่วงสายที่ผ่านช่องรับลมตามฝาผนังถูกบดบังโดยชิกามารุผู้กำลังนิ่วหน้าเมื่อรู้ตัวว่าตนเองกำลังเป็นหัวข้อสนทนาอยู่ เขาขดเชือกม้วนใหญ่ไว้กับเป้ขนาดพกพาจนดูไม่เข้ากัน สวมจินเบทึบทึมคาดผ้าดิบสีตัดกันไว้ที่เอวอย่างผิดลักษณะเครื่องแต่งกาย ดวงตาคมกริบก้มลงมองบนโต๊ะอย่างไม่ชอบใจ แม้ไม่มีใครสังเกตแต่สีหน้าของเด็กสาวจากทะเลทรายดีขึ้นถนัดตา เธอมองใบหน้าขุ่นข้องนั้นเหมือนเด็กน้อยได้ครอบครองของที่ตัวเองต้องการ เพราะการรอคอยและความอึดอัดในกล่องสิ้นสุดลงแล้ว
ผู้มาใหม่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือความกดดันที่แฝงอยู่จนไม่ทันรู้สึก “ชิกามารุอะไร พูดอะไรของเธอ อิโนะ” ดวงตาคมกริบสอดส่ายเห็นรอยยิ้มเจื่อนๆ ของซากุระ และฮินาตะที่ยิ้มเผล่ แต่อิโนะสบตาเขาเหมือนจะเอาเรื่องเพราะถูกขัดจังหวะ ชิกามารุจึงเริ่มรู้สึกว่าตัวเองทำเรื่องผิดพลาดเข้าเสียแล้ว การปล่อยให้ยัยนี่ปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้โดยผ่านทางเพื่อนของเขา คงไม่ก่อให้เกิดผลดีในทุกกรณี เป็นไปได้สูงที่ยัยนี่จะถูกฝังความคิดประหลาดๆ เกี่ยวกับเขาไว้ในหัวเรียบร้อย
ไม่ว่ากับใครก็ตาม การปล่อยคนที่เพิ่งรู้จักกันไว้กับบุตรสาวบ้านยามานากะนับเป็นความคิดไม่เข้าท่า ชิกามารุไม่พอใจตัวเองที่น่าจะฉุกคิดได้ก่อนหน้านั้น เด็กชายบ้านนาราแค่คิดว่าคุโนะอิจิจากทะเลทรายควรมีคนรู้จักในโคโนะฮะนอกจากเขาบ้าง ไม่งั้นเขาคงต้องลำบากอยู่คนเดียว เพราะใครๆ ก็ยัดเยียดความรับผิดชอบต่อเธอมาให้พร้อมอ้างว่าเขารู้จักผู้หญิงคนนี้ที่สุดแล้ว
‘ถามจริงเถอะ รู้จักกันดีตรงไหน… แม้แต่ชื่อเขาก็ไม่เคยคิดอยากจะถาม’ เด็กชายเลือกจดจำเพียงว่าเธอมีผมสีบลอนด์และสูงสง่าเพื่อที่จะมองแค่ข้างหลังก็สามารถระบุตัวได้ ไม่มีผู้หญิงคนไหนในโคโนะฮะเหมือนเธออีกแล้ว นิสัยชอบสร้างกำแพง เว้นระยะห่างนั่นก็ด้วย เขาประหลาดใจนักเมื่อเห็นคุโนะอิจิจากทะเลทรายไม่เก่งเรื่องการเริ่มเข้าหาคนแปลกหน้า ก็เมื่อวานตอนที่เธอลากเขาไปผจญกรรมทั่วโคโนะฮะ แม้หน้าฉากจะเป็นปกติ เธอยังก่อร่างความเย่อหยิ่งแข็งกร้าวให้เป็นตัวตนของตัวเองและเปี่ยมด้วยความมั่นใจขณะสนทนากับบุคคลต่างวัยต่างสถานภาพได้อย่างไม่มีที่ติ หากมีเส้นสีขาวซึ่งมองไม่เห็นขีดคั้นหนาทึบเพื่อทำให้ห่างจากคู่สนทนาออกไป
ชิกามารุไม่ได้นั่งลงเพราะขี้เกียจปลดเป้สะพายหลัง อีกนัยหนึ่งคือรำคาญในความยุ่งยากและอยากรีบไปทำภารกิจให้เสร็จตามที่คาด เขามองบนโต๊ะอีกครั้งด้วยสายตาติเตียน “ถ้าเธอยังชอบกินขนมแบบนี้ไปเรื่อยๆ มีหวัง…”
คนบนโต๊ะไม่แน่ใจว่าเด็กชายเจาะจงพูดกับใคร แต่อิโนะเป็นฝ่ายเริ่มแก้ตัวอย่างเป็นเดือดเป็นร้อน ใบหน้าของชิกามารุเรียบเฉยเหมือนไม่ได้สดับฟังคำกล่าวในแบบที่เขามักบ่นน่ารำคาญเท่าใดนัก หากพุ่งความสนใจไปยังเพื่อนร่วมภารกิจซึ่งเขาทิ้งไว้ชั่วคราว แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อยถ้าเขาพายัยนี่ไปที่บ้าน เพราะตลอดมาไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิงคนไหนได้เข้าใกล้บ้านเขาเลยยกเว้นยามานากะ อิโนะ ดังนั้นการแยกเธอให้ทำความรู้จักกับคนอื่นๆ ในหมู่บ้านจึงเป็นทางออกที่ดี
ดวงตาสีสวยตวัดมองมายังเด็กชายบ้านนารา ลึกลงไปนั่นไม่มีร่องรอยของอารมณ์เว้าวอนหรือร้องขอ นั่นไม่ใช่นิสัยของคุโนะอิจิแห่งซึนะ มันเต็มไปด้วยคำถามเหมือนเตือนให้ชิกามารุนึกขึ้นได้ว่า จำเป็นต้องจัดการภารกิจนี้ให้เสร็จไป ความสงบชวนให้อยากนั่งพักสบายๆ ที่ร้านนี้มีให้ กันมันออกไปชั่วขณะ เขารีบวกกลับเข้าประเด็นของตนอย่างรวดเร็วขณะฉุกคิดขึ้นว่าทำไมต้องสนใจตาคู่นั้นด้วย
“เธอออกไปรอข้างนอกก่อน เดี๋ยวตามไป” น้ำเสียงของชิกามารุโอนอ่อนต่างจากสีหน้าขุ่นข้อง
นับเป็นครั้งแรกที่เทมาริเต็มใจทำตามความต้องการของชิกามารุโดยไม่มีข้อกังขา ทั้งยังรวดเร็วเสียด้วย เธอลุกขึ้นก่อนจะน้อมศีรษะเล็กน้อยให้ทุกคนบนโต๊ะตามมารยาท พลางกล่าวขอบคุณในน้ำใจราวกับฝึกท่องจำมาอย่างดี ทำเอานินจาโคโนะฮะผู้เป็นกันเองทำอะไรไม่ถูกกับท่าทีสุภาพ เป็นทางการนั้น แต่พวกเธอก็ยังชื่นชมและเอียงอายเมื่อต้องรับคำขอบคุณจากผู้อาวุโสกว่าที่เดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย สวนทางกับความสามารถในการสร้างสัมพันธภาพกับคนแปลกหน้า จนเด็กชายอดสงสัยถึงบรรทัดฐานของหล่อนไม่ได้ ตอนร่างระหงเดินฉิวผ่านเขาไป แรงลมก็หอบเอากลิ่นหอมของเกาลัดคั่วเจือด้วยใบชาอบแห้งเข้าปะทะใบหน้าเหนื่อยหน่ายให้ผ่อนคลายความหงุดหงิดซึ่งคงค้างอยู่ลง
“ชิกามารุนายไปพาเธอมาจากไหนเนี่ย” ยังไม่ทันเหลียวหลัง ซากุระก็พูดขึ้น “จะว่าหยิ่งก็ไม่ใช่ ไว้ตัวก็ไม่เชิง นินจาซึนะมีแต่พวกแปลกๆ นึกว่าเทมาริซังจะไม่เหมือนพวกนั้น แต่หยิ่งมากกว่าทุกคนที่ฉันเคยเจออีก คนอะไรก็ไม่รู้… ”
“เมื่อกี้เธอพูดถึงใคร” ทั้งโต๊ะหันมามองในคำถามเปรยๆ ของชิกามารุกันพรึ่บ
ดวงตาสีมรกตมองตามผู้ถูกพาดพิง ได้ยินดังนั้นชิกามารุก็รีบหันไปหาเด็กสาวต่างหมู่บ้านในทันที ‘เทมาริ ?’ เขาได้ยินคำนี้ชัดเจนที่สุดเหมือนมันลอยออกมาโดดๆ จากประโยคนั้นและสะกิดใจเข้าอย่างแรง มันไม่ใช่เรื่องยากเกินความเข้าใจเลย ตลอดมาเขาไม่เคยแนะนำตัวกับยัยนี่อย่างเป็นทางการ ทั้งยังไม่คิดจะเอ่ยปากถาม แต่ตอนนี้เป็นที่ชัดเจนว่าเขาเมินเฉยต่อชื่อของเจ้าหล่อนมาโดยตลอดทั้งที่ทุกคนพูดให้ฟังอยู่ทุกเมื่อ แถมยังหลงนึกไปว่าเทมาริเป็นคนรู้จักของยัยนี่
“นายไม่รู้ว่าผู้หญิงที่นายพามาชื่ออะไรรึไง” ผู้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับซึนาเดะฮิเมะมาหมาดๆ เอ่ยกึ่งๆ ประชดประชัน ดวงหน้าอ่อนหวานเคลือบความฉงนในท่าทีของชิกามารุ ซึ่งทำเหมือนเพิ่งค้นพบความลับต้องห้ามของโลกนินจาโดยบังเอิญ
ยากจะยอมรับแต่ก็ต้องบอกว่า ‘ก็ใช่น่ะสิ’ เพราะลึกลงไปข้างในยังคงมีหมอกควันแห่งความไม่พอใจก่อร่างอยู่ เนื่องด้วยชิกามารุรู้สึกตัวเองถูกลดบทบาทที่มีต่อคุโนะอิจิต่างหมู่บ้านลงเมื่อมีผู้รู้เกี่ยวกับเธอดีกว่าเขาในบางเรื่อง เป็นนิสัยแบบเด็กน้อยที่เขาไม่เคยรู้ตัวและจะไม่มีโอกาสได้รู้ถ้ายังคิดว่ามันเป็นเพียงความรำคาญใจตามนิสัย “ถ้าพวกเธอหมายถึงยัยนั่น เทมาริน่ะ” เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกชื่อเพราะกลัวมีสถานภาพเกี่ยวพันกับคุโนะอิจิแห่งซึนะต่ำกว่าคนบนโต๊ะ “เธอแค่พูดไม่เก่ง ไม่ได้หยิ่งอะไรหรอก”
อิโนะแทบจะอ้าปากค้างที่เพื่อนสมัยเด็กแก้ต่างให้ผู้หญิงอีกคนซึ่งไม่ได้สนิทชิดเชื้อมากเท่ากับเธอเลยด้วยซ้ำ แต่กลับได้รับการปกป้องด้วยคำพูด ‘โอ้ย ถ้าชิกามารุกลับมาจากภารกิจนี้เมื่อไหร่นะ จะเค้นถามให้หมดไส้หมดพุงเลย’
つづく.
ความคิดเห็น