ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Naruto | ฟิค Shikatema) Beyond the Horizon

    ลำดับตอนที่ #5 : 04 | Beyond the Horizon - A Halcyon Day Before the Tempest.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.91K
      52
      16 ต.ค. 65







     

    IV.

     

    Cutting his teeth on pain.

    เวลาเด็กผู้ชายจะเรียกร้องความสนใจกับเด็กผู้หญิงที่ตัวเองชอบ
    เขาจะไม่สนใจวิธีการเพราะต้องการเพียงให้เธอคนนั้นรับรู้การมีอยู่ของเขาได้

    1.

    มือที่ประสานกันแน่นอยู่หน้าขาขยุกขยิกไปมาอย่างร้อนใจ ด้านข้างเป็นประตูคู่บานใหญ่ของห้องฉุกเฉินซึ่งปิดนิ่งสนิทมาค่อนชั่วโมง หากชิกามารุที่นั่งรอด้วยความกระวนกระวายรู้สึกเหมือนเวลาทุกนาทีผ่านไปเนิ่นนานชวนให้อึดอัดกับความกังวลใจ และความคาดหวัง ซึ่งไม่อาจเห็นผลยามประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกมาแจ้งอาการของลูกทีม โดยไม่ทันรู้ตัวว่าอากัปกิริยาทุกอิริยาบถของเขาตกอยู่ภายใต้สายตาของคุโนะอิจิแห่งซึนะ ผู้นั่งไขว่ห่างวางท่าผ่าเผยอยู่ฝั่งตรงข้าม และอดรนทนไม่ได้จนต้องกล่าวขึ้น

    นายจะกระสับกระส่ายไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเสียงเรียบ ดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนเช่นเดียวกับใบหน้า ชิกามารุมองความเมินเฉยนั้นด้วยความไม่ตำหนิ ได้แต่ฟังอีกฝ่ายกล่าว ภารกิจน่ะก็มีคนรับเคราะห์เสมอแหละ นายเคยฝึกจิตใจมาแล้วไม่ใช่เหรอ

    ไปๆ มาๆ ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์กับท่าทีของผู้หญิงคนนี้ ชิกามารุอยู่ท่ามกลางมนุษย์ผู้มีใจดีมาตลอด เขาจึงเข้าใจว่าอย่างน้อยที่สุดคุโนะอิจิจากซึนะควรแสดงทีท่าอาทรคนเจ็บซึ่งเป็นตายเท่ากันในห้องฉุกเฉินบ้าง แต่เขาไม่อาจหาริ้วรอยแห่งความกังวลจากตัวอีกฝ่ายได้ไม่ว่าจะพิศมองจากมุมไหน เขาสรุปในทันที หญิงผู้นี้ฝึกฝนมาเชี่ยว ชำนาญจนด้านชา และบางทีหญิงสาวอาจหลงลืมไปจนเขาต้องกล่าวเตือนความจำ การฝึกกับของจริงน่ะ มันไม่เหมือนกันหรอกนะ ฉันก็พอรู้อยู่ว่าภารกิจน่ะ มันเป็นยังไง วงการนินจามันเป็นยังไง ฉันก็เข้าใจอยู่ ฉันน่ะ เพิ่งจะเป็นหัวหน้าหน่วยย่อยเป็นครั้งแรกในภารกิจนี้

    เรื่องนั้นฉันรู้แล้วน่าเทมาริตอบในทันทีด้วยเสียงขุ่นขึ้นจมูก ดวงหน้าสวยคมงอง้ำเหมือนคิ้วขมวดเคร่ง

    หากใบหน้าของเด็กชายคนตรงข้ามหมองลง เทมาริสัมผัสได้ก็ตอนที่ดวงตาสีน้ำตาลนั่นหม่นแสง ดูเลื่อนลอย เมื่อจ้องลึกลงไปก็พบเพียงความว่างเปล่า เธอใจหายและหายใจสะดุดเพราะประหวัดถึงน้องชายคนเล็ก หากเป็นกาอาระเธอคงไม่พูดสะกิดใจเจ้าตัวให้เศร้าหมองเป็นแน่ เด็กนี่ก็เป็นเหมือนน้องชายคนหนึ่ง เหตุนี้จึงอัดอั้นใจด้วยความห่วงใย เมื่อรับฟังคำกล่าวต่อไป

    ฉันอาจไม่เหมาะจะเป็นนินจาก็ได้

    ต่างฝ่ายต่างเงียบงัน ครู่หนึ่งในหน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลโคโนะฮะดูหนักอึ้งโดยพลัน แม้เทมาริจะรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นชนวนหนึ่งให้เจ้าอะไรซักอย่างมารุเกิดสิ้นหวัง แต่มาถึงขั้นนี้แล้วพี่สาวของน้องชายสองคนเลือกวิธีการแสบสันเพื่อปลุกเร้าความรู้สึกฮึดสู้ด้วยถ้อยคำทิ่มแทงใจ ไม่สู้เป็นมิตรของเธอเห็นจะดีกว่า อีกอย่างการให้เทมาริกล่าววาจาปลุกปลอบอย่างอ่อนโยน ค่อนข้างจะเป็นไปได้ยากหากผู้นั้นไม่ใช่คนในครอบครัว ตำหนิเพื่อฉุดดึงแรงใจอีกฝ่ายก็ไม่เลวร้ายเท่าใดนัก แม้ใจจะอยากตำหนิอยู่ด้วยก็ตาม นายเนี่ยเปราะกว่าที่คิดแฮะ เป็นผู้ชายทั้งแท่ง

    ไม่สิ นั่นน่ะไม่ได้ช่วยอะไรตามที่คิดไว้เลย เป็นความไม่สบอารมณ์ของเธอเองล้วนๆ เทมาริไม่รู้ว่าความในใจที่ถูกกล่าวออกไปอย่างจริงใจ และสีหน้าบึ้งตึงแบบที่ไม่ตั้งใจให้แสดงออกมา จะเป็นเหตุให้เด็กน้อยลุกออกจากที่นั่งหรือไม่ แต่เด็กชายกำลังหยุดยืน เจาะจงกล่าวให้เธอฟัง เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ฉันในฐานะหัวหน้าหน่วยย่อย แค่เชื่อใจในฝีมือทุกคน แต่ฉันประมาทเกินไป ไม่ได้คิดว่าฝีมือพวกเรายังไม่พอ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน

    กลัวที่จะมีบาดแผลในใจรึไงดวงตาสีเขียวครามรี่มองอย่างเอาความ ตอนนี้เองที่เทมาริรับรู้ด้วยหัวใจแล้ว แท้จริงเด็กชายอ่อนโยนกว่าที่เห็นภายนอก แม้ปากจะพร่ำบ่นน่าเบื่อหน่ายและทำแต่ละสิ่งด้วยความรู้สึกไม่จริงจัง

    ใบหน้าอ่อนเยาว์ก้มต่ำ ไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมาแม้คู่สนทนาจะพูดด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า ชิกามารุเพียงนิ่งเงียบพลางออกเดิน สีหน้าเขากลับมาเป็นปกติ เรียบเฉยไม่ยี่หระ มองตรงไปข้างหน้าแน่วแน่ ทว่าระยะทางที่ดูยาวอยู่แล้วเหมือนจะยืดออกไปไม่สิ้นสุด รู้สึกเหมือนร่างกายดำดิ่งลงสู่เงามืดทั้งที่ตลอดทางเดินขาวโปร่ง เส้นสีขาวบนพื้นขีดยาวจากหน้าห้องฉุกเฉินจนสุดทางคล้ายเส้นกะเกณฑ์ให้เขาเดินไปสู่ความกดดัน สิ่งต่างๆ รอบด้านถูกสาดเทด้วยสีดำมืดให้เขาเดินอยู่คนเดียว

    นี่ชิกามารุ เถียงสู้ผู้หญิงไม่ได้เลยเดินหนีงั้นเรอะ

    ท่ามกลางบรรยากาศคล้ายสุญญากาศรอบกายชิกามารุ กลับมีเสียงคุ้นเคยแว่วเข้ามาจนน่าฉงน เจ้าของเสียงสบายๆ ผิดสถานการณ์อย่างเจ้าบ้านแห่งตระกูลนารายืนกอดอกอยู่ตรงนั้น ทางแยกซึ่งเชื่อมระหว่างห้องฉุกเฉินอื่น เด็กน้อยแห่งตระกูลนาราที่หลุดจากห้วงนึกคิดอันอึดอัดเพิ่งสังเกตเห็นแต่ไม่ได้หันตัวไป เพียงเอียงคอเหลือบมองบิดา ในสีหน้าท่าทางไม่สู้จะพอใจสักเท่าไหร่ ปากก็รีบว่าแก้ต่างให้ตัวเอง แค่ขี้เกียจเถียงเท่านั้นแหละ รำคาญ ผมไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย

    ฟังดังนั้น เสียงสบายๆ นั่นก็แข็งขันขึ้น ฮื่อ แต่ก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายเหมือนกัน แกก็แค่คนขี้ขลาดเท่านั้นแหละ ต่อให้แกเลิกเป็นนินจา ภารกิจก็ยังคงดำเนินต่อไป ก็ต้องให้ใครสักคนทำ เพื่อนๆ ของแกก็จะต้องไปเป็นลูกน้องคนอื่น ออกไปทำงานก็เท่านั้น แล้วเพื่อนๆ แกก็อาจจะต้องตาย แต่ถ้าในตอนนั้นหัวหน้าคือแก เพื่อนๆ แกก็อาจจะไม่ต้องตายก็ได้ ถ้าเอาเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้มาเรียนรู้เป็นประสบการณ์ ก็อาจทำให้ภารกิจเรียบร้อยสมบูรณ์ได้ ถ้าแกรักเพื่อนๆ ของแกจริง แทนที่จะคิดหนีปัญหา เพื่อเพื่อนๆ แกก็น่าจะคิดหาทางให้ตัวเองเก่งกว่านี้! นั่นต่างหากถึงจะเรียกว่าเพื่อนแท้ ไอ้ขี้ขลาดเอ๊ย!

    ไม่มีการโต้ตอบจากชิกามารุ เขานิ่งเฉยเสียจนไม่อาจคาดเดาอะไรได้

    คุโนะอิจิจากซึนะรับฟังคำของชิกาคุด้วยความชื่นชมเงียบๆ พลางมองแผ่นหลังของเด็กน้อยที่นิ่งเฉยไม่สื่ออารมณ์อย่างลองใจ สีหน้าห่วงใยของเธอแสดงออกชัดเจน เฝ้าอยากรู้ปฏิกิริยาของเด็กชาย เฉพาะแง่ที่ดีที่สุด เพราะเชื่อว่า มันสมองซึ่งเคยทำเธอพ่ายมาแล้วต้องคิดได้ อย่างที่เธอเคยคิดได้มาแล้วแน่นอน ตอนแม่ตาย เธอร้องไห้อย่างหนัก ขังตัวเองในห้องจนทุกคนหนักใจ ลมเฝื่อนของน้ำตาเป็นดังยาพิษ ยาชามารุผู้สอนให้เธอคิดเดือดเนื้อร้อนใจมากกว่าใคร เขาชอบบอกว่าเธอเหมือนแม่ เขารักเธอ ผู้ชายคนนั้นทำทุกวิถีทางเพื่อเข้ามาถึงตัวเธอ กอดเธอไว้และเล่าเรื่องมากมายให้เธอเรียนรู้ ความผิดพลาดในอดีตมีไว้สำหรับนำมาแก้ไขความผิดพลาดในปัจจุบัน

    สภาพการณ์หน้าห้องฉุกเฉินปกคลุมด้วยความเงียบอีกครั้ง ก่อนประตูบานใหญ่จะเปิดออกหลังปิดสนิทนานจนน่าหวั่นใจ คนที่เดินออกมาคือท่านหญิงซึนาเดะ โฮคาเงะผู้ชำนาญวิชาแพทย์ขั้นสูงสุด เธอมาพร้อมข่าวน่ายินดี ไม่เป็นไรแล้ว

    ชิกามารุกลืนก้อนสะอึก แต่ยังยืนนิ่งฟังซึนาเดะกล่าวไปเรื่อยๆ เราใช้ยาแก้พิษร่วมกัน หยุดยั้งการตายของเซลล์เนื่องจากผลข้างเคียงของยาได้สำเร็จ ครั้งนี้รอดตัวไปทีนะ ชิกามารุโฮคาเงะผู้วางเดิมพันไม่ได้ผิดหวังซะทีเดียว คำชมของจูนินคุมสอบก็ไม่ได้เกินจริงถ้าเทียบกับภารกิจนี้ อย่างไรชิกามารุก็ยังเด็กนัก หากคนตระกูลนาราเก่งกาจจนน่ากลัวเป็นแท้จริง คู่มือผสมยาลับของตระกูลนารา ช่วยได้เยอะจริงๆ กว่าจะเขียนตำรายาได้ถึงขนาดนี้คงเหนื่อยแย่เลยสิ ผลลัพธ์ของการทุ่มเทค้นคว้าสินะ

    ขอบคุณ…” เจ้าบ้านตระกูลนารารับคำชม เขารักษามารยาทได้ดีเช่นทุกครั้ง

    ก่อนเสียงเรียกอันตื่นตระหนกจะดังขัดขึ้น ผู้มาทีหลังหอบฮัก ชิสึเนะ คนสนิทของโฮคาเงะรุ่นห้า โกะไดเมะ ลูกศิษย์ฝีมือเยี่ยมที่สืบทอดวิชาแพทย์ของซึนาเดะฮิเมะไปปรากฏตัวอย่างรวดเร็วพร้อมเหงื่อไหลโทรมขณะกล่าวรายงานฉาดฉาน ฮิวงะ เนจิ อาการพ้นขีดอันตรายแล้วค่ะ! แล้วก็มีข่าวว่าเมื่อสักครู่ฮาตาเกะ คาคาชิกับนารุโตะกลับมาแล้วสองคน ถึงจะบาดเจ็บหนักแต่ก็ไม่ถึงแก่ชีวิตค่ะ

    ผู้ที่นิ่งเงียบอยู่อย่างไรก็เงียบอยู่อย่างนั้น แต่ถ้าสังเกตดีๆ แล้วทั้งร่างชิกามารุกลับสั่นเทิ้มไม่หยุด ทุกคนในที่นี้ต่างมีสีหน้าหมองลงเมื่อรับรู้ว่าสูญเสียอุจิวะคนสุดท้ายไป เว้นคุโนะอิจิแห่งซึนะ ซึ่งฉายรอยยิ้มบางๆ เพราะทราบถึงสิ่งสำคัญที่สุดดี ใช่ว่าทุกคนจะลืมระลึกถึงสิ่งสำคัญในภารกิจ หลังความหม่นหมองซึนาเดะหลับตาอย่างโล่งใจ แผ่กระแสความยินดีออกมา พร้อมกล่าวกับหัวหน้าหน่วยย่อยประจำภารกิจผู้เยาว์วัยทว่ามากด้วยความสามารถควรแก่คำชื่นชมของเหล่าที่ปรึกษาทุกประการ ชิกามารุ ดูเหมือนภารกิจครั้งนี้จะล้มเหลวนะ แต่ทุกคนก็รอดมาได้ นั่นแหละสำคัญที่สุด

    เพราะสุดจะอดกลั้นน้ำตาจึงไหลพรั่งพรูลงมา หากไม่มีแม้เสียงสะอื้นจากเด็กชายตระกูลนารา เขารับคำหนักแน่นกว่าครั้งไหน ครั้งหน้า ผมจะทำให้สำเร็จให้ได้ครับ!

    ท้ายสุดสิ่งที่กังวลมาตลอดของเด็กชายก็คลี่คลายลง เด็กสาวแห่งทะเลทรายจึงอดโล่งใจไปด้วยไม่ได้ เธอยอมสารภาพหมดเปลือกต่อจิตใจอันไร้ความอ่อนไหวของตัวเองว่าเริ่มมีส่วนห่วงใยนินจาโคโนะฮะทุกนายซึ่งยอมสละแม้ชีวิตเพื่อปกป้องสายสัมพันธ์และความเชื่อมั่นของตน รวมถึงยินดีในการกลับคืนมาของสภาพจิตใจที่สมบูรณ์พร้อมของอดีตคู่ประลอง ซึ่งได้เวลากลับมาอยู่ในฐานะคู่แข่งผู้น่าขับเขี้ยวของเธออีกครั้ง เช่นนั้นหน้าที่ทั้งหมดต่อคู่แข่งเพียงคนเดียวที่ได้รับการยอมรับชื่นชมจากเธอก็จบลง ไม่มีการปลอบโยน กระทบกระทั่งเสียดสีเพื่อดึงเด็กขี้แยออกมาจากความสิ้นหวังหดหู่ และสูญเสียความมั่นคงของอารมณ์อีกต่อไป

    ทุกสายตาจับจ้องยังเทมาริขณะเธอลุกขึ้นยืนอย่างผ่าเผย และไม่สนใจสายตาคู่ใด เด็กสาวเพียงเดินไปยังเด็กชายที่ยืนนิ่งกับคราบน้ำตา โดยไม่ทันรู้ตัวเลยว่าทุกก้าวอันเนิบนาบ ความคิดที่อยากเด็กชายสัมผัสถึงจะความห่วงใยเล็กๆ ของเธอก็ทวีขึ้นเท่าจำนวนก้าวนั้น สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเทมาริแม้ในยามที่น้องชายคนเล็กล้มลุกคลุกคลานกับสิ่งเลวร้ายพร้อมความจริงที่ว่าเธอไม่ได้อยู่ข้างเขา ทว่าคนสองคนเขม่นที่กันในฐานะคู่ประลองจนจับมือกันร่วมต่อสู้กับศัตรูกันในตอนท้ายความเอื้ออาทรระหว่างกันย่อมเกิดขึ้นไม่มากก็น้อย

    เป็นไปตามอัตโนมัติก่อนเทมาริจะทันกลั่นกรองเสียอีกขณะที่มือเรียวเล็กเอื้อมไปแตะบ่าเด็กชาย ได้ยินแล้วใช่ไหม ถ้าเอาแต่ร้องไห้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก แต่นายเอาความผิดพลาดนี้ไปแก้ได้แค่นั้นก็พอ

    2.

    กลิ่นยาฆ่าเชื้อแทรกตัวอยู่ในโมเลกุลอากาศทุกส่วนของโรงพยาบาล สะอาดและสัมผัสได้ถึงความปลอดภัย เทมาริที่ใช้เวลาเกือบชั่วโมงเดินไปทั่วตัวอาคารสามารถรับรองได้ ฝีเท้าเบาๆ ดังไปตามระเบียงสีขาวสว่างจากแสงของดวงอาทิตย์ซึ่งลอดผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ตลอดทางเดิน บีบท้องฟ้ากว้างให้อยู่ในกรอบเล็กแคบ คุโนะอิจิแห่งซึนะไม่คุ้นเคยกับตัวระเบียงทุกส่วนโรงพยาบาลโคโนะฮะ ไม่ว่าทางเลี้ยวไหน ทางเชื่อมใดไม่อาจบอกได้ถึงความแตกต่างของมัน ท่อนขาสมส่วนจึงเริ่มเมื่อยล้าจากการเดินวนอยู่อย่างนั้นไม่จบสิ้น และด้วยความถือดีตามนิสัย ริมฝีปากอวบอิ่มที่เจ้าตัวขบกัดยามใช้ความคิดจนแดงชาดจึงไม่คิดเอ่ยปากถามทางไปยังหอรับรองโคโนะฮะ หรือแม้กระทั่งถามทางออกจากโรงพยาบาลอันวกวน

    ดวงตาสีสวยเหม่อมองนอกหน้าต่างซึมซับทิวทัศน์ที่ต่างออกไปจากบ้านเกิด ทะเลทรายสุดลูกหูลูกตาและแสงแดดร้อนแรงเจิดจ้าของซึนะงาคุเระช่างต่างกันลิบลับกับความร่มรื่นใต้เงาไม้เขียวชอุ่มแผ่กิ่งใบกว้างคุ้มภัยแก่มนุษย์และกิจกรรมใต้ต้นไม้ของพวกเขา นกน้อยที่โผจากยอดไม้สลัดใบร่วงลงสู่พื้นขึ้นไปบินประกอบกับตะวันบ่ายคล้อยที่สาดแสงอุ่นๆ ชวนให้ล่องลอยอยู่ในวังวนความคิด

    .

    ปุยเมฆขาวฟุ้งเป็นทางยาวลอยผ่านดวงตาคมกริบจนลับหายไปกับขอบหน้าต่างสุดทางเชื่อมระหว่างปีกตะวันตกของโรงพยาบาล หลังจากผ่านบทสนทนากับโฮคาเงะรุ่นที่ห้าและจัดการธุระในห้องพักฟื้นของนารุโตะด้วยความรู้สึกในฐานะเพื่อนและหน้าที่รับผิดชอบในฐานะหัวหน้าหน่วยย่อยแล้ว เด็กชายตระกูลนาราก็เฝ้ามองความเป็นไปของฟ้าโปร่งด้านนอกที่กระจ่างรับกับบรรยากาศผ่านทางหน้าต่างยาวตามเฉลียงมาตลอด เขาตั้งใจมองมันชดเชยงานอดิเรกเช่นการนอนดูเมฆอันแสนสุขที่เสียไปกับสิ่งคุ้มค่าอย่างการได้รับบทเรียนและประสบการณ์ที่ดีครั้งหนึ่งของตัวเอง แต่กลับกลายเป็นว่าหลังผ่านมุมเลี้ยวเขาเห็นคนที่ไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ตรงสุดปลายทางเดินเสียได้

    เงาร่างของผู้หญิงน่ารำคาญกับพัดอันใหญ่บนหลังสะท้อนอยู่บนดวงตาสีเปลือกไม้ของเด็กชาย ผมสีบลอนด์ของเธอจับกับแสงขาวสะอาดจนดูอ่อนจาง ชวนให้หลงนึกไปว่าเด็กสาวเป็นเพียงภาพลวงตา หากเขาสัมผัสถึงความรู้สึกคุ้นเคยต่อเจ้าของดวงหน้าหวานคมแสนรั้นนั้นได้จากใบหน้าที่หันมาขมวดคิ้วมุ่ยใส่

    ผ่านมาเกือบชั่วโมงแล้วหลังจากเขาแยกกับผู้หญิงที่ถือวิสาสะมาสั่งสอนเขา ทั้งยังยิ้มยียวนน่าขนลุก ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องปกตินักถ้าเขายังได้พบเธออีกครั้งในโรงพยาบาลนี้ ชิกามารุไม่เสียเวลาไตร่ตรองมากมายเช่นทุกที เขารีบสาวเท้าเข้าใกล้อย่างรวดเร็วตอนที่เห็นอีกฝ่ายตั้งท่าเดินหนีไปอีกด้าน จากการก้าวเดินธรรมดาเปลี่ยนเป็นวิ่งเหยาะๆ สุดท้ายเขาก็ถูกบังคับให้วิ่งไปตามระเบียงไล่หลังด้วยเสียงเอ็ดอึ้งจากนางพยาบาล

    เธอน่ะ จะวิ่งหนีทำไมกันเฮอะ เขาไม่ใช่ผีสาง ชิกามารุมั่นใจว่าตนไม่ได้เปลี่ยนสภาพตัวเองไปเป็นอะไรที่ชวนขนลุกขนพองแต่อย่างใด เช่นนี้แล้วควรมีเหตุผลอธิบายว่าทำไมคุโนะอิจิแห่งทะเลทรายถึงต้องหนีเขาอย่างจริงจัง

    ข้อมือเล็กถูกคว้าหมับดึงรั้งให้ท่อนขาหยุดก้าววิ่ง เทมาริรู้สึกหนักอึ้งที่ด้านหลัง การหนีไม่ก่อให้เกิดผลอะไร เธอจึงยอมหันมาเผชิญหน้ากับผู้ที่ยื้อยุดเธอไว้เหมือนเด็กน้อยเอาแต่ใจเด็กสาวจากซึนะงาคุเระพยายามซ่อนความกังวลในแววตา พร้อมสลัดความคิดไร้สาระเป็นฉากต่อฉากที่ว่าเด็กชายจะแสดงกิริยาอาการอย่างไรเมื่อรู้เรื่องน่าอายว่าเธอกำลังหลงทางในโรงพยาบาลแถมยังทิฐิมานะไม่ยอมออกปากถามผู้อื่น การเยาะเย้ย ขบขันอย่างร้ายกาจจากเด็กชายต้องเข้าทับถมเธอเป็นแน่

    ให้ตายเถอะ น่าเบื่อจริง มีธุระที่โรงพยาบาลหรื

    ฉันไม่ได้หลงทางหรอกนะเสียงตอบหนักแน่นเหลือเกิน

    เมื่อถูกขัดจากเด็กสาวโดยฉับพลันทันที ความกระจ่างในเรื่องราวก็ปรากฏแก่ชิกามารุ นิสัยไม่ยอมแพ้ หยิ่งในศักดิ์ศรีและชอบเอาชนะที่เขามีโอกาสได้รับรู้ในตอนสอบจูนินรอบสุดท้ายสามารถอธิบายปฏิกิริยาของผู้หญิงตรงหน้าเป็นอย่างดี เธอคงไม่ต้องการให้เขารับรู้เรื่องหลงทิศหลงทางเพราะกลัวถูกหัวเราะเยาะ หรือค่อนว่าซ้ำเติมเรื่องน่าอายของตน เชื่อเขาเลย ยัยนี่หลงทางในโรงพยาบาลเนี่ยนะ เขาเองก็อดขำไม่ได้กับการเดินหลงในสถานที่ที่มีความปลอดภัยอันดับต้นๆ นั่นช่วยตอกย้ำความเชื่อที่ว่าผู้หญิงชอบทำเรื่องให้ยุ่งยาก

    เด็กสาวผู้มองโลกในแง่ร้ายเป็นนิสัยรู้สึกแปลกใจกับการที่เด็กชายปล่อยข้อมือเธอ มากกว่าคำพูดซ้ำเติมซึ่งไม่มีออกมาจากปากของเขา แม้สีหน้าเบื่อหน่ายชวนให้เธอหงุดหงิดใจนั่นจะบ่งบอกว่ารู้นะ ยัยงุ่นง่าน เดินหลงทางล่ะสิ ก็ตามที ดวงตาสีสวยเหล่มองใบหน้าด้านข้างของเด็กชายที่ขยับขาเดินนำหน้าเธอไป จนไม่อาจสังเกตสีหน้าของเขาได้แน่ชัด

    “ยังไม่ทันว่าอะไรเลย ฉันจะกลับแล้วจะไปด้วยกันไหมคำถามธรรมดาๆ เหมือนคำชักชวนตามประสาคนรู้จัก ไม่น่าจะทำให้หญิงสาวเคลือบแคลงว่าเด็กชายได้รับรู้เรื่องที่เธอไม่อยากให้รู้เข้าแล้ว นอกจากจะเห็นสีหน้าเหนื่อยหน่ายเจือความขบขันเล็กน้อยซึ่งไม่สามารถสะกดกลั้นไว้ ได้แต่ออกเดินนำหน้าเพื่อปกปิดมันต่อคุโนะอิจิผู้ถือดี เพราะรู้ดีว่าถ้าเผลอไปแสดงอะไรกระทบใจ สาวเจ้าจะต้องปฏิเสธความช่วยเหลือเขา และเดินวนต่อไปจนเขาได้หัวเราะท้องแข็งเป็นครั้งแรกในชีวิตแน่

    หากเบื้องหลังกลับเงียบและดูว่างเปล่า ดวงตาคมกริบพยายามชายมองด้านหลังตรงจุดที่นินจาสาวยังหยุดยืนอยู่

    คันชั่งในใจเทมาริกำลังทำงาน ซึ่งเธอยอมรับว่ามันเอนเอียงไปทางชิกามารุ แผ่นหลังเขาเริ่มเล็กลงเมื่อห่างตัวเธอออกไปทีละน้อย และท้ายสุดมันจะริบหรี่ลงเหมือนความหวังอันเลือนรางเพียงหนึ่งเดียว เธอไม่รู้จักใครในโคโนะฮะงาคุเระ เว้นแต่เจ้าอะไรซักอย่างมารุที่พอพูดคุยด้วยกันได้ ครั้นจะไปไถ่ถามทางกับใครก็ไม่กล้า ใจหนึ่งก็ไม่อยากเจอหมอนี่เพราะกลัวเสียหน้าต่อคู่แข่งเพียงหนึ่งเดียว อีกใจก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในตอนนี้ เขาเป็นคนเดียวที่เธอพอจะยอมรับความช่วยเหลือได้

    เดินไปสิเทมาริ ยังไงเธอก็ช่วยหมอนี่ไว้นะ เสียงพัดเหล็กกระทบกันแว่วๆ เมื่อเทมาริเริ่มขยับเล็กน้อย ริมฝีปากแดงจัดเผยอเล็กน้อย ราวกับผ่านไปเนิ่นนานกว่าเสียงแหลมใสจะหลุดลอดออกมา “รอด้วยสิ นายจะรีบไปไหน”

    ขณะที่อีกฝ่ายโต้กลับทันควัน “ผู้หญิงความรู้สึกช้าแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า”

    “แล้วผู้ชายอย่างนายเจ้าน้ำตาแบบนี้ทุกคนรึเปล่าล่ะ ถ้าไม่ ผู้หญิงอย่างฉันก็ไม่” ใบหน้าเยาว์วัยของเด็กสาวตวัดมองเจ้าของประโยคค่อนขอดเมื่อครู่พร้อมวาจาเผ็ดร้อน บุตรสาวคนโตแห่งคาเสะคาเงะเกิดมาในฐานะสตรีเพศ ทั้งที่บิดา คาเซะคาเงะรุ่นที่สี่ต้องการบุตรชายและภาชนะรองรับพลังสถิตร่าง แม้บิดาจะรักเธอซึ่งเหมือนผู้เป็นแม่มากก็ตาม แต่เด็กสาวไม่ยินดีนักหากจะมีใครมองเธอในฐานะผู้หญิงซึ่งต้องด้อยกว่าผู้ชายเกือบทุกด้านเช่นเด็กชายตรงหน้า

    แม่นี่ทำตัวให้เหมือนคนถูกช่วยหน่อยได้ไหมเนี่ย ความหงุดหงิดโดยไม่ทราบสามารถครอบคลุมจิตใจของเด็กชายที่เฝ้าปฏิเสธว่าความไม่สบอารมณ์น้อยๆ นี้มาจากเรื่องเจ้าน้ำตาที่อีกฝ่ายหยิบยกมาพูด ทำเอาชิกามารุต้องรีบเดินหนีใบหน้าสวยคมที่จ้องเอาเรื่องโดยไม่อาจทราบถึงสาเหตุของความไม่พอใจของหญิงสาว และด้วยอคติต่อเพศตรงข้ามจึงทำให้เขาจำกัดนิยามความเป็นมนุษย์เพศหญิงได้อีกว่าเป็นเพศที่ปราศจากเหตุผลและช่างอารมณ์แปรปรวนจนคาดเดาไม่ได้

    พอกันทีสำหรับผู้หญิงคนนี้ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะข้องแวะกับเธอในทุกๆ แง่ ทว่าในใจบ่นอุบอย่างไรแต่สายตาเบื่อหน่ายกลับแสร้งเหลืบมองนกน้อยซึ่งบินโอ้ลมอยู่ข้างนอกก่อนจะถลาลงมาเกาะขอบหน้าต่างพลางเอียงคอมองไปมาคล้ายตุ๊กตาไขลาน แต่นั่นทำให้เขาแอบสังเกตผมแกละสีบลอนด์ไหวๆ ที่เห็นได้เพียงเสี้ยวจากการชำเลืองมอง ทว่ายังพอให้อุ่นใจว่าคุโนะอิจิเดินตามหลังมาด้วยฝีเท้าซึ่งจงใจทิ้งระยะจากเขา

    3.

    ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ ชิกามารุให้คำมั่นกับตัวเองด้วยความขุ่นในอารมณ์แม้ว่าครึ่งชั่วโมงก่อนเขาจะกล่าวกับตัวเองเช่นนี้มาแล้ว แต่ก็ยังต้องมีพันธะเกี่ยวพันกับคุโนะอิจิแห่งซึนะ เพราะเมื่อเขาพาผู้หญิงมากเรื่องมาส่งที่ห้องรับรอง นินจาประจำการก็มอบหมายให้พาคุโนะอิจิหญิงไปยังห้องพักที่โคโนะฮะงาคุเระจัดไว้ให้ หากเขาพอใจจะเรียกมันว่าการยัดเยียดหน้าที่รับผิดชอบมาให้เสียมากกว่า มันไม่ใช่ธุระกงการของเขาเลยแม้แต่น้อย หากเสียงพัดเหล็กกระทบกันเป็นสัญญาณเดียวที่คอยย้ำเตือนชิกามารุอยู่ว่านินจาจากซึนะยังเดินตามหลังเขาอยู่

    “รบกวนเดินไปส่งทีนะ ฉันก็เพิ่งจะไปส่งนินจาจากซึนะที่นั่นเหมือนกัน” ยิ่งคิดถึงคำกล่าวอันไร้ความรับผิดชอบจากคนของหน่วยประสานงานแล้วชิกามารุยิ่งหงุดหงิด ครั้นจะปฏิเสธอีกฝ่ายก็หนีหายไปเสียแล้ว

    ด้วยความรำคาญใจเด็กชายจากตระกูลนาราจึงไม่ให้ความสนใจแก่คนในหมู่บ้านที่เดินสวนทางกันขวักไขว่ตลอดท้องถนนซึ่งจอแจในเวลาบ่ายแก่ แม้พวกเขาจะเหลือบมองเด็กสาวผมบลอนด์อย่างระมัดระวัง บ้างชำเลืองมองอย่างไว้มารยาท แม้ตัวผู้ถูกเมียงมองอย่างเทมาริจะรู้สึกถึงสายตาแฝงอันเปี่ยมด้วยความไม่เป็นมิตรจากผู้คนที่เดินผ่านไปแต่ร่างของเด็กสาวยังคงตั้งตรงอย่างมาดมั่น ปัดสิ่งกวนใจที่มีต่อผู้คนรอบข้างซึ่งสนอกสนใจกระบังหน้าผากสีเงินสลักลายประจำหมู่บ้านซึนะงาคุเระด้วยความรู้สึกไม่สนิทใจอันสมควรมีต่อนินจาจากหมู่บ้านที่เคยลอบตลบหลังกันมาก่อน

    นินจาจากซึนะหยิ่งทระนงในเกียรติด้วยถูกฝึกสอนมาอย่างนั้น แท้จริงแล้วเทมาริรู้สึกประหม่าและอับอายมากทีเดียวกับทุกสายตาที่พยายามเหล่มองโดยคิดว่าเด็กสาวผู้เยาว์วัยอย่างเธอจะไม่ทันรู้ตัวว่ามีสายตาชิงชังรูปแบบไหนจู่โจมเข้ามาบ้าง เทมาริจมลงสู่การปิดกั้นความรู้สึกอ่อนแอของตัวเองจนถูกกลืนไปกับผู้คนรอบถนนย่านการค้าโดยไม่ทันรู้ตัว เธอเริ่มร้อนใจขณะกวาดสายตาพยายามมองหาแผ่นหลังของเด็กชายท่ามกลางกลุ่มคนแปลกหน้าที่เดินกันพลุกพล่าน

    รอบข้างดูเหมือนจะผ่านเทมาริไป และมีเพียงเธอที่ชะงักงันไม่เห็นทางไปต่อ

    ไม่ว่าดวงตาสีสวยจะผินมองทางไหนก็ไม่อาจหาเงาร่างของเด็กชายผู้อ่อนวัยกว่าพบ เทมาริหยุดยืนเพราะความมึนงงด้วยสายตามากคู่จากนินจาโคโนะฮะจับจ้องเธอมากขึ้นจนรู้สึกเหมือนตัวเองติดอยู่ในโลกอีกใบที่มีสีเทาไร้สุ้มเสียง

    สุดถนนย่านการค้าเป็นทางเลี้ยวสู่ถนนใหญ่อีกสาย ท่ามกลางเสียงพูดคุยของผู้คนรอบข้างท่อนขาของเด็กชายบ้านนาราหยุดเดินกะทันหัน เสียงพัดน่ารำคาญนั่นไปไหนแล้ว เมื่อไร้ซึ่งกระแสเสียงที่คอยสดับฟังมาตลอดเจ้าตัวจึงแสร้งทำเป็นหันมองข้างทางผ่านเข้าไปในช่องหน้าต่างของร้านอาหารที่อบซาลาเปาลูกใหญ่ควันฉุยเพื่อจับสังเกตแต่ไม่เห็นแม้เพียงเงาของคุโนะอิจิ

    ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กชายบ้านนาราที่หันกลับมามองด้านหลังเต็มตัวเหรอหราเล็กน้อยทั้งยังค่อนข้างตระหนกทีเดียวเมื่อพบว่าผู้หญิงในความดูแลไม่ได้เดินตามหลังมาอีกต่อไป เด็กชายคุ้นเคยกับบรรยากาศตอนเย็นในย่านการค้าอันคึกคักจากนินจาที่เริ่มกลับมาจากภารกิจหรือแม้กระทั่งแม่บ้านซึ่งออกมาจับจ่ายเตรียมอาหารเย็นจนชินตา และไม่เคยนึกว่าจะมีคนเยอะแยะมากขนาดไหนจนกระทั่งมองหาผู้หญิงคนหนึ่งไม่เจอเท่านั้นแหละจึงได้สัมผัสความจอแจจากผู้คนรอบตัวอย่างจริงจัง

    หายไปไหนทำไมไม่เดินตามมาให้ดีเล่า ความหงุดหงิดตอนนี้ก่อตัวมาจากอีกสาเหตุนอกเหนือจากความรับผิดชอบที่ถูกหยิบยื่นมาให้แต่ยังกอปรไปกับผู้หญิงซึ่งเป็นต้นตอของความหงุดหงิดแรกและกำลังสร้างปัญหาให้กับเขาอยู่ เด็กชายอ่อนเยาว์เกินกว่าจะทันรู้ตัวว่าตัวเองกำลังเผชิญความห่วงใยที่อยู่เหนือความหงุดหงิดทั้งหมด เขาหงุดหงิดเพราะกำลังห่วงอีกฝ่ายในฐานะอดีตคู่ประลองซึ่งสุดท้ายก็ย่อมต้องเอื้อเฟื้อความใส่ใจต่อกันบ้างแม้เพียงนิด

    ตอนนี้ปราศจากทางเลือก หรือแม้ว่ามีเด็กชายก็จำต้องย้อนกลับไปตามเส้นทางที่ผ่านมาเพื่อพาผู้หญิงเจ้าปัญหาส่งถึงที่หมาย ด้วยเหตุผลเพียงว่าเนื้อตัวเขามอมแมมทั้งยังเดินผ่านร้านอาหารหลายร้านในย่านการค้าจนหิวไส้กิ่ว อยากรีบกลับบ้านจัดการชีวิตของตัวเองให้กลับมาเข้าที่เข้าทางโดยเร็วที่สุดนั่นเอง ไม่ทันรู้สึกหรอกว่ากำลังนึกขันเรื่องในโรงพยาบาลของผู้ถูกตามหา

    แม้แต่หลงทางในโรงพยาบาลยังไม่กล้าถามทาง ที่หายไปเนี่ยวันนี้ก็ไม่ถึงที่หรอก

    อีกฝ่ายถือตัวเพียงใด ชิกามารุรู้ดีกว่าใครในโคโนะฮะจากการประลองครั้งก่อนรวมถึงบทสนทนาระหว่างสาวเจ้าในช่วงเวลาสั้นๆ หลังจัดการคนของโอโรจิมารุเสร็จ ไม่มีใครจะดื้อรั้นได้เต็มเหนี่ยวเท่าเจ้าหล่อนอีกแล้ว หากเด็กชายไม่รู้สึกขยาดความหยิ่งในศักดิ์ศรีหรือความทระนงโดยศักติในตัวคุโนะอิจิจากซึนะคนนี้ เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวนอกจากแม่ที่เขาเคยชม และเห็นว่านิสัยแปลกจากผู้หญิงคนอื่นจนมันเป็นหนึ่งในข้อยกเว้นบนคำนิยามที่เขามีให้แก่ผู้หญิงทุกคนบนโลก

    ดวงตาคมกริบเริ่มสอดส่ายสายตาหาผู้หญิงที่เขาสามารถจดจำเธอได้จากพัดเหล็กขนาดใหญ่และผมสีบลอนด์เพียงเท่านั้น เด็กชายมั่นใจว่าอีกฝ่ายน่าจะโดดเด่นจากคนอื่นหากก็ยังไม่พบ ‘…ผู้หญิงเนี่ยนะ ไม่ว่ายังไงก็ยังคงน่ารำคาญ

    บนถนนสายยาวมีเพียงชิกามารุที่หยุดยืน ศีรษะของเด็กชายโคลงไปมาขณะหันรีหันขวางท่ามกลางกลุ่มคนละลานตาในย่านการค้าเพื่อกวานหาบุคคลที่ไม่ใคร่จะคุ้นเคยหรือให้เวลาเพ่งพินิจจดจำเท่าใดนัก เมื่อสุดกำลังสายตาจึงได้แต่ก้าวยาวๆ ไปตามถนนสายเดิมอย่างรีบเร่งด้วยหวังว่าความเร็วของช่วงก้าวจะช่วยให้พบเด็กสาวผู้ขยันสร้างปัญหาให้แก่เขาก่อนเจ้าหล่อนจะเริ่มสร้างปัญหาให้กับคนอื่น ดังนั้นแล้วภาพที่ฉายสะท้อนบนนัยน์ตาสีเปลือกไม้คือเหล่าผู้คนที่ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วด้วยช่วงก้าวกว้างและว่องไว คุโนะอิจิกลุ่มหนึ่งเดินสวนกับเขาเช่นเดียวกับทุกคนที่เดินผ่านไปราวกับว่ามีเพียงเขาคนเดียวที่สวนกระแสของการดำรงชีวิต ทั้งเสียงพูดคุยรอบข้างก็กลายเป็นสุ้มเสียงฟังไม่ได้ศัพท์

    ทายาทตระกูลนาราค่อยปะปนกับผู้คนบนท้องถนนที่เดินไปตามทางด้วยจุดมุ่งหมายแตกต่างกัน นินจาบางส่วนเดินสวนกับคนธรรมดาที่มองร้านอาหารสองข้างทางขณะตัดสินใจเรื่องของว่างก่อนมื้อเย็น อีกส่วนจับกลุ่มคุยสัพเพเหระกันอย่างสนุกสนาน ในขณะที่ร้านรวงกำลังขายวัตถุดิบสำหรับอาหารค่ำ หน้าร้านขนมหวานเองก็มีผู้คนยืนออกันอยู่ตอนเด็กสาวจากหมู่บ้านแห่งทรายเดินผ่าน เทมาริได้กลิ่นน้ำตาลเชื่อมและถั่วแดงกวนที่ราดลงบนดังโหงะ มันไม่ได้มีความพิเศษอะไรแค่ขนมหวานธรรมดาหากเธอเริ่มหิวจนลังเลว่าจะแวะเข้าไปหรือตามหาเด็กชายที่เธอเผลอละสายตาออกมาก่อนดีเท่านั้น

    ตอนชิกามารุผละสายตาจากผู้หญิงกลุ่มใหญ่ที่พูดคุยเจื้อยแจ้วก็พลันเห็นใครบางคนซึ่งเขากำลังต้องการตัวไกลออกไปหน้าร้านขนมหวานของโคโนะฮะ เงาร่างเล็กทว่าโดดเด่นด้วยพัดใหญ่ยืนจับจ้องประตูทางเข้าอยู่ข้างร้านไม่วางตา

    เดี๋ยวนะคงไม่ใช่ว่าอะไรของยัยนั่นเป็นเด็กรึไง สถานการณ์ที่เขาพบคุโนะอิจิจากซึนะดูจะเหลือเชื่อสำหรับชิกามารุ เมื่อครั้งเป็นเด็กเขาจำได้ว่าเคยปล่อยมือมารดา หยุดยืนให้ผู้คนเดินผ่านเขาไปก่อนจะหันหลังเพื่อวิ่งไปทำตามจุดประสงค์ของตนเองโดยไม่สนใจสิ่งใดแม้ผลที่ตามมา มีเพียงความต้องการของเขาเป็นหลักเท่านั้น เธอจึงทำให้เขานึกถึงความเอาแต่ใจแบบเด็ก คิดอยากทำอะไรก็ทำ ไม่รับรู้ว่ามีคนร้อนใจตามหาตัวเอง หรือชักพาความหงุดหงิดมาสู่ใจของคนๆ หนึ่งมากมายแค่ไหน

    ดูเหมือนว่าเด็กชายบ้านนาราจะหัวเสียมากทีเดียวเมื่อประเมินจากฝีเท้าที่ก้าวมั่นคงฉับไวครู่เดียวก็ถึงเป้าหมาย ชิกามารุเข้าประชิดตัวเด็กสาวมองดวงตาสีเขียวครามเบิกมองอย่างงุนงงราวกับว่ายังสร้างความไม่พอใจให้เด็กชายไม่พอ

    “รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองไม่รู้จักทางแล้วยังเดินสะเปะสะปะอีก” นั่นคือคำแรกจากปากเด็กชาย

    อันที่จริงเขาอยากพูดว่า หายไปไหนมา เป็นห่วงแทบตาย ชิวเฉียดไป อะไรทำนองนี้มากกว่าแต่ไม่รู้ว่าทำไมปากตัวเองถึงไวขนาดนั้นทั้งๆ ที่ไม่เคยปากเสียหรือพูดทำร้ายน้ำใจผู้หญิง อย่างน้อยเขาก็ให้เกียรติพวกหล่อนทุกคนแม้จะตีความพวกเธอด้วยอคติส่วนตัวเสร็จสรรพ แต่คุโนะอิจิจากซึนะมีข้อยกเว้นมากมายในคำนิยามถึงเพศตรงข้ามของเขาอยู่แล้ว เธอทำให้ชิกามารุอยากปฏิบัติตัวใส่ด้วยกิริยาและการกระทำใดก็ได้ที่สามารถรับรู้การมีอยู่ของตัวเขา เป็นความจริงว่านารา ชิกามารุเป็นเด็กชายอายุสิบสาม ถึงมีสติปัญญามากแค่ไหนแต่เด็กน้อยย่อมไม่ฉุกคิดว่าตัวเองกำลังห่วงเพศตรงข้ามที่เจ้าตัวคิดเป็นปรปักษ์แทบทุกด้าน ทั้งยังไม่รู้ตัวว่ากำลังเรียกร้องความสนใจเหมือนเด็กซึ่งต้องการแสดงตัวให้ผู้ใหญ่คนหนึ่งยอมรับ

    นานพอสมควรที่ชิกามารุเฝ้าหวังว่าจะได้รับคำกล่าวอุทธรณ์จากอีกฝ่ายถึงเรื่องที่เขากล่าวหา หากมีเพียงสายตาเย็นชาเท่านั้นที่ส่งกลับมา เขาได้กลิ่นหอมจางๆ จากลมที่มาปะทะหน้าขณะร่างระหงของนินจาสาวเดินผ่านหน้าไปและปฏิบัติตัวราวกับเขาเป็นเพียงอากาศธาตุ กลับเป็นฝ่ายเขาเองที่ต้องมองตามหญิงสาวไปจนเหลียวหลังด้วยความงุนงงกับท่าทีเฉยเมยอันเยียบเย็นนั้น

    ดวงตาสีเขียวครามเหลือบมองเด็กชายที่เดินเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมหวังจะทวงหาคำตอบในการกระทำของเธอ เทมาริยอมรับว่าขนมหวานน่าดึงดูดใจมาก ตรงข้ามกับเด็กชายที่มักทำหน้ามุ่ยไม่ได้มีความน่าสนใจหรืออยากเอ่ยปากเริ่มสนทนาด้วยเลย อันที่จริงเธอไม่ต้องการสร้างสัมพันธภาพอันดีกับใครในโคโนะฮะอยู่แล้ว เขาเป็นเพียงคนที่บังเอิญพบเพื่อเพียงผ่าน ไม่มีความจำเป็นใดต้องสานสัมพันธ์กันอีก ทว่าเขายังเอื้อเฟื้อให้ความช่วยเหลือและเป็นคนเดียวในหมู่บ้านนี้ที่เธอยุ่งเกี่ยวด้วยมากที่สุด ถ้าขนมหวานทำให้เด็กชายขี้หงุดหงิดคลายความเบื่อหน่ายบนใบหน้าได้คงดี

    “เลิกจ้องหน้าแล้วก็นั่งลง นายก็หิวเหมือนกันใช่ไหมล่ะ ถึงได้เดินเร็วขนาดนั้น คงอยากจะรีบไปส่งฉันให้เสร็จเร็วๆ บางทีคันคุโร่ก็ทำอะไรแบบนั้นเวลาอยากกลับบ้าน”

    ผู้หญิงช่างเข้าใจยาก ผู้ชายอย่างชิกามารุนึกนิยามเดิมซ้ำๆ มานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เริ่มเกี่ยวข้องกับคุโนะอิจิสาวอย่างจริงจัง ทุกการกระทำเหมือนจะนำพาความสนใจของเขาไปอยู่กับเธอจนหมด ดูเหมือนจะมีบรรยากาศที่เขาไม่อาจเข้าใจได้ล้อมอยู่รอบตัว พร้อมด้วยความรู้สึกซับซ้อนซึ่งซ่อนอยู่อย่างลึกล้ำเกินกว่าจะเปิดทางให้เขาเข้าไปสำรวจ แต่เวลาเธอทำอะไรก็มักจะดึงเขาเข้าไปได้สำเร็จทุกครั้ง

    แม้จะฉาบใบหน้าด้วยความเหนื่อยหน่าย เลิกคิ้วสูงอย่างขุ่นข้องใจในความยุ่งยากของเรื่องที่ก่อตัวขึ้นไม่หยุดหย่อน เด็กชายก็ยังนั่งลงตามคำสั่งอย่างว่าง่าย นอกจากต้องพาเจ้าหล่อนไปส่ง ตามหาเจ้าหล่อนที่หายตัวไป และสุดท้ายต้องมานั่งร้านขนมกับเจ้าหล่อน สิ่งต่างๆ มันมาเป็นระลอกจนเขาไม่รู้จะรับมือเหตุการณ์ต่อไปอย่างไรเมื่อมันช่างแตกต่างกับการทำภารกิจหรือ กระประลองที่เขาสามารถใช้สมองแก้ไขสถานการณ์ได้ง่ายดายกว่ากันมาก

    เด็กชายสังเกตใบหน้าที่ยิ้มร่าเหมือนเธอกลับไปเป็นเด็กน้อยที่เพิ่งได้รับคำชม แต่เขาเชื่อว่ารอยยิ้มนี้เป็นของเด็กน้อยที่พบของเล่นถูกใจมาอยู่ในมือมากกว่า

    ตั้งแต่หลังการประลอง นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาเจอคุโนะอิจิคนนี้และพบว่าเธอมีหลายสิ่งซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าถือดีที่แข็งกร้าวกอปรไปกับความเข้มแข็งที่เป็นเกราะป้องกันรอบตัว น้อยครั้งนักที่เขาจะสัมผัสถึงความจริงข้างในจิตใจของเด็กสาวผ่านทางรอยยิ้มหลากหลายรูปแบบซึ่งค่อยเผยทีละน้อย

    “จริงๆ แล้วเธอก็หิวใช่ไหมล่ะ” ไม่มีข้อปฏิเสธกลับ ชิกามารุเรียนรู้จากการได้ข้องเกี่ยวกับเธอว่านั่นคือการยอมรับ เขามองใบหน้าซุกซนที่เผยให้เห็นพียงชั่วแวบหนึ่งผ่านไอร้อนที่บิดเกลียวอยู่เหนือเซ็นไซขณะโมจิย่างถั่วแดงถูกวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะผละสายตาลงบนไอน้ำที่ควบแน่นอยู่บนจานรองโอฮากิเมื่ออีกฝ่ายตวัดสายตากลับมามองโดยบังเอิญ เป็นครั้งแรกที่เด็กชายบ้านนารารู้สึกกระอักกระอ่วนกับสถานการณ์น่าอึดอัดระหว่างเพศตรงข้าม

    “ที่ซึนะไม่มีขนมแบบนี้หรอกนะ เรามีพวกของหวานๆ ช่ำๆ พวกผลไม้ทะเลทรายน่ะ บางทีฉันก็กินอันซุจนเบื่อเหมือนกัน” แม้คุโนะอิจิสาวจะเป็นฝ่ายเปิดใจเอ่ยปากขึ้นก็ไม่อาจดึงสายตาเด็กชายออกจากจุดที่เขาจับจ้องอยู่ เพราะมัวแต่แสร้งเพ่งความสนใจด้วยสายตาจึงได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของอีกฝ่ายได้ถนัดเป็นครั้งแรก และนั่นไม่ช่วยให้สภาพจิตใจที่กระเจิดกระเจิงไปดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย กลับกันว่ามันดึงรั้งตัวเขาเข้าไปหาเธอมากขึ้นอีกทั้งที่มีโต๊ะคั่นกลาง ชิกามารุถูกความแจ่มชัดของน้ำเสียงกระปรี้กระเปร่าและท่าทางสดชื่นต่างจากความคร่ำเคร่งปกติบีบรัดตัวตนให้เล็กจ้อย จนท้ายสุดก็รู้สึกราวกับเธอคลืบคลานเข้ามารัดรึงตัวเขาเข้าไปหา

    เฮ้ย นี่มันไม่ดีแน่ เป็นคาถาอะไรซักอย่างของยัยนี่หรือเปล่า ความหวั่นวิตกเพียงเล็กน้อยทำให้เด็กชายบ้านนาราผู้ไม่ประสีประสากับการปฏิบัติตัวต่อเพศตรงข้ามที่ตัวเองอคติ เว้นเสียแต่เพื่อนสมัยเด็กอย่างอิโนะที่เขาแทบไม่นับว่าเป็นผู้หญิง เลิกลั่กมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังคงไม่ละความพยายามในการตีสีหน้าเรียบเฉยเช่นปกติอย่างเต็มที่เพื่อปิดบังความอึกอักของตนต่อฝ่ายตรงข้ามผู้เชิญชวนเขาเข้าหาเธอด้วยความสดใสซึ่งเจ้าหล่อนไม่ใคร่จะเปิดเผยให้ใครเห็นนัก

    เทมาริรู้สึกแปลกใจ เธอมั่นใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด แต่นินจาโคโนะฮะตัวน้อยกำลังก้มศีรษะนิ่งเผยความเรียบเฉยที่ดูขุ่นเคืองให้เห็นเพียงเสี้ยวเดียว และไม่ยอมแตะต้องขนมใดบนโต๊ะทั้งยังจับจ้องมันด้วยสีหน้าเข็ดขยาดเหมือนมันเป็นวัตถุแปลกปลอม

    “นายไม่ชอบเหรอขนมนี่น่ะ” มือเรียวเล็กที่จับพัดเหล็กได้ด้วยท่วงท่าแห่งนางพญาดึงจานโอฮากิเข้าหาตัว “ฉันจัดการแทนก็ได้นะ” ไม่มีการเยิ่นเย้อเสียเวลาหรือรอกระทั่งอีกฝ่ายเอ่ยปากอนุญาต เด็กสาวจากทะเลทรายก็รับประทานมันอย่างเป็นสุขทิ้งความทุกข์ใจไว้ที่นานิโงโตะมารุผู้วิตกกังวลในความรู้สึกกลัดกลุ้มซึ่งตัวเองไม่เคยประสบ เป็นความรู้สึกกลัดกลุ้มต่อผู้หญิงซึ่งคับข้อง ไม่อาจขจัดด้วยการหลีกหนีให้ไกลหรือใช้เวลาอยู่กับตัวเองและท้องฟ้าสีครามเพราะมีหน้าที่มอบหมายซึ่งต้องสำเร็จด้วยการพาคุโนะอิจิสาวไปส่งถึงจุดหมาย สำหรับเขานั่นจะเป็นการยุติเรื่องทั้งหมดลงได้

    “เธอนั่งจัดการให้เสร็จเรียบร้อยแล้วกัน ฉันจะไปรอหน้าร้านไม่ๆ เดินดูแถวๆ นี้ ถ้าหาไม่เจอก็ยืนรอหน้าร้านแล้วกัน” ชิกามารุรู้สึกว่าเขาหันหลังหนีปัญหาเหมือนเมื่อตอนอยู่ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ทั้งที่บิดาหรือแม้กระทั่งผู้หญิงตรงหน้ากล่าวสอนสั่งจนเขารู้สึกได้แล้วก็ตาม หากเขาเต็มใจถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องช่วยไม่ได้และจำเป็นต้องไม่เผชิญหน้ากับมันในเวลานี้ มีบ้างที่สมควรหลีกเลี่ยงบางสิ่งในเวลาเหมาะสมจนถือเป็นการกระทำอันชาญฉลาด เมื่อสะกดจิตตัวเองให้เชื่อตามนั้นได้เด็กน้อยตระกูลนาราจึงลุกออกมาอย่างปราศจากความรู้สึกผิด

    ไม่ เขารู้สึกผิด ชิกามารุบอกกับตัวเองอย่างนั้นเมื่อเดินออกจากร้านมา เขาทิ้งเธอให้อยู่คนเดียวในร้านที่มีแต่คนไม่รู้จัก เหมือนกับตอนที่เธอเดินหลงจากเขาไป แต่เมื่อเธอจัดการกับขนมหวานทั้งหมดที่เธอพูดถึงด้วยความตื่นเต้นเสร็จแล้ว เขาจะพาเธอไปส่งให้ถึงที่และไม่ยอมปล่อยให้คลาดสายตาอีก

    .

    มันนานกว่าที่คิดทีเดียวกว่าเด็กสาวจากซึนะจะเดินออกมาจากร้าน เธออารมณ์ดีจนชิกามารุผู้เบื่อหน่ายเป็นนิสัยสัมผัสได้และเกิดรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ดวงอาทิตย์สีแดงฉานถูกเส้นขอบฟ้ากลืนกินไปกว่าครึ่งพลางย้อมอาณาบริเวณนั้นเป็นสีส้มซึ่งลามมาโลมเลียอาคารบ้านเรือนจนเป็นสีเหลืองทองอันพร่ามัว แสงระเรี่ยรอการกลืนหายตัดกับฝูงนกกลุ่มใหญ่ ทั้งยังระบายท้องฟ้ากึ่งหนึ่งจนม่วงคล้ำคล้ายแผลฟกช้ำ คนในย่านการค้าแน่นขนัดผสมปนเปไปกับเสียงจอแจตามร้านรวงต่างๆ ที่มีคนอออยู่เต็ม ดังนั้นเด็กชายบ้านนาราที่ต้องยืนอยู่ท่ามกลางฝูงคนจำนวนมากหน้าร้านขนมหวานไม่ได้ปลีกตัวไปไหนจึงรู้สึกขุ่นในอารมณ์เป็นพิเศษ ความเหนื่อยหน่ายตามประสาเด็กน้อยทับถมกันสูงลิ่ว คุโนะอิจิสาวคิดว่านานิโงโตะมารุไปทำธุระแถวนี้เลยขอตัวลุกไปก่อน ดังนั้นนานิโงโตะมารุจึงต้องยอมทนกับความเบื่อหน่ายไม่สิ้นสุดในการยืนรอนั้นอย่างเสียไม่ได้

    “นี่เธอกินไปเยอะขนาดไหนกันเนี่ย ฉันยืนจนจะกลายเป็นตุ๊กตาเรียกแขกของร้านเขาอยู่แล้ว” จริงอยู่ว่าชิกามารุเคยชินกับเพื่อนสนิทอย่างโจจิผู้บริหารปากด้วยขนมนานาชนิดเกือบตลอดเวลา แต่ดูเหมือนคุโนะอิจิสาวผู้มีร่างบางระหงจะไม่ใช่พวกกินจุมากมายเท่าใดนัก ดวงตาคมกริบจ้องเอวของเด็กสาวเขม็งอย่างค้นหาความจริง ก่อนจะถูกสาวเจ้าถอกเข้าที่สีข้างจนจุก

    “นายมันพวกชอบแบ่งแยกชายหญิง แล้วยังไม่รู้จักให้เกียรติกันอีก” คุโนะอิจิจากซึนะกล่าวขณะใช้กำลังประทุษร้ายเด็กชาย

    ดูเหมือนเด็กสาวกำลังอารมณ์ดีอยู่ ความรุนแรงใดๆ ที่ชิกามารุถูกปฏิบัติใส่ทั้งวาจาหรือการแสดงออกจึงถูกลดทอนลง เขายอมรับว่าเมื่อใช้เวลาอยู่กับตัวเองความกลัดกลุ้มหรืออึกอักใจที่มีต่อฝ่ายตรงข้ามก็ลดลงจนแทบหมดไป ใช่ แค่เกือบหมดเพราะมันยังหลงเหลืออยู่นิดหน่อย พอให้เขาซึ่งยกเธอขึ้นมาเหนือกว่าผู้หญิงทั่วไปอยู่แล้วมอบพื้นที่ส่วนน้อยในอาณาเขตส่วนตัวแก่เธอเหมือนเช่นที่ให้แก่มารดาและเพื่อนสนิทอย่างอิโนะ เท่ากับเขายอมรับว่าการรู้จักกับคุโนะอิจิผู้ใช้ลมจากซึนะก็ไม่แย่เท่าไหร่

    “ผู้หญิงนี่นะน่ารำคาญ” เหมือนเทมาริจะไม่ได้ยินที่นานิโงโตะมารุพูดแม้จะอยู่ข้างๆ ขณะเดินแทรกตัวเข้าไปในฝูงชนด้วยความอึดอัดใจต่อจำนวนคนซึ่งเดินไหลไปตามถนนตลอดเส้นเหมือนสายน้ำ ละลานตา

    “เมื่อกี้นายว่ายังไงนะ” เสียงพูดที่ต้องดังกว่าปกติมาจากคุโนะอิจิแห่งซึนะ

    “เปล่าไม่ได้ว่าอะไรเลย ฉันบอกว่าเธอไปผิดทางแล้ว ต้องมาทางนี้” พูดเท่านั้นข้อมือเล็กของคุโนะอิจิแห่งทะเลทรายก็ถูกคว้าหมับ ก่อนถูลู่ถูกังไปกับเด็กชายผู้แทรกตัวผ่านผู้คนอย่างคล่องแคล่ว ท่อนแขนของทั้งคู่แตะโดนกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ทว่าไม่มีฝ่ายใดให้ความสนใจว่ามันสัมผัสต้องกัน โคมไฟตามทางค่อยๆ สว่างเรียงรายสู้กับความมืดบนท้องฟ้าที่คืบคลานเข้ามา ชั่วหัวใจเต้นจังหวะเดียวตอนเบียดตัวผ่านกลุ่มคนขณะมีดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้คอยหันมามองด้วยความใส่ใจควบคู่กัน เทมาริก็รู้สึกว่าเขาไม่ใช่แค่เด็กน้อยที่เธอเห็นเป็นเพียงน้องชายแต่เป็นเด็กชายคนหนึ่งซึ่งจะเติบโตได้อีก เหตุนี้ถึงยอมให้นาคิมุชิคุงพาไปตามทางของเขาด้วยเต็มใจอย่างแท้จริง

    ความสงบเงียบเริ่มเข้ามาเยี่ยมเยียนเมื่อผ่านหัวเลี้ยวสุดท้ายเข้าสู่ย่านที่พักอาศัย เสียงอึกทึกของผู้คนดังอยู่ไกลๆ ได้ยินเพียงปลายเสียงแว่วๆ ผ่านสายลมเอื่อยซึ่งผิวผ่านมาเหมือนพยายามดึงมือทั้งคู่ให้ผละออกจากกันอย่างที่เกิดขึ้นทันทีเมื่อหลุดผ่านความพลุกพล่านมาได้ หลังออกมาจากร้านขนมหวาน เทมาริไม่ได้มองแผ่นหลังของเด็กชายจอมเบื่อหน่ายซึ่งเธอต้องคอยเดินตามอีกเลย เพราะทุกครั้งขณะพยายามรั้งท้ายก็จะถูกเขาดึงมาเดินข้างๆ ไม่ให้ห่างอยู่ร่ำไป

    “เดินตรงไปเรื่อยๆ ผ่านทางแยกเลี้ยวขวาก็จะถึงแล้ว พวกของเธอคงรออยู่ที่นั่นแล้วมั้ง” เพราะไม่รู้จะพูดเรื่องอะไรทำลายความเงียบระหว่างกัน ชิกามารุจึงเลือกชี้ทางให้อีกฝ่ายเห็น เผื่อว่าคุโนะอิจิสาวผู้ถือตัวจะหลงทางจนหาเรื่องเดือดร้อนให้ใครต่อใครอีก ด้วยเหตุนี้เขาจึงดึงเธอมาเดินข้างๆ ไม่ให้ห่างไกลสายตาจนส่งเธอให้กับคนดูแลฝ่ายประสานงานระหว่างหมู่บ้านซึ่งคอยท่าอยู่ในความเงียบที่แม้แต่เขากับเธอก็ไม่เอื้อนเอ่ยอะไรต่อกัน ไม่มองหน้ากันและแยกย้ายกันไปใต้ท้องฟ้ามืดสนิท

    ดวงตาสีเขียวครามมองตามเด็กชายที่ห่างออกไปลิบๆ หลังจากเขาส่งเธอให้นินจาจากหน่วยประสานงานอย่างสุภาพ และกล่าวขอตัวออกไปทันทีโดยไม่มองหน้าเธอด้วยซ้ำว่ากำลังจะกล่าวคำขอบคุณที่ไม่ค่อยมอบให้ใครบ่อยนักเพราะทำทุกสิ่งด้วยสองมือและความสามารถของตัวเองเสมอมา ยากจะขอความช่วยเหลือหรือรับความช่วยเหลือจากใคร ทุกคนคิดว่าเธอเก่งกาจ ฉลาดเฉลียวและเข้มแข็ง แม้กระทั่งคนที่เพิ่งเจอกันอย่างนินจาหน่วยประสานงานตรงหน้า

    าริซัง เทมาริซัง” ตอนแรก เทมาริได้ยินไม่ถนัดเพราะความสนใจถ่ายโอนไปยังนานิโงโตะมารุหมด เสียงเรียกนั้นเหมือนดังมาจากที่ไกลแสนไกล นินจาคนนี้มีความสุภาพอย่างที่พึงมีต่อแขกในรับรองของหมู่บ้าน แต่เธอกำลังสงสัยในสิ่งอื่นมากกว่าจึงไม่ใส่ใจมากนัก น้อยครั้งที่จะเลือกจดจำชื่อใครเพียงเพราะคิดว่าไม่มีความสำคัญแต่อย่างใด เธอไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับผู้คนเป็นทุนเดิมแถมยังไม่ต้องการให้มาสนิทชิดเชื้อกัน หากทว่าตอนนี้เด็กชายจอมเบื่อหน่ายทำให้เธออยากจะรู้อยู่มากทีเดียว

    “หมอนั่นน่ะ ชื่ออะไรนะคะ”

    อีกฝ่ายงุนงงเมื่อได้ยินคุโนะอิจิต่างหมู่บ้านถามชื่อคนที่เคยเป็นคู่ประลองรอบทัวนาเม้นท์ของตัวเอง ซึ่งทุกคนในโคโนะฮะย่อมทราบดีว่าเป็นใคร “ชิกามารุ ทายาทตระกูลนาราครับ นารา ชิกามารุ”






     

    つづく.

     

     






     

                 ... 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×