ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Naruto | ฟิค Shikatema) Beyond the Horizon

    ลำดับตอนที่ #16 : 11 | Beyond the Horizon - Love seems to be the simple word. (Part 2)

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 66






     

    XI. (Part 2)

     

    Love seems to be the simple word.

    รักน่ะไม่เลือกรูปแบบ ไม่ถามความเห็น ไม่มีความปรานี ไม่เปิดโอกาสให้คุณตรึกตรอง
    เมื่อใดที่มันนึกอยากจะจู่โจมคุณ มันก็จะผูกพันคุณไว้โดยที่คุณไม่สามารถปฏิเสธหรือผลักไสไปได้
    ทั้งที่เป็นอย่างนั้น แต่คุณกลับรู้สึกดีต่อการผูกขาดนี่อย่างน่าพิศวง
    รักนั้นบงการไม่ได้ เพราะหากแม้จะผิดเวลา สถานที่ หรือผู้คน
    แต่มันก็เป็นหนึ่งคำง่ายๆ ที่ทรงพลังอำนาจมหาศาลเช่นนั้นเอง

    ต่อจาก Part 1.

    คนทั้งสองเดินเสมอเคียงคู่กันไป ผ่านเส้นทางอันมีแนวกิ่งซากุระอ่อนช้อย โน้มปลายเข้าหากันเหมือนการบรรจบเส้นทางให้สองฝั่งเกี่ยวโยงสอดประสานเช่นเดียวกับคนสองคนเบื้องล่าง พวกเขาก้าวไปเรื่อยๆ จนสุดทาง ตัดผ่านย่านการค้าคึกคัก ลัดเลี้ยวเข้าตรอกซอกซอย ท่องไปตามถนนหนทางอันมีพลวัตความเคลื่อนไหวต่างๆ กัน ทั้งความมีชีวิตชีวาของวิถีชีวิต ไออวลจากธรรมชาติตอนใช้เส้นทางอันขนาบด้วยแมกไม้รื่นตา ตลอดยังความสงัดงันอันอ้อยอิ่งของบรรยากาศเอื่อยบนถนนร้างผู้คน เงาเว้าแหว่งเป็นจุดๆ ตามช่วงแสงซึ่งลอดผ่านเรือนยอดต้นไม้ทอดลงมาตกกระทบร่างทั้งคู่ รอยโหว่แสงที่สาดผ่านช่องว่างระหว่างกิ่งก้านสาขาขยับไหวไปมาตามการกระทำของลมที่ลู่ผ่าน

    ทายาทตระกูลนารากับคุโนะอิจิแห่งทรายเก็บเกี่ยวบรรยากาศและห้วงเวลาที่ได้ใช้เดินเคียงข้างเงียบๆ ปล่อยให้มันซึมลึกเหนือความสัมพันธ์ เชื่อมเยื่อใยพันผูก ต่างชอบให้ความรู้สึกระหว่างเราค่อยๆ ละลายออกมาเจือบรรยากาศ รวมถึงช่วงเวลาที่เป็นไปตอนพวกเราแบ่งปันการเคลื่อนของเวลาระหว่างเราทั้งคู่ไปด้วยกัน จึงพึงใจจะไม่กล่าวอะไร และสำหรับชิกามารุ มันเป็นช่วงเวลาพิเศษที่เขาชื่นชอบอีกหนึ่งอย่าง ยิ่งกว่าการนอนทอดหุยดูเมฆ หรือขบคิด พินิจพิเคราะห์อย่างไหลเรื่อยไปกับกระแสความคิดอันลุ่มลึกในหัวตัวเองแล้ว

    ดวงตาคมกริบสีน้ำตาลอ่อนคอยชำเลืองมองหญิงสาวคนข้างๆ เป็นระยะ คอยระแวดระวังให้ พลางเอาใจใส่ไม่ห่าง จึงมีบางขณะยากจะหลีกเลี่ยงการสังเกตเห็นกล่องไม้ใต้ความครอบครองของหญิงสาวที่คอยสะกิดความสงสัยใคร่รู้ในอก เขาไม่ได้เสนอจะถือกล่องนั่นให้เธอ เหตุผลหนึ่งเพราะไม่ต้องการละลาบละล้วง หรือทำอะไรเป็นการก้ำเกินเรื่องส่วนตัวอีกฝ่าย

    เธอไม่ส่งให้ กระทั่งไม่มีทีท่าว่าอยากจะให้เขารับรู้ถึงมัน ชิกามารุจึงไม่แตะต้องประเด็นดังกล่าวทั้งการกระทำหรือคำพูดด้วยเช่นกัน 

    ทว่าก็ใช่จะไม่อยากรู้ต้นสายปลายเหตุแต่อย่างใด แต่อย่างไรเสียเด็กหนุ่มก็เป็นคนที่รู้จักข่มกลั้น มีน้ำอดน้ำทน ทั้งยังสงบนิ่งในอารมณ์ ไม่มีอะไรมาทำให้สั่นคลอนง่ายๆ

    ทัศนียภาพสองข้างฝั่งสลับปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องตามเส้นทางที่ชักพาคนทั้งคู่ไป ภาพผืนฟ้าเลื่อนเคลื่อนผ่านตัวอาคารบ้านเรือนหลากหลายรูปทรง บางจุดก็ลอยละล่องลับสายตาเมื่อยอดไม้ที่แทงตัวละลิ่วแตะปุยเมฆเข้ามาแทนที่ ท้องนภาปลอดโปร่งโล่งสงบ ความเป็นไปรอบด้านไหลเฉื่อย ถึงจะใช้ทางเดินหลายสาย แต่กลับกินเวลาไม่นาน เงาทอดยาวทาบทับกับรั้วไม้สูงท่วมศีรษะประดับประดาเครือเถาของไม้เลื้อย เมื่อสองร่างซึ่งมีความสูงต่ำเหมาะเจาะ มองเป็นภาพที่เหมาะสมกันดีนั้นเลี้ยวผ่านเข้าตรอกเล็กๆ ซ่อนลึกระหว่างกำแพงสองฝั่งที่ปกคลุมด้วยต้นฟุจิห้อยระย้า กลีบดอกสีม่วงอ่อนเกาะกลุ่มกันเหมือนหมู่ผีเสื้อดอมดมหาน้ำหวาน มันคงจะตกระคนทั้งสองเมื่อพวกเขาลอดผ่านสู่ด้านใน

    ด้วยเหตุนี้ ชิกามารุจึงลอดเข้าไปก่อนครึ่งก้าว เขายืนเลิกเครือไม้ให้หญิงสาวเดินผ่านสะดวก แล้วจึงค่อยก้าวเท้าตาม บรรยากาศและผังของตรอกเบื้องหลังเถาต้นฟุจิระโยงระยางคือความสงบ เรียบเรื่อยตามครรลองของการดำเนินชีวิต พวกเขาย่ำฝีเท้าตามทางเดินปูด้วยแผ่นหินหน้าตัดขรุขระ ลึกเข้าไปยังถนนสายแคบๆ ที่สองข้างเรียงรายด้วยร้านรวงขนาดเล็กกับโครงสร้างบ้านเรือนยุคโบราณซึ่งปลูกจากไม้อันมีให้พบเห็นได้หลายจุดในโคโนะฮะนอกเหนือจากสิ่งปลูกสร้างผสมปูนแบบร่วมสมัย ตลอดเส้นทางมีทั้งร้านของชำสภาพดั้งเดิม บ้านที่เปิดเป็นเรือนรับรองเล็กๆ ร้านตัดผ้า โรงทอไหม ล้วนแล้วแต่ซ่อนตัวอยู่หลังประตูเลื่อนโอโตะทำจากโครงไม้กรุกระจก ฝาเรือนตีระแนงขนาบเป็นทิวแถว บ้างก็ติดฉากบังตาที่ต่อจากไม้ขึ้นเป็นซี่ มีโคมไฟ กระถางไม้ประดับ กระดิ่งลม รวมถึงผ้าโนเรนแขวนให้เหนือทางเข้าบ้างเป็นหย่อมๆ มองคล้ายย่านพักอาศัยมากกว่าจะมุ่งมั่นทำการค้า มันเป็นตรอกที่ดูคล้ายกาลเวลาถูกหยุดนิ่งไว้ สะท้อนวิถีประณีตบรรจง

    จังหวะแขนของทั้งคู่สัมผัสต้องอีกฝ่ายยามก้าวเดิน ขอบเขตบรรยากาศรอบตัวของพวกเขาสองคนเองก็เกลื่อนกลืนเข้าด้วยกัน สุดท้ายเด็กหนุ่มก็พาหญิงสาวถึงยังที่หมาย ด้านหน้าร้านน้ำชาซึ่งดูเก่าแก่ เปี่ยมด้วยมนต์ขลังของกาลเวลา อีกทั้งยังแฝงกลิ่นอายสง่า ทางเข้าจัดเป็นสวนขนาดย่อม วางหินประดับและกระถางต้นไม้เขียวชอุ่ม ถัดจากประตูหลักมีสวนญี่ปุ่นทอดยาวสู่ตัวเรือนหลัก สระน้ำเรียบใสเหมือนกระจกล้อมด้วยโตรกหินสีเข้มครึ้มจากมอส ปลาโค่ยสีสวยสดใสว่ายเวียน ดอกอายาเมะขึ้นสลับตัวกับพุ่มไม้ดอกตลอดจนพันธุ์ไม้เขียวขจีซึ่งถูกจัดแต่งเกลี้ยงเกลา โคมหินยุมิกิวางเรียงราย ยามค่ำคืนคงจะส่องแสงนวลอาบไล้ภูมิทัศน์ทั่วทุกบริเวณ

    ร่างสูงเดินนำคุโนะอิจิสาวไปบนหินที่เรียงต่างทางเดินเหนือพื้นหญ้าตัดเรียบซึ่งแซมขึ้นมาประปราย เขาส่งมือไปข้างหลังให้เพื่อให้เธอยึดประคองโดยลืมเสียสนิทว่าเธอก็เป็นนินจา ฝ่ายสาวเจ้าก็ดูเหมือนจะเผลอไผลไหลลืมทักษะนินจาของตนหมดสิ้นเอาจริงๆ เช่นกัน เทมาริคว้ามือเด็กหนุ่มไว้จากจิตใต้สำนึกแห่งความวางใจเข้าหาและหมายหลักพึ่งพิง ไม่แม้แต่จะฉุกคิด

    นี่เป็นอีกร้านหนึ่งในบรรดารายการร้านขนมหวานเคล้าน้ำชาที่ชิกามารุไล่เรียงไว้ว่าจะพาคุโนะอิจิผู้มาจากหมู่บ้านใต้เงาทรายแวะเวียนมาต่างหากจากร้านที่เขาเคยส่งขนมไปมัดจำเธอไว้เมื่อครั้งก่อน เพราะมันเป็นสถานที่ซึ่งเขาคิดควรจะพามาด้วยตัวเองมากกว่า เทมาริควรจะได้ดื่มด่ำบรรยากาศละเมียดละไมชวนให้สบายใจขณะละเลียดขนมอร่อยๆ อย่างเพลิดเพลิน สีหน้าเธอจะดีขนาดไหนกันนะ แค่คิดว่าเธอน่าจะชอบก็หัวใจพองโต นอกจากเรือนรับรองของที่บ้านแล้ว ตระกูลเขาก็ใช้บริการที่แห่งนี้บ่อยครั้งยามต้องต้อนรับแขกหรือสนทนาปรึกษากิจธุระ มันจึงไม่ใช่ร้านซึ่งแพร่หลายหรือต้อนรับผู้มาเยือนเป็นการทั่วไป การพาเธอมาเป็นอีกหนึ่งสิทธิพิเศษตลอดจนความใส่ใจยิ่งยวดที่เขาเต็มใจจะมอบให้

    “ถึงแล้ว ที่นี่แหละ”

    “สวัสดีครับ” เมื่อถึงตัวเรือนหลักที่อำพรางเร้นหลังสวนญี่ปุ่นงดงามตา มือกร้านก็เลื่อนประตูไม้กรุกระจกอิทางาราสุที่เผาออกมาไม่เรียบตามแบบงานฝีมือยุคเก่า ก่อนจะเลิกผ้าโนเรนสีน้ำเงินเหนือวงกบประตู ข้างในนั้นคงสภาพและเอกลักษณ์ของยุคสมัยเก่าได้ยิ่งกว่าภายนอกเสียอีก หน้าเกนคังปรากฏแผ่นหินสำหรับพักรองเท้าตั้งอยู่ เหนือขึ้นไปบนยกพื้นอีกระดับวางฉากกั้นห้อง ทั้งยังประดับม่านไม้ไผ่มิสุที่เรียงร้อยเป็นซี่เล็กๆ ข้างหลังมีเตาอิโอริลึกเป็นหลุมอยู่ตรงกลางห้องโถงหลัก เถ้าละเอียดของฟืนสุมตัวอยู่ข้างก้น ตะขอแขวนหม้อห้อยลงมาจากเพดาน เครื่องเรือนประดับถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน แจกันตั้งพื้นบริเวณมุมต่างๆ มีไว้ปักดอกไม้หมุนเวียนตามฤดูกาล เวลานี้กิ่งดอกซากุระจึงกำลังสะพรั่งอวดโฉมอยู่ เติมเต็มความสง่าบรรจงแก่บรรยากาศ

    สิ้นคำกล่าวทักทายจากเด็กหนุ่มบ้านนาราเพียงอึดใจเดียว ผ่านพ้นฉากกั้นวาดลวดลายกิ่งสนเหนือคลื่น หญิงวัยกลางคนอาบรัศมีผู้ดูน่านับถือในชุดกิโมโนก็เดินออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าโอภาปราศรัย พร้อมจะให้การรับรองด้วยความเอื้ออารีประหนึ่งแขกประจำบ้านมากกว่าเป็นเพียงลูกค้า

    “ยินดีต้อนรับค่ะ” หลังจากก้มศีรษะโค้งน้อยๆ เมื่อเงยหน้าขึ้น อารมณ์ที่สะท้อนก็เปลี่ยนไปเสี้ยวหนึ่งเป็นความรู้จักมักคุ้นกันดี

    “อา ชิกามารุสะมะนั่นเอง วันนี้ทายาทหนุ่มตระกูลนาราจะพาใครมารับรองหรือคะ” สตรีมากวัยกล่าว ทว่าครั้นเห็นหญิงสาวซึ่งยืนเยื้องอยู่เบื้องหลังทายาทบ้านใหญ่ตระกูลนาราที่กำลังถอดเสื้อคลุมสำหรับภารกิจลับออก เธอก็ทำหน้าเข้าใจแจ่มแจ้งขึ้นมาเสียอย่างนั้น ราวกับรู้ดีว่าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างไรมาอย่างไรนับแต่ต้นจนเจนจบ

    เหตุเพราะยากจะปฏิเสธได้ว่าทุกคนต่างรู้ นารา ชิกามารุและเทมาริแห่งซึนะงาคุเระมีความสนิทสนมชิดเชื้อกันในแง่ที่ใครต่อใครก็ลงขันพนันอย่างไม่ลังเลว่าไม่ช้าก็เร็วความสัมพันธ์ต้องพัฒนาก้าวหน้าไปหลายขั้น เรื่องมันเริ่มตรงทายาทตระกูลนารากับบุตรสาวแห่งคาเสะคาเงะปะทะกันในฐานะคู่ประลองการสอบจูนินรอบสุดท้ายซึ่งสุดท้ายก็ถูกจับตา ดึงความสนใจเสียอยู่หมัด หลังจากการสอบจบลง การต่อสู้รอบดังกล่าวก็เป็นที่ลือชา ต่างฝ่ายต่างตกใต้ความสนใจของผู้คน ดังนั้น เมื่อครั้นพวกเขาสองคนเริ่มใกล้ชิด ทำกิจวัตรร่วมกัน อีกทั้งค่อยๆ สนิทสนมจนเกิดเห็นเป็นความชินตา อยู่ในความรับรู้ของใครต่อใครในหมู่บ้านมากๆ เข้า ก็ยิ่งก่อจุดร่วมความสนใจ เรียกความสงสัยใคร่รู้กว่าเดิม

    คู่ประลองสองคนนี้ไม่แคล้วคงลงเอยกัน

    หญิงวัยกลางคนผู้ผ่านประสบการณ์เชี่ยวกร่ำเลยไม่คิดไถ่ถามอะไรมากความอีก เธอคีบผ้าเย็นเหนือกระถางดินเคลือบเงาขนาดใหญ่บรรจุน้ำแข็ง ลอยดอกโมคุเร็นสีขาวส่งกลิ่นหอมจรุง ตรงฉากกั้นทางเดิน ซึ่งปกติแล้วช่วงอากาศหนาวจะอบถ่านและเครื่องหอมรมผ้าให้อุ่นแทน ยื่นแก่แขกผู้มาเยือน ก่อนจะสืบเท้านำหน้า เชิญหนุ่มสาวทั้งสองผ่านโถงทางเดินเข้าสู่ด้านใน

    ห้องรับรองหลังประตูเลื่อนฟุสุมะที่ทั้งสองเข้าไปปูด้วยเสื่อทะทะมิ มียกพื้นโคะโทะโนะมะกับชั้นต่างระดับ วางประดับของตกแต่งล้ำค่า แจกันดอกไม้ตามฤดูกาล ตลอดจนม้วนภาพเขียนตามแบบแผนเพียบพร้อมล้อมสรรพ อีกด้านหนึ่งเป็นบานประตูโชจิที่กรุกระจกใสไว้เกือบจะตรงกึ่งกลางเพื่อเผยแสดงทัศนียภาพของสวนรื่นตาข้างนอก นารา ชิกามารุกับคุโนะอิจิแห่งทรายหย่อนตัวลงคนละฟากของโต๊ะตัวเตี้ย ข้างๆ มีเตาถ่านอังไฟไว้รมกลิ่นไม้หอม ดอกสึบากิสีแดงหนึ่งกิ่งถูกเผารวมกับถ่านอยู่ในนั้น หญิงมากอายุนั่งทับส้น เขี่ยเชื้อฝืนในเตาให้คุอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นมันกรุ่นกลิ่นไอได้ที่ก็ค่อยๆ ค้อมศีรษะเป็นเชิงขอตัว พลางล่าถอยมาด้วยปลายเท้า ไม่ได้ลุกยืน เธอดึงบานประตูเปิด เคลื่อนกายผ่าน ก่อนจะเลื่อนเข้าหาวงกบให้เว้นช่องว่างเล็กน้อยแล้วจึงค่อยงับปิดเบาๆ อีกทีตามขนบทุกกระเบียด ปล่อยคนทั้งคู่ไว้อีกฝั่ง

    เมื่อชิกามารุและเทมาริเห็นว่านายหญิงของร้านกลับออกไปตระเตรียมขนมแล้ว ความสงบเงียบ สำรวมตนตามมารยาทยามมีผู้อื่นอยู่ด้วยไม่จำเป็นต้องคงไว้อีกต่อไป หญิงสาวผู้มาจากหมู่บ้านซึ่งซ่อนเร้นใต้เงาทรายก็แสร้งหรี่ตามองอย่างซุกซน มอบรอยยิ้มแพรวพราวเจือร่องรอยแสนกลให้คนตรงข้ามที่ตีความออกว่าสาวเจ้ากำลังหยอกเอินเขาด้วยการแกล้งจับผิด ทำเป็นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะเหนือความคาดหมายหน่อยๆ ที่เขาพามาร้านเช่นนี้ นั่นสะท้อนความเบิกบานผ่านการตระหนักได้ถึงการเอาใจใส่จากเด็กหนุ่มซึ่งไม่ว่ากับสิ่งไหนหรือเรื่องอะไรก็ทำให้เธออย่างเต็มที่เสมอด้วยเช่นกัน

    ฝ่ายเขาก็ริเริ่มบทสนทนาบ้าง สีหน้าอ่อนใจระคนเย้าแหย่ไม่หยอก “เป็นไง ไถ่โทษได้บ้างไหม”

    คำตอบที่ชิกามารุได้รับคือรอยยิ้มทีเล่นทีจริงอีกต่อ ซึ่งตนรู้ความหมายดีเกินกว่าจะต้องการถ้อยคำใดๆ เพิ่มเติม เธอกำลังพึงพอใจอย่างมาก สีหน้าผ่อนคลายไร้ที่ติ เกราะกำบังกล้าแกร่งของเทมาริผู้แข็งกร้าวดูจะกลายเป็นสิ่งเหลือเชื่อหากใครคนอื่นมีโอกาสได้สัมผัสด้านเหล่านี้ของเธอเหมือนอย่างที่เขาซึมซับรับรู้มาตลอด

    ร่างสูงผุดลุกขึ้น เดินไปเลื่อนบานประตูโชจิซึ่งขวางกั้นทิวทัศน์อันน่ารื่นรมย์ข้างนอกไว้ เขาเปิดมันออกกว้าง เผยให้เห็นอังกาวะกับสวน กระแสลมพัดลอยเข้ามาเอื่อยๆ เลื้อยผ่านบรรยากาศ ภาพที่ถูกล้อมด้วยโครงประตูไม้นั่นประหนึ่งงานวาดวิจิตรอันมีวงกบไม้ต่างกรอบรูป ชิกามารุกลับมานั่ง เพียงครู่เดียวหลังเขาหย่อนตัวลง ประตูฟุสุมะอีกด้านก็เลื่อนเปิด และหญิงวัยกลางคนพร้อมด้วยเด็กรับใช้ก็เข้ามาเทียบน้ำชากับขนมขึ้นบนโต๊ะ ก่อนจะคำนับพลางล่าถอยออกไปอีกครั้ง

    “แหม น่ารักจัง” ตรงหน้าคือขนมหวานซึ่งถูกจัดแต่งอย่างละเอียดลออ สะท้อนกลิ่นอายฤดูกาลกับความมีชีวิตชีวาสดชื่น สิ่งเหล่านี้เป็นของประเภทที่ยากจะได้เห็นในซึนะงาคุเระซึ่งถูกโอบล้อมด้วยทะเลทรายดังอ้อมกอดของมารดา สำหรับเทมาริ มีหลายอย่างนอกหมู่บ้านที่ถือเป็นความแปลกใหม่ ไม่คุ้นเคย เธอถึงสนอกสนใจและชื่นชอบพวกมันเสมอยามประสบพบเจอไม่เว้นแม้แต่ที่โคโนะฮะงาคุเระนี่

    หญิงสาวมองขนมวากาชิรูปทรงต่างๆ แล้วพึมพำเสียงใส จริงอยู่ด้วยสถานะตลอดจนชาติตระกูล เธอได้รับการอบรมบ่มเพาะทุกขนบธรรมเนียม จรรยามารยาท รวมถึงวิถีปฏิบัติมาอย่างพรั่งพร้อมเหมาะสม เทมาริรู้ดีว่าเรือนรับรองเช่นนี้จะไม่มีรายการให้สั่ง พวกเขาตระเตรียมวัตถุดิบแต่ละวันต่างๆ กันไปตามความเหมาะสมแล้วยกมาเทียบแก่แขก แค่เพียงเข้ามานั่งแล้วรอเวลาน้ำชายกมาเท่านั้น ทว่าเหตุใดขนมซึ่งวางตรงหน้ากลับมีแต่แบบที่เธอชอบทั้งสิ้น บุตรสาวคนเดียวแห่งคาเสะคาเงะรุ่นที่สี่กำลังแปลกใจ ขณะตัวการต้นเหตุพึงใจเพียงการเก็บงำนิ่งๆ ไม่คิดจะพูดอะไร แม้จะคาดเดาถึงความคิดหญิงสาวปรุโปร่งก็ตาม

    เด็กหนุ่มบ้านนาราสั่งให้คนของตระกูลมาส่งรายการที่อยากให้ทำไว้ล่วงหน้ายังร้านขนมแห่งนี้เรียบร้อยตั้งแต่ช่วงสาย ตอนเขากลับมาถึงโคโนะฮะหมาดๆ มีหรือเทมาริจะไม่ถูกใจ ชิกามารุลอบยิ้มกระหย่องในห้วงความคิด เขายกถ้วยชาขึ้นจิบ ปล่อยวังวนเวลาซึ่งห้อมล้อมเราสองไว้ดุจเดียวกับการแลกเปลี่ยนอ้อมกอดให้แก่กันและกันเคลื่อนไปอย่างเรื่อยเปื่อยระหว่างนั่งหย่อนใจตามอารมณ์ ชื่นชมความงาม พลางเก็บเกี่ยวบรรยากาศไหลเรื่อย

    อย่างยากจะปฏิเสธได้ เด็กหนุ่มเอาใจใฝ่หาคุโนะอิจิผู้มาจากทะเลทรายเข้าเต็มๆ ความเฉยเมยติดจะเหนื่อยหน่ายอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เลือนหายจากใบหน้าคมคายของเด็กหนุ่ม ทว่าหาใช่มาจากความเบื่อหน่ายหรือรำคาญใจจริงๆ ไม่ เพราะเขาก็จะไม่ตีหน้าเคร่งขึงขังเหมือนจะอยากวางท่าด้วยเช่นกันหากสภาพอารมณ์ไม่ขับเร้นความนิ่งขรึมนั้นออกมาจริงตามธรรมชาติ หากเป็นเพราะเขากำลังตกอยู่ใต้การรอบล้อมของความรู้สึกพร่าพรายกลางอกราวกับถูกอีกฝ่ายเล่นกลดลบันดาลต่างหาก

    ชิกามารุกำลังนึกรำพึงรำพัน ทอดถอนและปลดปลงใจด้วยความอ่อนลงของอารมณ์ที่พ่ายแก่เธอเสียสงบราบคาบ อยู่ข้างเธอแล้วสบายกายสบายใจ มีความอิ่มเอมในอก

    ฝ่ายหญิงสาวเองไม่แตกต่าง

    ขณะความรู้สึกของคนทั้งสองโลดแล่นไปด้วยกัน ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้คู่คมก็อ่อนแสง มีเพียงแต่ภาพเธอสะท้อนอยู่ ชิกามารุนึกชื่นชมท่วงท่าและอากัปกิริยางามงดหมดจดของหญิงสาว กับการวางตัวเพียบพร้อมสมฐานะท่านหญิงจากตระกูลคาเสะคาเงะ ร่างเพรียวระหงนั่งทับส้นได้สง่าผ่าเผย หลังตรงคอตั้ง เทมาริโน้มศีรษะลงน้อยๆ ในระดับมุมที่วางได้เหมาะเจาะยามประคองถ้วยดินเผาลงลายด้วยสองมือขึ้นจรดริมฝีปาก จิบชาอย่างสำรวม มองดูคล้ายภาพเขียนงดงามใต้แสงละมุนซึ่งสาดผ่านบานประตูเปิดกว้าง อิริยาบถนิ่มนวลสมคำกล่าวกุลสตรี กิริยามารยาทต้องตามธรรมเนียมปฏิบัติ

    ถ้อยคำหนึ่งผุดผ่านเข้ามาในหัวเด็กหนุ่ม ใช่แล้ว เธอน่ะ ยืนแบบดอกชาคุยาคุ นั่งแบบดอกโบตั๋น และเดินแบบดอกยุริ เป็นผู้หญิงแบบดอกนาเดชิโกะ เทมาริทั้งเข้มแข็ง อดทน ไม่อ่อนแอ แถมยังกล้าแกร่ง แต่ก็มีจิตใจงดงามและอ่อนโยน หนักแน่น ไม่สะทกสะท้านต่อความยากลำบาก ถือมั่นตั้งตรงไม่สั่นคลอน แถมยังฉลาดเท่าทัน เพียบพร้อมด้วยจริยาเป็นธรรมชาติ จรรยาน่าเลื่อมใส ไม่เสริมเติมแต่ง

    เป็นดอกนาเดชิโกะของแท้ นี่เหรอที่พ่ออยากจะบอกให้ผมเข้าใจน่ะ ไม่ต้องคิดตริตรองด้วยซ้ำ ก็มีเพียงคำตอบเดียวแก่ใจ ก็ถูกแล้วมิใช่หรือที่เขาพ่ายแพ้แก่เจ้าหล่อนน่ะ ยกมือยอมแพ้เสียตั้งแต่ครั้งแรกเลย เธอไม่ใช่อย่างสตรีเพศทั้งหลายที่เขาเข็ดขยาด เพราะเธอน่ะน่ารำคาญนัก น่ารำคาญอย่างกวนใจทีเดียว มุทะลุดุดัน ดื้อดึง ไม่ได้เหมาะกับคำว่าน่ารักน่าเอ็นดู บางทีก็ชอบวางท่าทำเป็นเก่งอีก แต่ก็เอาเถอะ เขาชอบที่เธอเป็นยัยจอมโหด ไม่เหมือนผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น พิเศษเหนือขึ้นไปกว่าใครๆ ต่อให้เธอไม่มีความเป็นกุลสตรีสักเศษเสี้ยว ชิกามารุก็ไม่คิดว่านั่นจะอยู่ในความใส่ใจเขาด้วยซ้ำ

    เขาชอบที่เธอเป็นเธอต่างหาก ทรงอิทธิพลจนเขาไม่อาจทำอะไรได้เลยนอกจากติดตรึงใจหา จะไม่ให้เขาบ่นว่าน่าเบื่อน่ารำคาญได้อย่างไรเล่า

    รสขมของชาเกียวกุโระติดโคนลิ้น เด็กหนุ่มยกถ้วยดินเผาเคลือบยาที่มีรอยแตกรานเป็นริ้วเพราะการเผาขึ้นดื่มอีกครั้ง พลางชื่นชมความลงตัวอันลุ่มลึกของชาชั้นดี ก่อนหยิบไม้คุโรโมจิสำหรับตัดขนมขึ้นมาลิ้มลองความหวานบ้าง กลิ่นไม้ซีกที่ถูกรมเครื่องหอมมาอย่างกลมกลืนเข้ากับรสชาติขนมนั้นกรุ่นอยู่ในโพรงจมูก เกาลัดคั่วใบเมเปิ้ลซึ่งหากินได้ยากสำหรับฤดูกาลนี้ถูกนำขึ้นโต๊ะด้วยเช่นกัน ทั้งหมดนี่ก็เพื่อเธอ เขาเห็นอีกฝ่ายละเลียดขนมเคล้าน้ำชาอย่างสำราญ ก็เป็นสุขใจนัก

    ขอเพียงแค่นี้ ชีวิตเขาก็ดูจะสงบสุข ไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น ท่ามกลางหน้าที่รวมถึงความรับผิดชอบซึ่งเพิ่มพูนมากขึ้นจนความเบื่อหน่ายขี้รำคาญที่โดยมากก็แค่บ่นพอเป็นพิธีไม่อาจมีบทบาทดังเดิมได้ เธอคือจุดพักใจอันอภิรมย์เปรมปรีดิ์ เป็นความรื่นรมย์อันสุขสงบและปรีดา 

    เขาชอบที่มองไปตรงข้าม อีกฝั่งของโต๊ะแล้วมีเธอนั่งอยู่ พลางคิดว่ามันจะดีแค่ไหนที่ฟากหนึ่งของโต๊ะอาหารเป็นเธอเสมอ ไม่ว่าจะมื้อใดๆ

    เด็กหนุ่มรู้สึกหวงแหนความคิดดังกล่าว ได้กินข้าวกับเจ้าหล่อนทุกมื้อน่ะไม่เลวเลย

    ชิกามารุพยายามสำรวมสายตาตามปกติ มักจะระมัดระวังไม่ให้เผลอเมียงมองเธอนานไปหรือบ่อยครั้งจนสร้างความอึดอัด หากระยะหลัง นับแต่คราวช่วยเธอจากป่ามรณะในวันฝนกระหน่ำนั่น ทุกจังหวะชักจะเป็นตามธรรมชาติ เป็นไปตามธรรมดา ไม่ต้องพิจารณากะเกณฑ์การปฏิบัติตัว ทุกอย่างระหว่างพวกเราถูกขับเร้นออกมาเองเช่นสามัญสำนึก ปราศจากสิ่งใดให้อึดอัดต่อกัน

    แต่ก็ใช่ว่าตอนเขาเห็นวิธีการที่สันคอเธอโค้งลงเล็กน้อยดูเหมาะเจาะพอดีขณะสาวเจ้าวางตัวได้สง่างามจับตา และเส้นเอ็นบางๆ ซึ่งขึ้นเป็นสายบนลำคอระหงอันขาวเนียนนั่น จะไม่รีบถอนจุดวางตากลับหรอกนะ

    เขาเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง แถมก็ใช่ว่าเขาจะไม่คิดอะไรกับเจ้าหล่อน ถึงไม่อยากจะล่วงเกินเธอ ไม่ว่าด้วยการมองหรือความคิดนอกลู่นอกทางอันไม่สมกับความเป็นสุภาพบุรุษประการใดๆ เทมาริซึ่งสัมผัสว่าคนตรงข้ามทอดสายตามา หากก็ถอนกลับเพียงเสี้ยวลมหายใจเดียว ก็เงยหน้าสื่อนัยยะแทนคำถาม อาจเพราะแสงที่ชัดขึ้นด้วยกระมัง หญิงสาวเลยเพิ่งสังเกตเห็นรอยขีดข่วนจางๆ มากมายที่ยังไม่สมานตัวดีกระจัดกระจายทั่วใบหน้าจูนินคนเดียวของรุ่นชัดๆ

    นั่นส่งผลกระทบต่อจิตใจเทมาริในพลัน ความพะวงหาเคลื่อนแผ่เข้าครอบครองสีหน้า ใจยวบลงจากฤทธิ์ความห่วงใยจนอดไม่ได้ เอื้อมมือไปลูบแก้มเขาเบาๆ โดยอัตโนมัติทันที ดวงหน้าโอบเอื้อถ่ายโอนยิ้มอันอ่อนโยนใต้ดวงตาโอนอ่อน

    คุโนะอิจิแห่งซึนะรู้ดีว่าไม่ควรเอ่ยปากแตะต้องประเด็นเกี่ยวกับภารกิจของอีกฝ่าย อย่างไรเสีย มันก็เป็นเรื่องภายในของโคโนะฮะงาคุเระ ซึ่งด้วยมุมมองนี้ ตนมีสถานะคนนอกอย่างชัดเจน ชิกามารุอาจลำบากใจที่จะพูด เขาภักดี ทั้งยังเคร่งครัดจริงจังต่อหน้าที่รับผิดชอบของตัวยิ่งกว่าใคร คุโนะอิจิแห่งทรายจึงเลือกเอ่ยปากอีกแบบแทนขณะปลายนิ้วสัมผัสต้องผิวแก้มอีกฝ่าย สื่อความอย่างที่เขาต้องเข้าใจถึงความเป็นห่วงที่กำลังอึงอลเหนือห้วงความรู้สึกเธอ

    “ฉันดีใจที่เห็นนายกลับมาอย่างปลอดภัย”

    ถ้อยคำดังกล่าวหลอมอวัยวะในอกของเด็กหนุ่มให้ละลายลง ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ร่างกายเขาเหมือนจะปิดการสั่งการไปชั่วขณะราวกับหุ่นยนต์

    แค่เพียงคำพูดง่ายๆ จากปากสาวเจ้าเท่านั้นเอง นั่นมีพลังทำลายล้างล้นเหลือ

    ชิกามารุต้องการรักษาความสุขุมเยือกเย็นของตนไว้ แต่เหมือนจะปกปิดความเก้อเขินที่เล็ดลอดออกมาไม่มิด สิ่งหนึ่งในความบันเทิงรื่นเริงและความถนัดของเทมาริดูจะเป็นการที่ชอบทำให้เขาเสียท่า เด็กหนุ่มเกือบจะไปต่อไม่ถูก ถึงกระนั้น เขาก็รู้ดีว่าควรจะตอบกลับไปเช่นไร ประหนึ่งรู้อยู่แล้วเนิ่นนานแสนนาน ออกมาเองจากจิตใต้สำนึก ไม่ต้องรอให้อะไรมาบอก คล้ายกับรอคอยจังหวะจะได้พูดเสมอ ใบหน้าพลันเคร่งขึ้นและมากท้นด้วยความจริงจังผสมปนเปกับความเอมใจ เมื่อเจ้าหล่อนกล่าวคำอันเปี่ยมล้นความปรารถนาดีซึมเข้ากลางใจมาเช่นนี้ ตนก็อยากให้อีกฝ่ายรับรู้ไว้ไม่ต่างกันว่าเธอมีความหมายกับเขามากเพียงใด

    ดวงตาแน่ตรงสบประสานอีกฝ่าย ความรู้สึกซึ่งกระจายบนสีน้ำตาลอ่อนนั่นอบอุ่น แผ่ซ่านสู่ห้วงสีเขียวครามที่มองมาไม่หลบตาเฉกเช่นความรู้สึกแน่แท้ เด็กหนุ่มเอ่ยโดยไม่รีรอ พาดพิงถึงจูบลาแห่งความโชคดีเสมอคำอวยพรคราก่อน กระแสเสียงทั้งละมุนละไมดุจสัมผัสผ่านของขนนก ขณะเดียวกันก็หนักแน่นดังหินผา

    “เพราะคำอวยพรของเธอ”

    ชิกามารุคิดว่าจะวิเศษขนาดไหน หากทุกๆ ครั้งที่ออกไปปฏิบัติภารกิจมีจุมพิตแห่งความโชคดีจากเธอคอยส่งเขาทุกครั้งพร้อมด้วยคำอวยพร

    ได้ยินดังนั้น หญิงสาวก็ยิ่งฉีกยิ้มกว้างขึ้นอีก พลางตอบกลับโดยปราศจากจังหวะเว้นว่างหรือการหยุดชะงักของบทสนทนาสักเพียงนิด สานต่ออย่างไหลลื่น “ให้ความดีความชอบกันด้วย ดีใจจัง อย่างนี้เท่ากับเพราะมีฉันสิ”

    คุโนะอิจิผู้มาจากทะเลทรายพูดพลางเกลี่ยนิ้วบนแก้มกร้านๆ ของคนตรงหน้าราวกับสามารถร่ายมนต์สมานแผล เห็นได้ชัดว่าเขาผ่านอะไรมามาก

    อารมณ์พิกลจนใจแต้มบนมุมปากเด็กหนุ่ม เพราะมีเธอนั่นแหละ ถึงเป็นเป้าหมายให้เขาทำทุกอย่าง เป็นเธอคนเดียวที่ทุกๆ วันทำให้เขาลืมตาตื่นด้วยความหวัง ร่องรอยกระตุกยิ้มจางๆ ระบายผ่านใบหน้าเรียบขรึม มือเธอทั้งนุ่ม อุ่น และรู้สึกดี เมื่อเทมาริชักมันกลับ อุณหภูมิน่าโหยหาดังกล่าวดูจะเลือนหายไปเล็กน้อย หากก็ยังทิ้งสัมผัสอ้อยอิ่งและกลิ่นหอมๆ ของดอกไม้ไว้เหมือนร่องรอยดูต่างหน้าอันประทับจับตรึง หญิงสาวก้มหน้าหัวเราะกับตัวเองด้วยเสียงในลำคอ พลางจับถ้วยชา หมุนมันไปมา จะว่ากำลังเขินก็ไม่เชิง

    “แต่หวังว่าคำอวยพรนั้นยังไม่หมดฤทธิ์นะ ฉันยังต้องกลับไปทำภารกิจต่ออีกน่ะ นี่แค่กลับมารายงานความคืบหน้าครึ่งแรกให้ท่านรุ่นที่ห้าทราบ”

    ถ้วยชาถูกยกขึ้นจิบอีกหนขณะชิกามารุพูดติดตลกแกมหัวเราะขรึมๆ ผ่านน้ำเสียงเรื่อยๆ เนือยๆ ตามนิสัยไปด้วยเพื่อให้ข้อเท็จจริงที่เราต้องห่างหายจากกันอีกครั้งในประโยคดังกล่าวดูไม่น่าฟังน้อยลง ลดความน่าสลดหดหู่ใจกระทั่งความน่าห่อเหี่ยวแม้สักเพียงนิด

    ทว่าสิ้นความดังกล่าวที่เผยออกมา การเปลี่ยนแปรเพียงเสี้ยวหนึ่งก็เกิดขึ้นเหนือห้วงอารมณ์หญิงสาวซึ่งพลันชะงักไปด้วยความรู้สึกโหวงเหวงที่เพาะลงกลางอกโดยฉับพลัน สีหน้าชื่นบานแปลงเป็นความใจหายและหมองลงหน่อยๆ จากความเหงาที่คืบคลานเข้ามาจับจิต เพราะไม่ได้คาดคิดเลยว่าคนตรงหน้าต้องกลับไปทำภารกิจต่ออีก ที่เคยหวังจะอยู่ใช้เวลาร่วมกันก่อนตนจะกลับซึนะงาคุเระมีอันต้องเลือนหาย ชิกามารุซึ่งหม่นหมองในอารมณ์ไม่แพ้กัน สัมผัสรับรู้กระแสความรู้สึกรวมถึงความคิดอ่านอีกฝ่ายได้ เขาจึงพยายามคิดหาหนทางทำให้หญิงสาวที่กำลังมองมาเหมือนลูกแมวทำหน้าเศร้าเจือความผิดหวังจางๆ จนใจเขากระตุกนี้กลับมาร่าเริงขึ้น

    ใครๆ ก็ล่ำลือเป็นเสียงเดียวว่านารา ชิกามารุนั้นอัจฉริยะปราดเปรื่อง แต่คงมีสิ่งหนึ่งที่น่าจะไม่ครอบคลุมถึง เรื่องผู้หญิงท่าจะไม่ใช่ทางถนัด สุดท้ายเด็กหนุ่มก็เลยเลือกแหย่เธอเหมือนทุกที “แต่ก็ดีที่กลับมาทันเธอจริงๆ ขืนผิดสัญญาก็แย่สิ ยัยโหดอย่างเธออาจจะตามไปทวงถึงที่ หรือถ้าฉันไม่รอดกลับมา เธอก็อาจจ 

    ยังไม่ทันพูดจบ เทมาริก็ยื่นมือมาจากอีกฝั่งของโต๊ะทันควัน แตะปลายนิ้วเรียวสวยนั่นจรดริมฝีปากเด็กหนุ่มเป็นทำนองว่าห้ามพูดอีกต่อไป ดวงตาสีเขียวครามที่ส่งตรงมานั้นแทงทะลุด้วยความจริงจัง แลดูน่ากลัวกึ่งข่มขู่ ทว่าขณะเดียวกันก็ระคนความเศร้าสร้อยจนชิกามารุลมหายใจสะดุด อากาศคล้ายจะถูกสูบหายจากปอดจนหมด อวัยวะหนึ่งที่เต้นในอกพลันกระตุกวูบกับท่าทีหมองลงของเธอ และเขาซึ่งตัวแข็งทื่อ กำลังสาปส่งตัวเองกับการทำให้เธอดูเศร้าหมองเช่นนี้ขึ้นมา

    “ชิกามารุ” น้ำเสียงหวิวโหวงกว่าที่หญิงสาวคิดว่ามันจะเป็น เธอดูหวั่นวิตกเจือด้วยความหวาดกลัว อีกทั้งยังหมองเศร้า ถ้าจับสังเกตดีๆ เด็กหนุ่มสัมผัสได้ถึงความสั่นเครือเจืออยู่กับกระแสเสียงเช่นกันตอนที่เธอเอ่ยนามเขาเป็นสัญญาณการห้ามปราม “ไม่เอานะ อย่าพูดมันออกมาเหมือนเป็นเรื่องสบายอกสบายใจสิ ฉันไม่อยากให้นายพูดถึงเรื่องไม่รอดกลับมา ถึงภารกิจจะมีคนรับเคราะห์เสมอก็เถอะ แต่

    ทุกๆ คำที่หญิงสาวเปล่งออกมาบิดรัดหัวใจชิกามารุ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังใจเสีย ใจไม่ดีอย่างมากกับสิ่งที่เขาพูด ความเป็นห่วงตลอดจนความอนาทรร้อนใจประจักษ์ชัดแก่เด็กหนุ่ม ซึ่งนั่นส่งผลมหาศาลและหนักหน่วงนักต่อจิตใจเขาในทุกๆ แง่ เทมาริทอดสายตาหาคนตรงข้าม ไม่อาจห้ามแววตาวาววับเป็นประกายรื้นๆ ไม่ให้วูบไหวหรือสั่นระริก แม้เพียงแค่เสี้ยวความคิดก็ยากจะทำให้เธอทนเฉย ตนเสียใครไปอีกไม่ได้แล้ว ไม่อาจพรากจากคนที่มีเยื่อใยผูกพัน ทั้งมารดา ผู้เป็นบิดา ยาชามารุ พวกเขาที่เธอรักต่างก็จากไกล คงเหลือเพียงน้องชายสองคนซึ่งเธอรักยิ่ง หากต้องสูญเสียชิกามารุอีกคน เธอไม่พร้อมจะรับไหว

    หญิงสาวผู้เข้มแข็งเสมอมาคนนั้น เวลานี้กำลังหน้าเสีย ร่ำๆ เหมือนจะร้องไห้ เอื้อนเอ่ยคำร้องขออันกระวนกระวายขณะพยายามตีสีหน้าเข้มแข็งอย่างสุดความสามารถไปด้วย

    “ขอร้องล่ะ อย่าพูดอีกเลย มันอาจจะสร้างลางไม่ดีก็ได้ ฉันไม่อยากให้นายเป็นอะไรไปจริงๆ นะ”

    ท่ามกลางห้วงความเป็นไปซึ่งคล้ายจะหยุดนิ่ง ชิกามารุมองหญิงสาวอยู่ชั่วอึดใจ เหมือนกำลังพินิจพิจารณา ค้นหาอะไรบางอย่าง มันเป็นเพียงแค่ครู่ขณะหัวใจเต้นจังหวะเดียวที่ไม่เนิ่นนาน แต่กลับรู้สึกประหนึ่งถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้นับไม่ถ้วน ความรู้สึกระหว่างทั้งคู่ผูกพันรัดรึงเสียแน่นแฟ้นยิ่งกว่าสัมพันธ์แบบใดๆ ที่เคยเกิด มันหยั่งรากลึกซึ้งแทรกซึมยังก้นบึ้ง เกี่ยวกระหวัดถักทอลึกล้ำเกินกว่าจะทำใจยอมรับการลาจากใดๆ อันมีค่าเท่าชีวิตแล้ว

    ชิกามารุเองก็ตระหนักดี ความเสียใจถึงกัดกินลึกไม่ยิ่งหย่อน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนไล้ผ่านใบหน้าเธอราวกับเขากำลังเอื้อมมือมาสัมผัส และก็ทำเช่นนั้นจริงในจังหวะถัดมา คราวนี้เป็นฝ่ายที่เขาเอื้อมมือไปหาเธอบ้าง ใช้หลังมือแตะแก้มนวลเนียนเบาๆ ขณะอีกข้างรวบมือคุโนะอิจิแห่งซึนะซึ่งยังค้างอยู่ตรงริมฝีปากตนไว้ ราวกับจะจูบหลังมือนั่น หากแต่ก็ลดระดับมันลงมา เขาจับด้วยแรงที่หนักแน่นมั่นคง ทว่าไม่ได้ทำให้รู้สึกเจ็บ พลางถูนิ้วโป้งเหนือผิวเนื้อเธออย่างถนอมหวงแหนเพื่อปลอบประโลม ไม่คิดจะล่วงเกิน

    มันส่งผ่านความรู้สึกได้มากพอยิ่งกว่าอะไร ครั้นแล้วก็กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ชวนให้วางใจได้ยิ่งกว่าอะไรในโลก “ขอโทษนะเทมาริ ฉันจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีกแล้ว ขอให้เธอเชื่อฉัน ฉันจะไม่เป็นอะไร เป็นคำสัตย์สาบานเลย”

    ทั้งหมดนั่นซ่านซึมสู่ความรู้สึกหญิงสาว ขจัดปัดเป่าทุกๆ อารมณ์แห่งความกังวลตลอดจนความหมองเศร้าที่คละคลุ้งเหนือสำนึกรับรู้ เด็กหนุ่มซึ่งกำลังนั่งตัวตรงแน่วแน่เต็มความสูงและแสดงออกอย่างขึงขังจริงจังนี้รู้สึกหัวใจของตนล้นหลากด้วยคลื่นความรู้สึกอันเต็มตื้นมากมาย เขารู้สึกผิด เห็นอกเห็นใจ อาทรห่วงใย ทั้งยังเข้าอกเข้าใจหญิงสาวมากขึ้นผ่านจุดอ่อนไหวที่เธอมี

    เทมาริย่อมละเอียดอ่อนต่อเรื่องพวกนั้น ในฐานะนินจาจากหมู่บ้านที่เข้มงวดกวดขัน ยึดความมั่นคงภายในเป็นหลัก เธอเป็นบุตรสาวคนเดียวของคาเสะคาเงะรุ่นที่สี่ ย่อมต้องพบเผชิญเรื่องราวหลากหลายรูปแบบ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ประวัติภูมิหลังหรือวีรกรรมเธอมาบ้าง มันคอยจะลอยเข้าหูเสมอนั่นแหละเวลาพวกรุ่นพี่พูดคุยด้วยเพราะเห็นเขารู้จักมักคุ้นกับเจ้าหล่อนดี

    ชิกามารุมองหน้าหญิงสาวขณะตระหนักชัดกว่าครั้งใดๆ ว่าตนเป็นผู้ชายโง่เง่า ทั้งทึ่มทั้งบื้อขนาดไหน เพราะถ้ากลับกันว่าเธอเป็นฝ่ายพูดเหมือนอย่างที่เขาเอ่ยปากเมื่อครู่ ตนก็คงจะทำไม่ต่างกัน ต้องรีบปรามเธอเนื่องจากทนฟังไม่ไหวแน่ๆ กับการที่เจ้าหล่อนกล่าวเหมือนไม่ทุกข์ร้อนต่อความเป็นความตายของตัวเอง หรืออันตรายซึ่งอาจตกต้องแก่เธอ

    นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนแสง เทมาริเป็นผู้หญิงแกร่งและเก่งในสายตาเขาเสมอ ทว่าต่อให้เธอเข้มแข็ง กร้าวแกร่ง สามารถดูแลตัวเองไม่ต้องพึ่งพาใครถึงเพียงใด เขาก็ยังต้องการจะเป็นคนที่ได้ปกป้องดูแลเธอไม่ว่าอย่างไร ทายาทบ้านนาราคิดถึงตรงนี้ก็ยิ้มด้วยรู้ว่าจะพูดอะไรต่อไป เด็กหนุ่มกล่าว น้ำเสียงนั้นผ่าเผย ทั้งยังแช่มชื่นดังกับเป็นตัวแทนสิ่งที่ชวนให้วางใจทั้งมวล บรรยากาศปลดเปลื้อง น่าปลอดโปร่งโล่งใจ รวมถึงความมั่นคงทางอารมณ์อันสงบเยือกเย็นไม่เร่งร้อนซึ่งชิกามารุมีให้ ชุบชูใจเธอได้เสมอ

    “เพราะมีคำอวยพรจากเธอ จุมพิตที่เทพธิดาแห่งความโชคดีให้ฉันไว้ ฉันไม่มีทางเป็นอะไรหรอก วางใจเถอะ” พูดพลางวางมือคุโนะอิจิผู้มาจากทะเลทรายลง กลัวว่าถ้าจับนานเกินไปจะกลายเป็นการก้ำเกิน

    ถ้อยคำของเด็กหนุ่มเจือสำเนียงความสงบนิ่งต่างความหนักแน่นมั่นคงอันจะขัดขืนหรือเคลือบแคลงเป็นอื่นไปไม่ได้ มันทำให้ใจเธอสงบทันทีด้วยความเชื่อมั่น แม้ดวงหน้าสวยคมจะยังแต่งแต้มด้วยร่องรอยวิตกกอปรความกลัดกลุ้มร้อนรุ่มใจอยู่จางๆ ก็ตาม นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่ตรงข้ามจึงยิ่งอ่อนโยนลงอีกคล้ายกำลังเอื้อเอ็นดู คำอวยพรของเธอจะติดตัวเขาตลอดไปดังเครื่องราง ไม่มีวันเสื่อมคลาย คุโนะอิจิสาวเองก็รู้ นารา ชิกามารุกำลังบอกว่าเธอคือเทพธิดาแห่งความโชคดีของเขา มีเธอเป็นเทพธิดาประจำตัว แล้วนั่นก็เป็นสถานะที่สื่อความหมายได้ว่าเขาทั้งถนอมทั้งเชิดชูเธออยู่ในตำแหน่งที่สำคัญและถนอมรักใคร่เพียงใด

    มันมีความนัยถึงขั้นนั้นเลยทีเดียว ไม่ต่างอะไรกับการแสดงความปรารถนา ขอให้เธอเป็นเทพธิดาคอยอยู่เคียงข้าง อวยชัยและประสานความโชคดีให้เขาตลอดไปอย่างไรอย่างนั้น

    สำหรับชิกามารุ เมื่อมีเทมาริ ไม่ว่าอะไรเขาก็ทำได้ เธอคือแรงใจ แรงสนับสนุน รวมถึงแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อชีวิต

    ท่าทีของทายาทบ้านใหญ่ตระกูลนารากำลังสื่อชัดว่าขอแค่มีเธอ ไม่ว่าอะไรเขาก็ไม่เดือดเนื้อร้อนใจทั้งนั้น เพราะหญิงสาวคือสิ่งยุติท่ามกลางชีวิตอันวุ่นวาย ไม่แน่นอน น่าเบื่อน่ารำคาญ เธอเป็นความสงบ ความหยุดนิ่ง ความมั่นคงและสิ่งยึดเหนี่ยว

    ฝ่ายคุโนะอิจิแห่งซึนะ ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง ครั้นสัมผัสรับรู้ความเช่นนี้ก็ใจเต้นระส่ำหวั่นไหวเกินจะควบคุม แก้มซับสีชาด อุณหภูมิผิวเนื้อซึ่งพลันอุ่นขึ้นคงส่งผ่านไปถึงมือกร้านที่สัมผัสต้องอยู่กระมัง ยากจะบ่งชี้ได้ แต่ที่แน่ๆ ความไม่สบายใจก่อนหน้าทุเลาลงจนหมดสิ้นแล้ว ชิกามารุระบายยิ้ม น้อยคนนักจะมีโอกาสเห็นเขายิ้มออกมาจริงๆ ด้วยความอ่อนโยน จากนั้นเขาก็เย้าเธอ อ้อล้ออ้อโลมด้วยสีหน้าซึ่งคงแทบไม่มีใครเชื่อว่าจอมขี้เบื่อหมดไฟแห่งโคโนะฮะจะเจ้าเล่ห์ซุกซนนัก ขณะพูดเสียงปริ่มใจจะรานรอนเหมือนจะง้องอน

    “ก็เทพธิดาแห่งความโชคดีอยู่ตรงหน้าฉันนี่เนอะ ยิ้มสักหน่อยได้ไหม”

    “ยิ้มเถอะ ยิ้มได้แล้วคุณเทพธิดา รอยยิ้มแห่งโชคไง ขืนเทพธิดาแห่งโชคของฉันทำหน้าแบบนี้ใส่ฉันเองก็แย่สิ” หลังมือที่กำลังสัมผัสแก้มเธอเหมือนหนึ่งว่าหากออกแรงมากไปหญิงสาวจะสลายนั้นเลื่อนลงมายังริมฝีปาก เขาใช้นิ้วปัดผ่านเบาๆ น้ำเสียงสบายใจนั่นแต่งเติมบรรยากาศให้กระเตื้องขึ้นเป็นความสบายๆ ปลอดเปลื้องและผ่าเผย ทุกอย่างดูสงบราบรื่น ปลอดโปร่งโล่งใจไปหมดยามอยู่กับชิกามารุ รอยยิ้มกับดวงตาคมกริบคู่ดังกล่าวอ่อนโยนจนใจ ฟังเสียงอบอุ่นเช่นนั้น แล้วไหนจะเห็นเขาทำแบบนี้ มีแต่ก็ต้องยิ้มออกเท่านั้นแหละไม่ว่าใคร

    เด็กหนุ่มอ้อล้อให้เธอเผยรอยยิ้มด้วยวิธีการง่ายๆ แต่จับใจจนเทมาริยิ้มออกในที่สุดกับคำกล่าวของเขา

    “นั่น ยิ้มแล้ว ทีนี้ฉันก็โชคดีไปตลอด ไม่มีทางเป็นอะไรทั้งนั้น”

    สีหน้าของคุโนะอิจิผู้มาจากทะเลทรายพลันแจ่มใสเหมือนดอกไม้แย้มบาน ความวิตกกังวลเปลื้องออกเป็นความมีชีวิตชีวาสดชื่น มันผ่องใสขึ้นหลายเท่าตัวเมื่อเธออดไม่ได้ต้องยิ้มตามถ้อยคำของอีกฝ่าย เมื่อนั้นทุกอย่างก็เบิกบานไปหมดเช่นกัน ทายาทตระกูลนาราที่พึงพอใจกับผลงานของตนก็อ่อนลงให้แก่เธออีกหน หญิงสาวมองร่องรอยแย้มยิ้มบางๆ เหนือริมฝีปากเด็กหนุ่ม มันดูเรียบขรึม แต่สร้างความมั่นใจได้ยิ่งกว่าอะไร ชิกามารุสงบนิ่งเยือกเย็นเสมอ นั่นเท่ากับทุกสิ่งจะไม่เป็นอะไรทั้งสิ้นภายใต้ความรับผิดชอบของเขา ทั้งอบอุ่นและใจเย็น อ่อนโยนเหมือนปุยเมฆที่เขาชอบจริงๆ นั่นแหละ

    ดุจดังเมฆซึ่งโอบอุ้มเธอไว้ทั้งหมดที่เธอมี

    เด็กหนุ่มบ้านนาราลดมือลงจากแก้มคนตรงข้าม ภายในถ้อยคำต่างๆ เมื่อครู่ อีกหนึ่งความหมายเบื้องหลังคือเขากำลังบอกว่ารอยยิ้มของเจ้าหล่อนเป็นสิ่งพิเศษ เป็นแรงใจให้เขา เป็นสิ่งมีค่ารวมทั้งมีความหมายกับตนยิ่งยวด และอยากให้เธอยิ้มอย่างมีความสุขแบบนี้เรื่อยๆ ไป

    “ขอบคุณนะเทมาริ เห็นทีเธอต้องยิ้มบ่อยๆ แล้วล่ะ เทพธิดาแห่งโชคเหมาะกับรอยยิ้มไม่ใช่เหรอ” ชิกามารุกล่าวต่อชั่วจังหวะถัดมา 

    นั่นปะไร เทมาริทำหน้าแสนกล เห็นได้ชัดว่านี่เป็นหนึ่งในแผนตลอดจนคารมของพ่อสมองใสที่กำลังล่อหลอกให้เธอยิ้ม ให้เธอมีความสุขด้วยเช่นกัน

    “ถ้าอย่างนั้นเท่ากับว่าชีวิตนายขึ้นอยู่กับฉันซะแล้วสิ” อย่างไม่ยอมน้อยหน้า เทมาริเย้ากลับบ้าง อีกฝ่ายได้ยินดังนั้นก็หัวเราะขรึมคล้ายจะบอกว่าเธอพูดได้ถูกต้องตรงเผง เด็กหนุ่มกระตุกยิ้มบางๆ ที่เห็นชัดว่ายอมรับในคำกล่าวของเธอ ไม่คิดโต้แย้งหรือมีข้อแก้ต่างประการใด ชีวิตฉันน่ะ ขึ้นอยู่กับเธอเต็มๆ เลย เธอคงจะสั่งให้เขาทำอะไร อยากจะทำเช่นไรกับเขาก็ได้ เหมือนเป็นเจ้าชีวิตเขานั่นแหละ

    “ฉันต้องรับผิดชอบเธอ จะเป็นอะไรไปได้ยังไง ไม่ยอมเป็นอะไรง่ายๆ หรอก” เจ้าบ้านคนต่อไปของตระกูลนาราพูดพลางจิบน้ำชาอึกสุดท้าย พยายามยืนยัน ให้ความมั่นใจแก่เทมาริยิ่งขึ้นอีก

    “มีเรื่องต้องทำเยอะแยะ มีเรื่องที่อยากทำให้เธออีกตั้งเท่าไหร่” เขายอมรับไปโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ซึ่งเทมาริก็ไม่ทันรู้สึกตัวเช่นกัน ก็ระหว่างเราเป็นธรรมชาติ ไม่มีอะไรจะฟังดูแปลกหูหรือเด่นชัดขัดขึ้นมาให้สะกิดใจ ในเมื่อเราต่างรู้หัวจิตหัวใจและความรู้สึกของอีกฝ่ายดี “ที่จริงเหมือนฉันยังติดสัญญาอีกเรื่องไว้กับเธออยู่เลย เธอจำทุ่งดอกไม้ในป่าที่เราไปกันคราวก่อนได้หรือเปล่า ฉันจำได้ว่าตอนพาเธอไปที่ป่าของตระกูล ก็บอกไว้ว่าจะพาเธอเข้าไปอีก นี่ก็อีกหนึ่งเรื่องแล้ว ถ้าฉันไม่ต้องกลับไปทำภารกิจต่อภายในเย็นนี้ ก็อยากจะพาเธอไปที่นั่นอีกครั้ง เธอชอบพวกสวนดอกไม้นี่”

    ไม่รู้เด็กหนุ่มจอมขี้เบื่อหมดไฟจะทันฉุกคิดหรือไม่ แต่เขามักจะพูดมากกว่าปกติหลายคำทีเดียวยามอยู่ต่อหน้าหญิงสาว โดยไม่แม้กระทั่งจะนึกเบื่อหน่ายหรือรำคาญใจ ทั้งหมดที่เขากล่าวไปเมื่อครู่คือความมุ่งมั่นปรารถนาจะทำให้แก่เธอ เพราะอยากจะตามใจ เอาใจหญิงสาวนัก เขารู้มาว่าเทมาริชอบเดินชมสวน ชื่นชอบพรรณไม้ดอกไม้นานา เห็นชัดจากความยินดีปรีดาเวลาวางสายตาอยู่กับพวกดอกไม้ แถมสาวเจ้ามักจะดีใจยามเขาพาเดินผ่านทางที่มีพืชพรรณร่มรื่น สะพรั่งตา

    แล้วไหนจะเมื่อครั้งตนจับจุดความชอบของเธอได้อยู่หมัดด้วยการแสดงทุ่งดอกไม้อันเร้นลับในป่าของบ้านแก่เธอ ใบหน้าหลงใหลจับใจอันสวยสะกดตาตอนหญิงสาวเห็นเวิ้งดอกไม้ดังกล่าวครั้งแรก มันติดตรึงกลางใจเขาไม่สร่าง หนำซ้ำเวลาเขาไม่ได้ทำหน้าที่ผู้ดูแลประจำตัวเจ้าหล่อนเนื่องจากติดภาระงานอื่นอันมีเข้ามาไม่นึกปรานีปราศรัย ก็มักจะได้ยินข่าวคราวลอยเข้าหูผ่านวงสนทนาของบรรดารุ่นพี่ตามแต่ละหน่วยซึ่งต่างแย่งชิงตัวเขาไปร่วมงานว่าคุโนะอิจิแห่งซึนะงาคุเระคนหนึ่งคนนั้นชอบแวะเวียนไปเดินเล่นชมสวน เตร็ดเตร่ตามจุดร่ำรวยวิวทิวทัศน์ทั้งหลายของหมู่บ้านจนเป็นที่พบเห็นชินตา มันช่วยสนับสนุนข้อเท็จจริงทั้งหมดยิ่งขึ้นอีก

    เมื่อเทมาริชอบดอกไม้ เขาก็จะเอาทั้งสวนมาไว้ตรงหน้า

    ไม่มีใครสมควรได้มันอีกแล้วนอกจากเธอ ชิกามารุนึกถึงเวิ้งดอกไม้อันแฝงตัวซ่อนเร้นท่ามกลางป่าตระกูลนาราที่เธอเคยออกปากว่าชอบ มีแค่เพียงเขาคนเดียวที่บังเอิญได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของมัน ป่าผืนดังกล่าวทอดตัวยาว แผ่ขยายจากหมู่บ้านโคโนะฮะออกไปภายใต้อาณาสิทธิ์ของตระกูลนาราอันเก่าแก่และได้รับการนับหน้าถือตาโดยทั่ว บ้านใหญ่ตระกูลนารารวมถึงเหล่ากวางทุกตัวอันเป็นสมบัติของบ้านเขาจะคอยทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ อารักขาปกป้องผืนป่าไว้ มีแค่เพียงผู้สืบสายเลือดนาราเท่านั้นที่มีสิทธิเหยียบย่างล้ำผ่าน หากเป็นคนนอกต้องได้รับอนุญาต ชิกามารุในฐานะผู้สืบทอดตระกูล อนาคตเจ้าบ้านคนต่อไปมีสิทธิโดยชอบธรรมทุกประการตั้งแต่กำเนิดในการปกครองป่าแห่งนี้ สามารถเข้าไปเมื่อใดก็ได้ตามใจ

    อาจจะกล่าวได้ว่ามันเป็นสวนหลังบ้านที่ตนรู้จักดี เขาฝึกวิชาที่นั่น บางครั้งก็เกือบจะกินนอนในนั้นตั้งแต่ยังตัวเล็กจ้อย ทั้งยังต้องคอยสอดส่องดูแลพวกกวางตลอดจนเตรียมเขากวางหรือวัตถุดิบมาทำยาอันเป็นศาสตร์อีกแขนงที่ตระกูลเชี่ยวชาญด้วย ป่าประจำตระกูลนารากอปรกับกิจอันเกี่ยวข้องเป็นอีกหนึ่งหน้าที่ซึ่งตนต้องรับผิดชอบปกปักษ์ แล้วส่งต่อให้ทายาทตัวเองตอนถึงคราวลาโลก

    เด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงสักคนสินะที่เรียกเราว่าพ่อสินะ

    เด็กหนุ่มพลันวางสายตาหาสตรีตรงหน้า ตาเธอสวยจริงๆ ไม่เลวเลย

    เขาเว้นจังหวะอยู่หนึ่งห้วงความคิด ก่อนจะกล่าวต่อ มีความโอบเอื้อระคนคาดหวังแฝงกับน้ำเสียง “เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นไปได้ ครั้งหน้าเธอจะให้เกียรตินั้นกับฉันได้หรือเปล่า ไว้ครั้งหน้าเราไปกันอีกไหม”

    ฟังดังนั้น เทมาริก็ยิ้มรับซึ่งแทนคำตอบได้ดีกว่าการพูดออกมาเสียอีก ความดีใจที่อีกฝ่ายใส่ใจรับรู้ถึงความชอบของเธอผ่อนถ่ายออกมาเจือบรรยากาศ เด็กหนุ่มให้ความสำคัญกับตนถึงขั้นจดจำรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ สมกับเป็นเขาดี เพราะนิสัยช่างหน่ายเซ็งเลยมักจะใช้เวลาหยุดนิ่งกับตัวเองตรึกตรองโลกจนคิดอ่านลึกซึ้ง สุขุมนุ่มลึก มีมุมมองพินิจพิจารณาสิ่งต่างๆ ทะลุปรุโปร่ง ผนวกกับความคิดยืดหยุ่น รอบคอบ เขาจึงสามารถละเอียดอ่อน คิดถึงผู้อื่น และช่างเอาใจใส่ได้ไม่ยากเย็น คุโนะอิจิแห่งทรายเอ่ยพลางพยักหน้าเห็นด้วย

    “ฉันนึกว่านายจะไม่ถามซะแล้ว” ทว่าชั่วขณะหนึ่งสีหน้าก็กลับกลายเป็นความเสียดายแล่นผ่าน ดูห่อเหี่ยวติดจะเหงาขึ้นมานิดหน่อย เสียงละห้อยแถมยังพะวักพะวงห่วงหาเจือปนอยู่ในถ้อยคำเมื่อต้องเอ่ยถึงอีกประเด็นประโยคที่อยู่ร่วมด้วยกันในเรื่องที่ฟังแล้วน่าตื่นเต้น ชวนให้ตั้งหน้าตั้งตารอ ทั้งยังเกาะกุมใจเธอไว้นั่น “เย็นนี้เลยเหรอ เร็วจังนะ”

    “ต่อให้เย็นนี้ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ฉันได้กลับมาเจอเธอแบบนี้ จะยังไงก็คุ้มค่า” ถึงเด็กหนุ่มจะพูดเช่นนั้น ทว่าเทมาริก็ยังรู้สึกใจหายอยู่ดี และถ้าหากเธอเพียงจะรู้ อีกฝ่ายก็เช่นกัน ความอาลัยอาวรณ์ยามได้พบกันอีกครั้งแต่กลับต้องจากกันรวดเร็วย่อมมีอยู่ ไม่ใช่ง่ายๆ จะรับมือเลย แม้ชิกามารุจะไม่ได้แสดงออกมาเพราะไม่อยากให้เจ้าหล่อนเป็นกังวลหรือไม่สบายใจ อีกอย่างเขาจะร้องขอสิ่งใดอื่นอีกก็ดูจะละโมบโลภมากไปหน่อยทั้งที่ได้มีโอกาสกลับมาเจอเธอก่อนจะต้องจากกันโดยไม่รู้กำหนดแบบนี้แล้ว นับว่าเขาแทบจะใช้ความสมหวังในปีนี้ของตนจนหมดเป็นที่เรียบร้อยกระมัง

    แต่เขามีเทพธิดาแห่งโชคอยู่กับตัวนี่นะ

    อดคิดหวังไม่ได้จริงๆ น่ารำคาญชะมัด ทำไมเขาถึงคิดหวังมากมายยิ่งกว่านี้นัก เขาเคยเป็นคนหวังน้อยมักน้อยมากมิใช่หรือ น่าเบื่อน่ารำคาญจริงๆ นั่นแหละน้า หากแต่สีหน้าท่าทางซึ่งแสดงออกคนละเรื่องกับถ้อยคำติดนิสัยที่เลื่อนผ่านเข้ามาในห้วงสำนึกโดยสิ้นเชิง “ฉันคิดว่าดีมากที่ได้มาส่งเธอกลับซึนะก่อนแบบนี้ และถ้าทำได้ก็อยากจะอยู่กับเธอต่อจริงๆ นะ”

    “เหมือนกันนั่นแหละ ฉันก็ดีใจที่ได้เจอนายก่อนกลับ” เสียงกระฉับกระเฉงของหญิงสาวตอบกลับไป มันส่งผ่านจากใจจริง เธอพยายามทำให้มันเจือกระแสความเหงาน้อยลงเพื่อจะได้ไม่เป็นการดึงรั้งอีกฝ่ายไว้ให้เขากังวลหรือห่วงหา ขณะเดียวกัน โดยไม่รู้ตัว เพราะสำนึกสั่งการฉุกผ่านว่าเป็นจังหวะที่เหมาะเจาะ เทมาริจึงเผลอทำท่าจะแตะกล่องไม้ข้างๆ กายชั่วอึดใจหนึ่งด้วยจิตใต้สำนึกที่ตั้งมั่นไว้ว่าจะมอบเจ้าพืชอวบน้ำอันเป็นของขวัญต่างหน้านี้แก่เด็กหนุ่มแทนคำขอบคุณต่อเรื่องราวคราวก่อนเมื่ออีกฝ่ายกลับมา หรือไม่แล้วก็จะฝากไว้ให้เขา ถ้าเธอต้องจากโคโนะฮะงาคุเระก่อนได้พบ

    ทั้งที่คิดว่าเป็นโอกาสเหมาะเหม็ง ร่างกายถึงขยับเองอัตโนมัติด้วยความปรารถนาซึ่งผลักดันยิ่งยวดจากภายในจิตใจ แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะเกิดทำไม่ได้ขึ้นมาดื้อๆ เสียอย่างนั้นเมื่อผู้รับมาอยู่ต่อหน้า มือเรียวสวยชักกลับมาวางรวบเหนือตักดังเก่าก่อนจะเสหยิบถ้วยชาขึ้นจรดริมฝีปาก พร้อมกับเริ่มละเลียดขนมต่อ พยายามรวบรวมความกล้ามากกว่าเดิม ฝ่ายเจ้าของไหวพริบเฉียบคมที่ไม่มีสิ่งไหนจะหลุดรอดสายตาเขาไปได้ แน่นอนว่าย่อมสังเกตเห็นท่าทีหญิงสาว

    ชิกามารุหยุดคิดชั่งใจครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปากเปิดประเด็นอ้อมๆ ใจที่สงบพลันถูกปลุกเร้าให้คำรามต่ำด้วยความรู้สึกอันคัดคานใจอันยากจะอธิบาย

    “กล่องไม้นั่น ของที่ระลึกที่จะเอากลับไปซึนะเหรอ” จริงอยู่ชิกามารุเลือกใช้คำว่าของที่ระลึกเพื่อหลีกเลี่ยงการพาดพิงถึงมันแง่อื่น ทว่าก็ยังรู้สึกไม่ชอบใจความหมายของวลีดังกล่าวซึ่งเป็นได้ทั้งของที่ระลึกต่างหน้าจากใครสักคนในโคโนะฮะที่มอบแก่เธอแทนใจ ไม่ก็ซื้อเป็นของขวัญกลับไปให้ใครยังซึนะงาคุเระ ซึ่งถ้าเป็นของแทนมิตรไมตรีฉันท์มิตร หรือของฝากซึ่งเธอซื้อสำหรับตัวเองก็แล้วไป สองอย่างหลังนั่นพอทำเนา ค่อยเบาใจลง

    แต่หากไม่แล้ว ชิกามารุรู้สึกถึงเชื้อความขุ่นข้องกลุ่มย่อมๆ สุมกรุ่นในอกจางๆ

    เขาหาได้ไม่พอใจหรือขัดเคืองเธอ ไม่แม้แต่น้อย มันเป็นความไม่พอใจ กระทั่งไม่สบอารมณ์ต่อความคิดที่ว่ามีใครก็ตามมาเกี่ยวพัน ผูกสัมพันธ์กับเธอต่างหาก นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มบ้านนารายอมปล่อยให้มีสิ่งกวนใจจนไม่อาจทนมองข้ามมันจนตลอดรอดฝั่ง เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน การเลียบๆ เคียงๆ ถามอ้อมๆ เองก็ดูไม่ดี ขี้ขลาดและไม่ตรงไปตรงเอาเสียเลย นักวางกลยุทธ์มือหนึ่งแห่งหมู่บ้านใต้เงาไม้ที่เริ่มจะจนใจถึงได้เริ่มหัวข้อสนทนาง่ายๆ ด้วยการถามไถ่ทั่วไปตามมารยาทกอปรกับครรลองของบทสนทนาแทน ไม่มีนอกมีในแอบแฝง แค่ทำตามทำนองคลองธรรม เพราะครั้นจะทำเป็นมองข้ามท่าทีลุกลนคล้ายมีสิ่งใดคาใจของเจ้าหล่อนเฉยๆ ก็กระไรอยู่

    เขาเป็นห่วงสาวเจ้ามากทีเดียว

    “คือว่า” เพราะเห็นเทมาริดูอ้ำอึ้งเล็กน้อยเหมือนกำลังเรียบเรียงถ้อยคำให้เหมาะสม ทายาทบ้านตระกูลนาราซึ่งไม่อยากคาดคั้นเธอ ทั้งยังเกิดละอายใจที่เผลอเข้าไปยุ่งย่าม ก้าวก่ายจนอาจทำให้เธอไม่สะดวกใจ หนำซ้ำคงไม่สบายใจก็ชะงัดงัน รุมเร้าด้วยความรู้สึกผิด พลางคิดเสเปลี่ยนเรื่อง ไม่ดึงดันหรือดื้อดึงต่อ ชิกามารุกลัวว่าจะทำให้เธออึดอัดขึ้นมา นั่นคงจะดูไม่สมควรแถมยังไม่สมกับเป็นลูกผู้ชายอย่างมาก 

    เขาเป็นคนแยกแยะหญิงชายจนน่ารำคาญคนหนึ่ง ชอบพร่ำบ่นว่าผู้หญิงน่ารำคาญ เป็นเพศที่น่าตีตัวออกห่างก็จริง ทว่าก็ไม่เข้าขั้นเหยียดเพศ แถมความจริงยังคร่ำเคร่ง ยึดถือการปฏิบัติอย่างดีต่อสตรี มอบเกียรติแก่พวกเธอ และทำตัวให้สมกับเป็นสุภาพบุรุษ เป็นผู้ชายที่ใช้ได้ เป็นโล้เป็นพายโดยไม่ขาดตกบกพร่องอย่างสุดความสามารถเสมอ เพราะการตั้งแง่ทำให้เขารู้ชัดยิ่งกว่าใครว่าผู้หญิงควรจะต้องได้รับการปฏิบัติด้วยอย่างดี

    ถ้าหญิงสาวไม่อยากบอกก็ไม่เป็นอะไร อะไรที่เป็นความพอใจของเธอ ก็เป็นความพอใจเขาแล้ว ชิกามารุคิดเช่นนี้พร้อมทั้งยอมรับทุกสิ่งด้วยความเป็นลูกผู้ชาย ใจกว้าง และมีน้ำใจนักกีฬา

    แต่ก็ใช่ว่าเขาจะรู้สึกกรุ่นๆ ในอารมณ์น้อยลงเสียเมื่อไหร่ คงเพราะเด็กหนุ่มคืออัจฉริยะมากศักยภาพกระมัง แม้จะชอบอยู่เงียบๆ เรียบเรื่อย ไม่โดดเด่น เนื่องจากถ้าอยากได้อะไรจริงๆ เพียงลงแรงนิดหน่อยก็สมความมุ่งหมายแล้ว เพราะแบบนั้นถึงได้เป็นพวกขี้หวงมากกว่าปกติหรือเปล่ากับอะไรที่ดูเหมือนจะไม่เป็นไปดังใจขึ้นมา

    ให้ตายเถอะ เทมาริ เธอนี่มันน่าอัศจรรย์จริงๆ พิศวงจนใจไปหมด

    “เอาเถอะ ก็ต้องมีบ้างล่ะนะ เรื่องพวกนี้น่ะ” พลันตัดบท นึกตระหนักว่าไม่ได้อยากรู้คำตอบขึ้นมาจริงๆ สักหน่อย มันไม่สำคัญ จะอย่างไรตนก็เคารพเรื่องของเทมาริ ไม่มีสิทธิไปกะเกณฑ์เธอแต่ประการใด พวกความรู้สึกกับเรื่องอื่นๆ ทั้งหลายมันขึ้นอยู่กับเขาเอง และเขาต้องจัดการตัวเอง

    ชิกามารุหยิบกาชุเดอิ รินชาร้อนใส่ถ้วยคนตรงข้าม ปกติเด็กหนุ่มมักจะคงท่าทีเฉยเมย เหนื่อยหน่าย ทว่ากระนั้นก็แสดงออกโดยไม่ตั้งใจซึ่งท่าทางการวางตัวเคร่งขรึมของบุรุษที่เติบโตอย่างดีในฐานะทายาทตระกูลใหญ่เจือปนอยู่ท่ามกลางอิริยาบถ การปฏิบัติตัว ตลอดยังอุปนิสัยไม่เคยจางหาย อากัปกิริยาของเด็กหนุ่มให้ความรู้สึกผ่าเผย สุขุมเยือกเย็นในที อีกทั้งบรรยากาศก็น่ากริ่งเกรง ฝ่ายท่านหญิงแห่งทราย ขณะคู่สนทนาล้มเลิกประเด็นเหมือนหนึ่งว่าเกิดนึกรำคาญตามนิสัย

    บุตรสาวคนเดียวในคาเสะคาเงะก็แทบจะถลึงตามองตัวการที่พรากจังหวะดีๆ ไปจากตนหน้าตาเฉย ก็แล้วมันเรื่องพวกไหนกันยะ เธออยากจะตะโกนบอกเขาพร้อมทุ่มกล่องใส่หน้าว่านี่มันของขวัญให้นาย ตาสมองช้า ไม่สิ สมองช้าไม่ได้ ตาทึ่มก็ไม่ได้ ซื่อบื้อยิ่งแล้วใหญ่

    หมอนี่ฉลาดเป็นกรดนัก แต่ทำไมกับเรื่องนี้ไม่ใช้หัวสมองปราดเปรื่องนั่นให้เป็นประโยชน์เล่า

    ลงท้ายเธอก็เลยไม่กล้าออกปากมอบมันแก่เขา หญิงสาวปลงตก พลางคาดหวังถึงแผนสำรองล่วงหน้าอย่างการทิ้งไว้คอยท่าอีกฝ่ายตอนกลับมาจากภารกิจอีกรอบเท่านั้นแหละ คิดแล้วก็นึกหาหนทางถามไถ่ว่าเขาจะกลับมาเมื่อไหร่ ทว่านั่นเป็นตอนที่ประหวัดถึงเรื่องสำคัญยิ่งกว่าขึ้นมาได้

    “แล้วนายมาเอ้อระเหย กินขนมกับฉันแบบนี้ จะไม่เป็นอะไรเหรอ จะมีเวลาเตรียมตัวก่อนออกภารกิจหรือเปล่า” ด้วยห่วงขึ้นมาจับจิต เทมาริเอ่ยถามทันทีที่ฉุกคิดถึงประเด็นดังกล่าว พร้อมกันนั้นก็เปลี่ยนมายกกาน้ำรินใส่ถ้วยเขาบ้าง สีเขียวของชารินไหลลงผสมกลืนกับของเหลวซึ่งค้างอยู่เดิม ควันกรุ่นๆ ลอยขดตัว แตะผ่านอากาศ กลิ่นอันมีเอกลักษณ์พร่าพร่าง

    นัยน์ตาสวยคมมองอีกฝ่ายขณะนึกไปพลางว่าผู้ชายตรงหน้าสมบูรณ์พร้อมด้วยความผ่าเผยและผึ่งผ่าย วางตัวภูมิฐาน สุภาพสมกาลเทศะเสมอ โดยที่บางคราวเจ้าตัวไม่ใส่ใจให้มันปรากฏเสียด้วยซ้ำ แต่ทั้งหมดนั่นไม่อาจถูกกลบกลืนด้วยความเฉยชา ช่างหน่ายเซ็งไปได้

    มีบ้างที่ผู้ชายจะวางท่า ทว่าชิกามารุไม่เคยเลย เพราะเขาซื่อสัตย์ต่อตัวเอง รู้จักจักตัวตน ความเป็นตัวเองดี แล้วไหนจะนิสัยเรื่อยในอารมณ์อีก บ่อยครั้งเธอก็เคยชินกับเขามากจนมองข้ามสิ่งที่ขับเร้นออกมาเองจากเนื้อแท้ธรรมชาติเหล่านั้นว่าจริงๆ นารา ชิกามารุก็เป็นคุณชายคนหนึ่ง เขาคือทายาทตระกูลนาราอันเก่าแก่ หนึ่งในบรรดาตระกูลใหญ่ที่ทรงเกียรติของฮิโนะคุนิ ท่าทีต่างๆ รวมทั้งการวางตัวของเขาทำเอาสาวๆ หัวใจเต้นได้เลย

    เว้นเพียงเธอที่มองเป็นเรื่องปกติ แถมยังคุ้นเคยไปแล้วน่ะนะ

    “วางใจเถอะ” เมื่อใดที่ชิกามารุบอกให้วางใจ เทมาริรู้ดีว่าทุกอย่างจะไม่เป็นอะไร ไม่ต้องเป็นห่วงตามนั้นจริง

    เด็กหนุ่มไม่เคยรับคำไปงั้นๆ ไม่กล่าวพล่ามไปเรื่อยๆ ให้ดูดี หรือพูดเผินๆ เพื่อความสบายใจของผู้อื่น เขาตรงไปตรงมากับเธอ ทั้งยังรู้ถ่องแท้ยิ่งกว่าใครว่าควรจะทำอย่างไรให้เธอสบายใจจริงๆ ด้วยความจริง ไม่ใช่คำลวงหวานหู นารา ชิกามารุเป็นผู้ชายที่หนักแน่น เชื่อถือได้ เชื่อมั่นได้ ไร้ข้อแม้เงื่อนไข น้ำเสียงซึ่งเขาใช้เอ่ยก็ไม่ต่างกัน คือสิ่งที่สดับแล้วก็ไม่คิดปฏิเสธเป็นอื่น มีแต่ความจริงจัง สัจจะยิ่งยวด ไม่เคลือบแคลง

    แน่นอนว่าจูนินหนุ่มแห่งบ้านนาราย่อมเตรียมการตลอดจนวางแผนทั้งหมดไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยเสมอหากมีโอกาส ไม่ว่าใครรวมถึงเทมาริเองต่างตระหนักแม่นมั่น เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ชายซึ่งแอบจริงจังเคร่งครัดต่อตัวเองเป็นบ้าพรรค์นี้จะละเลยภารกิจหรือภาระหน้าที่ซึ่งรับมอบหมายไว้ในมือมาแสวงหาความสุขส่วนตัวไม่ยี่หระ ไม่มีอะไรหลุดรอดความตรงต่อหน้าที่ของเด็กหนุ่มไปได้ เทมาริจึงแค่ถาม ไม่จำเป็นต้องไล่เรียงอะไรต่ออีก ขณะเดียวกัน ฝ่ายผู้สืบทอดวิชาเงาก็รู้สึกเริงโลด ชื่นอกชื่นใจบอกไม่ถูกเมื่อสาวเจ้าทั้งคิดถึงและใส่ใจเรื่องของตน เขาซ่อนการขับเคลื่อนของรอยยิ้มที่ไม่อาจสกัดไว้โดยการยกชาขึ้นลิ้มรสแทน หลังวางถ้วยลงจึงค่อยกล่าวเสริมเพื่อให้เธอคลายใจมากที่สุด

    “ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ากับเธอ ให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่เดือดร้อนอะไรทั้งสิ้น”

    “พูดดีจริงนะ ชิกามารุ” หากเป็นเมื่อหลายเดือนก่อน ท้ายประโยคต้องลงท้ายแกมหยอกเย้าว่านาคิมุชิคุงแล้ว แต่ตอนนี้เธอใช้ชื่ออีกฝ่ายผ่านสำนึกสติออกมาเองอย่างไหลลื่น ไม่หยุดคิด โดยแรงขับดันจากก้นบึ้งจิตใจด้วยมองคนตรงหน้าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง หาใช่นาคิมุชิคุง พ่อคนขี้แยที่เธอเคยชอบแหย่ไม่

    “นั่งให้สบายใจเถอะ เสร็จแล้วฉันก็จะไปส่ง ขออยู่กับเธอจนถึงวินาทีสุดท้ายที่ใช้ได้เลย ได้ไหมล่ะ” เอาอีกแล้ว หญิงสาวอมยิ้มในใจ อีกฝ่ายไม่เคยบังคับบงการว่าจะทำเช่นนั้น บอกจะทำเช่นนี้ ยิ่งชี้นำกระทั่งเอาตัวเองเป็นใหญ่ด้วยแล้วก็ไม่ แต่เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอเธอเสมอ ถามเอาความยินยอม ความสมัครใจ ความเต็มใจ ไม่ว่าอะไรหรือแบบไหนก็ตามที่เธอต้องประสงค์

    การกระทำเขาดังกว่าคำพูด และนั่นทำให้เทมาริซึ่งไม่ยอมคน ห่างไกลจากการผ่อนปรนผ่อนผัน หนำซ้ำยังดื้อดึงนั้นประทับจับใจนัก คงเพราะเราต่างก็รู้จักนิสัยกันดีกระมัง เด็กหนุ่มเป็นคนที่เธอชอบจะอยู่ด้วย แถมยังสบายใจเสมอ เธอชอบวิธีปฏิบัติของเขาไม่ว่าจะกับเรื่องใด ความจริงคือชิกามารุไม่ใช่คนหัวอ่อนหรือยอมตามผู้อื่น ทว่าไม่รู้ทำไมกับเธอ ทายาทตระกูลนาราถึงตามใจโอนอ่อนให้อีกแบบเลย ส่วนหนึ่งก็น่าจะเนื่องด้วยการให้เกียรติเธอในฐานะผู้หญิง หากแต่เทมาริคงเผลอหลงลืมว่าคนตรงหน้าทั้งตามใจ ทั้งเอาใจเธอด้วยเช่นกัน

    คุโนะอิจิผู้มาจากทะเลทรายค่อยๆ จิบชา อุณหภูมิของมันอุ่นวาบกลางอก รสชาติขนมก็หวานละมุน เขาเป็นคนที่เป็นผู้นำ มีลักษณะกอปรประสิทธิภาพความเป็นผู้นำสูง เห็นชัดจากการรับสถานะหัวหน้าหน่วยย่อยหลายต่อหลายครั้ง อีกทั้งใครต่อใครต่างก็มาขอคำปรึกษา แม้จะเป็นคนของโฮคาเงะ ขึ้นสังกัดโดยตรงต่อซึนาเดะฮิเมะ ก็ยังมักจะมีคำขอเบิกตัวจากหลายหน่วยซึ่งต่างแย่งชิงนารา ชิกามารุไปร่วมภารกิจ ไม่ก็ฝ่ายงานของตนเสมอ เขามีศักยภาพเป็นที่น่าเชื่อถือ ชี้นำ ออกคำสั่งกับใครๆ ก็ได้ ขณะเดียวกันก็ถ่อมตัวในความสามารถ ไม่ชอบออกหน้าออกตา นิสัยดังกล่าวทำให้เป็นคนน่าคบหา คบค้าสมาคม ได้รับความเคารพนับถือ

    “มาถามอะไรฉันเล่า พูดแบบนั้นแล้วจะให้ฉันตอบว่าไม่ได้เหรอ” พร้อมด้วยเสียงหัวเราะเริงร่า เทมาริทำหน้าบุ้ยใส่ แต่ก็แฝงประกายความขบขันระยับบนดวงตา ชิกามารุเองก็มีร่องรอยกระตุกยิ้มน้อยๆ แต้มริมฝีปากเช่นกัน เขาก้มลงพินิจผิวชาที่กระเพื้อมไหวเป็นวงตอนตนขยับถ้วย จดจ่อกับความเรียบง่ายของมัน ผงชาเกียวกุโระชั้นดีลอยวนคละคลุ้งอยู่ในน้ำ กลิ่นดอกสึบากิในกระถางถ่านประทุเจืออากาศ ขณะวิวทิวทัศน์ของสวนญี่ปุ่นด้านนอกค่อยๆ ลู่ตามลมโชยยามบ่าย กระบอกไม้ไผ่รองน้ำจนเต็มก่อนจะตกกระทบหินรอบบ่อ ทอดเสียงผ่านหูเป็นระยะ

    คนทั้งสองนั่งจิบน้ำชา ละเลียดบรรยากาศตลอดจนความไหลเรื่อยแห่งห้วงเวลาอันสงบที่เกื้อหนุนจุนเจือระหว่างกัน ความนุ่มนวล ละมุนละไมของห้วงอารมณ์ผสมกลืนกับอีกฝ่าย เวลาอันเคลื่อนไปตามกระแสอย่างไม่มีวันประนีประนอมนั้นไม่อาจกล้ำกรายพวกเขาได้ หลายชั่วรอบหมุนของเข็มนาฬิกาทีเดียวกว่าทั้งคู่จะยอมรับว่าไม่อาจยื้อยุดเวลาอยู่ด้วยกันไปมากกว่านี้ นั่นก็แทบบ่ายแก่ แสงดวงอาทิตย์ลอดผ่านลงต่ำระเงาไม้รำไร สาดทับมาบนเสื่อ ค่อยๆ กินอาณาบริเวณของเงายาวออกไปเรื่อยๆ ราวกับทำหน้าที่ต่างสัญญาณการล่ำลา ท่ามกลางช่วงขณะดังกล่าวเหล่านั้น

    เด็กหนุ่มและหญิงสาวต่างหมู่บ้านหาได้พูดสิ่งใดต่อกัน หากมันคือความเงียบที่แทนบทสนทนาได้นับร้อยพันเมื่อสัมพันธ์ทางอารมณ์ ความรู้สึก รวมถึงความเข้าใจทักถอประสานกันไม่เสื่อมคลาย ต่างก็ซึมซับการมีอยู่ของคนตรงหน้าอย่างอภิรมย์นัก

    น่าแปลกมากมิใช่หรือ รักดูจะเป็นคำง่ายๆ สามัญธรรมดา แต่จริงๆ มันไม่ธรรมดาเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย

    ยามประจักษ์แจ้งแก่ใจถึงทุกอย่างเบื้องหลังถ้อยคำดังกล่าว ก็เข้าใจว่ามันเปี่ยมความหมายลึกล้ำ มีน้ำหนักมหาศาล เหมือนรวมมวลทั้งหมดบนโลกใบนี้ และสายตาตนก็มีแต่อีกฝ่าย ทุกพื้นที่ความคิด ทุกห้วงดวงใจก็มีแต่ฝ่ายตรงข้าม สายลมผิวผ่าน ดั้นทิวเมฆระบายท้องฟ้า ความรู้สึกร้อยเรียงต่อกันภายใต้ความนิ่งสงบคล้ายจะเก็บเกี่ยวช่วงเวลาความเป็นไปขณะนี้ให้มากที่สุด และโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยอะไรอื่นอีกเหมือนเช่นที่เป็นเสมอมา

    พวกเขาทั้งสองแค่สบสายตา สื่อความอันรับรู้ได้เพียงสองคนแก่กัน ครั้นแล้วขณะหนึ่งก็เหมือนจะบอกคนตรงหน้าด้วยว่าต่อให้เวลากำลังจะหมดลงก็ยังมีความรู้สึกอันแน่วแน่เชื่อมพวกเราไว้ ทั้งคู่ลุกขึ้น เด็กหนุ่มเลื่อนบานประตูฟุคุสะ เปิดทางให้หญิงสาว ผงกศีรษะโค้งน้อยๆ เมื่อนายหญิงของร้านยืนออกมาส่ง ก่อนจะพาคุโนะอิจิแห่งซึนะผ่านโถงทางเดินออกจากร้านเหมือนเช่นตอนเข้ามา เพียงครู่เดียว พวกเขาก็อยู่ใต้ผืนฟ้าโปร่งอีกครั้ง ยังไงก็ยังมองท้องฟ้าเดียวกันอยู่

    เธอเคยพูดดังว่า ซึ่งเราต่างก็จดจำมันเสมอเช่นสิ่งยึดเหนี่ยวใจ

    หลังลอดผ่านเถาต้นฟุจิห้อยระย้า ร่างของคนสองคนซึ่งเห็นความสูงแตกต่างกันชัดเจนก็เคียงคู่กันไปสู่เส้นทางเดิมที่นำพามาในคราวแรกอีกหน ทายาทบ้านนาราค่อยๆ ทอดฝีเท้าเรื่อยๆ ร่วมกับหญิงสาวผู้มาจากหมู่บ้านใต้เงาทราย พาลัดเลาะผ่านถนนหนทางต่างๆ อันจะนำคุโนะอิจิแห่งซึนะส่งถึงยังจุดหมาย เด็กหนุ่มดึงมือคนข้างๆ กายหลบผู้คนบ้างบางจังหวะ ก่อนจะตัดสินใจพาอีกฝ่ายหลีกไปยังเส้นทางอันพลุกพล่านผู้คนน้อยกว่าเพื่อให้เธอได้เดินอย่างคล่องตัว เขาชอบเวลาเทมาริก้าวฉับๆ อย่างมาดมั่นและกระฉับกระเฉงเหมือนการพัดพาของกระแสลมอันเฉียบคม สุดท้ายจึงมาจบลงบนถนนสายเล็กๆ ที่ความวุ่นวายเดียวคือเสียงขับขานใสกังวานจากบรรดานกอุงุยสึซึ่งหลบเร้นใต้เงาร่มของหมู่ไม้ใหญ่

    ถนนทั้งสายขนาบด้วยไม้ยืนต้นมากกิ่งก้านสาขาและเนินหญ้าซึ่งปูเหนือรั้วหินเตี้ยๆ สองข้างทาง ร่างสูงเหม่อมองทิวทัศน์บริเวณเส้นขอบสายตาที่หันเผชิญกับหมู่เมฆแต้มผืนนภาเหนือขึ้นไปซึ่งโอบล้อมเราทั้งคู่ไว้ 

    เรายังมองฟ้าผืนเดียวกัน ชิกามารุคิด เขาเอื้อมมือเด็ดดอกโมคุเร็นที่ขึ้นอยู่บนกิ่งซึ่งแผ่ออกมาเหนือพื้นที่ถนนง่ายๆ อย่างนั้น ก่อนจะยื่นต่อหน้าหญิงสาว ไม่พูดอะไรมากไปกว่าการกระทำ และโดยไม่ถามอะไรกลับเช่นกัน หญิงสาวก็รับมันไว้ จ่อปลายจมูก กำซาบกลิ่นหวานๆ ของมันพร้อมคำขอบคุณ แน่นอนว่าเพราะตอนแรกเด็กหนุ่มตั้งใจจะเดินไปซื้อดอกไม้ร้านยามานากะให้เธอ แต่ด้วยบังเอิญเจอกันก่อนจนมาถึง ณ ขณะปัจจุบันเลยไม่มีโอกาสทำเช่นว่า เขาถึงใช้วิธีการนี้

    ตัวการเจ้าแผนมากคมเดินต่อเงียบๆ ไขว่มือเหนือท้ายทอย เหม่อมองท้องฟ้าสบายอารมณ์ เทมาริหมุนดอกไม้เล่นอย่างเพลินใจ เรือนผมสีบลอนด์ละเอียดขยับไหวน้อยๆ ตามลมโชยเอื่อยอยู่ข้างๆ มันทำให้จิตเขาฝักใฝ่ความสงบ หัวใจคล้ายจะกลายเป็นปุยนุ่น

    ครู่หนึ่งทายาทตระกูลนาราก็เหมือนจะบังเกิดความคิดขึ้น “เทมาริ คอยเดี๋ยวนะ”

    เขาเรียก พลางก้าวยาวๆ เดินเบี่ยงออกข้างทาง ดึงเอาดอกหญ้าคุโรบะมาทีละดอก นั่นสร้างความแปลกใจกอปรความอยากรู้อยากเห็นให้เทมาริเล็กน้อย เมื่อเด็กหนุ่มได้มาไว้ในมือก็สาวฝีเท้าช้าลงรอให้หญิงสาวไล่ตามทัน และเดินเสมอเคียงกันอีกครั้ง นัยน์ตาสีเขียวครามเหล่มองว่าอีกฝ่ายกำลังง่วนอยู่กับการทำอะไร เขาสานดอกไม้แต่ละดอกเข้าด้วยกัน แลดูชำนาญ ครั้นแล้วก็เดินไปดึงเอาก้านใหม่มาไว้ในมืออีก เวียนทำเช่นนั้นสลับไปมาพักใหญ่

    ต้องขอบคุณหนูลูกสาวร้านดอกไม้อย่างยามานากะ อิโนะผู้เคยขู่เข็ญแกมบังคับจะสอนให้เขากับทายาทบ้านอาคิมิจิทำตอนเล่นด้วยกันสมัยยังเยาว์วัย เขาเริ่มถักมันเป็นวงกลม พริบตาเดียวก็กลายเป็นมงกุฎดอกไม้

    ก่อนเทมาริจะทันได้ทักอะไร ชิกามารุก็วางมันลงเหนือศีรษะเธอเข้าแล้ว ดอกไม้ขาวตัดผมสีบลอนด์ ดูอ่อนหวานเข้าคู่กันอย่างน่ารัก หญิงสาวนิ่งงันไปเล็กน้อยพลางก้มหน้างุด แก้มซับสีระเรื่อน้อยๆ และจับมงกุฎดอกไม้บนศีรษะให้อยู่กับตัวตอนกระแสลมหอบหนึ่งพัดมาแรงกว่าปกติ ให้อีกแล้ว เธอยังไม่ได้ให้ฝั่งของเธอเลยนะ เท่ากับว่าเธอก็เป็นฝ่ายรับถ่ายเดียวเลยสิ

    คุโนะอิจิแห่งทะเลทรายใจอ่อนยวบ ความโหยหาเมื่อครั้งอดีตหวนคืนระลึก สมัยยังเยาว์วัย ยากจะหาเด็กผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกัน เธอมีน้องชายที่สนิทสนมคือคันคุโร่ ส่วนกาอาระ อย่าว่าแต่เล่นเลย พวกเธอไม่ได้รับอนุญาตให้สุงสิงด้วยซ้ำ ตนจึงติดจะเล่นซุกซนกับบรรดาเด็กผู้ชายทะโมน แก่นแก้ว ที่ไม่สนใจสถานะบุตรสาวคาเสะคาเงะ ประเภทนั่งสานมงกุฎดอกไม้ตามประสาน่ะไม่มีหรอก พอเด็กหนุ่มบ้านนาราทำแบบนี้กับเธอก็เลยจบลงตรงความขวยเขินเอียงอายบอกไม่ถูกกับการมีคนมองเธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง

    ผู้หญิงธรรมดาซึ่งได้รับการปฏิบัติด้วยความทะนุถนอม สมเป็นหญิงสาว คู่ควรกับอะไรอ่อนหวาน สวยๆ งามๆ รวมทั้งเล็งเห็นว่ายังมีมุมน่ารัก ต้องการความหวานละมุนเช่นนั้นดังที่ชิกามารุกำลังกระทำอยู่ เสมอๆ

    เขามองข้ามความแข็งกร้าวอันเป็นเกราะภายนอกเข้ามา แถมยังเห็นทุกแง่มุมของเธอเสมอนั่นแหละ พ่อคนสมองปราดเปรื่องจนน่าหมันไส้คนนี้ ต้องยอมเขาเลย

    ดอกหญ้ารุริคาระบานสล้างเต็มเนินทุ่งที่ลาดยาวบนผืนหญ้าสองข้างทาง ขึ้นแซมอยู่ข้างบรรดาไม้ยืนต้นสูง ชิกามารุตั้งใจพาคุโนะอิจิต่างหมู่บ้านใช้เส้นทางนี่เพื่อผ่านทุ่งรุริคาระคุสะซึ่งกำลังเบ่งบานตามฤดู ย้อมทุกสัดส่วนบริเวณที่มันปกคลุมเป็นสีฟ้าเหมือนท้องทะเลบนผืนแผ่นดิน ทั่วสายตาเต็มไปด้วยวิวทิวทัศน์ชวนสงบของธรรมชาติดารดาษตา ไม่มีใครใคร่รู้จักถนนสายนี้แพร่พลายนัก เด็กหนุ่มบ้านนารารู้เข้าก็ตอนเดินเรื่อยเปื่อย หาทำเลสงบๆ นั่งทอดอารณ์ตามประสา เธอหมุนตัววิ่งปัดไปปัดมารอบๆ เขา หยอกหน้าหลอกหลัง ครั้นแล้วก็ถอดมงกุฎดอกไม้วางบนศีรษะเขาบ้าง ซึ่งเด็กหนุ่มไม่ได้หยิบออกแถมยังจัดมันเข้าที่ด้วยสีหน้าติดจะยั่วเย้าเจ้าเล่ห์

    ร่างสะโอดสะองเขย่งก้าวกระโดดอย่างร่าเริงพร้อมรอยยิ้มฉีกกว้าง ดูสรวลเสเฮฮา พยายามจะดึงแขนคนตัวสูงกว่าให้เคลื่อนไหวครื้นเครงไปกับเธอ ผ้าผูกเอวระหงพลิ้วไหวตอนสาวเจ้าหมุนตัว

    “กระฉับกระเฉงหน่อยสิ ตาขี้เบื่อ เมนโดคุเซเนะเธอว่า แถมยังล้อเลียน จูนินคนเดียวของรุ่นถูกฉุดไปข้างหน้าขณะหญิงสาวขยับปลายเท้าคล่องแคล่วคลอกระแสลม เหมือนหนึ่งว่าลมนั้นหอบเคลื่อนเจ้าหล่อน ร่างปราดเปรียววิ่งนำหน้าพลางหมุนกายหยุดยืนรอ บางครั้งก็สาวเท้ากลับมาหาเขา ประดุจสายลมเริงระบำอย่างไรอย่างนั้น จนชิกามารุอดไม่ได้ที่จะเลิกเดินเรื่อยเฉื่อย กึ่งวิ่งระคนก้าวยาวๆ ไล่ตามอีกฝ่ายให้ทันด้วยนึกสนุก

    “จับได้แล้ว” เขาจับแขนเธอได้ในที่สุด และหญิงสาวก็แย้มริมฝีปาก เหมือนรอยยิ้มกระจ่างนั่นคือรางวัล ก่อนจะดึงมงกุฎดอกไม้คืนกลับไปใส่ไว้เหนือเรือนผมสีบลอนด์ดังเดิม เมื่อเงาทอดยาวออกไปอีกตามการเคลื่อนคล้อยของดวงอาทิตย์ ทั้งสองก็มาถึงที่พักของหญิงสาวอันเป็นจุดหมาย

    หลังจากหัวเราะหยอกเย้ากันมาตลอดทาง และแม้จะยังคงมีรอยยิ้มคงค้างบนใบหน้าแต่เมื่อคราวจากลามาถึง อารมณ์ซึ่งส่งสะท้อนก็อดหมองลงเสี้ยวหนึ่ง เจือปนกระแสความเหงาจางๆ ไม่ได้ พวกเขารั้งรออยู่ชั่วหลายลมหายใจภายใต้คลื่นความรู้สึกที่หน่วงเหนี่ยวกันเอาไว้เพราะไม่อยากให้เวลานี้สิ้นสุดลง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมองคนตรงหน้าที่ดูพร่างพรายพร่าตายามได้ออกแรงคล่องตัวเมื่อครู่ จากนั้น หนึ่งขณะหัวใจบีบตัวถัดมาเด็กหนุ่มก็กล่าวขึ้น

    “ถ้าอย่างนั้นก็ ไว้เจอกันนะ ” เขาตั้งใจจะรอจนกว่าเธอจะหันหลัง เปิดประตูเดินเข้าไปข้างในโดยสวัสดิภาพแล้วจึงค่อยออกเดินตามทางของตน ทว่ายังไม่ทันที่ทายาทบ้านนาราจะเอ่ยอะไรต่อไป ณ พริบตาดังกล่าวนั่นเอง เหนือความคาดหมายอื่นใดทั้งชีวิต หญิงสาวกลับดึงเขาเข้าไปใกล้ ปลายเท้าเขย่งเล็กน้อย ก่อนจะวางจุมพิตลงบนหน้าผากเขาเหมือนครั้งก่อนที่จากกัน

    มันคือจุมพิตแห่งความโชคดีและคำอวยพรของเทพธิดา

    ชิกามารุนิ่งงัน เทพธิดาได้อวยพรให้กับเขาอีกครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อเธอถอนจูบเบาๆ ออกก็ยิ้มละมุน รอยยิ้มที่ทำให้เด็กหนุ่มรู้ว่าโชคดีทั้งมวลอยู่เคียงข้างตน “ทีนี้ก็ยังคงโชคดีอยู่เหมือนเดิมแล้วสินะ เทพธิดาของนายอวยพรให้แล้ว”

    เทมาริกล่าว พลางกระซิบทิ้งท้าย “แล้วเจอกันนะ ชิกามารุ”

    ก่อนเด็กหนุ่มจะทันได้เอ่ยคำขอบคุณ หรือบอกว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย กระทั่งความในใดๆ ก็ตามที่กำลังอึงอลปนเปท่ามกลางสำนึกสติ อีกฝ่ายก็กลับหลัง เปิดประตูเรือนพัก และเมื่อเขารู้สึกตัวอีกเสี้ยวหัวใจเต้นจังหวะถัดมา ร่างระหงก็หายเข้าไปกับบานประตูที่งับปิดเบื้องหน้า ทิ้งให้เขาแทบจะยืนบื้อใบ้ จนปัญญา แถมยังหมดสิ้นถ้อยคำอยู่เช่นนั้นอย่างโง่เง่าทีเดียว

    นารา ชิกามารุ อัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องถูกทำให้สิ้นท่าง่ายดาย ไม่ต้องอาศัยความพยายามใดๆ เลยด้วยซ้ำ หญิงสาวลงมือเสร็จสรรพฉับไวไม่ปล่อยให้เป้าหมายตั้งตัว ยากจะขัดขืนได้ไม่ว่าด้วยแง่ไหน ความคิดของชิกามารุนิ่งขรึมพึมพำกับตัวเอง ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ากลั่นเป็นเสียงออกมาด้วยหรือไม่ในวินาทีที่ยืนตรงนั้น ใต้ปรกกิ่งของซากุระซึ่งโน้มจากรั้ว สีหน้าแววตาอ่อนโยน จริงๆ แค่ยิ้มของเธอตอนนั้นก็พอแล้ว เทมาริ มากเกินพออีก แค่ยิ้มของเธอที่เขาบอกให้ยิ้มออกมาเพื่อโชคของเขาตอนนั่งในร้านน้ำชานั่น ก็เพียงพอให้เขาโชคดีไปทั้งชีวิตแล้ว

    ขณะเดียวกัน อีกฟากหนึ่ง เทมาริยืนนิ่งพิงบานประตูอยู่เช่นนั้นพลางกอดกระชับกล่องไม้ไว้แน่นแนบอก เสียงซึ่งสะท้อนก้องภายในอกรัวเร็วเหมือนกลอง อีกทั้งใบหน้าก็พลันร้อนผ่าว เธอแทบจะร้องครางโอดโอยในลำคออย่างสิ้นท่า แต่จริงๆ กำลังทบทวนความรู้สึกตัวเอง แล้วก็พบเดี๋ยวนั้นเลยไม่ต้องอาศัยการครุ่นคิดใคร่ครวญอย่างละเอียดประการใด พอมองย้อนกลับไปจนมาถึงตรงนี้ ทุกอย่างกระจ่างนัก

    เธอกำลังมีความรู้สึกให้ชิกามารุ

    2.

    เงาร่างของเด็กหนุ่มผู้ถือครองวิชาเงาใต้เสื้อคลุมอำพรางมิดชิดเหวี่ยงตัวผ่านต้นไม้ใหญ่ หลบหลีกกิ่งก้านสาขามากมายซึ่งแผ่กระจายออกเหมือนมือมีชีวิต ปกคลุมผืนป่าจนหนาทึบด้วยก้านใบเรียงตัวสลับชั้น เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนถึงยอด บางครั้งเขาก็ชักดาบคาตานะออกมาฟันเถาวัลย์รกชัฏที่ขวางทางเป็นระยะ

    นารา ชิกามารุกระโจนก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กับนินจาหน่วยลับภายใต้หน้ากากอันเรียบเย็นนายอื่นๆ ซึ่งเร้นกายคลุมเครือเบื้องหลังชุดคลุมเช่นกัน พวกเขาต่างเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วเกินกว่าสายตาจะกะเกณฑ์ต่อเนื่องไม่หยุดมาหลายวัน เมื่อฝ่าผ่านม่านธรรมชาติสีเขียวพวกนี้ออกไปก็จะเห็นจุดหมายอีกไม่ไกล เป้าหมายคือหมู่บ้านซึ่งซ่อนเร้นท่ามกลางเงาไม้ ไม่นานนักการเดินทางก็ถึงคราวสิ้นสุดลงเมื่อปลายเท้ากระโจนลงแตะพื้นหน้าประตูใหญ่ของโคโนะฮะงาคุเระ ภารกิจอันยาวนานจบแล้ว ทายาทตระกูลนาราพยักหน้าแทนสัญญาณสื่อสารให้ผู้ร่วมภารกิจซึ่งสวมหน้ากากอันเยียบเย็นซ่อนใบหน้า ครั้นแล้วเหล่าอันบุก็กระโดดหายไป ไม่ทิ้งแม้กระทั่งความรู้สึกว่าเคยมีตัวตนอยู่

    ชิกามารุเลิกฮู้ดคลุมศีรษะ แม้อันบุจะขึ้นตรงต่อโฮคาเงะ แต่เขาต้องรับหน้าที่รายงานผลของภารกิจแก่โกะไดเมะ ซึนาเดะฮิเมะด้วยตัวเอง 

    ทว่าขณะตั้งใจจะมุ่งหน้าไปยังหอข่าวเมื่อแยกย้ายกับสหายร่วมภารกิจเฉพาะเป็นที่เรียบร้อย เสียงเรียกหนึ่งกลับยื้อยุดไว้

    “อ้าว ชิกามารุไม่ใช่เรอะ กลับมาแล้วเหรอ เห็นส่งนกสื่อสารมาแจ้งว่าจะกลับถึงพรุ่งนี้นี่ เหนื่อยหน่อยนะ” คำทักทายดังกล่าวมาจากนินจารุ่นพี่อย่างโคเท็ตสึที่ประจำอยู่จุดตรวจรักษาการณ์ พ่วงด้วยคู่หูอย่างอิสึโมะ เหตุนี้เด็กหนุ่มจึงตรงเข้าไปหา

    “เหนื่อยหน่อยนะครับ” ชิกามารุกล่าวตอบ นั่นเป็นจังหวะที่ดวงตาเฉียบคมเห็นกล่องไม้ขนาดกะทัดรัดใบหนึ่งจากร้านดอกไม้ยามานากะวางบนชั้นด้านในเมื่อมองผ่านหน้าต่างหอตรวจการเข้าไป ถึงครั้งนั้นจะไม่ใส่ใจรายละเอียดมากมายกว่าการเหลือบมองไม่กี่ทีและรับรู้การมีอยู่ตามปกติด้วยเพราะไม่ประสงค์จะละลาบละล้วงเรื่องของเทมาริ หากสมองกลับเก็บรอยตำหนิเอกลักษณ์ไว้ตามศักยภาพที่ตัวมันมีเอง เขาจึงจำได้เพียงแค่ปราดสายตา มันเป็นกล่องเดียวกับที่คุโนะอิจิแห่งทรายถือเมื่อคราก่อนตอนเขาหวนคืนหมู่บ้านมารายงานความคืบหน้าระหว่างภารกิจ

    แม้นินจารุ่นพี่จะไม่ได้ไล่ตามสายตาทายาทบ้านตระกูลนารา แต่ก็ประจักษ์ทันทีว่าเสี้ยวพริบตาหนึ่ง เด็กหนุ่มให้ความสนใจต่อสิ่งใด

    “คลาดกันวันเดียวเอง กับคุโนะอิจิจากทะเลทรายคนนั้นน่ะ” ถึงไม่ปรากฏท่าทีอื่นใดเป็นที่ผิดแผกแปลกสังเกตสักเพียงนิด ทว่านินจารุ่นพี่ดูจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดได้ดี ไม่ต้องสงสัยเลยก็ในเมื่อนารา ชิกามารุเคยฝากหมัดหนักๆ ใส่ถึงสองหนในการสอบจูนินครั้งก่อนเพราะคุโนะอิจิแห่งซึนะงาคุเระคนที่ว่า

    “พอรู้ว่านายจะกลับมาวันนี้ เธอก็ฝากของไว้ให้ที่นี่ก่อนจะกลับซึนะไป” อิสึโมะกล่าวต่อ คล้ายจะชอบอกชอบใจมากทีเดียวที่มีโอกาสไล่ต้อนรุ่นน้องสมองใสผู้แอบมีนอกมีในกับคุโนะอิจิต่างหมู่บ้าน เขารู้อยู่แล้ว คนโง่เขลาหรือเด็กไม่ประสายังดูออก แต่ใครจะคาดคิดว่าความสัมพันธ์เดินหน้าถึงขั้นมีของขวัญแทนใจดูต่างหน้าให้แก่กัน คงต้องรีบลงพนันหมดหน้าตักกับเรื่องของทั้งคู่เสียแล้ว เห็นเรื่อยๆ ทำหน้าเฉยชา ไม่ก็หน่ายเซ็ง บ่นน่าเบื่อน่ารำคาญติดปาก ทว่าชิกามารุมันร้ายนัก ไหนบอกผู้หญิงน่าขยาดอย่างนั้นอย่างนี้ ไหงลงเอยเป็นสานสัมพันธ์กับเทมาริแห่งทรายที่เย่อหยิ่งไว้ตัว แถมยังแข็งกร้าวไม่ใช่เล่นๆ

    นั่นลูกสาวคนเดียวของคาเสะคาเงะรุ่นสี่เลยนะ

    รสนิยมหมอนี่ใช่ย่อยรสนิยมสูงซะจริง

    จูนินรักษาการณ์ลอบส่ายศีรษะ ก่อนจะเดินไปหยิบกล่องไม้มาวางตรงหน้าชิกามารุ

    อันที่จริงชิกามารุไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าพูดตอบอะไรนินจารุ่นพี่บ้าง เขารับมันไว้ กล่าวขอบคุณตามมารยาท ทั้งหมดที่ตระหนักเหนือห้วงสำนึกสติคือเขารู้สึกตัวเองโง่เง่าขั้นสุดยอดเมื่อมองย้อนว่าตนเคยไม่สบอารมณ์อย่างไรกับการเห็นสาวเจ้าถือกล่องไม้ใบนี้พลางคิดไปต่างๆ นานา

    ถ้าเขาจะนึกไม่พอใจผู้รับในตอนนั้น เท่ากับเขากำลังขุ่นเคืองตัวเองนั่นแหละ

    โดนเข้าเต็มๆ เลยแหะ…’ รอยยิ้มจางๆ แต้มมุมปาก หลังจากขอตัวผละออกมาเพื่อมุ่งตรงไปยังหอข่าวของหมู่บ้าน เด็กหนุ่มก็รีบเปิดกล่องไม่รอช้า เผยให้เห็นพืชอวบน้ำต้นเล็กๆ เหนือกระถางเซรามิกและหมากโชหงิซึ่งเคยวางไว้ให้เธอพร้อมอาจิไซฤดูหนาวก่อนจะจากไป ข้างๆ ปรากฏที่คั่นหนังสือ เมื่อหยิบขึ้นมาพินิจก็พบว่ามีกลีบดอกอาจิไจสีฟ้าอ่อนถูกทับจนแห้ง ดูบอบบางนัก ฝังตัวอยู่กับเนื้อกระดาษ เห็นชัดว่าเจ้าหล่อนทำเองอย่างละเอียดลออ

    ชั่วขณะดังกล่าวชิกามารุก็พลันร้อนขึ้นมา แต่นี่มันเพิ่งจะปลายฤดูใบไม้ผลิเองมิใช่หรือ

    ใบหน้าหลากอารมณ์ระคนสิ้นท่าหมดรูป ความรู้สึกรวนในอก ไม่รู้จะต้องทำอย่างไรกับเธอดีที่เล่นเขาเสียอยู่หมัดขนาดนี้

     

     



     

    つづく.

     

    ………………………………………………………………………………....................


    สวัสดีค่ะนักท่านที่รักทุกท่าน ห่างหายจาก Part I ไปเกือบหนึ่งเดือนเลยทีเดียว
    ฟิคเรื่องนี้ยังคงเรียบง่ายเนิบนาบและไม่มีอะไรเหมือนเดิมค่ะ TT
    อ่านแล้วคิดเห็นอย่างไร คอมเม้นท์พูดคุยกันได้นะคะ xx

    ทวิตเตอร์ของผู้เขียน: @ccarcharia  แฮชแท็กของฟิคเรื่องนี้: #ฟิคนี้มีเมฆมาก
    สามารถติดแฮชแท็กนี้เพื่อถวงถาม ติดตาม หรือพูดคุยเกี่ยวกับฟิคเรื่องนี้ได้ทางทวิตเตอร์ค่ะ
    ช่วงโฆษณา: ท่านใดสนใจฟิค Harry Potter คู่ Snape/Hermione ทดลองอ่านได้ที่นี่ (คลิก)
    หรือฟิค shikatema แนว angst ปวดใจ (คลิก) แวะเวียนเข้าไปได้ค่ะ

    รักนักอ่านทุกท่านมาก ๆ ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ TT

    ………………………………………………………………………………....................



                 ... 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×