คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : 11 | Beyond the Horizon - Love seems to be the simple word. (Part 1) (100% completed)
XI. (Part 1)
Love seems to be the simple word.
รักน่ะไม่เลือกรูปแบบ ไม่ถามความเห็น ไม่มีความปรานี ไม่เปิดโอกาสให้คุณตรึกตรอง
เมื่อใดที่มันนึกอยากจะจู่โจมคุณ มันก็จะผูกพันคุณไว้โดยที่คุณไม่สามารถปฏิเสธหรือผลักไสไปได้
ทั้งที่เป็นอย่างนั้น แต่คุณกลับรู้สึกดีต่อการผูกขาดนี่อย่างน่าพิศวง
รักนั้นบงการไม่ได้ เพราะหากแม้จะผิดเวลา สถานที่ หรือผู้คน
แต่มันก็เป็นหนึ่งคำง่ายๆ ที่ทรงพลังอำนาจมหาศาลเช่นนั้นเอง
1.
กลุ่มก้อนความเย็นแตกแขนงออกมาแม้ฤดูหนาวจะผ่านพ้นไปนานแล้ว และหิมะก็ละลายจนเกือบลืมไปว่าครั้งหนึ่งมันเคยย้อมผืนแผ่นดินเป็นสีขาวโพลน แต่เหมันต์ก็ยังทิ้งผลพวงอากาศเป็นมรดกดูต่างหน้าให้แก่ใบไม้ผลิซึ่งเริ่มรังสรรค์ภาคพื้นด้วยดอกไม้กับพืชพันธุ์ที่ฟื้นคืนจากการจำศีลยาวนาน หญ้าเริ่มกลับมาเขียว มีหน่อเล็กๆ ของดอกฟุรันประปราย ส่วนภูเขาก็บันดาลสีสันแต่งแต้มกิ่งใบระรื่นตา วิหคร้องเสียงกังวานอยู่บนรังใต้แสงอาทิตย์วับแวบที่ส่องผ่านเรือนยอดขณะแม่นกสยายปีกโผบินพึ่บพั่บสู่ห้วงเวหาเพื่อหาอาหาร ยามสภาพแวดล้อมแปรเปลี่ยน ทิวทัศน์ก็ปรับตัวตาม ทว่าสิ่งเดียวซึ่งยังคงดำเนินต่อไปไม่บิดเพี้ยนแม้ฤดูกาลจะหมุนเวียนผันผ่านคงไม่พ้นวัฏจักรดำรงชีพของเหล่าผู้คน
ท่ามกลางความพลุกพล่านก่อนเข้าย่านการค้า เทมาริก้าวเดินไปตามถนน ท่วงท่าผ่าเผยนั้นขับร่างบางระหงให้ยั่วยวนสะกดตา เธอเป็นสตรีที่มีความมั่นใจในตัวเอง แข็งกร้าว หากก็อ่อนไหวได้ด้วยเช่นกันเวลาดวงตาคู่สวยประสานกับสีครามแห่งท้องฟ้า ความคิดคะนึงหาจะค่อยๆ หล่อหลอมขึ้นทีละนิดละน้อย หญิงสาวทอดมองนภาประดับเมฆโดยสรรพสำนึกอันครวญหา
ณ สุดสายตานั้นมีระลอกเมฆซึ่งทอดตัวยาวประดุจธารน้ำกำลังรินผ่านเหนือทิวเขาเข้มครึ้ม คุโนะอิจิผู้มาจากทะเลทรายก้าวเดินอย่างเรื่อยเฉื่อย ไม่ได้คิดเร่งรีบไปยังจุดมุ่งหมาย ตลอดข้างทางรายล้อมด้วยซากุระยืนต้นสูงซึ่งแผ่กิ่งทั้งสองด้านเข้ามาบรรจบกันตรงกลางประหนึ่งหลังคาธรรมชาติ กลีบดอกสีอ่อนหวานโรยรายไม่ต่างกับหิมะกลางเหมันต์เมื่อฤดูกาลก่อน มันพร่างพลิ้วลอยลมคล้ายกำลังเต้นระบำ ทั้งยังโบยบินในห้วงอากาศโปร่งราวกับผีเสื้อติดปีกนับร้อย หากบทหลักสำหรับฤดูหนาวคือสีขาวแล้วไซร้ ใบไม้ผลิคงมีสีชมพูเป็นตัวเอกขององก์เพราะซากุระที่กำลังเบ่งบาน
เทมาริซึมซับบรรยากาศขณะห้วงสำนึกตราตรึงอยู่ที่ความคิดคะนึง เพราะเวลาไม่รู้จักการประนีประนอม ความจริงที่ว่ากำหนดกลับซึนะงาคุเระมาถึงแล้ว ครั้นการสอบจูนินรอบสุดท้ายจบ ทันทีหลังซากุระผลัดดอกและกลีบสุดท้ายร่วงหล่นพื้น เธอต้องออกจากโคโนะฮะงาคุเระอย่างไม่มีหนทางหลีกเลี่ยง จึงไม่อาจยื้อการรอคอยต่อไปได้อีก แม้จะอยากพบชิกามารุมากเพียงไรก็ตาม
ตอนกำหนดการมาถึง เธอใจหายมากเหลือเกิน ความรู้สึกว่างโหวงเหล่านั้นยังคงติดค้างในส่วนลึก และบางช่วงขณะแบกร่างกายเบาหวิวออกมาเดินเล่นนี่ ก็อดคิดไม่ได้ว่าที่สุดปลายทางเดิน เด็กหนุ่มจะยืนรออยู่เหมือนทุกครั้ง เขาอาจจะพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายว่าทำไมทำหน้าหมองแบบนี้ตอนชมซากุระแล้วพยายามทำให้เธอยิ้ม – ซึ่งก็ยิ้มได้ทุกที เทมาริโอบกอดวังวนความคิดโดยปล่อยจิตใต้สำนึกบงการช่วงก้าวเลื่อนลอยของตนแทน หญิงสาวไม่ใส่ใจความจอแจหรือความเป็นไปรอบด้านที่เริ่มมีผู้คนสัญจรกันคึกคักมากขึ้นอีก เจ้าของร่างสะโอดสะองปล่อยผ่านความสนใจทั้งมวลแต่ก็นำพาตัวเองเข้าสู่ย่านการค้าในที่สุด เธอเดินไปบนทิศทางอันคุ้นเคยแม้สมองจะหาได้กลั่นกรองไม่ ครั้นจุดหมายย่นย่อเข้ามาใกล้ อากาศซึ่งปรุงแต่งกลิ่นหอมหวนจากบรรดาดอกไม้นานาพรรณจึงค่อยหยุดฝีเท้าเธอลง บริเวณหน้าร้านดอกไม้ยามานากะมีกระถางไม้ดอกหลากหลายชนิดวางเต็มพื้นที่จนเกือบกลืนกระจกบานโปร่งเสียมิด แถมพวกมันยังบานสะพรั่งแข่งอวดความงามกันพร่าตา ป้ายแขวนที่ระบุว่าเปิดทำการถูกกิ่งสึบากิบดบังไปครึ่งหนึ่ง
เทมารินึกถึงดอกอาจิไซกับกลิ่นของมันที่เขาวางไว้ก่อนจากไป อาจิไซฤดูหนาวอันอ่อนหวานนั่น เธอเฝ้าทะนุถนอมด้วยความเอาใจใส่ ครั้นทุกกลีบเหี่ยวลงจึงนำบางส่วนมาทับกระดาษและเก็บไว้อย่างดีให้เหมือนเช่นครั้งที่ยังเบ่งบานอยู่ จนตอนนี้เมื่อการเฝ้ารอจำต้องสิ้นสุดแม้ว่าหมดทั้งหัวใจเธอจะไม่ต้องการก็ตาม คุโนะอิจิแห่งซึนะงาคุเระเหลือบมองคินเซนกะสีส้มซึ่งอัดแน่นอยู่เต็มกระถางเคียงคู่กับแมกโนเลียขาวสะพรั่งขณะเปิดประตู ถ้าไม่สามารถเจอกันในท้ายที่สุด เธอก็อยากได้ของขวัญดีๆ สักชิ้นเพื่อรอรับการกลับมาของเด็กหนุ่มแทนตัวเธอเองที่ต้องไปเช่นเดียวกับที่เขาเคยทำ
“ยินดีต้อนรับค่ะ – วันนี้มีพริมโรสกับคาคิซึบาตะมาใหม่นะคะ-”
จังหวะเดียวกับที่กระดิ่งทองเหลืองดังกระทบกันเสียงใสยามบานประตูเปิดออก คำเชื้อเชิญอันร่าเริงก็สะท้อนกลับมาจากหน้าเคาน์เตอร์ เด็กสาวผมสีบลอนด์สว่างกำลังขะมักเขม้นกับการแต่งกิ่งสึสึรันใส่กระถางกระเบื้องเคลือบถึงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง วงกบกับโครงส่วนใหญ่ภายในสร้างด้วยไม้สนขัด ร้านนี้จึงต้อนรับลูกค้าผู้มาเยือนด้วยความสว่างสบายตา เทมาริค้อมศีรษะทักทายเล็กน้อยตอนยามานากะ อิโนะเงยหน้าขึ้นมามองเห็นเธอ ทายาทบ้านตระกูลยามานากะตื่นตกใจครู่หนึ่งด้วยไม่นึกคาดคิดมาก่อนว่าคุโนะอิจิจากทะเลทรายจะแวะเวียนมาถึงร้านของเธอ ครั้นแล้วจึงโยนทุกอย่างที่อยู่ในมือ รีบรุดเข้ามาหาอย่างยินดี – เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าขุ่นใช้น้ำเสียงตื่นเต้นจู่โจมเข้ามาจนเกือบตั้งตัวไม่ติด
“เทมาริซัง!” ดวงหน้าสะสวยยิ้มแป้นแล้นขณะยื่นหน้าใกล้พร้อมคำถาม แม้จะเผลอเน้นประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงเย้าหยอกเกินวิสัยเพราะอยากจะรู้มากกว่าอะไรทั้งหมดก็ตาม บางทีหมอนั่นอาจมัวแต่เรื่อยเฉื่อยเลยถูกตัดหน้า
‘เจ้าบ้าชิกามารุนั่น…’ อิโนะมั่นใจว่าตัวเองกำลังรักษาผลประโยชน์ให้เพื่อนหนุ่มจอมเหนื่อยหน่ายอยู่ ถึงได้พยายามหยั่งเชิงอย่างแนบเนียนไปกับคำถามตามปกติที่มักจะหยอกล้อเล่นกับลูกค้า
“มองหาดอกไม้สำหรับอะไรอยู่คะ ประดับตกแต่ง ของขวัญหรือคำขอบคุณ ให้เพื่อน ครอบครัว อ้า… หรือจะคนพิเศษ”
อิโนะพยายามสะกดกลั้นความสงสัยใคร่รู้ว่าเหตุใดคุโนะอิจิแห่งซึนะถึงปรากฎตัวในร้านดอกไม้ทั้งที่นารา ชิกามารุไม่อยู่ หากก็ได้แต่ระงับเอาไว้ เพียงจดๆ จ้องๆ หญิงสาวผู้สวยสง่าที่ตนชื่นชมเสน่ห์แบบผู้ใหญ่นี้ห่างๆ เพราะอีกฝ่ายจรดนิ้วเหนือริมฝีปากด้วยรอยยิ้มลึกลับมากเล่ห์เหลี่ยม
“ผู้ชายขี้เบื่ออย่างงั้นจะเหมาะกับดอกไม้กี่ประเภทกันเชียว อ๊ะ นี่เป็นความลับนะ ตอนชิกามารุกลับมาอย่าให้รู้ก่อนล่ะ” ควบคู่ไปกับรอยยิ้มแสนกล เทมาริบอกเด็กสาวที่กำลังสับสนระหว่างการอ้าปากตกตะลึงกับการพยักหน้ารับคำทั้งที่หุบยิ้มไม่ได้ด้วยสีหน้าแพรวพราวกึ่งยั่วเย้า เธอชอบอิโนะจังเนื่องจากความน่ารักและเปิดเผย เด็กสาวบ้านยามานากะมีความสดใสเช่นดอกไม้ที่รายล้อมรอบตัวไม่มีผิด หญิงสาวผู้มาจากทะเลทรายกวาดมองพรรณไม้ซึ่งแข่งกันอวดความงามพรักพร้อมเพื่อหาสิ่งที่ต้องการท่ามกลางสีสันหลากตาเหล่านั้น บรรดาช่อไม้ดอกเบ่งบานเหนือกระถางต่างใบต่างขนาดประหนึ่งครีมแต่งหน้าบนถ้วยขนมเค้ก ชิรายุริพยายามโน้มตัวลงมาจุมพิตกระถางสึซึจิที่วางต่ำกว่า ดอกคิงิคุเป็นสีเหลืองเหมือนผลอิโจขณะซุยเซ็นเองก็มีสีขาวราวกับขนมมิซุของเดือนแปด กิ่งบ๊วยคล้ายกลักไม้ลงยาสีดำสนิทซึ่งประดับดอกเล็กจ้อยอยู่ทั่ว ยืนทอดกิ่งอย่างสง่า เด่นตระหง่านอยู่กลางร้าน
เทมาริเดินผ่านเถาฟุจิห้อยระย้าเป็นแพจากคานเหนือศีรษะ ดอกสีม่วงนวลตาประดับลงมาเหมือนม่านที่ละความสูงของเธอไปตลอดทาง เนื่องด้วยสิ่งที่ต้องการอยู่ลึกด้านหลังในมุมของพืชอวบน้ำ มันเหมาะกับเด็กหนุ่มจอมเหนื่อยหน่ายอย่างที่สุด เป็นพืชดูแลง่าย ต่อให้เขาขี้เกียจหรือบ่นว่าน่าเบื่อน่ารำคาญจะดูแลจนวางทิ้งไว้ก็จะไม่เป็นไร หญิงสาวมาถึงมุมเรือนกระจกที่ต่อออกมาต่างระเบียงร้าน แสงขาวละเอียดส่องผ่านบานกระจกโปร่งจนโต๊ะไม้สนกระจ่างตา กระถางดินเท่าฝ่ามือวางเรียงราย เมื่อเห็นความกะทัดรัดบวกความเรียบง่ายของมันเทมาริก็เผลอคลี่ยิ้มออกมา
ด้วยความขะมักเขม้นที่จะเลือกสรรของขวัญอย่างพิถีพิถันตามความตั้งใจของตัวเองที่อยากจะทิ้งไว้ให้ชิกามารุไว้แทนการแสดงไมตรีจิตตอนเขากลับมาหลังจากเธอกลับซึนะงาคุเระไป และเพื่อตอบแทนการที่เด็กหนุ่มยอมตกที่นั่งลำบากโดยไม่สนใจผลกระทบต่อตัวเองแลกกับการช่วยเธอไว้แบบไม่แม้แต่จะหยุดคิด เพราะเมื่อเธอได้รับฟังเรื่องทั้งหมดจากปากของนินจาร่วมหน่วยของชิกามารุที่เข้ามาดูแลเธอในฐานะผู้ช่วยประสานงานหลังจากนั้นตามการฝากฝั่งของชิกามารุก่อนที่เจ้าตัวจะไปนั้น สิ่งที่ถาโถมเข้ามาผสมปนเปกันไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่ประการสำคัญคือความรู้สึกอันท่วมท้นมากมายของความอบอุ่นใจกับสิ่งซึ่งซึมลึกลงไปกอบกุมใจเธอไว้ ทั้งยังเล่นกลพิศวงจนมันเต้นไม่ส่ำยามระลึกได้ว่าเธอมีความสำคัญกับเด็กหนุ่มแบบที่เขาพร้อมจะเสียสละตัวเองให้
เธอรู้สึกขอบคุณแต่ก็กล้ำกลืนกับความรู้สึกผิดที่ทำให้อีกฝ่ายต้องเดือดร้อน
ของขวัญที่เธอเลือกอยู่นี้ นอกจากมันจะอยู่ในฐานะคำขอบคุณ จึงยังเป็นสิ่งแทนการตอบรับเยื่อใยที่ถึงขั้นยอมเพื่อเธอได้เพียงนั้นเช่นกัน ด้วยสมาธิจดจ่ออันเนื่องมาจากความตั้งใจดังกล่าว หญิงสาวไม่ทันได้ยินเสียงกระดิ่งที่หน้าประตูของบรรดาลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาหรือความเป็นไปอื่นรอบด้าน แม้กระทั่งสิ่งอื่นใดที่อยู่นอกเหนือความจดจ่อของตน ทั้งยังไม่ทันตั้งตัวทีเดียวตอนที่อิโนะขยับเดินเข้ามาในอาณาเขตใกล้เคียง
เด็กสาวบ้านยามานากะยิ้มสดใสและเห็นได้ว่าชัดว่ากระตือรือร้นอยากจะช่วยเหลือเธออย่างมาก นั่นทำให้เทมาริที่ค่อนข้างเกรงใจจะรบกวนเวลาของสาวเจ้าของร้านเองทำใจปฏิเสธน้ำใจไมตรีของอีกฝ่ายไม่ลง ไม่กล้าออกปากเป็นอื่นนอกจากปล่อยให้เพื่อนสนิทของชิกามารุเลียบๆ เคียงๆ ด้วยสายตาที่คล้ายจะจ้องเขม็งทำท่าเหมือนอยากจะไขข้อข้องใจอะไรสักอย่างอยู่เนื่องๆ ขณะเธอพยายามเลือกต้นไม้ขนาดหย่อมในกระถางเล็กน่ารักตรงหน้าด้วยความตั้งอกตั้งใจ ค่อยๆ หยิบขึ้นมาพินิจดูทีละกระถางพลางคิดถึงใบหน้าเหนื่อยหน่ายตอนที่ผู้รับจะเห็นของไปด้วยว่าเขาคงต้องบ่นอุบอิบถึงความลำบากยากเข็ญในการดูแลมัน และคงไม่พ้นประโยคที่ว่าน่าเบื่อน่ารำคาญเป็นแน่
“เทมาริซังเนี่ยใส่ใจเจ้าชิกามารุจังเลยนะคะ” ถึงแม้เด็กสาวเจ้าของร้านจะเอ่ยปากเป็นความนัยหวังเข้าถึงประเด็นสำคัญที่ต้องการรู้เช่นนี้ แต่เทมาริที่ไม่ได้รู้เท่าทันสักนิดว่าอีกฝ่ายกำลังล่อหลอกก็เพียงยิ้มรับกลับไป ส่วนหนึ่งก็เพราะไม่รู้จะตอบคำถามดังกล่าวอย่างไรจึงจะเหมาะสมด้วย ถ้าว่ากันตามตรงสิ่งที่เธอทำจะเรียกว่าเป็นการใส่ใจได้หรือไม่ เจ้าตัวเองก็ยังไม่แน่ใจ เนื่องจากที่เธอประสงค์เช่นนี้เป็นเพราะจะใช้ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ เป็นการบอกว่าถ้าเขากลับมาไม่ทัน เธอจะไม่เป็นไร และอยากให้เขาได้รู้ว่า ต่อให้จะเป็นเช่นไร ความรู้สึกของเธอก็เต็มไปด้วยความพึงใจจะสานต่อเยื่อใยสัมพันธ์
ไม่ว่าจะเป็นไปในวิถีทางใด ของขวัญจากเธอคือนัยยะที่สื่อถึงความหมายเหล่านั้น
อย่างไรก็ตาม ยามานากะ อิโนะยังคงจับจ้องรอคอยคำตอบ ทว่าเมื่อคู่สนทนาเพียงแต่ยิ้มน้อยๆ ราวกับไม่รู้ว่าถ้อยคำเปรยๆ ดังกล่าวหวังจะได้รับการสานต่อ เด็กสาวทายาทตระกูลยามานากะก็ดูเหมือนจะยอมถอดใจเล็กน้อย เหตุเพราะกับคุโนะอิจิจากทะเลทรายคนนี้แล้ว ตนไม่อาจสู้ได้เลยในทุกๆ ด้าน ทั้งลักษณะที่มีความเป็นผู้ใหญ่กว่า วางตัวดีน่าชื่นชม อีกทั้งบรรยากาศรอบตัวซึ่งดูเพียบพร้อมและสูงสง่า นั่นทำให้เธออดนึกแอบปลื้มและกริ่งเกรงอยู่ในทีไม่ได้ และที่แน่ๆ คือหากชิกามารุรู้ว่าตนมายุ่งย่ามจนหญิงสาวจากทะเลทรายของเขาต้องลำบากใจขึ้นมา มีหวังเธอได้เจอมรสุมลูกใหญ่ซึ่งไม่ค่อยจะได้เผชิญบ่อยนักจากจอมขี้เบื่อหมดไฟอย่างไม่ต้องสงสัย ฉะนั้น สุดท้ายแล้ว การตัดสินใจล่าถอยออกมาคงจะเหมาะสมที่สุด
ไม่ว่าใครต่างก็ตระหนักดีว่ายามชิกามารุมีอารมณ์ขุ่นมัวและเกิดโทสะคับข้องขึ้นมาแล้ว ภายใต้ความเรียบเฉยกับท่าทีเหนื่อยหน่ายนั่นคือพายุกระหน่ำแรงที่ไม่มีผู้ใดกล้าฝ่าเผชิญ เสมือนหนึ่งคลื่นรุนแรงใต้ผิวน้ำอันสงบนิ่ง และลาวาคุกรุ่นใต้แผ่นน้ำแข็งอันเยือกเย็น เหล่านี้เองก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่นารา ชิกามารุไม่เคยถูกกล้าลองดีด้วยเลยสักครั้ง นอกจากนี้ ถึงแม้เขาจะเบื่อหน่ายและเรียบเรื่อยในอารมณ์เป็นนิจแต่เหตุที่ไม่เคยถูกใครกังขาหรือหลงประเมินค่าต่ำในความสามารถ เพราะทุกคนต่างก็ตระหนักดีถึงความหลักแหลมเฉียบคมตลอดจนเขี้ยวเล็บที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังใบหน้าหน่ายเซ็งเป็นนิสัยนั่น บรรดาเพื่อนร่วมรุ่นตลอดจนผู้คนที่ได้มีโอกาสรู้จักมักคุ้นต่างก็ประจักษ์แบบเดียวกัน
จริงอยู่เขาก็มีข้อด้อยของตนเพราะไม่ได้มีพลังกายในการต่อสู้ล้นเหลือ เหมาะจะเป็นฝ่ายสนับสนุนกลยุทธ รับบทกุนซือที่จะขาดไปเสียไม่ได้เลยมากกว่า ทว่าเหนือสิ่งอื่นใด เขาแน่วแน่ เก่งกาจ เป็นที่ยำเกรง อีกทั้งยังไม่อาจประมาทได้ไม่ว่าอยู่ในสนามรบไหนเป็นแท้จริง
อิโนะลอบมองคุโนะอิจิแห่งทรายจากเคาน์เตอร์ เห็นได้ชัดว่าชิกามารุคนดังกล่าวแพ้ผู้หญิงคนนี้ราบคาบ เจ้าของใบหน้าเนือยนายนั่นถูกกำราบเสียอยู่หมัดในคราวเดียว เพราะเป็นเทมาริแห่งซึนะนี่เองมิใช่หรือที่ทำให้ทายาทตระกูลนาราสูญเสียความเยือกเย็น ทั้งยังตกที่นั่งลำบากได้ถึงขนาดนั้น ไม่ว่าจะในแง่จงใจยอมโดนลงโทษจากการฝืนกฎผู้คุมสอบโดยรู้อยู่เต็มอกเพื่อช่วยคุโนะอิจิคนนี้แบบไม่จำเป็นต้องยั้งคิด ตลอดจนแง่ของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังตกหลุมความรู้สึกอันมีต่อผู้หญิงสักคนเข้าไปเต็มๆ อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ถ้าทั้งหมดนั่นไม่ใช่การกระทำของคนที่มองไม่เห็นสิ่งอื่นใดนอกจากเธอคนนั้นของใจอยู่ตรงหน้าแล้ว บุตรสาวบ้านยามานากะซึ่งแน่ใจว่าตนเชี่ยวชาญด้านนี้ก็ไม่รู้จะให้คำจำกัดความเป็นอื่นใดไปได้อีก
ทำไมผู้ชายขี้เบื่อพรรค์นั้นถึงได้รสนิยมสูงนักนะ ช่างมีรสนิยมดีจริงๆ
ทั้งที่ปกติแล้วไม่ว่ากับเรื่องใด เธอมักจะเห็นชิกามารุไม่ค่อยจะใส่ใจหรือสนใจอะไรต่อมิอะไรมากกว่าตามอัตภาพ เขาใช้ชีวิตด้วยนิยามความเชื่อของตนต่อวิถีปกติสุขเรียบง่ายแท้ๆ แต่กลับใฝ่ใจเข้าหาผู้หญิงซึ่งไม่ว่ามองมุมไหนก็เพียบพร้อม สง่างามไปหมดคนนี้เข้าให้ แถมยังไม่ได้หมายจะได้มาง่ายๆ ด้วย – อิโนะนึกค่อนขอดเพื่อนหนุ่มสุดซี้ซึ่งคบหากันมาตั้งแต่จำความได้ของตน
ลงนารา ชิกามารุปักใจแล้ว เทมาริแห่งทะเลทรายจะอยู่ในสถานะพิเศษและทรงอิทธิพลยิ่ง เขาจะถือทุกอย่างเกี่ยวกับเทมาริเป็นจริงเป็นจัง และถ้าเป็นเรื่องของเธอก็จะผ่อนผันหรือปล่อยผ่านไปไม่ได้ เพื่อนเธอไม่ค่อยให้มันกับใครง่ายๆ นักหรอก ก็ในเมื่อเป็นคนช่างหน่ายเซ็งถึงขนาดนั้น ยามานากะ อิโนะยังคงจดๆ จ้องๆ ยังคุโนะอิจิผู้มาจากหมู่บ้านใต้เงาทรายซึ่งพิถีพิถันอยู่กับการเลือกสรรพืชในกระถางอย่างใจจดใจจ่อ บุตรสาวบ้านยามานากะถึงได้แน่ใจถึงขั้นพร้อมฟันธงว่าเทมาริเองก็มีสัมพันธ์บางประการให้ชิกามารุด้วยเช่นกัน มิฉะนั้นคุโนะอิจิที่ใครต่อใครเล่าลือเป็นเสียงเดียวว่าน่าหวาดเกรง ไว้ตัว อีกทั้งยังแข็งกร้าว คงไม่เจียดเวลามาละเมียดละไมเลือกดอกไม้ด้วยสีหน้านุ่มนวล แฝงความคะนึงหาต่อผู้ที่เจ้าตัวกำลังจะมอบมันให้อย่างนี้เป็นแน่
ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดถึงความสัมพันธ์และสถานะของคนทั้งสองด้วยความตื่นเต้นระคนไปกับการตริตรองถ้วนถี่อย่างสุขุม อิโนะก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าเป้าหมายของการสังเกตการณ์มาอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว พร้อมด้วยกระถางของพืชอวบน้ำขนาดเหมาะเจาะพอจะสามารถถือบนฝ่ามือได้ในความครอบครอง
ใบหน้าสวยคมฉายแววภาคภูมิใจ รวมทั้งยังพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ตนเลือกมาไม่น้อย เธอชอบต้นไม้ ชื่นชมดอกไม้ อีกทั้งงานอดิเรกซึ่งน้อยคนนักจะรู้คือการชมสวน นั่งดูดอกไม้ได้เป็นวันๆ แถมยังปลูกพืชชนิดนั้นชนิดนี้โดยมีพื้นที่เล็กๆ หลังเรือนของคาเสะคาเงะที่เธอสงวนไว้สำหรับตนเองเพื่อตั้งเรือนเพาะชำ ปลูกสวนขนาดย่อมๆ ส่วนตัวขึ้น คอยดูแลประคบประหงมไม้ดอกนานาพรรณจากแหล่งต่างๆ ซึ่งหาไม่ได้ในซึนะงาคุเระ ตอนชิกามารุพาไปยังทุ่งดอกไม้ในป่าประจำตระกูลเขา เธอถึงมีความสุขมาก ยังไม่นับรวมความเชี่ยวชาญแตกแขนงในเรื่องเกี่ยวกับพืชพรรณนานาชนิดอันเป็นผลพวงมาจากความชื่นชอบนั่นด้วย เป็นต่างหลักฐานชั้นดีว่าเทมาริแห่งทะเลทรายมีมุมน่ารักละเอียดอ่อนแฝงอยู่ไม่น้อย
อันที่จริงไม้ประดับกระถางเล็กนี่เป็นหนึ่งในพันธุ์พืชน้อยชนิดที่เติบโตเหนือผืนทรายรกร้างของคาเสะโนะคุนิได้ ถ้าเธออยู่ซึนะ คงไม่ออกมาซื้อหา แต่จะนำหนึ่งในต้นที่ปลูกในเรือนเพราะชำส่วนตัวของตนมาให้ ทว่าเพราะปรารถนาจะทิ้งมันไว้ต่างของแทนความรู้สึกว่ายังมีเชื่อมโยงผูกพันกับเขาอยู่ก่อนจะออกจากโคโนะฮะ จึงไม่มีทางเลือกอื่น เธอที่รู้จักพืชชนิดนี้ดีถึงได้ตั้งเป้าหมายตั้งแต่ออกมาร้านดอกไม้ยามานากะซึ่งทุกคนต่างแนะนำแล้วว่าจะเสาะหาเจ้าพืชอุ้มน้ำนี้เป็นของขวัญ ความคิดไหลผ่านเทมาริไปขณะเจ้าตัวสาวเท้าเดินมาวางมันลงบนเคาน์เตอร์
“ตายแล้วเทมาริซัง เลือกได้ดีมากเลยค่ะ! เหมาะกับหมอนั่นมาก” น้ำเสียงตื่นเต้นจากอิโนะถูกส่งออกมาทันทีอย่างอดไม่ได้ เพราะพริบตาที่ทายาทตระกูลยามานากะเห็นเจ้าพืชอวบน้ำปราดเดียวก็บอกได้ทันทีเลยว่าคุโนะอิจิแห่งทะเลทรายรู้จักนารา ชิกามารุดี แถมยังละเอียดลออต่อวิถีชีวิต ความคิดอ่าน รวมถึงความสะดวกของเพื่อนเธออย่างถ่องแท้หมดจด
หมอนี่มีคนรู้ใจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงขั้นน่าหมันไส้เลยทีเดียว ทายาทบ้านยามานากะนึกตื่นตะลึง เห็นได้ชัดว่าต่อให้ชิกามารุคร้านจะใส่ใจจนวางต้นไม้ทิ้งไว้หรือติดพันภาระหน้าที่ต่างๆ ซึ่งมักจะวิ่งเข้าหาเขาอยู่เสมอด้วยเหตุจากการได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจและนับถือในความสามารถก็ไม่เป็นไร ไม้พันธุ์เก็บน้ำที่เทมาริเลือกมาจะยังคงอยู่รอดปลอดภัย แม้อิโนะจะมั่นใจยิ่งกว่าว่าชิกามารุไม่มีทางปล่อยให้ต้นไม้จากผู้หญิงซึ่งเขาบ่นว่าน่าเบื่อน่ารำคาญทุกครึ่งคำในเชิงเอ็นดูและเย้าหยอก กึ่งๆ จะปฏิเสธแก้เก้อ แต่ขณะเดียวกันก็ฝักใจใฝ่หาสาวเจ้ายิ่งกว่าอะไรนั้นต้องเฉาตายไปแน่นอน ดีไม่ดีจะใส่ใจดูแลมากไปจนต้นไม้จะทนไม่ไหวเอาสิ เห็นขี้เบื่อหมดไฟแบบนั้นแต่จริงๆ แล้วกลับอ่อนโยน ทั้งยังเอาใจใส่มากกว่าที่แสดงออกภายนอกหลายต่อหลายเท่า
เธอน่ะรู้ดี ปัจจัยหนึ่งก็น่าจะมาจากเวลาแวะไปร้านเนื้อย่างคิวหลังจบภารกิจทีไร ขณะเธอกำลังทะเลาะกับโจจิที่แย่งเนื้อส่วนซึ่งตนคอยถนอมไว้จนหมด ชิกามารุก็มักจะเสบ่นพิรี้พิไร้ แต่กลับเป็นฝ่ายนั่งย่างเนื้อให้ใหม่เงียบๆ คอยบริการพวกเธอโดยไม่พูดอะไรทุกครั้ง อิโนะแน่ใจว่าเทมาริเองก็รับรู้ได้ถึงจุดนี้ของอีกฝ่ายเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดที่อิโนะคาดการณ์ได้ว่าหญิงสาวผู้มาจากทะเลทรายย่อมรู้นั่นเป็นเพียงส่วนน้อยนัก ยังไม่ครอบคลุมแม้เศษเสี้ยวของความเป็นจริงที่ว่าเทมาริตระหนักและเข้าใจถึงตัวตน เนื้อแท้ ตลอดจนคุณลักษณะอันหล่อหลอมเป็นชิกามารุอย่างไรบ้าง แถมยังมากมายถ่องแท้ถึงเพียงใดด้วย คุโนะอิจิแห่งซึนะเข้าถึงความคิดจิตใจของผู้ชายซึ่งเริ่มแทรกซึมมามีบทบาทต่อตัวเธอทีละน้อยตั้งแต่แรกเริ่มเรื่อยมาจนค่อยๆ ก่อร่างสร้างเป็นสัมพันธ์และเยื่อใยความรู้สึกอันหยั่งรากลึกยังก้นบึ้ง เทมาริเรียนรู้นิสัยใจคออีกฝ่ายได้อย่างกระจ่างจากสิ่งละอันพันละน้อยที่ชิกามารุทำให้หรือปฏิบัติด้วย กระทั่งเรื่องละเอียดหยุมหยิมต่างๆ ที่เขาใส่ใจ มันค่อยๆ สั่งสม เกิดเป็นการเรียนรู้ซึ่งกันและกันตลอดจนถักทอเป็นความผูกพัน
ข้อเท็จจริงประการหนึ่งคือ คุโนะอิจิสาวผู้มาจากทะเลทรายไม่คิดปฏิเสธแม้แต่น้อยว่าตลอดเวลาที่ได้รู้จักจวบจนสานปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในหลากหลายรูปแบบมาถึงเวลานี้ ชิกามารุเอาใจใส่เธออย่างไม่ขาดตกบกพร่องแต่ประการใด นอกจากมองเห็นด้วยตา รับรู้ด้วยการกระทำ ก็ยังสัมผัสได้ด้วยใจ เธอประจักษ์แจ้งดี ฉะนั้นแล้ว โดยส่วนมาก คำพูดประเภทว่าน่าเบื่อน่ารำคาญชะมัดอะไรเถือกนั้นก็แค่พูดติดปากเป็นฉากหน้า ลึกๆ คือมันสมองที่จะขาดไปเสียไม่ได้คนนี้เป็นพวกแบกรับความรับผิดชอบต่อคนอื่น – รวมถึงสิ่งที่ตัวเองเชื่ออย่างการใช้ชีวิตเรียบเรื่อยตามประสา – อย่างเอาจริงเอาจังเคร่งครัด ยึดถือความเชื่อมั่นของตน แม้จะบ่นก็ยังทุ่มเทอย่างหนักเต็มความสามารถ เป็นคนจริงจังและหนักแน่นต่อตัวเองแบบนั้นนั่นเอง
มันเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เธอยอมรับนาคิมุชิคุงไว้จุดที่สูงนัก ทั้งยังยอมให้เขาอยู่ในสถานะที่เหนือกว่าโดยง่าย ไม่นึกสงสัย ทุกครั้งยามเทมาริประหวัดถึงนารา ชิกามารุ ก็มักจะมีข้อเท็จจริงหนึ่งผนวกร่วมมาด้วย เขาเป็นคนคิดถึงผู้อื่น ถึงได้รับการชื่นชม ลำพังแค่มันสมองกับสติปัญญาอัจฉริยะนั่นคงไม่เป็นที่ไว้วางใจหรือยอมรับนับถือ หากไม่รู้จักคิดคำนึงถึงคนรอบข้าง ชิกามารุจึงเป็นคนที่เธออยู่ด้วยแล้ววางใจ วางทุกอย่างลงด้วยพบเจอความสงบ ไม่รู้เป็นเพราะความไม่เร่งร้อน มีความหนักแน่นพร้อมรับมือสิ่งต่างๆ อย่างสุขุมเยือกเย็น รวมถึงความใจเย็นอันมีสติรอบคอบกับความมั่นคงทางอารมณ์ของเขาหรือไม่ แต่เขาทำให้เธออบอุ่นสบายใจ เชื่อมั่นได้เสมอ
นัยน์ตาสีเขียวครามเฝ้ามองคนตรงหน้ารับกระถางต้นไม้ใบย่อมบนเคาน์เตอร์มาไว้ในมือเพื่อตรวจดู พร้อมกับจัดแต่งความเรียบร้อยครั้งสุดท้ายก่อนปล่อยมันไปกับเจ้าของคนใหม่เงียบๆ ไม่ได้สานต่อถ้อยคำตื่นเต้นออกรสจากเมื่อครู่ก่อนของเด็กสาว ทว่ากระนั้น แม้อิโนะจะเพิ่งกล่าวกับคุโนะอิจิแห่งซึนะอย่างตื่นอกตื่นใจออกมาหมาดๆ ทายาทตระกูลยามานากะก็ยังระงับความกระตือรือร้นไม่ได้ เธอถึงริเริ่มบทสนทนาคาบเกี่ยวหัวข้อเดิมกับเทมาริต่ออีกครั้ง ดวงตาสีฟ้าทอประกายรื่นเริง
“ไม่ว่าคิดยังไง เทมาริซังก็ช่างรู้ใจหมอนั่นจริงๆ นั่นแหละค่ะ อีกอย่าง เห็นอย่างนี้ ในฐานะลูกสาวร้านดอกไม้แล้วดูออกเลยว่าเทมาริซังก็เชี่ยวชาญเรื่องพรรณไม้ไม่ธรรมดา ปกติถ้าคนไม่รอบรู้ล่ะก็คงคิดไม่ถึงต้นไม้ประเภทนี้แล้วก็จะเลือกไม่ได้เหมาะเหม็งกับผู้รับขนาดนี้ด้วย ขอเดาว่าเทมาริซังคงจะชอบดอกไม้สินะคะ สุดยอดไปเลยค่ะ”
“ก็… ไม่ถึงขนาดนั้น”
ฝ่ายผู้ถูกพาดพิงคล้ายจะยิ้มเอียงอายเหมือนกำลังขบขันตัวเองอยู่ ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เจือด้วยความสุขุมนุ่มนวลแบบที่มีวุฒิภาวะน่านับถือต่อคนอายุน้อยกว่า ระคนไปกับการถ่อมตัวอันเป็นธรรมชาติและน่าเลื่อมใส หากแต่ก็ยังให้ความรู้สึกว่าเธอภูมิใจอยู่กลายๆ ด้วยลักษณะของคนมีความมั่นใจในตัวเองเช่นกัน มันให้บรรยากาศที่อิโนะรู้สึกว่าน่ารักน่าเอ็นดูและอยากผูกมิตรด้วยยิ่งขึ้นไปอีก “เจอผู้เชี่ยวชาญตัวจริงพูดแบบนี้แล้วก็อดเขินไม่ได้เลยนะ ฉันน่ะเป็นคนจากซึนะงาคุเระ ที่นั่นไม่ค่อยมีพืชพันธุ์อะไรเจริญหูเจริญตาให้ชื่นชม ฉันก็เลยสนใจอะไรพวกนี้เป็นพิเศษแล้วก็เลยหาพืชชนิดนั้นชนิดนี้มาลองปลูกบ้างเท่านั้นเอง แค่เป็นผลพลอยได้จากความชอบ ไม่ได้รอบรู้อะไรเท่าไหร่นักหรอก”
ตอนที่อีกฝ่ายยิ้มตอบกลับมานั้น ชั่วขณะหนึ่งคุโนะอิจิเพียงคนเดียวของทีมสิบก็เกือบจะเข้าใจถ้วนทั่วว่าเหตุใดชิกามารุถึงได้ถูกอิทธิพลของผู้หญิงคนหนึ่งเข้าไปมีบทบาทเหนือตัวเองเต็มๆ เด็กสาวเกือบจะเขินไปเลยด้วยซ้ำจึงเอาผมทัดหูเงียบๆ พลางค่อยๆ จัดทรงใบแข็งๆ อันได้รูปของพืชอวบน้ำ บางทีเธออาจจะได้จุดอ่อนของชิกามารุมาไว้ในมือแล้ว เพื่อนเธอต้องพ่ายแพ้รอยยิ้มนี่ และหากเทมาริร้องขอสิ่งใด แน่นอนว่าชิกามารุอาจจะบ่นอุบอิบสองสามครั้งตามประสา แต่ก็ยอมให้อยู่นั่นเอง
คิดแล้วอิโนะก็นึกอยากเห็นนัก เจ้าคนขี้เบื่อหมดไฟที่พ่ายแพ้หมดท่ารวมถึงมันสมองหลักแหลมที่ไปไม่ถูกยามต้องรับมือกับเพศที่เขาทั้งขยาดพ่วงด้วยการกล่าวอ้างว่าหน่ายนักหนา หากทว่าสตรีเพศคนหนึ่งกลับพิเศษจนตัวเขาเองและอคติต่อเพศตรงข้ามใดๆ ไม่อาจสู้ได้อย่างสิ้นรูป ทายาทตระกูลยามานากะไม่ทันรู้ตัวว่าแสดงสีหน้าหมายมั่นปั้นมือออกไป ตอนที่เทมาริแห่งทรายตีสีหน้าเป็นคำถามกลับมา เธอถึงกลบเกลื่อนโดยการยิ้มเผล่ไปให้ ชั่วขณะดังกล่าวก็เกือบจะเอ่ยปากเสนอด้วยเช่นกันถึงบริการห่อของขวัญสุดพิเศษ แต่แล้วก็พลันนึกขึ้นได้ว่าภารกิจของชิกามารุยังไม่สิ้นสุดลง อีกทั้งยังไม่มีข่าวคราวคืบหน้าถึงการกลับมาในเวลาอันใกล้
ระหว่างกำลังขบคิด เทมาริก็เป็นฝ่ายคลี่คลายประเด็นของเธอก่อนราวกับหยั่งรู้ได้ “อิโนะจังช่วยจัดมันลงกล่องไว้เฉยๆ ก็ได้ ไม่ต้องตระเตรียมอะไรเป็นพิเศษ ฉันไม่รู้ว่าชิกามารุจะกลับมาเมื่อไหร่ ระหว่างนี้ก็คงจะคอยดูแลให้ก่อน แล้วค่อยให้เจ้าตัวเขาตอนเจอกัน”
“ได้เลยค่ะ หมอนั่นจะต้องดีใจมากแน่ๆ เชื่อได้เลย” เนื่องจากคุโนะอิจิแห่งซึนะคาดการณ์ได้เฉียบขาด ไล่ตามความคิด และไล่เรียงเรื่องราวได้ฉะฉานนัก อิโนะจึงยิ่งเห็นพ้องขึ้นอีกว่าชิกามารุกับเทมาริแห่งทรายเหมาะสมกันดีเหลือเกิน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งคู่มีความคิดที่ไล่ตามเท่าทันกันโดยไม่ต้องเอื้อยเอ่ยอะไรให้มากความ เป็นความพอดีและทัดเทียมที่น่าอิจฉายามมีใครสักคนที่สามารถเข้าใจเราได้ลึกซึ้งในระดับเดียวกัน
เด็กสาวรับคำกระฉับกระเฉงก่อนจะจัดต้นไม้ใส่กล่องด้วยความคล่องแคล่ว หญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีเขียวครามยิ้มกว้างกับคำของคนตรงหน้า ทว่าไม่ได้พูดอะไรต่อ ผู้ชายขี้เบื่อหมดไฟที่ชอบทำหน้าขึงขังแกมเหนื่อยหน่ายคนนั้นคงไม่แสดงออกชัดว่าดีใจ แต่ที่เทมาริมั่นใจแจ่มแจ้งคือต้องมีคำว่าน่าเบื่อไม่ตรงไหนก็สักแห่ง และเธอก็จะยิ้มให้กับคำว่าน่าเบื่อนั่นของเขาตามความหมายเบื้องหลังที่มันสื่อความแทนอยู่ – เพราะความจริงแล้วถ้อยคำนั้นจะเป็นตัวแทนความยินดีที่เขาไม่ได้ยอมรับมาตรงๆ ก็ในเมื่อมาจนถึงตอนนี้ เธอรู้จักชิกามารุ อ่านความคิดเขาออกทะลุปรุโปร่งยิ่งกว่าใคร เขาพูดอะไร คิดอะไร ไม่ยากเลยสักนิดที่เธอจะตามทันหมด
นั่นเป็นความอภิรมย์และความพอใจลับๆ ของเธอเลย กับการแน่ใจว่าได้เป็นคนที่เข้าถึงความเป็นนารา ชิกามารุ เชื่อมั่นในตัวเขา และรู้จักเขาดี แต่ถ้ามีใครมาบอกว่านั่นหมายความว่าเธอเป็นถึงขั้นคนรู้ใจแล้ว เธอก็จะไม่ยอมรับเด็ดขาด ไม่มีทาง ขณะข่มกลั้นไออวลแห่งความรู้สึกอันพร่างพรายซึ่งทำให้ใจอ่อนนุ่มเหมือนมีเมฆมาโอบกอดลงไปด้วย
คนรู้ใจอะไรกัน แค่รู้ไส้รู้พุงกันดีเท่านั้น
ไม่นานนัก คุโนะอิจิผู้มาจากทะเลทรายก็ได้กล่องซึ่งถูกต่ออย่างง่ายๆ ด้วยไม้สนขนาดกระทัดรัดหนึ่งใบติดไม้ติดมือออกมา เธอโค้งน้อยๆ ให้อิโนะตามมารยาทก่อนก้าวพ้นประตูร้าน เทมาริคิดว่าหากตนใช้เวลาในนั้นนานอีกสักหน่อยคงไม่แคล้วกลายเป็นถูกตะล่อมให้พูดคุยเปิดอกด้วยเป็นแน่ และเธอไม่คิดว่าการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างตนกับชิกามารุให้เด็กสาวคนนี้รับรู้จะเป็นทิศทางที่ฉลาดเฉลียวนัก
จริงอยู่ว่ายามานากะ อิโนะเป็นเด็กสาวที่ดี น่ารัก มากด้วยความเป็นมิตร แต่กระนั้นก็คงช่างคุยด้วยเช่นกัน มีหวังก่อนสิ้นแสงสุดท้ายของวัน เรื่องอะไรที่เธอพูดให้อีกฝ่ายได้รับรู้คงแพร่สะพัดไปทั่วหมู่คนรู้จักของบุตรสาวบ้านยามานากะ แถมตัวเธอเองยังไม่อาจนิยามหรือหาคำอธิบายที่เข้าเค้าในสิ่งที่เรียกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับนาคิมุชิคุงจริงๆ ด้วยซ้ำ ประการแรกย่อมเป็นคู่อริแน่ละ เป็นอดีตคู่ประลองที่สามารถไล่ต้อนเธอจนมุมเป็นครั้งแรก เขาไม่ได้เกรงกลัวหรือลังเลหวั่นไหวไปกับความแข็งกร้าวห้าวหาญของเธอเลย มันคือการให้เกียรติคู่ต่อสู้อย่างหนึ่ง เพราะการพ่ายแพ้เขาจะไม่ได้หมายถึงความอับอาย แต่เป็นสิ่งที่สุดท้ายก็ยอมรับได้เมื่อประจักษ์ถึงความสามารถอันเฉียบแหลม ไร้ข้อกังขานั่น เทมาริถึงดีใจบอกไม่ถูกยามมีคนเคารพศักดิ์ศรีตนในฐานะคู่ต่อสู้และเจอคนที่สามารถปะทะขับเคี้ยวด้วยได้เต็มที่ สมน้ำสมเนื้อสักครั้ง
หลังจากนั้นก็ถึงคราวเวียนผ่านมาข้องแวะกันอีกเมื่อเธอต้องไปช่วยเขาจากนินจาโอโตะ ในสายตาเทมาริ อีกฝ่ายเริ่มแปรเปลี่ยนสถานะเป็นนินจาต่างหมู่บ้านคนหนึ่งที่น่าจดจำชื่อไว้เพื่อความสะดวกกับการมาเยือนครั้งต่อๆ ไป ก่อนจะยกระดับเป็นนาคิมุชิคุง เกิดสมญานามตามใจชอบให้เรียกขานเป็นอันรู้กันขึ้น ค่อนเกิดความสนิทใจ
ถัดมาก็อาศัยเวลาเพียงแค่ไม่นานระหว่างเขาคอยรับรองเธอในฐานะผู้ดูแล นาคิมุชิคุงก็เปลี่ยนมาเป็นเด็กหนุ่มที่เธอเห็นว่าใช้ได้ทีเดียว เทมาริเริ่มมองลึกเข้าไปเบื้องหลังเนื้อแท้ใจจริงของเขา จึงเห็นตัวตนแท้ๆ อันผ่าเผย น่าชื่นชม ทั้งยังสะกดตรึง เป็นดังเมฆให้ความสงบเยือกเย็น เสมอต้นเสมอปลาย กับเรื่องไหนๆ ก็นำพามาซึ่งความประทับใจทีละเล็กทีละน้อย
ครั้นแล้วเขาก็กลายเป็นชิกามารุสำหรับเธอตอนที่บุกบ่ามเข้าช่วยจากป่ามรณะนั่น เธอยอมออกนามเด็กหนุ่มตรงๆ ไม่แสร้งกลบลืมมันไว้ แทนความหมายว่ายอมรับเขาหมดสิ้นและจับใจ จนสุดท้ายเธอก็ไม่อาจมองเขาเป็นแค่เด็กหนุ่มได้อีกต่อไป แต่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง
ยามที่เขาละทิ้งซึ่งสำนึกสติ กระทั่งเหตุผลใดๆ กระโจนลงทะเลสาบ ช่วยเธอไว้เช่นนั้น นารา ชิกามารุกลายเป็นผู้ชายที่เธอมอบจุมพิตล่ำลา ประทับให้ไปบนหน้าผากพร้อมๆ กับการยอมรับความรู้สึกในใจตัวเอง และพลันรู้ตัวว่าต้องหวนทบทวนความรู้สึกของตน
ทว่าพอพิจารณาเรื่องราวผ่านๆ มาก็ยิ่งเปลี่ยนสถานะระหว่างกันให้กลายเป็นอะไรที่ซับซ้อนเข้าไปใหญ่ ด้วยบางอย่างซึ่งก่อเกิดกลางใจมันแปลกใหม่ ไม่เคยสัมผัสมาก่อน นุ่มนวลอ่อนหวานนัก หญิงสาวคิดว่าตัวเองฝักใฝ่หาเขามากเกินไป ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้ามาทรงอิทธิพลมากไป และลงท้ายก็เอาแต่คิดถึงเรื่องของเด็กหนุ่มใบหน้าเฉยเมยนั่น กระแสความคิดมักจะหวนไปหาเขาเสมอ
รอบด้านเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาของหมู่บ้านที่ซ่อนเร้นอยู่ใต้เงาไม้ เธอเดินผ่านออกมายังถนนสายหลักของย่านการค้าซึ่งมีผู้คนคึกคัก ลัดเลาะไปตามตรอกที่ชิกามารุเคยพาเดินผ่าน แม้เวลานั้นเขาจะไม่บอกตรงๆ แต่การพาเธอใช้เส้นทางหลากหลายในตัวหมู่บ้านก็สื่อแทนความนัยให้เธอเข้าใจกลายๆ ได้ว่าอยากแนะนำให้รู้จักถนนหนทางต่างๆ ไว้โดยหวังว่าจะเป็นประโยชน์ เขาคิดเผื่อเธอล่วงหน้าหลายก้าวเหมือนเวลาหัวแหลมๆ นั่นวางกลยุทธไว้นับร้อยๆ ตานั่นแหละ มันสามารถใช้หลบเลี่ยงความพลุกพล่านได้ แล้วยังย่นย่อระยะทาง เพิ่มความสะดวกมากขึ้นด้วย เธอไปไหนมาไหนในโคโนะฮะได้คล่อง รู้จักเกือบทุกซอกทุกมุมก็ต้องขอบคุณผู้ชายขี้เบื่อคนหนึ่งซึ่งลอบทุ่มเทเอาใจใส่อย่างเห็นได้ชัด แล้วไหนจะพวกเส้นทางลับอันปรากฏทิวทัศน์ที่แต่งแต้มด้วยทัศนียภาพรื่นตารื่นใจทั้งหลายอีก
เขารู้ว่าเธอชอบดอกไม้และการชมสวน ถึงตั้งใจพาผ่านถนนอันเป็นที่มักคุ้นในวงแคบพวกนั้นเพื่อความพอใจของเธอ
นินจาหลายนายกระโดดผ่านหลังคาไป ทว่าเทมาริไม่ได้ใส่ใจพอจะถ่ายเทความสนใจไปให้ ส่วนหนึ่งก็เพราะกำลังนึกสงสัยใคร่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าเช่นไรตอนได้รับของขวัญชิ้นนี้ กิ่งซากุระที่บานอยู่สองข้างทางโน้มเข้าหากันเหมือนหลังคา กลีบดอกสีอ่อนร่วงหล่นลงมากับกระแสลมโชยผ่านเหมือนละอองล่องลอยกลางอากาศ
ระหว่างคุโนะอิจิแห่งซึนะกำลังครุ่นคิดกับตัวเองอยู่นั่น ท่ามกลางเสียงผู้คนกวักไกว่ไปมาและกระแสความเป็นไปของฤดูใบไม้ผลิที่เคลื่อนผ่านรอบตัว เธอมีอันต้องชะงักเมื่อเด็กกลุ่มหนึ่งวิ่งสวนมา บรรดาเงาร่างเล็กๆ อันว่องไวปราดเปรียวที่เกาะกลุ่มกันอย่างสนุกสนานร่าเริงต่างพุ่งตรงเข้าหา ครั้นใกล้ถึงตัวเธอซึ่งไม่ทันได้ขยับเขยื้อนตัวหนี ต่างก็หลีกเธอที่ได้แต่ยืนตั้งตัวไม่ติด ขนาบกันไปทั้งสองทาง ความเร็วของแรงวิ่งกับรูปการณ์ความเคลื่อนไหวที่เกือบจะเป็นการพันแข่งพันขาดังกล่าวทำเอาเทมาริซึ่งหาได้จดจ่ออยู่กับภาวะรอบตัวนักสูญเสียการทรงตัวเล็กน้อย จังหวะที่คิดว่าตัวเองอาจจะล้ม แต่ทำอย่างไรสมองกลับสั่งการให้ปกป้องกล่องไม้ในมือก่อนเป็นอันดับแรก จึงไม่ได้คิดถึงการกลับมายืนทรงตัวให้สมดุลแม้แต่น้อย เธอถึงไม่เหลือทางเลือกอื่นให้ตัวเองนอกจากคงต้องลงสัมผัสพื้นจริงๆ ขึ้นมา
เทมารินึกตำหนิตัวเองขณะเสียหลักอย่างไม่อาจกลับตัวทัน ความรวดเร็วเกินรับมือจากเหตุการณ์ทั้งหมดส่งผลต่อการทำงานของประสาทรับรู้ ภายในศีรษะหมุนวนเล็กน้อย ภาพเบื้องหน้าวูบไหว ขณะทั่วสรรพางค์คล้ายจะกลายเป็นท่อนไม้ที่อยู่นอกเหนือสติควบคุม
ทว่าทุกอย่างกลับพลันหยุดลงเพียงหนึ่งลมหายใจถัดมา พื้นกลับมาสม่ำเสมอ ภาพอันคลอนแคลนคืนสู่ปกติ ทั้งยังไม่ได้รู้สึกว่าตนเคยจะล้มลงแม้แต่น้อยด้วยแรงหนึ่งซึ่งดึงรั้งตัวเธออยู่ การณ์หวนเป็นดังเดิม จะมีก็แค่สิ่งหนึ่งเพิ่มเติมขึ้นต่างจากเมื่อครู่ นั่นคือแรงกระทำและน้ำหนักที่ประทับลงบนแขน อุณหภูมิอุ่นๆ รวมถึงความมั่นคงในความหน่วงนั่นพุ่งตรงสู่ห้วงสำนึก
มือหนึ่งดึงเธอไว้
นอกจากนี้ น้ำหนักกับสัมผัสอันคุ้นเคยของมือและการเป็นหลักอันหนักแน่นดังกล่าวก็อบอุ่นไปถึงดวงใจ ไม่ต้องอาศัยถ้อยคำบอกกล่าวใด มันแผ่ซ่าน กำซาบซึมเข้ามาราวกับกำลังประคองใจเธออยู่ เทมาริตระหนักได้เพียงเสี้ยวหัวใจเต้นหนึ่งจังหวะว่าเจ้าของมือมั่นคงนี่คือใคร
ก็มันชี้ชัดมาตลอดอยู่แล้วมิใช่หรือว่าสัมผัสนี้เป็นนารา ชิกามารุ ผู้ชายคนหนึ่งที่เธอกำลังเฝ้ารอ
เมื่อหญิงสาวตั้งหลัก กลับมายืนตัวตรงได้ด้วยแรงยึดจากอีกฝ่ายซึ่งแค่กระชับจับไว้อย่างนิ่งเฉย ไม่ทุกข์ร้อน ทว่านั่นคือความเยือกเย็นต่อสถานการณ์ที่ละลายทุกความตื่นตระหนกลงได้ หญิงสาวก็หมุนตัวหันไปหา ก่อนจะพบเจ้าของใบหน้าเนือยนายอันคุ้นเคยกำลังยืนขรึม ทำหน้าเคร่งราวกับจะดุเด็กสักคน
แล้วเด็กคนนั้นไม่ใช่บรรดาเด็กซุกซนที่วิ่งสวนผ่านไป แต่เทมาริกลับรู้สึกได้ว่าเป็นตัวเธอเอง
นั่นทำให้ความกล้าแกร่งใดๆ ตลอดจนความรู้สึกข้างในแทบจะสู้ไม่ได้ สิ้นท่าขึ้นมาเสียอย่างนั้น ถ้าพิจารณาตามตรง คุโนะอิจิแห่งซึนะห่างไกลจากคำว่าเสียหน้า แถมยังเกิดอุณหภูมิร้อนผ่าวน้อยๆ บนแก้มเอาดื้อๆ ชิกามารุอยู่ในชุดเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เขาสวมครั้งออกจากหมู่บ้าน ใบหน้ากร้านขึ้นเล็กน้อย ดูกร้าวแกร่ง แถมยังเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิมด้วย โครงหน้าที่โยงลงมาถึงสันกรามดูเคร่งขรึมและคมคายไม่น้อย ในเวลาเพียงแค่นี้ ทำไมพวกผู้ชายถึงได้โตเร็วกันนักนะ พริบตาเดียวก็เป็นชายหนุ่มหนักแน่นเต็มตัวแล้ว เธอที่มีน้องชายสองคนนึกค่อนขอด ขณะฝ่ายถูกพาดพิงยืนขึงขัง วางสายตาเคร่งขรึมลงมา
“ระวังหน่อยสิ” ประโยคเรียบๆ แกมดุส่งผ่านออกมาจากปากทายาทตระกูลนารา สีหน้าฉาบความจริงจัง ด้วยความคิดจะตีหน้าขรึมเพื่อดุอีกฝ่ายให้รู้จักระวังขึ้นบ้าง ก่อนเขาจะต้องนึกเป็นห่วงเจ้าหล่อนมากยิ่งกว่าเก่าจนน่ารำคาญ เพราะแค่ทุกวันนี้ก็เอาแต่คิดถึงเธอ ละเอียดลออรอบคอบอยู่แต่กับเรื่องของผู้หญิงคนนี้จนสมองแทบไม่อาจปล่อยว่างให้ใช้กับเรื่องเรื่อยเฉื่อยอื่นๆ เหมือนกาลก่อนได้
เธอคืบคลานเข้ามาทรงบทบาทเหมือนสายลมเหนือผืนฟ้า ใต้นภาแต่งแต้มเมฆเคลื่อนคล้อย ก่ออิทธิพลให้อดรนทนไม่ได้ในหลายแง่ทีเดียว แต่น่าแปลก เขาไม่เคยมองว่ามันน่าเบื่อน่ารำคาญเช่นที่อ้าง หรือเป็นปัญหาจริงๆ สำหรับตนเลย ออกจะชอบใจด้วยซ้ำ
“ถ้าเธอเจ็บตัวไปจะว่ายังไง”
เขาคงทนไม่ได้แน่
ตอนนั้นเอง อยู่ดีๆ ชิกามารุก็ตีหน้าเคร่งกว่าที่คิดจะทำ มากกว่านึกอยากจะแสดงออกไปสักเล็กน้อยเมื่อสายตาพลันเหลือบไปเห็นกล่องไม้ในมือหญิงสาว ไม่ต้องมองซ้ำสองก็รู้ว่านั่นเป็นกล่องจากร้านยามานากะ เด็กหนุ่มจึงนึกสงสัยขึ้นทันควันว่าเหตุใดกล่องดอกไม้ถึงมาอยู่ในมือสาวเจ้าได้
มันสมองปราดเปรื่องอันได้รับการขึ้นชื่อลือชา ไม่ว่าจะการวางกลยุทธล่วงหน้าตลอดจนการวิเคราะห์สถานการณ์ได้หลายร้อยรูปแบบอย่างทะลุปรุโปร่งเริ่มทำงาน ทว่ากลับถูกรบกวนจิตใจด้วยความสงสัยใคร่รู้อันแทบจะทนคงความวางเฉยไม่ได้อยู่เนื่องๆ ตอนถึงความเป็นไปได้ว่าอาจมีใครสักคนมาติดพันหรือมอบสิ่งแทนความชอบพอแก่เจ้าหล่อน ถ้าในแง่อย่างดีที่สุดก็อาจจะเป็นอิโนะที่มอบให้ นั่นตามมาด้วยความสงสัยอีกประการ เทมาริผู้ระมัดระวังและถนอมความรู้สึกของตนต่อคนไม่คุ้นเคย เกิดสนิทสนมกับเพื่อนเขาถึงขั้นนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่
บางทีเขาอาจจะใจแคบ แต่ก็ยอมรับว่าไม่อยากให้ค่าความสำคัญของตนในสายตาเทมาริลดน้อยลง หรือถ่ายโอนไปให้คนอื่นมากกว่า เขาต้องการจะเป็นคนแรกที่เธอนึกถึงเสมอๆ ยามต้องข้องแวะเกี่ยวพันกับโคโนะฮะ
แต่แม้จะยังคงปรากฎสิ่งรบกวนใจแบบนี้ไม่สร่าง เขาก็ไม่อยากถามไถ่คลายข้อสงสัยกับอีกฝ่ายเช่นกัน เนื่องจากไม่ประสงค์จะละเมิดสิทธิส่วนตัวของเธอ ไม่ละลาบละล้วง อีกทั้งไม่อยากดูเป็นผู้ชายประเภทจุกจิกน่ารำคาญในสายตาผู้หญิงสักคน ถึงมันจะไม่ช่วยให้เงาที่ตะคุ้มอยู่ทนโท่ใต้ก้นบึ้งจิตใจ และกำลังบิดเป็นรูปสัตว์ร้ายสักตัวที่คำรามอย่างไม่สบอารมณ์ลดทอนความกรุ่นกรึ่มลงสักเพียงนิด
“ชิ – ชิกามารุ นายกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตกใจหมดเลย”
ขณะผู้หญิงตรงหน้ากำลังมองมาอย่างตื่นตัวระคนยินดี ผสมปนเปกับอารามนิ่งอึ้งเล็กน้อยด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา ทายาทบ้านใหญ่ตระกูลนาราก็ตัดสินใจพักเรื่องสงสัย คั่งคาใจต่างๆ ไว้ เขาปล่อยมือจากแขนเธออย่างสำรวม
เรามองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากเรื่องทั้งหมดก่อนหน้านี้ ควรจะต้องมีความรู้สึกคั่งค้างอยู่บ้าง
คนหนึ่งก็เต็มใจเสียสละทั้งเนื้อทั้งตัว ไม่ต่างอะไรกับการกระโจนเข้าสู่เปลวเพลิงด้วยความสมัครภักใจ เอาตัวเข้าไปผูกกับเรื่องประเภทที่เมื่อก่อนเขาคงมองว่ายุ่งยากเข้าเต็มๆ ไม่หลงเหลือคราบจอมขี้เบื่อหมดไฟที่ชอบทำทีเหนื่อยหน่ายกับอะไรยุ่งเหยิงมาตลอดสักเศษเสี้ยว เพียงเพื่อจะช่วยคุโนะอิจิแห่งซึนะงาคุเระเอาไว้โดยไม่แม้จะหยุดคิด
ฝ่ายหญิงสาวเองก็มอบจุมพิตนุ่มนวล หล่อหลอมทุกการกระทำ การตอบรับด้วยความอ่อนหวานให้เขาต่างถ้อยคำลาซึ่งเกี่ยวกระหวัดความรู้สึกของทั้งสองไว้ถึงขนาดนั้น
ทว่าชั่วขณะปัจจุบัน ยามยืนตรงหน้ากันและกันอยู่นี่ กลับไม่มีความกระอักกระอ่วน อึกอัก หรือสภาพความเปลี่ยนแปรผิดจากปกติแต่ใดๆ ไป พวกเขายังคงมีท่าที รวมถึงแสดงออกเหมือนเช่นที่ตนเป็นเสมอยามอยู่ต่อหน้าฝ่ายตรงข้าม เหตุเพราะระหว่างคนทั้งคู่คือความเป็นธรรมชาติ – เป็นเสมอมา เป็นหนึ่งเดียว ไม่เสแสร้ง ไม่แอบแฝง จึงไม่มีอะไรต้องผิดแผกแปลกแยกไปจากเดิม แค่ได้เจอเธอที่เป็นเธอ และเขาที่เป็นเขา มันก็เป็นเช่นเดิมเหมือนที่เป็นมาตลอด ด้วยอย่างไรเสีย สิ่งที่พวกเขาทำลงไป หาได้แผกแยกแตกต่างจากที่เคยปฏิบัติต่อกันเช่นปกติไม่
ระหว่างเขากับเธอ มันกลายเป็นความไหลลื่นตามธรรมชาติไปแล้วตั้งแต่แรก ณ จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์
“ทำไมเธอต้องคอยให้ฉันตามห่วงตลอดเลยฮึ ครั้งล่าสุดเองก็ได้ข่าวมาว่าไม่ได้ต่างจากตอนนี้เท่าไหร่ ไม่ปรับปรุงเลยนะเธอเนี่ย” เหมือนชิกามารุจะสนใจยียวนอารมณ์สาวเจ้ามากกว่าตอบคำถามจริงๆ ของอีกฝ่าย ถ้าจะมีสิ่งแรกที่เขาอยากเห็นตอนก้าวย่างกลับถึงโคโนะฮะงาคุเระ ก็คงเป็นสีหน้าหลากหลายอารมณ์ของเทมาริ เด็กหนุ่มเลือกกล่าวอ้างถึงเหตุการณ์ก่อนจะต้องไปภารกิจอันยาวนานต่างบทลงโทษ ฐานฝ่าฝืนกฎผู้คุมสอบจูนินนั้นได้หน้าตาเฉย ไม่ยี่หระ เนื่องจากเจตนาจริงๆ ของคำพูดดังกล่าวคือการกระเซ้าเย้าแหย่ให้คนตรงหน้านึกฉิวอย่างน่าเอ็นดูขึ้นมา
อีกประการหนึ่ง เพราะเขาไม่รู้จะกล่าวทักทายเธอดีๆ อย่างไร มันมีถ้อยคำมากมายอยากบอกอัดแน่นไปหมดนับแต่ผละจากกันในห้องสีขาวสว่าง โอบล้อมด้วยหิมะพร่างพรม แต่กลับมีบรรยากาศอบอุ่นอวลกลิ่นอายอ่อนหวานกอปรความรู้สึกกำซาบซึมนั่น ท่ามกลางช่วงเวลาที่ห่างหาย เด็กหนุ่มไม่เคยหลุดจากการถูกความรู้สึกผิดและความเสียใจกัดกิน ด้วยเหตุว่าตนได้ปล่อยให้เทมารินอนเจ็บโดยไม่อาจอยู่เคียงข้าง เขามีโอกาสเรียนรู้ความคิดถึง ความห่วงพะวงหา รวมทั้งความทรมานอันเป็นผลที่ไม่น่าพิสมัยจากความรู้สึกพวกนั้น และรู้จักพวกมันจริงๆ อย่างกระจ่างแจ้งเป็นครั้งแรกก็คราวนี้
มันไม่น่าพิสมัยสักนิด ก็ในเมื่อมันทำให้เขาแทบคลั่งเลยทีเดียว เขาขอหยอกเย้าเอาคืนเจ้าหล่อนสักหน่อยแล้วกัน
นั่นจึงเป็นคำพูดของคนที่เจอหน้ากันในรอบหลายเดือน เทมารินิ่วหน้า ทำท่าจะแยกเขี้ยวยิงฟัน เธอไม่ได้คาดหวังจะเจอเด็กหนุ่มในสภาพการณ์เช่นนี้แต่อย่างใด อย่างน้อยๆ ก็เคยนึกทุกทีว่าจะพบกันหลังจากเรื่องครานั้นบนสภาวะซึ่งตนดูสมกับเป็นคุโนะอิจิแห่งซึนะผู้น่าหวั่นเกรง มั่นอกมั่นใจ หรือแกร่งกล้าสามารถมากกว่านี้ แต่ก็ใช่ว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้ว่าเธอทั้งเก่งกาจทั้งน่ากลัวแค่ไหนหรอกนะ
แล้วทำไมเขาถึงได้เอาแต่ทำเหมือนเธออยู่ในความดูแลและเป็นความรับผิดชอบของเขานักล่ะ หนำซ้ำเธอยังรู้สึกพอใจเช่นนั้นอีกด้วย มันทำให้เทมาริรู้สึกมั่นคง กับอะไรทั้งหมดที่เคยเผชิญมา ไม่ว่าสงคราม การเมืองในหมู่บ้าน ชีวิตครอบครัววัยเด็ก น้องชายที่รักยิ่งกว่าสิ่งใดแต่เข้าหาไม่ได้ รวมถึงอะไรต่อมิอะไรของชีวิตที่ดูจะไม่ราบรื่น ไม่เป็นดังใจ แถมยังมักจะนอกเหนือบังคับบงการ
ท่ามกลางสิ่งเหล่านั้นกลับมีความมั่นคงหนักแน่น ตลอดจนความสงบราบเรียบเฉกเช่นเมฆลอยเอื่อยปรากฏขึ้น
นารา ชิกามารุชะพาสิ่งเหล่านั้นให้ไม่มีอยู่ เขาทำให้ทุกอย่างปลอดโปร่ง – โปร่งโล่งเหมือนริ้วเมฆดังกล่าวลอยมาขับเคลื่อนท้องฟ้าให้กระจ่างใส ปัดเป่าพายุครึ้ม
เพราะรอบตัวเด็กหนุ่มเป็นห้วงบรรยากาศแห่งความสงบใจ เขารู้จักประเมินสถานการณ์และยืดหยุ่น ทั้งยังใจเย็น สงบนิ่ง มีความมั่นคงทางอารมณ์อันเป็นผลพวงจากนิสัยเรียบเรื่อยตามประสา จึงเผื่อแผ่มาถึงคนรอบตัว สร้างความวางใจแก่ผู้อื่นได้ด้วยความเยือกเย็น ไม่ทุกข์ร้อน มันทำให้หญิงสาวรู้สึกมีที่พึ่งพิงอันอุ่นใจ ผ่อนคลายลง พร้อมจะปล่อยวางทุกอย่างไว้ได้ เขาก็เคยบอกเองด้วยมิใช่หรือ หลังช่วยเธอจากป่ามรณะนั่นว่าเวลาอยู่กับเขาก็ขอให้ทำตัวสบายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เลิกเกรงใจใช่เหตุ ให้เราสองคนเป็นตัวเราอย่างที่เป็นก็พอ
ครั้นหญิงสาวประหวัดย้อนไป ก็ลงเอยด้วยการระบายยิ้มน้อยๆ ออกมา พลางโต้ตอบด้วยดวงตาพราวระยับ กึ่งเล่นกึ่งท้าทาย “นั่นเป็นสิ่งที่คนเขาทักทายหลังจากไม่ได้เจอหน้ากันนานเหรอ”
เพราะเทมาริพูดออกมาแบบนั้น ตัดผ่านชั่วจังหวะขณะชิกามารุกำลังนึกจะเสาะหาถ้อยคำทักทายที่ดีกว่าเดิมอีกสักหน่อยได้พอดี เด็กหนุ่มผู้สืบทอดตระกูลนาราถึงคลายคิ้วซึ่งขมวดเคร่งลงเล็กน้อย หว่างคิ้วเลิกยับย่น ดวงตาฉายแววอ่อนยวบลง ทอประกายแสงอ่อนจาง เนื่องจากต่อให้อย่างไรก็ปฏิเสธยากยิ่งว่าเขาดีใจนักกับการได้เจอหญิงสาวเร็วกว่าที่คาด แม้ไม่คิดว่าจะบังเอิญพบกันในรูปแบบนี้ก็ตาม
เขาเดินหน้าจัดการภารกิจด้วยทั้งหมดที่มีเพื่อกลับมาให้ทันก่อนเธอออกจากโคโนะฮะ ราคาซึ่งตนจ่ายไปใดๆ เพื่อแลกมาตามต้องการนับว่ายิ่งกว่าคุ้มค่า ยามได้เห็นอีกฝ่ายยืนอยู่เบื้องหน้าพร้อมบรรยากาศความเบิกบาน เจือร่องรอยยินดีปรีดา
อันที่จริง ภารกิจเขายังไม่เสร็จสิ้นดี แต่ยามรู้ข่าวว่าการสอบจูนินจบลงแล้ว ประจวบกับต้องกลับมารายงานผลคืบหน้าระหว่างภารกิจต่อโฮคาเงะ จึงรีบรุดกลับมา จะได้ร่ำลาเธอก่อนกลับไปดำเนินหน้าที่รับผิดชอบต่ออีกครั้ง ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันตอนไหน ยามโอกาสมาอยู่ในมือแล้ว เขาจึงยอมรับออกไปซึ่งๆ หน้า ไม่ขัดเขินและไม่คิดลังเล
“ไม่หรอก” – ชิกามารุคิดว่าบางทีพูดออกไปก็ไม่เลว ในเมื่อความรู้สึกปรารถนาจะเจอมันโหมกลืนท่วมท้นใจมาตลอด การยอมรับโดยเผยมันอย่างสมัครชัดแจ้งก็เป็นการปลดปล่อยมวลความรู้สึกอันมากมายให้ผ่อนคลายลงบ้าง อีกอย่าง เขาวางใจในที่สุดเมื่อได้เจอเทมาริ
“ฉันดีใจที่ได้เจอเธอ”
แม้การพูดแบบนี้อาจไม่สมกับเป็นนารา ชิกามารุ สมญานามจอมขี้เบื่อหมดไฟและพวกเข็ดขยาด ไม่ถูกโรคกับผู้หญิงคนนั้นสักเท่าไหร่ แต่เด็กหนุ่มไม่ปรารถนาจะสำทับไปด้วยถ้อยคำเสริมเพิ่มเติมประการใดให้ความหมายและความจริงแท้ที่ก่อร่างเป็นถ้อยคำนั้นจากความรู้สึกแท้จริง ต้องลดทอนความหมายหรือความจริงจังเคร่งครัดในตัวไป
สิ้นคำของเด็กหนุ่ม เขาก็ปล่อยให้หญิงสาวนิ่งเงียบตามใจชอบ ด้วยรู้ดีถึงปฏิกิริยาจากอีกฝ่าย เธอดูไม่เหมือนผู้หญิงซึ่งกำลังเขินอาย แต่หากลองพินิจดีๆ แล้วจะพบว่าคุโนะอิจิแห่งทะเลทรายเสมองไปทางอื่นนิดหน่อยเหมือนจะซุกซ่อนรอยยิ้มน้อยๆ จากความปลื้มอกปลื้มใจและเอียงอาย นอกจากนี้ เขายังไม่เคยพลาดเรื่องของเธอ ลำดับถัดไปที่คนตรงหน้าจะทำต้องเป็นการสวนคารมกลับมาแน่นอน
“ฉันเองก็ดีใจเหมือนกันที่เจอนาย” – เทมาริยอมรับตรงๆ เช่นกัน – ‘เอ นี่ก็คงตามคาด ก็เล่นไม่ได้เจอกันนานขนาดนี้’ ชิกามารุซึ่งสังเกตกิริยาอาการของสาวเจ้า อ่านขาดตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าเธอเองก็ดีใจ ‘แต่พอได้ฟังออกมาตรงๆ แล้วเรากลับยิ่งดีใจกว่าเดิมแหะ ยัยนี่น่าสนใจไม่เปลี่ยน’ – จากนั้นเธอก็ยกนิ้วชี้ขึ้นจิ้มหน้าอกเขาเบาๆ พลางพูดต่อ
“แต่นายน่ะผิดคำพูด รู้ตัวบ้างหรือเปล่า แล้วจะรับผิดชอบยังไงบ้างล่ะทีนี้”
“ฉันผิดคำพูดยังไง อะไรของเธอ ปรักปรำกันซะอย่างนั้น”
ที่จริงเขาไม่ต้องเอ่ยปากเช่นนี้ด้วยซ้ำ เพราะรู้ดีอยู่แล้วก่อนเธอจะหยิบยกประเด็นขึ้นเสียอีก ตอนจากมา ตนทิ้งท้ายไว้ว่าเธอแทบไม่รู้สึกว่าต้องรอด้วยซ้ำ แต่ความจริงคือเขาปล่อยให้เทมาริรอ แม้จะพยายามทุกวิถีทางให้ระยะเวลาอันเป็นอุปสรรคกางกั้นระหว่างเราสั้นลงอีกสักนิด ไม่ว่าจะ ณ ขณะนาที กี่ชั่วลมหายใจ หากทว่าเขาก็ยังทำให้เธอต้องรออยู่นั่นเอง หญิงสาวกำลังบอกเขาเป็นนัยว่าช่วงเวลาที่เขาพยายามทำให้มันสั้นอย่างสุดความสามารถนั้น ยังยาวนานสำหรับเธออยู่ดี
นั่นทำให้ชิกามารุอิ่มเอมใจ ทั้งยังลิงโลดยินดีไม่น้อยที่ในความรู้สึกเธอ การห่างกันดูยาวนาน เพราะกับเขาเองก็เช่นกัน ต่อให้พยายามทำให้มันสั้นแค่ไหนก็ยังคิดว่ายาวนานอย่างทรมานและถวิลหานักเมื่อมีจิตใจสัมพันธ์ผูกกระหวัดทักถออยู่เช่นนี้ มันจึงแสดงให้เห็นว่าเธอก็มีเยื่อใยความรู้สึกในทำนองเดียวกัน
“นายบอกว่าฉันแทบไม่รู้สึกต้องรอด้วยซ้ำ แต่ฉันรู้สึกว่านายไปนานมาก คำว่ารอของนายน่ะมีมาตรฐานแบบไหนกัน”
เรือนผมสีบลอนด์ที่เกล้าไว้ขยับไหวไปมาตอนที่ร่างระหงก้าวเข้าประชิดคนตัวสูงกว่า หญิงสาวแอบพุ่งจู่โจมด้วยวาจา หาเรื่องเด็กหนุ่มเล็กน้อยเพื่อกลบเกลื่อนการต้องยอมรับว่าเธอรอ อย่างไรก็ตาม เทมาริรู้ดี อีกฝ่ายย่อมประจักษ์ชัดได้ในการที่เธอพูดแบบนี้ ไม่ต่างอะไรเลยจากการเปิดเผยอย่างโจ่งแจ้งว่ากำลังรอเขา หมอนี่เป็นเจ้าของมันสมองหลักแหลมผนวกสติปัญญาคมกล้าที่ใครต่อใครสรรเสริญเยินยอ แถมยังเป็นไปตามถ้อยคำยกย่องชื่นชมพวกนั้นจริงเสียด้วย ไม่ได้มากเกินเลย แต่กระนั้น ชิกามารุก็ไม่พูดมันออกมาว่าตัวเองจับความนัยเธอได้ และหญิงสาวซึ่งตระหนักแก่ใจกับการที่ตนเพิ่งสารภาพอะไรเช่นนั้นออกไปอ้อมๆ ว่าความรู้สึกที่เรามีต่อกันทำให้การรอคอยของเธอนานแสนนานอย่างน่าทรมาน – แล้วนั่นเท่ากับความรู้สึกเราสอดคล้องต้องตรง เป็นแบบเดียวกัน ก็ยินดีที่เด็กหนุ่มบ้านนาราไม่หยิบยกขึ้นมาเป็นคำพูด แต่ให้มันมีตัวตนโลดแล่น ห้อมล้อมระหว่างเราดุจกระแสลมอันพลิ้วพรายที่คอยโอบล้อม
ไม่ใช่เธออยากหลบเลี่ยงหรือไม่กล้าเผชิญหน้าแต่อย่างใด หากเพราะชอบที่จะปล่อยให้ความหมาย ตลอดจนความนัยสื่อถึงความรู้สึก รวมทั้งความคิดอ่านซึ่งต่างฝ่ายต่างก็แจ้งแก่ใจถ่องแท้ ลอยอ้อยอิ่งอยู่ตรงกลางระหว่างเราแบบนี้ ไม่มีความจำเป็นต้องพูดให้มากความ ทว่าเราก็ยังเข้าใจ รู้ว่ามันอยู่ตรงนั้นเสมอต่างหาก มันมีบทบาทดังข้อพิสูจน์และเปี่ยมความหมาย เนื่องด้วยพวกเรารู้ใจกันดี มีความรับรู้ร่วมกันที่ไม่ต้องเอ่ยปาก อบอุ่นอยู่กลางใจเงียบๆ และถนอมหวงแหนไว้ ทั้งยังน่าสนุกในการจับได้ไล่ทัน เหมาะกับความเป็นเราทั้งคู่ยิ่งกว่าอะไร
“ฉันคิดว่าคงมาตรฐานเดียวกับเธอ” ก็เขาพูดไปแล้วมิใช่หรือ เขาเองก็คิดว่ามันนานนัก แสดงว่ามีอารมณ์ความรู้สึกและสายสัมพันธ์เชื่อมโยงเหนี่ยวรั้งกันไว้ เราสองคนต่างก็โหยหาอีกฝ่าย ชิกามารุรู้ว่าตนมีความรู้สึกให้คุโนะอิจิผู้มาจากทะเลทรายก็ตอนที่ร้อนรนใจแทบบ้ายามเห็นเธอตกอยู่ในอันตราย ครั้นเทมาริยอมรับเช่นนั้นออกมาแล้วเมื่อครู่ เขาก็จะพูดสื่อความนัยเช่นนี้ไปว่าตัวเองก็มีความรู้สึกผูกพัน ใฝ่ใจหาไม่แตกต่างกับเธอ
เป็นการสารภาพจากฝั่งของตนเสมอเท่าเทียมกัน
นี่คงทำให้หญิงสาวไปต่อไม่ถูกทีเดียว ด้วยไม่นึกว่าเขาจะใช้คำพูดเธอเองพลิกกลับมาเป็นคารมคมคายของตน ถ้าคิดว่าระยะเวลาแห่งการรอที่ผ่านมายาวนาน เราสองคนก็ไม่ต่างกันนัก ทั้งคิดคะนึงหาอีกฝ่าย พร้อมกันนั้นก็มีความรู้สึกปักใจพันผูกให้กันและกัน
‘นอกจากฉลาด ยังหัวไวไม่มีใครเกิน’ หยดความคิดดังกล่าวหล่นกระทบห้วงสำนึกแรกของเทมาริแห่งทรายเมื่อได้ยินคำตอบกลับของอีกฝ่าย พูดแบบนี้ออกมาก็เท่ากับสารภาพและไล่ต้อนเธอให้จนมุมในคราวเดียวเลยมิใช่หรือ ไม่มีทางปฏิเสธได้เลย หญิงสาวแอบร่นคอไปทางอื่นอีกครั้ง อำพรางใบหน้าซับสีชาดเรื่อๆ นั่นเป็นตอนที่เธอพยายามนึกเปลี่ยนหัวข้อ ไม่ให้ตนถูกหัวคิดอันปราดเปรื่องน่าหมันไส้นั่นซึ่งชักจะเริ่มเอามาใช้ผิดที่ผิดทาง บีบให้ตกที่นั่งลำบากไปมากกว่าเดิม
ก็จะไม่ให้เรียกว่าใช้ความสามารถในทางมิชอบได้อย่างไร เขากำลังอาศัยมันทำให้เธอเสียเปรียบกลายๆ อยู่ชัดๆ นารา ชิกามารุเจ้าเล่ห์ได้ถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ทว่าก่อนเธอจะได้ทันเอื้อนเอ่ยอะไรอื่น เด็กหนุ่มก็ดูจะฉกฉวยจังหวะดังกล่าว ชิงย้ำเรื่องราวมากขึ้น ไม่ยอมให้เทมาริมีโอกาสบิดพลิ้ว ปฏิเสธ หรือปัดตกสิ่งที่เธอเพิ่งยอมรับออกมาเมื่อครู่ ด้วยการกล่าวอ้างถึงสิ่งที่สาวเจ้าเรียกร้องหาต่างความรับผิดชอบจากการทิ้งให้เธอรอนานเกินไปกว่าที่รับปากนั่นทันที
“เธอยอมให้ฉันชดใช้เรื่องนี้ได้ไหม ฉันพร้อมรับผิดชอบนะ”
‘หยุดใช้ถ้อยคำชวนให้เข้าใจผิดด้วยหน้าตาจริงจังเหมือนมันมีความหมายเป็นอื่นด้วยได้แล้ว’ ถ้ามันจะไม่ชัดเจนเกินไปว่าเธอก็ตีความหมายแฝงเร้นเบื้องหลังคำพูดเขาออก เทมาริก็นึกอยากจะร้องบอกแบบนั้น ส่วนหนึ่งเหนือห้วงความคิดเธอนึกสงสัยขึ้นมาถนัดว่าหมอนี่เพิ่งกลับจากภารกิจแบบไหน เพราะไม่เพียงทั้งทางกายภาพและจิตใจจะโตขึ้นผิดหูผิดตา กลับดูเป็นผู้ใหญ่มากคารมคมคายไปด้วย
อันที่จริง เธอก็ไม่ควรจะต้องสงสัยหรอก นี่คือปกติเวลานารา ชิกามารุนึกเอาจริงเอาจังกับการไล่ต้อนเธอขึ้นดื้อๆ นั่นเอง อย่างไรเสีย จากที่ผ่านๆ มาก็ชัดเจนสำหรับหญิงสาวพอดูว่าเขาแค่หยวนให้ ยอมตามใจด้วยนิสัยเรียบเรื่อย ไม่ชอบถือสา ปล่อยเธอวางท่าพี่สาวอายุมากกว่า แต่ครั้นเขาอยากจะเอาจริง เธอก็จะหมดลายเหมือนที่เป็นอยู่นี่
แม้จะรู้เช่นนั้น ประสบการกระทำที่ให้สัมผัสถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวกับตัวมาบ้าง ทว่าพอมาเจอฉบับเต็มรูปแบบเข้า กลับไปไม่ถูกเลยทีเดียว ถ้าเขานึกจริงจังถึงขีดสุดแล้วเป็นอย่างนี้ หรือรุกคืบมากๆ คงยากจะทนสงบจิตใจไหว ความรู้สึกอันอ่อนละมุนที่กระจายซ่านซึมอยู่ท่ามกลางกระแสเลือดเวียนไหล กับความอ่อนหวานนุ่มนวลซึ่งโอบรัดรอบดวงใจแบบที่เธออธิบายไม่ได้ คงจะยิ่งหนักข้อไปใหญ่ ไม่ได้การแน่ เมื่อคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง เทมาริซึ่งไม่ยอมน้อยหน้า จึงเลือกใช้ไม้เดียวกับอีกฝ่าย
ถ้าเขาจะเล่นแบบนี้ เธอเล่นด้วยก็ได้
“แล้วนายจะรับผิดชอบยังไงล่ะ ฉันคาดหวังไว้สูงมากนะ นายจะรับไหวเหรอ”
หากทว่าทั้งหมดถูกกำหนดมาตั้งแต่ก่อนเทมาริจะตัดสินใจตอบโต้กลับแล้ว ชั่วลมหายใจหนึ่งจังหวะก่อนชิกามารุจะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำแก่หญิงสาว มือของเด็กหนุ่มก็คว้าแขนเธอไว้เบาๆ เบี่ยงตัวให้หันมาเผชิญกับเขาตรงๆ ทั้งสองยืนอยู่กลางร่มเงาพฤกษาซึ่งพร่างพรมกลีบดอกซากุระบานสะพรั่งลงมาตามกระแสลมระเรื่อย ละอองสีชมพูอ่อนเหมือนซับสีชาดแห่งความเอียงอายบนแก้มหญิงสาวนั้นละลานตาทั่วอณูอากาศ สายลมไล้ผิวเนื้อบนใบหน้าเธอคล้ายประหนึ่งหอบพาเอาจุมพิตแผ่วๆ กับสัมผัสลมหายใจปัดผ่านยามอีกฝ่ายถอนริมฝีปากมาให้อย่างอ้อล้ออ้อโลม หมู่นกกางปีกบินพาดผืนนภาที่ระบายริ้วสีขาวของเมฆ แม้จะมีผู้คนประปรายตามเส้นทางซึ่งปูด้วยหินเรียบเนียน ร่มรื่นพรรณไม้ผลิบานขนาบสองข้าง ทว่าสรรพสิ่งดูจะสงัดงันนิ่งเงียบไปพริบตา คล้ายหลงเหลือเพียงคนสองคนบนที่แห่งนี้
“แบบไหนก็ได้ที่เธอต้องการ ฉันพร้อมทำให้ได้ทุกอย่าง ขอให้ฉันได้ให้เธอเถอะ” กระแสสำเนียงทุ้มนุ่มเจือลักษณะความหนักแน่นเด็ดขาดที่ทำให้หลบสายตาหรือขัดขืนเป็นอื่นไม่ได้ นัยน์ตาสีน้ำตาลเปลือกไม้สบประสานกับผืนทะเลสีเขียวครามบนดวงหน้าสวยคม แน่วแน่ ไม่แม้แต่จะกระพริบไหวหรือขยับเคลื่อนความตั้งมั่นที่สะท้อนอยู่
เขาพูดแบบนี้ต่อบริบทหนึ่งก็จริง แต่สีหน้าท่าทางนั่นน่ะกำลังอ้างว่าความรับผิดชอบที่เขามีให้เธอนั้นยิ่งใหญ่เหนือทุกสิ่ง และมีค่าได้เท่าชีวิตด้วยซ้ำ
แล้วเทมาริก็พลันนึกสู้ไม่ไหว ต้องขอยอมแพ้ เป็นฝ่ายตัดบทโดยการตั้งท่าจะเดินหนีเลยทีเดียว
อวัยวะในอกพลันเต้นไม่เป็นส่ำ สิ่งหนึ่งที่จับใจเทมาริคือ อีกฝ่ายไม่ได้เสนอออกมาบนฐานการเอาความคิดเขาเป็นใหญ่ว่าจะทำเช่นไรกับเธอ แต่กลับเปิดโอกาสให้เธอเป็นฝ่ายเอ่ยปากจะให้เขาทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นต่างการยอมตนศิโรราบด้วยการให้เกียรติ และพร้อมจะถนอมยกย่องเธอไว้ด้วยใจอันกว้างขวาง ทุ่มเท อุทิศให้ทุกประการ
‘นี่เธอแพ้หมอนี่อีกแล้วหรือ’ ต่อจากนี้ถ้าใครบอกว่าชิกามารุขี้เบื่อขี้รำคาญ เรื่อยเฉื่อย ช่างเนือยนายตามประสาจนห่างไกลจากความกรุ้มกริ่มมากเล่ห์ ไม่นึกสนใจผู้หญิง หรือใช้คารมกับสตรีเพศไม่เป็น เธอจะเถียงให้ลองคิดใหม่จนวินาทีสุดท้าย เขาประมาทไม่ได้ในทุกๆ ทาง แฝงเล่ห์แสนกลที่จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
ถ้าทายาทตระกูลนาราหน่ายคร้านน้อยกว่านี้ สนใจเพศตรงข้ามมากขึ้น บวกกับหัวสมองมากคมนั่น แม้กระทั่งผู้ชายเจ้าสำราญมากคารมคมคายที่สุดคงต้องพ่ายแพ้ – แต่ก็ดีที่เขาไม่ เพราะเด็กหนุ่มแสดงออกด้านนี้กับเธอแค่คนเดียว ซึ่งเทมาริพอใจนัก
อย่างไรก็ดี ขณะร่างบางระหงกำลังจะหันเลี่ยงไปอีกทางเพื่อสำรวจทางหนีทีไล่ อีกฝ่ายก็ดึงแขนไว้พร้อมกับเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงเคร่งราวกับไม่คิดจะผ่อนปรนขึ้นกว่าเดิม
“เทมาริ” ความจริงจังยังคงเด่นชัดบนน้ำเสียงเขาจนเธอคิดว่าเด็กหนุ่มจะยังเล่นการแลกเปลี่ยนคารมแฝงความนัยอันแยบคายนี้ต่อ แต่หญิงสาวคาดการณ์ผิดไปถนัด เวลานี้ชิกามารุกำลังทำเช่นนั้นด้วยเจตนาจะปรามเธอ ร้องเตือนไม่ให้กลับตัวไปชนคนที่เดินสวนมาอีกทาง เพราะเธอไม่ทันได้ดูต่างหาก ความจริงคือปกติแล้ว เธอเป็นคุโนะอิจิผู้น่าชื่นชม ชวนหลงใหลได้ปลื้ม เอาจริงเอาจังและห้าวหาญกล้าแกร่งประเภทใครก็ไม่กล้าหือกันทั้งนั้น ทว่าทำไมทุกคราวยามอยู่ต่อหน้าชิกามารุ เธอถึงได้ดูหมดท่านัก ไม่ว่าจะอย่างไรก็เอาแต่ทำเรื่องทำนองน่าอายต่อหน้าเขาขึ้นมา คิดแล้วคนที่ดื้อดึงมุทะลุ ไม่ยอมอะไรง่ายๆ อย่างเธอ สุดท้ายก็นึกยอมแพ้ง่ายๆ ทุกที
เทมาริถูกคนตัวสูงกว่าดึงเข้าหาตัว ทว่าเขาไม่ได้ทำสิ่งใดก้ำเกินมากไปกว่าประคองหลังเธอไว้ให้ขยับเข้าหา กันหญิงสาวออกจากแรงปะทะของคนที่เดินสวนขึ้นมาไม่ให้กระทบโดนเธอ ทว่าไม่มีท่าทีของการถือวิสาสะใดๆ เลย ไม่รู้สึกถูกล่วงเกินหรือคุกคามแม้เพียงนิด แต่เป็นความรู้สึกว่าถูกปกป้อง เนื่องด้วยอีกฝ่ายตั้งใจเป็นหลักพึ่งพิงอันพึ่งพาได้ พร้อมจะทำหน้าที่เช่นหลักหนักแน่นให้ยึดผ่านความจริงใจล้วนๆ หาใช่ฉวยโอกาส เด็กหนุ่มหน้าเฉยเมยไม่ได้ดึงเธอให้ใกล้ชิดตัวเขาด้วยซ้ำ แค่เพียงโอบหลังเบาๆ ไว้ห่างๆ ใช้ท่อนแขนแทนเกราะกำบังคุ้มกันภัย
หนึ่งลมหายใจนั่นเองที่เทมาริรู้สึกว่าได้รับการปกปักษ์คุ้มครองจากใครสักคนซึ่งชวนให้อบอุ่นใจและวางใจได้ที่สุด ถ้าอยู่ตรงนี้ ในอาณาเขตของเขา ไม่ว่าอะไรก็จะไม่เป็นไรทั้งสิ้น
เธอรู้ตัวเดี๋ยวนั้นด้วยเช่นกันว่าความสูงอีกฝ่ายมากกว่าเธอเยอะทีเดียว ชิกามารุถึงได้โอบล้อม ยืนค้ำอยู่เหนือกว่าเฉกเช่นสิ่งกำบังคุ้มภัยอันแข็งแกร่ง
“เธอเนี่ยความรับผิดชอบของฉันของแท้เลย” เขาพูด และมันเกือบจะฟังดูดีมากทีเดียว ถ้าไม่ติดว่าสีหน้าเรียบเฉยเจือความเนือยนายตามนิสัยนั่นจะดูอ่อนอกอ่อนใจระคนเอ็นดูตอนเอ่ยถ้อยคำเย้าแหย่ที่แฝงด้วยความทีเล่นทีจริงนี้ออกมา
แต่ถึงกระนั้น ด้วยบรรยากาศของเขา ก็ไม่อาจทำให้เชื่อว่าความหมายซึ่งเร้นอยู่จะลดความจริงจังลง
มันไม่ต่างอะไรกับคำพูดง่ายๆ เหมือนเช่นคำว่ารักก็เป็นหนึ่งคำง่ายๆ หากแต่สิ่งที่อยู่เบื้องหลังต่างหาก ไม่เรียบง่ายหรือธรรมดาสามัญเลยสักเศษเสี้ยว
ทุกอย่างที่สร้างเป็นคำว่ารัก รวมกันจนก่อเกิดคำดังกล่าว เปี่ยมด้วยความหมายต่างๆ มากมายมหาศาล ยากจะอธิบาย ทรงพลังอำนาจ ทรงอานุภาพนัก มีเรื่องราว ความหมาย องค์ประกอบ ตลอดจนปัจจัยต่างๆ มากเหลือล้นหลอมรวมมาเป็นคำๆ นี้
ทายาทตระกูลนารานึกถึงตอนต้องเดินไปส่งคุโนะอิจิผู้มาจากทะเลทรายครั้งแรก เวียนผ่านเรื่อยยังครั้งช่วยเธอจากป่าต้องห้าม รวมทั้งทุกขณะเวลายามใช้มันไปกับเธอ เขาไม่เคยปล่อยผ่านเรื่องของหญิงสาวไปได้ นับเอาเรื่องของเธอยิ่งกว่าเรื่องของตัวเองเสมอ ชิกามารุตกเอาเธอมาเป็นความรับผิดชอบของตนตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แม้จะรู้ดียิ่งกว่าใครว่าเทมาริแห่งทรายเป็นผู้หญิงแกร่ง ดูแลรับผิดชอบตัวเองได้ดีไม่ต้องพึ่งพาใครทั้งนั้น
ทว่าสำหรับเขา เธอมีน้ำหนักเสมอ
ไม่ว่าอย่างไร กับเขาแล้ว เธอมีน้ำหนักเหนือสิ่งอื่นใด
มีน้ำหนักมากมายจนอะไรอื่นหมดความหมาย เขาทิ้งสิ่งใดไปก็ได้เพื่อเธอผู้ล้ำค่า กระโจนก้าวสู่สิ่งใดๆ เพื่อเธอได้โดยไม่หวั่นเกรง ไม่หยุดคิดอีก ไม่สนใจผลลัพธ์รูปแบบไหนทั้งนั้น คิดถึงแต่เพียงอีกฝ่าย อย่างนี้จะไม่เรียกว่าเทมาริเป็นความรับผิดชอบของเขาได้อย่างไร
“ไม่ต้องพูดเป็นอย่างอื่นแล้ว เป็นความรับผิดชอบของฉันจริงๆ เลยนะ” – มือของเด็กหนุ่มยื่นไปแตะขอบตาเธอ ก่อนจะถูแผ่วๆ เหมือนที่ชอบทำ “ขอให้ฉันได้รับผิดชอบเธอเถอะ เดี๋ยวคนอื่นเขาจะเดือดร้อนไปตามๆ กันเอา”
“พอเลย ชิกามารุ นายนี่เอาใหญ่”
ฟังดังนั้น คุโนะอิจิแห่งซึนะก็พลันปั่นป่วนรึงรวนขึ้นมา แต่นั่นไม่ได้มีต้นเหตุมาจากความโกรธหรือนึกฉิว แท้ที่จริงมันเป็นผลพวงของความรู้สึกอันยากจะอธิบายตอนคำพูดนั้นสว่างวาบลงกลางใจเหมือนดอกไม้ไฟในความมืด เทมาริพยายามเรียกความเยือกเย็นกลับคืน ครั้นแล้วหนึ่งหยดความทรงจำก็ช่วยเตือนถึงจุดอ่อนอย่างหนึ่งของเด็กหนุ่มขึ้นมาได้ ดวงตาสวยคมเหลือบมองใบหูเขาซึ่งใกล้เพียงเอื้อม และนั่นคือจุดเริ่มต้นการแก้แค้นที่กล้าลองดีกับเทมาริแห่งทรายผู้ซึ่งไม่ว่าใครต่างก็หวั่นเกรง เว้นแต่คนตรงหน้านี่แหละ ถึงปากจะพร่ำกล่าวว่าเธอเป็นยัยจอมโหดอย่างนั้นอย่างนี้ คำหนึ่งก็มุทะลุดุดัน อีกคำหนึ่งก็คงบอกแข็งกร้าว แต่กลับเห็นได้ชัดว่าไม่มีทีท่าจะรู้สึกอย่างที่บ่น ชิกามารุไม่เคยแสดงออก กระทั่งปฏิบัติเหมือนว่าเธอร้ายกาจหรือน่ากลัวสักครั้ง
นั่นนับรวมถึงเวลาเขาพูดว่าผู้หญิงน่ารำคาญ น่าเบื่อนั่นนี่อย่างเสียไม่ได้ตอนอยู่กับเธอ แต่กลับไม่ได้หมายความตามนั้นจริงๆ แถมลักษณะอาการที่แสดงออกประกอบถ้อยคำพูดดังกล่าวกลับมีความหมายตรงข้ามไปอีกอย่างเลย ทั้งยินดีปรีดา ผ่อนคลาย สงบและเป็นสุขใจ – ‘ตรงไหนกันนะที่น่าเบื่อน่ารำคาญน่ะ ทำไมนายไม่ดูตัวเองบ้าง’
ถ้าหากเพียงคุโนะอิจิผู้มาจากทะเลทรายจะรู้ว่าทั้งคู่ก็ไม่ได้ต่างกันเลยแม้แต่น้อย และเธอหมดสิทธิไปว่าเด็กหนุ่มแบบนั้น ในเมื่อหากตนดูน่ากลัวหรือแข็งกร้าวดุดันน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เขาก็รู้สึกตรงข้ามกับที่มักจะรู้สึกว่าน่าเบื่อยามอยู่ด้วยกันไม่ผิดเพี้ยน
เหมือนต่างฝ่ายต่างเป็นจุดจุนเจือ เกื้อหนุน ประโลมปลอบใจ เป็นที่ซึ่งสบายใจจะปล่อยวาง เป็นปัจจัยอันทำให้ใจอ่อน – บางอย่างในตัวอ่อนลงยวบยาบเสมอ ทั้งยังเป็นพื้นที่ที่ทำให้เป็นสุขของกันและกัน จึงได้แสดงออกซึ่งตัวตนตลอดจนเนื้อแท้นิสัยออกมา เพราะจริงๆ แล้วชิกามารุเองก็เป็นผู้มีความรับผิดชอบและจริงจังสูงชนิดหาตัวจับยาก ต่อให้พูดพร่ำว่าน่าเบื่อ แต่ก็ไม่เคยปฏิเสธงานที่ถูกหยิบยื่นมา แถมยังแบกรับทุกอย่างนั่นไว้ในความดูแลอย่างเคร่งครัดเสมอ ไม่ผ่อนปรน ไม่หย่อนยาน ไม่เคยผลักไส ถึงบ่นเหนื่อยหน่ายก็ไม่แหนงหนี
ขณะเดียวกันเทมาริซึ่งเย่อหยิ่ง ไว้ตัว กอปรความทระนง ก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยนกับความใจดีอยู่ภายใน มีตัวตนน่ารักและสนุกสนานร่าเริงเบื้องหลังท่าทีแข็งกร้าวห้าวหาญ ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือในความเป็นจริงนั้น ชิกามารุรู้ดีว่าเทมาริมีหลายแง่มุมให้สัมผัส สาวเจ้าอ่อนหวานนุ่มนวลกว่าที่เห็นภายนอกหลายเท่านัก เธอให้ความรู้สึกเหมือนอะไรหลายอย่าง – คราใดที่เขาวางสายตาหา ก็จะเพิ่มขึ้นทุกครั้ง ‘ตอนนี้ก็คงจะเปรียบเหมือนอะไรนะ’ นัยน์ตาคมกริบเสมองอีกฝ่าย ‘ใช่แล้ว อากาศสดชื่นใต้ท้องฟ้าโปร่งเพิ่มอีกหนึ่ง อืม… ขนนกน่าทะนุถนอมที่ทำให้จักจี้ด้วย แล้วก็ลาวาที่กำลังปะทุ – ใช่เลย’
เพราะพอมองหน้าเจ้าหล่อน ก็รู้เลยว่าต้องโดนเอาคืนแน่
การแก้แค้นเริ่มขึ้นตรงริมถนนอันมีผู้คนประปราย ใต้เรือนยอดต้นซากุระซึ่งเรียงรายเป็นทิวแถวสุดทางเดิน ทั้งยังคล้ายจะโน้มกิ่งเข้าหากันน้อยๆ จนเกือบละม้ายคล้ายหลังคาธรรมชาตินั่นเอง เธอถือโอกาสที่อีกฝ่ายกำลังยืนใกล้แค่เอื้อมถึง ใช้มือข้างซึ่งว่างอยู่จากกล่องไม้ที่อุ้มไว้ จับหูอีกฝ่ายเข้า และชิกามารุก็แทบจะดีดตัวทันที การจู่โจมไม่ทันตั้งหลัก แถมยังเหนือความคาดคิด ทำให้เด็กหนุ่มบ้านนาราเกือบจะสูญเสียอาการไปเล็กน้อย ประสาทส่วนที่ใช้ควบคุมร่างกายถูกกระตุ้น คล้ายกระแสไฟฟ้าเคลื่อนผ่านจนสั่นสะท้าน แต่ก็ยั้งเสียงหัวเราะขรึมไว้ได้ มันแปรเป็นรอยยิ้มแผลงๆ แทน
อย่างไรก็ตาม ด้วยเพราะอารามวูบหวิวเช่นนั้นส่งผลต่อความเคลื่อนไหวและสำนึกสั่งการของเขา แขนข้างที่โอบเทมาริอยู่หลวมๆ ถึงได้กระชับแน่นขึ้น พร้อมกับดึงเธอเข้ามาแทนที่จะผลักออกไปให้มือเธอพ้นจากรัศมีใบหูของเขา ถ้าว่ากันตามตรง เด็กหนุ่มไม่เข้าใจเหมือนกัน เหตุใดประสาทสั่งการแรกจึงบงการให้แขนดึงเธอเข้าหามากกว่าจะเขยิบหนี ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ความคิดพุ่งแทงขึ้นมาเหมือนกริชแหลมเพื่อบอกกับตัวเองว่าอย่าล่วงเกินเธอ อีกทั้งยังไม่อยากทำให้อะไรให้เกิดดูไม่เหมาะสมต่อหน้าสาธารณะจนเธอต้องอาย ร่างสูงเลยอาศัยอีกจังหวะหนึ่งเหวี่ยงตัวออก
เมื่อทั้งหมดทั้งมวลมารวมกัน การขัดแย้งระหว่างประสาทสั่งการกับความคิดจึงทำให้เหตุการณ์จบลงด้วยการที่ศีรษะเธอซึ่งก้มลงด้วยความตกใจนั้น กระแทกสันกรามเขาเข้าเต็มรัก ปกติแล้ว ถ้าชิกามารุรู้มาไม่ผิด หากนี่เป็นนิยายปรัมปราสักเรื่องที่เด็กสาวบ้านยามานากะชอบอ่าน มันต้องหวานหยาดเยิ้มกลางอ้อมกอดฝ่ายตรงข้ามอะไรแบบนั้น แต่เขาไม่ได้คาดหวังเรื่องชวนฝันหรือความหวานชื่นอะไรนั่น เพราะเขากับเทมาริตอบรับกันและกันด้วยแรงกระตุ้นตามธรรมชาติ เหมือนสิ่งที่ควรจะเป็น และบังเอิญด้วยว่านี่กลับเป็นเรื่องจริงหาใช่นิยายรักไม่
เขาถึงจบลงด้วยการยืนกุมคาง เลือดกบปาก
ผู้คนรอบข้างหันมองพวกเขาเล็กน้อยพลางเดินสวนไปไม่แม้แต่จะคิดใส่ใจ ด้วยเล็งเห็นเป็นเพียงอุบัติเหตุปกติ ซึ่งเขาแน่ใจว่านั่นสมเหตุสมผลดีที่มันไม่ดึงดูดความสนใจจากใคร ชิกามารุเหลือบตามองหญิงสาวเหมือนจะคาดโทษ ซึ่งสุดท้ายก็ลงท้ายต้องอ่อนใจเหมือนทุกที ทว่าเธอดูจะห่างไกลจากการสำนึกเสียใจ ถึงผืนความรู้สึกอันสะท้อนผ่านแววตาละมุนละไมนั่นจะแสดงออกซึ่งความเป็นห่วงโดยแท้ เพราะไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขาเจ็บตัวเข้าจริงๆ ก็เถอะ หากแต่เขาแทบจะมั่นใจได้เลยว่าชั่ววินาทีหนึ่งเขาเห็นเธอกลั้นหัวเราะขึ้นมา
มือเรียวเล็กแตะแก้มเขา ปลายนิ้วเธอคล้ายจะทำหน้าที่เป็นทางผ่าน ถ่ายทอดความห่วงใยอันนุ่มนวลถึงกัน พอก้มลงเพ่งพิศแพขนตาสีอ่อนที่ปกดวงตานั่นจนดูคล้ายอีกฝ่ายกำลังทอดสายตานุ่มนวลแบบนี้ กอปรกับสัมผัสห่วงหาแล้ว แม้เธอจะหยิบคุไนมาปาดคอเขาทิ้งเสีย ตนก็ไม่ถือสาด้วยซ้ำ “เป็นยังไงล่ะ นารา ชิกามารุ โดนเข้าเต็มๆ เลย อย่าหาว่าเทมาริคนนี้ไม่เตือนอีกล่ะ”
“เธอเนี่ยนะ” อีกครั้งที่ชิกามารุพึมพำอย่างเสียไม่ได้ แต่ดวงตากลับมีแววขบขันแฝงความใจอ่อนให้หญิงสาวตรงหน้า
เด็กหนุ่มบ้านนาราถูคางป้อยๆ ความเจ็บพลันทุเลาลงเพียงเวลาอันรวดเร็ว คงเป็นเพราะเธอเอาแต่ลูบร่องรอยที่ฝากรักไว้เบาๆ ไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อครู่ คล้ายจะช่วยคลายความเจ็บขณะทับถมเขาไปด้วยนั่นแหละ – ‘พูดอย่างหนึ่งแต่ทำอีกอย่างหนึ่งเลย’ เด็กหนุ่มลอบยิ้มพลางลอบหัวเราะขรึมในลำคอที่เบาจนกลืนหายไปกับกระแสอากาศ เห็นได้ชัดว่าสาวเจ้ารู้สึกผิดที่ทำให้เขาเจ็บตัว ทว่าก็ยังอยากธำรงความหยิ่งทระนง รักษามาด ไม่ยอมอ่อนข้อง่ายๆ อยู่ นั่นเป็นหนึ่งในวิธีการกระเซ้าเย้าหยอกเขาด้วยเหมือนกัน การวางท่านั่นน่ะ
ร่างสูงคว้ามือหญิงสาวไว้ อีกฝ่ายไม่ได้ตกใจหรือผงะ เธอช้อนสายตามองสื่อคำถามมากกว่า เนื่องจากเราสองคนเคยชิน ทั้งยังผูกพันสนิทสนมต่อกันมากพอจะทำอะไรเช่นนี้ได้โดยไม่เกิดการตะขิดตะขวงใจหรือกระอักกระอ่วนใดๆ แล้ว มันกลายเป็นเรื่องธรรมดาและครรลองตามธรรมชาติไป เหตุที่เขาคว้ามือคนตรงหน้าไว้ เพราะเธอเป็นความรับผิดชอบของเขา – เด็กหนุ่มกำลังหวง – ซึ่งคนประเภทปกติคร้านจะสนใจอะไร เวลาหวงน่ะแรงกล้าน่าดูชม
ชิกามารุกลัวว่าผู้หญิงตรงหน้าจะไปช่างเผลอไผลใจดีอย่างที่ทำอยู่นี่กับผู้ชายคนอื่นนอกจากตน กระทั่งมองโลกแง่ดีจนไม่ทันระวังตัว มีอย่างที่ไหน ครั้งก่อนก็จูบหน้าผากเขาแบบนั้น มาตอนนี้ก็ยังทำตามอำเภอใจเหมือนว่ากับเขาจะทำอย่างไรก็ได้ ไม่ทันตรองถึงผลกระทบต่อความรู้สึกหรือผลลัพธ์การกระทำสักนิด คิดว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่รู้สึกรู้สาหรือ คงเห็นเขาเป็นพระอิฐพระปูน
เจ้าหล่อนปั่นหัวหรือใช้เล่ห์เพทุบายกับใครไม่เป็นหรอก เทมาริไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยม แต่เป็นเพราะความไม่รู้ตัวด้วยความซื่อตรงและอ่อนเดียงสากับเรื่องทำนองนี้ต่างหาก
ความไม่ประสามันทำให้คนอื่นเขาลำบากนะ
เด็กหนุ่มถึงอดรนทนต่อไปไม่ได้ เผลอตีสีหน้าเคร่งจากจิตใต้สำนึก เอ็ดเธอเข้า ความอ่อนลงของอารมณ์ที่มักจะมีจุดยอมอ่อนให้แก่หญิงสาวดูขึงขังขึ้นผิดตา
“เธอเนี่ยจริงๆ เลย คราวหน้าคราวหลังอย่าไปทำอย่างนี้กับใครเขาเด็ดขาด คนอื่นเขาอาจจะไม่ได้ใจดีด้วยเหมือนฉันหรอก ถ้าฉันจำไม่ผิดก็เคยพูดอะไรทำนองนี้กับเธอไปแล้วไม่ใช่เหรอ ครั้งล่าสุดที่ทำแบบนั้นเพราะคิดว่าฉันเด็กกว่านั่นน่ะ” ยามพูดออกไป ความคิดก็ผุดพรายควบคู่กัน – ทำกับเขาได้คนเดียวพอ คนอื่นทนสุขุมเยือกเย็นกับรอยยิ้มที่ส่องประกายแบบนั้นของเธอไม่ไหวหรอก ต้องมนุษย์ประเภทหน่ายคร้านต่อโลก ขี้เบื่อ ช่างหน่ายเซ็งที่ไม่สนใจอะไรต่อมิอะไรแบบเขานี่ล่ะ
ถึงตรงนี้เอง ชิกามารุก็เพิ่งประจักษ์ว่าตนเองกำลังลำพอง ผยอง ทั้งโอหัง แถมยังทระนงตนมากกว่าที่เคยรู้ตัว นิสัยถ่อมตน เก็บงำคุณค่าความคมในฝัก ไม่โอ้อวด รู้จักประเมินตัวและประมาณตนดูจะหายไปเมื่อเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ เพราะใจจริงแล้ว ทายาทบ้านตระกูลนาราต้องการเสริมไปอย่างที่คิดนั่น แม้จะยั้งไว้ก็ตาม กระแสสำนึกมีความไม่ชอบใจรวมถึงความไม่สบอารมณ์ก่อตัวขึ้นตอนประกายความคิดเลื่อนผ่านมาว่าเทมาริอาจจะไปหยอกล้อเล่นอย่างนี้กับเพศตรงข้ามคนอื่น
ขณะเดียวกันฝ่ายหญิงสาวนั้น อาจเพราะเด็กหนุ่มพาดพิงถึงเหตุการณ์คราก่อนกระมัง พวงแก้มขาวเนียนจึงซับสีอ่อนระเรื่อเล็กน้อยเฉกเช่นซากุระซึ่งกำลังปลิวปลิวโดยรอบ พลางพึมพำไร้สุ้มเสียงไปด้วย
“ตอนนั้นก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันทำแบบนั้นเพราะไม่ได้คิดว่านายเด็กกว่า”
ทว่าอารามเก้อเขินคงอยู่ไม่นาน วินาทีถัดมา เทมาริก็ปรับเปลี่ยนอารมณ์เล็กน้อย ก่อนจะโต้ตอบกลับไป ดวงหน้าสะสวยยิ้มระรื่นแบบที่มวลดอกไม้รอบด้านพลันด้อยลงถนัดตา สำหรับเธอแล้ว ชิกามารุเป็นผู้ชายคนหนึ่ง เธอมองคนที่ทำให้เกิดความรู้สึกอึงอลในอกเหมือนดังฝูงผีเสื้อนับร้อยกางปีกเริงระบำเป็นสถานะอื่นไปไม่ได้หรอก และก็จะไม่ปฏิบัติกับเขาแบบเช่นที่ผ่านๆ มาอย่างนั้นด้วย ถ้าเห็นนารา ชิกามารุไม่ใช่เพศตรงข้ามที่เธอมองว่าควรค่าแก่การพิจารณาในสายตาของผู้หญิงธรรมดาสักคน ความจริงคือคนตรงหน้ามีบทบาทในชีวิตเธออย่างผู้ชายซึ่งตนปักใจหาไปแล้ว ริมฝีปากอวบอิ่มคลี่บาน ประทับจับตรึงตาเหมือนดอกฮินะเงะชิ
“นายจะบอกว่าตัวเองใจดีกับฉันสิ ชิกามารุ ฉันต้องให้นายมาใจดีด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่”
สีน้ำตาลเปลือกไม้บนนัยน์ตาเฉียบคมพิศผ่านใบหน้างดงามน่ารัก ครั้นแล้วก็พลันรู้สึกว่าได้ตกลงกลางวงล้อมของห้วงมนตร์อันน่าพิศวง ชิกามารุชอบสำเนียงของชื่อตนที่ติดปลายลิ้นหญิงสาว ชอบวิธีการที่เธอออกเสียง และชอบซึ่งนามของเขาเข้ากันสีกับน้ำเสียงห้าวๆ หวานๆ เติมเต็มกระแสความชื่นบานแก่บรรยากาศ เขาพึงใจจะได้ยินเธอเรียกเขาว่าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้นจริงๆ นั่นแหละ ตามแต่อีกฝ่ายจะพอใจ
ถ้าเทมาริจะเรียกเขาว่านาคิมุชิคุง เขาก็ไม่เคยคิดว่าอะไร ด้วยรู้ว่ามันคือการเย้าหยอก เพราะตนไม่ใช่เด็กชายคนนั้นอีกต่อไปแล้ว ทายาทตระกูลนาราแทบจะลืมบ่นว่าน่าเบื่อน่ารำคาญตามความชินปากเสียแล้วด้วยซ้ำนับแต่เริ่มแบกรับภาระหน้าที่สำคัญต่างๆ ในฐานะจูนินที่ขึ้นตรงต่อโฮคาเงะ ความคิดอ่านตลอดจนมุมมองต่อโลกอันลึกซึ้งอยู่แล้วแต่เดิมค่อยๆ มีความเป็นผู้ใหญ่กว่าก่อนขึ้นทุกชั่วขณะ วุฒิภาวะเข้ามามีบทบาทแทนที่นิสัยช่างเบื่อหน่าย เรียบง่ายตามอารมณ์ นอกจากนี้ นิสัยใจเย็นเรียบเรื่อยก็ถูกบ่มเป็นความสุขุมเยือกเย็นอันเคร่งขรึมได้ไม่ยาก
ทายาทคนเดียวของบ้านตระกูลนาราสลัดคราบเด็กหนุ่มช่างเหนื่อยหน่ายไปตามประสาทิ้ง เขาเข้มแข็ง เติบโตขึ้น นำข้อผิดพลาดของตัวเองมาปรับปรุงแก้ไข มุ่งพัฒนาไม่หยุด เพียรสั่งสมประสบการณ์เพื่อตอบสนองอุปนิสัยจริงจังเคร่งครัดต่อเรื่องภายใต้ความดูแล การชอบความสมบูรณ์แบบในหน้าที่รับผิดชอบของตนก็ส่งผลให้เด็กหนุ่มไม่ชอบถอยหนีเช่นกัน เขามักจะใช้คำว่าน่าเบื่อน่ารำคาญเพื่อถ่อมตัวและแก้เก้อ ทว่าปัจจุบัน ศักยภาพแท้จริงรวมถึงตัวตนเนื้อแท้ไม่อาจซุกซ่อนเบื้องหลังฉากหน้าจอมขี้เบื่อหมดไฟได้อีก
“ฉันหมายความว่าคนอื่นอาจจะฉวยโอกาสกับเธอ” แค่เพียงคาดถึงความเป็นไปได้ล่วงหน้าดังกล่าวเท่านั้น ก็รู้สึกขุ่นในอารมณ์อย่างมาก มีความคุกรุ่นอันพุ่งพล่านเหมือนเชื้อเพลิงที่กำลังสุกก่ำก่อตัวอยู่บริเวณก้นบึ้งจิตใจแล้ว ชิกามารุไม่ต้องการอย่างยิ่งให้ใครมีสถานะหรือได้รับสิ่งเดียวกันมากทัดเทียมกับที่หญิงสาวให้แก่เขา
เป็นความจริงว่าเทมาริแห่งทรายทำให้นารา ชิกามารุวอกแวกได้ เธอคือสาเหตุหนึ่งเดียวที่สามารถทำให้จิตใจอันสงบราบเรียบมีช่องโหว่ขึ้นมา มาดหมายการเติมเต็มจากอีกฝ่าย
ร่างสูงใต้ชุดคลุมติดฮู้ดสำหรับภารกิจลับขยับมองหญิงสาว พยายามไม่ใส่ใจกล่องไม้จากร้านยามานากะบนอ้อมแขนเจ้าหล่อนอีกครั้ง ในคราแรก แผนดั้งเดิมของเด็กหนุ่มดูเข้าทีไม่น้อย หลังจากรายงานภารกิจขึ้นตรงต่อโฮคาเงะแก่โกะไดเมะ ซึนาเดะฮิเมะแล้ว ก็จะจัดการระเบียบตัวเอง ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เรียบร้อย เพื่อไปหาคุโนะอิจิแห่งซึนะงาคุเระผู้เป็นเป้าหมายแรกเป้าประสงค์เดียวนับตั้งแต่ต้นด้วยสภาพที่สาวเจ้าคงจะห่วงใยและเป็นกังวลน้อยลง ระหว่างทางสู่เรือนพักรับรองนินจาต่างหมู่บ้าน ก็ตั้งใจจะแวะร้านดอกไม้ของอิโนะ หาไม้ดอกฤดูใบไม้ผลิสวยๆ สักช่อไปทักทายเธอ
เขาได้เรียนรู้มาว่าเทมาริชื่นชอบดอกไม้มากเพียงไร ปีที่แล้ว ตนเคยยกทุ่งพรรณไม้บานสล้างทั้งสวนแด่เธอ และสีหน้าหญิงสาวเวลานั้นก็ติดตรึงอยู่เหนือผืนดวงใจเขาเสมอเหมือนสิ่งล้ำค่าอันน่าหวงแหน ยามที่หวนระลึกถึงก็จะรู้สึกร้อนวาบในอก อวัยวะคล้ายจะบิดตัวอย่างแรง ส่งคลื่นไออุ่นเป็นระลอกออกมาจนเขาผ่าวร้อน แต่ชิกามารุไม่ทันคาดคิดเลยว่าตอนกำลังมุ่งหน้าไปยังร้านดอกไม้ยามานากะจะเจอจุดหมายปลายทางแห่งใจคนดังกล่าวเข้าพอดี อันนำมาซึ่งความเป็นไปทั้งหมด ณ ขณะนี้
นับว่าเป็นความบังเอิญที่ดียิ่งกว่าแผนเขาเสียอีก ทำเอาตนต้องยอมให้แก่ลิขิตชักพาอันไม่คาดคิดนี่เลย
“นายเป็นน้องชายฉันเหรอ เป็นห่วงเป็นใยฉันขนาดนี้” เอ่ยพลางยื่นมือมาดึงแก้มเขา แต่ไม่ได้ปรากฏอากัปกิริยามันเขี้ยวเอ็นดู ภายในสายตาของคนรอบข้างที่เดินขวักไขว่บ้างประปรายตามถนนตลอดสาย มองแล้วคล้ายกับท่าทีหยอกล้อของคู่หนุ่มสาวซึ่งรักใคร่ชอบพอกันดีมากกว่า คนทั้งสองเริ่มออกเดินตามจังหวะเคลื่อนไหวของกันและกันไปเองโดยอัตโนมัติตั้งแต่เมื่อใด เจ้าตัวไม่อาจทราบได้ รู้เพียงแต่ขยับตัวสอดรับกับพฤติกรรมของอีกฝ่ายไปตามธรรมชาติ นอกเหนือประสาทสั่งการเท่านั้น
“สิ่งที่ฉันไม่อยากเป็นที่สุดก็คือเป็นน้องชายเธอนั่นแหละ”
มันสื่อความจริงตรงตามนั้น ไม่ใช่การต่อปากต่อคำ เขาไม่อยากให้เธอมองว่าตนอายุน้อยกว่า เห็นเหมือนเขาเป็นน้องชาย กระทั่งเอาไปเทียบสถานะเท่าเทียมกับน้องชาย หรืออะไรอื่นทำนองเช่นว่านั้นอย่างยิ่ง แต่ปรารถนาให้เธอมองเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่พร้อมจะให้
ชิกามารุวางสายตาละผ่านหญิงสาวด้วยความอ่อนโยน ความรู้สึกที่ระคนหลากหลายเหนือสีน้ำตาลอ่อนบนนัยน์ตานั้นคือความลึกซึ้ง ล้ำลึกเฉกเช่นเดียวกับประโยคซึ่งเอื้อนเอ่ยเมื่อครู่ผ่านน้ำเสียงจริงจัง กลีบซากุระที่โรยตัวลงมาพร่าพร่างตา ตกต้องอยู่บนเรือนผมสีบลอนด์ของอีกฝ่าย มือแกร่งเอื้อมไปหยิบมันออกและส่งให้เธอ แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ตอนที่เขาพยักเพยิดเล็กน้อย เทมาริก็เข้าใจโดยไม่ต้องอาศัยคำอธิบายมากความ เธอวางมันไว้บนฝ่ามือขณะนิ่งเงียบอยู่อึดใจหนึ่งเพื่ออธิษฐาน ก่อนจะเป่าออกไป ยามเห็นรอยยิ้มเล็กๆ นั่นตอนที่ดูกลีบดอกไม้ปลิวไปรวมกับบรรยากาศสะพรั่งพร้อมด้วยดอกไม้รอบด้านประหนึ่งเกล็ดหิมะโรยรายกลางฤดูหนาวเมื่อครั้งเราห่างจากกันคราวก่อน หัวใจเขาก็พลันเจ็บๆ คันๆ ขึ้นมา
“ที่พูดนั่นใจร้ายชะมัด นายยังกล้าอ้างว่าตัวเองใจดีกับฉันอีก”
ร่างเพรียวระหงพยายามคว้ากลีบดอกซากุระที่พลิ้วพรายในอากาศ เธอขยับตัวกระโดดเหยงๆ จากพื้นไปมาด้วยปลายเท้า หมายมาดจะหยิบโดนสักกลีบมาไว้ผ่านปลายนิ้ว อากัปกิริยาท่วงท่าเหล่านั้นไม่ได้ดูกระโดกกระเดก แต่กลับเป็นธรรมชาติ ขับเร้นออกมาจากอิริยาบถนุ่มนวลที่ประกอบเป็นตัวเธอ อย่างไรเสีย หญิงสาวก็เป็นท่านหญิงแห่งทะเลทราย บุตรสาวคนเดียวของคาเสะคาเงะรุ่นที่สี่ ย่อมได้รับการอบรมบ่มเพาะมาอย่างเพียบพร้อม เปี่ยมคุณสมบัติของกุลสตรี ทั้งองอาจห้าวหาญ เชี่ยวชาญทุกกิจการงานและการบ้านการเรือนที่หญิงสาวตระกูลเก่าแก่พึงรู้และปฏิบัติได้อย่างไร้ข้อตกหล่นบกพร่อง กิริยามารยาทงดงามไม่มีด่างพร้อย เธอที่แข็งกร้าวถึงได้ดูนิ่มนวลและงามสง่า ผ่าเผยอยู่ในทีเสมอ
“ฉันใจดีจะตาย เธอไม่รู้อะไร” เพราะเด็กหนุ่มสูงกว่ากระมัง ถึงคว้ากลีบซากุระได้ในคราวเดียวที่ยกมือขึ้นแตะละอองดอกไม้ซึ่งโปรยปรายลงมารอบตัว แขนนั้นยาวพ้นปลายนิ้วหญิงสาวอยู่หลายคืบ และฉวยเอากลีบดอกไม้มาง่ายดายเหมือนจับวาง
เขาเล่นสนุกไปพร้อมๆ กับเธอ พลางพูดโต้ตอบไปด้วย – “แค่เพราะฉันบังเอิญเจอเธอก่อน แต่จริงๆ ทันทีที่ฉันกลับมานี่ก็กำลังจะไปหาเธอ ใครจะปล่อยให้เธอรอนานไปกว่านั้นอีก ตั้งใจจะพาไปเลี้ยงขนมตามที่เคยสัญญาไว้ก่อนที่เธอจะสอบจูนิน แล้วก็คิดด้วยว่าเป็นการชดใช้เรื่องที่ทำให้เธอต้องรอนาน”
เด็กหนุ่มยังไม่วายหยิบยกเรื่องการรอคอยขึ้นมาย้ำเตือนราวกับจะหยอกล้อหญิงสาวอีกต่อ แต่จริงๆ มันไม่ใช่การเย้าแหย่หรอก เพราะนั่นจะเท่ากับกำลังล้อเลียนตัวเองด้วยเหมือนกัน เขาก็ตกอยู่ในสภาวะเดียวกับเจ้าหล่อนนั่นแหละ ดังนั้น ยามที่ตนพูดถึงการรอ แท้จริงแล้ว คือความหมายอันจริงจังหนักแน่นที่แฝงต่างหาก และมันรับบทบาทต่างการเสนอความจริงใจ หยิบยื่นไมตรีสัมพันธ์ให้ ทั้งยังแสดงชัดว่าเขาถือมันเป็นเรื่องจริงจังผ่านการพูดมันออกมาอย่างแน่วแน่ มั่นใจ ให้เธอเห็นว่าเขาตั้งใจมาชดใช้และรับผิดชอบที่เธอต้องคอย เนื่องจากเขาเองก็มีจิตใจเช่นเดียวกัน แถมยังดีใจที่ได้ค้นพบว่ามีจิตใจต้องตรงกับเธอต่อความยาวนานของห้วงเวลา ตลอดจนความรู้สึกที่เกี่ยวพันกับสิ่งนั้น รวมถึงความหมายของระยะเวลาอันแสนนานนั่น
เพราะตอนที่เราปรารถนาจะพบพานใครสักคนแรงกล้า แต่ยังไม่สามารถทำได้ มันยาวนานอย่างน่าทรมานนัก
อีกประการหนึ่ง ชิกามารุปรารถนาจะให้เธอยิ้ม ซึ่งอีกฝ่ายที่กำลังยิ้มยียวนมาให้ก็ต้องตามความคิดหวังเขาทุกอย่างจนตนรู้สึกยินดี
ไม่ว่าเธอจะมีความสุขหรือยิ้มแย้มแบบไหน เขาก็ยินดีทั้งนั้น
นับแต่ครั้งจากกันจนถึงตอนนี้ เด็กหนุ่มไม่เคยลืมที่เธอกล่าวกับเขาว่าให้กลับมาทำตามสัญญาดังกล่าว พร้อมบอกว่าจะรอ มันทรงพลังเต็มตื้นจิตใจนัก คล้ายเครื่องยึดเหนี่ยวประจำตัว ทั้งยังเป็นดังเครื่องรางติดกาย
ชิกามารุเว้นจังหวะจากประโยคเมื่อครู่อยู่ชั่วอึดใจก่อนจะกล่าวต่อด้วยท่าทีซึ่งยังคงความเข้มงวดเด็ดขาด คล้ายจะสื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเขาถือทุกเรื่องของหญิงสาวเป็นจริงจัง เน้นย้ำว่าเธอมีความสำคัญ และสิ่งที่เขาพูดไม่ใช่แค่การเล่นลิ้น เขาสิ่งต่างๆ ทำอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเสมอ ท่าทีซึ่งเด็กหนุ่มกำลังแสดงออกเป็นจริงเป็นจังแน่แท้เสียจนพุ่งตรงเข้าสู่ความรู้สึกของคู่สนทนาให้รับรู้ได้ชัดแจ้งไม่เป็นอื่น
“เทมาริ ฉันกลับมาทำตามสัญญาที่ติดไว้แล้วนะ” – ฟังดังนั้น เจ้าของนามที่ถูกเรียกขานอย่างอ่อนโยนก็ได้แต่นิ่งเงียบ งุดหน้าลงเล็กน้อย อาจเพราะกำลังต่อสู้กับความขัดเขินรวมถึงดวงใจอันเสียกระบวนของตน เกือบจะหลายขณะลมหายใจทีเดียวกว่าสาวเจ้าจะรวบรวมความสงบนิ่งของอารมณ์แบบผู้ใหญ่กลับมาอีกครั้ง แล้วตอบอีกฝ่ายด้วยความจริงแท้ต่อความรู้สึก ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน – ชิกามารุควรรู้ว่าเขาไม่ใช่ฝ่ายเดียวที่เอาจริงเอาจังกับเรื่องระหว่างเรา
“นายเนี่ยทำตัวสมกับเป็นคนที่จะมารับผิดชอบฉันเหมือนกันนะ”
หนึ่งลมหายใจขณะได้ยินเช่นนั้น ชิกามารุก็ชะงักไปเสี้ยววินาที เขาไม่รู้ว่าที่เธอพูดแบบนั้นหมายความว่าอย่างไร แต่เขากลับรู้สึกว่าในตอนสุดท้ายแล้ว เธอชนะ ที่มาพูดปิดท้ายเอาอย่างนี้หลังจากเขาเสนอคารมแบบนั้นไปก่อนหน้า – เขาไม่หมดท่าเลยทีเดียวหรอกหรือ ทีนี้เขาก็หมดท่าเลยทีเดียวกับคำพูดดังกล่าวของเธอ ทำอะไรไม่ได้นอกจากเกาแก้มเบาๆ คล้ายจะฝังกลบอาการเก้อเขินทั้งๆ ยังตีหน้านิ่ง ขณะหญิงสาวฉีกยิ้มสดใสมาให้ เป็นรอยยิ้มสว่างไสวที่หาได้แสดงท่าทีว่าชนะหรือถือไพ่เหนือกว่าในเกม ไม่ได้ทับถม ไม่มีท่าทีจะเกทับ มันสวยสะพรั่งดั่งจะปลุกดอกไม้ให้แย้มบาน ประดุจความสดชื่นของฤดูร้อน
เขาเคยบอกว่าอย่างไรนะ – เธอเหมือนอะไรหลายอย่าง ชิกามารุมั่นใจ ตอนนี้เขาคิดว่าเธอเหมือนแสงดวงตะวันที่ละสายตาไปไม่ได้ อบอุ่นเหลือเกิน เป็นเช่นกระแสลมที่พัดโชยมาจนเมฆอย่างเขาถูกปัดเป่าชักพาไปตามบงการของลมนั้นอย่างพึงพอใจและยอมศิโรราบ ราบคาบเลย เด็กหนุ่มผินหน้ามองคุโนะอิจิแห่งซึนะเงียบๆ โดนดึงดูดอยู่เช่นนั้น พลางสดับตรับฟังเธอกล่าวต่อ
เราเป็นแม่เหล็กต่างขั้ว คนหนึ่งนิ่งเฉย เรียบเรื่อยและเยือกเย็น อีกคนห้าวหาญ ร้อนแรงและส่องประกาย ทว่าแม่เหล็กต่างขั้วก็จะดึงดูดกันและกันเสมอเป็นกฎ เธอกับเขาก็เป็นกฎที่ถูกสร้างขึ้นเนิ่นนาน เปลี่ยนแปลงไม่ได้ดุจเดียวกับกาลเวลา เฉกเช่นสิ่งธรรมชาติ
“รักษาคำพูดด้วยล่ะ เรื่องรับผิดชอบน่ะ” เทมาริเอ่ย รอยยิ้มแต้มบนริมฝีปากได้รูปน่าสัมผัส ชิกามารุคิดว่าถ้ามองมันนานกว่านี้อาจจะเสียความเยือกเย็นอันดีไป ถึงได้เลื่อนสายตาออก ทว่าการเปลี่ยนจุดสนใจมายังนัยน์ตาสีเขียวครามคู่สวยก็ไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไรนัก
การพูดเลียบๆ เคียงๆ สื่อนัยนะไปมาที่ต่างฝ่ายต่างก็รับรู้ เท่าทัน เข้าใจถึงความนัยนั้น แต่ระวังตัวที่จะไม่ยอมรับ และแสร้งทำเป็นไม่รู้ถึงความจริงที่มีอยู่นั่นหรือความหมายเบื้องหลังควรจะจบลงเสียที
มันเป็นคำพูดตามจริงจากใจที่ต่างฝ่ายต่างเลือกจะเชื่อว่าเป็นการทีเล่นทีจริงไว้ก่อน กลัวว่าถ้าจริงจังขึ้นมาแล้วอีกฝ่ายอาจจะไม่คิดจริงจังด้วย จึงปล่อยให้มันเป็นการรับส่งคารมกันไป แม้ว่าใจลึกๆ จะรู้ดีแก่ใจตนว่าที่ตนและอีกฝ่ายพูดก็มีความหมายแอบแฝงเช่นนั้นนั่นเอง
จังหวะถัดมา หญิงสาวก็ดึงแขนเด็กหนุ่มเบาๆ กระตุ้นเตือนเขาที่ทำท่าคล้ายจะหยุดเดินเหมือนอยากจะหันมาฟังเธอพูดถ้อยคำเมื่อครู่ชัดๆ อีกรอบ ทั้งยังประสงค์จะสืบสาวเอาความเพิ่มเติม “รออะไรอยู่ ชิกามารุ ทำไมไม่นำหน้าไปล่ะ ฉันไปไม่ถูกหรอกนะ นายเป็นผู้ดูแลประจำตัวฉันเวลาอยู่โคโนะฮะไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้ว ได้ทุกอย่างตามที่เธอประสงค์เลย”
ต่างฝ่ายต่างอบอุ่นใจที่แม้จะห่างไกลกันไป หรือจากลาครั้งก่อนเช่นนั้น แต่พอเจอหน้า หวนมาพานพบ กลับไม่ต้องใช้หรืออาศัยอะไรเลย ทุกอย่างก็ประสานเข้าหากันประหนึ่งไม่เคยมีช่องว่างของเวลา หรือช่วงที่ห่างหายแม้แต่น้อย มันราบรื่น ลื่นไหลไปตามครรลองปกติดังที่มันเป็นมาตลอด เพราะเราเหมาะสมเข้าคู่กันดีอย่างไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนแปลง หรือเป็นอุปสรรค คัดคานคั่นกลางได้
ทั้งสองเข้าใจความรู้สึกอีกฝ่ายดีด้วยมีสายใยเกี่ยวกระหวัด เชื่อมโยงกันไว้ก่อนจากลา ดังนั้น ถึงห่างไกลก็ยังผูกพัน ทุกๆ ความเป็นไปที่เกิดขึ้นระหว่างเราจนถึงตรงนี้เหมือนเขากับเธอพบเจอกันอยู่ทุกวัน ใช้เวลาร่วมกันทุกขณะ และบทสนทนากับการกระทำก็เกิดขึ้นออกมาเองโดยธรรมชาติอย่างนั้นทั้งที่เพิ่งแค่พบหน้า ชิกามารุส่ายศีรษะเล็กน้อย ยอมปล่อยผ่านถ้อยคำเมื่อครู่ของเธอแต่โดยดี พลางกระตุกรอยยิ้มของการรู้จักใครสักคนลึกซึ้ง จะอย่างไรเขาก็รู้ว่านั่นเท่ากับสาวเจ้าเอ่ยปากยินยอมให้เขารับผิดชอบเธอแล้ว – ทั้งความหมายตามตรงตลอดจนความนัยซึ่งเราสองคนรู้ดีว่าอีกฝ่ายต่างก็ตระหนักถึง ไม่ว่าจะยามปัจจุบันหรืออนาคตเบื้องหน้า
ความเรียบเฉยบนใบหน้าคมสันเกิดร่องรอยกระตุกยิ้มจางๆ ที่หากไม่สังเกตก็แทบจะกลืนไปกับกระแสความนิ่งขรึม “ตามมาดีๆ แล้วกันยัยโหด อย่าเผลอหลงทางล่ะ”
นั่นคือการกล่าวอ้างถึงครั้งแรกที่ตนเดินไปส่งคุโนะอิจิผู้มาจากทะเลทรายยังบ้านพักรับรอง เมื่อคราวเธอกับเหล่าน้องชายช่วยเพื่อนร่วมภารกิจของเขาไว้ตอนตามตัวอุจิวะ ซาสึเกะ – ภารกิจแรกในฐานะจูนินและหัวหน้าหน่วยย่อยซึ่งทำให้เด็กหนุ่มรุดหน้าเข้มแข็งและเติบโตขึ้น ครั้นหญิงสาวหวนนึกถึงตอนนั้น รอยยิ้มก็เปรอะเปื้อนบนใบหน้า ชิกามารุเหล่มองเจ้าของห้วงอารมณ์เพลิดเพลินข้างตัว ก็อดมีสีหน้าสดชื่น ผ่อนคลายตามไม่ได้ ทั้งยังดีใจกับการที่เธอตามทันลูกไม้หยอกเย้าของตน
พวกเรามีกระแสความเข้าใจรวมถึงความเชื่อมโยงต่ออีกฝ่าย ตลอดจนความรับรู้ร่วมกันอยู่เสมอ เหตุนี้กระมัง กาลเวลาหรือการห่างหายหน้าไปแล้วมาพบกันอีกครั้งเช่นนี้ถึงไม่มีสิ่งใดระหว่างเราเปลี่ยนแปลง และทำอะไรความสัมพันธ์เราไม่ได้เลย ปราศจากความผิดแผกแปลกแยก
つづく.
สวัสดีค่ะนักอ่านทุกท่าน ย ยังมีชีวิตอยู่ค่ะ ไม่รู้ว่ายังมีนักอ่านเก่าแก่หรือนักอ่านใหม่ท่านใดติดตามฟิคนี้อยู่หรือไม่
ผู้เขียนรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งนักอ่านทุกท่านที่ยังแวะเวียนเข้ามาอ่าน เข้ามาติดตาม ทวงถาม
………………………………………………………………………………....................
ความคิดเห็น