ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตามล่า ท้าวิญญาณ

    ลำดับตอนที่ #2 : เทปแรก โกดังร้างรัก

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 49




        " วัสดีค่ะ  ท่านผู้ชม  นี่คือรายการ 'ตามล่า ท้าวิญญาณ'  รายการที่ทำให้ท่านขวัญผวาไปกับสถานที่อาถรรพ์ทั่วประเทศ  ดิฉัน น้ำฟ้า  ชลาพร พิธีกรรายการ" ฟ้าที่ใส่ชุดออกรบสีเขียว กระโปร่งสีขาวบางเบา ดูดีเกินกว่าจะมาออกรายการผี พูดใส่กล้องตัวใหญ่ขณะที่กล้องกำลังซูมเข้าไปในโกดังด้านหลัง 

        กว่าจะเดินทางมาถึงจังหวัด  นครปฐม ก็เย็นมากแล้ว  ความมืดย่างกรายเข้ามา ขับให้บรรยากาศของที่ถ่ายทำดูน่าสยดสยอง

        " เออ  หนูหมอกจ๊ะ  จริงรึเปล่าลูก ที่หนูมีสัมผัสเรื่องวิญญาณสามารถมองเห็นในสิ่งที่น้อยคนนักมองเห็น  ประมาณว่ามี  'ซิกเซ็ก' อะไรอย่างงี้ใช่ไหมลูก  แล้วหมอกมีตั้งแต่เกิดรึเปล่า ? " ป้าอิ่ม ที่ท่าทางช่างพูดถามหมอกขณะที่คนอื่นถ่ายทำกัน

        หมอกยิ้มรับและพยายามตอบอย่างระมัดระวัง " ก็คงจะอย่างงั้นล่ะฮะป้า  ผมมี 'ซิกเซนต์'  น่ะฮะไม่ใช้  'ซิกเซ็ก' แล้วผมก็ไม่มีตั้งแต่เกิดหรอกนะครับ  ผมมีเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนผมอายุ 10 ขวบ มันไม่ใช้เรื่องดีเลย " เขาภาวนาให้คุณป้าเลิกถามซะที

        " อืม  มีตอนอายุ 10 ขวบ  แล้วมีได้ยังไง  ตอนไหนล่ะจ๊ะ  ตอนที่มี หนูฝันว่าพระอินทร์เอาดวงตาทะลุมิติมาให้ หรือว่า มีพ่อหนุ่มลึกลับพราวเสน่ห์ให้พลังนี้มา อย่างนี้รึเปล่าจ๊ะ " ป้าถ้าจะดูหนังมากไปซะแล้ว

         " ก็.... เปล่าหรอกครับ เป็นเพราะ..อุบัติเหตุ "

         " อุบัติเหตุ ! อุบัติเหตุอะไรจ๊ะ " เรด้าสอดรู้กระเด้งรับสัญญาณ

         นับเป็นโชคช่วยที่ฟ้าและคนอื่นๆกลับมาจากถ่ายทำ  บทสนทนาจึงจบลงด้วยความโล่งใจของฝ่ายที่ถูกซักแต่บทสนทนาอีกบทที่น่าลำบากไม่แพ้กันก็ตามมา

          "หมอก  พี่มาคิดดูแล้ว  พี่รู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกเธอล่วงหน้าเรื่องรายการนี้  แต่ถ้าพี่บอก  เธอก็คงไม่มา  งานนี้สำคัญกับพี่มาก  ช่วยพี่ด้วยเถอะนะ " 

          ฟ้าฝันอยากเป็นนักแสดงและพิธีกรที่มีชื่อเสียง  เมื่อโอกาสอยู่ตรงหน้าเธอจึงรีบคว้าไว้และทุ่มเทอย่างเต็มที่กับรายการนี้  หากแต่ด้วยต้องการดึงดูดความสนใจของผู้ชม  เธอจึงนำน้องชายมาช่วย  บางทีหมอกอาจจะสามารถติดต่อกับวิญญาณละแวกนี้ก็ได้

             .........................................................................................................................................
      
        "ขอบคุณ  คุณสุริยะ มากนะคะ ที่อนุญาตสถานที่ให้พวกเรา " วาหินีพนมมือไหว้ เจ้าของคฤหาสน์ใหญ่ข้างโกดังสถานที่ถ่ายทำ

          นายสุริยะเจ้าของคฤหาสน์นั้นท่าทางขี้โรคและดูทุกข์ใจ  อาจเป็นเพราะร่างกายชราภาพของเขาเป็นอัมภาพครึ่งล่างจำต้องนั่งรถเข็นมาเป็นเวลานาน

          "ไม่เป็นไรหรอก คุณวาหินี ผมยินดี หากแต่มีเรื่องจะขอร้องเป็นการแลกเปลี่ยน "
    สุริยะกระแอมไอ 
           "คือ ผมได้ยินว่าทีมงานของคุณมีผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งเหนือธรรมชาติอยู่  ผมต้องการให้พวกเขาช่วยจัดการวิญญาณนี้ให้ออกไปซะที ทุกคนในบ้านผมกังวลเกี่ยวกับมันมาก" 

            วาหินียิ้มรับ ทั้งที่คำพูดของฝ่ายตรงข้ามสร้างความสงสัยบางอย่างแก่เธอ

           " ได้ค่ะ ทางเราจะพยายามให้ถึงที่สุด " เธอตอบรับประจวบเหมาะกับที่ชายหนุ่มสองคนเข้ามาพอดี

            "คุณวาหินี  สองคนนี้คือลูกชายผม คนโตชื่อ สุริยัน  คนเล็กชื่อ ผันนภา ทำงานอยู่ที่บริษัทผม" สุริยะแนะนำ

             สุริยันเป็นคนตัวใหญ่  ดวงตาจ้องมาที่วาหินีเปรียบดังเหยี่ยวแสดงถึงอำนาจและความเฉลียวฉลาด ต่างกับ ผันนภาที่ยามจ้องมา วาหินีรู้สึกถึงสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่ง  ดวงตาที่หลุกหลิกดูเหมือนเป็นคนเจ้าชู้และถูกตามใจจนเสียคน 

             ทั้งคู่แนะนำตัวตามมารยาท
         
             " เมื่อเราต้องทำงานให้คุณ  ดิฉันก็รู้สึกสงสัยว่า  ทำไมพวกคุณถึงต้องการกำจัดวิญญาณนี้  ทำไมต้องเป็นพวกเราที่รับหน้าที่ และ พวกคุณพอทราบไหมคะ ว่าดวงวิญญาณที่ว่านี้เป็นใคร ดิฉันไม่ต้องการละลาบละล้วง หากแต่ เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับงานของเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง "   ด้วยความสงสัยและเพื่อความไม่ประมาทวาหินีจึงตัดสินใจถามคำถามที่ข้องใจ

               ผู้ฟังมีสีหน้าประหลาดใจ  กังวลใจ  และเศร้าคละกันไป สุดท้ายสุริยันก็เอ๋ยปาก

            " ผมคิดว่าวิญญาณนี้ น่าจะเป็น  ดวงตะวัน  คู่หมั้นผม  2 คืนก่อนวันแต่งงาน  ดวงตะวันไปที่โกดังเก็บของตอนกลางคืน ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร  อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเข้าไปไม่นานก็เกิดเสียงระเบิดขึ้น  ใช่ครับ  โกดังระเบิด  ไฟลามไปทั่ว  พวกเราและคนงานพยายามดับไฟกว่าจะดับเสร็จก็รู้ว่า ... ดวงตะวันหายไป เราระดมคนค้นหา ท้ายสุดก็พบศพเธอในซากโกดัง"  สุริยันนิ่งไปครู่หนึ่ง  เขาลำบากใจที่ต้องเล่าถึงการสูญเสียคู่หมั้นของเขา

             " ขอโทษนะคะ สภาพศพ "

             " โว้ย  !! กำจัดผีมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องพวกนี้  คุณไม่เห็นรึว่า เราไม่อยากตอบคำถามพวกนี้ " ผันนภาเลือดขึ้นหน้าผรุโทสะออกไป

              " ไม่เป็นไรหรอก ผัน ให้ความร่วมมือหน่อย " สุริยันปราม " สภาพศพของดวงตะวันนั้นไม่สามารถระบุได้ว่าตายอย่างไร  เมื่อไร แต่คาดว่าน่าจะถูกแทง เพราะพบมีดในกองไฟข้างศพเธอ "

              " อืม  อย่างนี้นะเอง  แล้วมีอะไรผิดปกติอีกรึเปล่าคะ ในคืนที่พบศพ "
     
                สุริยันส่ายหน้า แต่ผันนภาพยักหน้า 

              " ความจริง  ดวงตะวันมีอาการซึมเศร้าก่อนวันเกิดเหตุ  เก็บตัว  บางทีเธออาจจะมีความกังวลก่อนแต่งงาน  ส่วนที่ผิดปกติอีกเรื่องคือ  ดอกหญ้า คนใช้ในบ้านที่หายตัวไปในวันเกิดเหตุ  บางทีเธออาจเป็นคนฆ่าดวงตะวันแล้วหนีไป  หรือ กลัวผีดวงตะวันจนหนีไปก็ได้ " 

             " แล้วดอกหญ้าเป็นคนฆ่าจริงรึเปล่า  เธอหายไปไหนค่ะ "

                 คราวนี้ สุริยะเป็นคนตอบ 

              " ไม่มีหลักฐานว่าเธอเป็นคนทำ  อีกอย่างตำรวจจับคนร้ายได้แล้ว  หนูวาหินี  ไอ้ผัน มันไม่เชื่อว่า นายสาด เป็นคนทำถึงมีหลักฐานพร้อม มีคนเห็นว่าก่อนเกิดเหตุนายสาดคุยกับคุณดวงตะวัน  อีกทั้งหลังจากค้นบ้านมันเราก็พบเสื้อผ้าเปื้อนเลือด"

               สุริยันกัดฟันอย่างแค้นใจ 

               " นายสาดนะ  นายสาด ไม่น่าเลยสติมันไม่ค่อยดี  พอเห็นดวงตะวันออกว่าตอนกลางคืนก็คงแค้นใจที่เธอหมั้นกับผม  มันหลงรักตะวันมาตั้งนานแล้ว "

               " เอาล่ะ คุณก่อกวนอารมณ์เก่าของพวกเราขึ้นมาใหม่เกินหน้าที่  กลับไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายก็พอ "  ผันนภาตัดบทและเดินไปส่งวาหินีที่ประตู

                     'ผู้หญิงคนนี้อันตราย'   เขาคิดอย่างกังวล          

                 ...........................................................................................................................

              ภายในรถบ้านของบริษัท  ข้างในเต็มไปด้วยอุปกรณ์ถ่ายทำและเครื่องมือสุดพิลึกพิลั่นของอาจารย์พนัสดมหนึ่งในทีมงานที่ศึกษาเรื่องวิญญาณ

              วาหินีกำลังถ่ายทอดเรื่องราวที่เธอไปพูดคุยกับ นายสุริยะ นายสุริยัน และนายผันนภา ในทุกคนในรถฟัง 

             " สรุปคือพวกเราต้องกำจัดวิญญาณให้เขาเพื่อแลกกับได้สถานที่ไปทำรายการใช่มั้ยนี่ " วิกรมช่างภาพหนุ่มถาม  

              ผู้อำนวยงานสร้างหรือวาหินีพยักหน้าอย่างครุ่นคิด

            "  ใช่ค่ะ  แต่ฉันรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ  เรื่องนี้มันทะแม่งๆ พิกล "

            "  อย่างไรก็ตาม  เราก็ต้องช่วยกันทำตามความต้องการของเขา อาจารย์พนัสดมคะ อาจารณ์เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้ไหม "  ฟ้าพิธีกรรายการ สาวน้อยที่มุ่งมั่นในจุดหมายถามอาจารย์ที่น่าจะมาเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ 

            "  อืม  สาเหตุที่วิญญาณยังยึดติดไม่ไปไหนนั้นมีหลายสาเหตุ  อาจเป็นเพราะมีบ่วงกรรมหรือมีบางสิ่งที่ต้องสะสาง  หากเราสามารถหาสาเหตุได้เธอก็น่าจะจากไป "  อาจารย์ตอบทำหน้าใช้ความคิด 

           " พวกเราก็ต้องแยกกันหาสาเหตุเรื่องนี้พร้อมกับถ่ายทำสินะ"  วิกราณต์ผู้ช่วยช่างถามพูดในขณะที่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น 

            หมอกเด็กชายคนหนึ่งในทีมวิ่งไปเปิดประตู  ผู้ที่อยู่หลังประตูบานนั้นเป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารักถึงแม้ว่าจะไม่สวยเหมือนฟ้าหากแต่บุคลิกและท่าทางที่จริงใจทำให้รู้สึกน่าคบหา  เธอยิ้มให้หมอกและแนะนำตัว

           " สวัสดีจ๊ะหนู พี่ชื่อ  ดารา เป็นน้องสาวของพี่สุริยันกับพี่ผันนภา ทุกคนในทีมอยู่ไหม ? " 

           หมอกไม่เคยรู้มาก่อนว่านายสุริยะมีลูกถึงสามคนเช่นเดียวกับคนอื่นๆ 

           ดารายิ้มอย่างรู้ทันเมื่อเห็นสีหน้าทุกคน เธอจึงอธิบายให้ฟัง

           " ตอนที่คุณไปขอบคุณ คุณพ่อ ฉันอยู่มหาวิทยาลัยนะค่ะ พอกลับมาคุณพ่อก็เลยให้มาแนะนำตัวและฉันก็อยากเชิญพวกคุณไปทานน้ำชาด้วยเลยมาที่นี่"

           "ขอโทษด้วยนะคะแต่ทางนี้ติดงานดิฉัน  วิกรม  วิกราณต์ ต้องขอบาย "

           " งั้นป้าขอไปแทน"  ป้าอิ่มเด้งออกมาจากครัวแต่ก็ลับหายไปเมื่อถูกวิกรมลากออกไป

           " งั้นเชิญ หนูกับคุณวาหินี ก็ล่ะกันนะคะ"  ดารายิ้มให้หมอก  มันเป็นรอยยิ้มที่ผู้ฟังปฎิเสธไม่ได้จริงๆ

              ............................................................................................................................. 
     
              น้ำฟ้า วิกรม  วิกราณต์ สองพี่น้อง อาจารณ์พนัสดมซึ่งออกตามมาด้วย และป้าอิ่ม กำลังตรวจบันทึกเทปครั้งล่าสุดหลังจากไปสัมภาษณ์ชาวบ้านในท้องถิ่นเมื่อพวกเขาพบ  สุริยันและผันนภา  ทั้งคู่หยุดดูและทักทาย ซึ่งกันและกัน  ดูเหมือนสุริยันจะสนใจวิธีการใช้กล้องวิดีโออย่างมากจึงหยุดพูดคุยกับสองพี่น้อง
       
                "ผมอยากทราบเอาไว้ประดับความรู้" เขาพูดเช่นนั้น

              ผันนภาก็ดูสนใจเช่นเดียวกันแต่ไม่ใช่กล้อง   เขาพูดตีสนิทกับน้ำฟ้า  พนัสดม ป้าอิ่มและมักมุ่งความสนใจไปที่พิธีกรสาว  สายตาที่เจ้าเล่ห์ของเขาทำให้ผู้ฟังรู้สึกลำบากใจ  โดยเฉพาะฟ้าที่นึกรังเกียจในใจ อย่างไรก็ตามเธอก็สะกดไว้อย่างเหนียวแน่น

              " คุณฟ้า ผมได้ยินว่าคุณเป็นหนึ่งในทีมปราบผี  คนสวยอย่างคุณ ไม่คิดเลยว่าคุณจะทำงานอย่างงี้นะครับ " ชายเจ้าเล่ห์พูดตีสนิทอย่างชำนาญ

               ฟ้าหัวเราะฝืนๆ  "แล้วคิดว่าน้ำจะทำรายการอะไรได้อีกล่ะคะ  น้ำก็ต้องหาเลี้ยงน้อง  มีอยู่กันแค่สองคน  ไม่ร่ำรวยประสบความสำเร็จเหมือนคุณหรอกคะ "

                ผันนภานิ่งอึงไปเล็กน้อยแล้วก็เปลี่ยนเรื่อง  อาการของเขาไปพ้นสายตาอันคมกริบของแม่ครัวและคนดูแลทุกคนไม่ได้  ขณะที่เธอกำลังจะซักผันนภา  สุริยันที่พูดคุยกับช่างภาพเสร็จก็เดินเข้ามา 

               "  ผันกลับกันเถอะ  พี่รู้สึกไม่ค่อยสบาย " พี่ชายผันนภาไอเล็กน้อยและมองทุกคนอย่างขอโทษ

                " ขอโทษนะครับช่วงนี้  ร่างกายผมไม่ค่อยแข็งแรง " ทั้งคู่เดินจากไป  ท่ามกลางความโล่งใจของน้ำฟ้า  

                 " ไม่น่าเจอคนพวกนี้เลยเสียเวลาจริงๆ ไม่ได้อะไรคืบหน้าสักนิด " เธอบ่น

                  " ไม่หรอกจ๊ะ  แม่ฟ้า ป้าคิดว่าอย่างน้อยเราก็พอทราบว่าคุณผันนภามีปัญญาบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องงาน "  ป้าอิ่มพูดปลอบ

                 "  อีกอย่างพวกผมได้สิ่งที่น่าจะได้ใช่ในอนาคตอีกด้วย "  วิกราณต์ยิงฟันพร้อมกับชูภาพของของ ดวงตะวัน ที่เขากับพี่ชายตะล่อมขอมาได้       

                 .........................................................................................................................

                    อาจารย์พนัสดมออกเดินแยกออกจากกลุ่มมาที่โกดัง ถึงเขาจะไม่สามารถมองเห็นวิญญาณได้เหมือนหมอกแต่เขาก็สามารถรู้สึกได้   ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาเขาสัมผัสได้ถึงความเศร้าหมองและความอาลัยของหญิงสาวผู้เสียชีวิตเหมือนเธอกำลังทุรนทุรายพยายามติดต่อถึงคนที่ยังอยู่  อาจารย์เงี่ยหูฟัง  เปิดใจ และเขาก็ได้ยิน

                    "  ช่วยด้วย  ช่วยด้วย  ช่วยด้วย  ฉันต้องการความยุติธรรม  ความยุติธรรม  ยุติธรรม "

                   เป็นเสียงที่เศร้าสร้อยมาก  ดูเหมือนว่าจะเป็นวิญญาณที่ตายด้วยความทรมานและได้รับความอยุติธรรม  อาจารย์กัดฟันเขาไม่สามารถรู้สึกถึงอย่างอื่นได้อีกเหมือนมีบางอย่างกั้นกลางไว้ จึงตัดสินใจเดินกลับไปหาน้ำฟ้าและคนอื่นๆ

                    . .........................................................................................................................


             ขณะเดียวกันหมอก เจ้าแซม และคุณวาหินี กำลังคุยกับน้องสาวของสุริยันและผันนภา  ดาราได้ให้ข้อมูลที่น่าจะมีประโยชน์แก่ทั้งคู่

             " พวกเราต้องการให้คุณ ดวงตะวันไปสู่สุขคติเสียที  เราไม่อยากให้เธอทรมานอีกอย่าง.... " ดารานิ่งไป " จะเรียกว่าเพื่อประโยชน์ส่วนตัวก็ได้  ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องดูเหมือนว่าทุกคนในบ้านมักจะเกิดปัญหาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง" 

               ผู้ฟังทั้งสองเลิกคิ้วกันอย่างสงสัย  พอดีกับดาราที่ต้องการระบายความอัดอั้นก็ระบายออกมาอีก

                " ตั้งแต่พี่เขาเสีย  ร้านของพี่ผันนภาที่กำลังไปได้ด้วยดีก็เกิดความฝืดเคืองขายไม่ออกจนต้องปิดกิจการไป ไม่ว่าจะเริ่มงานอะไรก็ดูเหมือนจะไปไม่รอด  พี่สุริยันที่ร่างกายแข็งแรงก็เริ่มเป็นโรคที่หาสาเหตุไม่ได้  คุณพ่อก็กลายเป็นอัมภาพ  คนงานลาออกไปเกือบครึ่ง ยังดีที่นายแสงช่วยปลอบคนอื่นๆให้อยู่ต่อไปได้" 

               วาหินียังจำนายสุริยะกับเก้าอี้รถเข็นได้  เธอก็เริ่มเข้าใจบางอย่าง
     เธอตั้งท่าจะถาม  ดาราดูเหมือนจะเข้าใจ  เธอตอบคำตอบที่วาหินีคิดที่จะถาม

                " สำหรับตัวของฉัน โชคดีหน่อยที่ไม่เกิดปัญหาอะไรแต่ว่าช่วงสองสามวันมานี้" การหยุดของเธอทำให้ผู้ฟังกลั้นใจด้วยความอยากรู้ " ฉันก็เริ่มมีเคราะห์  แล้วฉันก็เห็น .....  เห็น คุณดวงตะวัน บ่อยๆ  "

                 สีหน้าของดาราซีดเผือกเมื่อเริ่มพูด  

             " จริงๆนะคะ  ถึงจะมีคนพบดวงวิญญาณของเธอบ้างแต่ฉันก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะ ฉันเห็นบ่อยมากและระยะมันถี่ขึ้นเรี่อยๆ รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย "

                 หมอกมองเธออย่างเห็นใจ  เขาเข้าใจความรู้สึกนั้นดีทีเดียว

            . ................................................................................................................. 

     ภายในรถบ้าน

             เจ้าแซมครางหงิงๆ  เห่าโฮ่งๆ กลิ้งเกลือกไปมาทับหมอก เขาไล่และผลักเจ้าลาบราดอร์ตัวอ้วนออกจากตัว  แต่เจ้าหมาก็ไม่ละความพยายาม  มันเริ่มส่งเสียงหอนโหยหวนทรมานจิตใจ  น่าแปลกที่คนอื่นๆในรถไม่ตื่นขึ้นมาซะที

             " ไอ้แซม  ไปๆ เป็นอะไรของแกเนี่ย " เด็กชายคิด

            เนื่องจากที่พักคนไม่พอเขาเลยโดนไล่ออกมานอนกับหมา  นี่คือเรื่องจริง นะท่านผู้อ่าน
    ทุกคนจองที่โดนไม่เห็นใจกันเลย  ตอนที่นอนคืนแรกยังไม่แย่เท่านี้ แต่คืนนี้แซมเป็นอะไรก็ไม่รู้ มันตะกายหน้าต่างเหมือนอยากออกไปข้างนอก  เดินเล่น?  ตอนกลางคืนเนี่ยนะ 

             หมอกเดินไปที่หน้าต่าง  มองจากตรงนี้จะเห็นโกดังร้างอยู่ ตามที่รู้มาตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ  เขาก็สร้างโกดังใหม่ใช้เก็บของ แต่ไม่ค่อยมีใครยอมดูแลจึงปล่อยทิ้งร้างเอาไว้มานาน  'มาจอดบ้าอะไรตรงนี้เนี่ย' เขาเพ่งไปในความมืด  'ใครอยู่ตรงนั้น? เหมือนผู้หญิง ผมยาวของเธอไหวไปมาเธอเดินตรงไปยังโกดังร้าง หันหลังให้เขา คนที่ไหนมาเดินเล่นยามค่ำคืนล่ะ? '

              ".????..!!!!!.คน*** "   

            'นั้นสิ  คนที่ไหนจะมาเดินยามค่ำกลางคืน???!!!'  เขาตัวสั่นเบือนหน้าหนี มองไปที่เพื่อนตัวน้อยที่เกาะหน้าต่างอยู่ข้างๆ แซมหันหน้ามองกลับ ดูเหมือนมันจะรู้สึกถึงบางสิ่งจึงหยุดเห่า  ทั้งคู่ปล่อยมือ(และเท้า)จากหน้าต่าง  นั่งหันหลัง

               " คนหรือผี ผีหรือคนว่ะ "  หมอกตัวสั่น 'บางทีอาจเป็นคุณดาราก็ได้  ใช่ต้องเป็นคุณดาราแน่ๆ  แล้วเราหลบทำไม '  เขาค่อยๆหันกลับไปที่หน้าต่าง เจ้าแซมซุกตัวอยู่ใกล้เขา  มันครางหงิง สุนัขมันจะกลัวผู้หญิงได้มากขนาดนี้เลยเหรอ ทั้งๆที่หมอกพอก็เดาได้รางๆแต่ตามธรรมชาติของคนมักอยากรู้อยากเห็น  เขาก็เช่นกัน

            เด็กชายค่อยๆหันหน้าไปทางหน้าต่าง

             ...............................
              
             ................................

             ................................

             .................................

            ...................................

           " เธอหันมาแล้ว!!!! "

            หนึ่งคนหนึ่งสุนัขวิ่งสุดแรงถีบประตูที่ใกล้ที่สุด  บุกเข้าไปโดยไม่กลัวถูกด่า
       หมอกจำได้ทันทีที่เห็นหน้าของหญิงสาว 

                         " คุณดวงตะวัน "

                   ..............................................................................................................
     
              เช้าวันใหม่

         สองพี่น้องช่างภาพเดินหน้าบึ้งออกมาจากห้องด้วยหน้าตาที่ไม่สบอารมณ์ทำให้ป้าคนดูแลทักอย่างสงสัย

         " เป็นอะไรไปเล่าเจ้าสองคนนี้"

         ผู้ถูกถามหันควับไปตามเสียง  วิกรมช่างตอบผู้เป็นพี่เป็นคนตอบ

         " พวกเรานอนไม่พอ  เมื่อคืนอยู่ดีๆ  ประตูก็ถูกแตะพังมาทับพวกผม  ไอ้หมอกกับแซมบุกเข้ามาในห้อง  โวยวายใหญ่แถมยังแย่งที่นอนเราอีก"  เขาตอบพลางพยักหน้าไปทางตัวต้นเหตุที่เดินออกมาจากห้อง

          เจ้าแซมกระดิกหางหงอยๆ  ส่วนหมอกยิ้มอย่างสำนึกผิด

          " ขอโทษครับพี่  พอดีเมื่อคืนมันน่ากลัวไปหน่อย  ถ้าพี่ตกอยู่ในสถานการณ์อย่างที่ผมเล่า  พี่จะทำยังไง"

          วิกรานต์ทำเสียงขึ้นจมูก 
      
          " อย่างน้อย  ฉันก็คงไม่ร้องโวยวาย  ทลายประตู แย่งที่ผู้ใหญ่แน่นอน"

          หมอกขมวดคิ้วตั้งท่าจะตอบโต้  พอดีวิกรมพูดแทรกขึ้นมา

          "แล้วแน่ใจหรือว่าเห็นวิญญาณดวงตะวันน่ะ  อาจเป็นคนอื่นก็ได้"

          "แน่ครับ  ผมจำรูปที่พี่ให้ดูได้  อีกอย่างคนที่ไหนจะมาเดินเล่นแถวสถานที่มีผีสิงอย่างงั้นละครับ" 

          "งั้นไปสำรวจกัน  เผื่อจะได้เรื่องดีๆ" เสียงใสแทรกขึ้นมา  พี่สาวของหมอกเดินมาพร้อมอาจารณ์ผู้เชี่ยวชาญวิญญาณ

         .......................................................................................................................................

         นี่เป็นครั้งแรกที่หมอกจะได้เข้าไปในโกดังหลังจากที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด แต่หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนที่ได้ประสบบวกกับเสียงที่อาจารย์พนัสดมได้ยินและเล่าเขาให้ฟัง ทำให้เขาเริ่มสงสารหญิงสาวที่ถูกฆ่าตายในนั้น อีกทั้งในใจของทุกคนในตอนนี้ก็เต็มไปด้วยความสงสัย

              ทำไมดวงตะวันที่ถูกฆ่าถึงออกไปข้างนอกตอนกลางคืน ?

              ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคนในบ้านเป็นอย่างไร  ?

              ทำไมในวันที่เกิดเหตุ 'ดอกหญ้า' คนใช้ในบ้านถึงหายไป ?

              แล้วเธอหายไปไหน  ?

              อีกทั้งนายสาดที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าดวงตะวันเป็นฆาตรกรจริงหรือ  ?

               ถ้าไม่ใช่ใครล่ะเป็น  ???

              ฯลฯ 
     
              ทุกอย่างมีบางอย่างผิดปกติเหมือนมีเงาหนาทึบปิดกั้นไว้  

              ทุกคนในทีมจะต้องหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ได้

                
            ยังเป็นเวลาเช้ามืดอยู่เมื่อพวกเขามาถึงที่โกดังเก่า วิกรมถือกล้องวิดีโอขนาดจิ๋ว วาหินีผูกเจ้าแซมไว้ใต้ต้นไม้ใกล้ๆ  ทุกคนมากันครบแม้แต่คุณป้าอิ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานนี้ หมอกบิดลูกบิดประตูเปิดเข้าไปในโกดัง เปิดสวิสต์ข้างประตู

            ภายในโกดังเต็มไปด้วยสิ่งของวางระเกะระกะไปทั่ว ทั้งยังมีกลิ่นที่ไม่น่าพิศมัยอย่างรุนแรงแสดงถึงการที่ไม่ได้รับการเอาใจใส่เท่าที่ควร 

           วิกรมเลื่อนกล้องถ่ายโกดังอย่างช้าๆ วิกรานต์ถ่ายภาพด้วยกล้องของผู้เชี่ยวชาญด้านวิญญาณ ในขณะที่น้ำฟ้าก็บรรยายถึงประวัติความน่ากลัวของโกดังอย่างคราวๆทั้งเรื่องอุบัติเหตุ  การตายของหญิงสาวที่ชื่อดวงตะวัน  ปริศนาที่ยังไม่กระจ่าง  วิญญาณที่ผู้คนพบเห็นที่โกดังที่พึ่งซ่อมแซมเสร็จ

          หมอกตัวสั่น  เขารู้สึกเสียวสันหลังตั้งแต่เข้าใกล้ที่โกดัง มีความรู้สึกเหมือนมีใครจ้องมองอยู่ เป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความโหยหาและเศร้าสร้อย  ความรู้สึกยิ่งเด่นชัดเมื่อเขาเดินลึกขึ้นและเขาก็พบต้นเหตุของความรู้สึก !!

          "พี่ๆๆๆ" หมอกสะกิดคนที่ใกล้ตัวที่สุด  น้ำฟ้าหันไปตามแรง แล้วเธอก็เห็นสิ่งที่น้องชายชี้

            กลิ่นสาบสางไหม้เหม็นลอยมาจางๆ ภายในที่เต็มไปด้วยข้าวของ  มีรูปภาพขนาดปานกลางรวมอยู่ด้วย  ภาพนั้นถูกแขวนไว้กับตะขอตัวจิ๋ว  นางแบบไร้ชื่อในภาพกำลังแย้มยิ้มเล่นกับกล้อง แต่ที่ดึงดูดความสนใจของทุกคนมากที่สุดคือดวงตา  ดวงตานั้นดูโปนคล้ายไม่ใช้ดวงตาที่แท้จริงในภาพ

             "ภาพนี้ดูพิลึกนะ" ป้าอิ่มพึมพำ 

             "ต้องใช่แน่ๆ  ภาพนี้ต้องเป็นที่สิงสถิตของดวงตะวันในเวลากลางวันเป็นแน่ๆ " ฟ้าพูดด้วยเสียงแปร่งๆ

             "ดูนี่สิเด็กๆ" อาจารย์พนัสดมเรียก  ทำให้ทุกคนขมวดคิ้วยกเว้นป้าอิ่มและหมอก ถึงอาจารย์จะมีอายุมากที่สุดคือ30ปี(รองจากคุณป้า) แต่ก็ไม่น่าใช้สรรพนามเรียกพวกเขาเหมือนเด็กๆ อย่างงี้

             พนัสดมชี้ไปที่เศษกระดาษบนพื้น    "นี่คือเศษยันต์ ที่ใช้สะกดวิญญาณ  มันคือตัวขัดขวางตอนที่ฉันพยายามติดต่อกับดวงตะวัน แต่ตอนนี้มันหลุดออกมาแล้ว"

             " งั้นก็แสดงว่าตอนนี้เราสามารถติดต่อกับดวงตะวันได้ดีขึ้นนะสิ " วิกรานต์พูด

             ทันใดนั้นเสียงเห่าหอนของเจ้าแซมก็ดังขึ้น  วาหินีนึกเป็นห่วงสุนัขของเธอขึ้นมาจึงเดินออกไปดู

              ไม่ทราบว่าจะเป็นเหตุบังเอิญหรือไม่เพราะในขณะที่วาหินีกำลังไปที่ประตู รูปภาพที่สิงสถิตก็ตกลงมาบนพื้น และไฟก็ดับลงกระทันหัน

              ทุกคนตกอยู่ในความมืด

           .....................................................
           .....................................................

            เกิดความวุ่นวายเล็กน้อย  เมื่อทุกคนพยายามหาทางออกในความมืด มีโวยวายของใครคนหนึ่งและเสียงครางจากใครอีกคนหนึ่ง  หมอกโดนเบียดกระแทกไปมา  มีเสียงเรียกหาเขาแว่วๆ สักพักก็มีมือเย็นเฉียบช่วยพยุงเขาและจูงเงียบๆมาที่ประตู 

             แสงสว่างกลับมาอีกครั้งเมื่อประตูถูกเปิด   วิกรมกำลังคร่อมอยู่กับอาจารย์พนัสดม เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็รีบผละออกจากกัน  ฟ้าและวาหินีล้มลงไปในกองสิ่งของกำลังพยุงกันและกันลุกขึ้น  วิกรานต์คลำหากล้องเมื่อเจอก็ปัดฝุ่นทำความสะอาด ส่วนป้าอิ่มเป็นคนเดียวที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดยืนอยู่ข้างๆหมอก

            " ป้าฮะ  ป้าจูงผมมารึเปล่าฮะ " เด็กชายถามคนข้างๆตัว
     
             ป้าอิ่มสั่นหน้าเบาๆ มองหมอกอย่างสงสัย เธอจำได้มาหมอกเดินมาเองนี่นา

            ทุกคนออกมาจากโกดัง พอดีกับที่ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาหา ร่างผอมสูง เดินเข้ามา บอกข่าวแก่ทีมล่าวิญญาณ

            " ขอโทษนะครับ พอดีฟิวส์ขาด ไฟฟ้าเลยดับ  นายแสงกำลังเปลี่ยนอยู่ คุณดาราคิดว่าพวกคุณคงอยู่ในโกดังเลยให้มาบอก "  เขาเป็นหนึ่งในคนของบ้าน มารู้ทีหลังว่าชื่อ 'นายมาก' นายมากพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการบอกลาและเดินกลับไป
     
            วาหินีมองไปที่ต้นไม้ส่งเสียงเรียกสุนัขของเธอแต่ไม่มีเสียงตอบรับ  หญิงสาวมองไปที่ต้นไม้ที่ผูกเจ้าแซมไว้  เธอใจหายวาบ 

              'เจ้าแซมหายไปแล้ว'

             .............................................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×