คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เทปแรก โกดังร้างรัก
" สวัสดีค่ะ ท่านผู้ชม นี่คือรายการ 'ตามล่า ท้าวิญญาณ' รายการที่ทำให้ท่านขวัญผวาไปกับสถานที่อาถรรพ์ทั่วประเทศ ดิฉัน น้ำฟ้า ชลาพร พิธีกรรายการ" ฟ้าที่ใส่ชุดออกรบสีเขียว กระโปร่งสีขาวบางเบา ดูดีเกินกว่าจะมาออกรายการผี พูดใส่กล้องตัวใหญ่ขณะที่กล้องกำลังซูมเข้าไปในโกดังด้านหลัง
กว่าจะเดินทางมาถึงจังหวัด นครปฐม ก็เย็นมากแล้ว ความมืดย่างกรายเข้ามา ขับให้บรรยากาศของที่ถ่ายทำดูน่าสยดสยอง
" เออ หนูหมอกจ๊ะ จริงรึเปล่าลูก ที่หนูมีสัมผัสเรื่องวิญญาณสามารถมองเห็นในสิ่งที่น้อยคนนักมองเห็น ประมาณว่ามี 'ซิกเซ็ก' อะไรอย่างงี้ใช่ไหมลูก แล้วหมอกมีตั้งแต่เกิดรึเปล่า ? " ป้าอิ่ม ที่ท่าทางช่างพูดถามหมอกขณะที่คนอื่นถ่ายทำกัน
หมอกยิ้มรับและพยายามตอบอย่างระมัดระวัง " ก็คงจะอย่างงั้นล่ะฮะป้า ผมมี 'ซิกเซนต์' น่ะฮะไม่ใช้ 'ซิกเซ็ก' แล้วผมก็ไม่มีตั้งแต่เกิดหรอกนะครับ ผมมีเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนผมอายุ 10 ขวบ มันไม่ใช้เรื่องดีเลย " เขาภาวนาให้คุณป้าเลิกถามซะที
" อืม มีตอนอายุ 10 ขวบ แล้วมีได้ยังไง ตอนไหนล่ะจ๊ะ ตอนที่มี หนูฝันว่าพระอินทร์เอาดวงตาทะลุมิติมาให้ หรือว่า มีพ่อหนุ่มลึกลับพราวเสน่ห์ให้พลังนี้มา อย่างนี้รึเปล่าจ๊ะ " ป้าถ้าจะดูหนังมากไปซะแล้ว
" ก็.... เปล่าหรอกครับ เป็นเพราะ..อุบัติเหตุ "
" อุบัติเหตุ ! อุบัติเหตุอะไรจ๊ะ " เรด้าสอดรู้กระเด้งรับสัญญาณ
นับเป็นโชคช่วยที่ฟ้าและคนอื่นๆกลับมาจากถ่ายทำ บทสนทนาจึงจบลงด้วยความโล่งใจของฝ่ายที่ถูกซักแต่บทสนทนาอีกบทที่น่าลำบากไม่แพ้กันก็ตามมา
"หมอก พี่มาคิดดูแล้ว พี่รู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกเธอล่วงหน้าเรื่องรายการนี้ แต่ถ้าพี่บอก เธอก็คงไม่มา งานนี้สำคัญกับพี่มาก ช่วยพี่ด้วยเถอะนะ "
ฟ้าฝันอยากเป็นนักแสดงและพิธีกรที่มีชื่อเสียง เมื่อโอกาสอยู่ตรงหน้าเธอจึงรีบคว้าไว้และทุ่มเทอย่างเต็มที่กับรายการนี้ หากแต่ด้วยต้องการดึงดูดความสนใจของผู้ชม เธอจึงนำน้องชายมาช่วย บางทีหมอกอาจจะสามารถติดต่อกับวิญญาณละแวกนี้ก็ได้
.........................................................................................................................................
"ขอบคุณ คุณสุริยะ มากนะคะ ที่อนุญาตสถานที่ให้พวกเรา " วาหินีพนมมือไหว้ เจ้าของคฤหาสน์ใหญ่ข้างโกดังสถานที่ถ่ายทำ
นายสุริยะเจ้าของคฤหาสน์นั้นท่าทางขี้โรคและดูทุกข์ใจ อาจเป็นเพราะร่างกายชราภาพของเขาเป็นอัมภาพครึ่งล่างจำต้องนั่งรถเข็นมาเป็นเวลานาน
"ไม่เป็นไรหรอก คุณวาหินี ผมยินดี หากแต่มีเรื่องจะขอร้องเป็นการแลกเปลี่ยน "
สุริยะกระแอมไอ
"คือ ผมได้ยินว่าทีมงานของคุณมีผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งเหนือธรรมชาติอยู่ ผมต้องการให้พวกเขาช่วยจัดการวิญญาณนี้ให้ออกไปซะที ทุกคนในบ้านผมกังวลเกี่ยวกับมันมาก"
วาหินียิ้มรับ ทั้งที่คำพูดของฝ่ายตรงข้ามสร้างความสงสัยบางอย่างแก่เธอ
" ได้ค่ะ ทางเราจะพยายามให้ถึงที่สุด " เธอตอบรับประจวบเหมาะกับที่ชายหนุ่มสองคนเข้ามาพอดี
"คุณวาหินี สองคนนี้คือลูกชายผม คนโตชื่อ สุริยัน คนเล็กชื่อ ผันนภา ทำงานอยู่ที่บริษัทผม" สุริยะแนะนำ
สุริยันเป็นคนตัวใหญ่ ดวงตาจ้องมาที่วาหินีเปรียบดังเหยี่ยวแสดงถึงอำนาจและความเฉลียวฉลาด ต่างกับ ผันนภาที่ยามจ้องมา วาหินีรู้สึกถึงสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่ง ดวงตาที่หลุกหลิกดูเหมือนเป็นคนเจ้าชู้และถูกตามใจจนเสียคน
ทั้งคู่แนะนำตัวตามมารยาท
" เมื่อเราต้องทำงานให้คุณ ดิฉันก็รู้สึกสงสัยว่า ทำไมพวกคุณถึงต้องการกำจัดวิญญาณนี้ ทำไมต้องเป็นพวกเราที่รับหน้าที่ และ พวกคุณพอทราบไหมคะ ว่าดวงวิญญาณที่ว่านี้เป็นใคร ดิฉันไม่ต้องการละลาบละล้วง หากแต่ เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับงานของเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง " ด้วยความสงสัยและเพื่อความไม่ประมาทวาหินีจึงตัดสินใจถามคำถามที่ข้องใจ
ผู้ฟังมีสีหน้าประหลาดใจ กังวลใจ และเศร้าคละกันไป สุดท้ายสุริยันก็เอ๋ยปาก
" ผมคิดว่าวิญญาณนี้ น่าจะเป็น ดวงตะวัน คู่หมั้นผม 2 คืนก่อนวันแต่งงาน ดวงตะวันไปที่โกดังเก็บของตอนกลางคืน ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเข้าไปไม่นานก็เกิดเสียงระเบิดขึ้น ใช่ครับ โกดังระเบิด ไฟลามไปทั่ว พวกเราและคนงานพยายามดับไฟกว่าจะดับเสร็จก็รู้ว่า ... ดวงตะวันหายไป เราระดมคนค้นหา ท้ายสุดก็พบศพเธอในซากโกดัง" สุริยันนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาลำบากใจที่ต้องเล่าถึงการสูญเสียคู่หมั้นของเขา
" ขอโทษนะคะ สภาพศพ "
" โว้ย !! กำจัดผีมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องพวกนี้ คุณไม่เห็นรึว่า เราไม่อยากตอบคำถามพวกนี้ " ผันนภาเลือดขึ้นหน้าผรุโทสะออกไป
" ไม่เป็นไรหรอก ผัน ให้ความร่วมมือหน่อย " สุริยันปราม " สภาพศพของดวงตะวันนั้นไม่สามารถระบุได้ว่าตายอย่างไร เมื่อไร แต่คาดว่าน่าจะถูกแทง เพราะพบมีดในกองไฟข้างศพเธอ "
" อืม อย่างนี้นะเอง แล้วมีอะไรผิดปกติอีกรึเปล่าคะ ในคืนที่พบศพ "
สุริยันส่ายหน้า แต่ผันนภาพยักหน้า
" ความจริง ดวงตะวันมีอาการซึมเศร้าก่อนวันเกิดเหตุ เก็บตัว บางทีเธออาจจะมีความกังวลก่อนแต่งงาน ส่วนที่ผิดปกติอีกเรื่องคือ ดอกหญ้า คนใช้ในบ้านที่หายตัวไปในวันเกิดเหตุ บางทีเธออาจเป็นคนฆ่าดวงตะวันแล้วหนีไป หรือ กลัวผีดวงตะวันจนหนีไปก็ได้ "
" แล้วดอกหญ้าเป็นคนฆ่าจริงรึเปล่า เธอหายไปไหนค่ะ "
คราวนี้ สุริยะเป็นคนตอบ
" ไม่มีหลักฐานว่าเธอเป็นคนทำ อีกอย่างตำรวจจับคนร้ายได้แล้ว หนูวาหินี ไอ้ผัน มันไม่เชื่อว่า นายสาด เป็นคนทำถึงมีหลักฐานพร้อม มีคนเห็นว่าก่อนเกิดเหตุนายสาดคุยกับคุณดวงตะวัน อีกทั้งหลังจากค้นบ้านมันเราก็พบเสื้อผ้าเปื้อนเลือด"
สุริยันกัดฟันอย่างแค้นใจ
" นายสาดนะ นายสาด ไม่น่าเลยสติมันไม่ค่อยดี พอเห็นดวงตะวันออกว่าตอนกลางคืนก็คงแค้นใจที่เธอหมั้นกับผม มันหลงรักตะวันมาตั้งนานแล้ว "
" เอาล่ะ คุณก่อกวนอารมณ์เก่าของพวกเราขึ้นมาใหม่เกินหน้าที่ กลับไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายก็พอ " ผันนภาตัดบทและเดินไปส่งวาหินีที่ประตู
'ผู้หญิงคนนี้อันตราย' เขาคิดอย่างกังวล
...........................................................................................................................
ภายในรถบ้านของบริษัท ข้างในเต็มไปด้วยอุปกรณ์ถ่ายทำและเครื่องมือสุดพิลึกพิลั่นของอาจารย์พนัสดมหนึ่งในทีมงานที่ศึกษาเรื่องวิญญาณ
วาหินีกำลังถ่ายทอดเรื่องราวที่เธอไปพูดคุยกับ นายสุริยะ นายสุริยัน และนายผันนภา ในทุกคนในรถฟัง
" สรุปคือพวกเราต้องกำจัดวิญญาณให้เขาเพื่อแลกกับได้สถานที่ไปทำรายการใช่มั้ยนี่ " วิกรมช่างภาพหนุ่มถาม
ผู้อำนวยงานสร้างหรือวาหินีพยักหน้าอย่างครุ่นคิด
" ใช่ค่ะ แต่ฉันรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เรื่องนี้มันทะแม่งๆ พิกล "
" อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องช่วยกันทำตามความต้องการของเขา อาจารย์พนัสดมคะ อาจารณ์เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้ไหม " ฟ้าพิธีกรรายการ สาวน้อยที่มุ่งมั่นในจุดหมายถามอาจารย์ที่น่าจะมาเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ
" อืม สาเหตุที่วิญญาณยังยึดติดไม่ไปไหนนั้นมีหลายสาเหตุ อาจเป็นเพราะมีบ่วงกรรมหรือมีบางสิ่งที่ต้องสะสาง หากเราสามารถหาสาเหตุได้เธอก็น่าจะจากไป " อาจารย์ตอบทำหน้าใช้ความคิด
" พวกเราก็ต้องแยกกันหาสาเหตุเรื่องนี้พร้อมกับถ่ายทำสินะ" วิกราณต์ผู้ช่วยช่างถามพูดในขณะที่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
หมอกเด็กชายคนหนึ่งในทีมวิ่งไปเปิดประตู ผู้ที่อยู่หลังประตูบานนั้นเป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารักถึงแม้ว่าจะไม่สวยเหมือนฟ้าหากแต่บุคลิกและท่าทางที่จริงใจทำให้รู้สึกน่าคบหา เธอยิ้มให้หมอกและแนะนำตัว
" สวัสดีจ๊ะหนู พี่ชื่อ ดารา เป็นน้องสาวของพี่สุริยันกับพี่ผันนภา ทุกคนในทีมอยู่ไหม ? "
หมอกไม่เคยรู้มาก่อนว่านายสุริยะมีลูกถึงสามคนเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
ดารายิ้มอย่างรู้ทันเมื่อเห็นสีหน้าทุกคน เธอจึงอธิบายให้ฟัง
" ตอนที่คุณไปขอบคุณ คุณพ่อ ฉันอยู่มหาวิทยาลัยนะค่ะ พอกลับมาคุณพ่อก็เลยให้มาแนะนำตัวและฉันก็อยากเชิญพวกคุณไปทานน้ำชาด้วยเลยมาที่นี่"
"ขอโทษด้วยนะคะแต่ทางนี้ติดงานดิฉัน วิกรม วิกราณต์ ต้องขอบาย "
" งั้นป้าขอไปแทน" ป้าอิ่มเด้งออกมาจากครัวแต่ก็ลับหายไปเมื่อถูกวิกรมลากออกไป
" งั้นเชิญ หนูกับคุณวาหินี ก็ล่ะกันนะคะ" ดารายิ้มให้หมอก มันเป็นรอยยิ้มที่ผู้ฟังปฎิเสธไม่ได้จริงๆ
.............................................................................................................................
น้ำฟ้า วิกรม วิกราณต์ สองพี่น้อง อาจารณ์พนัสดมซึ่งออกตามมาด้วย และป้าอิ่ม กำลังตรวจบันทึกเทปครั้งล่าสุดหลังจากไปสัมภาษณ์ชาวบ้านในท้องถิ่นเมื่อพวกเขาพบ สุริยันและผันนภา ทั้งคู่หยุดดูและทักทาย ซึ่งกันและกัน ดูเหมือนสุริยันจะสนใจวิธีการใช้กล้องวิดีโออย่างมากจึงหยุดพูดคุยกับสองพี่น้อง
"ผมอยากทราบเอาไว้ประดับความรู้" เขาพูดเช่นนั้น
ผันนภาก็ดูสนใจเช่นเดียวกันแต่ไม่ใช่กล้อง เขาพูดตีสนิทกับน้ำฟ้า พนัสดม ป้าอิ่มและมักมุ่งความสนใจไปที่พิธีกรสาว สายตาที่เจ้าเล่ห์ของเขาทำให้ผู้ฟังรู้สึกลำบากใจ โดยเฉพาะฟ้าที่นึกรังเกียจในใจ อย่างไรก็ตามเธอก็สะกดไว้อย่างเหนียวแน่น
" คุณฟ้า ผมได้ยินว่าคุณเป็นหนึ่งในทีมปราบผี คนสวยอย่างคุณ ไม่คิดเลยว่าคุณจะทำงานอย่างงี้นะครับ " ชายเจ้าเล่ห์พูดตีสนิทอย่างชำนาญ
ฟ้าหัวเราะฝืนๆ "แล้วคิดว่าน้ำจะทำรายการอะไรได้อีกล่ะคะ น้ำก็ต้องหาเลี้ยงน้อง มีอยู่กันแค่สองคน ไม่ร่ำรวยประสบความสำเร็จเหมือนคุณหรอกคะ "
ผันนภานิ่งอึงไปเล็กน้อยแล้วก็เปลี่ยนเรื่อง อาการของเขาไปพ้นสายตาอันคมกริบของแม่ครัวและคนดูแลทุกคนไม่ได้ ขณะที่เธอกำลังจะซักผันนภา สุริยันที่พูดคุยกับช่างภาพเสร็จก็เดินเข้ามา
" ผันกลับกันเถอะ พี่รู้สึกไม่ค่อยสบาย " พี่ชายผันนภาไอเล็กน้อยและมองทุกคนอย่างขอโทษ
" ขอโทษนะครับช่วงนี้ ร่างกายผมไม่ค่อยแข็งแรง " ทั้งคู่เดินจากไป ท่ามกลางความโล่งใจของน้ำฟ้า
" ไม่น่าเจอคนพวกนี้เลยเสียเวลาจริงๆ ไม่ได้อะไรคืบหน้าสักนิด " เธอบ่น
" ไม่หรอกจ๊ะ แม่ฟ้า ป้าคิดว่าอย่างน้อยเราก็พอทราบว่าคุณผันนภามีปัญญาบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องงาน " ป้าอิ่มพูดปลอบ
" อีกอย่างพวกผมได้สิ่งที่น่าจะได้ใช่ในอนาคตอีกด้วย " วิกราณต์ยิงฟันพร้อมกับชูภาพของของ ดวงตะวัน ที่เขากับพี่ชายตะล่อมขอมาได้
.........................................................................................................................
อาจารย์พนัสดมออกเดินแยกออกจากกลุ่มมาที่โกดัง ถึงเขาจะไม่สามารถมองเห็นวิญญาณได้เหมือนหมอกแต่เขาก็สามารถรู้สึกได้ ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาเขาสัมผัสได้ถึงความเศร้าหมองและความอาลัยของหญิงสาวผู้เสียชีวิตเหมือนเธอกำลังทุรนทุรายพยายามติดต่อถึงคนที่ยังอยู่ อาจารย์เงี่ยหูฟัง เปิดใจ และเขาก็ได้ยิน
" ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย ฉันต้องการความยุติธรรม ความยุติธรรม ยุติธรรม "
เป็นเสียงที่เศร้าสร้อยมาก ดูเหมือนว่าจะเป็นวิญญาณที่ตายด้วยความทรมานและได้รับความอยุติธรรม อาจารย์กัดฟันเขาไม่สามารถรู้สึกถึงอย่างอื่นได้อีกเหมือนมีบางอย่างกั้นกลางไว้ จึงตัดสินใจเดินกลับไปหาน้ำฟ้าและคนอื่นๆ
. .........................................................................................................................
ขณะเดียวกันหมอก เจ้าแซม และคุณวาหินี กำลังคุยกับน้องสาวของสุริยันและผันนภา ดาราได้ให้ข้อมูลที่น่าจะมีประโยชน์แก่ทั้งคู่
" พวกเราต้องการให้คุณ ดวงตะวันไปสู่สุขคติเสียที เราไม่อยากให้เธอทรมานอีกอย่าง.... " ดารานิ่งไป " จะเรียกว่าเพื่อประโยชน์ส่วนตัวก็ได้ ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องดูเหมือนว่าทุกคนในบ้านมักจะเกิดปัญหาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง"
ผู้ฟังทั้งสองเลิกคิ้วกันอย่างสงสัย พอดีกับดาราที่ต้องการระบายความอัดอั้นก็ระบายออกมาอีก
" ตั้งแต่พี่เขาเสีย ร้านของพี่ผันนภาที่กำลังไปได้ด้วยดีก็เกิดความฝืดเคืองขายไม่ออกจนต้องปิดกิจการไป ไม่ว่าจะเริ่มงานอะไรก็ดูเหมือนจะไปไม่รอด พี่สุริยันที่ร่างกายแข็งแรงก็เริ่มเป็นโรคที่หาสาเหตุไม่ได้ คุณพ่อก็กลายเป็นอัมภาพ คนงานลาออกไปเกือบครึ่ง ยังดีที่นายแสงช่วยปลอบคนอื่นๆให้อยู่ต่อไปได้"
วาหินียังจำนายสุริยะกับเก้าอี้รถเข็นได้ เธอก็เริ่มเข้าใจบางอย่าง
เธอตั้งท่าจะถาม ดาราดูเหมือนจะเข้าใจ เธอตอบคำตอบที่วาหินีคิดที่จะถาม
" สำหรับตัวของฉัน โชคดีหน่อยที่ไม่เกิดปัญหาอะไรแต่ว่าช่วงสองสามวันมานี้" การหยุดของเธอทำให้ผู้ฟังกลั้นใจด้วยความอยากรู้ " ฉันก็เริ่มมีเคราะห์ แล้วฉันก็เห็น ..... เห็น คุณดวงตะวัน บ่อยๆ "
สีหน้าของดาราซีดเผือกเมื่อเริ่มพูด
" จริงๆนะคะ ถึงจะมีคนพบดวงวิญญาณของเธอบ้างแต่ฉันก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะ ฉันเห็นบ่อยมากและระยะมันถี่ขึ้นเรี่อยๆ รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย "
หมอกมองเธออย่างเห็นใจ เขาเข้าใจความรู้สึกนั้นดีทีเดียว
. .................................................................................................................
ภายในรถบ้าน
เจ้าแซมครางหงิงๆ เห่าโฮ่งๆ กลิ้งเกลือกไปมาทับหมอก เขาไล่และผลักเจ้าลาบราดอร์ตัวอ้วนออกจากตัว แต่เจ้าหมาก็ไม่ละความพยายาม มันเริ่มส่งเสียงหอนโหยหวนทรมานจิตใจ น่าแปลกที่คนอื่นๆในรถไม่ตื่นขึ้นมาซะที
" ไอ้แซม ไปๆ เป็นอะไรของแกเนี่ย " เด็กชายคิด
เนื่องจากที่พักคนไม่พอเขาเลยโดนไล่ออกมานอนกับหมา นี่คือเรื่องจริง นะท่านผู้อ่าน
ทุกคนจองที่โดนไม่เห็นใจกันเลย ตอนที่นอนคืนแรกยังไม่แย่เท่านี้ แต่คืนนี้แซมเป็นอะไรก็ไม่รู้ มันตะกายหน้าต่างเหมือนอยากออกไปข้างนอก เดินเล่น? ตอนกลางคืนเนี่ยนะ
หมอกเดินไปที่หน้าต่าง มองจากตรงนี้จะเห็นโกดังร้างอยู่ ตามที่รู้มาตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ เขาก็สร้างโกดังใหม่ใช้เก็บของ แต่ไม่ค่อยมีใครยอมดูแลจึงปล่อยทิ้งร้างเอาไว้มานาน 'มาจอดบ้าอะไรตรงนี้เนี่ย' เขาเพ่งไปในความมืด 'ใครอยู่ตรงนั้น? เหมือนผู้หญิง ผมยาวของเธอไหวไปมาเธอเดินตรงไปยังโกดังร้าง หันหลังให้เขา คนที่ไหนมาเดินเล่นยามค่ำคืนล่ะ? '
".????..!!!!!.คน*** "
'นั้นสิ คนที่ไหนจะมาเดินยามค่ำกลางคืน???!!!' เขาตัวสั่นเบือนหน้าหนี มองไปที่เพื่อนตัวน้อยที่เกาะหน้าต่างอยู่ข้างๆ แซมหันหน้ามองกลับ ดูเหมือนมันจะรู้สึกถึงบางสิ่งจึงหยุดเห่า ทั้งคู่ปล่อยมือ(และเท้า)จากหน้าต่าง นั่งหันหลัง
" คนหรือผี ผีหรือคนว่ะ " หมอกตัวสั่น 'บางทีอาจเป็นคุณดาราก็ได้ ใช่ต้องเป็นคุณดาราแน่ๆ แล้วเราหลบทำไม ' เขาค่อยๆหันกลับไปที่หน้าต่าง เจ้าแซมซุกตัวอยู่ใกล้เขา มันครางหงิง สุนัขมันจะกลัวผู้หญิงได้มากขนาดนี้เลยเหรอ ทั้งๆที่หมอกพอก็เดาได้รางๆแต่ตามธรรมชาติของคนมักอยากรู้อยากเห็น เขาก็เช่นกัน
เด็กชายค่อยๆหันหน้าไปทางหน้าต่าง
...............................
................................
................................
.................................
...................................
" เธอหันมาแล้ว!!!! "
หนึ่งคนหนึ่งสุนัขวิ่งสุดแรงถีบประตูที่ใกล้ที่สุด บุกเข้าไปโดยไม่กลัวถูกด่า
หมอกจำได้ทันทีที่เห็นหน้าของหญิงสาว
" คุณดวงตะวัน "
..............................................................................................................
เช้าวันใหม่
สองพี่น้องช่างภาพเดินหน้าบึ้งออกมาจากห้องด้วยหน้าตาที่ไม่สบอารมณ์ทำให้ป้าคนดูแลทักอย่างสงสัย
" เป็นอะไรไปเล่าเจ้าสองคนนี้"
ผู้ถูกถามหันควับไปตามเสียง วิกรมช่างตอบผู้เป็นพี่เป็นคนตอบ
" พวกเรานอนไม่พอ เมื่อคืนอยู่ดีๆ ประตูก็ถูกแตะพังมาทับพวกผม ไอ้หมอกกับแซมบุกเข้ามาในห้อง โวยวายใหญ่แถมยังแย่งที่นอนเราอีก" เขาตอบพลางพยักหน้าไปทางตัวต้นเหตุที่เดินออกมาจากห้อง
เจ้าแซมกระดิกหางหงอยๆ ส่วนหมอกยิ้มอย่างสำนึกผิด
" ขอโทษครับพี่ พอดีเมื่อคืนมันน่ากลัวไปหน่อย ถ้าพี่ตกอยู่ในสถานการณ์อย่างที่ผมเล่า พี่จะทำยังไง"
วิกรานต์ทำเสียงขึ้นจมูก
" อย่างน้อย ฉันก็คงไม่ร้องโวยวาย ทลายประตู แย่งที่ผู้ใหญ่แน่นอน"
หมอกขมวดคิ้วตั้งท่าจะตอบโต้ พอดีวิกรมพูดแทรกขึ้นมา
"แล้วแน่ใจหรือว่าเห็นวิญญาณดวงตะวันน่ะ อาจเป็นคนอื่นก็ได้"
"แน่ครับ ผมจำรูปที่พี่ให้ดูได้ อีกอย่างคนที่ไหนจะมาเดินเล่นแถวสถานที่มีผีสิงอย่างงั้นละครับ"
"งั้นไปสำรวจกัน เผื่อจะได้เรื่องดีๆ" เสียงใสแทรกขึ้นมา พี่สาวของหมอกเดินมาพร้อมอาจารณ์ผู้เชี่ยวชาญวิญญาณ
.......................................................................................................................................
นี่เป็นครั้งแรกที่หมอกจะได้เข้าไปในโกดังหลังจากที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด แต่หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนที่ได้ประสบบวกกับเสียงที่อาจารย์พนัสดมได้ยินและเล่าเขาให้ฟัง ทำให้เขาเริ่มสงสารหญิงสาวที่ถูกฆ่าตายในนั้น อีกทั้งในใจของทุกคนในตอนนี้ก็เต็มไปด้วยความสงสัย
ทำไมดวงตะวันที่ถูกฆ่าถึงออกไปข้างนอกตอนกลางคืน ?
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคนในบ้านเป็นอย่างไร ?
ทำไมในวันที่เกิดเหตุ 'ดอกหญ้า' คนใช้ในบ้านถึงหายไป ?
แล้วเธอหายไปไหน ?
อีกทั้งนายสาดที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าดวงตะวันเป็นฆาตรกรจริงหรือ ?
ถ้าไม่ใช่ใครล่ะเป็น ???
ฯลฯ
ทุกอย่างมีบางอย่างผิดปกติเหมือนมีเงาหนาทึบปิดกั้นไว้
ทุกคนในทีมจะต้องหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ได้
ยังเป็นเวลาเช้ามืดอยู่เมื่อพวกเขามาถึงที่โกดังเก่า วิกรมถือกล้องวิดีโอขนาดจิ๋ว วาหินีผูกเจ้าแซมไว้ใต้ต้นไม้ใกล้ๆ ทุกคนมากันครบแม้แต่คุณป้าอิ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานนี้ หมอกบิดลูกบิดประตูเปิดเข้าไปในโกดัง เปิดสวิสต์ข้างประตู
ภายในโกดังเต็มไปด้วยสิ่งของวางระเกะระกะไปทั่ว ทั้งยังมีกลิ่นที่ไม่น่าพิศมัยอย่างรุนแรงแสดงถึงการที่ไม่ได้รับการเอาใจใส่เท่าที่ควร
วิกรมเลื่อนกล้องถ่ายโกดังอย่างช้าๆ วิกรานต์ถ่ายภาพด้วยกล้องของผู้เชี่ยวชาญด้านวิญญาณ ในขณะที่น้ำฟ้าก็บรรยายถึงประวัติความน่ากลัวของโกดังอย่างคราวๆทั้งเรื่องอุบัติเหตุ การตายของหญิงสาวที่ชื่อดวงตะวัน ปริศนาที่ยังไม่กระจ่าง วิญญาณที่ผู้คนพบเห็นที่โกดังที่พึ่งซ่อมแซมเสร็จ
หมอกตัวสั่น เขารู้สึกเสียวสันหลังตั้งแต่เข้าใกล้ที่โกดัง มีความรู้สึกเหมือนมีใครจ้องมองอยู่ เป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความโหยหาและเศร้าสร้อย ความรู้สึกยิ่งเด่นชัดเมื่อเขาเดินลึกขึ้นและเขาก็พบต้นเหตุของความรู้สึก !!
"พี่ๆๆๆ" หมอกสะกิดคนที่ใกล้ตัวที่สุด น้ำฟ้าหันไปตามแรง แล้วเธอก็เห็นสิ่งที่น้องชายชี้
กลิ่นสาบสางไหม้เหม็นลอยมาจางๆ ภายในที่เต็มไปด้วยข้าวของ มีรูปภาพขนาดปานกลางรวมอยู่ด้วย ภาพนั้นถูกแขวนไว้กับตะขอตัวจิ๋ว นางแบบไร้ชื่อในภาพกำลังแย้มยิ้มเล่นกับกล้อง แต่ที่ดึงดูดความสนใจของทุกคนมากที่สุดคือดวงตา ดวงตานั้นดูโปนคล้ายไม่ใช้ดวงตาที่แท้จริงในภาพ
"ภาพนี้ดูพิลึกนะ" ป้าอิ่มพึมพำ
"ต้องใช่แน่ๆ ภาพนี้ต้องเป็นที่สิงสถิตของดวงตะวันในเวลากลางวันเป็นแน่ๆ " ฟ้าพูดด้วยเสียงแปร่งๆ
"ดูนี่สิเด็กๆ" อาจารย์พนัสดมเรียก ทำให้ทุกคนขมวดคิ้วยกเว้นป้าอิ่มและหมอก ถึงอาจารย์จะมีอายุมากที่สุดคือ30ปี(รองจากคุณป้า) แต่ก็ไม่น่าใช้สรรพนามเรียกพวกเขาเหมือนเด็กๆ อย่างงี้
พนัสดมชี้ไปที่เศษกระดาษบนพื้น "นี่คือเศษยันต์ ที่ใช้สะกดวิญญาณ มันคือตัวขัดขวางตอนที่ฉันพยายามติดต่อกับดวงตะวัน แต่ตอนนี้มันหลุดออกมาแล้ว"
" งั้นก็แสดงว่าตอนนี้เราสามารถติดต่อกับดวงตะวันได้ดีขึ้นนะสิ " วิกรานต์พูด
ทันใดนั้นเสียงเห่าหอนของเจ้าแซมก็ดังขึ้น วาหินีนึกเป็นห่วงสุนัขของเธอขึ้นมาจึงเดินออกไปดู
ไม่ทราบว่าจะเป็นเหตุบังเอิญหรือไม่เพราะในขณะที่วาหินีกำลังไปที่ประตู รูปภาพที่สิงสถิตก็ตกลงมาบนพื้น และไฟก็ดับลงกระทันหัน
ทุกคนตกอยู่ในความมืด
.....................................................
.....................................................
เกิดความวุ่นวายเล็กน้อย เมื่อทุกคนพยายามหาทางออกในความมืด มีโวยวายของใครคนหนึ่งและเสียงครางจากใครอีกคนหนึ่ง หมอกโดนเบียดกระแทกไปมา มีเสียงเรียกหาเขาแว่วๆ สักพักก็มีมือเย็นเฉียบช่วยพยุงเขาและจูงเงียบๆมาที่ประตู
แสงสว่างกลับมาอีกครั้งเมื่อประตูถูกเปิด วิกรมกำลังคร่อมอยู่กับอาจารย์พนัสดม เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็รีบผละออกจากกัน ฟ้าและวาหินีล้มลงไปในกองสิ่งของกำลังพยุงกันและกันลุกขึ้น วิกรานต์คลำหากล้องเมื่อเจอก็ปัดฝุ่นทำความสะอาด ส่วนป้าอิ่มเป็นคนเดียวที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดยืนอยู่ข้างๆหมอก
" ป้าฮะ ป้าจูงผมมารึเปล่าฮะ " เด็กชายถามคนข้างๆตัว
ป้าอิ่มสั่นหน้าเบาๆ มองหมอกอย่างสงสัย เธอจำได้มาหมอกเดินมาเองนี่นา
ทุกคนออกมาจากโกดัง พอดีกับที่ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาหา ร่างผอมสูง เดินเข้ามา บอกข่าวแก่ทีมล่าวิญญาณ
" ขอโทษนะครับ พอดีฟิวส์ขาด ไฟฟ้าเลยดับ นายแสงกำลังเปลี่ยนอยู่ คุณดาราคิดว่าพวกคุณคงอยู่ในโกดังเลยให้มาบอก " เขาเป็นหนึ่งในคนของบ้าน มารู้ทีหลังว่าชื่อ 'นายมาก' นายมากพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการบอกลาและเดินกลับไป
วาหินีมองไปที่ต้นไม้ส่งเสียงเรียกสุนัขของเธอแต่ไม่มีเสียงตอบรับ หญิงสาวมองไปที่ต้นไม้ที่ผูกเจ้าแซมไว้ เธอใจหายวาบ
'เจ้าแซมหายไปแล้ว'
.............................................................................................................................
ความคิดเห็น