Hallucinat 1 - The far for fear. - นิยาย Hallucinat 1 - The far for fear. : Dek-D.com - Writer
×

    Hallucinat 1 - The far for fear.

    .. คิล เด็กหนุ่มที่ต้องกลับมายังหมู่บ้านปริศนา เพื่อหาคำตอบจากการเสียชีวิตของคนรักเพราะพิธีกรรมบางอย่าง และบางสิ่งกำลังจะนำเขาเข้าไปสู่ อีก ความเมตตา ระยะยาว ..

    ผู้เข้าชมรวม

    92

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    92

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  10 ก.ค. 66 / 11:14 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูรายการอีบุ๊กทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    " เหล่าผู้คนต่างจินตนา

    ในความปรารถนาที่แสนจะโสมม

    ต่างคนก็ต่างคล้อย

    วิงวอนร้อยเรื่องให้เกิดปม

    ร้อนแรงดังคิมหันต์

    ผูกพันนิรันดร์ในอาวรณ์ " 


    เมย์ ปิดสมุดบันทึกและจดจ้องไปนอกหน้าต่างของรถไฟ เธอค่อยๆมองไกลออกไปขณะที่รถไฟยังแล่นอยู่ ผ่านเสาไฟ .. ผ่านหญ้าแห้งที่พริ้วไสว .. ผ่านก้อนกรวดหินทราย และเทือกเขาสูงใหญ่ริบตา 

    เด็กสาวในชุดไปรเวทลูกไม้ที่ถูกถักอย่างพิถีพิถันจากนายช่างฝีมือดี บ่งบอกถึงฐานันดรศักดิ์ ตั้งแต่หัวจรดเท้าที่ดูสะอาดสะอ้านแม้จะอายุยังน้อยแต่ก็เปร่งประกายด้วยออร่าสวยสง่าคล้ายคลึงกับหญิงสาว 

    ด้วยความเบื่อที่จะอ่านหนังสือ เธอจึงค่อยๆเก็บหนังสือไว้ที่ซอกแขนซ้ายและชโงกหน้าออกมาตรงทางเดิน มองซ้ายและขวาอย่างช้าๆ ความเงียบของผู้คนในตู้โบกี้นี้ก็ยิ่งทำให้เมย์เบื่อยิ่งขึ้นไปอีก

    เธอกลับมากอดอกนั่งคิดและตัดสินใจว่าจะไปหาคุณพ่อที่ห้องด้านหน้าถัดไปจากตู้นั่งของเธอ เมย์เขยิบลงมาจากที่นั่งและเดินเลาะทางเดินไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะพลักเปิดประตูไปยังตู้ถัดไป 

    ขณะที่กำลังจะง้างมือไปจะที่ประตู ชายแปลกหน้าคนนึงก็เปิดออกมาก่อน เขาตกใจเล็กน้อยที่ได้พบกับเมย์แบบไม่ทันตั้งตัว

    ชายปริศนานั้นกอดหนังสืออะไรบางอย่างและทำตัวมีพิรุจสุดๆ เขากอดมันไว้แน่นและมีปฏิกิริยาสั่นกลัว เขาใช้มือที่ว่างผลักเมย์หลบออกทันที 

    เธอที่โดนผลักก็เซเล็กน้อยด้วยความที่ไม่ทันระวัง เธอหันกลับไปมองหน้าชายหนุ่มคนนั้นแรง 

    "ไม่มีมารยาทเอาซะเลย เชอะ !!" 

    เด็กสาวมองค้อนชายหนุ่มคนนั้นจนเขาเดินไปถึงที่นั่ง เขาก็เอาแต่กอดหนังสือเล่มนั้นและไม่มีท่าทีสนใจเมย์ที่มองเลยสักนิด .. 

    เธอสูดลมหายใจเข้าทำสติและรีบเดินออกทางเดินเชื่อมเพื่อไปยังห้องถัดไป เธอทำสำเร็จ เมย์อยู่ในตู้รถไฟห้องถัดมาเรียบร้อยแล้ว และกำลังมองหาพ่อของตนเองทันที แต่ด้วยความที่สรีระร่างกายไม่สูงมาก ทำให้เธอต้องชะโงกคอเป็นยีราฟ และเดินอย่างช้าๆ 

    พ่อของเธอเป็นนักธุรกิจที่กำลังสัมมนากับเอกอัครราชทูตจากต่างประเทศเพื่อความมั่งคั่งของตนเองและครอบครัวในอนาคต ทำให้เมย์กับคุณพ่อนั้นไม่ค่อยได้คุยเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่ 

    เธอค่อยๆ เดินอย่างสง่าด้วยปลายเท้าโดยส้นที่ถูกยกสูงขึ้นจากรองเท้าส้นสูง ที่ถึงแม้จะช่วยให้เธอดูมีเสน่ห์ แต่ก็ไม่เป็นผลให้ส่วนสูงของเธอสักนิด เมย์รู้สึกรำคาญและอยากที่จะออกจากรถไฟมากขึ้นไปอีก 

    พ่อของเธอยังคงนั่งคุยไขว่ห้างอย่างสบายใจโดยไม่สนใจลูกสาวที่เดินมาถึงตรงหน้าแล้วด้วยซ้ำ เมย์จ้องไปที่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของคุณพ่อวัยกลางคนที่แฝงไปด้วยความละโมบ 

    ฝ่ามือธวัลนวลผ่องยื่นออกมาวางไปตรงตักของบิดา เขารู้สึกตัวทันทีและสลัดหน้ามาหาเด็กสาว 

    "เมย์ .. มีอะไรรึป่าว ?" คุณพ่อยื่นมือมาจับที่ใบหน้าของเมย์

    เธอทำสายตาอ้อนวอนอะไรบางอย่างโดยที่ไม่เอ่ยวาจา เพราะกลัวจะเสียมารยาทในการประชุม คุณพ่อเริ่มกังวลและกระซิบที่ข้างหูของลูกสาว

    "ไปนั่งที่เดิมก่อน .. อีกสิบนาที พ่อจะเข้าไปทันที" เมย์พยักหน้าตอบรับ เพราะทราบอยู่แล้วว่าบิดาของตนเป็นคนตรงต่อเวลาเสมอ 

    เธอค่อยๆหันตัวกลับและเดินห่างออกไปอย่างช้าๆ ..

    เอกอัครราชทูตท่านนั่นจดจ้องมาที่เด็กสาวมาสักครู่ และมองมาที่พ่อของเด็กสาวด้วยรอยยิ้ม 

    "ลูกสาวท่านงดงามสมคำเชยชมจริงๆครับ" 

    "ขอบคุณมากครับคุณ มอร์ดิล

    "หากมีโอกาสก็อยากจะสานความสัมพันธ์ให้เป็นครอบครัวแน่นแฟ้นมากขึ้น ว่างๆก็พามาบ้านของกระผม ผมจะแนะนำลูกชายของกระผมบ้างนะครับท่าน หลอดเมย์เลเกล"

    "ด้วยความยินดีอย่างยิ่งเลยครับ" คุณพ่อของเด็กสาวหัวเราะเบาๆ ก่อนจะมองลูกสาวที่เพิ่งออกจากทางเชื่อมตู้ไป 

    .

    .

    .

    เมย์เดินเข้ามาถึงตู้ขบวนของเธอ ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆเดินต่อไปยังที่นั่ง รถไฟชะงักเล็กน้อยจนเธอเซและกำลังจะล้ม แต่ก็จับราวเก้าอี้นั่งไว้ได้ทัน ..

    "เกือบไปแล้ว .." เธอได้สติและหันมองไปยังที่นั่ง 

    ..พบว่าชายคนที่ผลักเธอเมื่อไม่นานกำลังเลิ่กลั่กกอดหนังสือแน่น คิ้วที่ขดเป็นเส้นหมี่ปากที่พึมพำไม่หยุดด้วยภาษาที่ยากเกินกว่าเมย์จะเข้าใจ นัยตาของเขาสั่นไปมาไม่หยุด แต่ก็ยังคงจ้องมาที่เธอ 

    เมย์สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆปลีกตัวห่างออกมาด้วยความไม่สบายใจ เธอพยายามไม่หันกลับไปมองเขา 

    มันทำให้เธอกลัวเอามากๆ และใจไม่อยู่กับตัว หวาดผวากับชายแปลกหน้าที่นั่งร่วมขบวน และภาวนาให้คุณพ่อเข้ามาโดยเร็ว 

    หลังจากได้นั่งที่เดิมไม่ทันถอนหายใจ รถไฟขบวนนี้ก็มาจอดถึงสถานนี เมย์หันไปมองที่หน้าต่างและแปลกใจขึ้นมาอีกทันที 

    ป้ายสถานี          .. หมู่บ้านฮาลุซีน .. 

    เธอมองไปด้านข้างสถานี กลับไม่พบใครเลยที่มารอรถไฟ เธอคิดในใจนี่อาจจะเป็นสถานีเล็กๆ ที่ผู้คนไม่ค่อยได้อาศัย 

    เมย์กลับมานั่งที่เดิมและหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านแก้เบื่ออีกครั้ง ถึงแม้ว่าเธอจะอ่านมันกี่ครั้งแล้วก็ตามแต่เธอก็ยังไม่เข้าใจเนื้อหาของมันซะที เพราะหนังสือเล่มนี้เป็นของพ่อ เธอขอมันมาอ่านแก้เบื่อขณะที่เพิ่งขึ้นรถไฟได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง 

    เนื้อหาของมันแฝงไปด้วยปรัชญา และคำสอนแปลกๆที่เมย์ยากจะเข้าใจ แต่เธอก็ชอบอ่านมันเรื่อยๆ เพราะเป็นแค่วิธีเดียวที่จะช่วยเลื่อนเวลาในรถไฟให้เร็วขึ้นสำหรับเธอ 

    เสียงเดินสั่นๆของขาไม้ตะเกียบด้านหลังของที่นั่งเมย์ มันทำให้เธอหลุดจากภวังค์ในบทหนังสือ และเงยหน้าหันมอง 

    แขนขนาดกลางพาดบนเบาะหลังของที่นั่งเมย์ 

    เขาคือคนแปลกที่เมย์เจอ เธอผงะทันทีที่พบเจอเขา ดวงตาเบิกกว้างใจสั่นไม่หยุด นิ้วมือที่คั่นหนังสือกระดิกไปมาอย่างหวดกลัว

    ชายแปลกหน้าค่อยๆ หันมามองเด็กสาว .. 

    "โอเลฟามอล .. โอเลฟามอ.." 

    ชายแปลกหน้าจ้องไปยังดวงตาของเด็กสาว เขาร่ายอะไรบางอย่างที่เมย์ไม่เข้าใจ มือที่ว่างของเขาค่อยเลื่อนไปจับที่แขนของเมย์ 

    "จะทำอะไร !! อย่านะ !!" เด็กสาวตะโกนเสียงดังลั่น 

    ชายแปลกหน้าไม่สนใจเสียงของเธอเลยด้วยซ้ำ เขาพุ่งตัวลงอย่างรวดเร็วและอุ้มเด็กสาวพาดไหล่ทันที 

    เด็กสาวกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอสบัดตัวไปมาหวังจะหลุดลงมา แต่ด้วยกำลังของชายแปลกหน้าที่มากกว่า ทำให้เธอได้แต่ร้องไห้ร้องหาพ่อของตน 

    "ไม่นะ !! คุณพ่อ ! คุณพ่อ !!! " 

    ชายแปลกหน้ารีบเดินไปยังประตูทางลงรถไฟทันทีพร้อมกับบทสวดที่ร่ายออกมาอย่างไม่หยุดปาก 

    เมย์พยายามทุบตีและทำร้ายเขา แต่ก็ไม่เป็นผล เธอจึงใช้มือจับไปที่ราวเหล็กด้านบนของรถไฟ ทำให้ชายแปลกหน้าชะงัก เขาหันมากระชากแขนของเมย์ และต่อยไปที่ซี่โครงขวาของเธอ 

    เมย์จุกเหมือนไฟดูดนิ่งสงบและกระอักลม ไอออกมาไม่หยุด ชายแปลกหน้าค่อยๆเดินลงไปยังสถานี ..

    หลอดเมย์เลเกลที่เปิดประตูทางเชื่อมขบวนออกมาเห็นชายแปลกหน้าที่กำลังแบกลูกสาวของตนลงไป เขาไม่รอช้าตะโกนสั่งหยุดและห้ามเสียงกังวาลด้วยความโกรธา 

    หลอดเมย์เลเกลออกหน้าวิ่งสุดกำลังหวังจะไปกระชากคอชายแปลกหน้าและงัดหมัดเข้าไปที่หน้าสองสามครั้งเพื่อตักเตือน 

    ชายแปลกหน้าที่ลงมาด้านล่างสถานีพร้อมกับแบกเด็กสาวที่กระอักกระอ่วน หลอดเมเลเกลที่วิ่งตามมาและกำลังจะลงจากขบวน 

    เขาโดนเอกอัครราชทูตดึงไหล่เอาไว้ทันทีก่อนที่ขาของเขาจะแตะถึงพื้นดินด้านล่าง .. 

    "ไม่ !! ท่านหลอด !! ไม่" 

    มอร์ดิลส่วมกอดจากด้านหลังท่านหลอด เขาพยายามใช้แรงจนถึงที่สุดเพื่อไม่ให้ท่านหลอดลงจากขบวน 

    ชายแปลกหน้าก็หันมามองทั้งสอง และค่อยๆแสยะยิ้มออกมาด้วยใบหน้าที่แห้งผาด คบเพลิงจากด้านหลังชายแปลกหน้าค่อยๆสว่างขึ้นทีละดวงจนเห็นชัดเจนถึงชาวบ้านที่มารวมตัวกันหน้าสถานี 

    "ไม่ !!! มันเอาลูกสาวผมไป !! ม่ายยย !!" 

    "ท่านหลอด ! นี่คือหมู่บ้านวิตถาร ! ท่านหลอดก็น่าจะทราบดีนี่ !! ท่านหลอดลงไปไม่ได้นะ !! " 

    มอร์ดิลดึงเขาขึ้นมาในขบวนได้สำเร็จรถไฟก็ปิิดประตูและค่อยๆเลื่อนเคลื่อนที่ ..

    หลอดเมย์เลเกลวิ่งไปเกาะหน้ากระจกประตูด้วยความสิ้นหวัง และร้องไห้คร่ำครวญอย่างอดสู ทิ้งไว้แค่หนังสือที่ดูต่างหน้าของลูกสาว .. 

    .

    .

    เด็กสาวถูกวางอย่างละเมียดที่พื้นของสถานี ชายแปลกหน้านั่งคุกเข่ามองเด็กสาวอย่างเอ็นดู ชาวบ้านหลากหลายคนต่างก็มามุงดูความงดงามของเด็กสาวที่ถึงแม้ใบหน้าของเธอจะเปรอะไปด้วยคราบน้ำตา หญิงแก่ชราได้นำพวงหญ้าเขียวกลิ่นหอมมาจุ่มกับน้ำในขัน รดไปยังตัวของเด็กสาวจนชุ่ม เมย์สั่นหวาดกลัวและไม่กล้ามองได้แต่ก้มหน้าปิดตา 

    หลังจากนั้นก็มีชายชุดดำคนหนึ่งซึ่งใส่หน้ากาก นกฮูก เดินตรงเข้ามาเมย์ ท่าทางของเขาสุขุม และดูเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือ

    "ไม่ต้องกลัว .. ไม่ต้องกลัว .." เสียงทุ้มอ่อนไร้ซึ่งพิษภัยของเขาทำให้เธอค่อยๆ คลายความกังวล ชายหนุ่มคนนั้นค่อยๆ อ้าแขนโอบกอดเธออย่างอ่อนโยน 

    "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ... " ชายชุดดำลูบที่ศีรษะเมย์ 

    เด็กสาวค่อยๆคลายเสียงออกมาเบาๆ 

    "ที่นี่ .. ที่ไหน.?"  

    ชายในชุดดำยิ้มอ่อนๆ

    "ยินดีต้อนรับ .. สู่หมู่บ้านแห่งความเมตตา ฮาลุซีน" 

    .. เขียวชุ่มไปด้วยป่าไม้หลากหลายพันธุ์ ผูกกันด้วยสายธารแห่งบาร์เลย์ เมตตาโดยพรแห่งโอเลฟามอล.. 

    "โอเลฟามอล.." ทุกคน ณ ที่แห่งนี้พูดพร้อมกันทันทีหลังชายชุดดำกล่าวจบ เด็กสาวขนลุกและไม่พิสมัย กลิ่นกายของชายชุดดำราวกับรากไม้ที่เปรอะโครน 

    "ข้าคือบาทหลวง ลุกกี้ คาเลบีเฟล" เขาอุ้มเด็กสาวขึ้นอย่างอ่อนโยน

    "จะ.. จะทำอะไรกับหนู .." เด็กสาวเสียงสั่น 

    "งั้นเราเดินไปคุยไปดีกว่า .. ข้าเตรียมอาหารสำหรับแขกคนพิเศษอย่างเจ้าไว้เยอะเลย..." 

    บาทหลวงเดินนำเข้าไปยังหมู่บ้าน พร้อมด้วยเหล่าชาวบ้านที่ถือคบเพลิงเดินเรียงกันตามลำดับ .. 

    เสียงอีกากรีดร้องพร้อมกับหมอกจางๆ ปกคลุมสถานีแห่งความลับนี้ ทิ้งไว้แต่ความเจ็บปวดของเด็กสาวและบิดาที่ถูกพรากไว้ .. อย่างไม่มีวันหวนกลับ ..

    หลอดนิลดิวก้า คอลฟิล ดัสอาวฟิล์ว

    .

    .

    .

    ไอโกะปิดหนังสือหนาลงและมองดูนาฬิกา 

    "เกือบสี่ทุ่ม !! " เธอสะดุ้งก่อนจะรีบเก็บหนังสือและโยกตัวออกมาจากเก้าอี้ 

    หลังออกมาจากห้องสมุดเธอก็คว้าจักรยานคู่ใจมาปั่นทันที เธอเริ่มชื่นชอบในหมู่บ้านปริศนาแห่งนี้ และเชื่อว่ามันมีจริง จากข่าวการสูญหายของคนในพื้นที่ และก็มีมากขึ้นในบางสถานีรถไฟ นี่ไม่ใช่แต่คดีการลักพาตัวธรรมดา แต่อาจจะมีนัยยะแอบแฝงจากการกระทำของคนกลุ่มนี้ มีการจดบันทึกชื่อ และรายนามการเล่าเรื่องของคนที่ประสบพบเจอ จนถึงขั้นตีพิมพ์เป็นหนังสือ 

    แต่กลับ .. ไม่ได้รับความสนใจมากสมควร เพราะหลายคนก็ต่างว่ากันว่าเป็นแค่เรื่องแต่ง นิยาย หรือแค่เรื่องเล่าเท่านั้น .. 

    ไอโกะยังคงศึกษาอยู่ต่อเนื่องและเชื่อมโยงคำพูดของผู้คนที่พบเจอ 

    เธอมาจอดรอไฟเขียวและกำลังหยิบหูฟังขึ้นมา

    ลมพัดปริศนาพุ่งมาที่ตัวของเธอจนเธอหันไปเจอกับกระดาษบางอย่างที่จดโน๊ตอะไรไว้ 

    "อย่า .. อย่าล้ำเส้น อย่ามองแบบนั้น

    ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแพศยา .. 

    ฉันไม่ใช่เครื่องเซ่น .. ฉันไม่ใช่ ฉันไม่ใช่ !"

    กระดาษเก่าๆ ใบนี้ทำให้ต่อมความอยากรู้ของไอโกะเพิ่มขึ้นมาทันที เธอมองไปรอบๆเพื่อดูมามันมาจากใคร แต่ก็ไม่พบผู้คนที่สัญจรไปมาสักคน เมื่อไฟเขียวสว่างขึ้น เธอก็ปั่นจักรยานต่อไปทันที

    ชายในชุดคลุมด้านบนสะพานที่จ้องมองเธอมาสักพัก ..

    .. เขาแสยะยิ้มออกมาอย่างเริงใจทันที .. 



    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น