in the one way of life - in the one way of life นิยาย in the one way of life : Dek-D.com - Writer

    in the one way of life

    อีกครั้งที่ถูกแต่งขึ้นอีกรอบให้เข้าใจง่ายขึ้น(รึเปล่า) อีกมุมหนึ่งของความรัก...ที่ใครหลายคนอาจได้พบเจอ หรือใครหลายคนที่ไม่เคยพบเจอ

    ผู้เข้าชมรวม

    380

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    380

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 มิ.ย. 50 / 19:15 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ




                    
      บนรถไฟขบวนหนึ่ง กำลังพาใครบางคนที่หัวใจอ่อนล้า มุ่งหน้าไปตามเส้นทางชีวิตของเธอ ช่วงเวลานี้คือ ช่วงเวลาที่เธอควรพักผ่อน เพื่อเตรียมพร้อมกับอนาคตข้างหน้า เธอเอนกายพิงเก้าอี้แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง หวนนึกถึงอดีตที่ผ่านมานานและพึ่งผ่านมา...

      ………………………………………………………………………………………………………..

                      "เฮ้! นายชื่ออะไร?"

                      "ไฟ"

                      "ร้อนชะมัด"

                      "แล้วเธอล่ะ?"

                      "ชื่อตรงข้ามกับนาย"

                      "น้ำ?"

                      "ฮื่อ ฉลาดนี่นา"

                      "หน๊อย! ยัยนี่นิ!!" แล้วเขาก็วิ่งไล่ฉัน คิกๆ สนุกชะมัด ฉันอ่านชื่อในสมุดรายชื่อ ก็เลยเข้าไปแหย่เขาเล่น เขาจัดว่าเป็นคนหน้าตาดีทีเดียว แต่ฉันไม่สนหรอก ก็พวกเราพึ่ง ม.1 กันเองนี่นา เรื่องแบบนั้นน่ะ มันเร็วเกินไปสำหรับฉัน เพราะงั้นฉันก็เลยไม่เข้าใจหรอก รู้แต่ว่า นับจากวันนั้น ไฟกับฉันก็กลายเป็นเพื่อนกันโดยปริยาย

                      ไฟเป็นคนที่เข้ากับทุกคนง่าย ส่วนฉันก็ไม่ค่อยจะมีนิสัยเหมือนผู้หญิงซักเท่าไหร่ พวกเราจึงมีความเห็นค่อนข้างคล้ายกัน จนพัฒนามาเป็น "เพื่อนซี้"

                      พวกเรามักไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ จนเพื่อนในกลุ่มบอกว่าพวกเราเหมือน "ปาท่องโก๋" และคนนอกกลุ่มก็บอกว่าเหมือน "แฟน" แต่พวกเราไม่สนใจ ในเมื่อสิ่งที่คนนอกกลุ่มมองมันไม่เป็นความจริง พวกเรายังคงเล่นและหัวเราะเหมือนเดิม

      ...แต่ ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลงของมันเอง

                      หลังจากที่พวกเราขึ้น ม.ปลาย กิจกรรมก็มีมากขึ้น ไฟเป็นนักกีฬาของโรงเรียน ส่วนฉันเป็นประธานกีฬา ที่สำคัญคือ พวกเราอยู่คนละห้องและคนละสี แต่ความซี้ของเราไม่เคยเปลี่ยน และในความรู้สึกของฉัน มันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป

                     

      เย็นวันหนึ่ง

      หลังจากที่ฉันคุยกับกรรมการนักเรียนเสร็จ ฉันก็เดินไปหาไฟ เขารอฉันอยู่หน้าโรงเรียน "เมื่อกี้คุยกับใคร?" คำแรกที่เขายิงใส่ฉัน ทำเอาฉันอึ้งไปชั่วขณะ ไฟไม่เคยถามกับฉันแบบนี้ และน้ำเสียงห้วนแบบนี้มาก่อน แต่เอาเถอะ วันนี้ก็คงทะเลาะกับคนในทีมเหมือนเดิมนั่นแหละ(มั้ง)

      ฉันยิ้มแล้วตอบ "กรรมการนักเรียนน่ะ"

      "ทำไมคุยนาน" เขาถามโดยไม่มองหน้าฉันซักนิด ทำไมกันล่ะ? หรือว่าที่เขาโกรธจะเป็นฉัน? ไม่ใช่พวกเพื่อนๆ ในทีมหรอกเหรอ?

      "ก็...นักกีฬาของสีฉันขาด เขาเลยมาให้ความช่วยเหลือน่ะ"

      "มันไม่ใช่หน้าที่ของกรรมการนักเรียนไม่ใช่เหรอไง?"

      "แต่เขาก็อุตส่าห์ลงมาดูแลงานทางนี้ช่วยนี่นา"

      "กรรมการนักเรียนก็ควรอยู่ส่วนกรรมการนักเรียนไปซิ! มายุ่งกับฝ่ายกีฬาทำไม!"

      "...นี่นายโกรธเหรอ?"

      ".............."

      "โธ่! ฉันขอโทษนะไฟ คราวหลังฉันจะไม่มาช้าแล้วนะ" ฉันเริ่มเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาทีละนิด เขาคงโกรธฉันจริงๆ นั่นแหละ แต่เรื่องอะไรฉันไม่รู้หรอก ถ้าให้เดาตอนนี้คงจะเป็นเรื่องที่ฉันปล่อยให้เขารอนานล่ะมั้ง

      ไฟไม่ตอบอะไร เดินนำหน้าฉัน ไม่หันมามองซักนิด โธ่...มาช้าแค่นี้ทำไมต้องโกรธฉันขนาดนั้นด้วย? บอกตรงๆ ว่าช่วงนี้ไฟมีท่าทางที่ทำให้ฉันไม่เข้าใจเขาเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเขากลายเป็นคนขี้งอนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

      สุดท้าย...ไฟก็มาส่งฉันถึงบ้านจนได้ โดยไม่มีบทสนทนาอะไรเลย พวกเรายืนนิ่งเงียบกันซักพัก ทำเอาฉันชักใจคอไม่ดีแล้วแฮะ ก็ฉันไม่รู้จะง้อเขายังไงดีนี่นา โกรธเรื่องอะไรก็ไม่รู้

      แต่อยู่ๆ ไฟก็เอ่ยขึ้นมาก่อน "ขอโทษนะ คือ...ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่" เพียงเท่านี้ ฉันก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเยอะ นี่แหละไฟล่ะ

      ฉันยิ้มให้เขาก่อนจะตอบ "ไม่เป็นไร ฉันรู้" แล้วตีไหล่เขาทีนึง "มีปัญหาบอกกันได้นะ" จากนั้นฉันก็เดินเข้าบ้าน

      "เจ็บนะยัยบ้า!" เขาตะโกนไล่หลัง ฉันก็เลยหันไปแลบลิ้นให้ แสดงถึงความพอใจ เขายกมือลูบบริเวณที่ฉันตี "ฝากไปก่อนเถอะ! พรุ่งนี้โดนคิดบัญชีแน่ เตรียมใจไว้ได้เลย!!" เขาบอกพร้อมชี้มาที่ฉันก่อนจะเดินกลับบ้านไป ฉันหัวเราะกับคำพูดของเขา จะแก้แค้นยังไงก็เชิญเถอะ เรื่องวิ่งหนีไฟน่ะ ของถนัดฉันอยู่แล้ว จากนั้นฉันก็เดินกลับเข้าบ้านด้วยรอยยิ้ม

      หลังจากนั้นซักพัก ไฟก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม เขาทำเหมือนวันนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น และทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ไฟมักจะทำเช่นนี้เสมอ ก็เลยเป็นเหตุให้ฉันไม่ค่อยเข้าใจไฟอยู่บ้างเหมือนกัน อย่างตอนอยู่ ม.5 ก็เหมือนกัน...

      "อะไรน่ะ?" ฉันถามขึ้นด้วยความตกใจ ไม่ใช่ของที่เขายื่นให้ แต่สงสัยว่าทำไมเขาถึงเอาสิ่งนี้มาให้ฉันในวันแบบนี้ต่างหาก

      "กุหลาบไง...ไม่รู้จักเหรอ?" ไฟตอบหน้าตาย เหมือนเป็นเรื่องปกติอย่างนั้นแหละ

      "รู้...แต่...เอ่อ...กุหลาบ...เอ่อ...มัน..."

      "ก็กุหลาบสีแดงไง ตาบอดสีเหรอไงน้ำ?"

      "ฉันรู้ว่าเป็นกุหลาบสีแดงน่า!!" ฉันบอกอย่างหัวเสีย ดูเหมือนวันนี้ฉันจะเป็นฝ่ายถูกเขากวนประสาทแทนนะเนี่ย!?

      "แล้วสงสัยอะไรล่ะ? หรือว่าความหมายของมัน?" ไฟถามทั้งๆ ที่ยื่นกุหลาบสีแดงสดนั้นให้ฉันอยู่ ฉันถอนหายใจก่อนจะตอบ ไม่งั้นเขาคงไม่เลิกยื่นให้ฉันแน่ๆ

      "ฉันสงสัยว่านายเอามาให้ฉันทำไม?"

      "ไม่อยากรับงั้นเหรอ?" ไฟบอกเสียงอ่อย พร้อมทำหน้าจ๋อยเหมือนเด็กไม่ได้ลูกอมด้วย!? นี่เขาจะมามุขไหนเนี่ย?? ฉันมองเขาด้วยความไม่แน่ใจก่อนจะบอกไปตรงๆ ว่า "ดอกกุหลาบของวันนี้น่ะ เขาให้คู่รักกันนะ ไม่ได้ให้คู่ซี้ นายเอามาให้ฉันทำไม?"

      "แต่ฉันจริงจังนะ" เขาบอกเสียงหนักแน่น หน้าตาของเขาก็จริงจังด้วย ทำเอาฉันชักไม่แน่ใจว่าเขาแกล้งฉันเล่นหรือจริงจังกันแน่ แต่ว่าตอนนี้ในห้องก็ไม่มีใครอยู่ รับไว้ก็ไม่เป็นไรหรอกมั้ง อย่างน้อยก็รักษาน้ำใจเพื่อนด้วย

      และหลังจากวันนั้น ไฟก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย เขาทำราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ส่วนฉันเองก็ไม่พูดเหมือนกัน ก็ไฟไม่พูดนี่นา แล้วฉันจะพูดทำไมให้มันปวดหัวล่ะ?

      แต่แล้ว...ทุกสิ่งทุกอย่างที่ไฟทำ แล้วไฟก็ปล่อยมันไปราวกับไม่ได้เกิดขึ้น ก็ถูกนำขึ้นมาให้เกิดเรื่องอีกครั้ง ในวันที่พวกเราต้องแยกทางจากกันจนได้

      "เฮ้ย! น้ำ!! ถึงแล้ว!!" ไอ้ป๋องตะโกนเรียกฉันที่นั่งหลับบนรถไฟ พร้อมโยนกระเป๋าสัมภาระมาให้ฉัน ให้ตายเถอะ กระเป๋าสัมภาระนะไม่ใช่หมอนโยนกันมาได้!!

      ฉันเหลือบมองเหล่าเพื่อนร่วมเดินทาง รวมๆ แล้วมีทั้งหมดหกคน ไอ้ป๋อง ไอ้ไม้ ไฟ มด ยัยฟ้าใส แล้วก็ฉัน รวมกันก็หกคนพอดีเป๊ะ! สาเหตุที่มากันแค่หกคนก็เป็นเพราะ วันนี้เรามาตั้งแคมป์ริมทะเลหนึ่งคืนก่อนจากกัน

      ไอ้ป๋อง ไอ้ไม้ และไฟต้องออกไปเรียนต่อที่ต่างจังหวัด ถึงอย่างนั้น พวกนั้นก็แยกย้ายกันไปอยู่คนละจังหวัดอยู่ดี ส่วนมดกับฟ้าใสก็เรียนต่อที่ต่างประเทศ มดเรียนต่อที่เยอรมัน ส่วนฟ้าใสเรียนต่อที่อังกฤษ มีฉันคนเดียวที่เรียนต่อในกรุงเทพฯ 

      พอถึงสถานที่ พวกผู้ชายก็ถอดเสื้อผ้าวิ่งลงน้ำทันที ถ้าฉันเป็นผู้ชายก็คงทำอย่างนั้นเหมือนกัน น่าเสียดายที่ฉันทำไม่ได้ เลยได้แต่ยืนมองพวกนั้นอย่างอิจฉา แล้วฟ้าใสกับมดก็ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าลงเล่นน้ำก่อน ฉันก็เลยอาสากางเต็นท์ในพวกนั้นระหว่างที่พวกนั้นกำลังเล่นกันอยู่ โดยมีป๋องมาช่วยทีหลัง

      หลังจากกางเต็นท์เสร็จ ไม้กับฟ้าใสก็เลยอาสาหาฟืนมาก่อไฟ ฉันก็เลยถือโอกาสนี้ไปเดินเล่นเลียบชายหาดซะเลย

      เสียงคลื่นกับสายลมอ่อนๆ ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษ อากาศก็สดชื่นบริสุทธิ์ ฉันเดินไปเรื่อยๆ แล้วทอดสายตาออกไปที่ขอบทะเล ถ้าออกไปทางนั้นจะมีอะไรนะ จะมีชายหาดอีกฝั่ง หรือว่าจะออกไปสู่มหาสมุทรนะ? ฉันชอบคิดอะไรเล่นๆ แบบนี้เสมอ

      "เล่นเอ็มวีอยู่เหรอน้ำ?" ฟ้าใสเดินเข้ามาแซวฉันจากด้านหลัง ทำเอาฉันสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นฉันก็รีบส่ายหน้าทันที ฟ้าใสมองฉันซักพักแล้วเอ่ยถาม "ไม่ไปหาไฟเหรอ? เขาเล่นน้ำกับมดอยู่ตรงนั้นแน่ะ" เธอชี้ไปทางที่มดกับไฟกำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน

      "คู่นี้น่ารักดีนะ" ฉันออกความเห็น จากใจเลยล่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้สึกนะ รู้สึกซิ เพียงแต่...มันยังไม่แน่ใจก็เท่านั้นเอง คำพูดของฉันทำให้ฟ้าใสมองฉันตาโต

      "พูดอะไรน่ะน้ำ!?" เธอร้องเสียงแหลมทันที "ไฟชอบเธอ ใครก็รู้...หรือแม้แต่เธอเอง...ก็รู้" คำพูดฟ้าใสทำให้ฉันเงียบ แล้วเธอก็ถามขึ้นอีก "เธอไม่มีใจให้ไฟจริงๆ เหรอน้ำ?" คำถามที่ฉันตอบไม่ได้ เพราะแม้แต่ตัวฉันเอง ฉันก็ยังไม่รู้...

      ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเมื่อตะวันคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นมืดมิด เปลวไฟกองหนึ่งถูกก่อขึ้นเมื่ออากาศเริ่มเย็นลง ฉันกับฟ้าใสแล้วก็ป๋องนั่งรอพวกที่เหลือ โดยมีป๋องคอยเติมฟืน และมีฟ้าใสของสร้างบรรยากาศ ส่วนฉันก็เป็นคนเสริม

      ซักพักไอ้ไม้ก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาพวกเรา มันวิ่งมาหอบหายใจทำให้ทุกคนพากันแปลกใจ

      "ไปเจอพรายทะเลมารึไง? วิ่งหน้าตั้งมาเชียะ" ฉันแกล้งถามไอ้ไม้ ก็เห็นวิ่งมาอย่างเอาเป็นเอาตาย ฟ้าใสเลยตีฉันเบาๆ ที่ไปแกล้งไอ้ไม้มันแบบนั้น ฉันได้แต่หัวเราะเบาๆ ด้วยความสนุก แต่เสียงหัวเราะของฉันก็เงียบลงเมื่อมันพูดถึงไฟ

      "...น้ำ...ไอ้ไฟ...แฮก...ไฟ...มัน..."

      "อะไรไอ้ไม้!! เกิดอะไรขึ้นกับไฟ!?"

      "...ไฟ...มัน...กินเหล้า!!"

      "โธ่...ก็นึกว่าอะไร ที่แท้ก็แค่กินเหล้า" ฉันบอกแล้วโยนเศษไม้เข้ากองไฟ แล้วฉันก็รีบหันไปมองหน้าไอ้ไม้ทันทีเมื่อเรียบเรียงคำพูดที่มันบอกเมื่อกี้ได้ "อะไรนะ!! กินเหล้า!! ทำไมแกไม่ห้าม ห๊ะ!!"

      เขาทำหน้าเศร้าก่อนจะตอบฉันเบาๆ "แกไปห้ามเองเหอะ ฉันเห็นแล้วห้ามมันไม่ลง" เพียงเท่านั้น ฉันก็รีบวิ่งออกจากกลุ่มไปหาไฟทันที ทั้งที่สั่งนักสั่งหนาแล้วว่าอย่าดื่ม ทำไมไม่เคยฟัง!! ทำไมต้องทำให้เป็นห่วงทุกที!!

      ทันทีที่ฉันไปถึง ก็เห็นไฟกำลังจะยกขวดเหล้าขึ้นดื่ม ฉันจึงรีบวิ่งไปแย่งแล้วเขวี้ยงออกไปไกลๆ ทำให้น้ำในขวดไหลออกมาหมด ไฟโคลงหัวไปมาก่อนจะพูดขึ้นเสียงดัง

      "...ไอ้ไม้!! บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่ง!!"

      "แล้วฉันล่ะ! ยุ่งได้รึเปล่า!!" ฉันถามเสียงดังกลับ ไฟนิ่งซักพัก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองฉัน แล้วสะดุ้งด้วยความตกใจ เหมือนถูกฝ่ายปกครองจับได้ไม่มีผิด

      "น้ำ!!?" เขาอุทานชื่อฉันออกมา ท่าทางเขาดูตกใจไม่น้อย ฉันพยายามควบคุมอารมณ์โกรธ แล้วถามเขาอย่างใจเย็น อย่างน้อยถ้าใช้อารมณ์คุยกัน คงไม่จบเรื่องแน่ๆ

      "ทำไมละไฟ? ทำไมนายต้องทำอะไรแบบนี้ด้วย?"

      ".............." เขาเงียบแล้วก้มหน้ามองพื้นทรายเหมือนเดิม ราวกับไม่กล้ามองหน้าฉันอย่างนั้นแหละ แต่ฉันคงไม่สนใจขนาดนั้นหรอก ที่ฉันอยากรู้คือสาเหตุที่เขาทำต่างหาก

      "บอกแล้วไง มีอะไรให้บอก มีอะไรก็ปรึกษาซิ"

      ".............."

      "นายทำแบบนี้ทำไม? เพื่ออะไรน่ะไฟ? ฉันไม่เข้าใจ"

      "ไม่เข้าใจหรอก...เธอไม่มีวันเข้าใจหรอก..."

      "แล้วนายไม่บอก ฉันจะรู้ไหมล่ะ? นายทำไปเพื่ออะไร? บอกมาซิ"

      "เพื่อลืมเธอไง น้ำ"

      "!!!!!"

      "ตลอดหกปีที่ผ่านมา ความรู้สึกของฉันไม่เคยส่งไปถึงเธอเลย หัวใจฉันมันเจ็บตลอดเวลา แต่เธอไม่เคยรับรู้มันเลย!!"

      ".............."

      "ฉันไม่เคยเห็นเธอเป็นแค่เพื่อน เธอเป็นมากกว่านั้นเสมอ เป็นมากกว่านั้นมาตลอด แต่น้ำ!! เธอไม่เคยให้ฉันเป็นมากกว่าเพื่อน!" ไฟพูดขึ้น สีหน้าเขาแสดงความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด "ทำไมเธอต้องเอาคำว่าเพื่อนมาทำให้ฉันเจ็บด้วย!! ทำไมเธอไม่เปิดใจรับความรักของฉันบ้าง!"

      "...ไฟ...คือ..."

      "พอเถอะน้ำ คำปฏิเสธของเธอ ฉันได้มันมามากเกินพอแล้ว ฉันไม่อยากได้มันอีก"

      "................."

      "ฉันอยากลืมเธอ...อยากลืมว่าเคยรักเธอ...ฉัน...ไม่อยากเห็นเธอ"

      "................."

      "...ฉันอยากอยู่คนเดียว อย่ามายุ่งกับฉันตอนนี้เลย"

      "...ได้...ตามใจนาย..." ฉันบอกเขาเบาๆ ทั้งที่ฉันเองก็รู้สึกเจ็บไม่น้อย ทั้งที่ดีใจแทบตายที่ใครๆ ก็บอกว่าพวกเราคือ เพื่อนร่วมเป็นร่วมตาย แต่ทำไมวันนี้มันเจ็บ...หรือมันเจ็บแบบนี้มานานแล้วนะ?

      ฉันเดินไปเรื่อยๆ ไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว แต่ยิ่งหลีกหนี ฉันก็ยิ่งเจอ นั่นไง หัวใจอีกดวงที่ชอกช้ำ เพราะฉันเหมือนกันซินะ...? ฉันเห็นมดนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ฉันเดินเข้าไปหาเธอ สะกิดเธอเบาๆ พลางเอ่ยถาม "เป็นอะไรไปน่ะมด?"

      มดเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะบอกฉัน "...เกลียด...ฉันเกลียดเธอ..." คำพูดที่ฉันได้ยินแล้วเจ็บ แต่มดเองก็เจ็บ เพราะสายตาที่เธอมองฉันมันปวดร้าว มันทั้งรัก ทั้งเกลียด ทำไมคงต้องเป็นฉันซินะ

      ฉันได้แต่นิ่งเงียบ ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ฉันไม่ใช่คนที่สามารถปลอบเธอได้ ไม่มีใครปลอบเธอได้

      "คนอย่างเธอมันไร้หัวใจ...เธอทำร้ายจิตใจเขา...ตลอดหกปีที่ผ่านมา!"

      "............"

      "...หกปีเชียวนะน้ำ!...เธอไม่เคยหวั่นไหวบ้างรึไง? ไม่เคยมีใจให้ไฟบ้างเลยเหรอ?"

      "...........คือ..."

      "พอเถอะ พูดเรื่องแบบนี้กับเธอไปก็เท่านั้น มันผ่านมาแล้วนี่"

      "...ฉัน...กลัวความรู้สึกนั้น...ฉัน...กลัวอะไรที่มันเปลี่ยนไป...ฉันกลัว"

      "อย่าเลยน้ำ เธออ่อนแอเกินกว่าที่จะรักใครได้"

      "............"

      "ไปเถอะ...อย่ามายุ่งกับฉัน...อย่าให้ฉันรู้สึกเจ็บเพราะเธอ อย่าให้ฉันเป็นคนทำให้เธอเจ็บด้วย ขอร้องล่ะ...อย่ามายุ่งกับฉันเลย"

      "...ฉันกลัวที่จะเสียไฟ...กลัวว่าซักวันเขาจะไม่รัก...กลัวว่าถ้าไม่มีเขา...ฉันจะอยู่ยังไง...ฉันไม่อยากเห็นวันนั้น ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้น ฉันอยาก...อยากอยู่แบบนี้...ตลอดไป"

      "...ฉันไม่อยากได้ยินเสียงของเธอ..."

      "....มด..."

      "หยุดซะทีเถอะ!! จะทรมานฉันไปถึงไหน!! อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าได้มั้ย!! ฉันเกลียดเธอ!! เพราะฉันเกลียดเธอ!! เธอได้ยินมั้ยน้ำ!! ฉันเกลียดเธอ!!" มดตะโกนออกมาพร้อมทำท่าปิดหู เหมือนเธอไม่รับฟังทุกคำพูดของฉัน

      ".........." ไม่มีเสียงพูดใดๆ จากฉันอีก ฉันทำเพื่อนของฉันร้องไห้หนักกว่าเดิม เจ็บกว่าเดิม ฉันไม่ใช่คนที่สามารถปลอบเธอได้ ใครซักคน...ที่ไม่ใช่ฉัน...และไม่ใช่ไฟ...

      "ฉันอยากอยู่คนเดียว" คำพูดเบาๆ จากมด ฉันได้แต่พยักหน้า แล้วเดินจากไปเงียบๆ

      อีกครั้ง...ที่ฉันเดินไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีความคิดที่จะกลับไปที่กลุ่มด้วยซ้ำ รู้สึกอยากอยู่คนเดียว อยู่โดยไม่คิดถึงใครคนนั้น ทำได้มั้ยนะ? ฉันเป็นคนอ่อนแออย่างที่มดบอก ฉันเอาแต่หนี...ทุกๆ อย่างที่ฉันกลัว

      ฉันอยากจะภาวนา ขอร้องต่อดวงดาวนับร้อยบนฟากฟ้า ช่วยดลบันดาลสิ่งที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ให้เป็นเพียงความฝัน ให้ฉันตื่นจากฝันร้ายนี้ แล้วฉันได้อยู่กับเพื่อน ได้สนุกกับไฟ กับทุกคนเหมือนเดิม...แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ซินะ ก็นี่นะ...คือชีวิตจริง

      ชีวิตจริงที่ไม่อาจหนีไปไหนได้ ฉันไม่สามารถหนีมันได้ตลอด ซักวันฉันคงต้องก้มหัวยอมรับความรู้สึกนี้ และเดินหน้าต่อ ในขณะเดียวกัน คนทุกคนจะเข้มแข็งตลอดไปก็ไม่ได้หรอก แต่ว่า จะอ่อนแอตลอดก็ไม่ได้เหมือนกัน

      บางที...ฉันก็สงสัยว่าทำไมถึงต้องมีกลางวันกลางคืน? เพื่อให้เรามีเวลาผักพ่อน ให้แบ่งความรู้สึกให้ดี กลางวัน เป็นช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้น การทำจิตใจให้เข้มแข็ง กลางคืน เป็นช่วงเวลาแห่งการทำความเข้าใจกับสิ่งที่ทำไปในตอนกลางวัน เพื่อพักร่างกายและหัวใจ ให้จิตใจได้อ่อนแอ เพื่อทำให้เข้มแข็งในวันใหม่ที่จะมาถึง

      ฉันอยากจะขอคืนนี้ ให้ฉันเป็นคนอ่อนแอ แล้ววันพรุ่งนี้ ฉันจะเริ่มใหม่ ฉันจะกลับมาเป็นน้ำที่เข้มแข็งเหมือนเดิมอีกครั้ง

      ท้องฟ้ายามรัตติกาลเต็มไปด้วยหมู่ดาวมากมาย ส่องแสงระยิบระยับสวยสดงดงาม แต่ฉันกลับไม่รู้สึกถึงความงามนั้นเหมือนทุกครั้ง หัวใจในคืนนี้อ่อนล้ากว่าคืนไหนวันไหน รู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวกว่าทุกครั้ง ทั้งที่คืนนี้อากาศไม่หนาวเลยซักนิด แต่กลับรู้สึกเหน็บหนาวเหมือนอยู่ท่ามกลางหิมะคนเดียว

      พรุ่งนี้ต้องจากกันแล้ว จะจบกันแบบไหน จะได้เป็นเพื่อนกันอีกหรือเปล่า? แม้ฉันจะยอมรับความรู้สึกนั้นแล้ว แต่ฉันก็ยังอยากให้เราเป็นคู่ซี้กันเหมือนเดิม แม้จะเจ็บ แต่คงดีกว่า ที่จะเลือกซักวันต้องเสียเธอไป ฉันอยากเลือกเส้นทางที่ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเราอยู่ด้วยกันตลอดไป ฉันทำถูกหรือเปล่า?

      และแล้ว...ช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นก็มาถึง...

      ไฟอาสามาส่งฉันขึ้นรถไฟที่สถานี เขาก็ยังเป็นเขาไม่เปลี่ยนแปลง ไฟพูดคุยกับฉันเหมือนปกติ ราวกับเรื่องเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเป็นแบบนี้ และคงเป็นแบบนี้ตลอดไป ฉันก็เหมือนกัน ปล่อยไปตามน้ำเหมือนเดิม ในที่สุด...

      "ต้องจากกันจริงๆ แล้วซินะ" ไฟบอกฉันด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ ฉันได้แต่พยักหน้า พวกเราอยู่ในความเงียบซักพัก ฉันไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย ยิ่งไฟทำหน้าเศร้าแบบนี้ ฉันยิ่งไม่สบายใจ

      ฉันเลยตัดสินใจพูดขึ้น "ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีก" ฉันปลอบใจเขาแบบนั้น...และตัวเอง

      "เมื่อไหร่ล่ะน้ำ? นานแค่ไหน?" ไฟถามขึ้น น้ำเสียงแสดงถึงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ฉันยิ้มให้เขา ก่อนจะแกล้งพูดขึ้นอย่างร่าเริง

      "คิดมากน่าไฟ อยากเจอก็โทรมานัดกันซิ แค่นี้เอง"

      เขาเงียบซักพัก ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเบาๆ "...ขนาดนี้แล้ว ยังเป็นไปไม่ได้อีกเหรอ?"

      ".........."

      "ฉันจริงจังนะน้ำ"

      "ยอมรับหน่อยซิไฟ เราเป็นกันได้แค่เพื่อน เข้าใจรึเปล่า?"

      "ไม่เข้าใจ"

      "ไฟ!!"

      "ฉันรักเธอ! เพราะฉันรักเธอ! ฉันเลยไม่เข้าใจ"

      "....ไฟ...คือ..."

      "ตลอดหกปี มันไม่เคยไปถึงเธอเลย...ไม่เคยเลย"

      ".........." หยุดเถอะไฟ อย่าพูดอีกเลย ฉันอยากบอกเขาแบบนี้ ทุกคำพูดของเขา ทำให้ฉันเจ็บ นายรู้หรือเปล่า!?

      "เธอวางฉันไว้ตรงคำว่า เพื่อน" เขาเอ่ยขึ้นเศร้าๆ "แล้วเธอก็วางไว้ตรงนั้นตลอด ไม่เคยเคลื่อนย้ายมันเลย ไม่เคยเลย"

      "ซักวัน...นายอาจเจอคนที่ดีกว่า" ฉันบอกเขาในที่สุด บอกด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด เจ็บกว่าครั้งไหนๆ ไฟมองหน้าฉันด้วยแววตาจริงจัง

      "ไม่มีวันนั้น ฉันมั่นใจ" เขาบอกอย่างหนักแน่น ทั้งๆ ที่ในใจฉันออกจะดีใจ แต่ทำไมฉันยังรั้งที่จะทำตามที่ตัดสินใจอีกนะ ฉันต้องละทิ้งความดีใจนั้น แล้วเอ่ยบอก...บอกให้เขาตัดใจ...ทำไมกันนะ?

      "ยอมรับซิไฟ เราห่างกัน!! จิตใจคนเราก็ต้องเปลี่ยนไปตามเวลา!"

      ไฟส่ายหน้า แสดงถึงความไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด เขาจับไหล่ทั้งสองข้างของฉัน แล้วพูดขึ้นเสียงดัง"แต่นั่นก็ไม่ใช่สำหรับเรา!! ฉันรักเธอ! ได้ยินมั้ย!!"

      คำพูดของเขาทำให้ฉันเริ่มใจอ่อน แต่ว่าเส้นทางนี้ เมื่อฉันตัดสินใจแล้ว ฉันก็ต้องดำเนินมันต่อไป ฉันจ้องหน้าเขา แล้วตอบกลับ นายจะรู้มั้ยว่าฉันเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องพูดแบบนี้

      "นายต้องยอมรับบ้างซิไฟ! ถ้าวันนั้นมาถึงล่ะ?"

      "ไม่มีใครเอาเธอออกไปจากใจฉันได้"

      "ตอนนี้นายก็พูดได้ซิ แล้วพรุ่งนี้ล่ะ? มะรืนนี้ล่ะ?" ฉันบอกเขา แล้วจ้องเขา น้ำเสียงของฉันบอกถึงความจริงจัง ไฟคลายมือออกจากไหล่ฉัน ก่อนจะถอยห่าง เหมือนเขาจะไม่นึกมาก่อนว่าฉันจะเอ่ยถามเขาแบบนี้ เขาก้มหน้าลงเหมือนสำนึกผิด ก่อนจะเอ่ยชื่อฉันเบาๆ

      "...น้ำ..."

      "อย่าพยายามเลยไฟ ชีวิตคนเรามันมีมากกว่านี้" ฉันพยายามบอกเขา พยายามให้เขาเข้าใจ ทั้งที่ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลยนะไฟ ฉันเลือกเส้นทางถูกรึเปล่า? ฉันอยากจะรู้

      "ความรู้สึกของฉันมันจะเหมือนเดิม"

      "ความสัมพันธ์ของพวกเราด้วย"

      "น้ำ!!" เขาร้องขึ้น เมื่อฉันยืนยันคำตอบเดิม สุดท้ายแล้ว...คงต้องดำเนินต่อไปซินะ ฉันไม่อยากทำแบบนี้ ฉันไม่อยากไปจากนาย รู้รึเปล่าไฟ แต่นี่ไม่ใช่ความฝัน นี่เป็นความจริง...ที่ต้องยอมรับ

      "พวกเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป" ฉันบอกพร้อมรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ฉันยิ้มยากที่สุดในชีวิต เพราะมันทั้งเจ็บ ทั้งทรมาน แต่นี้เป็นหนทางที่ดีที่สุด ใช่รึเปล่า?

      ไฟยืนนิ่งเงียบ ฉันรู้ว่าเขาเจ็บ แต่ฉันก็เจ็บไม่ต่างกัน พวกเราตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

      ใกล้เวลารถไฟออกแล้ว นายจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอไฟ? บางที ถ้านายบอกรักฉันอีกที ฉันอาจใจอ่อนก็ได้ ลึกๆ แล้ว ฉันเองก็อยากบอกว่า "รักนาย" เหมือนกัน อยากตอบรับความรู้สึกของนายกลับไปเหมือนกัน พูดอีกซิ! ความเข้มแข็งของฉันเริ่มอ่อนลงแล้วนะไฟ

      ฉันจ้องหน้าเขาซักพัก มองด้วยความหวัง ให้เขาพูดอีกครั้ง ไฟเสมองไปทางอื่น แล้วถอนใจเบาๆ ก่อนจะกลับมามองที่ฉัน แล้วยิ้มให้อย่างสดใสเท่าทีเขาจะทำได้ แล้วเอ่ยบอกกับฉันว่า

      "อืม...เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป"

      คำพูดของเขาทำเอาฉันนิ่งซักพัก นั่นซิ...นี่ฉันมาหวังอะไรอยู่นะ? ทั้งที่ตัดสินใจแน่วแน่แล้วแท้ๆ ทำไมถึงเป็นคนอ่อนไหวแบบนี้นะ ฉันยิ้มแล้วพยักหน้าให้เขา คำว่า "เพื่อน" คงดีที่สุดสำหรับพวกเราซินะ

      ฉันวางสัมภาระลงบนเก้าอี้ แล้วนั่งลงมองออกไปข้างนอก ไฟไปแล้ว ไปตามทางของเขา รถไฟเองก็เริ่มเคลื่อนขบวนออก ฉันก็เหมือนกัน ฉันก็กำลังจะไป ไปตามเส้นทางเดินของฉัน เพียงช่วงเวลาบนรถไฟนี้ ขอให้ฉันได้พักหัวใจ ได้ลืมความรู้สึกนี้บ้าง

      คำพูดสุดท้ายของเขายังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของฉัน "แล้วเจอกัน" เพียงเท่านั้น น้ำตาของฉันก็เริ่มไหลออกมาช้าๆ ฉันเอนตัวพิงเก้าอี้ แล้วนึกถึงอดีตที่ผ่านมานานและที่พึ่งผ่านมา...

      แม้รถไฟจะเคลื่อนตัวออกจากสถานีแล้ว แต่ใครบางคนที่ยืนแอบหลบอยู่ ก็ย่างกรายออกมา มองรถไฟขบวนนั้นที่พึ่งออกไปจนลับตา เขาถอนหายใจด้วยความเหนื่อยทั้งกายและใจ ยากแค่ไหนกว่าที่เขาจะฝืนพูดคำว่าเพื่อนกับเธอคนนั้นได้

      "ถึงจะเป็นเพื่อน แต่เราก็ยังรักนายอยู่นะน้ำ" เขาพูดขึ้น แล้วเดินออกจากสถานีรถไฟ ไปตามเส้นทางของตัวเอง

      ...พวกเราอาจเดินบนเส้นทางที่แตกต่าง ฉันอาจเดินบนเส้นทางที่โดดเดี่ยว เธออาจเดินบนเส้นทางที่พลุกพล่าน ฉันอาจมีเขา เธออาจมีใคร หรือ เราอาจกลับมาพบกันในวันเวลาที่ไม่มีใคร แต่เราก็เดินไปด้วยกันได้ เราจะเดินจูงมือไปด้วยกันไม่เปลี่ยนแปลง เพราะมิตรภาพที่ยั่งยืน ไม่มีคำว่า ลาก่อน...

      ...แม้ตัวฉัน จะยอมรับว่า ฉันเองก็รักเธอ...






      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×