คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : GOODIE28 ll เป็นโจรครั้งที่28 {อัพ100%} ถ้าเรา...
“พรุ่งนี้ 9 โมง จะรออยู่หน้าห้อง”
หลังจากที่คนตัวใหญ่ให้คำตอบและเดินกลับเข้าไปในห้องห้องของตัวเอง ฉันยังคงยืนอยู่ตรงนั้น แต่หันเหทิศทางไปยังตึกสูงของโรงพยาบาล
เพราะตอนนี้การเฝ้ายืนมองอ้ายก็อตจากตรงนี้คือสิ่งเดียวที่ฉันทำได้และมันน่าจะเปลี่ยนไป หากการเที่ยวรอบเมืองกรุงกับอ้ายกอล์ฟจบลง ฉันใช้เวลายืนนิ่งๆเฝ้ามองคนรักของตัวเองอยู่นั้นครู่ใหญ่ จนท้องฟ้ากว้างด้านบนเริ่มถูกฉาบไปด้วยสีดำ จึงตัดสินใจกลับเข้ามาในห้อง
สิ่งแรกที่ทำหลังกลับเข้ามาแล้วคือการหยิบโทรศัพท์เพื่อเปิดเช็กข้อความหรือสายไม่ได้รับที่บางทีอ้ายก็อตอาจะส่งเข้ามา
แต่เปล่าเลย หน้าจอโทรศัพท์ของฉันมันว่างเปล่า
ไร้ซึ่งข้อความหรือสายไม่ได้รับแต่อย่างใด
อ้ายก็อตไม่ได้ตอบอะไรกลับมาอีกนับตั้งแต่ที่ฉันรัวข้อความไปหาเขาแบบนั้น...
วันต่อมา...
วันนี้ฉันตื่นมาตอนช่วงเกือบ 8 โมงเช้า
หลังจากเมื่อคืนเผลอหลับไปขณะนอนรอข้อความจากคนสำคัญ
แต่ว่าจนถึงตอนนี้อ้ายก็อตก็ยังไม่ตอบอะไรกลับมาอยู่ดี
ไม่รู้ว่าเขาโกรธหรือเปล่าที่ฉันพยายามเซ้าซี้ที่จะไปหา แต่เพราะวันนี้ฉันดันมีนัด
สิ่งที่ต้องทำก่อนออกจากห้องพักจึงเป็นการส่งข้อความหาคนที่ไม่คิดจะตอบกลับตั้งแต่เมื่อวาน
พริก :: วันนี้หนูออกไปธุระนะคะ
ไม่รู้เหมือนกันว่าการที่ส่งข้อความบอกเขาเพียงเท่านี้
มันเรียกว่าการโกหกหรือเปล่า แต่หากต้องให้พิมพ์บอกอ้ายก็อตว่า
ฉันกำลังจะออกไปเที่ยวกับพี่ชายของเขา ฉันคงไม่กล้าทำจริงๆ
ฉันใช้เวลาอาบน้ำแต่งอยู่พักใหญ่เพื่อเตรียมตัวออกไปพบกับอ้ายกอล์ฟตามนัด
กว่าจะแต่งตัวและทำอะไรต่างๆจนเสร็จ เวลาปาเข้าไปเก้าโมงนิดๆ นั่นจึงทำให้หลังการเช็กสภาพตัวเองเป็นหนสุดท้ายเสร็จสิ้นลง
ฉันจึงรีบคว้ากระเป๋าสะพายของตัวเองออกจากห้องทันทีเพื่อไม่ให้คู่นัดรอนาน
“ชักช้า...”
เสียงดุเอ่ยขึ้นทันทีที่ฉันก้าวเท้าพาตัวเองออกจากห้อง
“ขอโทษค่ะ หนูไม่รู้ว่าควรจะใส่ชุดไหนดี...” ฉันบอกเขาแบบรีบๆ ไม่ได้มอง เพราะมือยังคงวุ่นวายกับการล็อกประตูห้องอยู่
ซึ่งมันก็จริง
ฉันไม่รู้จะหยิบชุดไหนมาใส่
ดังนั้นการแต่งตัววันนี้จึงเป็นเพียงเดรสกระโปรงยาวแขนกุดสำหรับใส่เที่ยวตอนอยู่ที่เหนือ
โดยสวมเสื้อกั๊กยีนแขนยาวทับไว้อีกชั้นกันโป๊
ส่วนรองเท้าก็เป็นรองเท้าแตะแบบสานธรรมดาเท่านั้น
แม้จะเช็กการแต่งตัวของตัวเองถี่ถ้วนแล้ว
แต่ฉันก็ยังรู้สึกเด๋อๆกับการแต่งตัวที่เหมือนไม่เที่ยวทะเลของตัวเองอยู่ดี
“เหรอ...แต่งแบบนี้
ก็น่ารักดีนี่” เพราะปกติไม่ค่อยได้รับคำชมเท่าไหร่นัก
พอถูกคนตัวใหญ่เจ้าของนัดเอ่ยปากชมแบบนี้ มันเลยอดที่จะหันไปมองไม่ได้
อ้ายกอล์ฟตอนนี้น่ะกำลังยืนอยู่ในท่ากอดอก เขาไม่ได้มองฉันตรงๆ
แต่เลือกที่จะมองจากทางหางตา โดยเบือนหน้าไปทางอื่น เขาแต่งตัวแบบสบายๆ
ใส่เสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนสีซีดขาดดูเซอร์ ดูเข้ากันดีกับร้องเท้าใบยี่ห้อแพง
แม้ว่าตามเนื้อตัวของเขายังเต็มไปด้วยบาดแผลรถล้มเมื่อวาน
แต่ว่าเขาก็ยังดูดีไม่ดร็อปลงไปเลย
เพราะเผลอมองเขานานไป ฉันจึงเป็นผ่านรู้สึกประหม่าเสียเอง
อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างเราในช่วงที่ผ่านมามันก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก การที่ต้องออกมาเจอและไปเที่ยวกับเขาสองคนนั้นเลยพลอยให้ฉันทำตัวไม่ถูกสักเท่าไหร่
จนกระทั่งอ้ายกอล์ฟเป็นคนพูดออกมาเอง
“เราจะไปกันหรือยัง?”
“คะ..ค่ะ! ไปค่ะ!” แน่นอว่าฉันรีบรับคำแบบไม่ปฏิเสธทันทีเช่นกัน
สิ้นเสียงตอบรับคนตัวใหญ่ก็รีบหันหลังเดินนำออกไปก่อน แต่ว่า จู่ๆเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ อ้ายกอล์ฟจึงหยุดเท้าลงแล้วหันกลับมา ถือวิสาสะคว้าข้อมือฉันที่ไม่ทันตั้งตัวพร้อมกันนั้นก็ออกแรงดึงนิดๆ ราวกับเป็นการเร่งให้เดินตามมา
การกระทำของคนใจร้ายวันนี้ไม่ได้รุนแรงจนน่ากลัว
แต่ก็ไม่ได้นุ่มนวลจนพอดี อีกทั้งเพราะฉันเป็นคนนัดเขาเอง
ที่ทำได้คือการยอมจำนนต่อแรงดึงดังกล่าว เดินตามหลังเขาไปทั้งๆอย่างนั้น
อ้ายกอล์ฟเองก็ดูไม่ได้ต้องการกระทำรุนแรงอะไรแบฉันเหมือนอย่างวันแรกๆที่ได้เจอ
เขาเพียงแค่จับข้อมือฉันไว้
พาเดินไปยังลิฟต์เพื่อเราทั้งคู่ลงไปชั้นล่างและไปในที่ที่เขาอยากให้ไป
‘ไปเดทกับพี่ได้ไหม
ไปในฐานะอะไรก็ได้…’ อีกทั้งตอนนั้นอ้ายกอล์ฟก็พูดออกมาแบบนั้น
นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ฉันไม่อยากขัดใจเขา
กลับกันอยากรู้ด้วยซ้ำว่าในหัวของผู้ชายคนนี้ตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
“อ๊ะ...” แต่แล้วความคิดที่กำลังไหลไปอย่างเรื่อยขณะยืนแช่อยู่ภายในลิฟต์กลับต้องมีอันสะดุดลง เมื่อจู่ๆ มือหนาที่อ้ายกอล์ฟรวบข้อมือเอาไว้ ค่อยๆเลื่อนต่ำลงมาประกบเข้ากับมือฉันแผ่วเบา
ช่องว่างระหว่างนิ้วถูกเรียวนิ้วแข็งแกร่งแทรกประสานรวมเป็นหนึ่งอย่างช้าๆจนแนบชิด จนเผลอช้อนตามองหน้าคนตัวใหญ่เล็กน้อยด้วยความสงสัยก่อนพบว่า ผู้ที่เป็นเจ้าของการกระทำดังกล่าวไม่ยอมมองหน้าฉันเลย ตาเขามองตรงไปยังประตูลิฟต์คล้ายกับเฝ้าคอยว่าการเปิด หากแต่นั่นไม่ใช่กับแก้มของเขาที่คล้ายเริ่มขึ้นสีเจือจางนับตั้งแต่เขากุมมือฉันไว้แบบนี้
มันจะฟังดูตลกหรือเปล่า ที่การได้เห็นสีหน้าของอ้ายกอล์ฟในมุมนี้ มันทำให้ฉันซึ่งเคยแต่ภาพลักษณ์ร้ายกาจของเขามาตลอดกลับรู้สึกว่า
เขามุมนี้ก็ดูน่ารักดี...
ทันทีที่ออกจากลิฟต์ อ้ายกอล์ฟก็พาฉันเดินมายังรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองที่จอดอยู่หน้าหอพัก สังเกตได้ว่ารถของเขามีรอยถลอกจนเต็มไปหมดเหมือนๆ อย่างตามเนื้อเจ้าของนั่นแหละ
เมื่อมาถึงรถ มือที่เคยถูกกุมไว้จึงค่อยๆ คลายออกไป หมวกกันน็อกใบโตถูกคนตัวใหญ่บรรจงสวมใส่เพื่อระวังความปลอดภัยของตัวเอง ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายกวาดขาขึ้นไปนั่งบนรถในท่าประจำ ซึ่งฉันเองก็รีบทำตามเขาทันเพื่อไม่ให้เป็นการโดนดุ
อีกทั้งฉันอยากให้วันนี้เป็นวันดีๆที่เราสองคนสามารถสงบศึกกันลงสักวัน...
บรื้นนน
เสียงคำรามของเครื่องยนต์ดังขึ้น พร้อมอาการสะดุ้งของฉัน เพราะนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว ที่อ้ายกอล์ฟทำตามใจตัวเอง ใช้มือจับมือฉันไปโอบรอบเอวของตัวเอง
“เกาะไว้ เดี๋ยวตก” เขาให้เหตุผลไว้เพียงแค่นั้น ก่อนจะบิดมอเตอร์ไซค์คู่ใจ พาเราทั้งคู่ออกจากบริเวณหน้าหอพักไป
ไม่รู้หรอกว่าคนตัวใหญ่คนนี้ตั้งใจจะพาไปที่ไหน เพราะไม่ใช่คนพื้นที่แถมยังไม่รู้เส้นทางในเมืองหลวง ทำให้ตลอดเส้นทางที่รถคันนี้กำลังมุ่งไป ฉันได้แต่เกาะเอวเขาไว้แน่นตามคำสั่ง
แต่ไม่นาน หลังจากอ้ายกอล์ฟรถบิดเลี้ยวเลาะไปบนถนน ในที่สุดรถคันเล็กก็พาเรามาหยุดจอดยังสถานที่แห่งหนึ่ง โดยรอบถูกห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ เหมือนกับสวนสาธารณะยังไงอย่างงั้น
“ลงสิ...” คนตัวใหญ่เอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ตลอดเวลาที่เขาขับรถพามา เราไม่ได้พูดคุยกันเลยสักคำ พอถูกเร่งแบบนั้น ฉันก็ไม่รอช้า รีบพาตัวเองลงจากเบาะหลังทันที แน่นอนว่าคนเร่งก็ไม่ได้ปล่อยเวลาที่มีให้เสียเปล่า เขารีบจัดการล็อกคอรถของตัวเองไว้ ลงจากรถ ก่อนเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาอีก “มาทางนี้”
อ้ายกอล์ฟไม่ใช่พูด แต่เขายังเป็นฝ่ายเดินนำหน้าไปบนถนนเส้นเล็กๆของสวนกว้างที่พามา ฉันซึ่งไม่เคยมาจึงรีบวิ่งเหยาะแหยะตามหลังเขาไปติด และเมื่อระยะห่างระหว่างถูกเติมเต็มจนกระทั่งสามารถเดินขนาบข้างเขาได้ คนตัวใหญ่ก็ทำมันอีก
ถือวิสาสะเลื่อนมือมากุมมือฉันไว้
จำไม่ได้แล้วว่า ครั้งสุดท้ายที่มีโอกาสเดินจับมือกับผู้ชายแบบนี้มันตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ภาพครั้งสุดท้ายที่ฉันจำได้น่าจะเป็นตอนงานกีฬาม.4เทอม1 ที่น้องม.4 จำต้องขึ้นสแตนด์เชียร์โดยมีพี่ม.4กับ5เป็นคนคุม
จำได้ว่าตอนนั้นเรายืนหลบแดดกันอยู่ด้านหลังสแตนด์เชียร์และเขาจับมือฉันไปแตะที่หน้าของตัวเอง ตอนนั้นน่ะ มือของอ้ายก็อตก็อุ่นไม่แพ้กับมือของอ้ายกอล์ฟในตอนนี้เลย...
กึก..
ภาพวังวนของความสุขในอดีตถูกทำให้หยุดลง เมื่อเท้าซึ่งก้าวเดินมาพร้อมคนตัวใหญ่หยุดลง สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือแปลงดอกไม้ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ โดยรอบถูกห้อมล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่จนทั่วบริเวณดูร่มรื่น ภาพที่เห็นตรงหน้ามันทำให้คนที่ไม่เคยมายังสวนสวยแห่งนี้รู้สึกตื่นตาตื่นใจจนอดที่จะกวาดตามองไปรอบๆไม่ได้ แต่แล้วตอนนั้นเองที่สายตากลับต้องสะดุดกับอะไรบางอย่างเบื้องหน้า
สิ่งมันคือแปลงดอกไม้สีเหลืองสด ดอกของมันคล้ายกับดอกบัวตองที่ขึ้นอยู่ทางเมืองเหนือบ้านเกิดฉันไม่มีผิด และการที่ได้เห็นดอกไม้แปลงนี้มันก็ทำให้ในหัวนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
(พริกดูนี่สิ!...เห็นสวนนี้หรือเปล่า ดอกไม้ที่สวนสาธารณะนี้สวยมากเลยว่าไหม..) มันคือภาพของผู้ชายที่ฉันมักเห็นภาพคลิปวีดิโออยู่บ่อยโดยที่เบื้องหลังเขาเป็นสวนแห่งหนึ่ง โดยที่ผู้ชายคนนั้นเอ่ยปากชวนฉันให้ชมดอกไม้ที่อยู่ตรงนั้น (แต่ก็สู้ดอกบัวตองที่เหนือไม่ได้หรอกเนอะ...)
ยิ่งในหัวนึกถึงภาพเคลื่อนไหวในคลิปวีดิโอมากเท่าไหร่ ตาที่เคยมองเห็นทุกอย่างจากภาพเคลื่อนไหวก็ยิ่งเบิกกว้างมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งด้วยภาพที่อยู่ตรงหน้ามันดูเหมือนหลุดออกมาจากคลิปวีดิโอด้วยแล้ว ฉันก็ยิ่งรู้สึกแปลกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ไม่รู้ตั้งแต่ตอนไหนที่ฉันปล่อยมืออ้ายกอล์ฟให้หลุดออกไป รู้แค่ว่าร่างกายมันกำลังทำตามใจชอบกับสถานที่สวยๆตรงหน้าราวกับคนที่เคยมาเที่ยวในที่แห่งนี้บ่อยครั้ง
เท้าเดินก้าวตรงไปยังสวนแปลงดอกไม้ดังกล่าวราวกับมีแรงดึงดูด ไม่ใช่เพราะต้องการชื่นชมความสวยของดอกไม้หรอกนะ เพราะสายตาน่ะกำลังปรายมองไปรอบตัวอีกครั้งพร้อมกับเสียงของคนคุ้นเคยและภาพเคลื่อนไหวที่ไหลเข้ามาในหัวเหมือนดั่งน้ำหลาก
(พี่อยากให้พริกมาที่สวนนี้สักครั้งจัง...รู้ไหมว่าเพราะอะไร..แต่นแต้นน...) วินาทีที่เสียงของผู้ชายในคลิปหยุดลง มันก็เป็นเวลาเดียวที่ฉันมองเห็นสะพานสูงสำหรับข้ามบ่อน้ำขนาดใหญ่ในโลกความจริงพอดิบพอดี
ร่างกายทุกส่วนเหมือนกำลังถูกต้องมนต์ เริ่มก้าวเท้าวิ่งตรงไปยังสะพานสูงตรงหน้าอย่างไม่ลังเลคล้ายกับคนคุ้นเคยเส้นทาง
(น้องพริกเคยปั่นเป็ดไหมคะ..) โดยขณะเดียวกันฉันก็ได้ยินเสียงของอ้ายก็อตดังแทรกเข้ามาอยู่ตลอดเวลา (มันต้องเข้าไปนั่งข้างในนี้ แล้วก็ใช้เท้าปั่นๆๆๆไปบนน้ำ...เอาไว้ถ้าเราเจอกันเมื่อไหร่...)
เสียงของเขาดังอยู่ในหัวฉันไม่ยอมหยุด จนกระทั่งประโยคสุดท้ายถูกเอื้อนเอ่ยออกมาพร้อมกับเท้าของฉันที่พาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ข้างบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่ทอดยาวออกไปไกล
(เรามาปั่นเป็ดตัวนี้ด้วยกันนะคะ...)
To Be Continued...
ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%
1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย
ติดแท็กในทวิต #ผู้ชายสายโจร
ความคิดเห็น