คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : GOODIE29 ll เป็นโจรครั้งที่29 {อัพ100%} ที่ที่เราเคยมา
(เรามาปั่นเป็ดตัวนี้ด้วยกันนะคะ...)
กึก...
เสียงฝีเท้าหนักๆของใครอีกคนที่ตามมาทีหลัง ทำเอาทุกเสียงกับทุกความคิดหยุดลง ฉันไม่รอช้าที่จะเหลียวหลังมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนพบว่าบุคคลซึ่งพาฉันมายังสถานที่แห่งนี้กำลังยิ้ม
“อยากปั่นเป็ดเหรอ?” และถามในสิ่งที่น่าจะมีแค่ฉันเท่านั้นที่รู้
“อะ อ้ายกอล์ฟรู้...”
“หึ รู้สิ! ก็พวกคลิปบ้าๆของไอ้ก็อตที่พริกดู พี่เป็นคนถือกล้องวิ่งตามถ่ายให้มันเองกับมือ”
วิ่งตามถ่ายให้กับมืองั้นเหรอ...
นี่น่ะ มันใช่คำพูดของคนที่เคยบอกว่าเกลียดน้องชายตัวเองมากหรือไง...
“ท่าทางอ้ายกอล์ฟจะรักอ้ายก็อตมากเหมือนอย่างที่พี่ชมพูบอกจริงๆด้วยสินะคะ...” หากแต่พอพูดสิ่งที่อยู่ในความคิดออกไป กลับทำให้คนฟังชักสีหน้าทันที
“พูดอะไรโง่ๆ ก็เคยบอกไปแล้วไงว่าพี่เกลียดมัน” เขาแย้ง หากแต่คำพูดที่ดูไม่เถรตรงนั่นดันทำให้ฉันยิ้ม
“นั่นสิคะ อ้ายกอล์ฟคงจะเกลียดมากถึงขั้นต้องวิ่งตามถ่ายวีดิโอให้น้องชายตัวเองไม่ยอมหยุดขนาดนั้น..อ๊ะ”
“เลิกพูดงี่เง่าได้แล้ว!” ทว่าครั้งนี้อ้ายกอล์ฟไม่ยอมให้ฉันพูดแทงใจดำอีกต่อไป พุ่งมือเข้ากระชากแขนฉันอย่างแรง แต่ก็แค่นั้น เพราะมือที่เคยกำแขนฉันไว้อย่างรุนแรงก็เริ่มผ่อนคลายลงในตอนท้าย เหมือนน้ำเสียงของเขาที่เอ่ยออกมานั่นล่ะ “...ไปปั่นเป็ดกัน”
คนใจร้ายไม่ใช่แค่เอ่ยปากชวน แต่เขายังแสดงความเอาแต่ใจของตัวเอง ด้วยการกึ่งดึงกึ่งลากฉันพาเดินข้ามสะพานไปอีกฝั่ง พาไปยังซุ้มเล็กๆซึ่งให้บริการเป็ดปั่น โดยที่เขาเองนั่นแหละคือคนที่ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด
ฉันไม่รู้ ว่าการที่ต้องมานั่งเป็ดปั่นแบบนี้กับอ้ายกอล์ฟ คือการผิดสัญญากับอ้ายก็อตหรือเปล่า แต่ถึงมันจะผิดฉันก็คงยกเลิกหรือห้ามอะไรไม่ทันอีกต่อไปแล้ว เพราะทันทีที่อ้ายกอล์ฟจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดเสร็จเขาก็ลากฉันตรงไปยังเป็ดตัวหนึ่งซึ่งจอดอยู่ใกล้ๆท่าน้ำและจับฉันลงเป็ดได้ในที่สุด
“เอ้า อยากนั่งเป็ดแล้วทำไมไม่ช่วยปั่น!?” ยังไม่ทันที่เป็ดจะออกห่างจากท่าน้ำ อ้ายกอล์ฟเริ่มบ่น “ถ้าไม่ช่วยกันปั่น เป็ดมันจะไปข้างหน้าไหม?”
เขาบ่นทั้งที่มือจับคันโยกสำหรับบังคับทิศทางไว้แน่น
“อ้ายกอล์ฟจะพูดเสียงดังทำไมล่ะคะ อยู่ใกล้แค่นี้เอง” ฉันเบ้ปากบ่นพลางเบือนหน้าหนีไปอีกฝั่ง ถึงอย่างงั้นก็ใช่จะไร้น้ำใจเสียที่ไหน รีบใช้เท้าช่วยถีบที่ปั่นตามอย่างที่ถูกต่อว่าทันที
การที่ทำเช่นนั้นมันทำให้เรือเป็ดที่เรานั่งอยู่นั้นเคลื่อนออกห่างจากท่าน้ำมาอย่างช้าๆ โดยมีอ้ายกอล์ฟนั่นแหละเป็นคนบังคับทิศทาง
ตลอดเวลาที่เรานั่งอยู่ในเรือเป็ดด้วยกัน อ้ายกอล์ฟไม่ได้พูดจาหาเรื่องออกมาอีก ฉันเองก็เงียบเพราะกำลังให้ความสนใจกับธรรมชาติภายในสวนยามที่เป็ดตัวนี้แล่นผ่านไปบนน้ำ
แต่ก็ไม่นานนักหรอก เมื่อเรือเป็ดที่นั่งมาลอยผ่านใต้อุโมงค์ไกลห่างจากท่าน้ำมาพอสมควร คนตัวใหญ่ที่อยู่ด้วยกันก็เริ่มมีปากมีเสียงขึ้นทันที
“ถามไรหน่อยดิ…” ถ้อยคำสั้นๆของเขาทำฉันเหลียวมองคนข้างกายด้วยความสงสัย และพบว่าอ้ายกอล์ฟตอนนี้ไม่ได้ใช้เท้าปั่นเรืออีกต่อไปแล้ว แต่เขาเลือกจะนั่งนิ่งและปล่อยให้เรือเป็ดลอยไปตามแรงน้ำด้วยตัวของมันเอง
“คะ?”
“ทำไมถึงตั้งใจมาสอบมหา’ลัยดีๆในกรุงเทพฯ ในเมื่อที่เหนือก็มีมหา’ลัยดีๆตั้งเยอะ?” ตอนถามน่ะ คนตั้งคำถามไม่ได้มองฉันหรอกนะ แต่เขานั่งในท่าสบายๆเหมือนกำลังชิวกับความร่มรื่นรอบตัวเราทั้งคู่นั่นแหละ และเพราะคำถามของอ้ายกอล์ฟดูไม่มีแฝงไว้ด้วยถ้อยคำหาเรื่อง ฉันจึงให้คำตอบเขากลับไปอย่างจริงจัง
“หนู...สัญญากับอ้ายก็อตไว้น่ะค่ะ ว่าจะมาเรียนกับเขาที่นี่”
“มาเรียนเพราะไอ้ก็อตว่างั้น?” เขาขัด
“เพราะสัญญาค่ะ แล้วก็เพราะตัวอ้ายก็อตเอง”
“...” พอให้คำตอบกลับไปแบบนั้น คนตัวใหญ่ก็เงียบไปราวกับเป็นการเปิดโอกาสให้พูด
“ตอนแรกหนูน่ะถอดใจไปแล้ว เพราะหัวไม่ดีเลยคิดว่าคงสอบเข้าที่นี่ไม่ได้แน่ๆ แต่ว่าตลอดเวลาที่หนูท้อ หนูรู้สึกแย่ หนูก็มีเขานี่แหละค่ะที่คอยเป็นกำลังใจให้ผ่านสายโทรศัพท์ ในขณะที่คนอื่นเอาแต่พูดให้ตัดใจแล้วเรียนอยู่ที่บ้านเกิดก็พอ”
“แล้วเป็นไงล่ะ เซอร์ไพรส์ไหม ที่พอได้เรียน ไอ้เวรนั่นดันเรียนอยู่ที่อื่น” เขาถามยิ้มๆคล้ายกับพอใจ
“มากๆเลยค่ะ…” ซึ่งฉันก็ตอบอีกทั้งยังพูดสิ่งที่ค้างคากับหัวข้อสนทนาระหว่างเราออกไปด้วย “หนูไม่เข้าใจอ้ายก็อตเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น ทั้งที่มหา’ลัยที่อ้ายก็อตเรียนน่ะ แค่มีเงินก็เข้าได้สบายแล้ว ไม่เห็นต้องท่องตำราหนักๆ เพื่อสอบเข้าแบบนี้เลย...”
“ซื่อจนโง่...” อ้ายกอล์ฟเอ่ยขัดขึ้นสั้นๆ โดยบนหน้ายังคงรอยยิ้มเดิมเอาไว้ ฉันไม่ชอบรอยยิ้มแบบนั้นของเขาเลย มันเหมือนเป็นการตอกย้ำว่าฉันน่ะโง่เหมือนอย่างที่อีกฝ่ายตราหน้า แต่ว่า “มันคงอยากให้พริกแสดงความสามารถของตัวเองออกมาเต็มที่ล่ะมั้ง...ว่าเด็กดอยซื่อๆคนหนึ่งก็ทำได้”
อ้ายกอล์ฟก็ดันชมฉันขึ้นมาในจังหวะเดียวกัน...
“อย่าตบหัวแล้วลูบหลังสิคะ!” ฉันหันไปดุเขาเหมือนรู้ตัวว่ากำลังถูกอีกฝ่ายแกล้ง หากแต่นั่นมันดันทำให้เขาหัวเราะออกมา แล้วเป็นฝ่ายตั้งคำถามอีกครั้ง
“แล้วถ้า...คนที่ทำให้พริกมาเรียนที่มหา’ลัยดีๆนี้ได้ คือพี่ ไม่ใช่ไอ้ก็อตอย่างที่เข้าใจล่ะ...พริกจะว่าไง?” โดยที่การตั้งคำถามของเขาครั้งนี้ คนถามเลือกที่จะหันมามองสบตาแบบตรงๆ ราวกับว่าเขาจริงจังกับคำถามของตัวเองและคำตอบที่คาดว่าจะได้เป็นอย่างมาก
“หนะ หนูไม่รู้...” นี่ล่ะมั้งคงเป็นคำตอบที่ฉันพอจะนึกออกในตอนนี้ เพราะฉันไม่รู้จริงๆ ว่าควรรู้สึกอย่างไร ถ้าหากคนที่คอยให้กำลังใจเป็นเขามาโดยตลอดจนสอบได้
และดูเหมือนว่าคำตอบที่ให้อ้ายกอล์ฟกลับไปจะไม่เป็นที่พอใจของคนฟังเท่าไหร่
เขาถึงได้เอาแต่จ้องอยู่แบบนั้นไม่ยอมวางตา
จนคนที่ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้กลับกลายเป็นเสียเอง ทว่า...
“อย่าหลบตา!”
จังหวะที่กำลังจะหันหน้าหนี คนใจร้ายก็ส่งเสียงสั่งออกมาแบบดุๆ
จำต้องนั่งนิ่งสู้ตากับเขาต่อไปแบบไม่เข้าใจความคิดของฝ่ายตรงข้าม
กึก... ฟึ่บ!
“อ๊ะ!” ก่อนต้องสะดุ้ง เมื่อจู่ๆ ใบหน้าคมคายกับสีหน้านิ่งๆและนัยน์ตาดุดันของอ้ายกอล์ฟเลื่อนเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วแบบไม่ทันให้เตรียมตัวเตรียมใจ
เมื่อรู้สึกว่าตัวเองอาจจะไม่ปลอดภัย ฉันจึงพยายามบ่ายเบี่ยงตัวหนี
แต่การทำเช่นนั้นก็ใช่ว่าจะทำให้อีกฝ่ายหยุดโน้มตัวเข้ามาแต่อย่างใด
อีกทั้งพื้นที่ภายในเรือเป็ดก็ค่อนข้างน้อย
ทำให้พื้นทีของการถอยหนีดุไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่
จำต้องใช้มือผลักเขาออกไปด้วยความตกใจท่ามกลางความโคลงเคลงของเรือปั่น โดยปากก็ต่อว่า
“อ้ายกอล์ฟจะยะอะหยัง
ถอยไปนะ...อะ” แต่แล้วการต่อต้านการการกระทำที่คนใจร้ายต้องก็มีอันต้องสิ้นสุดลง
เมื่อมือหนาที่เคยวางไปบริเวณคันโยกบังคับทิศทาง
พุ่งเข้ารวบข้อมือที่พยายามปัดป้องเอาไว้ได้สำเร็จ
“วันนี้พี่บอกพริกไว้ว่าอะไร?
เราจะมาเดทกัน ในฐานะอะไรก็ได้ถูกไหม?”
“…” ซ้ำร้ายยังพ่นวาจาแปลกๆออกมาจนฉันตอบไม่ถูก
“แล้วตอนนี้...พี่ก็อยากใช้ฐานะแฟน”
“อะ...”
ผู้ชายเอาแต่ใจไม่รอให้ฉันได้พูดหรือปฏิเสธต่อคำสั่งแสนเผด็จการของตัวเองแต่อย่างใด
เขาเลือกที่จะใช้มือข้างที่เหลือพุ่งเข้ารั้งคอฉันไว้ก่อนใช้เรี่ยวแรงเพียงเล็กน้อยในการกดตัวฉันให้เข้าไปหา
ก่อนบรรจงกดริมฝีปากของตัวเองลงอย่างแผ่วเบา
หากไม่นับเรื่องมือที่เขาใช้บีบบังคับและทำการการปัดป้องล่ะก็ ทุกการกระทำที่อ้ายกอล์ฟปฏิบัติใส่ฉันในยามนี้กลับดูอ่อนโยนและอบอุ่นมากกว่าครั้งใน โดยเฉพาะริมฝีปากที่เขาใช้รุกรานลงมาตามความต้องการของตัวเอง มันอ่อนนุ่มและอ่อนโยนในทุกจังหวะที่ขยับไปตามกลีบปากบนและล่างอย่างเชื่องช้า
ราวกับฉันคือสิ่งมีค่าที่เขาอยากถะนุถนอมเอาไว้ให้นานที่สุด...
เมื่อเขาทำทุกอย่างจนพอใจ ริมฝีปากอุ่นที่เคยมอบความอ่อนโยนให้กับผิวปากก็ถูกถอดถอนออกอย่างช้าๆ ไปพร้อมกับมือสองข้างที่เคยตรึงร่างกายฉันให้ยอมรับในสิ่งที่เขาต้องการ
ทั้งที่เขาเพิ่งทำเรื่องน่าอายแบบนั้นแท้ๆ แต่เมื่อทุกอย่างจบลง อ้ายกอล์ฟดูดูจะทำตัวเป็นปกติ
เท้าที่เคยหยุดไปเริ่มกลับมาปั่นเรือเป็ดอีกครั้ง
พร้อมมือที่ใช้จับคันโยกบังคับทิศทาง โดยขณะเดียวกันนั้นเขาก็ถามออกมาด้วย
“เบื่อยัง
อยากขึ้นฝั่งแล้ว”
อะไรกัน ผู้ชายคนนี้น่ะ ทำไมชอบพูด ชอบถามอะไรแปลกๆ
ทำเหมือนกับว่าตัวเองรู้เรื่องของฉันกับอ้ายก็อตไปเสียทุกเรื่อง
แถมยังเอาแต่ใจเสมือนว่าตลอดที่ผ่านมาคนที่เป็นเจ้าของความรู้สึกทั้งหมดของฉันคือเขาอย่างงั้นแหละ...
หลังจากเราใช้เวลาอยู่ในเรือเป็ดมาครู่ใหญ่
ในที่สุดอ้ายกอล์ฟที่บ่นออกมาว่าเบื่อ ก็พาฉันกลับขึ้นฝั่งในที่สุด
เขาพาฉันมานั่งพักบนพื้นหญ้าห่างจากจุดบริการเรือเป็ดไปนิดหน่อย
ก่อนเป็นฝ่ายเดินปลีกตัวออกไปและกลับเข้ามาพร้อมน้ำและขนมมากมายในมือ
ฟึ่บ!
“เหนื่อยไหม?”
เขาเอ่ยปากถาม พลางยื่นน้ำขวดหนึ่งส่งมาให้
ขณะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆด้วยท่าทางสบายอารมณ์
ทำอย่างกับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราสอง
“นะ
นิดหน่อยค่ะ” ต่างจากฉันที่ยังรู้สึกถึงการกระทำที่เขาฝากไว้
แม้เวลาจะเดินผ่านมาหลายนาทีก็ตาม
“งั้นก็นั่งพัก...”
เขาบอกพลางเอนตัวลงนอนราบไปกับพื้น จนเรือนผมสีเขียวของเขาดูกลมกลืนไปกับพื้นผิวหญ้า แต่เหมือนว่าอ้ายกอล์ฟจะรู้ว่ากำลังถูกมอง เขาจึงเหลือบตามอง แล้วเอ่ยออกมาอีก “มีที่ไหนอยากไปอีกไหม เดี๋ยวหายเหนื่อยแล้วจะพาไป”
“ยังคิดไม่ออกเลยค่ะ...” ฉันตอบแบบไม่เต็มเสียงนัก และเป็นฝ่ายเลื่อนสายตาหลบไปทางอื่นก่อน
มันก็อย่างที่บอกนั่นล่ะ ฉันไม่รู้จักที่เที่ยวในเมืองกรุงเสียหน่อย แต่ว่าท่ามกลางความรู้สึกในตอนนี้มันก็ยังมีคำถามค้างคาในใจอยู่ดี รู้ตัวอีกทีปากก็ขยับเรียกชื่อผู้ชายเอาแต่ใจออกไปแล้ว
“อ้ายกอล์ฟคะ...”
“หืม..”
ซึ่งเขาเองก็ตอบรับเสียงเรียก เพียงแค่ว่า
นัยน์ตาดุดันที่เขาใช้มองตอนนี้กำลังปิดลง
“ทำไมอ้ายกอล์ฟถึงพาหนูมาที่สวนนี้ล่ะคะ...ทำไมถึงต้องพามาในที่ที่หนูรู้ว่าอ้ายก็อตก็เคยมา...”
“ก็นั่นไงเหตุผล…” เสียงเข้มเอ่ยขัดแบบไม่รอให้ฉันถามจบ จำต้องเลื่อนสายตามองเขาอีกครั้ง “อยากเจอไอ้ก็อตไม่ใช่เหรอ”
“…”
“ในเมื่อตอนนี้ยังเจอตัวเป็นๆไม่ได้ งั้นก็มาในที่ที่มันเคยมาก็พอ”
To Be Continued...
ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%
1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย
ติดแท็กในทวิต #ผู้ชายสายโจร
ความคิดเห็น