คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : GOODIE16 ll เป็นโจรครั้งที่16 {อัพ100%} บอกเขาไป
-PRIK TALK-
ฉันตัวแข็งทื่อไปหมด เมื่อได้ฟังคำพูดประโยคสุดท้ายซึ่งดูจริงจังของเขา ฝ่ามือแกร่งที่บีบบริเวณต้นแขน มันทำให้ฉันรู้สึกปวดมากขึ้นทุกที
“…”
“…”
เราใช้เวลาจ้องสู้ตากันอยู่ครู่หนึ่ง แววตาของอ้ายกอล์ฟที่มองมา
แม้จะดูดุดัน
แต่กลับกันฉันกลับมองเห็นความวูบไหวที่ซุกซ่อนอยู่ภายในได้อย่างชัดเจน
ไม่นาน คนตัวใหญ่ก็ค่อยๆ คลายมือที่กดทึ้งตัวฉันเอาไว้ออกไป สายตายังคงจับจ้องมาที่ฉันขณะเขาใช้หลังมือปากขอบปากตัวก่อนค่อยๆ หันหันหลังเดินออกไปโดยไม่พูดทิ้งท้ายอะไรไว้อีก
ตอนนี้ที่ทำได้คือการมองตามแผ่นหลังเขาไปจนกระทั่งอ้ายกอล์ฟเดินพ้นไปจากระยะสายตา
ทิ้งไว้เพียงเสียงฝีเท้าของเขาซึ่งคาดว่าจะใช้บันไดแทนลิฟต์เท่านั้นที่ยังดังก้องอยู่
‘พี่รักพริกนะ…’ เมื่อคืนเขาพูดออกมาแบบนั้น
แต่เมื่อกี้เขากลับบอกฉันว่าเกลียดขี้หน้า
หลายสิ่งหลายอย่างที่ฉันรู้สึกได้จากเขา มันคือความคุ้นเคยแปลกๆ ทั้งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน ทั้งที่ไม่เคยรับรู้ว่าเขาเคยมีตัวตน แต่พอยิ่งใกล้ชิด ฉันกลับยิ่งรู้สึกแปลกต่อผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าจะเรื่องภาษาที่เขาทำท่าเหมือนจะไม่เข้าใจมัน แต่กลับพูดปร๋อเหมือนรู้อยู่แล้วทุกอย่าง เขาเหมือนกำลังปิดบังอะไรบางอย่างเอาไว้ ด้วยคำพูด การกระทำ และท่าทาง จนความต้องการบางอย่างในหัวคล้ายกับจะเปลี่ยนไป
ฉันควรจะทำยังไงดี ถึงจะรู้เรื่องของอ้ายกอล์ฟได้มากกว่านี้นะ…
Rrrrrrr
ความคิดของฉันหยุดลง เมื่อแรงสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋าผ้าบังเกิดขึ้น จนต้องรีบเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
‘อ้ายก็อต’
“ฮัลโหลเจ้า!” ฉันรีบแสร้งทำเสียงสดใสกรอกเสียงผ่านสาย
เมื่อเห็นรายชื่อของคนที่โทรเข้ามา
[น้องพริกอยู่ไหนคะ?
ไปมหา’ลัยหรือยัง?]
“ยังค่ะ หนูกำลังจะไป
อ้ายก็อตล่ะคะ อยู่ไหน?”
[พี่กำลังไปหาหมอค่ะ
เมื่อคืนไข้ขึ้นอีกแล้ว] เขายังไม่หายอีกหรือไงนะ...
“ให้หนูไปเยี่ยมนะคะ” พอคิดได้แบบนั้น ฉันก็เลยเอ่ยปากพูดขออกไป แม้จะรู้ว่า
อีกฝ่ายอาจจะปฏิเสธไม่หาเหมือนทุกครั้งก็ได้
[อยากมาหาพี่เหรอคะ?] แต่คราวนี้มันต่างออกไป [หนูโดดกิจกรรมของมหา’ลัยได้เหรอ?]
“ค่ะ
หนูไปไม่ได้เหรอคะ?”
[…]
“หนูมีเรื่องอยากคุยกับอ้ายก็อตเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องของพี่ชายอ้ายก็อต”
[เรื่องไอ้กอล์ฟเหรอ?] ปลายสายย้อนด้วยเสียงที่อ่อนลง
“ค่ะ ให้หนูไปหานะคะ” ส่วนฉันยังคงยืนกรานคำพูดของตัวเองในเชิงร้องขอไม่หยุด แล้วรู้ไหม คำตอบที่ฉันได้กลับมาคืออะไร
[พี่อยู่ที่โรงพยาบาลเอกชน A ชั้น 15 ค่ะ มาไวๆนะ พี่จะรอ…]
แปลก…
ทั้งที่พี่ก็อตบอกว่ากำลังจะไปหาหมอแท้ๆ แต่แล้วทำไมเขาถึงสามารถบอกชั้นของโรงพยาบาลได้แม่นยำขนาดนั้นล่ะ ในเมื่อเขาแค่กำลังจะไปหาหมอเฉยๆ ไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลสักหน่อย
ตอนนี้ไม่ใช่แค่อ้ายกอล์ฟเท่านั้นที่ทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับว่ากำลังถูกเขาปิดบังอะไรไว้ แต่อ้ายก็อตที่กำลังพูดสายกันอยู่ในตอนนี้ก็เช่นกัน…
ฉันคุยโทรศัพท์กับอ้ายก็อตโดยเก็บทุกข้อสงสัยของตัวเองเอาไว้ในอก
ก่อนจะวางสายจากหลังจากนั้นอีกไม่กี่นาทีต่อมา วันนี้ฉันไม่ได้เดินออกจากหอพักเพื่อตรงไปมหาวิทยาลัยเหมือนอย่างทุกที
แต่เลือกที่จะโบกแท็กซี่สักคัน เพื่อพาตัวเองไปยังโรงพยาบาลที่เป็นจุดหมาย
ฉันไม่ได้ถามอ้ายก็อตหรอกว่าเขาจะถึงโรงพยาบาลกี่โมง ไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมาด้วยซ้ำ ว่าถ้าหากโดดกิจกรรมไปหนึ่งวันจะโดนอะไรบ้าง
ที่รู้เพียงอย่างเดียวตอนนี้คือ ฉันต้องพาตัวเองไปให้ถึงโรงพยาบาลเร็วที่สุด
เพื่อที่จะได้พบหน้าเขา
โรงพยาบาลเอกชน A
เวลา 10.50 นาฬิกา
ฉันพาตัวเองมานั่งอยู่ตรงซุ่มพุ่มไม้หน้าทางเข้าโรงพยาบาล จากตรงนี้ฉันสามารถมองเห็นได้ถนัดว่า มีใครเข้าออกโรงพยาบาลบ้าง และใช่ จากจุดนี้ฉันคิดว่า ฉันสามารถมองเห็นอ้ายก็อตได้ทันที หากเขาขับรถหรือนั่งรถมาถึง
แต่จนแล้วจนรอด
ดูเหมือนว่าจะไม่มีวี่แววของอ้ายก็อตโผล่มาให้ฉันได้เห็นเป็นบุญตาเลยสักที
แถมแดดในตอนนี้ก็เริ่มจะร้อนมากขึ้น
จากที่คิดว่าจะทนรอเขาอยู่ตรงนี้ได้จนกว่าจะได้เจอกัน
ฉันก็ต้องเป็นอันล้มเลิกความคิด
ตัดสินใจสะพายกระเป๋าผ้าเดินเข้าไปในโรงพยาบาลโดยพยายามสอดส่องสายตามองหาบุคคลที่คาดว่าน่าจะใช่อ้ายก็อตไปพลางๆ
แต่มันก็เหมือนเดิม ที่หน้าโรงพยาบาลก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
ในโรงพยาบาลยิ่งหนักเข้าไปใหญ่
ฉันพาตัวเองมานั่งพักเหนื่อยอยู่ใกล้ๆ
หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์อยู่พักหนึ่งเพื่อคิด จริงๆ แล้วฉันรู้ชื่อจริงของอ้ายก็อตนะ
แต่เพราะสิ่งที่เขาพูดในโทรศัพท์มันทำให้ฉันสับสนนิดหน่อย
ฉันก็เลยลังเลที่จะเดินไปถามประชาสัมพันธ์ว่าอ้ายก็อตตอนนี้น่ะแท้จริงแล้วอยู่ที่ไหนกันแน่
ก็อย่างที่บอก
คำพูดของอ้ายก็อตในโทรศัพท์มันฟังดูย้อนแย้งกัน...
[โรงพยาบาลเอกชน A ชั้น 15] แต่เพราะอยากเจอเหลือเกิน พอในหัวนึกถึงคำพูดของเขาขึ้นมาได้
ร่างกายเลยยอมทำตามคำพูดที่ได้ฟังมา ด้วยการลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินตรงไปยังลิฟต์
เพื่อพาตัวเองไปยังชั้น 15 แทนที่จะเดินไปถามฝ่ายประชาสัมพันธ์อย่างในความคิด
ติ้ง!
เมื่อลิฟต์เลื่อนลงมาถึง ใจฉันก็เริ่มเต้นแรง ยิ่งได้ก้าวเท้าเข้าไปยืนข้างในด้วยแล้ว ฉันยิ่งรู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง จะบอกว่าตื่นเต้นมันก็ใช่ จะบอกว่ารู้สึกเป็นกังวลกับสิ่งที่จะต้องเจอมันก็ใช่เหมือนกัน
ความรู้สึกดังกล่าวเริ่มหนักและรุนแรงมากขึ้น
เมื่อลิฟต์ค่อยๆ เคลื่อนจากชั้นล่างสุดไปทีละชั้นอย่างช้าๆ ฉันหลับตา
มือกำบีบกระเป๋าผ้าเอาไว้แน่น เพื่อลดอาการเกร็ง
เคยเป็นไหม
ยิ่งรู้สึกเป็นกังวลหรือตื่นเต้นกับเรื่องอะไร
เวลาในตอนนั้นก็คล้ายกับจะผ่านเราไปไว เพียงแค่สูดลมหายใจเข้าออกเท่านั้น ลิฟต์ที่ฉันโดยสารมาก็มาหยุดลงที่ชั้น 15 ในที่สุด
ลมหายใจถูกสูดหายใจเข้าจนลึก
และทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ฉันก็รีบก้าวเท้าออกไปทันที
แม้ว่ายังไม่รู้ทิศทางว่าควรจะเดินไปตั้งหลักที่ตรงไหนก่อนก็ตาม ทว่า
เดินเข้าไปได้ไม่ทันเท่าไหร่ เท้าของฉันกลับต้องหยุดชะงักลง
เมื่อภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือภาพของคู่ชายหญิงคู่หนึ่ง
สิ่งที่เห็นมันทำให้ฉันต้องรีบพาตัวเองหลบเข้าหลังเสาโดยอัตโนมัติ
นั่นมันพี่ชมพูนี่!
“กอล์ฟ!” เสียงของพี่ชมพู ดังก้องไปทั่วทั้งชั้น และที่ทำให้ฉันใจเต้นผิดจังหวะ
ก็คงเป็นชื่อของคนที่เธอเอ่ยออกมานั่นแหละ “มาที่นี่เหมือนกันเหรอ?”
ได้ยินเพียงแค่นั้น
ต่อมความอยากรู้ของฉันก็เริ่มทำงานอีกครั้ง จำต้องเกาะขอบเสาชะเง้อหน้ามองสถานการณ์ที่เกิดด้านในอย่างห้ามไม่ได้
มันอย่างที่พี่ชมพูจริงๆ เพราะผู้ชายซึ่งกำลังยืนเผชิญหน้าอยู่กับเธอในตอนนี้ มันคือคนเดียวกับผู้ชายที่เพิ่งทำรุนแรงใส่ฉันที่หน้าห้องพักเมื่อเช้า ซึ่งน่าแปลกที่ตอนนี้ บังเอิญว่าเขามาที่โรงพยาบาลแบบเดียวกับที่ฉันมา
ที่สำคัญในมือของอ้ายกอล์ฟยังถือช่อดอกไม้เล็กๆ เอาไว้ ทำให้ยิ่งดูแปลกตา โดยเฉพาะกับคำถามต่อมาของพี่ชมพู
“มาเยี่ยมก็อตเหรอ?”
แต่คำถามของพี่ดูกลับฟังเหมือนว่าเธอกำลังพูดคนเดียว เพราะคนตัวใหญ่ที่เธอพยายามซักไซร้ไม่ปริปากพ่นคำพูดใดๆ
ออกมาเลยสักวลีเดียว “ดอกไม้เนี่ย กอล์ฟเอามาเยี่ยมก็อตใช่ไหม…”
ถึงอย่างงั้นพี่ชมพูก็ยังพยายามถามและพูดต่อไป
“ก็อตคงจะดีใจมากเลยนะ
ที่เห็นว่ากอล์ฟมา…”
“เงียบปากได้ยัง?” หลังจากอ้ายกอล์ฟเงียบไปนาน คราวนี้เขาก็เริ่มมีปากมีเสียงขึ้นมาบ้าง “อย่าสอด ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
“ทำไมจะไม่ใช่เรื่องของเราล่ะ
กอล์ฟก็รู้ว่าเราน่ะ เป็นห่วงกอล์ฟกับก็อตนะ!” ที่ฉันรับรู้ได้ตอนนี้
คือพวกเขาเริ่มจะมีปากเสียงกัน “แต่กอล์ฟทำกับก็อตแบบนี้มันไม่มากไปหน่อยเหรอ…”
พลั่ก! ตุบ!
“ว้ายยย!” ฉันทำตาโตด้วยความตกใจ
เมื่อคนตัวใจแสดงนิสัยต่ำช้าด้วยใช้มือผลักไหล่ของคนตัวเล็กกว่าจนเธอล้มพับลงไปนั่งกับพื้น
ซึ่งนั่นตามมาด้วยคำพูดเกรี้ยวกราดแสดงความไม่พอใจของผู้กระทำ
“บอกว่าอย่าแส่ พูดภาษาคนไม่เข้าใจหรือไง?”
“กอล์ฟคิดว่าทำแบบนี้
แล้วก็อตจะมีความสุขหรือไง ทำไมไม่แสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาตรงๆ สักที!”
ยิ่งได้ฟังที่สองคนนั้นทะเลาะกัน ฉันยิ่งไม่เข้าใจ จนกระทั่งพี่ชมพู
ตะคอกประโยคๆ หนึ่งออกมา “ที่กอล์ฟมาที่นี่
ก็เพราะว่ากอล์ฟเองก็รักแล้วห่วงน้องมากไม่ใช่หรือไงล่ะ!?”
‘อ้ายก็อตเป็นน้องชายพี่ไม่ใช่เหรอคะ...
พี่ไม่รู้สึกผิดต่อน้องชายตัวเองบ้างเลยหรือไง’ ฉันจำคำพูดตัวเองในคืนนั้นได้
และยังจำสายตากับน้ำเสียงที่อีกฝ่ายตอบโต้กลับมาได้อย่างไม่เคยลืม
‘ทำไมต้องรู้สึกอะไรด้วย?’ เสียงเย็นชาราวกับคนไร้ความรู้สึกและสามัญสำนึกของอ้ายกอล์ฟที่พูดออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำในตอนนั้นน่ะ
‘ในเมื่อพี่เกลียดมันยิ่งกว่าอะไรดี…’
ฉันจำได้ทุกคำ…
“ยอมรับความจริงได้แล้วว่าตัวเองน่ะ ไม่ได้เกลียดน้อง กอล์ฟห่วงก็อตมาก ทำไมไม่ยอมรับสักที….ว๊าย!!”
เสียงจากภาพของความเป็นจริง
ทำฉันเบิกตากว้าง พร้อมทั้งรีบยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ
ไม่ใช่เพราะคำพูดของพี่ชมพูซึ่งฟังดูตรงข้ามกับสิ่งที่ฉันรู้ หากแต่เป็นเพราะ อ้ายกอล์ฟเหวี่ยงช่อดอกไม้สำหรับเยี่ยมคนป่วยในมือ
ลงกับพื้นอย่างแรงจนเกิดเสียงดังก้องไปทั่วต่างหาก
ฟึ่บ! ตุบ!!
เขาเหมือนกำลังพยายามจะหยุดคำพูดของพี่ชมพู
ด้วยวิธีห่ามๆ ของตัวเองโดยไม่ลงมือทำร้ายคนที่เสียเปรียบกว่าตนแต่อย่างใด เพราะหลังจากนั้นอ้ายกอล์ฟก็เอาแต่ยืนนิ่ง
จ้องคนตัวเล็กบนพื้นเพียงเท่านั้น
ภาพสถานการณ์ที่เห็น
ทำหัวใจฉันเต้นแรงมากกว่าที่เคย สมองไม่สามารถประมวลเหตุผลหรือคาดเดาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้
ทุกอย่างในตอนนี้มันดูเป็นความลับไปเสียหมด ทุกคนไม่ไม่ว่าใคร อ้ายกอล์ฟ อ้ายก็อต
หรือพี่ชมพู…
Rrrrrr
ฉันสะดุ้งตัวโยนเมื่อจู่ๆ
โทรศัพท์ที่ไม่น่าจะมีใครโทรเข้ามาดังขึ้น ขัดขั้นสถานการณ์น่าตกใจเบื้องหน้า
ด้วยความว่องไว ฉันรีบเปิดกระเป๋าพร้อมทั้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดปิดเสียงทันที ทว่า
ดูเหมือนว่ามันคงไม่ทัน...
ตึก! ตึก! ตึก!
กึก...
“มาทำอะไรที่นี่…” เสียงเข้มราบเรียบเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาหยุดลง พานให้ขนแขนลุกได้ทั้งที่ยังไม่หันไปมอง
และต่อให้ต้องมอง ฉันก็จำเสียงของเขาได้
“คะ คือหนู…”
“ใครใช้ให้เธอมาที่นี่?!” ฉันหลับตาปี๋เมื่อคนตัวใหญ่ตะคอกเสียงดุ
แต่ในขณะเดียวกันพี่ชมพูที่อยู่ตรงนั้นด้วยก็รีบช่วยปราม
“กอล์ฟพอสักที! เลิกว่าน้องเขาได้แล้ว”
“อย่าสะเอ่อะ!” ฉันไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้ที่พวกเขาทะเลาะกันมันคือเรื่องอะไร
แต่พอเงยมองสถานการณ์เบื้องหน้า ฉันก็ได้เห็นสีหน้าโกรธจัดของอ้ายกอล์ฟ
เขากำลังโกรธมาก แต่ไม่ใช่กับแววตาที่แสดงความวูบไหวอย่างเห็นได้ชัด
“กอล์ฟ บอกความจริงน้องเขาไปซะ…” เสียงของพี่ชมพูกำลังอ่อนลง จนรู้สึกได้ ใบหน้าสวยๆ กำลังแสดงความเศร้า
นัยน์ตากลมของเธอแดงเหมือนอยากจะร้องไห้เช่นเดียวกับเสียงสั่นๆในช่วงสุดท้าย
“ฮึก… บอกน้องเขาไปเถอะ...”
To Be Continued...
ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%
1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย
ติดแท็กในทวิต #ผู้ชายสายโจร
ความคิดเห็น