คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : GOODIE17 ll เป็นโจรครั้งที่17 {อัพ100%} อยากให้พูดเหรอ?
“ฮึก… บอกน้องเขาไปเถอะ...”
ฟึ่บ!
ดูเหมือนคำขอของพี่ชมพูจะใช้ไม่ได้ผลกับผู้ชายที่กำลังโกรธจัดคนนี้
อ้ายกอล์ฟไม่ฟังเสียงร้องขอดังกล่าว แต่เลือกที่จะกระชากตัวฉันพาออกไปจากบริเวณลานพักผู้ป่วยชั้น 15 ทั้งๆ อย่างงั้น โดยไม่คิดหันมองหลังอีก
ตึก! ตึก! ตึก!
สัมผัสจากฝ่ามือของอ้ายกอล์ฟในวันนี้ มันต่างจากตอนเช้านัก ฉันรับรู้ถึงความสั่นจากร่างกายเขาชัดมาก มากเสียจนฉันไม่เข้าใจว่าเขากำลังเป็นอะไร รู้สึกแบบไหนอยู่กันแน่
ฉันถูกคนตัวใหญ่กระชากลงลิฟต์ไป
เขาไม่ถามฉันสักคำว่ามาทำอะไรที่นี่ และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแบบทันตั้งรับนี่แหละ
มันก็ทำให้ฉันลืมจุดมุ่งหมายของการมาที่นี่ไปโดยปริยาย
หลังจากอ้ายกอล์ฟไม่พูดอะไรอยู่นาน พอเดินออกจากลิฟต์ เขาก็เอ่ยขึ้น
“เธอขัดคำสั่งพี่...” เสียงของเขากดต่ำอย่างเยือกเย็น
คล้ายกับพยายามเก็บงำความรู้สึกบางอย่างของตัวเองเอาไว้
“โอ๊ยอ้ายกอล์ฟ! หนูเจ็บ!” เขาบีบมือฉันแน่นขึ้น
ขณะออกแรงกึ่งเดินกึ่งลากตัวพาออกไปด้านนอกตัวโรงพยาบาล
“คิดจะมาหามันหรือไง!?” เป็นอีกครั้งที่อ้ายกอล์ฟตะคอกเสียงขึ้น
เมื่อเราทั้งคู่หยุดยืนอยู่นี่ลับตาคน
เขาเหวี่ยงมือฉันที่กุมมาร่วมหลายนาทีออกด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดและใช้โทนเสียงเดิมต่อว่า “พี่บอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่อนุญาตให้เราเจอมัน!?”
ฉันรู้และเข้าใจสิ่งที่เขาพูดว่าหมายถึงใครและอะไร แต่การกระทำที่แสดงออกไปตอนนี้น่ะ มันกลับตรงกับข้าม…
“อ้ายกอล์ฟอู้อะหยัง?” ฉันพยายามเล่นละครตบตาเขาอยู่ “หนูไม่สบาย
ก็เลยมาหาหมอที่โรงพยาบาลเท่านั้นเอง…”
“โกหก!!” เสียงเข้มแสดงความเกรี้ยวกราดของตัวเองออกมาอย่างต่อเนื่อง
ด้วยคำพูดรู้ทัน “คิดว่าพี่โง่จนไม่รู้เหรอ
ว่าพริกมาหาไอ้ก็อตที่นี่!?”
มันแปลกที่เขาสามารถรับรู้เป้าหมายการมาของฉันในวันนี้ได้ได้เพียงแค่การพบกันฌเยบังเอิญ ทุกเสียงเสียงต่อว่าที่ลอดผ่านปากให้ได้ยินนั้น ราวกับว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเราสองคนจะได้พบที่นั่น...
ถึงจะแคลงใจกับหลายๆความคิด แต่ฉันก็ยังเลือกที่จะตีหน้าซื่อ พูดเฉไฉออกไปเหมือนคนไม่รู้เรื่องรู้ราว
“อ้ายก็อตอยู่ที่โรงพยาบาลนี้เหรอคะ?” โดยพยายามจับผิดสังเกตท่าทีของคนตัวใหญ่ตรงหน้าไปด้วย เพื่อดูการตอบสนอง ทว่า อ้ายกอล์ฟกลับไม่แสดงสีหน้าหรือแววตาอย่างอื่นออกมาให้สามารถจับผิดได้เลย นอกจากแววตาที่โกรธจัด
“มันสำคัญตรงไหน
ว่าแม่งจะอยู่ที่นี่หรือเปล่า” แถมยังย้อนกลับมาน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก “เพราะเรื่องสำคัญตอนนี้ก็คือ เธอขัดคำสั่งพี่!”
เขาตะคอกเสียงใส่ฉันอีกแล้ว ไม่หยุดเลยเหมือนโกรธอะไรนักหนา
“เคยบอกแล้วไง
ว่าคำพูดพี่ถือเป็นเด็ดขาด” แถมยังแสดงความเห็นแก่ตัวออกมามากขึ้น
มากขึ้น จนฉันอดไม่ไหว จำต้องแย้งกลับไป
“ตะ แต่อ้ายกอล์ฟไม่มีสิทธิ์บังคับหนู อ้ายกอล์ฟไม่ใช่เจ้าของความคิดหนูสักหน่อย” คนฟังชะงักนิ่งทันทีที่หลังสิ้นเสียง ฉันจึงอาศัยจังหวะนั้นพูดความรู้สึกของตัวเองออกไปจนหมด “หนูกับอ้ายก็อตเป็นแฟนกัน
หนูมีสิทธิ์ที่จะได้เจอเขา ส่วนพี่น่ะ…”
“หึ
ใครบอกว่าพี่ไม่ใช่เจ้าของความคิดพริก” คนตัวใหญ่ตรงหน้าหัวเราะเอ่ยขัดขึ้นแบบไม่รอฟังให้จบ
ใบหน้าคมคายส่อแววร้ายกาจกำลังเหยียดยิ้มอย่างคนเหนือกว่าในท่ากอดอก แบบไม่สนใจถึงสิ่งที่ฉันกำลังพูด
รอยยิ้มน่ากลัวนั่นคล้ายกับเป็นตัวบอกทุกสิ่งว่าฉันกำลังใกล้แพ้ทางเขาเต็มที
โดยเฉพาะกับคำพูดประโยคถัดมา
“อะไรที่พี่เคยได้แล้ว
พี่ถือว่าพี่เป็นเจ้าของหมด ไม่ว่าจะความคิดหรือร่างกาย” เขาเว้นช่วงหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง นัยน์ตาคมดุจดั่งใบมีดกำลังจ้องหน้าฉันเหมือนพยายามจะกรีดสายตาข่มขู่ที่เขามีให้ฉันรับรู้ความต้องการของตัวเอง
พร้อมเสริมด้วยคำพูดประโยคหลัง “และโคตรไม่ชอบ
ที่ต้องรับรู้ว่าของของตัวเอง เอาแต่คิดถึงผู้ชายคนอื่น”
ยิ่งได้ฟัง
ฉันยิ่งโกรธ ที่ผู้ชายคนนี้เปรียบฉันเป็นแค่เพียงสิ่งของ ที่เขากำลังล้อเล่นกับความรู้สึก
และแสดงนิสัยเห็นแก่ตัวออกมามากถึงขนาดนี้!
“หนูไม่ใช่ของของอ้ายกอล์ฟ!” ความโมโหส่งผลให้ต้องย้ำชัดความจริงระหว่างเราออกไป “อ้ายกอล์ฟไม่ใช่เจ้าของหนู ระหว่างเรามันก็แค่เรื่องผิดพลาดเท่านั้น”
พูดจบ ฉันก็ไม่รอให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อของเขาอีกต่อไป ตัดสินใจสะบัดหน้าเดินหันหลังเพื่อที่จะเดินกลับเข้าไปในโรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อตามหาความจริง เพราะตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าควรจะทำอะไรต่อไป หากต้องการที่จะพบหน้าคนรัก ทว่า...
“พอเป็นเรื่องไอ้ก็อตเนี่ย
ดูรีบร้อนเหลือเกินนะ…” อ้ายกอล์ฟก็ยังไม่วายหยุดทุกการเคลื่อนไหวของฉันลงด้วยคำพูดประชดประชันของตัวเองอยู่ดี “ทีเรื่องของพี่ชาติกว่า ก็ยังช้าเป็นเต่าคลาน…”
คำพูดยียวนที่ฉันไม่เข้าใจความหมาย
ทำเอาร่างกายตอบโต้กลับด้วยการเหลียวหลังมองเจ้าของคำพูดอย่างช้าๆ พร้อมกันนั้นหูก็ยังเงี่ยฟังเสียงของอีกฝ่าย
“อยากเข้าไปหามันก็ไปนะ…เพราะพี่ก็อยากเห็นหน้าไอ้ก็อตตอนรู้ความจริงเหมือนกัน...”
“…” เสียงที่เขามักใช้ข่มขู่กันอยู่ตลอดเวลานับตั้งแต่เกิดเรื่องผิดพลาดในคืนนั้น
“ว่าสีหน้าตอนรู้ว่าแฟนที่คบกันมา 6 ปีกลายเป็นเมียของพี่ชายตัวเองจะเป็นยังไง…” คำพูดประโยคดังกล่าวของอ้ายกอล์ฟ
กระตุกใจฉันให้วูบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม โดยยังคงจ้องสายตาค้างไว้ที่เขาอยู่แบบนั้น
“ป่ะ เข้าไปหาไอ้ก็อตข้างในกันดีกว่า” ว่าแล้วคนใจร้ายก็เอ่ยขึ้นอีกครั้งคล้ายกับเป็นการยียวน มิหนำซ้ำยังฉวยโอกาสคว้าเข้าที่แขนแล้วออกแรงดึงเบาๆ
เหมือนจะลากฉันให้เดินกลับเข้าไปข้างในตามอย่างที่ปากว่า
หมับ! ฟึ่บ!
“ปล่อยหนูนะ!” ตอนแรกฉันก็อยากกลับเข้าไปข้างในอยู่หรอก แต่พอฟังคำขู่บ้าๆ นั่นแล้ว ในอกมันก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจำต้องสบัดแขนเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์
อ้ายกอล์ฟเองก็คงจะเดาสถานการณ์ได้อยู่แล้วตั้งแต่ต้น
พอได้ยินเสียงปฏิเสธ เขาก็คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ และเอ่ยถามเหมือนจงใจจะกวนประสาท
“เอ้า ทำไมอ่ะ ไอ้ก็อตอยู่ข้างในนะ…”
“…” ฉันกัดริมฝีปากปากล่างแน่นด้วยความเจ็บใจ ช้อนตามองคนตัวใหญ่นิสัยเจ้าเล่ห์นิ่งๆ ส่วนหูก็ยังเงี่ยฟังคำพูดท้าทาย
“ไม่อยากเจอ แฟน-สุด-ที่-รัก แล้วเหรอ?”
มือสองข้างกำแน่นจนสั่นหลังสิ้นเสียงคนใจร้ายตรงตรงหน้า ไม่ใช่แค่มือหรอก ทุกส่วนของร่างกายเลยแหละ
ฉันกำลังโกรธเขา โกรธมาก ตั้งแต่เกิดมาจนอายุเท่านี้ ฉันไม่เคยถูกบังคับอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย อย่างมากก็แค่ต้องเรียนวิชาที่ไม่ชอบ แต่ตอนนี้ผู้ชายคนนี้ทำยิ่งกว่านั้น เขาบังคับและกังขังความรู้สึกทั้งหมดของฉันเอาไว้ ล้อเล่นกับความรู้สึกจนกลายเป็นเรื่องสนุก...
‘พี่รักพริกนะ…’ บ้าบอชัดๆ
ฉันไม่น่าหลวมตัวใจสั่นต่อคำพูดบ้าๆ นั่นเลยสักนิด
“เอายังไง จะเข้าไม่เข้า ถ้าไม่เข้าก็กลับ” คนตัวสูงยังคงความเผด็จการของตัวเอง ต่อให้ฉันจะชักสีหน้าแสดงความไม่พอใจให้เห็นก็ตาม
สมองสั่งการให้ฉันก้าวเท้าเดินชนไหล่เขาออกไปทั้งๆ
อย่างงั้น และหวังว่าเขาน่าจะรู้ตัวสักที ว่าสิ่งที่กำลังพยายามทำอยู่มันบ้าสิ้นดี
ทว่า
“จะไปไหน?” อ้ายกอล์ฟกลับมองข้ามความรู้สึกและท่าทางที่ฉันแสดงออกไปให้เห็น
มิหนำซ้ำยังเดินตามหลัง พุ่งมือไวคว้าแขนรั้งเอาไว้
ตอนนี้ไม่ว่าจะคำพูดหรือสีหน้าท่าทางที่เขาทำใส่
มันดูเป็นเรื่องน่ารังเกียจที่สุดสำหรับฉันแล้ว
ฉันไม่ชอบ จะเรียกว่าเกลียดเลยก็ว่าได้...
“ปล่อย! หนูจะกลับ!” ร่างกายต่อต้านการคุกคามจากสัมผัสมือดังกล่าวด้วยความโกรธ โดยการสะบัดแขนให้หลุดเป็นอิสระเพื่อหนี แต่อิสระภาพที่ได้รับก็คงอยู่ได้ไม่นาน เมื่อร่างกายทุกส่วนถูกรวบเอาไว้ด้วยอ้อมกอดอุ่นจากทางด้านหลังแบบไม่สามารถดิ้นขัดขืนได้อีกต่อไป
หมับ! ฟึ่บ!
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง...” ทั้งที่ฉันต่อต้านเขาอย่างสุดกำลัง แต่ในวินาทีเดียวกันอ้ายกอล์ฟกลับเปลี่ยนน้ำเสียงและแสดงลักษณะนิสัยอีกด้านที่ฉันไม่ค่อยเจอออกมาให้เห็น
น้ำเสียงและท่าทีที่เย็นลง คล้ายกับจะทำให้ร่างกายฉันอ่อนตามลงไปด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับถ้อยคำร้องขอต่อมา “กลับบ้านกับพี่นะ…”
อ้อมกอดของเขาไม่ได้บีบรัดกายฉันรุนแรงเหมือนอย่างทุกที
แต่หากเป็นการกอดเอาไว้ในลักษณะเหมือนกับกลัวว่าฉันจะหนีเขาไปไหนต่างหาก ท่าทางที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนคนสองบุคลิกโดยฉับพลันขอเขา
เล่นเอาฉันทำตัวไม่ถูก ถึงอย่างงั้น ฉันก็ยังคงยืนกรานความรู้สึกเดิมของตัวเองไว้
“อ้ายกอล์ฟปล่อย! หนูเจ็บนะ!” ยังคงพยายามดิ้นขลุกขลักให้ตัวเองเป็นอิสระ
“ก็ถ้าเราไม่ดื้อ พี่จะทำเราเจ็บไหม?” คำถามถูกเอ่ยออกมาแทบจะทันทีกับที่อ้อมกอดอุ่นของคนใจร้ายกอดกระชับลงมาจนแน่นมากขึ้น
และแล้วมันกลับเป็นฉันเสียเองที่หยุดชะงักทุกส่วนของร่างกายลงได้ราวกับต้องมนต์ ที่เป็นเช่นนั้นไม่ใช่เพราะคำถามที่คนใจร้ายใช้ถาม และไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายมีกำลังมากกว่าจนสามารถบังคับข่มขู่หรือข่มเหงได้เหมือนทุกครั้ง
“อย่าดื้อกับพี่ให้มากนักสิ…”
“…”
“เพราะตอนพริกเจ็บ
พี่เองก็เจ็บเหมือนกัน…”
เวลาต่อมา…
สุดท้ายอ้ายกอล์ฟก็พาฉันออกมาจากโรงพยาบาลดังกล่าว
โดยใช้สิทธิ์ที่เขามีในการขู่บังคับและแสดงความเผด็จการ พาฉันกลับมาที่หอพักของเรา ตลอดเส้นทางกลับหอ เราไม่พูดอะไรกันเลย จนกระทั่งตอนนี้
ตอนที่เรากำลังเดินเข้ามาในหอพักพร้อมกัน
ตึก! ตึก! ตึก!
ฉันเดินตามหลังเขา
มองทุกๆ อิริยาบถและอดคิดไม่ได้ว่า ฉันเคยไปทำอะไรให้เขาแค้นนักหนา
หรือเพราะว่าฉันเป็นแฟนน้องชายของเขาแค่นั้น เลยทำให้เขาพานเกลียดไปด้วย บอกตามตรงว่าฉันตามอารมณ์เขาไม่ทัน
ไม่รู้จริงๆว่าในหัวของผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
วูบหนึ่งที่บางคำพูดของเขาแสดงความเกลียดชังที่มีต่อน้องชายและฉันออกมาให้เห็น
แต่ในมุมกลับกัน ฉันก็รู้สึกเหมือนกับว่าสิ่งที่อ้ายกอล์ฟพยายามนั้นมันตรงกันข้าม บางคราวเขาทำเหมือนกำลังสนุกกับการล้อเล่นบนความรู้สึกของฉันมากกว่า
ทุกครั้งเขาดูสะใจและพอใจที่ได้ทำเช่นนั้น แต่ว่า เขาก็ดูเศร้าไปในคราวเดียวกัน...
‘พี่รักพริกนะ…’ ฉันไม่เข้าใจความหมายที่เขาพูด
โดยเฉพาะกับประโยคสุดท้าย
‘เรื่องไอ้ก็อตเนี่ย
ดูรีบร้อนเหลือเกินนะ… ที่เรื่องของพี่ชาติกว่า
ก็ยังช้าเป็นเต่าคลาน…’
‘เพราะตอนที่พริกเจ็บ
พี่ก็เจ็บเหมือนกัน…’ คำถามมากมายที่ประดังเดเข้ามา
มันเริ่มทำฉันทนไม่ไหวต่อความรู้สึก ยิ่งเราไม่พูดกันเลยฉันก็ยิ่งรู้สึกเหมือนบรรยากาศรอบตัวกำลังกดดันให้ฉันเป็นบ้ากับอารมณ์ที่หลากหลายของผู้ชายใจร้ายตรงหน้า
ฉันไม่ได้สับสน
แค่อยากรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร บางทีถ้ารู้ ฉันอาจจะช่วยเขาแก้ไขมันได้
ฉันคงทนอยู่ในสภาวะอึดอัดแบบนี้ต่ออีกได้ไม่นานนักหรอก
“อ้ายกอล์ฟ…” รู้อีกที ปากก็กำลังขยับเรียกชื่อเขาออกไปพร้อมกับคำถามมากที่มี “อ้ายยะกับหนูจะอี้เพื่อจะใด”
คำถามของฉันสิ้นสุดลง
ในวินาทีที่ประตูห้องพักถูกอ้ายกอล์ฟไขกุญแจเปิดเข้าไป
แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเลี่ยงตอบคำถามหรือเดินกลับเข้าไปในห้องทีเดียวหรอกนะ คนตัวใหญ่เหลียวมองฉันที่เอาแต่ยืนนิ่งแบกรับทุกข้อสงสัยเอาไว้ในหัว แต่ครู่สั้นๆ เขาก็ยิ้มออกมา
แล้วเอ่ยปากเชิญชวน ซึ่งไม่ได้ตรงกับสิ่งที่ฉันต้องการเลยสักนิด
“เข้ามาในห้องก่อนสิ”
เขาเปลี่ยนเรื่องอีกแล้ว...
“ไม่ค่ะ หนูจะยืนตรงนี้” ฉันบอกเขาด้วยเสียงที่หนักแน่น แต่คนฟังกลับไม่ยักไม่แสดงสีหน้าหรือท่าทางโมโหร้ายออกมาให้เห็นเลยสักนิด
เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเองคล้ายกับเหนื่อยหน่ายที่จะต่อปากต่อคำ
นัยน์ตาคมกลอกไปมาเมื่อฉันเริ่มแสดงความกบฏใส่
“อ้ายกอล์ฟไปยะหยังที่โรงพยาบาลเจ้า?” ฉันฉวยโอกาสยิงคำถามแรกออกไป เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมปริปากตอบโต้ “ทำไมทุกครั้งที่หนูจะไปไหนมาไหน หนูจะต้องป๊ะหน้าอ้ายกอล์ฟตลอด…”
ครั้งนี้คนถูกถามเริ่มแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ออกมาให้เห็น
เขาหลุบตาลงพร้อมทั้งถอนหายใจคล้ายกับเหนื่อยหน่ายอะไรบางอย่าง และเมื่อเขายอมช้อนตามองฉันอีกครั้ง
หัวใจก็คล้ายกับถูกบีบ
แววตานิ่งๆ
ไร้ซึ่งความรู้สึกใด ต่างจากรอยยิ้มร้ายๆ ของอ้ายกอล์ฟยังคงกดดันความรู้สึกฉันได้ทุกครั้ง
“ก็ได้ยินหมดแล้วไม่ใช่หรือไง?” มิหนำซ้ำเขายังย้อนถาม “แล้วยังจะถามทำไมอีก?”
“หนะ หนูไม่รู้…” ปากขยับออกไปแบบนั้น ทั้งที่จิตใต้สำนึกรู้ดี
ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลมันคืออะไร
‘มาเยี่ยมก็อตเหรอ?’
‘ดอกไม้เนี่ย
กอล์ฟก็เอามาเยี่ยมก็อตใช่ไหม…’ ทั้งที่รู้
แต่ฉันก็ยังอยากได้ยินจากปากของเขาอยู่ดี ‘ยอมรับความจริงได้แล้วว่าตัวเองน่ะ
ไม่ได้เกลียดน้อง กอล์ฟห่วงก็อตมาก ทำไมไม่ยอมรับความจริงสักที’
“หนูไม่ได้ยินอะไรสักหน่อย…” เสียงหัวเราะหึดังขึ้นทันที ก่อนที่มันจะค่อย เปลี่ยนไปกลายเป็นเสียงหัวเราะที่ฟังเหมือนตลกอะไรนักหนา
คนตัวสูงทุบมือลงกับขอบประตูห้องเบาๆ คล้ายกับจะระบายความตลกนั่นออกไป
กลับกลายเป็นฉันเสียเองที่ต้องขมวดคิ้วมองการกระทำดังกล่าวของคนตัวใหญ่อย่างไม่เข้าใจ
“อ้ายกอล์ฟ… หัวเราะอะหยัง?”
“พริกไง” เขาตอบเสียงติดหัวเราะ และหยุดเสียงลงได้ในวินาทีนั้นราวกับเปิดปิดสวิตซ์ “กำลังหวังอะไรจากคำตอบพี่อยู่งั้นเหรอ?”
คำถามแทงใจทำฉันนิ่งพูดอะไรไม่ออก มันเหมือนว่าเขาอ่านความคิดฉันออกอยู่ตลอดเวลา จนไม่รู้จะตอบโต้กลับไปอย่างไร จนกระทั่งเขาหลุดพูดประโยคหนึ่งออกมา
“พริกอยากให้พี่พูดเหรอ...ว่าตอนนี้ไอ้ก็อตมันนอนป่วยใกล้ตายอยู่ที่โรงพยาบาล?”
To Be Continued...
ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%
1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย
ติดแท็กในทวิต #ผู้ชายสายโจร
ความคิดเห็น