อากาศเย็นสบายของคืนเดือนหงายเป็นอะไรที่เขาชอบที่สุด ไม่ว่าจะสายลมอ่อนๆจากนอกคฤหาสน์ที่พัดเข้ามาทางหน้าต่าง เสียงสัตว์ดล็กสัตว์น้อยดังก้องป่าหรือแม้กระทั่งกลิ่นหอมหวานของเลือด
แก้วใสรูปทรงหรูถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากแดงตัดกับผิวขาวซีดของเหลวเกือบครึ่งแก้วหายเข้าปากเรียวเป็นกระจับสวยไปจนหมดสิ้น ดวงตาสีแดงฉานจ้องมองเข้าไปในป่าหลังคฤหาสน์ด้วยความเพลินตา เนื่องจากเขาเป็นแวมไพร์การเพ่งมองสิ่งต่างๆในความมืดจึงไม่มีอุปสรรคใดๆมาขวางกั้นได้ นกฮูกสีขาวสะอาดตัวหนึ่งที่เขากำลังจ้องอยู่เหมือนจะรู้ตัวและบินหายไปพร้อมกับสายลมเอื่อย เป็นเวลานานแล้วตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินพัค จีฮุนได้แต่นั่งอยู่กับที่ตรงระเบียงห้องนอนโดยไม่คิดจะขยับไปไหน
ตีสองกว่าแล้วเหรอ
เหลือบมองนาฬิกาบนผนังห้องนอนก็พบว่าตัวเองนั่งอยู่กับที่มาจนแทบจะขึ้นวันใหม่แล้วถึงอย่างนั้นร่างเล็กของแวมไพร์ก็ไม่คิดจะลุกไปไหนเลย มันน่าเบื่อมากกับการรอให้เช้าวันใหม่มาเยือนและรอยามเย็นมาบรรจบตลอดชีวิตเกือบร้อยปีของเขามีเพียงความว่างเปล่าเพราะไร้ซึ่งหน้าที่การงาน ได้แต่นั่งๆนอนๆใช้สมบัติอันตกทอดกันมายาวนานไปวันๆ
ร่างเล็กกำลังตัดสินใจว่าจะเดินกลับเข้าห้องไปนอนหลับตาสักหน่อยถึงแม้ว่าจะไม่สามารถหลับได้จริงๆ ขาทั้งสองข้างต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงอันเกิดจากการเคลื่อนไหวดังขึ้นในบริเวณป่าที่ไม่ไกลจากคฤหาสน์นัก เขาหันกลับไปมองกิ่งไม้สูงโดยรอบซํ้าแล้วซํ้าเล่าก็ไม่มีวี่แววของตัวอะไรเลยสักนิดสงสัยลมคงพัดหรือไม่ก็หูฝาดไปเอง
และได้รู้ความจริงเมื่อสัตว์ชนิดหนึ่งโฉบเข้ามาทางหน้าต่างด้วยความรวดเร็ว เปลวเพลิงสีแดงส้มแผ่กระจายอยู่รอบตัวของมันจนมีอานุภาพมากพอจะทำให้แวมไพร์ตัวเล็กแสบผิวได้ ดวงตาคมดุจเหยี่ยวเมี่ยงมองมาทางจีฮุนที่ตอนนี้ยืนนิ่งอยู่กับที่และกำแก้วในมือไว้แน่น
“มาทำไมอีกวะ”เสียงกระซิบเอ่ยขึ้นท่ามกลางความมืด เจ้านกฟีนิกซ์ที่กำลังบินว่อนอยู่ในห้องนอนโฉบลงตํ่าและกลายร่างเป็นชายหนุ่มร่างสูง เรือนผมสีนํ้าตาลออกส้มปล่อยแสงออกมาเฉกเช่นตอนเป็นนกดวงตาสีคาราเมลมองดูเด็กตรงหน้าที่ตอนนี้โตขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ
“ฉันอายุพันกว่าปีนะให้เกียรติกันหน่อย”นํ้าเสียงโทนทุ้มตํ่าชวนให้หลงใหลเหมือนเดิมไม่มีผิดรวมถึงรูปกายตอนเป็นมนุษย์ที่ดูดีขึ้นเป็นสิบเท่าหลังจากไม่ได้เจอกันนานนับทศวรรษ จีฮุนมองร่างตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วถอนหายใจเบาๆ
เขาไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆฟีนิกซ์ตนนี้ถึงได้มากวนประสาทเอาตอนตีสองกว่าแต่ที่แน่ๆคือนํ้าเสียงหยิ่งยโสไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิดตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้
“แล้วมาทำไมนี่มันตีสองนะ”
“ไม่รู้สิ คิดถึงนายมั้ง”ไล ควานลินฟีนิกซ์ชั้นสูงเอ่ยเบาๆ เขามาจากตระกูลฟีนิกซ์เก่าแก่ที่สืบทอดมายาวนานและดูเหมือนจะเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลและอำนาจมากที่สุดเลยก็ได้ ปัจจุบันนี้ฟีีนิกซ์กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลกและเปิดเผยตัวตนให้มนุษย์ได้ทราบถึงสิ่งมีชีวิตอัศจรรย์ชนิดนี้้ เขาไม่มีวันหายไปจากโลกนี้เพราะอายุโดยเฉลี่ยของฟีนิกซ์จะอยู่ที่พันเจ็ดร้อยกว่าปีเมื่อถึงเวลาร่างกายจะมอดไหม้เป็นจุณและกำเนิดขึ้นใหม่อีกครั้ง และในวันนี้เขาตั้งใจจะมาหาจีฮุน
“คิดถึงอะไรของนาย กลับรังไปเลยนะ”ร่างเล็กชี้นิ้วไปทางหน้าต่างที่เปิดอ้ารับลมอยู่แต่ดูเหมือนควานลินจะไม่ฟังคำพูดเขาเลยสักนิด ร่างสูงเดินไปมาในห้องนอนก่อนจะนั่งลงบนเตียงนุ่มขนาดคิงไซส์
“นี่พี่ไงอย่าใช้คำเรียกให้ถูกหน่อย”ควานลินกอดอกพลางมองไปยังดวงตาสีแดงเยิ้มและถ้าดูไม่ผิดเหมือนมันจะส่อแววความโกรธออกมาเล็กน้อย
“กลับไป”พัค จีฮุนยืนนิ่ง ดวงตาแข็งกร้าวมองผู้บุกรุกตรงหน้าก่อนจะเบี่ยงเบนไปทางชั้นวางหนังสือเพื่อหลบสายตา
สายตาอันไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิดแม้จะผ่านมานานจนแทบลืมเรื่องทั้งหมด
“ขออยู่ด้วยแป๊บ--”
“บอกให้กลับไปไงเล่า!”แวมไพร์ร่างเล็กตวาดลั่นห้อง แก้วในมือถูกปาออกไปกระทบเข้ากับศีรษะของอีกคนจนเห็นหยดเลือดซึมออกมาเล็กน้อย ควานลินไม่อือหืออะไรกับการกระทำครั้งนี้เพียงแต่ลุกขึ้นและเดินเข้ามาหาจีฮุนในระยะที่ห่างพอสมควร ฝ่ามืออุ่นยกขึ้นทาบบนผมสีดำสนิทค้างไว้อย่างนั้นนานหลายนาที ดวงตาสีอ่อนจ้องมองอวัยวะเดียวกันของอีกฝ่ายลึกลงไป
“...”
“ไว้มาหาใหม่นะ”สุดท้ายก็จบลงที่การเอ่ยลาเหมือนทุกครั้ง อุตส่าห์หายไปเกือบยี่สิบปีเพราะหวังว่าฐิติในใจของเด็กน้อยจะลดลงบ้างแต่เปล่าเลย มันยังคงมีอยู่ดหมือนเดิมไม่จางหายจนควานลินเริ่มท้อใจ เขารู้ดีว่าเคยทำอะไรเอาไว้บ้างมันไม่ง่ายเลยที่จะต้องตามเด็บกวาดเรื่องแย่ๆของตัวเองไม่ให้คนอื่นรู้สึกไม่ดี
ไม่ง่ายเลยจริงๆ
ร่างสูงกลับกลายเป็นฟีนิกซ์สีแดงส้มสง่างามอีกครั้งปีกทั้งสองพาตัวเองออกไปจากห้องนอนห้องนี้ ออกไปจากเขตคฤหาสน์หลังใหญ่ ออกไปให้พ้นหน้าแวมไพร์ตัวเล็กตามที่ต้องการ เปลวเพลิงลอยเด่นท่ามกลางเวหากว้างใหญ่พัดพาความรู้สึกไปไกลแสนไกลหวังเพียงแค่จีฮุนจะกลับมาคุยกับเขาเช่นเดิมแค่นี้ก็มากพอแล้ว
แต่ก็นะ...
แวมไพร์นี่โหดชะมัดปาแก้วทีเดียวหัวแตกเลยสงสัยคราวหน้าต้องระวังตัวสักหน่อยแล้ว
อีกแล้ว
ความคิดเห็น