คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Say : What you want?
- What you want? -
โทบิรามะตัดสินใจพาร่างไร้สติของสาวน้อยหน้าใสเข้าบ้าน วางหล่อนลงบนโซฟาตัวยาว
พร้อมหยิบยื่นให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะถอดรองเท้าหนังหุ้มข้อของหล่อนออกและเปิดบานหน้าต่างห้อง
เพื่อให้อากาศได้ถ่ายเทสะดวก
โทบิรามะเพิ่งสังเกตเห็นว่าหน้าผากหล่อนปูดบวมเท่าผลมะนาว คงเป็นต้องร่วงลงมาแล้วหัวฟาดพื้นแน่
ต้องรีบประคบเย็นและตามด้วยประคบร้อนเพื่อไม่ให้หน้าผาก หล่อนบวมเป่งมากกว่านั้น
เขาเดินหาผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาวหยิบออกจากกล่องกระดาษสีเทา ใกล้ตัว
เขาได้มันมาแล้วทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แต่ก่อนจะปฐมพยาบาล โทบิรามะรีบแต่งตัวให้เสร็จทันที
ตามหลักละครไทย ถ้าหากนางเอกตื่นขึ้นมาเจอพระเอกแต่งตัวชวนวาบหวิว ต้องส่งเสียงร้องกรี้ดสิบแปดหลอด ไม่สิ
คล้ายกินนกหวีดเข้าไปยี่สิบตัวมากกว่าเห็นจะได้ โทบิรามะหยิบน้ำแข็งออกมาจากตู้เย็นแล้วใช้ผ้าขนหนูห่อไว้
เพื่อสำหรับประคบเขาเดินตรงไปหาคาโอรุย่อตัวลงตรงหน้าหล่อนประคบเย็นให้อย่างเบามือ
โทบิรามะมองแสงแดดยามเย็นกำลังจุมพิตเรือนผมยาวสลวยของคาโอรุ เปลี่ยนเส้นไหม
ให้กลายเป็นความเย้ายวนใจ เลื่อนสายตามองหญิงสาวรูปหน้าด้านข้างของคาโอรุงดงามมาก ส่งปลายนิ้วเกลี่ยม่านผม
ออกจากใบหน้า เกี่ยวทัดหนังใบหู เมื่อให้ได้มองใบหน้าเนียนของหล่อนชัดราวกับซึมซับความงดงามทุกตารางนิ้วบน
ใบหน้า เส้นผมรวมบนบ่าข้างขวาเผยให้เห็นลำคองามระหง ทรวงอกกลมกลึงคล้ายมะพร้าวห้าวสองลูกกำลังเบียด
ดันเสื้อกล้ามด้านใน แม้จะทับด้วยเสื้อยีนส์แขนยาว
มันแสนเย้ายวนจนเขาอยากก้มลงไปซุกไซร้เนื้อนวลใต้ผ้าขาวสะอาด
“ อือ ” คาโอรุเปล่งเสียงครางเบาในลำคอ เริ่มรู้สึกตัว สติของหล่อนดับวูบไปนานแค่ไหนกัน?
ขยับกายช้าๆ เริ่มจากปลายนิ้วมือ แล้วเปิดเปลือกตามองคนตรงหน้ากว่าสายตาจะโฟกัสภาพตรงหน้าได้
ใช้เวลาร่วมเกือบสองถึงสามนาที หล่อนมองรอบตัวจนมาสะดุดหยุดตรงใบหน้าของโทบิรามะ พอดีกับปลายจมูก
ของหล่อนเกี่ยวกับปลายจมูกโด่งของเขาชนกัน ริมฝีปากบางของหล่อนห่างจากริมฝีปากหยักของเขา ไม่ถึงหนึ่งมิลลิเมตร
โทบิรามะรีบชิงถอยตัวออกหลบเพื่อรักษาระยะห่าง
“ จะทำอะไร ? ” คาโอรุขึ้นเสียงสูงแล้วกระโดดลงมาจากโซฟาตัวยาว ท่าทางซวนเซเล็กน้อย
โทบิรามะกำลังจะอ้าปากตอบ ส่วนหล่อนไม่อยากจะรับฟัง คาโอรุรีบคว้ารองเท้าหนัง ดาบคาตานะสีดำของตน
แล้วเดินดุ่มๆ ออกจากบ้านเขาทันทีโดยหารู้ไม่ว่า....
“ นั่นห้องน้ำ ” โทบิรามะพูดขึ้น หล่อนชะงักแล้วหันไปมองโทบิรามะเล็กน้อย
โทบิรามะชี้นิ้วไปอีกทางบ้านคล้ายเป็นป้ายบอกทางให้หล่อนออกไปจากบ้านเขาได้เสียที
“ ขอบคุณ ” หล่อนบอกเขาแล้วเปิดประตูบ้านเดินออกไป
เสียงประตูบ้านปิดลงโทบิรามะถึงกับต้องถอนหายใจ มันก็น่าเป็นห่วงหล่อนอยู่หรอกท่าทางเหมือนคนไม่ค่อยจะเต็มเต็ง
มิน่าละ พี่ชายเขาถึงได้ดูเป็นห่วงเสียเหลือเกิน
แม้มีโอกาสที่จะเอ่ยปากชวนให้หล่อนได้อยู่พักค้างแรมสักคืนสองคืน หรือจะสามวันสองคืนก็ย่อมได้
เพื่อเก็บแรงไว้สำหรับเดินทางกลับเกาะจันทร์เสี้ยว แต่ลองดูจากทรงแล้ว…หล่อนคงไม่ต้องการ
โทบิรามะจึงปิดล็อคประตูบ้านลงกลอนอย่างดีทั้งประตูด้านใน หรือจะรั่วบ้าน เพื่อไปบ้านใหญ่ในทันที
นอกจากการจะจัดเตรียมการพักผ่อนให้ความสะดากสยายแก่คาโอรุ โทบิรามะเองก็ต้องก่ารเช่นเดียวกัน
เอกสารยังกองเป็นตั้งคอนโด ไม่มีวี่แววว่าจะหมด หายไปภายในวันสองวัน
แถมในวันไม่กี่วันข้างหน้าฮาชิรามะ โทบิรามะต้องเข้าประชุมพันธมิตรนินจาเสียแล้ว
สุดยอดการประชุมลับระดับชาติ รวบรวมเหล่าผู้นำแต่ละแห่งจะมานั่งรวมตัวกัน ในห้องสี่เหลี่ยมสีขาว
ถูกจัดตกแต่งออกมาในแนวโมเดิร์น ทั้งความทันสมัยและเป็นระเบียบ ที่สำคํญที่สุดต้องเป็นสถานที่ๆน้อยคนจะรู้จักกัน
ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความปลอดภัยของผู้นำทุกท่าน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะถูกเก็บเป็นความลับ
การประชุมครั้งนี้เหมือนกับครั้งก่อนๆ มีทั้งผู้นำนินจาจากทั้งห้าแคว้นใหญ่และตามด้วยองครักษ์ ผู้ติดตาม
เลขาของบรรดาคาเงะทั้งห้ารออยู่ในห้องประชุมนั้นด้วย ยกเว้นแต่ผู้นำและเลขา สามารถเข้าประชุมหมู่บ้านละ
ไม่เกินสองคน โทบิรามะก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน
“ รู้สึกว่าท่านมิซึคาเงะกำลังจะทำสงครามนะ ” ไรคาเงะพูดขึ้น
“ ใช่ กับพวกคนป่าบนเกาะจันทร์เสี้ยว ดินแดนที่ไม่มีใครเคยเข้าไปสำรวจมาก่อน ไม่สิฉันส่งคนไปแล้วไม่มีใครรอด
กลับมาสักราย ” มิซึคาเงะตอบพร้อมทั้งยกตัวอย่าง
“ พวกคนป่าไม่เคยได้เข้าร่วมกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อืม ว่ากันว่าแม่ทัพที่นั่นมีฉายาเหมือนกันนะ
ถ้าจำไม่ผิดก็คงเป็นเทวีแห่งสงคราม” สึจิคาเงะพูดต่อพลางเกาคางใช้ความคิด
“ เทวี... ผู้หญิงอย่างนั้นรึ ? ” ไรคาเงะใคร่รู้
“ ยังสาวแถมสวยอีกด้วย ” มิซึคาเงะมีหัวเราะเบาๆ เขาไม่อยากจะหัวเราะลั่น
มิซึคาเงะทำสงครามกับผู้คนบนเกาะจันทร์เสี้ยวมาหลายสมัย ตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษส่งต่อมายังรุ่นของเขา
ส่วนมากแม่ทัพมักจะเป็นเพศชายเสียมากกว่า เพราะผู้หญิงไม่น่าจะมีความสามารถทางด้านนี้มากนัก
และในเมื่อมีแม่ทัพเป็นผู้หญิง มิซึคาเงะคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องยาก ในการทำสงครามเพื่อขยายอาณานิคมของแคว้นคิริงาคุเระ
“ พวกท่านกำลังจะ...” ฮาชิรามะไม่อยากพูดเยอะ เข้าใจเป็นอย่างดีเลยว่าทุกแคว้นต่างพากันจะยกทัพ
ไปตีเกาะจันทร์เสี้ยวแห่งนั้นโดยเฉพาะท่านมิซึคาเงะ ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับอาณาเขตเกาะจันทร์เสี้ยวมากที่สุด
จากวันนั้น… ฮาชิรามะได้นำบัตรประจำตัวนินจาซึ่งได้รับมาจากคาโอรุอีกที เขานำไปตรวจสอบ
ทำการเช็คจากทะเบียนราษฎร พบว่า พวกคนเหล่านั้นมีตัวตนจริงๆ และไม่นานก่อนหน้านั้น กลุ่มคนเหล่านั้น
เดินทางกลับหมู่บ้านในสภาพครบสามสิบสอง
ทว่าพวกเขาไม่มีใครพูดจารู้ศัพท์ทราบเรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น หรือจดจำเหตุการณ์บนเกาะได้เลยสักคน
กลับกลายเป็นคนวิกลจริต สติไม่ดีกันเป็นแถวๆ จึงเป็นเรื่องยากที่จะสอบถามข้อมูลจากเกาะจันทร์เสี้ยว
จากปากผู้คนที่กลับออกมา
ฮาชิรามะประเมิณว่า… คงเป็นคาถานินจาบางอย่าง ปิดปากไม่ให้คนภายนอกรู้ ในใจลึกๆกลับคิดว่า
ผู้ที่ออกคำสั่งให้ใช้คาถานินจานี้คงมีความโหดเหี้ยมพอตัวอย่างแน่นอน
“ ฉันก็อยากได้ดินแดนส่วนนั้น ซึนะงาคุเระมีแต่ทะเลทราย ไม่มีผลผลิตทางการเกษตรเหมือนแคว้นอื่นๆ
ซ้ำประชากรต่างเยอะขึ้น ต้องขยับขยายแบ่งไป ” คาเซะคาเงะพูดความประสงค์ของตนให้เหล่าคาเงะทั้งหมดได้ฟัง
“ ท่านมิซึคาเงะพูดมาซะขนาดนี้ ฉันเองก็อยากจะได้ยลโฉมของเทวีแห่งสงครามแล้วสิ ” ไรคาเงะชักเริ่มสนใจ
“ ฉันละก็อยากเห็นหน้าแม่ทัพเจ้าของฉายามาเหมือนกันนะ เอาเป็นว่าแคว้นไหนสามารถบุกตีเกาะ
จันทร์เสี้ยวแตกได้ แคว้นนั้นจะได้เกาะจันทร์เสี้ยวไปครอง! ” ซึชิคาเงะรีบเสนอก่อนที่ทุกคนจะทะเลาะกัน
แล้วกลายเป็นสงครามกับทุกแคว้นอย่างยาวนานเหมือนสมัยก่อน
หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดคาเงะ ฮาชิรามะ โทบิรามะ นินจาหล่วยลับฝีมือดี เดินทางกลับโคโนฮะ
พวกเขาแบกรับความไม่สบายใจกลับติดตัวมาด้วย ฮาชิรามะไม่เห็นด้วยกับการทำสงครามกับผู้คนบนเกาะจันทร์เสี้ยว
แห่งนั้น เขาได้แต่นั่งฟังการสนทนาอย่างออกรสของผู้นำคนอื่นๆ อาจจะเป็นเพราะเขาขยาดกับสงครามแล้วก็เป็นได้
อีกอย่างก็เคยได้ยินผ่านหูมาว่าไม่มีใครสามารถทำศึกสงครามชนะ
ผู้คนจากเกาะจันทร์เสี้ยวได้ ซึ่งเรื่องนั้นก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ?
“ โทบิรามะ เราต้องรีบไปแจ้งข่าวให้พวกคนที่เกาะทราบ ไม่อย่างนั้นพวกคนบนเกาะจะลำบากแน่! ”
ฮาชิรามะนึกถึงใบหน้าหวานของคาโอรุขึ้นมาเป็นอย่างแรก เขาทราบดีเรื่องสงครามและผลเสียที่ตามมาทากนับไม่ถ้วน
“ ช่างเขาสิ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราเลย ” โทบิรามะไม่อยากยื่นมือเข้าไปยุ่ง ณ เวลานี้ “ อย่าชักใบให้เรือเสียสิ ”
อีกย่างตอนหล่อนมาพูดคุยเรื่องของหมู่บ้าน ก็พูดจาใหญ่โตนักเชียว ฟังจากปากที่หล่อนพูดแล้วไม่ได้หวาดกลัว
หวั่นใจแต่อย่างใด หากว่าโคโนฮะอยากจะทำสงคราม หรือจับมือพันธมิตรร่วมกันตีหมู่เกาะจันทร์เสี้ยวให้แตก
ย่อยยับในพริบตา
ตอนนี้พวกเขากำลังขับเคลื่อนหมู่บ้านแบบนี้ พัฒนาในส่วนตั่งต่างก็ดีอยู่แล้ว
จริงๆโทบิรามะอยากบอกฮาชิรามะว่า เขาควรเลือกใช้เวลายุ่งเรื่องชาวบ้านไปแก้ไขปัญหา พัฒนาเรื่องอื่น
จะเข้าท่ามากกว่า
“ โทบิรามะขอร้องเห็นแก่พี่เถอะ”
“ ไม่เอาน่าท่านพี่ ”
“ โธ่ โทบิรามะฉันขอละนะ ” ฮาชิรามะเซ้าซี้โทบิรามะเล็กน้อย
“ ท่านพี่ก็เป็นแบบนี้อยู่ตลอด อย่าหาเหาใส่หัวนักเลย! ”
“ โทบิรามะที่ฉันรู้จักไม่แล้งน้ำใจแบบนี้เลยนะ ”
“ ท่านพี่! ”
“ ช่วยทำให้ท่านพี่คนนี้สบายใจฉันสักเรื่องได้ไหม? ”
“ แล้วที่ผ่านมาไม่สบายใจนักเลยหรือไง? ” ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่ชายของเขาไม่เคยสบายใจเลยหรือไง?
“ โธ่ โทบิรามะ หน่านะ นะนะนะ ” ในเมื่อใช้มุขนี้ไม่ผ่าน ฮาชิรามะก็งัดแผนสำรองขึ้นมาทันที
รับรอง รับประกันเลยว่าหากโทบิรามะเจอไม้นี้เข้าไปคงจอดไม่แจวอย่างแน่นอน!
“ เออ ก็ได้ ท่านพี่เลิกทำหน้าแบบนั้นเสียที! ” โทบิรามะไม่เข้าใจทำไมพี่ชายตนถึงได้ทำตาวิ้งๆ
คิดว่าตัวเองเจ้าเหมียวพุซอิทบู๊ทส์ ออดอ้อนอยากให้ตามใจก็ไม่รู้ ฮาชิรามะขำคิกคักกับตัวเอง แผนการออเซาะ
เป็นลูกแมวน้อยใช้ได้และได้ผลมาตลอดกับโทบิรามะ ดังนั้นแผนนี้จึงเป็นจุดอ่อนของโทบิรามะเลยก็ย่อมได้!
โทบิรามะทนเสียงฮาชิรามะรบเร้าไม่ไหว ไม่ว่าจะหนีกลับบ้านของตน
ฮาชิรามะก็โผล่เข้ามานอนกลิ้งขลุกๆบนเตียงเสียงดังโครมคราม หรือจะโผล่ออกมาจากห้องน้ำ
ตอนโทบิรามะกำลังปลดทุกข์เบา ยืนหันหน้าเขาโถติดผนังสำหรับผู้ชาย
ความอดทนของโทบิรามะถึงขีดสุดทนความสามารถพิเศษตื้อ(ครองโลก)ของฮาชิรามะไม่ไหว
จนต้องเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า(จนได้)และออกเดินทางไปในที่สุด
การเดินทางไปยังเกาะจันทร์เสี้ยวใช้เวลาเกือบสองวันเต็มๆ ไหนจะทางบกและทางน้ำ
เกาะจันทร์เสี้ยวอยู่ใกล้หมู่บ้านคิริงานคุเระก็จริง แต่ตัวเกาะนั้นล้อมรอบไปด้วยผืนน้ำ ต้องต่อเรือเข้าไปอีกพอสมควร
ทำให้โทบิรามะต้องต่อเรือแล้วค่อยเดินเท้าเข้าไปอีกที แลดูแล้วการเดินทางนั้นค่อนข้างยากลำบาก
ไม่ได้ลำบากธรรมดาแต่ โคตรลำบากเลย!
ยิ่งเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวเดินทางเดี๋ยวน้ำ เดี๋ยวบก จากดินแดนไกลแสนไกล ตรงมายังหมู่บ้านโคโนฮะ
โทบิรามะถอนหายใจ มองมุมกลับกัน ถ้าหากเป็นเรื่องของโทบิรามะ ถ้าไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรนัก คอขาดบาดตาย
เขาก็ไม่อยากเดินทางนัก เมื่อเดินเท้าจนมาถึงชายฝั่งแล้ว
โทบิรามะเดินชายเข้าป่าอย่างสบายๆ ไม่มีแม้แต่สายลมพัดผ่านหรือจิ้งหรีด สัตว์ป่าส่งเสียงร้องสักหนึ่งเสียง
อากาศรอบตัวค่อนข้างร้อนอบอ้าว ชวนให้อยากถอดเสื้อผ้า ซ้ำอากาศยังไม่ถ่ายเทเสียอีกด้วย
ทำให้โทบิรามะต้องระวังตัวอยู่ในโหมดพร้อมไฝว้ตลอดเวลา
เปราะ
หูข้างซ้ายได้ยินเสียงกิ่งไม้แห้งหักเป็นสองเสี่ยงจากทางด้านหลัง ห่างออกไปราวๆสามเมตร
โทบิรามะชะงักพร้อมกับกวาดตามองรอบตัว วินาทีสั้นๆเขารีบหาที่ซ่อนตัว ภายในทันทีด้วยความว่องไว
เสือโคร่งสีขาวลำตัวสูงใหญ่เกือบสองเมตรกระโจนตัวเข้าหาโทบิรามะ
ถ้าหากว่าโทบิรามะช้ากว่านั้นเพียงวินาทีเดียว เขาอาจจะกลายเป็นอาหารอันโอชะไปเสียแล้ว
ตัวจ๋า…. หัวอาจจะลาก่อนก็ได้
โทบิรามะไม่อยากเสียเวลา เขามีหน้าที่แค่แจ้งข่าวให้กับผู้นำของเกาะจันทร์เสี้ยวทราบเรื่อง แล้วก็กลับไปเท่านั้น
อีกอย่างเขายังจำเรื่องของคาโอรุเข้ามาเตือนฮาชิรามะได้ดี พยายามไม่เผลอพลั้งมือทำร้ายหรือสังหารสัตว์ป่าตัวใด
อย่างเด็ดขาด แม้อีกฝ่ายต้องการจะกุกหัวของเขาก็ตามแต่
ดังนั้นเขาเลือกที่จะถอยและไม่ต่อสู้หรือทำร้ายสัตว์ทุกตัว!
“ ไม่ ฉันไม่เป็นพันธมิตรกับใครทั้งนั้น ฉันมาที่นี่เพื่อเตือนคุณ หากคุณยังไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อย่างที่ว่า
อย่าหาว่าฉันไม่เตือน ... หวังว่าฉันพูดรู้เรื่องนะ? ” ลองคิดและไตรตรองคำพูดของคาโอรุอีกครั้ง
เขาเดาว่าหล่อนคงต้องเตรียมกองกำลังหรืออะไรสักอย่างเพื่อป้องกันการบุกรุกชายป่า อย่างแน่นหนามากขึ้นแน่ๆ
โครม
โทบิรามะโยกตัวหลบทัน หันไปประจันหน้ากับแรดยักษ์ลำตัวสูงใหญ่กว่าสองเมตรครึ่ง
ทั้งแรดและเสือตั้งท่าจะขย้ำ ใส่โทบิรามะพร้อมกัน เขามองสลับระหว่างทั้งเสือโคร่งขาว แรด สัตว์สองตัวนี้
ดักหน้าและหลังปิดโอกาศหลบหนีทั้งสองช่องทาง เพียงแค่โทบิรามะหลบแรดด้านหน้า เสือโคร่งขาวก็จะกระโจนใส่เขา
ถ้าเขาหลบเสือโคร่งขาวได้ แรดตรงหน้าจะเข้ามาขวิดเขาทันที โทบิรามะสามารถชักดาบคาตานะออกจากฝักข้างเอว
ทำการสังหารสัตว์ทั้งสองได้ภายในพริบตา แต่เขาเลือกไม่ทำอย่างนั้น
“ สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ ” บทแผ่เมตตาต้องเข้าแล้วละวะ!
เสียงร้องพร้อมเสียงวิ่งดังตึงตังของวัตถุบางอย่างเคลื่อนที่เข้ามาใกล้
หากฟังด้วยเสียงพอเดาได้ว่ามีขนาดใหญ่ มหึมา การลงจังหวะเท้านั้นมีมากกว่าสอง ตั้งใจฟังดีๆ นับได้ราวๆสี่ข้าง
โทบิรามะกรอกตามองต้นตอของเสียงแม้กายจะไม่ขยับเขยื้อน ช้างป่าลำตัวขนาดเกือบถึงสี่เมตร
วิ่งปรี่เข้ามาด้วยความเร็วสูง มันชูงวงขึ้นฟ้าเพื่อจะใช้ฟาดลงมาใส่โทบิรามะในระยะสองเมตร คงไม่พ้นเป็นการชาร์ตอัลติ
ขั้นสูงสุด ราวกับว่าเป็นลาสช็อต!
“ เชี่ย หรือว่าสวดผิดบทวะ? ” โทบิรามะถึงกับอุทาน
หรือว่าเขาควรจะแผ่เมตตาให้ตัวเอง
‘อะหัง อะเวโร โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง ’
พอลองคิดดูอีกที หรือจริงๆ มันควรจะสวดตอนจบไปเลยดีวะ?
‘ สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ
ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด ’
เออ งั้นเล่นตอนจบ ‘กรวดน้ำ’ ไปเลยละกัน!
( ไรท์ชิว: ข้ามขั้นตอนไปอีก!)
ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ก่อนที่โทบิรามะต้องชักดาบออกจากฝัก การมาของใครบางคน ร่างของชายฉกรรจ์
ตัวสูงโปร่งราวๆหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรต้นๆ หุ่นกายล่ำสันอัดแน่นด้วยกล้ามเนื้อ สมชายชาตรีพอๆกับโทบิรามะ
เขามีเส้นสีผมแดงเพลิงยาวสลวยถึงกลางหลังรวบเก็บผมเป็นหางม้าเพื่อความคล่องตัว สวมชุดฮากามะในส่วนของเสื้อ
สีขาวสะอาด กางเกงสีเทาเข้มรองเท้าสานแบบเรียบง่าย ซึ่งก็ไม่ได้เหมาะสำหรับเดินป่าเท่าที่ควร
“ เป็นอะไรกันหมดละเนี่ย ทำไมพวกเจ้าถึงได้รุนแรงกันแบบนี้ละ? ” เขาถามพวกสัตว์ป่าเหล่านั้น
“ ระวัง! ” โทบิรามะเตือน
โทบิรามะเห็นช้างป่ากำลังจะฟาดงวงแล้วแทงซ้ำด้วยงาคู่คม ยาว ทั้งสองข้าง กระทืบเท้าด้วยน้ำหนักตัวอีกหลายตัน
เล่นงานสังหารทีเดียวจอด ใส่ชายตรงหน้าอยู่รอมร่อ ชายตรงหน้ากลับนิ่งสงบ เยือกเย็น เพียงแค่ยกมือซ้ายขึ้นมาปราม
กลางอากาศเท่านั้น
“ ใจเย็นหน่อยนะพ่อหนุ่ม ” เขาพูดสั้นๆ
โทบิรามะรู้สึกเหมือนว่าชายตรงหน้าของเขานั้นได้ปล่อยฮาคิ หรือกระแสจิตพลังอะไรสักอย่างออกมา
ซึ่งเขาไม่สามารถตรวจจับกระแสพลังงานเหล่านั้นได้ ดวงตาสีทับทิมสดของเขามองเห็น จากช้างป่าท่าทีดุร้ายคล้ายตกมัน
กลับเปลี่ยนท่าทีไปอย่างดื้อๆ จากช้างป่าดุร้ายย่อตัวลงนั่งกับพื้นและก้มหน้าต่ำ
ส่งเสียงร้องในลำคองอแง กลายเป็นลูกช้างดัมโบ้ตัวน้อยๆ
“ ตรงนี้ข้าจะดูแลต่อเอง พวกเจ้ากลับไปพักผ่อนเถิดนะ ” ชายปริศนาบอกกับสัตว์ป่าเหล่านั้น
ส่งฝ่ามือซ้ายวางลงบริเวณส่วนเหนือดวงตา ลูบฝ่ามือลงบนหน้าผากช้างป่าด้วยความอ่อนโยนเบาๆสี่ถึงห้าหน
แล้วยกมือออก และพวกสัตว์ต่างพากันอันตธานหายไปในป่าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
“ ท่านคงเป็นนินจาแน่ๆ ” ชายปริศนาหันมาถามอย่างไม่แน่ใจ เขาเห็นโทบิรามะมีกระเป๋าสะพายด้านหลัง
ดาบคาตานะและซองใส่ดาวกระจายตรงต้นขาข้างขวา จึงเปลี่ยนท่าทีรีบระวังตัว
“ เปล่าไม่ใช่ ฉันมาเพียงส่งข่าวให้ผู้นำของเกาะจันทร์เสี้ยว ” โทบิรามะบอกถึงเจตนาในการมาของเขา
“ ส่งข่าว? ” เจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงเอียงใบหน้าด้วยความสงสัย
“ ใช่ ฉันต้องพบผู้นำของที่นี่ ท่านจะพาฉันไปพบได้หรือเปล่า? ” โทบิรามะถาม
“ ได้สิ แล้วข้าจะพาท่านไปพบท่านผู้นำ ข้าชื่อโอยามาดะ มีหน้าที่ดูแลสัตว์ป่าและผืนป่าแห่งนี้ ”
เขาเอ่ยแนะนำตัวด้วยความเรียบง่ายแถมส่งมือข้างขวา เพื่อทำการทักทายตามธรรมเนียมสากล
“ ฉันโทบิรามะ ”
“ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ท่านโทบิรามะ หากว่าท่านเป็นนินจา ข้าก็ไม่ติดอะไรหรอกนะ ” โอยามาะส่งรอยยิ้ม
อย่างเป็นมิตรให้เพราะกฎของนินจาคือไม่กล่าวแนะนำตัว โดยเฉพาะเรื่องของนามสกุลอย่างเด็ดขาด!
โทบิรามะไม่ได้ตอบคำถามเพราะโอยามาดะ รู้อยู่แล้วว่าโทบิรามะเป็นนินจาซึ่งเขาก็ไม่ปฏิเสธด้วยสิ
“ แล้วท่านชอบแคมปิ้งหรือเปล่า? ” โอยามาดะถาม
“ ชอบสิ ฉันชอบนะพักนี้ลุยงานเยอะไปหน่อยแทบจะไม่มีเวลาเหลือออกไปแคมปิ้งเลย ”
ไม่ว่าจะเป็นงานหลวงไม่ได้ขาด งานราษฎร์ไม่ให้เสีย โทบิรามะลุยหมดทุกอย่าง แม้จะแยกร่างออกมาสิคน
เพื่อจัดการกับงานทั้งหมด ก็แทบไม่ช่วย เพราะมีงานเข้ามาได้ทุกวี่วัน
โทบิรามะไม่รู้จักหรอกคำว่า ‘พักร้อน’ หรือ คำว่า ‘พักร้อน’ คืออะไร ทำไมไม่เคยเกิดขึ้นกับเขา!
“ ขอโทษนะ ที่นี่ไม่ค่อยมีแขกบ้านแขกเมือง ข้าอาจจะพูดมากไปหน่อย ” โอยามาดะหันมายิ้ม
แล้วเดินนำเส้นทางให้แก่โทบิรามะ
วินาทีนั้นโทบิรามะสบตากับโอยามาดะพอดี โครงหน้ารูปไข่สีคิ้ว สีผมเป็นสีแดงเพลิง ดวงตากลมโตสีแดงสด
จมูกเป็นสันคม โทบิรามะคุ้นเคยกับโครงหน้าแบบนี้อยู่เหมือนกัน โครงหน้าของโอยามาดะ
คล้ายกับโครงหน้าใครบางคนที่เขาเคยพบ...
“ นั่นสินะ ” โทบิรามะเข้าใจ สัตว์ป่าดุร้ายก็จริง
ถ้าโอยามาดะไม่โผล่เข้ามาโทบิรามะคงต้องชักดาบออกจากฝักเสียแล้ว อากาศร้อนอบอ้าวคล้ายมีฝนตก
โทบิรามะหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาซับเหงื่อพลางเงยหน้ามองท้องฟ้า พระอาทิตย์ทรงกลดเสียด้วย
และหันมองโอยามาดะจากทางด้านหลัง บอกตามตรงนะโทบิรามะเองก็ไม่ได้ไว้ใจโอยามาดะมากนัก
“ ใกล้ถึงตัวเมืองแล้วละข้าต้องแปลงเพศก่อน ” โอยามาดะบอกด้วยท่าทางล่อกแล่ก
“ แปลงโฉม ” โทบิรามะรีบแก้ให้ โอยามาดะหันมาหัวเราะแหะๆใส่ ล้วงมือเข้าไปหยิบแว่นตารูปทรงประลาด
ออกจากอกเสื้อด้านในขึ้นมาสวม ' ข้าต้องปลอมตัว' โอยามาดะพูดเบาๆจึงค่อยสวมแว่นมีกรอบสีดำ มีจมูกใหญ่
หนวดเหมือนคาวบอยสีดำเข้ม ซึ่งโทบิรามะเห็นว่ามันไม่ได้เข้ากับเสื้อผ้าของโอยามาดะ โทบิรามะเกือบหลุดขำลั่น
โอยามาดะไม่ได้ปลอมตัวให้คนอื่นจำไม่ได้
โทบิรามะควรจะบอกเรื่องนี้กับโอยามาดะดีไหมละเนี่ย?
ทั้งสองเดินเข้ามาถึงในเมือง โทบิรามะกวาดตามองและสำรวจ ทุกอย่างที่เขาสามารถมองเห็นได้
วิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ ไม่ต่างกับหมู่บ้านโคโนฮะของเขาเลย ตึกรามบ้านเมืองตั้งเรียง กันอย่างสวยงาม
มีระเบียบแบบแผนสลับกับมีต้นไม้คอยให้เงาร่มรื่นตลอดเส้นทาง
“ นั่นท่านโอยามาดะนี่! ” เสียงหนึ่งตะโกนผ่านโทบิรามะ
“ ไปเร็วท่านโทบิรามะ ” โอยามาดะหันมาเร่งให้โทบิรามะพร้อมออกวิ่ง
โทบิรามะมองตลอดทางทั้งสองฝั่ง เขาเห็นชาวบ้านต่างพากันแตกตื่นกับการมาของผู้ชายที่ชื่อ ‘โอยามาดะ’
เมื่อโอยามาดะและโทบิรามะเดินเร็วกึ่งวิ่งเบาๆ (วิ่งด้วยความเร็วผ่านไป)
โทบิรามะเริ่มสังหรณ์ใจไม่ถูก จนกระทั่งไปถึงกำแพงสีขาวสูงราวสามเมตร มองไม่เห็นด้านหลังกำแพงอีกฟาก
โอยามาดะรีบกระโดดลอยตัว ชูสองมือเหนือเส้นผมสีแดงเพลิง เกาะขอบหลังคากระเบื้อง ออกแรงจากต้นแขนล่ำ
เพื่อดึง ยกร่างของตนขึ้น ออกแรงจากสปิงข้อเท้าเพื่อเสริมแรงให้ลอยตัวกลางอากาศ เพื่อข้ามไปอีกฝั่ง
โดยไม่รอโทบิรามะไปพร้อมกัน
“ ท่านโทบิรามะเร็วเข้า ” โอยามาดะส่งเสียงตะโกนข้ามจากอีกฝั่งกำแพง
โทบิรามะส่ายหน้า ไม่เห็นด้วย เขาเลือกที่จะออกเดินไปอีกไม่กี่เมตรและเดินเข้าจากทางประตู
เพื่อไปพบโอยามาดะอย่างเงียบๆ เขาคิดว่าโอยามาดะปีนอย่างแบบนั้นยิ่งเตะตาคนมากกว่าเดินเข้าไปแบบเขา!
“ ท่านโอยามาดะ ท่านหนีไปเที่ยวที่ไหนอีก? ” เสียงของชายหนุ่มวัยเดียวกับโอยามาดะดังขึ้น
โอยามาดะถึงกับยืนตัวแข็งทื่อ คล้ายกับเด็กเล็กถูกจับได้ว่าแอบกินขนมในห้องเรียน
“ กึ๋ย! เรียวตะ.. ” โอยามาดะหน้าซีดในทันที
“ ทั้งๆที่ข้าปลอมตัวอยู่แล้วเชียว ทุกคนยังรู้ว่าเป็นข้าอีก! ” โอยามาดะเซ็งพร้อมถอดแว่นตากรอบดำออก
“ ท่านโอยามาดะขอรับ ” เรียวตะเห็นว่าโอยามาดะมีแขกมาด้วย ซึ่งเขาไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน
“ อ้อ นี่เรียวตะ ที่ปรึกษาของข้า แล้วนี่ท่านโทบิรามะ ” โอยามาดะบอกให้ทั้งสองคนรู้จักกันอย่างสั้นๆ
โทบิรามะค้อมตัวลงเล็กน้อย เรียวตะอายุไม่ต่างจากโอยามาดะ เขามีเส้นผมสีไวน์แดง ผิวดำคล้ำแดดอยู่ในชุดฮากามะ
เสื้อสีขาวสะอาด กางเกงสีน้ำเงินเข้ม ดูสุภาพและเรียบร้อย
“ เรียวตะวันนี้ข้ามีแขก คงไม่ได้ฟังเจ้าเทศนาชุดใหญ่หรอกนะ ”
“ ขอรับ ” เรียวตะโค้งตัวลงแล้วส่งผ้าขนหนูสีขาวในมือให้ผู้เป็นนาย และแขกของนายด้วย
โอยามาดะรับผ้าเย็นขนหนูสีขาว ขึ้นมาซับหน้าแล้วพาโทบิรามะเดินไปบนเรือน
“ ข้า ฟูจิวาระ โอยามาดะ ผู้นำของที่นี่ ไหนท่านมีเรื่องอะไรจะแจ้งหรือ? ” โอยามาดะ กล่าวแนะนำตัว
อย่างเป็นทางการอีกครั้ง หันมาถามโทบิรามะด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้เขาพาโทบิรามะเข้ามาอยู่ในห้องทำงานของตน ห้องสี่เหลี่ยมกว้างขวางเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้
ทุกอย่างไม่ได้หรูหราตระการตา มีเพียงแค่โต๊ะทำงานไม้สักกับเก้าอี้รับรองแขกเท่านั้น โทบิรามะเหลือบมองรอบ
ห้องสายตาสะดุดกับเจ้าเสือโคร่งขนสีทองนอนอยู่มุมห้อง มันปรือตาขึ้นมาดูเล็กน้อยแล้วหลับตาลงนอนต่อ
อย่างไม่ใส่ใจว่าใครจะมาเยี่ยมเยียน
“ มันก็ขี้เซาแบบนี้แหละ ” โอยามาดะบอก ไม่ให้โทบิรามะเกรงกลัวเจ้าเสือโคร่งมุมห้องตัวนั้น
โทบิรามะไม่ได้เกรงกลัวคิดว่าเสือโคร่งขนสีทอง คงเป็นสัตว์เลี้ยงของพวกเหล่าบรรดาคนมีฐานะทางการเงิน
“ ฉันจะบอกท่านว่า ...” โทบิรามะกำลังจะเข้าเรื่อง
ใบหูทั้งสองข้างได้ยินเสียงระหว่างทางเดินหน้าห้องดังมาแต่ไกล
“ ไม่ได้นะขอรับ ท่านโอยามาดะคุยงานอยู่ขอรับ! ” เสียงของเรียวตะดังขึ้นจากข้างนอก
“ ข้ามีเรื่องสำคัญกว่า! ” คู่สนทนาตอบกลับ
“ ให้ท่านโอยามาดะเสร็จธุระก่อนนะขอรับ! ” เรียวตะยิ่งปรามเสียงดังกว่าเดิม
“ ไม่ได้ ข้าต้องคุยเดี๋ยวนี้ ! ”
เรียวตะคุยเสียงดังกับใครสักคนหยุดตรงหน้าห้องพอดี แล้วตามด้วยเสียงกระแทกบานประตูห้องดังโครมใหญ่
“ ท่านพี่ ทัพของคิริงาคุเระกำลังจะมาถึงในไม่ช้า! ” หล่อนพูดเสียงดังฟังชัด
“ คาโอรุข้ามีแขก! ” โอยามาดะตอบเสียงนิ่งแอบแฝงด้วยความไม่สบอารมณ์ น้องสาวของเขาไม่มีแม้แต่มารยาท
ในการเคาะประตู!
“ ไม่ เรื่องนี้ด่วนกว่าและสำคัญต่อท่านมาก! ” เจ้าของนามคาโอรุพูดต่ออย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
รัวลิ้นพูดแบบไม่ให้โอยามาดะได้สวนกลับในตอนนั้น โทบิรามะมองสลับระหว่างโอยามาดะและคาโอรุ
นึกออกแล้วว่าโครงหน้า ของโอยามาดะทำไมถึงได้คุ้นตามากนัก โอยามาดะมีโครงหน้าคล้ายกับคาโอรุ
ทุกอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ราวกับฝาแฝด!
“ เรียวตะส่งแขก! ” คาโอรุถึงกับต้องกล่าวอัญเชิญ แขกออกไปเพื่อจะได้คุยกับโอยามาดะแบบส่วนตัว
“ คาโอรุ ข้าจะไม่พูดกับเจ้าจนกว่าเจ้าจะแต่งงาน! ” โอยามาดะไม่รู้จะพูดอย่างไรกับคาโอรุอีกแล้ว
ในตอนนี้คาโอรุทำเกินไป หน้าแถมยังไม่รักษาหน้าเขาอีกด้วย อีกอย่างโอยามาดะอยากคุยกับโทบิรามะมากกว่าคาโอรุ
“ ท่านพี่ เรื่องนี้มันคอขาดบาดตายนะ อย่ามาเปลี่ยนเรื่องหน่อยเลย! ” คาโอรุโวยวายลั่น
เรื่องของหล่อนไม่ยอมแต่งงานไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่เรื่องที่หลอ่นเกริ่นพูดไปแล้วนี่สิ สำคัญกว่าทุกอย่าง!
“ ไม่รู้ละ ข้าไม่ฟัง! ” โอยามาดะยกมือขึ้นมาทำท่าอุดหูของตนสองข้าง
‘เออ คุ้นๆ วะ’
โทบิรามะรู้สึกคุ้นเคยกับเหตุการณ์คล้ายๆแบบนี้ชอบกล เหมือนเขากำลังรับชมฮาชิรามะกับตนเองเถียงกันอย่างนั้น
แต่เป็นเวอร์ชั่นหนึ่งของอีกบ้านเท่านั้นเอง!
“ อย่ามายุ่งกับท่านพี่! ” เมื่อได้มองเห้นว่าแขกของโอยามาดะเป็นใคร ดังนั้นแล้วคาโอรุเข้าไปยืนขวาง
กั้นกลางระกว่างโอยามาดะกับอีกคน หล่อนชักดาบออกจากฝักชี้ปลายดายใส่หน้าโทบิรามะทันที
“ คาโอรุเจ้ากำลังเสียมารยาทอยู่นะ! ” โอยามาดะเห็นว่าครั้งนี้คาโอรุทำเกินไปแล้ว!
“ ไม่ ท่านพี่ ผู้ชายคนนี้เป็นเลขาของท่านโฮคาเงะ บอกจุดประสงค์ของคุณมา คุณมาทำอะไรที่นี่? ”
คาโอรุรายงานโอยามาดะเสียงแข็ง หล่อนจ้องโทบิรามะตาแทบไม่กระพริบตา ต้องระวังตัวจากโทบิรามะ
การที่โทบิรามะเข้ามาถึงจุดๆนี้ได้ เขาผ่านสามารถสัตว์ป่าดุร้ายเข้ามาได้อย่างนับไม่ถ้วนแสดงว่า
ฝีไม้ลายมือของเขาต้องไม่เบาเหมือนกันแน่ โอยามาดะมองสลับระหว่างโทบิรามะและคาโอรุ
ท่าทางของโอยามาดะเริ่มเปลี่ยน จากร่าเริงเข้าสู่โหมดนิ่งเงียบในบัดดล
โปรดติดตามตอนต่อไป....
5 ส.ค.2558
2 ก.ย. 2563
26 ก.ย. 2565
ความคิดเห็น